ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : PLAYING WITH FIRE : 8 (REWRITE)
รอยจางๆที่คอเพราะคมเขี้ยวทำให้จัสตินบอกตัวเองจะไม่ยอมให้ฟ่านเฉิงเฉิงมาดุอะไรเขาแบบคืนนั้นอีกแล้ว
สามวันรอยม่วงช้ำยังไม่หายด้วยซ้ำเพราะฉะนั้นคงไม่ต้องบอกว่าคืนนั้นพอตื่นมาเจ็บร้าวไปทั้งตัวขนาดไหน
ลุกแทบไม่ขึ้นแต่ไม่ถึงขนาดเจ็บไข้ได้ป่วยก็แค่เหมือนร่างกายหนักอึ้งและเจ็บจนขยับตัวไปไหนไม่ได้เป็นวัน
ฝ่ามือใหญ่ลูบลงบนกลุ่มผมนุ่มสีเข้ม
ดวงตากลมจ้องมองเจ้าของมือที่ก้มลงมามองพอดีพร้อมรอยยิ้มแบบที่ไม่ชินเอาเสียเลย
“มองอะไรหื้ม”
พูดแล้วก็ขยี้ผมนุ่มอีกครั้งจนมันฟูฟ่อง
“เปล่า”
จัสตินตอบก่อนจะหันกลับไปมองทีวีจอใหญ่ตรงหน้า
“จริงหรอ
ฉันเห็นนายจับแต่รอยที่คอ”
คำพูดตรงไปตรงมาทำให้จัสตินต้องละสายตาเงยหน้ามองแวมไพร์เจ้าเล่ห์ที่ยักคิ้วเหมือนเหนือกว่า
“อย่าล้อได้ไหมเล่า!”
ร่างผอมถูกรวบไปกอดฟัดจนลูกหมาป่าในอ้อมแขนได้แต่ร้องฮื้อในลำคอเมื่อถูกความนิ่มหยุ่นประทับลงบนแก้มที
หน้าผากที หรือแม้แต่ริมฝีปาก
“เวลาเขินน่าฟัดเป็นบ้า”
แก้มขาวของจัสตินขึ้นสีแดงเรื่อก่อนจะซุกใบหน้าเข้ากับอกแกร่ง
กลิ่นของจัสตินจางลงไปเยอะเมื่อเทียบกับสามวันก่อน
กลิ่นของหมาป่าในวัยที่ต้องการผสมพันธุ์รุนแรงจนทำให้สามคนนั้นเกือบจะทำเรื่องแบบนั้นกับเขา
ร่องรอยของพวกนั้นที่ต้นคอเลยถูกกลบมิดในคืนนั้นเช่นกัน
ฟ่านเฉิงเฉิงมองอย่างเอ็นดูทุกอย่างที่จัสตินแสดงออกหลังจากวันนั้นมันเป็นไปในทางบวก
อีกฝ่ายไม่ได้โกรธเขาก็โล่งและประโยคแรกที่ได้ยินหลังจากที่เจ้าลูกหมาของเขาตื่นมามันยิ่งย้ำชัดถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย
“ฉันยอมถึงจะมีสติไม่ครบร้อยแต่ทุกอย่างฉันให้ความร่วมมือเอง”
แล้วทั้งหมดที่จัสตินพูดออกมาเฉิงเฉิงเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะแปลพวกนั้นเป็นความรู้สึกที่ว่า
ฮวงหมิงฮ่าวรักเขาใช่ไหม?
ช่ายสวี่คุนยอมรับว่าตัวเองเอาแต่คิดถึงข้อเสนอของบิดาตลอดหลายวันที่ผ่านมา
ใจนึงอยากจะทำทุกอย่างให้จัสตินหายไปจากฟ่านเฉิงเฉิงตลอดกาล
โดยเฉพาะคืนนั้นวันที่กลับบ้านไปแล้วได้ยินเสียงทั้งคู่
เจ็บและยอมรับความจริงได้สักทีว่าฟ่านเฉิงเฉิงที่เคยรักเขาตอนนี้มันคงไม่มีแบบนั้นอีกแล้ว
ขาเรียวหยุดอยู่หน้าประตูห้องของใครบางคนที่ช่วยเป็นที่พึ่งในยามที่เจ็บปวดได้เสมอ
ถึงเขาจะชอบทำเป็นไม่สนใจแต่ทำไมจะไม่รับรู้ถึงแววตาตัดพ้อทุกครั้งที่เฉินลี่หนงมอบให้
ถ้าเขาเย็นชาคนอย่างหมอนั่นก็คงซ่อนทุกอย่างภายใต้ใบหน้าซื่อบื้อ
ยื่นมือออกไปกดออดที่หน้าประตูก่อนที่อีกฝ่ายจะตอบกลับมาไม่ถึงนาทีประตูบ้านนั้นก็เปิดออกพร้อมเจ้าของที่ในชุดน้อยชิ้น
ร่างผอมที่มีกล้ามเนื้อเป็นลอนสวยรวมถึงไหล่กว้างที่กอดเขาจมลงไปทุกครั้ง
“มาแล้วหรอครับ”
หมับ!
แวมไพร์จอมเย่อหยิ่งพุ่งตัวเข้าไปสวมกอดเจ้าหมาตัวโตที่ยืนทำหน้าไม่ถูกก่อนจะเปลี่ยนเป็นลูบแผ่นหลังปลอบประโลมแม้จะไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายเป็นอะไร
ถ้าช่ายสวี่คุนต้องการเขาไม่ว่าเมื่อไหร่เขาก็จะอยู่ตรงนี้
เหมือนดั่งเช่นตอนนี้
ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้องเมื่อย้ายจากหน้าประตูมาอยู่ที่โซฟา
ลี่หนงแค่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้อยู่เงียบๆแล้วตัวเองก็ปลีกตัวเข้ามาใส่เสื้อผ้าเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จก่อนที่อีกคนจะมาหา
จริงๆแล้วสวี่คุนไม่ใช่คนที่จะมาหาเขาถึงห้องแบบนี้เพราะเป็นตัวเขามากกว่าที่จะต้องไปหาเมื่อสวี่คุนต้องการ
แค่บอกมาไม่ว่าส่วนไหนของจีนแผ่นดินใหญ่เขาก็จะไปหาเหมือนหมาที่เชื่อฟังคำสั่งของเจ้านาย
“พ่อของฉันให้ข้อเสนอเรื่องเฉิงเฉิง”
เฉินลี่หนงหันไปมองเมื่อได้ยินชื่อของคนที่สวี่คุนไม่ค่อยจะพูดออกมาตรงๆสักเท่าไหร่ถ้าไม่ได้เมา
เขาทำตัวไม่ถูกแถมยังรู้สึกกลัวเมื่อได้ยินคำว่าข้อเสนอ
“พ่อให้ฉันจัดการเจ้าเด็กจัสตินนั่นแลกกับการอนุญาตให้ฉันกับเฉิงเฉิงรักกันได้อีกครั้ง”
ประโยคนั้นมีอนุภาพมากแค่ไหนก็ตอนที่มันทำให้อนาคตจ่าฝูงที่ใครๆก็ยกย่องเหมือนหายใจติดขัด
น้ำลายอึกใหญ่ถูกกลืนลงคออย่างยากลำบาก สวี่คุนหันมาจ้องเขาและดวงตาเย็นชาคู่นั้นดูเจ็บปวดจนเขาต้องเบือนหน้าหนีมัน
เพราะลี่หนงเองก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน
“ฉันคิดว่าจะตกลงรับข้อเสนอของพ่อ”
“อย่าทำ…นะครับ”
“ฉันมาหานายวันนี้ไม่ใช่เพราะจะมาขอให้ห้ามไม่ให้ฉันทำ
แต่ฉันจะมาขอร้องไม่ให้นายยุ่งกับเรื่องนี้เพราะฉันไม่อยากฆ่านาย”
เฉินลี่หนงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปตอนได้ยินประโยคนั้น
กำแพงของสวี่คุนสูงเกินไปและตอนนี้เขายืนอยู่นอกกำแพงนี้มานานจนไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงกับเรื่องนี้ต่อไปดี
“จัสตินเป็นเพื่อนผมส่วนคุณชายเฉิงก็เหมือนเพื่อนผม
แล้วพี่จะห้ามผมไม่ให้ช่วยพวกได้ยังไงในเมื่อพี่มาบอกกันตรงๆแบบนี้”
พูดก่อนจะหันหน้าไปมองแวมไพร์ที่มองมาที่เขาอยู่แล้ว
“ถ้ารักฉันนายก็ทำมันเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อฉันไม่ได้หรอลี่หนง”
ลี่หนงหัวเราะออกมาเหมือนกับว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องตลกสำหรับเขา
ทำไมถึงได้กล้าพูดออกมาแบบนี้ เอาหัวใจของเขามาต่อรองเพื่อที่จะทำลายคนอื่น
ช่ายสวี่คุนแม่งโคตรขี้โกงเลย
“เรื่องนี้ผมทำให้ไม่ได้จริงๆหวังว่าพี่จะเข้าใจ”
…
ควันสีเทาหม่นล่องลอยไปตามลม
ฟ่านเฉิงเฉิงมองคนเด็กกว่าที่เอาแต่เงียบทั้งที่ปกติร่าเริงและพูดมากจนน่ารำคาญ
ลูกชายคนเดียวของจ่าฝูงหน้าเรียบนิ่งแต่ดวงตาสีเข้มนั่นสั่นระริก
เขาเอื้อมมือไปตบบ่าอีกฝ่ายเบาๆ
“วันนี้พี่สวี่คุนมาหาผมเขาบอกว่าพ่อของคุณชายให้เขาจัดการเจ้าลูกหมาของคุณชาย”
ฟ่านเฉิงเฉิงเลิกคิ้วขึ้น
“แลกกับการได้กลับไปรักกับคุณชาย”
สิ่งที่ได้รู้ไม่ได้ทำให้แปลกใจเพราะคนอย่างบิดาเขาจะทำยังไงก็ได้เพียงแค่ได้ชนะ
แต่สิ่งที่เฉิงเฉิงคาดไม่ถึงคงเป็นคนที่บิดายื่นข้อเสนอให้ต่างหาก
งี่เง่าสิ้นดีไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีบิดาของเขาก็ไม่เคยคิดอะไรได้เลย
“จัสตินเป็นเพื่อนผม
คุณชายเองก็ด้วยเพราะฉะนั้นยังไงผมก็อยู่ข้างคุณชายนะ”
ฟ่านเฉิงเฉิงพยักหน้ารับมองใบหน้าที่มีรอยยิ้มเศร้าส่งให้เขา
เฉินลี่หนงเป็นคนดีอาจจะดีมากเกินไปด้วยซ้ำเพราะถ้าเป็นเขาก็คิดไม่ออกเลยว่าจะเลือกใครในเมื่อรักไปสุดหัวใจแล้วจะให้ถอยกลับมาเพื่อช่วยคนอื่นเขาคงทำไม่ได้
การเป็นจ่าฝูงของเหล่าหมาป่าการเสียสละเป็นเรื่องสำคัญนั่นคือสิ่งที่ลี่หนงบอกกับเขาบ่อยๆ
บางครั้งก็ต้องยอมสูญเสียหัวใจเพื่อสิ่งอื่นที่มากกว่า
“ฉันคงต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด”
ฟ่านเฉิงเฉิงบอก
“คุณชายจะไม่ฆ่าเขาใช่ไหม”
“ต่อให้สวี่คุนฆ่าจัสตินตายแต่ยังไงคนอย่างพ่อฉันก็ไม่มีวันปล่อยให้ฉันกับเขารักกันหรอกลี่หนง
คนอย่างพ่อก็แค่เลือกใช้จุดอ่อนคนอื่นมาทำลายคนๆนั้นก็เท่านั้นแหละ”
“แล้วคุณชายจะทำยังไงครับ”
“นายจับตาดูสวี่คุนไว้
ส่วนฉันคงต้องหาทางจัดการคนอื่นที่พ่อส่งมา สวี่คุนก็แค่หมากในกระดานเท่านั้นแหละ”
รอยยิ้มร้ายของต้นตระกูลทำให้เฉินลี่หนงหัวเราะออกมา
ปู่ฝานชอบบอกเขาบ่อยๆว่าคนอย่างฟ่านเฉิงเฉิงไม่ใช่บุคคลที่ควรมีเรื่องด้วย
ท่าทางนิ่งๆไม่สนใจอะไรสักอย่างนั่นแหละที่เป็นยาพิษ
โดยเฉพาะอีกร่างเวลากลายเป็นแวมไพร์จอมวายร้าย
ภายใต้ใบหน้านิ่งๆเมินเฉยต่อทุกสิ่งแต่มือคู่นั้นกลับเปื้อนเลือดมาจนนับไม่ถ้วน
“แล้วก็นะหัดดุสวี่คุนให้หนักๆซะบ้างอย่าปล่อยให้หมอนั่นจูงไปจูงมา
ยอมแบบนั้นมันจะไปสนุกอะไร”
…
เสียงเพลงในคลับทำเอาเหล่านักท่องราตรีโยกย้ายไปมาจะมีก็แค่ชั้นบนของโซนวีไอพีที่นั่งคุยกันเสียงเครียดจนจัสตินพยายามทำตัวลีบเล็กที่สุดเมื่อถูกจ้องเป็นตาเดียวจากคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
ถึงจะโดนกอดด้วยแขนของต้นตระกูลจนเกือบจะนั่งเกยตักก็เถอะแต่นั่นยิ่งทำให้เป็นจุดสนใจของเหล่าชายฉกรรจ์ตรงนี้เข้าอีก
เรื่องเครียดที่คุยก็หนีไม่พ้นเรื่องของเขา
จัสตินไม่คิดว่าแวมไพร์จะสนิทกับพวกหมาป่าแต่นี่สนิทกับพวกมนุษย์อีกต่างหาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแวมไพร์แบบฟ่านเฉิงเฉิงที่ไม่ค่อยจะสุงสิงกับใครมันไม่ใช่เลย
“รสนิยมดีเหมือนเดิมเลยนะครับคุณชายเฉิง”
เสียงของใครสักคนที่จัสตินไม่รู้จักพูดขึ้นเมื่อบทสนทนาแสนเครียดนั่นจบลง
“หึ
เหมือนนายไงแจฮยอนรสนิยมดีไม่แพ้ฉัน”
“ก็คนรักทั้งทีจะเลือกก็ต้องดีหน่อยจริงไหม”
แจฮยอนพูดก่อนจะเบนสายตามองมาที่จัสตินแล้วยิ้มมุมปาก
“ใครมันจะเป็นแบบไอ้หมานี่วะแม่งเลือกทั้งทีเสือกเลือกคนที่ไม่ได้รัก”
ปู่ฝานที่นั่งยกน้ำสีอำพันดื่มชี้ไปทางลี่หนงที่นั่งเงียบๆ
“เฮ้ยพี่พูดแบบนี้ได้ไง”
แล้วเฉินลี่หนงก็เอาแต่โวยวาย
จัสตินถูกรวบเข้าไปกอดจนต้องโวยวายด้วยใบหน้ายู่ๆให้ฟ่านเฉิงเฉิงปล่อยเขาเพราะตอนนี้ทุกคนเอาแต่จ้องมองอีกครั้ง
เสียงแซวจากพวกนั้นทำให้ต้องหยุดดิ้นในอ้อมอกแล้วซบลงกับอ้อมอกนี้แทน
“หิวจัง”
เฉิงเฉิงกระซิบข้างหู
“ก็ไปหาเลือดกินสิ”
ลิ้นเลียที่ใบหูเบาๆก่อนจะขบเม้มด้วยริมฝีปากจนลูกหมาป่าขนลูกซู่
“อยากกินเลือดนายได้ไหม”
จัสตินส่ายหน้าไปมาในอ้อมแขนแต่สุดท้ายก็ถูกอุ้มขึ้นท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่นั่งอยู่ตรงนี้
ทุกคนพูดแซวอีกครั้งแต่จัสตินไม่ได้ผละหน้าออกจากแผงอกของเฉิงเฉิง
“เฮ้ยจะรีบไปไหนวะคุณชาย”
ปู่ฝานตะโกนถามเสียงดังพร้อมทั้งหัวเราะ
แล้วฟ่านเฉิงเฉิงก็ตอบคำถามที่ทำให้ลูกหมาตัวขาวหน้าแดงเถือกเพราะคำตอบที่ฟังดูเหมือนมันจะสื่อถึงอะไรที่นอกเหนือคำว่ากิน
“รีบไปกินหมา”
tbc.
คุณชายเฉิงนี่ตัวเองดุคนเดียวไม่พอไปบอกให้หนงหนงดุพี่สวี่คุนอีก
#ร้ายนะคะหัวหน้า …
ตอนหน้าไม่มีกินหมานะคะ
555555
สุขสันต์วันตรุษจีนล่วงหน้า
ขอให้ทุกคนได้ซองแดงเยอะๆนะคะ
#เล่นกับไฟเฉิงจัส
ความคิดเห็น