NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ลวงรักจิตเสน่หา (ฉบับรีไรต์) -ซีรีส์ลวงรัก-

    ลำดับตอนที่ #9 : 5-1 ความคิดถึงคนในอดีต (100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.66K
      1
      15 พ.ค. 67

    “คุณหมอรูปหล่อใจดี... ที่มี๊เล่าให้หนูฟังไงลูก” เสียงหวานเอ่ยกับคนบนเตียง ลูกสาวชะโงกคอมองไปทางประตู ด้วยเกรงว่าจะมีใครเข้ามาได้ยินเข้า มีคุณหมอคุณพยาบาลเดินเข้าออก เพื่อตรวจอาการเป็นระยะ ถามหน้าเหลอหลา

    “หมอคนนั้นเหรอ? ที่มาดูวีบ่อย ๆ ปะ”

    “จ้ะ ก่อนหน้านี้มี๊วานตานนท์ไว้ ขอให้ช่วยพาลูกวีมาพบจิตแพทย์หน่อย เพราะหนูไม่ยอมมา ลูกนนท์ก็ช่วยไปคุยกับคุณหมอให้ อีกเรื่องที่แม่บอกจะนัดดูตัว แต่ลูกสาวไม่ยอม สุดท้ายก็มาเจอหมอนัทอยู่ดี ยังกับพรหมลิขิตแหนะ”

    พรหมลิขิตกับผีน่ะสิคะคุณนายจิ!

    คนป่วยบนเตียงเบิกตากว้างตกใจ หากไม่กล้าแหวใส่คุณแม่ที่พูดจาประหลาด ๆ ตานนท์ไม่รู้ว่าแม่รู้จักกับอิจิโร่ซังนะ ลูกอย่าพูดไปเชียว หมอโอดะเป็นลูกชายนักธุรกิจเพื่อนแม่ที่ญี่ปุ่น ลูกนึกดี ๆ สิว่าใคร

    ใจหนึ่งเธอสำนึกต่อความรักของมารดาสุดก้นบึ้งหัวใจ ไม่รู้ว่าถ้าตนเป็นอะไรไป มารดาจะอยู่ยังไง ขณะนั่งฟังเรื่องราวมากมายจากคนที่ลุกไปปอกเปลือกแอปเปิลใส่จานสีขาว วางไว้บนโต๊ะรับประทานอาหารที่พับได้เหนือเตียงคนไข้ มารดาช่วยตรวจทานยาว่าครบทุกเม็ด คุยกับแพทย์และพยาบาลเพื่อจัดการทั้งหมดนั้น เหมือนตอนเธอเป็นเด็กสาวตัวน้อย

    อาการดีของผู้ป่วยดีขึ้นตามลำดับ หลังการพักฟื้นอย่างดีไม่ต่างจากนอนโรงแรมหรู บาดแผลฟกช้ำบนร่างกายเธอเกือบหายดีแล้ว แต่แขนยังคงดามแขนด้วยเหล็ก

    “บ้านใหญ่มีแต่เรื่องปวดหัว ย่าชมจะมาเยี่ยมหนูให้ได้ เดินก็ไม่ค่อยจะไหวนะ คนบ้านตานนท์ก็เซ้าซี้เรื่องแต่งงานอยู่ได้ แม่ล่ะปวดหัว เกรงใจคุณย่า” ในหน้าตาแย้มยิ้ม ย้ำกับลูกสาวว่าถ้าไม่อยากแต่งก็ไม่ต้องพูดอะไร ทำเบี่ยงประเด็น ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไปก็แล้วกัน ซึ่งเธอคงต้องทำแบบนั้น

    นวีนาเข้าใจว่าการที่มารดาไม่ย้ายไปไหนไกลจากผู้อาวุโสของบ้านอย่าง ย่าชมนาด  หล่อนยังอยู่บ้านหลังเดิมในคฤหาสน์ ไป ๆ มา ๆ เพนท์เฮ้าส์ย่านสุขุมวิท ด้วยความเป็นญาติมิตรสนิทสนมกันมานานตั้งแต่ลูกสาวยังตัวเล็ก ๆ มารดาเคยได้รับความช่วยเหลือจากย่าชม ผู้เป็นย่าแท้ ๆ ของชานนท์ ตอนกลับมาจากเชียงใหม่ จะปฏิเสธอะไรก็รู้สึกน้ำท่วมปาก

    “สรุปว่ามี๊รู้จักโอโต้ซังของหมอนัทมาเป็นปี ๆ บินไปหากัน เขาเป็นนักธุรกิจใหญ่ในญี่ปุ่น มี๊เคยติดต่อเขาไว้?

    “ใช่จ้ะ”

    “แล้วคุณหมอรู้เรื่องนี้้ไหม?

    “อืม... เพิ่งรู้มั้ง มี๊ได้ยินมาว่าเขาไม่สนิทกับคุณพ่อเท่าไรน่ะ”

    คนเป็นลูกสาวไม่ได้เอะใจตอนทั้งสองทักทายกันว่าไม่ได้เจอกันนานอะไรสักอย่าง คุณแม่จับมือน้อยที่มีเข็มทิ่มหลังมือ พูดอย่างเปิดเผยด้วยความหวังว่าลูกสาวจะยอมเปิดใจ...

    “มี๊อยากให้หนูมีครอบครัวนะลูก อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้ว หม่ามี๊แก่ขึ้นเรื่อย ๆ อยากให้ลูกมีคู่ชีวิต ดูแลกันและกันไปจนแก่เฒ่า ไม่อยากให้ลูกเสียโอกาสแบบมี๊ ไหนจะเรื่องบ้านใหญ่ เขามาคุยกับแม่ตั้งกี่ครั้งเรื่องตานนท์ คนนู้นยังงั้น คนนี้ยังงี้ หนูก็รู้ว่าผู้ใหญ่เขาอยากให้หนูแต่งกับพี่นนท์”

    “ขอลาตายดีกว่า... น้ำยาล้างห้องน้ำ ยาฆ่าหญ้า  Jumping

    “โธ่! ลูก... อย่าพูดแบบนี้อีกนะ”

    “มี๊ห้ามบังคับวีแต่งงานกับใคร ไม่รู้แหละ” เธอทำส่ายหน้าไปอีกทาง บนเตียงที่เอนไว้ครึ่งหนึ่งหลังตื่นนอน รับประทานอาหารเช้า ทานยาแล้ว ใจนึกถึงคุณหมอที่เข้ามาดูแลก็ว่า “ดู ๆ กันไปก่อนละกัน หมดยุคคลุมถุงชนแล้วค่ะ”

    “หนูเลือกสักคนนะลูก ภายในสามเดือนนี้ แม่ขอก่อนสอง...” คุณแม่ชูนิ้วสองพลางว่า “ให้เลือกระหว่างคุณชายกับคุณหมอ ดู ๆ กันไปก่อนก็ได้จ้ะ”

    นวีนารู้สึกเวียนหัวกับเป้าหมายยิ่งใหญ่ของมารดา เศรษฐินีสวยรวยมาก สวยเลือกได้! แต่พอเห็นหน้าตาเศร้าเสียใจทีไร เธอก็พลอยใจอ่อนยอมตาม

    “มี๊ว่า... ลูกถูกชะตากับหมอนัทนะ”

    “วีเข้ากับทุกคนได้ค่ะ วีเป็นคนอัธยาศัยดี”

    “แต่มี๊เห็นว่าลูกคุยกับจิตแพทย์แล้วลูกสบายใจ ลูกยอมกินยา ไม่ต่อต้านการรักษา การมาพบแพทย์กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปละ แม่ว่าหนูอาการดีขึ้นนะ”

    “เขาเป็นหมอระดับอาจารย์หรือเปล่า มี๊ก็... วีว่าเขามีทักษะล่อหลอกคนไข้น่าดู หลอกถามยันวีกินยากี่เม็ด สีอะไร กินตอนไหน กินกี่โมงอะ”

    เป็นธรรมดาของจิตแพทย์ที่จะต้องติดตามอาการคนไข้ ยิ่งเธอเป็นผู้ป่วยใน ห้องพักผู้ป่วยพิเศษ VIP First Class เธอได้รับการดูแลเป็นอย่างดีชนิดวุ่นวายเชียวล่ะ จิตแพทย์เข้ามานั่งคุยว่าอาการเป็นยังไง สั่งยาคลายเครียดให้ สักพักเขาก็หลอกถามว่าเธอรู้สึกอย่างไรกับพี่ชายต่างสายเลือด ปั่นหัวคนไข้จนเธอเผลอดพูดออกไปจนได้...

    ทำไมนายชานนท์ถึงได้มาพบจิตแพทย์ ขอยาคลายเครียด ยานอนหลับ คุณหมอพยายามเสนอวิธีแก้ปัญหา เจ้าตัวบอกว่ามันคงเป็นไปได้ยาก

    ทางด้านเธอก็ตอบเช่นกันว่าเรื่องระหว่างเธอและพี่ชายต่างสายเลือด เป็นไปไม่ได้ที่จะกลับมาญาติดีต่อกัน

    “สรุปว่า... รถชนครั้งนี้บุพเพอาละวาด ประกอบกับแผนการของคุณนายจิที่อยากได้ลูกเขยจนตัวสั่น เพราะว่าวีไม่เอาใคร ถ้าไม่ใช่ไมค์ ใช่ไหมคะ?” ปลายเสียงสั่นเครือ อดไม่ได้ที่จะนึกถึงอีกคน ในที่ไกลแสนไกล ถึงแม้ว่าเธอจะคบหากับไมค์ได้ไม่กี่เดือนก็เกิดเรื่อง มิตรภาพของเธอกับพวกเขายาวนานกว่านั้น

    มารดาเลื่อนมือสั่นเทาขึ้นประคองแก้มขาวนวลที่แดงระเรื่อขึ้นเรื่อย ๆ หล่อนเจ็บปวดกับน้ำตานับครั้งไม่ถ้วนของลูกสาว จนร้องไห้ออกมาเช่นกัน

    “ลูกรัก... แม่อยากให้ลูกมีความสุขนะ เรื่องของลูกกับไมค์มันจบไปแล้ว เขามีชีวิตของเขา อาจจะมีเมียมีลูกไปแล้วก็ได้ ลูกลืม ๆ มันไปเถอะนะลูกนะ แม่เชื่อว่ามนุษย์ทุกคนล้วนตามหาความสุข ลูกต้องมีความสุขนะลูก”

     

    20 ปีที่แล้ว 

    บนเตียงเหล็กในสถานีอนามัยอันห่างไกลตัวเมือง ชายร่างผอมหน้าตาอิดโรย ห่อพันไว้ด้วยผ้าพันแผลสีขาวที่มีเลือดไหลซึมแทบทุกอณูกาย สายระโยงระยางรายล้อมรอบเตีย ตรึงร่างหนาที่แบกรับความทรมาน ไร้ซึ่งความเจ็บปวดอีกต่อไป หากผ้าห่มสีขาวสะอาดที่พาดผ่านกลางอกไม่กระเพื่อมเคลื่อนไหว บอกว่าเขายังมีลมหายใจ สาวน้อยขี้สงสัยคงไม่เชื่อว่าชายตรงหน้ายังมีชีวิต

    “ดูสิ ยังกับมัมมี่แหนะ พี่เขาเป็นอะไรมากมั้ยคะ พี่เขาจะหายไหมคะ? หมอดิน...”

    เสียงถอนหายใจหนัก ๆ เป็นคำตอบของคุณหมอที่กำลังอุ้มเด็กน้อยไว้บนท่อนแขน ขณะก้มหน้าลงมองแววตาเป็นกังวล ทว่าอยากรู้อยากเห็น เธอพยายามชะโงกคอมองรอยสักมังกรบนไหล่ขวาที่พาดผ่านมาจากด้านหลังของคนไข้หนุ่ม เหมือนอยากรู้ว่าลำตัวของมันจะไปสิ้นสุดอยู่ที่ไหน

    “พี่เขาเจ็บมากมั้ยคะ?

    “หมอไม่อยากโกหกเราว่าไม่เจ็บ แต่เจ็บก็ต้องทนนะ”

    คุณหมอบดินทร์ไม่คิดว่าควรพาเจ้าเด็กแสบมาเห็นสภาพอันน่าเวทนา ถ้าไม่ติดว่าเธอเป็นคนปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ผู้ป่วยรอดชีวิต ยังเป็นคนตามชาวบ้านให้เข้าไปช่วย เธอมาคะยั้นคะยอขอพบผู้ป่วยในฐานะญาติ

    การที่เด็กแปดขวบจะเป็นญาติใครสักคนคงยาก แต่ด้วยความเป็นเด็กฉลาดเกินวัย เธอสามารถต่อรองเจรจากับผู้ใหญ่ในสถานีอนามัยเล็ก ๆ จนสำเร็จ ขนาดตอนนี้เธอยังพูดจาเจื้อยแจ้วโอ้อวดตน แม้ว่าเธอจะตัวเล็กกว่าเด็กแปดขวบทั่วไปเพราะไม่ค่อยกินนม เอาแต่เล่นซน นอนดึกเป็นกิจวัตร เธอมีสติปัญญาเป็นเลิศ อาจเป็นอัจฉริยะก็ได้ วันนี้เธอดันไปเจอหนุ่มปางตายรายนี้เข้า ตอนหนีออกจากบ้านไปวิ่งเล่นไม่ไกลจากสถานีอนามัย  

    คุณหมอส่ายหน้าไปมา แล้วก็หัวเราะอย่างขบขัน เด็กอะไรรู้จักพูดจา มือขยับใบหน้าน้อยให้หันไปสนใจดวงตาซึ่งหรี่เล็กจนเหยียดเป็นเส้นตรงของผู้ป่วย เพราะอาการอักเสบบนเปลือกตา เขากะพริบตานับครั้งได้

    “พี่เขารับรู้ว่าเราสองคนกำลังคุยกันอยู่ตรงนี้ แต่หมอให้ยาไปค่อนข้างเยอะ เลยมึนจนตาลอย หนูเห็นมั้ย?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนเปิดให้แสดงความคิดเห็น “เฉพาะสมาชิก” เท่านั้น
    ×