ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ไออุ่นของคิว : Chapter 8
8
“พี่ไออุ่นหึงผมเหรอครับ?”
หลังจากเราทั้งคู่เดินออกมาจากเซเว่นและตรงไปยังมอเตอร์ไซค์ของเขาน้องคิวก็โพล่งขึ้นมาจนฉันชะงักกึก
“ใครหึง?” ฉันพูดเสียงสูงอย่างมีพิรุธ “มั่ว”
น้องคิวหัวเราะในลำคอทำเอาฉันหันไปค้อนเขาทีหนึ่ง “เชื่อครับเชื่อ แต่ถ้าพี่ไออุ่นหึงผมผมจะดีใจมากเลยเพราะถือว่าผมเริ่มเข้าไปมีอิทธิพลต่อพี่แล้ว”
หรือว่าฉันจะหึงเขาจริงๆวะ ไม่หรอกนาฉันแค่ทำประชดฟ้าไปเท่านั้นแหละแต่เอ๊ะ...
“ที่เราชวนพี่ไปดูคอนเสิร์ตกัน ‘สองคน’ น่ะเอาเป็นว่าพี่ไปนะ
ช่วงนั้นว่างพอดี”
ภาพเหตุการณ์เมื่อก่อนหน้านี้ฉายชัดเข้ามาในหัว
ทั้งตอนที่ฉันกระชากแขนเขาเข้ามากอด ทั้งตอนที่ฉันใช้หน้าอกชนแขนเขา
นี่ฉันทำอะไร เอานมไปเบียดเขางั้นเหรอ?
อิไออุ่นเอ๊ย...นังผู้หญิงร่าน!
“พี่ไออุ่นเป็นอะไรครับหน้าแดงเชียว?” น้องคิวโผล่หน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับมองฉันตาแป๋ว
ฉันกลืนน้ำลายลงคอเมื่อเหตุการณ์นั้นฉายซ้ำอีกครั้งก่อนจะกระแอมเบาๆเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
“รู้จักฟ้านานแล้วเหรอ” ฉันเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “หมายถึงสนิทกันมากรึเปล่า?”
พูดถึงตรงนี้ฉันก็เริ่มหน้าบึ้งขึ้นมา ภาพที่ยัยฟ้ากุมมือน้องคิวอย่างสนิทสนมทำเอาอารมณ์ฉันเริ่มขุ่นมัว
ไม่ใช่นางมีแฟนแล้วรึไงเห็นผ่านๆในกลุ่มเพื่อนสมัยมัธยมแล้วจะมาจับมือน้องคิวของฉันทำไมหะ
เดี๋ยว...ใครเป็นน้องคิวของแกกันไออุ่น!
“ก็แค่รุ่นพี่ที่คณะอะพี่” ผู้ชายตรงหน้ายักไหล่อย่างไม่สนใจใยดี “ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น”
ก็แล้วไป...
“ว่าแต่พี่ไม่ถูกกับพี่ฟ้าเหรอครับ?” น้องคิวหันมองถามพร้อมกับเอียงคอเล็กน้อยอย่างน่ารัก
อย่าไปทำท่าทางแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนนะฉันขอ
“หือ...ใครบอก? อิฟ้าเหรอ เอ่อ...หมายถึงฟ้าน่ะ”
“ไม่ต้องบอกใครก็รู้หมดแหละครับ” หา นี่ฉันแสดงออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอ “ก็เล่นตาพวกพี่อย่างกับมีสายตาเปรี๊ยะๆออกมาซะขนาดนั้น”
ฉันยู่จมูกออกมาจนอีกฝ่ายหัวเราะพร้อมกับเอื้อมมือมาบีบจมูกฉันเล่นพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างไปด้วย
ปฏิกิริยาที่เขาทำนั้นส่งผลให้ฉันยืนนิ่งงันตัวเกร็ง
อันตราย อันตรายต่อหัวใจเกินไปแล้ว
ฉันเดินตามหลังเขาไปเงียบๆเพราะยังคงอึ้งกับสิ่งที่เขาทำอยู่ผิดกับน้องคิวที่เดินฮึมเพลงไปมาอย่างมีความสุข
“อ๊ะ!” กระทั่งร้องออกมาเมื่อจู่ๆผู้ชายตรงหน้าหยุดเดินจนฉันที่ไม่ทันได้ระวังชนแผ่นหลังเขาเข้าอย่างจัง “หยุดทำไมอะ”
“เรื่องคอนเสิร์ต” น้องคิวหมุนกลับมามองพร้อมกับย่อตัวลงให้สายตาเราอยู่ในระดับเดียวกัน
เขาระบายยิ้มหวาน “พี่พูดจริงใช่ไหมครับ?”
ฉันอ้ำอึ้งเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ฉันตอบรับเขาไปแล้วสินะ อุตส่าห์คิดคำพูดแทบตาย “อืม ไปสิ”
“เย้” จากที่ยิ้มอยู่แล้วก็ยิ้มกว้างขึ้นมาอีกส่งผลให้ฉันยิ้มตามโดยอัตโนมัติ
“ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ” ฉันถามไปยิ้มไป
“ก็แน่สิครับ ได้ไปดูคอนเสิร์ตกับคนพิเศษทั้งที”
ตึกตัก...ตึกตัก
คนพิเศษงั้นเหรอ น้องเขาบอกว่าฉันเป็นคนพิเศษงั้นเหรอ
ไม่จริงนา...ทำไมใจฉันถึงได้เต้นแรงขนาดนี้ล่ะ
“คิว? ไอ้คิว!” เสียงเรียกตะโกนดังขึ้นมาจากอีกฝั่ง
ทั้งฉันและน้องคิวหันไปมองตามเสียงนั้นก็พบผู้ชายคนหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้
“ยักษ์” คนข้างๆเรียกผู้ชายคนนั้น
ดูเหมือนว่าเขาสองคนจะรู้จักกันนะเพราะทันทีที่คนๆนั้นเดินมาถึงเขาก็กอดคอน้องคิวด้วยความสนิทสนม
“เห็นเลิกละรีบออกไปกูก็นึกว่าไปไหนที่แท้...” คนที่น้องคิวเรียกว่ายักษ์หันมามองหน้าฉัน “มาหาสาวนี่เอง”
“…” รู้สึกเหมือนหน้าฉันจะแดงนะ
“ว่าแต่หน้าคุ้นๆแฮะ” ยักษ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันแต่ไม่นานก็ถูกคิวดึงออกไป “เฮ้ อะไรวะ”
“พี่ไออุ่นนี่ยักษ์เพื่อนผมครับ” น้องคิวผ่ายมือไปทางยักษ์ที่กำลังโบกมือทักทายฉันอยู่ก่อนจะผ่ายมือมาทางฉันต่อ “ยักษ์นี่พี่ไออุ่น”
“รุ่นพี่เหรอ?” ยักษ์เบิกตากว้างอย่างตกใจแล้วยื่นมือมาทางฉัน “ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่ไออุ่น”
ฉันยื่นมือไปหวังจะจับมือเขากลับแต่เป็นอีกรอบที่น้องเข้ามาขวางด้วยการปัดมือยักษ์ออกแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงกลางระหว่างเรา
ถ้าฉันไม่ได้คิดไปเองอย่าบอกว่ากำลัง...หึงฉัน?
หึงฉันจริงเหรอ กรี๊ดๆๆ
“แค่จับมือเอง” ยักษ์บ่นอุบอิบ “หวงจังวะ”
“เออ กูหวง”
ตึกตัก...ตึกตัก
แง้ หากเป็นแบบนี้ต่อไปมีหวังฉันคงเป็นโรคหัวใจตายอะ
“ไปกันเถอะครับพี่ไออุ่น” น้องคิวฉวยข้อมือฉันไว้ก่อนจะกระตุกให้ฉันเดินตามเขาไปไม่โดยสนใจใยดียักษ์แม้แต่น้อยจนเขาโวยวายออกมา
แต่ก็นั่นแหละน้องคิวยังคงลากฉันไปเรื่อยๆจนถึงรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง
“เราจะไม่รอยักษ์เหรอ?” คือเขาตั้งใจเดินมาหาแต่เราทิ้งเขาไว้ตรงนั้นมันดูใจร้ายไปหน่อยมั้ยอะ
กึก
มือที่กำลังเสียบกุญแจของน้องคิวชะงักกึก
เขาเอี้ยวตัวกลับมามองฉันตาขวาง เป็นสายตาที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน
คือปกติเคยเห็นแต่เขาทำตัวน่ารักๆนี่นา
“ทำไมต้องรอมันด้วยล่ะ” เสียงแข็งเลยแฮะ “ไปกับผมแค่สองคนก็พอแล้วไม่ใช่เหรอครับ”
“คือมันไม่ได้...”
“ผมไม่อยากให้พี่สนใจผู้ชายคนอื่นนอกจากผม”
“…”
“แค่คุยก็ไม่เอา”
“…”
“อยากให้ในสายตาพี่ไออุ่นมีเพียงผมคนเดียว”
ในที่สุดคอนเสิร์ตก็มาถึง ฉันหยิบลิปสติกสีแดงมาทาริมฝีปากของตัวเองก่อนจะฉีดสเปรย์น้ำแร่เป็นการตบท้าย เสร็จจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงเพื่อมองตัวเองในชุดแซกเกาะอกยาวไม่ถึงเข่าสีดำข้างหนึ่งชมพูข้างหนึ่ง หมุนตัวสำรวจความเรียบร้อยเสร็จก็เอื้อมไปหยิบหมวกไหมพรมสีดำมาสวมไว้
“เพอร์เฟค”
เพราะเมื่อประมาณยี่สิบนาทีที่แล้วน้องคิวไลน์มาบอกว่าเขาจะมารับฉันให้ฉันออกมารอที่หน้าบ้านดังนั้นพอเสร็จเรียบร้อยแล้วฉันเลยคว้ากระเป๋ามาสะพายไว้หลังจากนั้นจึงเดินออกไปนอกบ้านก็พบกับรถยนต์สีดำคันหนึ่ง
ทันทีที่ฉันโผล่ออกไปผู้ชายในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวลายแดงกับกางเกงยีนส์ก็เดินตรงเข้ามา
ผมที่ถูกเซ็ตให้ปล่อยแบบเซอร์ๆบวกกับต่างหูห่วงนั้นทำเอาใจฉันกระตุก
น้อยแต่เยอะ...น้องคิวดูดีมาก
“พี่ไออุ่น” พอเห็นฉันได้ถนัดตาผู้ชายอายุน้อยกว่าตรงหน้าก็ชะงักอย่างเห็นได้ชัด เขามองฉันตาค้างพร้อมกับพูดออกมาว่า “สวย...พี่ไออุ่นสวยจังเลยครับ”
ตึกตัก ตึกตัก
อา ใจเต้นแรงอีกแล้ว
“ระ...เราก็หล่อเหมือนกัน” ฉันเกาคางพลางชมเขากลับแก้เก้อ แต่ฉันไม่ได้พูดไปงั้นๆนะเพราะวันนี้เขาหล่อจริงๆ
ปกติถ้าไม่เจอเขาในบาร์ก็ตามมหา’ลัยอะ พอมาเห็นชุดไพเวทแบบนี้แล้วมันแปลกตา
“งั้นเราไปกันเลยดีกว่าครับ” น้องคิวเปิดประตูฝั่งข้างคนขับก่อนจะผ่ายมือให้ฉันเดินเข้าไปซึ่งฉันก็ทำตามอย่างว่าง่ายโดยไม่ลืมพูดขอบคุณเขาไปด้วย
บรรยากาศในรถเงียบงันอาจจะเพราะไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งคู่
ฉันที่เหลือบมองเขาเป็นระยะๆเลยตัดสินใจปริปากขึ้นมาก่อน “ไม่ยักรู้ว่ามีรถยนต์ด้วย”
“อ๋อ” เขาคราง “ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ค่อยจะได้ขับมากเท่าไหร่น่ะครับแต่หลังๆก็โดนเฮียทายบ่นมาเหมือนกันเพราะช่วงนี้กลับดึกกว่าเมื่อก่อน”
เฮียทาย? ถ้าจำไม่ผิดเหมือนเขาเคยพูดถึงตอนไหนสักตอน
น้องคิวเบนเสี้ยวหน้ามามองท่าทีงงงวยของฉันต่อมาจึงหัวเราะในลำคอแล้วขยายความมากกว่านี้ “เฮียเพทายเป็นเจ้าของร้านที่ผมทำงานอยู่น่ะครับ”
“อ๋อ” ฉันพยักหน้ารับรู้ หลังจากนั้นระหว่างทางไปคอนเสิร์ตเราทั้งคู่ก็พูดคุยเรื่องต่างๆเรื่อยเปื่อยจนมาถึงที่หมาย
ที่นี่คนเยอะมากอาจจะเพราะเป็นวงที่มีชื่อเสียงพอสมควร
ฉันและน้องคิวเข้าไปดูคอนเสิร์ตด้วยความสนุกสนาน เราตะโกนร้องเพลง
ยืนเต้นอย่างกับได้ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่าง นับว่าเป็นประสบการณ์ที่มีความสุขมากๆเลยล่ะ
...เป็นเรื่องราวที่ฉันจะไม่มีวันลืม...
จนกระทั่งคอนเสิร์ตจบลงในเวลาประมาณเกือบๆตีหนึ่งเราทั้งสองคนก็ตรงกลับบ้านในทันที ตอนแรกกลัวว่าน้องคิวจะง่วงขับไม่ได้แต่เปล่าเลย
เขายังคงกระปรี้กระเปร่าเหมือนเดิม อาจจะเพราะชินกับการทำงานกลางคืนก็ได้มั้ง
“เดี๋ยวเราส่งพี่ตรงหน้าปากซอยก็ได้” พอใกล้ถึงหมู่บ้านฉันก็หันไปบอกบุคคลที่นั่งหน้าพวงมาลัย
น้องคิวเอียงคอเล็กน้อยพลางเลิกคิ้วขึ้น
“ทำไมล่ะครับ?”
“พอดีหิวนิดหน่อยน่ะ แฮะๆ” ฉันลูบท้องตัวเองปอยๆ คอนเสิร์ตตั้งหลายชั่วโมงยังไม่มีอะไรลงท้องสักอย่างก็เลยหิวบ้างเป็นธรรมดา
หลังจากที่ฉันพูดจบคนข้างๆก็หัวเราะร่า
“เดี๋ยวผมแวะให้ครับกะจะหาอะไรกินเหมือนกัน” เขาพูดยิ้มๆ “ดึกขนาดนี้แล้วจะให้พี่เดินกลับบ้านคนเดียวได้ยังไงล่ะ”
“ฮันแน่ เป็นห่วงเหรอ” ฉันใช้ศอกกระตุกไหล่พร้อมพูดเสียงแซวๆ
น้องคิวฉีกยิ้มมุมปาก “ครับ เป็นห่วง”
นั่นไง แซวเองเขินเองไหมล่ะกู...
น้องคิวขับรถมาเรื่อยๆจนกระทั่งใกล้ถึงหน้าปากซอยเขาก็เปิดไฟเลี้ยวแล้วตรงเข้าไปเลียบจอดบริเวณแถวร้านบะหมี่ที่ยังคงเปิดไฟสว่างอยู่
หลังจากเดินตรงไปยังร้าน เราสองคนก็สั่งเมนูก่อนจะเข้าไปนั่งยังโต๊ะว่าง
“ไม่คิดว่าร้านนี้จะเปิดถึงดึกขนาดนี้นะเนี้ย” ฉันพูดขึ้นมา เคยมาแวะร้านนี้อยู่บ้างแต่ก็นั่นแหละ ไม่รู้ว่าตีหนึ่งแล้วเขายังจะเปิดอยู่อีก
“พอดีหลังเลิกงานแล้วหิวๆผมก็จะมากินร้านนี้น่ะครับ” น้องคิวยิ้มจากนั้นบะหมี่สองจานก็ถูกนำมาเสิร์ฟ
เราทั้งคู่ต่างลงมือกับอาหารตรงหน้าด้วยความหิวโหย ภาพลักษณ์อะไรช่างแม่งแล้วตอนนี้ฉันหิว!
และเหมือนน้องเขาก็จะหิวเหมือนกันเพราะไม่ถึงสิบห้านาทีบะหมี่ก็หายวับไปในพริบตา ตอนแรกนึกว่าอีกฝ่ายแค่พูดเพื่อจะไปส่งฉันแต่ตอนนี้รู้แล้วว่าแม่งหิวจริงๆ
หลังจากจ่ายเงินอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วเราทั้งคู่ก็เดินริมฟุตบาทเพื่อตรงไปยังรถที่จอดอยู่แต่ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังมาแต่ไกล
ฉันกับน้องคิวหันไปมองเห็นรถยนต์คันหนึ่งที่กำลังขับมาตามถนนก่อนสายตาฉันจะเหลือบไปยังบริเวณน้ำขังล่างฟุตบาท
ฉิบหายแล้ว มาเร็วขนาดนั้นน้ำเน่านี้พุ่งมาโดนพวกฉันแน่
“บรื้นน~” พอคิดได้ว่าควรจะหลบก็ไม่ทันซะแล้ว รถคันนั้นใกล้เข้ามาไม่ถึงเมตรแล้วเนี้ย
ควับ!
ซ่า~!
ขณะนั้นเองน้องคิวที่ยืนอยู่ข้างๆคว้าตัวฉันไว้พร้อมกับกอดแล้วพลิกตัวให้หลังตัวเองหันไปทางถนน
ทันทีที่รถคันนั้นแล่นเหยียบน้ำที่ขังมันก็กระเด็นมาทางนี้ส่งผลให้น้องคิวเป็นคนรับมันไว้เต็มๆ
“คิว!” ฉันเบิกตากว้างพร้อมกับมองสภาพที่ดูไม่จืดของอีกฝ่าย
เสื้อสีขาวตอนนี้ได้กลายเป็นสีโคลนไปแล้ว
ผมที่ถูกน้ำจนเปียกลงมาปรกใบหน้าที่กำลังมองฉันอย่างพินิจพิจารณา
“พี่ไออุ่นเป็นอะไรไหมครับ?”
ยังมีน่ามาห่วงฉันอีก
“พี่ไม่เป็นอะไร ว่าแต่เราเถอะเอาตัวมารับน้ำไว้ทำไม?” ฉันจับแขนเขาพร้อมกับดูสภาพคนตรงหน้าไปมาอีกครั้ง
“ไม่งั้นพี่ไออุ่นก็จะเปียกสิครับ” น้องคิวระบายยิ้มก่อนจะคว้าข้อมือพร้อมกับกระตุกฉันให้เดินต่อ “รีบไปเถอะครับเดี๋ยวแจ็คพ็อตโดนอีกคัน”
ให้ตายจริงๆเลยผู้ชายคนนี้...
ตอนนี้น้องคิวกำลังไปส่งฉันที่บ้าน ระหว่างทางฉันเหลือบมองเขาเป็นระยะเห็นว่าอีกฝ่ายตัวสั่นนิดหน่อยอาจจะเพราะเขาตัวเปียกแล้วยังจะเปิดแอร์ให้ฉันด้วย อุตส่าห์กันฉันจากน้ำยังต้องมานั่งหนาวอีก
“ถึงแล้ว...ครับ” พอถึงหน้าบ้านฉันแล้วน้องคิวก็หันมายิ้มให้ฉัน ปากเขาสั่นเล็กน้อยจนฉันรู้สึกสงสาร
“เอ่อ” ฉันกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะช้อนตาไปมองบุคคลตรงข้าม “พี่รู้ว่าถึงแม้บ้านเราจะอยู่แถวนี้แต่เอ่อ...พี่เกรงว่ากว่าจะถึงบ้านเราเราอาจจะ...ไม่สบาย”
น้องคิวมองฉันตาแป๋วเพื่อรอประโยคต่อไปที่ฉันกำลังจะพูด
คือฉันก็นั่งคิดว่าตลอดทางแล้วอะนะ
น้องคิวเขาเป็นฝ่ายกอดฉันไม่ให้โดนน้ำสกปรกนั่นแถมตัวเองยังต้องมานั่งหนาวสั่นอยู่อีกเพราะฉะนั้น...
“ไปอาบน้ำในบ้านพี่ก่อนมั้ย?”
คล้ายกับว่าเขาจะรอฟังประโยคนี้ของฉันเพราะหลังจากฟังคำชวนนั้นเสร็จน้องคิวก็ยกยิ้มมุมปาก “เอาสิครับ ผมก็อยากจะล้างตัวไวๆเหมือนกัน”
ฉันทำอะไรลงไป...อยากจะบ้าตาย
ซ่า~
ฉันกำลังนั่งเกร็งอยู่บนเตียงหลังจากนำเสื้อผ้าของน้องคิวไปซักแล้วนำมาอบก่อนจะเอาไปตากหน้าพัดลมเบอร์สามที่แรงชนิดที่ว่าผมเปียกๆไม่ใช้ไดร์ก็สามารถแห้งภายในห้านาทีได้
แต่นั่นมันไม่ใช่ปัญหาหรอกเพราะสาเหตุที่ฉันนั่งเกร็งแบบนี้เพราะตอนนี้น้องคิวกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำไง!
เขากำลังอาบน้ำอยู่นะ ในห้องน้ำของฉัน
ระหว่างที่ฉันกำลังนั่งอยู่นี่ ในบ้านหลังนี้...กับเขาสองคน
ฉันก็อ่านหนังสือมาเยอะนะ ไหนจะดูหนังอีก ไอ้สถานการณ์แบบนี้มันอันตรายสุดๆเลยไม่ใช่รึไง
แกร็ก...
เสียงเปิดประตูส่งผลให้ฉันหลุดจากความคิดฟุ้งซ่านพลางหันไปมองยังหน้าห้องน้ำก่อนจะเบิกตากว้างกับภาพที่เห็น
ร่างเปลือยท่อนบนเต็มไปด้วยหยาดน้ำใสๆ
ฉันก้มมองเลยไปยังกล้ามหน้าท้องลางๆนั้น ไหนจะเส้นที่ลงเป็นตัววีนั่นอีก ผ้าขนหนูที่คล้ายจะหลุดแหล่มิหลุดแหล่ทำเอาฉันหายใจไม่ทั่วท้อง
“พี่ไออุ่นจะอาบน้ำต่อไหมครับ?” คนตัวสูงถามไปใช้มือขยี้ผมที่เปียกไป
ฉันยังคงจ้องมองเขาไม่วางตาจนอีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้
หน้าท้องขาวๆที่ค่อยๆเลื่อนมาหาส่งผลให้ฉันรีบขยับถอยหนี
“จ...จะเข้ามาทำไม?” ฉันเลิ่กลั่ก
“ก็พี่ไออุ่นเงียบไปหนิครับ” ขาข้างหนึ่งยกขึ้นมาวางบนที่นอนจนผ้าขนหนูเลิกขึ้นมาอย่างใจหายใจคว่ำ
ฉันหลุบตามองบริเวณนั้นในอกมันก็เต้นโครมคราม
“พี่ไม่เป็นอะไร” เสียงฉันตะกุกตะกัก พยายามไม่มองลงต่ำอีก “ระ
เราลุกถอยกลับไปได้แล้ว”
“ไม่เป็นอะไรจริงเหรอครับ แต่หน้าพี่มันแดงนะ” ใบหน้าใสซื่อแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์นั้นค่อยๆเขยิบเข้ามาใกล้
ในขณะร่างสูงคืบคลานเข้ามาฉันก็ถดถอยรู้ตัวอีกทีดันนอนราบกับเตียงไปเสียแล้ว
“คิว” ฉันเอ่ยเรียกเสียงเบา
เมื่อเห็นว่าฉันหนีไปไหนไม่ได้อีกน้องคิวก็คลานเข้ามาจนกลายเป็นคร่อมฉันในที่สุด
หยดน้ำจากปลายผมของเขาไหลลงมาสัมผัสผิวแก้มฉันจนขนลุกขึ้นซู่
ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเพราะความเย็นจากหยดน้ำหรือสายตาเร้าร้อนที่มองลงมาของน้องคิวกันแน่
สิ่งที่ผุดขึ้นมาในหัวตอนนี้ก็คือ...
ฉิบหายแล้วไออุ่น



ความคิดเห็น