ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ◆ Just A Beat - Part [6]
Just A Beat
Pairing : Kai x Baekhyun
.. Part 6 ..
“งั้นเพื่อเป็นการไถ่โทษ นายก็ช่วยเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ฉันเรื่อยๆแล้วกัน”
แพคฮยอนเดินตัวปลิวมาตามทางที่ตรงไปยังชั่วโมงเรียนของเขา นึงถึงข้อตกลงก่อนจากมาก็แอบหมั้นไส้เล็กๆ แต่จริงๆแล้วก็ไม่ได้นึกโกรธอะไร อย่างน้อยหมอนั่นก็อุตส่าห์เจ็บตัวแทนเขาล่ะนะ
ขณะที่กำลังจะไปเรียน ในหัวก็คิดอะไรไปเรื่อย อาจจะสายสักหน่อยเพื่อนๆคงไม่โกรธอะไร คิดไปก็เดินไป ไม่รู้ตัวเลยว่าพักนี้จะเริ่มเป็นคนคิดเยอะ หรือจะเรียกว่าฟุ้งซ่านดีนะ โดยเฉพาะเรื่องของคนๆนั้นที่มักจะทำให้นึกถึงอยู่ตลอด
“ขอบใจมากนะ นายก็ใช้ได้นี่นา”
ประโยคก่อนหน้านี้ที่ได้รับหลังจากทำแผลให้ดังขึ้นมาในหัว แพคฮยอนหลุดยิ้มออกมาราวกับคนบ้า ครั้งแรกเลยที่ถูกชมแบบนี้ สักพักพ่อหนุ่มตัวแสบก็หุบยิ้มลงทันที
“บ้ารึเปล่าวะ” เขาเขกหัวตัวเองไปหนึ่งทีก่อนที่ไอ้เรื่องวันนั้นจะไหลเข้ามาในหัวให้ย้ำตัวเองอีกที สาบานสิว่าวันนั้นเขาไม่ได้ถูกไอ้คนหลงตัวเองนั่นหอมแก้มเอา
แพคฮยอนหน้าตึงไปเล็กน้อย แต่พอเดินผ่านประตูกระจกที่สะท้อนหน้าเขากลับมาก็พบว่ามันแดงแปร๊ดไปแล้ว
“เฮ้ย .......”
นี่เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
“มาช้า”
คยองซูเอ่ยคาดโทษทันทีที่เห็นเพื่อนรักเดินเอื่อยๆมานั่งลงข้างกัน เซฮุนไม่พูดอะไร อย่างดีก็แค่เบะปากให้อย่างไม่พอใจ
“มีอะไรอ่ะ”
“โทรหาลำบากมากนะ”
“เออว่ะ โทษที แบตมันหมดตั้งแต่เมื่อวานแล้ว .. แล้วเมื่อวาน คือ กูมีเรื่องว่ะ ยังไม่ได้เล่าให้พวกมึงฟังเลย” แพคฮยอนทำหน้าจริงจัง
“เหรออออออ พวกกูก็มีเหมือนกัน ไว้เรียนวิชานี้เสร็จห้ามหนีนะ คุยกันหน่อย”
“อ่ะ อืม” แพคฮยอนรู้สึกหวาดๆกับท่าทีของเพื่อนทั้งสอง ทั้งที่เขามีเรื่องมาแท้ๆแต่เพื่อนดันเหมือนไม่สนแล้วยังบอกมีเรื่องต้องคุยอีกต่างหาก
ขอล่ะนะ อย่ามีอะไรให้ซวยอีกเลย T____T
“ห๊ะ ... ว่าไงนะ”
แพคฮยอนไม่ได้ตะโกนเสียงดังอย่างเคย แต่มันเป็นเสียงที่แผ่วเบามากกว่า หลังจากฟังเพื่อนทั้งสองเล่ามาสั้นๆแค่นั้นก็ครบถ้วนสมบูรณ์ความแล้ว ... ว่าผลการเรียนของเขากำลังตก!
“ใจเย็นนะมึง” คยองซูว่า
“เย็นห่าอะไร ใช่เวลาเย็นที่ไหนล่ะ” เซฮุนขัดขึ้น ส่วนตัวเจ้าของปัญหาก็ได้แต่นั่งก้มหน้าพูดอะไรไม่ถูก เซฮุนจึงถอนหายใจแล้วเอ่ยต่อ
“คืองี้นะแพคฮยอน พวกกูคำนวณไว้ให้แล้ว ตอนนี้ยังทัน”
“ทัน ทันอะไรของมึง”
“ก็เทอมหน้า มึงต้องทำให้ได้มากกว่าผ่านซักหน่อย ไม่งั้นนะมึงเอ๊ย...”
“ตายแน่ๆกู ทำไงดีวะ”
“พวกกูไม่ได้เก่งอะไร แต่เทียบกับมึงแล้วเนี่ย เก่งขึ้นมาทันทีเลยว่ะ” คยองซูบอกเพื่อนด้วยสีหน้าสลด เขาพูดมันจากใจแต่คนฟังกลับต้องทำหน้าไม่พอใจไปให้
“เหอะ ย้ำกูจังนะ”
“เปล่านะเว้ย ก็แค่อยากบอกว่าพวกกูก็ไม่ได้.....”
“เออๆๆ งั้นพวกคุณคนเก่งก็เตรียมช่วยผมติวได้เลยนะครับ”
“ติว พวกกูติวให้มึงได้นะแค่กลัวว่า.....”
“ตายห่า!! นี่ห้าโมงเย็นแล้วนี่ หมอนั่นต้องฆ่าฉันแน่ๆ แล้วเมื่อคืนก็ยังไม่ได้แตะรายงานเลยด้วย” แพคฮยอนคว้ากระเป๋าแล้วลุกยืนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สีหน้าหวั่นวิตกเข้ามาแทนที่อีกครั้ง
“นั่นมึงจะไปไหนน่ะแพคฮยอน” เซฮุนถาม
“ก็รายงานกลุ่มที่คู่กับหมอนั่นไง ไม่ได้อยากเป็นตัวถ่วงอย่างที่มันว่าเอาหรอกนะ”
“งั้นก็พยามเข้าล่ะ ให้มันได้เรื่องหน่อยนะ เพราะนี่ก็คะแนนอีกส่วนนะเว้ย” คยองซูย้ำ
“โอเคๆ งั้นไปล่ะนะ”
“อืม เจอกัน”
คยองซูและเซฮุนมองตามหลังเพื่อนรักที่วิ่งห่างออกไป
“มึงก็ย้ำมันเข้าไปนะคยองซู”
“อ้าว ทีมึงล่ะ พูดตรงซะไม่มี”
“ว่าแต่เรื่องที่มันจะบอกเราล่ะ ลืมถามไปเลยแฮะ”
“ช่างเถอะเซฮุน เรื่องใหญ่กว่าคือเราจะติวอะไรให้มันวะ ลำพังตัวเองก็กว่าจะรอดมาได้ แล้วช่วงนี้ดันต้องไปช่วยแม่ขายของที่ร้านอีก”
เซฮุนหันไปมองเพื่อนรักที่ทำหน้าคิดมากจริงจัง ชายหนุ่มเอาแต่จ้องจนอีกคนรู้ตัว
“มองอะไรเซฮุน”
“เปล๊า .. เห็นทำหน้าเป็นห่วงมันเหลือเกินนะ”
“แล้วมึงไม่ห่วงรึไง”
“แล้วถ้าเป็นกูล่ะ มึงจะห่วงป่ะ”
“เออสิ ถามได้” คยองซูทำหน้ายู่ใส่ ก่อนที่แขนของเซฮุนจะตวัดเข้ามาล็อคลำคอเล็กๆให้เบียดเข้าไปหา
“โอ๊ย เจ็บนะเว้ย ปล่อย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เตี้ยเอ๊ย”
“อะไรเล่าไอ้ตุ๊ด”
หลังจากวิ่งออกมาแพคฮยอนก็เริ่มก้าวช้าลง ในหัวครุ่นคิดเรื่องผลการเรียนอย่างหนัก ถ้าเขาไม่รอดแม่จะว่ายังไงนะ แล้วอนาคตของเขามันจะเปลี่ยนไปเป็นแบบไหนอีก จะต้องออกจากมหาวิทยาลัย แล้วจะหางานที่ไหนทำ
ไม่ๆๆๆๆ ยังไม่แย่เกินแก้เสียหน่อย เดี๋ยวเพื่อนติวให้ก็คงโอเค จากนี้ก็พยายามเข้าหน่อยคงไม่เป็นไรล่ะมั้ง.. เฮ้อ
“นี่นายยังไม่ทำอะไรเลยเหรอเนี่ย”
จงอินเอ่ยเสียงเข้ม ไม่ต่างกับสายตาคู่นั้นที่จ้องมาอย่างเอาเรื่อง แพคฮยอนไม่ตอบอะไรนอกจากทำหน้ายอมรับราวกับสำนึกผิด
“ขอโทษนะ เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะรีบทำเลย นายรออีกวันได้มะ”
“รอเหรอ นายไม่ให้ฉันทำเองหมดเลยล่ะ”
“อย่าประชดสิ ก็บอกแล้วไงว่าขอโทษ ถ้าไม่ติดเรื่องอุบัติเหตุนั่นมันคงไม่เป็นแบบนี้หรอก”
“ใช่ และหัวฉันก็คงไม่ต้องมาเจ็บแบบนี้เหมือนกัน”
“.....................”
แพคฮยอนเพียงแค่สบตากับจงอิน เพราะพูดไม่ออกที่ถูกว่าเอาขนาดนี้ แล้วไหนจะท่าทางที่มีแต่จะผลักไสคำขอโทษแบบนั้นด้วย
ไอ้บ้าเอ๊ย!!
“อืม .. งั้นวันนี้ก็คงไม่มีอะไรคืบหน้า ฉันกลับไปทำที่บ้านแล้วกัน” แพคฮยอนพูดเบาๆขณะที่เก็บของบนโต๊ะไปด้วย จงอินมองอีกฝ่ายพลางนึกว่าตัวเองคงพูดแรงไป แต่เขาก็พูดไปแค่นั้นเองนี่นา แต่ก็อีกนั่นแหละ พอนึกเรื่องงานแล้วก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายนั่นแหละที่ผิด
“แพคฮยอน....”
“อะไร”
“อย่ามาโกรธไม่เข้าเรื่องนะ”
“นายแคร์ด้วยรึไง”
“ก็เออ ... เอ๊ย เปล่า แค่ไม่ชอบให้ใครมาไร้เหตุผลด้วย”
ถึงตรงนี้คนฟังก็เกิดแปลบๆในอก แพคฮยอนก็แค่คิดว่าจงอินจะพูดดีด้วยบ้าง หรือเห็นใจกันบ้าง สายตาของคนไม่เอาไหนจึงเอาแต่จ้องกลับไป จงอินรู้สึกวูบโหวงในใจขึ้นมาทันทีที่ถูกแพคฮยอนมองมาแบบนั้น
“ฉันก็ไม่ได้หวังให้นายมาสนใจอะไรหรอก”
ว่าแล้วแพคฮยอนก็ดึงกระเป๋าขึ้นแล้วลุกเดินจากไปทันที
พออีกฝ่ายไปแล้วคนที่นั่งอยู่คนเดียวก็ทำอะไรไม่ถูก ปฎิเสธได้ไหมว่าเขาไม่ได้สนใจอะไรเลย ก็แค่รำคาญ
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย พูดแค่นั่นรับไม่ได้ก็เชิญ"
“ฉันก็ไม่ได้หวังให้นายมาสนใจอะไรหรอก”
แต่ประโยคเมื่อกี้กับสายตาแบบนั้นก็ยังวกเข้ามาในหัวอยู่ดี
△▽ △▽ △▽
ใช่สิ ฉันมันก็แค่คนไม่เอาไหน แค่พูดดีด้วยนายยังไม่อยากทำเลย แล้วอย่างอื่นจะมาสนใจอะไร .. ไอ้บ้าจงอิน!!
“อึก .... ”
“มึงเมาแล้วนะเว้ยแพคฮยอน”
“ม่ายยยยย กูไม่เมาเว้ย เบียร์แค่นี้เอง” ว่าแล้วมือบางก็กระดกกระป๋องเบียร์ขึ้นดื่มอึกใหญ่ คยองซูนับแล้วคาดว่าน่าจะราวๆกระป๋องที่สี่ได้
โอเซฮฮุนกำลังนั่งมองไอ้เพื่อนไม่เอาไหนที่ตอนนี้กำลังนั่งเมาแอ๋อยู่ที่ขอบเตียงในห้องของเขา โชคดีที่หอพักนี้ไม่มีใครคอยมาคุมให้เข้มงวด ไม่อย่างนั้นตอนที่แพคฮยอนตะโกนบ้าบออะไรออกมาคงได้เป็นเรื่องกันพอดี
ตั้งแต่แพคฮยอนเข้ามาแล้วเล่าเหตุการ์ต่างๆที่เจอมาให้ฟัง ทั้งคยองซูและเซฮุนเองก็ทั้งแปลกใจ ทั้งตกใจ และก็เห็นใจกับบางอย่าง ถึงอย่างนั้นพวกเขาเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องราวต่างๆนั้นมันเกิดจากแพคฮยอนเองทั้งสิ้น
“คยองซู มึงกลับบ้านเหอะ ปล่อยมันไว้ที่นี่ก็ได้มั้ง เดี๋ยวกูดูให้” เซฮุนเอ่ย
“ไม่เป็นไรหรอก โทรบอกแม่แล้ว เดี๋ยวอีกสักพักกูพามันกลับเอง ไม่อยากให้ไปล้มตายที่ไหน”
“ใครบอกว่ากูจะล้ม ตาย กัน ห๊า .... อึก”
“มึงเมามากแล้วกูว่า”
“เออๆๆๆ เดี๋ยวกูไปแล้วก็ได้ ไม่อยู่ให้รกหูรกตาพวกมึงหรอก เรื่องเรียนกูคงไม่รอดแน่ๆ งานใหม่ก็กว่าจะหาได้ แถมงานกลุ่มที่ทำกับหมอนั่นก็โดนมันดูถูกให้อีก .. อึก ... ไอ้จงอินบ้ามันก็ว่ากูไม่ดี พวกมึงยังว่ากูไม่ดีอีก เหมือนแม่ไม่มีผิดเลย ไม่มีใครรักกูเลย” ชายหนุ่มพ่นความรู้สึกอัดอั้นตันใจออกมาราวกับน้ำไหล
แพคฮยอนหน้าแดงก่ำ น้ำตาเม็ดโตที่ไม่ค่อยจะมีใครได้เห็นกำลังไหลออกมา ชายหนุ่มบ่นงึมงำอยู่กับตัวเองสักพักก็ทิ้งกายล้มลงบนเตียงของเซฮุน ไม่มีใครเอ่ยอะไรขัดขึ้นมาเลยนอกจากฟังอยู่เงียบๆ
“มันหลับไปแล้วเหรอเซฮุน”
“น่าจะนะ เงียบซะขนาดนั้น”
“เรื่องติวให้มันน่ะ เอาไงดีวะ กูกลัวพากันไม่รอดนี่สิ ไม่มีรอบแก้ตัวนะจะบอกให้”
“สงสัยต้องหาใครแล้วล่ะ แต่กูกับมึงก็เป็นพวกไม่ค่อยสมาคมกับรุ่นพี่ที่ไหนซะด้วยสิ”
“อืม เอาไงดี”
“ไว้ค่อยคิดก็ได้คยองซู นายกลับบ้านดีกว่า ปล่อยแพคฮยอนไว้นี่ก็ได้ ส่วนที่บ้านมันนายก็แวะบอกหน่อยละกันเผื่อคุณน้าอยู่จะได้ไม่เป็นห่วง”
“เอางั้นก็ได้”
△▽ △▽ △▽
หลังจากที่ตื่นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่บนที่นอนในห้องของเพื่อน แพคฮยอนก็โล่งใจขึ้นมาทันที เมื่อวานนี้เขารู้ตัวตลอดว่าตัวเองทำอะไร
“กินไปหน่อยเดียว เมาง่ายจังนะมึง”
โอเซฮุนเจ้าของห้องเอ่ยหลังจากที่ออกมาจากห้องน้ำและแต่งตัวพร้อมจะไปเรียนแล้ว แพคฮยอนเบะปากให้นิดหน่อยพลางยกมือขึ้นเขย่าหัวตัวเอง
“กินไปแค่นั้น แต่แม่งโคตรปวดหัว”
“ความเครียดมันปะทุไง เมื่อวานจำได้หมดมั้ยล่ะว่าพูดอะไรบ้าง”
“อืม จำได้”
“ก็ดีแล้ว .. เออนี่ พวกกูคิดว่านะ............” เซฮุนเงียบไป
“อะไรอ่ะ พูดมาดิ”
“เอ่อ เปล่าหรอก .. เอ้า มัวแต่ยืดยาดอะไร เรามีเรียนเช้านะแล้วนี่กี่โมงกัน” เซฮุนเข้าไปดึงแพคฮยอนให้ลุกออกจากเตียงเพราะสายมากแล้ว
“เฮ้ยๆ ไม่ไปไม่ได้เหรอ ฉันมึนหัวอยู่เลยนะ” แพคฮยอนค้าน
“หึหึ ลืมอะไรไปรึเปล่า นับตั้งแต่ที่เราคุยกัน ตั้งแต่ตอนนั้นนายก็หมดสิทธิ์จะโดดเรียนแล้วนะ”
“.............”
“อย่าลืมนะว่า เทอมนี้ประมาทไม่ได้แล้ว เพราะเทอมหน้าถ้าไม่รอด หมดโควต้ามึงแน่ๆ”
“.............”
แพคฮยอนได้แต่ทำตามโดยไม่สามารถปริปากอะไรได้ เซฮุนพูดถูก เขาจะทำแบบแต่ก่อนไม่ได้อีกแล้ว
หลังจากที่ถูกลากไปเรียนด้วยอาการเบลอๆมาทั้งวันแล้ว ข้าวกลางวันของแพคฮยอนก็ดันไม่ได้กินแบบใครเค้า ชายหนุ่มบอกลาเพื่อนรักโดยไม่ฟังคำค้านแล้ววิ่งปรี่ตรงมายังห้องสมุดที่แสนสงบเงียบ แม้ว่าทั้งสองจะอยากช่วยเต็มทีแต่เรื่องแบบนี้เขาก็มีศักดิ์ศรีพอเหมือนกัน ไม่อยากให้ใครมาเดือดร้อนด้วยหรอกนะ
“เอาล่ะ เหลือเวลาอีกสี่ชั่วโมงก่อนจะถึงเวลานัด” ว่าแล้วเขาก็ทิ้งตัวลงหน้าคอมพิวเตอร์ของห้องสมุดที่ยังว่างอยู่ที่หนึ่ง แพคฮยอนได้ยินเสียงท้องตัวเองร้องแต่นี่ไม่ใช่เวลาจะมาสนใจ เครื่องดื่มแก้แฮงค์ไม่มีประโยชน์อะไรเท่าน้ำเปล่าเลยจริงๆ
“เอาวะ สู้เค้าแพคฮยอน ไอ้บ้านั่นจะว่านายอีกเป็นครั้งที่สองไม่ได้”
“ฮัดเช้ย!”
เสียงจามเบาๆเพราะมือของเขาปิดมันได้ทัน จงอินเงยหน้ามองกระดานตรงหน้าที่อาจารย์ประจำคาบกำลังเขียนอะไรสักอย่างลงไป เขาไม่ได้ฟังมาสักพักแล้ว จงอินรู้สึกได้ถึงแรงกระตุกจากแขนของเพื่อนที่นั่งข้างกัน
“จามแบบนี้ ใครนินทานายกันนะ”
“ตลกล่ะลู่หาน” จงอินพูดแล้วเบือนหน้าหนีเพื่อนที่ไร้สาระไม่ดูเวลา
“เมื่อกี้นายหลับในป่ะวะจงอิน”
“.. งั้นเหรอ”
“เออดิ เหม่อมาสักพักแล้วนะเว้ย เมื่อเช้าก็หายหัว เป็นไข้รึเปล่าจงอิน หรือกังวลเรื่องงานกลุ่มกับหมอนั่นเหรอ”
“ก็ นะ คงงั้นมั้ง” จงอินตอบปัดๆไป
“นั่นไงล่ะ ดีนะที่พวกฉันไม่ลงเซคเดียวกับนายแล้วเจอขาโหดแบบอาจารย์คนนั้น”
“ประเด็นมันใช่ที่ไหนเล่า มันอยู่ที่คนทำไม่ทำมากกว่า”
“นั่นสินะ” ลู่หานหันไปมองมินซอกที่ตั้งหน้าตั้งตาสนใจกับบทเรียนอยู่ ก่อนจะหันมาหาจงอินแล้วกระซิบอะไรบางอย่าง
“นายได้ข่าวเรื่องเธอคนนั้นรึยัง”
“ใคร”
“ก็จะอะไรล่ะ แม่คนสวยคนเก่งของนายไงล่ะจงอิน”
“ใคร .. คริสตัลน่ะเหรอ ทำไม”
“ก็ถ้าไม่ใช่ญาติฉันก็คงไม่รู้หรอก เห็นแม่คุยกับคุณอาน่ะสิว่าเธอกลับเกาหลีมาแล้ว เห็นว่าเป็นช่วงปิดเทอมของทางนู้นน่ะนะ” ลู่หานเล่าไปจงอินก็ฟังไป ไม่ได้แสดงท่าทีสนใจอะไรมากนัก
“ใช่ ที่อเมริกาก็ราวๆนี้แหละ”
“ก็คงอยู่เกาหลีเป็นเดือนเลยล่ะ”
“แล้วนายมาเล่าให้ฉันฟังทำไม”
“ก็บอกเอาไว้ เพราะถ้าลางสังหรณ์ฉันไม่ผิดนะ ไม่กี่วันนายได้เจอยัยนั่นแน่”
จงอินได้ยินแต่หันหน้าหนีทำทีไม่สนใจอะไร แต่มีหรือที่เพื่อนรักจะดูไม่ออก รอยยิ้มของลู่หานหายไปเมื่อนึกถึงเรื่องของเพื่อนตัวเอง ไม่นึกเลยว่าจะลงเอยได้ไม่สวย หรือจริงๆแล้วมันอาจจะยังไม่จบมากกว่า
“อ๊อยยยย เสร็จซะที.....”
แพคฮยอนยิ้มกว้างพลางขยี้ตากับผลงานในมือของตัวเอง ส่วนของรายงานที่ค้างอีกฝ่ายเอาไว้หลายวัน ในที่สุดก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง แต่จะผิดถูกยังไงแพคฮยอนขอให้เป็นอีกเรื่องก็แล้วกัน
ร่างเล็กเก็บของอย่างรวดเร็วเพื่อเตรียมไปตามนัดที่ใต้ตึกคณะที่เดิม สักพักข้อความมือถือก็ดังขึ้น
- - เจอกันร้านเค้กหน้าประตูทิศตะวันตก -
“เฮอะ คราวนี้เป็นร้านเค้กเหรอ อารมณ์ดีจริงนะคุณคิมจงอิน ... ว่าแต่ ตะวันตก ทางไหนฟระ”
△▽ △▽ △▽
แพคฮยอนวิ่งมาตามทางเดินเพื่อให้ถึงที่หมายให้เร็วที่สุด ร้านเค้กขนาดเล็กแห่งนี้เขาจำได้ว่าเคยผ่านบ่อย แต่ก็ไม่เคยแวะเลยสักครั้ง แพคฮยอนผลักประตูเข้าไปทันที สายตารีบร้อนกวาดมองหาคนที่นัดท่ามกลางคนเยอะแยะในร้าน แล้วก็เจอจนได้ จงอินนั่งอยู่มุมนั้นนั่นเอง
“อะ แฮ่ม” แพคฮยอนส่งเสียง ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงตรงข้าม
“มาช้าอีกแล้วนะ”
“เลิกบ่นเลิกว่าซะทีเหอะน่า ฉันวิ่งมาเลยรู้มั้ย ข้าวเที่ยงยังไม่ได้กินด้วยซ้ำ” แพคฮยอนโพล่งออกไปก่อนจะนึกได้ว่าไม่น่าพูดไปเลย เสียหน้ายังไงไม่รู้
“แล้วทำไมไม่กินล่ะ”
“อ่ะ เออ เปล่าหรอก เอานี่ ส่วนของฉันเสร็จแล้วนะ แต่ผิดถูกยังไงอันนี้ดูเอาเอง ไม่ดีก็เดี๋ยวแก้ให้” แพคฮยอนยื่นเอกสารชุดหนึ่งในมือออกไปให้จงอิน ใบหน้าเรียบเฉยรับเอาไว้ก่อนจะวางมันลงอย่างไม่ได้สนใจเท่าไหร่
จงอินยื่นเมนูแผ่นเล็กๆให้แพคฮยอนโดยไม่พูดไม่จา
“อะไร”
“ก็เมนูไง สั่งซะสิ”
“...............”
“ฉันตั้งใจจะเลี้ยง อีกอย่างยังไม่ได้กินอะไรไม่ใช่รึไง สั่งอะไรรองท้องหน่อยสิ” จงอินพูดส่งๆพลางหันไปอีกทางโดยไม่สนใจเลยว่าคนตรงหน้าเหมือนจะอ้าปากค้างเล็กๆ แพคฮยอนไม่ได้รู้สึกซึ้งใจอะไรหรอกนะ แค่แปลกใจมากกว่าว่าทำไมถึงบอกว่าตั้งใจจะเลี้ยง เห็นเขาไม่มีจะกินขนาดนั้นเหรอ
“เฮ้ .. จะทำหน้าแบบนั้นอีกนานมั้ย” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
“ทำไมต้องดุด้วยล่ะ”
“ไม่ได้ดุ”
“เออๆ ก็แค่อยากรู้ว่าตั้งใจเลี้ยงเนี่ย หมายความว่าไง หรือนายจะเอาของกินมาล่อฉัน ไม่ใช่หมานะจะเอาอะไรมาล่อแบบนี้” แพคฮยอนเบ้ปากให้คนตรงหน้าที่เป็นฝ่ายอ้าปากค้างไปบ้าง จงอินไม่นึกเลยว่าการที่เขาอุตส่าห์มีน้ำใจจะทำถูกตีความเป็นอีกอย่างไปได้
“ฟังนะพยอนแพคฮยอน คนอย่างฉันไม่คิดจะเอาอะไรมาล่อนายหรอก ฉันจะทำไปเพื่ออะไรล่ะ”
“....................”
“ที่อยากจะเลี้ยงเพราะอยากจะขอโทษเรื่องเมื่อวานนี้ ที่ฉันพูดแรงไป”
อีกแล้ว แพคฮยอนยิ่งอึ้งหนักไปกว่าเก่า ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของคนๆนี้ และหลังจากที่อึ้งไปหลายวินาที อย่าให้ใครรู้เด็ดขาดนะว่าหัวใจของเขากำลังเต้นแรง เหมือนมันกำลังพองคับอกยังไงยังงั้น
จงอินก็แคร์เขาอยู่ใช่ไหมนะ คิดแบบนี้ได้รึเปล่า
“เอาของกินมาล่องั้นเหรอ .. ทำอย่างกับว่านายมีผลประโยชน์อะไรให้ฉันงั้นแหละ” ใบหน้านิ่งๆเอ่ยขัดความนึกถึงคิดดีๆของอีกฝ่ายลง แพคฮยอนคิดผิดจริงๆด้วยที่ไปหวังอะไรกับคนแบบนี้ เขาแอบทำหน้ามุ่ยพลางนึกในใจว่าคนๆนี้มันไม่น่าคบจริงๆด้วย
“อ่ะ เอ้อ .. ขอบใจแล้วกัน” แพคฮยอนรีบพูดแล้วรีบก้มหน้าลงจ้องเมนู จงอินขมวดคิ้วงงๆแต่ก็ทำได้แค่แอบมองเวลาอีกคนไม่รู้ตัว
สักพักทั้งเค้ก น้ำชา หลายเมนูก็มาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ คนที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องทำตาลุกวาวทันที แพคฮยอนไม่พูดอะไรนอกจากจัดการกับของหวานตรงหน้าอย่างไม่เกรงใจอีกคนสักนิด จงอินมองเจ้าลูกหมาอดอยากพลางยกถ้วยมอคค่าร้อนขึ้นดื่ม
“ใจเย็นๆก็ได้นะ ฉันไม่แย่งนายหรอกน่ะ”
“ฮะ .. อะไออ๋องอายอ่ะ” ปากเล็กๆที่ยัดเค้กเข้าไปคำโตเงยหน้าขึ้นมาถาม แต่แพคฮยอนพูดอะไรจงอินก็ฟังไม่ออกหรอก
“มูมมามจริงๆ” คนมองส่ายหน้าให้อย่างเอือมๆ นี่เขาคิดถูกหรือคิดผิดนะที่อยากจะขอโทษเนี่ย อุตส่าห์เก็บเอาไปคิดจนแทบนอนไม่หลับ แล้วดูสิ นี่แพคฮยอนไม่ได้คิดอะไรเลยใช่ไหม
“อุดอองอั๋นเอยอ๊ะ ...” แพคฮยอนตวัดตามาให้ก่อนจะเคี้ยวตุ้ยๆต่อไป จงอินเห็นแล้วก็ทนไม่ไหว
“กินให้หมดแล้วค่อยพูดเหอะน่า ฉันฟังไม่รู้เรื่อง” ใบหน้าคมขมวดคิ้วไปให้ แพคฮยอนไม่พูดอะไรนอกจากเงยหน้ามอง เศษเค้กกับครีมที่ติดอยู่แก้มทำเอาจงอินต้องส่ายหน้าอีกครั้ง ร่างสูงยืดตัวออกไปข้างหน้าจนสุดขณะที่มือจะคว้าเอากระดาษทิชชู่เอื้อมไปเช็ดของหวานออกจากแก้มของคนที่กินอย่างกับเด็ก
แพคฮยอนนั่งนิ่งไปโดยไม่ต้องให้บอก ใบหน้านั้นห่างกันแค่คืบ แต่ให้ตายเหอะ จงอินจะรู้มั้ยนะว่าทำแพคฮยอนใจเต้นอีกแล้ว
“อ๊ะ....” จงอินรู้สึกเหมือนกับว่าวิญญาณเพิ่งจะเข้าร่าง จู่ๆก็นึกได้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร นี่เขาเช็ดปากให้ไอ้คนไม่เอาไหนเนี่ยนะ บ้าไปแล้วแน่ๆ
แพคฮยอนไม่เข้าใจกับท่าทีของอีกฝ่ายที่จู่ๆก็ผละออกแล้วทำหน้าเซ็ง เข้าอีหรอบเดิมแล้วสินะ เหมือนช่องว่างระหว่างกันมันขยายห่างออกไปอีกไกลยังไงไม่รู้
“อ้าว จงอินนี่นา มากับใครเหรอ”
จู่ๆสาวสวยกลุ่มหนึ่งที่แพคฮยอนคาดว่าน่าจะอยู่ปีเดียวกันก็ตรงเข้ามาทักคนตรงหน้าของเขา ดูภายนอกแล้วน่าจะเป็นพวกลูกคุณหนูอีกนั่นแหละ เพราะสวยๆแบบนี้เท่านั้นที่แพคฮยอนไม่เคยได้พูดคุยด้วย
“หวัดดีซูจิน” จงอินหันไปยิ้มให้ตามมารยาท
“ไม่เคยเห็นมาร้านนี้เลย พวกฉันนั่งด้วยได้ไหม” ใบหน้าเรียวเล็กยิ้มหวานมาให้ จงอินพยักหน้าเล็กน้อยพลางขยับให้เล็กน้อย ผู้หญิงสองสามคนนี้กำลังเลือกเมนูกัน โดยไม่ลืมจะมองมาที่แพคฮยอน
“เพื่อนนายเหรอจงอิน” เหมือนพวกเธอเพิ่งจะนึกออกว่ามีอีกคนนั่งอยู่ด้วย
“อื้ม .. นี่แพคฮยอนนะ ส่วนนี่ก็ซูจิน ยูมิน จินยอง” จงอินเอ่ยแนะนำคนทั้งหมด
“แล้วพวกลู่หานล่ะ ไม่ได้มาเหรอ”
“ฉันมากันสองคน เพื่อนที่ทำงานคู่กันน่ะ” จงอินอธิบายเพิ่ม แต่ประโยคหลังทำเอาแพคฮยอนตะขิดตะขวงใจนิดๆแต่ก็ไม่ได้นึกอะไรอีก เขาทำทีจะยิ้มให้เพื่อนสาวของอีกฝ่ายแต่แล้วก็ต้องค้างไปเมื่อสายตาแปลกๆของพวกเธอมองมาที่เขา มันไม่แลดูเป็นมิตรสักนิด
พอรู้ว่าไม่ใช่พวกเพื่อนไฮโซแล้วก็มองกันแบบนี้เลยนะ แพคฮยอนคิดในใจ
แก้มพองๆที่เคี้ยวตุ้ยๆอยู่เริ่มจะไม่มีความสุขเสียแล้ว แพคฮยอนรีบกลืนทุกอย่างลงคอก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว แต่เพราะความรีบร้อนนั่นแหละที่ทำให้เกิดสำลักขึ้นมา
“แค่กๆๆ .....” แพคฮยอนก้มหน้าสำลักเสียงดังทำเอาทุกคนมองมากันหมด มือเล็กควานหากระดาษเพื่อจะเช็ดปากแต่ก็เอื้อมไปไม่ถึง เขาสบตากับจงอินที่มองมาด้วยสายตานิ่งๆแบบเดิม ต่างกับสาวๆที่ทำท่าเหมือนกำลังมองตัวประหลาด
“ทะ โทษนะ แค่กๆๆ” แพคฮยอนไม่มีทางเลือกนอกจากรีบจับชายปกเสื้อขึ้นมาปิดปากที่สำลักไม่หยุด และพอเริ่มทุเลาลงเขาก็รู้สึกได้ถึงบางอย่าง
สายตารังเกียจหายไปแล้วเหลือเพียงเสียงพูดคุยกันในเรื่องอะไรสักอย่างที่เขาไม่รู้ด้วยเลยสักนิด แพคฮยอนมองหน้าจงอินเหมือนจะบอกว่าเขายังนั่งอยู่ตรงนี้ แต่สายตาคู่นั้นกลับได้แค่มองมาแล้วก็หันไปคุยกับสาวๆต่อ
จู่ๆความน้อยเนื้อต่ำใจก็แล่นปราดเข้ามาหาแพคฮยอนเต็มๆ พยายามจะไม่คิดแล้วแต่มันปฏิเสธไม่ออก ร่างเล็กลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะไปในทันที จงอินเห็นอย่างนั้นก็สีหน้าเปลี่ยนไป
“เป็นไรไปคะจงอิน”
“แพคฮยอนไปไหนแล้ว”
“คงไปห้องน้ำมั้งคะ ช่างเค้าเถอะ ดูเข้าใจยากยังไงก็ไม่รู้” เสียงของคุณหนูซูยองเอ่ย ริมฝีปากสวยก้มดูดคาราเมลเย็นอย่างอารมณ์ดี เหมือนกับอีกสองคนไม่มีผิด จงอินไม่อยากจะเสียมารยาทกับหลานสาวประธานคิมกรุ๊ปคนนี้ แต่ก็หงุดหงิดไม่น้อยที่อีกคนหายไป
เป็นบ้าอะไรอีกนะ อิ่มแล้วหนีงั้นเหรอ
“เอ่อ โทษนะซูจิน เดี๋ยวฉันขอตัวแป๊บ” จงอินทนไม่ไหวจึงต้องเดินออกมาด้านนอก
อยากวิ่งตามไปถามให้รู้เรื่องเลยว่าไม่พอใจอะไร แต่ด้านนอกร้านก็ไม่เห็นใครเลย หรือว่าแพคฮยอนจะหนีกลับไปแล้วจริงๆ แต่กระเป๋าก็ยังอยู่นี่นะ หายไปไหนแล้วล่ะ วิ่งเร็วเหลือเกิน ร่างสูงเดินวนไปวนมาอยู่สักพักเผื่อว่าจะเจอแต่ก็ไม่เลย
จงอินเดินกลับเข้ามาที่เดิมอย่างหัวเสีย ก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเรื่องไร้สาระแบบนี้เขาจะมาใส่ใจอะไร แต่เมื่อถึงโต๊ะแล้วกลับต้องพบกับความแปลกใจ .. แพคฮยอนนั่งอยู่ที่เดิม
“ไปไหนมา” จงอินถาม
“ห้องน้ำไง ทำไมเหรอ แล้วนายไม่ได้ไปห้องน้ำหรอกเหรอ” แพคฮยอนถามกลับอย่างปกติ เพราะว่าถ้าแบบนั้นก็น่าจะสวนกันสักหน่อย จงอินเงียบไปเพราะหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ของอีกฝ่าย แล้วเมื่อกี้นี้เขาทำอะไรลงไป
“อ้อ ฉัน ไปโทรศัพท์มาน่ะ” จงอินบอกด้วยใบหน้านิ่งๆ เขารีบทิ้งตัวลงนั่งข้างกับสาวๆที่ยังไม่ไปไหน
“โอเคเลยจงอิน ฉันอิ่มแล้ว ทีนี้ก็ได้เวลางานของเราแล้วล่ะนะ”
แพคฮยอนบอกเสียงดังราวกับว่านั่งอยู่กันสองคน ใบหน้าขาวๆยิ้มออกมาพลางหยิบเอางานมากองเต็มโต๊ะ ซึ่งจงอินดูออกว่าเกินกว่าครึ่งเลยที่มันไม่ใช่ ชายหนุ่มแปลกใจกับการกระทำแบบนั้นแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แพคฮยอนจงใจเบียดหนังสือกองหนึ่งเข้ากับจานเค้กเล็กๆของพวกคุณหนูสุดสวย ใบหน้าบริสุทธิ์ใจทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซูจินขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่พอใจ
“นี่นาย เห็นมั้ยว่าจานเค้กของฉันจะหล่นจากโต๊ะแล้ว”
“ใช่ เกรงใจกันหน่อยสิ” เสียงของจินยองเอ่ยตาม เธอยกแก้วของเธอขึ้นอีกครั้งเพราะกลัวมันจะตกเอา
จงอินเห็นเหล่าคุณหนูเริ่มไม่พอใจเข้าก็มองหน้าแพคฮยอนเป็นเชิงบอกว่าให้พอแล้ว แต่นอกจากจะไม่ได้ผลยังตรงกันข้ามอีก แพคฮยอนยิ่งดันกองหนังสือพวกนั้นเบียดไปอีกทาง เล่นเอาจานของพวกหล่อนหมิ่นอยู่ปลายโต๊ะจนเกือบจะตก
“อ๊ะ โทษทีนะ แบบว่าโต๊ะมันก็เล็กน่ะนะ พวกเธอรีบๆกินได้มั้ยล่ะ ฉันกับหมอนี่ต้องรีบทำงานกันต่อ” แพคฮยอนพูดจบก็แกล้งยิ้มให้แบบไม่รู้ร้อนอะไร ชายหนุ่มก้มลงทำทีเคร่งกับงานตรงหน้า
“นะ นาย ว่ายังไงนะ”
“เอ่อ .. ซูจิน คือ” จงอินทำท่าจะอธิบาย แต่แพคฮยอนกลับตอบขึ้นมาแทน
“ก็หมายความว่า ถ้าพวกเธอกินเสร็จก็กลับไปได้แล้ว ไม่งั้นก็รีบๆยัดเข้าปากไปสิ มันเกะกะเวลางานกลุ่มของพวกฉันน่ะ” แพคฮยอนพูดด้วยเสียงเป็นมิตร แต่รอยยิ้มแบบนั้นเล่นเอาสามสาวต้องทำตาโต และก่อนที่จะได้มีการสวนกลับอะไรกันขึ้นมา จงอินจึงต้องยุติสงครามย่อมๆลง
“เอ่อ คืองี้ๆๆ .. แพคฮยอนเค้าทำงานค้างเอาไว้น่ะ ดองจนเป็นดินพอกหางหมูเลยกำลังถูกฉันเร่งน่ะนะ พวกเธออย่าไปสนใจเลย” จงอินยิ้มออกมาก่อนจะดันร่างของเธอแต่ละคนเบาๆเป็นเชิงบอกว่าย้ายไปอีกโต๊ะดีกว่า เขาอยากคุยด้วยเงียบๆ แพคฮยอนยอมได้ที่ไหนให้ใครมาว่าแบบนี้ แต่จงอินก็แย่งพูดเอาไว้ก่อน
“นายนี่มันจริงๆเลยแพคฮยอน” ก่อนจะลุกไปจงอินก็ยังไม่วายหันมาทำทีดุคนของตัวเอง คนตัวแสบจึงได้แต่เบ้ปากให้อย่างไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยให้ทั้งหมดเดินไปนั่งอีกโต๊ะ
“เหอะ อวยกันเข้าไปนะ ยัยพวกนี้คิดว่าตัวเองเป็นใคร คนอย่างพยอนแพคฮยอนแมนพอนะ ถ้าไม่ใช่กับยัยคนอย่างพวกเธอเนี่ย”
จงอินหายไปกับสาวๆพักใหญ่ ระหว่างนั้นแพคฮยอนก็นั่งเบื่อๆไปตามเรื่อง
“นานจังวะ” มือเล็กเริ่มอยู่ไม่สุข เขาควานหาบางอย่างในกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะลุกออกไปด้านนอกเพื่อระบายอาการเบื่อ
“จะไปไหน นั่งลงเลยนะ” เสียงทุ้มของคนสูงกว่าเอ่ยขึ้นตรงหน้าก่อนจะก้าวออกไป
“จีบกันเสร็จแล้วรึไง” แพคฮยอนถามประชด
“จีบบ้าอะไร ไร้สาระ ... แล้วนั่นอะไรน่ะ” จงอินมองไปที่ของในมืออีกฝ่าย แพคฮยอนลืมตัวรีบเอามือหลบไปข้างหลังแต่ก็ไม่ทันแล้ว จงอินเอื้อมไปคว้าแขนเล็กเอาไว้ก่อน บุหรี่ซองหนึ่งที่มือนั้นกำเอาไว้ถูกเขาฉวยไปอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย....”
“พอเลย นั่งลงได้แล้ว” จงอินไม่สนใจแพคฮยอนที่ทำท่าจะแย่งของตัวเองคืน ร่างสูงนั่งลงที่ตรงข้ามก่อนที่อีกคนจะกระแทกก้นนั่งลงตาม
“เอาคืนมา มันของๆฉัน”
“คืนแน่ แต่หลังจากที่ตรวจงานของนายก่อนนะ” จงอินบอกเสียงขุ่น แพคฮยอนไม่รู้หรอกว่าทำไมต้องทำหน้าแบบนั้น หรือจะเป็นเรื่องที่เขาทำเมื่อกี้นี้
“นายโกรธเรื่องเมื่อกี้ใช่มะ”
“อืม นายเสียมารยาทนะแพคฮยอน” อันที่จริงแล้วเขาติดใจเรื่องนี้ที่ไหน แต่ก็แค่อยากแกล้งพูดออกไป
“เออ ฉันยอมรับว่าทำไม่ดี แต่เพื่อนนายมองฉันแบบนั้นทำไม แล้วตอนที่นายไม่อยู่แป๊บนึงอ่ะ ยัยนั่นก็พูดเหมือนกับว่าฉันจะกลับตอนไหนอีก พอนายมาก็ทำหน้าเฉยไม่รู้ไม่ชี้ .. เฮอะ พวกนายนี่เห็นพวกไม่ไฮโซอย่างฉันหน่อยแล้วไม่อยากเข้าใกล้รึไง ......”
“พอๆๆ ฉันเข้าใจแล้ว” เมื่อเห็นว่าจะยาว จงอินเลยห้ามไว้ก่อน
“เข้าใจก็ดี งั้นก็รู้ว่าไว้ด้วยว่าคนที่นายเทคแคร์ซะขนาดนั้นน่ะ ไม่ชอบฉัน .. ก็นะ นายก็ดูจะชอบเค้านี่นา โหยยิ้มละมุนเชียว” แพคฮยอนว่าแล้วก็หันหน้าไปอีกทาง ท่าทีแบบเหมือนกำลังบ่นอุบอะไรอยู่นั้นทำให้จงอินต้องรีบอธิบาย
“เฮ้อ .. ก็ทำไงได้ล่ะ เค้าเป็นถึงหลานสาวท่านประธานบริษัทนึงที่เป็นคู่ค้ากับที่บ้านของฉัน แล้วอีกสองคนก็พอตัวเหมือนกัน หลายครั้งที่เราเจอกันในงานสังคมของพวกผู้ใหญ่บ่อยๆ ขืนไม่สนใจมีหวังถึงหูที่บ้านแน่ ฉันขี้เกียจฟังแม่บ่น เข้าใจรึเปล่า” จงอินพูดออกมาหมด พอเงยหน้าขึ้นอีกทีก็เห็นว่าแพคฮยอนกำลังตั้งใจฟังผิดกับเมื่อกี้
พอสบตากันเข้าก็เพิ่งมานึกได้ จงอินไม่เข้าใจว่าแล้วมันเรื่องอะไรกันที่เขาต้องมาอธิบายอะไรเป็นเรื่องเป็นราวขนาดนี้ด้วย กับเพื่อนสนิทบางทียังขี้เกียจพูดด้วยเลย
“อ่ะ เออ แต่ก็ดีนะ เพราะถ้านายไม่แกล้งพวกหล่อนล่ะก็ เราอาจไม่ได้ทำงานกันต่อ” ใบหน้าคมพูดเปลี่ยนเรื่องก่อนจะยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่ม แพคฮยอนมองอาการแบบนั้นด้วยท่าทีงงๆ
“งั้นเหรอ”
“ก็เออสิ ขอบใจอีกครั้งแล้วกัน”
แพคฮยอนยกยิ้มมุมปากนิดหน่อย เหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าตกลงแล้วจะด่าหรือชมกันแน่
เพื่อนรักทั้งสองเดินเคียงกันไปตามทางเดินออกสู่ประตูมหาวิทยาลัย เกือบจะพลบค่ำแล้วพวกเขาทั้งสองยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเพื่อนตัวดีอีกคนเลย เซฮุนกำลังคิดไปว่าแพคฮยอนจะไปแอบหลับที่ไหนรึเปล่า เมื่อตอนเที่ยงข้าวปลาก็ไม่กิน พักนี้ดูแปลกๆ
“มึงว่ามั้ยล่ะคยองซู”
“เออสิ หรือมันทะเลาะกับแม่กันนะ แต่เมื่อวานฉันแวะไปที่บ้านก็เจอคุณน้าอยู่นะ ก็สภาพเดิมๆ ไม่น่ามีอะไรกัน”
“แต่จริงๆแม่ลูกคู่นี้ก็เข้าใจยากนะเว้ย” เซฮุนแย้งขึ้น
“ก็จริงอีกนั่นแหละ” คยองซูถอนหายใจ
ทั้งสองเดินช้าๆไปตามทาง ผ่านร้านเค้กที่บังเอิญเหลือเกินที่กระจกบานใสจะทำให้เห็นเพื่อนตัวดีที่พวกเขาพูดถึงกันอยู่ มือเล็กๆรั้งแขนเพื่อนรักเอาไว้ให้หยุดเดิน
“เฮ้ย หยุดก่อนว่ะตุ๊ด” คนที่ถูกเรียกว่าตุ๊ดหันขวับกลับมาทันที ถ้าเป็นอย่างทุกทีเซฮุนก็จำร้องเสียงเหมือนเป็ดบอกว่าตัวเองไม่ใช่ ยิ่งทำแบบนั้นคยองซูก็จะยิ่งเห็นว่ามันใช่อย่างที่ทุกคนว่าไปใหญ่ แต่ตอนนี้สายตาทั้งสองกลับมองไปทางเดียวกัน
เมื่อยืนมองภาพในร้านนั้นสักพัก คยองซูก็ต้องมองตาเซฮุนแล้วเอ่ยบางอย่างออกมา
“กูรู้ว่ามึงคิดแบบกู .. รู้แล้วใช่มั้ยว่าจะให้ใครติวให้มันดี”
△▽ △▽ △▽
ถึงเวลาที่ต้องแยกย้ายกันแล้ว แพคฮยอนยืนเงียบๆอยู่ข้างจงอินที่หน้าเคาน์เตอร์จ่ายเงิน เขาขอบใจจงอินก็จริงที่เลี้ยง แต่อารมณ์ตอนนี้มันเซ็งสุดๆไปเลยกับงานที่ต้องเอากลับไปแก้
ก็ไม่ได้หวังหรอกว่ามันจะถูก เอาเถอะ
ปากเล็กๆกำลังเคี้ยวหมากฝรั่งขณะที่รออีกฝ่ายจ่ายเงิน และก็บังเอิญอีกครั้งแล้วที่แพคฮยอนเห็นอะไรในกระเป๋าใบเล็กของจงอิน รูปของผู้หญิงผมยาวสวย
“มองอะไรน่ะ” ใบหน้าคมเก็บเงินทอนใส่กระเป๋าแล้วปิดมันลง จงอินมองแพคฮยอนที่จ้องของในมือเขา
“ปะ เปล่านี่ .. ขอบใจนะที่เลี้ยงอ่ะ”
“หึหึ เดี๋ยวนี้นิสัยดีเนอะ หัดขอบจงขอบใจ” ว่าแล้วก็เดินนำออกไปนอกร้าน แพคฮยอนอ้าปากจะเถียงแต่ก็ไม่ทันแล้วนอกจากวิ่งตามออกไป เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าคนๆนี้จะไม่กวนโอ๊ยสักประโยคได้ไหม
“มืดขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” จงอินเอ่ยขึ้นเมื่อเดินออกมาแล้ว
“นายสมาธิดีเกินไปนะจงอิน เรานั่งติดกระจกแท้ๆ สนแต่งานจนไม่ดูลมฟ้าอากาศ” แพคฮยอนเหมือนจะชมแต่ก็จบลงที่การแขวะจนได้
“ให้ไปส่งมั้ย”
“ห๊ะ .. ว่าไงนะ”
“ฉันถามว่าให้ไปส่งรึเปล่า”
“แหม นี่มันทุ่มเดียวเองนะ พูดเหมือนดึกแน่ะ”
“สรุปจะกลับไม่กลับด้วย คนอุตส่าห์อารมณ์ดี” จงอินพูดด้วยใบหน้าจริงจัง แต่แพคฮยอนเข้าใจว่าคงไม่มีอารมณ์ล้อเล่นมากกว่า
“ก็ได้ ไปก็ไป”
“พูดดังๆสิ ไม่ได้ยิน”
“ก็บอกว่า ไปก็ไปไงเล่า ถามอะไรมากวะเนี่ย .. วู้” คนตัวเล็กหันหลังให้ราวกับรำคาญเต็มทน แพคฮยอนเกือบหลุดยิ้ม
ออกมาแล้วมั้ยล่ะ เขาอยากจะตบแก้มตัวเองเหลือเกิน จงอินมองตามแผ่นหลังนั้นก่อนที่โทรศัพท์มือถือจะดังขึ้น
Rrrrrrrrrrrrrr
“ว่าไงลู่หาน”
“ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ รอนานแล้วนะเว้ยจงอิน”
“รอ.. รอฉันเนี่ยนะ รอทำไม”
“นี่ๆ อย่าว่าฉันพูดไปล่ะ .. ตอนนี้ฉันอยู่บ้านนายว่ะ พ่อกับแม่ลากมา ครอบครัวนายก็อยู่ครบ ตลกชะมัดเลย”
“เข้าเรื่องได้มะ อย่ายาว”
“เออๆ ก็จะอะไรล่ะ พ่อแม่ฉันพาหลานรักมาเยี่ยมที่บ้านนายน่ะสิ แล้วนายก็กรุณารีบกลับมาด้วยนะครับ” ชายหนุ่มปลายสายเอ่ยด้วยน้ำเสียงขอร้อง ซึ่งคนฟังเข้าใจดีว่าหมายถึงอะไร ถึงตรงนี้แล้วจงอินก็เงียบไปเล็กน้อย
“เดี๋ยวนี้เลยเหรอ”
“ใช่ รีบมาล่ะ ฉันอยากกลับจะแย่”
หลังจากวางสายจากลู่หานไป จงอินก็ต้องพบกับใบหน้าของคนที่ยืนอยู่ข้างกัน
“ไม่ได้แอบฟังนะ ได้ยินเอง” แพคฮยอนรีบบอก แต่ผิดคาด จงอินไม่ได้สนใจจะว่าอะไรเขาเลย คนตรงหน้าเหมือนกำลังเหม่อคิดอะไรสักอย่าง แพคฮยอนเห็นท่าทีแปลกๆแบบนั้นเลยถามออกไปเผื่อว่ามีเรื่องอะไร
“จงอิน นายเป็นอะไร”
“เปล่า .. กลับบ้านดีๆล่ะ” ว่าแล้วก็ทำท่าจะเดินไปอีกทาง แพคฮยอนอ้าปากค้างก่อนจะเรียกเอาไว้
“เฮ้ เดี๋ยวสิ .. ถึงฉันจะได้ยินที่นายคุยเมื่อกี้ แต่บอกกันหน่อยก็ได้นี่นาว่าไปส่งไม่ได้แล้ว”
“อืม โทษทีนะ ฉันไปส่งนายไม่ได้แล้วล่ะ พอดีที่บ้านมีธุระน่ะ” ให้บอกจงอินก็บอก แต่แพคฮยอนกลับไม่พอใจสักนิด แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากตอบรับไปแบบเข้าใจ
“ไม่เป็นไร”
“งั้นไว้เจอกัน”
จงอินบอกลาง่ายๆก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้แพคฮยอนได้แต่มองตาม รอยยิ้มก่อนหน้านี้จางหายไปได้เร็วเหลือเกิน
แพคฮยอนไม่ได้โกรธที่จงอินไปส่งไม่ได้แล้วหรอก แค่รู้สึกว่าท่าทางเมื่อกี้มันทำเหมือนไม่เห็นหัวกันเลย อยากจะลืมก็ลืมเหรอ
ลืมแล้วรึไงว่าเขายืนอยู่ตรงนี้ .. แต่ก็ช่างเถอะ จงอินคงมีธุระด่วนที่รอให้แก้ไข
“ไว้ปิดแผลให้คราวหน้า พ่อจะแกล้งทุบให้เลือดออกเลยคอยดู”
หนุ่มนักศึกษาเผยความซ่าออกมาเมื่อยามที่ต้องยืนอยู่คนเดียว แต่แล้วสักพักเขาก็ต้องแอบถอนหายใจ
เพราะจากใจจริงๆมันรู้สึกอีกแบบมากกว่า
“บ้าเอ๊ย .. กลับเองก็ได้วะ”
.
.
Tbc.part 7
ฮรอลลลลลลลลลลลลล พาร์ทนี้ก็ยังคงไม่ไปไหน หรือกำลังไป? ;______;
อย่างที่บอกว่าจะมาอัพช้าสักพักก็ช้าจริงๆค่ะ (จริงๆจะช้ากว่านี้ แต่มาคั่นอารมณ์ให้ก่อน หรือทำให้ค้างกว่าเดิม ..ฮา) นั่นแหละค่ะ
ยุ่งกับอีกเรื่องอยู่เลยมาช้า หลังสิ้นเดือนคงจะว่างขึ้น (แต่ชีวิตจริงยังยุ่งอยู่TT)
ไม่เคยเขียนฟิคเรื่องไหนแล้วเครียดเท่าเรื่องนี้มาก่อน ไม่ถนัดเลย .. เพราะทุกคอมเมนท์แท้ๆที่ทำให้ตั้งใจปั่นต่อไป
มันอาจไม่เป็นดั่งหวังนะคะ แต่มันก็จะดำเนินไปในแบบของมันค่ะ^^
คอยดูกันว่าพระนายเรื่องนี้จะซึนกันได้นานแค่ไหน เจอกันพาร์ทหน้า~
ปล. ฝากคุณชายจงณพีร์ x พยอนขวัญ ให้ดูเล่นค่ะ (กากหน่อยนะ==)
http://24.media.tumblr.com/2d9190b847c79f205e9956f2ca182fca/tumblr_mlkcr8OUPw1rhjrlzo1_500.jpg
18ความคิดเห็น