คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 8 - Happy Alley เหมียวเหมียว
Chapter 8
“ไม่เตะบอลกับพี่จริงหรอ?” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามคนตัวเล็กเป็นรอบที่สามของวัน
“ไม่เอา วันนี้อยากวิ่งมากกว่า”
“วิ่งคนเดียวเหงานะ” เสียงเจ้าเล่ห์เริ่มสะกิดแซวอีกคน
“จะเหงาได้ไง คนวิ่งเยอะแยะ”
“วิ่งคนเดียวระวังหลงทางน้า~”
“ไม่เคยกลัว” คชาตอบกลับแล้วยกมือขึ้นกอดอก เบือนหน้าไปยังอีกฝั่งทันที
“แต่พี่กลัวนะ...” เต๋ายกแขนขึ้นกอดอกเหมือนคนตัวเล็กแล้วถอนหายใจเสียงดังจนคชาตกใจ
“กลัวอะไรหละ”
“กลัวเด็กหายไง” ริมฝีปากบางเบ้ออกอย่างขัดใจ เต๋าหลุดหัวเราะออกมาทันทีเมื่อเห็นอีกคนทำหน้าหงุดหงิด
“โอเคๆ วิ่งก็วิ่ง งั้นถ้าวิ่งเสร็จแล้วมาหาพี่ที่สนามนะ”
“โอเคเด็กชายเต๋าน้อย” คชายิ้มให้อีกคนก่อนที่มือหนาจะยื่นมาลูบหัวกลมแล้วปล่อยให้คนตัวเล็กไปวิ่ง ตาคมมองแผ่นหลังบางที่เคลื่อนตัวออกห่างไปทีละนิดแล้วเดินไปยังสนามฟุตบอลที่อยู่ไม่ไกล
...
......
.........
พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า แสงสว่างที่เคยได้รับจากพระอาทิตย์ดวงโตหายไปแล้วถูกแทนที่ด้วยแสงไฟจากหลอดนีออนสีขาวตามทางเดิน เต๋ายกแขนขึ้นเช็ดเหงื่อที่ไหลเกาะพราวตามใบหน้าคมขาว แล้วเดินไปบอกลาเพื่อนร่วมทีมที่กำลังเตรียมตัวแยกย้ายกลับบ้าน เต๋าเลิกเตะบอลแล้วแต่คชายังไม่มาหาเขาตามที่นัดกันเอาไว้ สุดท้ายก็ต้องเดินตามหาอีกคนตามระเบียบสินะ
“คชา” เต๋าร้องเรียกคนตัวเล็กทันที เมื่อมองเห็นแผ่นหลังบางคุ้นเคย แต่ทว่าคนที่กำลังนั่งยองอยู่กับพื้นไม่มีทีท่าว่าจะสนใจเสียงเรียกของเขาสักนิด จนกระทั่งเต๋าเดินไปยืนอยู่ด้านหน้า
“นั่นแมวใคร?” คนที่ยืนอยู่ถามขึ้นทันทีเมื่อสังเกตเห็นสิ่งมีชีวิตสีขาวขนฟูในอ้อมกอดของคชา มือบางกำลังเกาคาง ลูบไล้ขนนุ่มนิ่มนั่นด้วยความเอ็นดู
“ไม่รู้เหมือนกัน เห็นนั่งอยู่ใต้ม้าหินอ่อนตั้งนานแล้ว หลงทางหรือเปล่าก็ไม่รู้ หลงทางหรือเปล่านะ เหมียว เหมียว” เต๋าพยักหน้าเออออก่อนจะนั่งลงเหมือนอีกคน นึกเอ็นดูเสียงร้องเหมียวเหมียวที่อีกคนพูดเมื่อครู่ไม่น้อย
“แต่ก็น่าจะเป็นแมวมีเจ้าของนะ ดูสิมีปลอกคอด้วย สงสัยเจ้าของคงจะไปวิ่งแล้วปล่อยแมวมาเดินเล่น”
“เจ้าของใจร้ายจัง ไม่เอาเหมียวเหมียวไปด้วย ดูสิตัวเล็กนิดเดียวเดี๋ยวก็มีคนมาลักพาตัว”
“ใครเขาลักพาตัวแมวกัน”
“ก็เหมียวเหมียวน่ารัก”
“งั้นเราก็ถูกลักพาตัวได้”
“หือ?” คชาเงยหน้าขึ้นมองตาคมของเต๋าที่กำลังจ้องมองตัวเองอยู่พอดี
“เพราะคชาก็น่ารักเหมือนกัน” ประโยคของพี่เต๋าทำให้คชาอ้าปากค้าง คิดคำพูดที่จะตอบกลับอีกคนแต่คิดไม่ออก ได้แต่ก้มหน้างุดจนคางแทบจะชิดอกจนอีกคนต้องร้องทัก
“พี่ล้อเล่น ไม่ต้องก้มหน้าเขินหนีพี่ขนาดนั้นก็ได้” เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมามองอีกคนตาขวาง ก่อนจะใช้อุ้งมือนุ่มนิ่มของแมวตัวขาวขนปุยตะปบไปที่ไหล่ของอีกคน
“อ้าว อ้าว นี่รวมตัวกันทำร้ายร่างกายพี่หรอ”
“ไม่สน นี่ นี่ นี่ นี่” มือเล็กยังไม่ลดละในการใช้อุ้งมือนุ่มนิ่มตะปบไปยังบ่ากว้างของอีกคน
“ดึกแล้วนะ กลับบ้านกัน” เต๋าจับเข้าที่ขาหน้าของแมวขนฟูเป็นสัญญาให้คชาเลิกเล่น แล้วเอ่ยชวนอีกคนเมื่อก้มลงมองนาฬิกาแล้วรับรู้ว่าตอนนี้กี่โมง
“แล้วแมวหละฮะ?” เด็กน้อยขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย สองมือยังคงโอบอุ้มเจ้าแมวเหมียวตัวเล็กสีขาวไว้
“เดี๋ยวเจ้าของเขาก็มาเอา ปล่อยไว้ที่เดิมนี่แหละ”
เต๋าเดินไปยังจักรยานที่จอดอยู่อีกฝั่ง มองดูคนตัวเล็กวางแมวน้อยสีขาวขนปุยลงกับพื้นก่อนจะลูบหัวมันเบาๆสองสามทีแล้วเดินมาซ้อนท้ายรถจักรยานของเขา เต๋าแอบลอบมองเห็นแววตาละห้อยของคชาที่หันหลังกลับไปมองเจ้าแมวน้อยที่มองมายังคชาไม่ต่างกัน
“พี่เต๋า จอดก่อน” มือบางกระตุกที่เสื้อยืดของคนปั่นจักรยาน เต๋าหยุดรถแล้วปล่อยให้คนที่นั่งซ้อนท้ายวิ่งกลับไปยังจุดหมายที่พึ่งจากมาได้ไม่นาน
“เอาเหมียวเหมียวกลับบ้านด้วยได้ไหม?” คนตัวเล็กวิ่งดุ๊กๆกลับมายืนด้านหน้าเขา สองมืออุ้มแมวสีขาวตัวน้อย ที่หัวกลมกำลังคลอเคลียอยู่กับอ้อมกอดอบอุ่นนั่น
“หือ?” เต๋าเลิกคิ้วสงสัย มองดูเด็กน้อยตรงหน้ากอดแมวตัวสีขาวทำหน้าขอความเห็นใจจากเขา
“ก็..เหมียวเหมียวอาจจะหลงกับเจ้าของก็ได้ แล้วแถวนี้หมาก็เยอะด้วย เหมียวเหมียวตัวนิดเดียวเอง เดี๋ยวเหมียวเหมียวจะโดนรังแกนะ” ถึงจะบอกออกไปแบบนั้นแต่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าพี่เต๋าจะอนุญาตให้เอาแมวน้อยกลับบ้าน
“ไว้เราค่อยติดประกาศตามหาเจ้าของก็ได้ แต่มันดึกแล้วนะ พี่เต๋าไม่สงสารเหมียวเหมียวหรอ นะนะ ให้เหมียวเหมียวกลับบ้านด้วยคนนะ” คชาขอร้องอีกคนด้วยน้ำเสียงออดอ้อน อีกทั้งแววตานั้นก็เศร้าสร้อยขอความเห็นใจสุดชีวิต
------------------------------------------------------------------
ไม่รู้เหมือนกันว่าเผลอไปอนุญาตให้คชาอุ้มแมวขึ้นจักรยานตอนนั้น เพราะรู้สึกตัวอีกทีเต๋าก็ปั่นจักรยานมาถึงหน้าบ้านเลขที่ 23/3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กถลาลงจากจักรยาน อุ้มกระชับแมวน้อยในอ้อมแขนแล้วเดินเข้าไปยังบ้านของตัวเอง เต๋าได้แต่ส่ายหน้าและยิ้มให้กับท่าทางของอีกคนก่อนจะเคลื่อนจักรยานไปเก็บที่บ้านของตนเองแล้วเดินกลับมาหาคชาอีกหน
“จะเลี้ยงแมวได้ยังไง บ้านเราไม่มีคนอยู่นะคชา” เสียงคุ้นเคยของพี่มิ้นท์เป็นเสียงแรกที่เต๋าได้ยินทันทีที่ก้าวเข้าสู่ตัวบ้านเลขที่ 23/3
“ไม่ได้จะเลี้ยง แต่เหมียวเหมียวหลงทาง ไว้ตามหาเจ้าของได้ก็ค่อยส่งเหมียวเหมียวคืนให้เจ้าของ” คชากำลังใช้ความคิดหาเหตุผลร้อยพันเพื่อรักษาเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดไว้แต่ดูยังไงพี่มิ้นท์ก็ยังคงยืนกรานไม่อนุญาต
“ยังไงก็ไม่ได้ เลี้ยงสัตว์นะคชา ชีวิตอีกชีวิตนึงเลยนะ”
“ก็....ก็คชาสงสารเหมียวเหมียว พี่มิ้นท์ให้คชาเลี้ยงเหมียวเหมียวนะ เดี๋ยวอีกไม่กี่วันก็ตามหาเจ้าของเจอ”
“จะเจอได้ยังไง อย่าคิดอะไรง่ายๆแบบนั้นสิ”
“ก็ถ้าไม่เจอเราก็เลี้ยงเหมียวเหมียวไว้ไง นะพี่มิ้นท์นะคชาอยากเลี้ยงแมว” คชาอ้อนพี่มิ้นท์เหมือนที่ชอบทำเมื่อต้องการร้องขอ
“เฮ้อ...ดื้อจริงๆนะน้องคนนี้” มิ้นท์ทำหน้าเหนื่อยใจกับน้องชายแสนดื้อ แต่สุดท้ายยังไงก็ต้องยอมคชาตามระเบียบ
“อนุญาตแล้วใช่ไหม เย่! ขอบคุณนะครับ”
“แล้วขัดได้ไหมหละ?” แม้จะอนุญาตแต่มิ้นท์ก็อดไม่ได้ที่จะประชด
“พี่มิ้นท์ อย่าพูดแบบนั้นสิ...เหมียวเหมียวออกจะน่ารัก เนาะเนาะ” มือบางอุ้มเจ้าตัวกลมขนฟูเหนือศีระษะ แล้วหันมายิ้มให้กับร่างสูง เต๋าได้เพียงแต่ยิ้มแล้วส่ายหน้าให้กับความดื้อของน้องชายสุดที่รักของพี่มิ้นท์ แต่ก็ต้องยอมรับว่าถึงแม้พี่มิ้นท์จะบ่นยังไงสุดท้ายก็เห็นยอมตามใจคชาทุกที
------------------------------------------------------------------
“พี่เต๋าว่าให้เหมียวเหมียวชื่ออะไรดี” คชาถามขึ้นในขณะที่กำลังเดินมาส่งเต๋าที่หน้าบ้าน สองแขนยังคงโอบกอดเหมียวเหมียวไม่ยอมปล่อย แม้ในช่วงมื้อเย็นที่ผ่านมายังแอบเอาเจ้าตัวเล็กขนฟูมาวางบนตักไม่ห่าง
“เรียกเหมียวเหมียวก็น่ารักดีแล้วนะ” เต๋าว่าแล้วสะกิดเบาๆที่ปลายจมูกของเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอดของคชา นึกอยากจะเป็นแมวขึ้นมาก็วันนี้...
“ไม่เอาๆ ไม่เอาชื่อนี้ เอาชื่ออื่นสิ พี่เต๋าคิดให้หน่อยนะ นะ นะ” ดวงตากลมกระพริบปริบๆขอความช่วยเหลือจากคนเป็นพี่อีกครั้ง
“มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ ฟักแฟง แตงโม ไชโย โห่ฮี้ว เลือกเอาเลยครับ” เต๋าที่กำลังแกล้งหยอกอีกคนเล่นก็ต้องปรับเข้าสู่โหมดจริงจังอีกครั้งเมื่อเห็นว่าคชาเหมือนจะไม่เล่นด้วย
“น้องบังเอิญไหมเพราะว่าเราเจอแมวด้วยความบังเอิญ หรือจะชื่อบังอรดี? แหล่มจริงๆ คิดได้ไงเนี่ย”
“พี่เต๋า..นี่ชื่อแมวนะ ไม่ใช่ชื่อนางเอกเอ็มวีเพลงลูกทุ่ง”
“แต่มันความหมายดีนะ น้องบังอรกับพี่คชา ไม่เข้าหรอ” ร่างสูงหัวเราะเสียงดัง นึกชอบความคิดของตัวเองไม่น้อย
“ไม่ตลกนะ...เร็วๆ เหมียวเหมียวอยากได้ชื่อแล้วนะ” เต๋าใช้ความคิดขั้นสูงสุด ก็พึ่งจะรู้วันนี้ว่าคิดชื่อแมวให้ถูกใจคชามันยากกว่าคิดงานส่งพี่ไทด์ซะอีก คิดยังไงก็คิดไม่ออกเลยลองเริ่มจากอะไรใกล้ตัวดูก่อน ตาคมมองรอบตัวไปเรื่อยแล้วคิดถึงเมนูอาหารเมื่อตอนเย็นก่อนจะโพล่งบางอย่างที่พุ่งแวบเข้ามาในความคิด
“คะน้าไง คะน้าไหม...นี่คชาแล้วนี่ก็คะน้า”
“ฮะ?! นี่ชื่ออะไรของพี่เต๋าเนี่ย.........แต่จะว่าไปก็น่ารักดีนะ น้องเหมียวเหมียวคะน้า ฟังแล้วรู้สึกดีกว่าบังอรตั้งเยอะ” คนตัวเล็กที่หน้ามุ่ยในตอนแรกตอนนี้เริ่มยิ้มพอใจกับชื่อของเหมียวเหมียวที่พี่เต๋าคิดให้
“แสดงว่าชื่อนี้ผ่านใช่ไหม?”
“โอเค! ผ่านนนน... เหมียวเหมียวชอบชื่อคะน้าไหม? ต้องชอบสิเนาะเพราะพี่เต๋าอุตส่าห์ตั้งให้ ” คชาก้มลงถามแมวน้อยในอ้อมกอดที่ดูเหมือนจะพออกพอใจกับชื่อใหม่ เรียวลิ้นของเจ้าแมวน้อยขนฟูสัมผัสผ่านแขนขาวของคนตัวเล็กอย่างต่อเนื่อง
“ดีจังเลยนะ เด็กแถวนี้มีเพื่อนใหม่เล่นซะแล้ว” เต๋าพูดเสียงเรียบ มองดูคชาที่เอาแต่สนใจคุยกับแมว
“แน่นอน” สิ้นเสียงมือบางก็ยกเจ้าคะน้าไปยังหน้าของคนตัวสูงกว่า
“ยื่นคะน้ามาทำไม?” เต๋าขมวดคิ้วสงสัยไม่เข้าใจกับการกระทำของคนตัวเล็กตรงหน้า
“ให้จุ๊บคะน้าก่อนนอนจะได้ฝันดีไงฮะ” เต๋ายิ้มให้กับความคิดของคชา ก่อนจะก้มตัวลงทำตามที่อีกคนบอกอย่างว่าง่าย ริมฝีปากหนาแตะสัมผัสเบาๆที่ปากเล็กของแมวน้อยขนฟู แล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับคนตัวเล็กตรงหน้าที่กำลังยิ้มร่ามีความสุข
“คชา...!” ร่างสูงที่กำลังจะเดินเข้าบ้านวิ่งออกมาเกาะที่รั้วแล้วร้องเรียกอีกคนที่กำลังจะเดินเข้าตัวบ้านเช่นกัน คนตัวเล็กหันมามองหน้าพี่ชายข้างบ้านที่ยืนชิดรั้วอีกฝั่งแล้วขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“คืนนี้อย่าลืมจุ๊บคะน้าก่อนนอนนะ...จะได้ฝันดี”
…> w <…
.....
........
...........
หลังจากทำข้อตกลงการเลี้ยงแมวตัวแรกในชีวิตเป็นที่เรียบร้อย คชาก็จัดการย้ายถิ่นฐานให้เหมียวเหมียวมานอนบนเตียงของตนเอง แต่กว่าพี่มิ้นท์จะอนุญาตก็ใช้เวลาอยู่นาน และอย่างที่รู้กันดียังไงพี่มิ้นท์ก็ต้องตามใจคชาแม้จะโดนเอ็ดโดนว่าบ้างเถอะ แต่เพื่อให้ได้มาซึ่งตัวนิ่มๆขนฟูฟ่องของเหมียวเหมียวคะน้า คชายอม...
“พรุ่งนี้ก็ให้คะน้าอยู่นอกบ้าน เดี๋ยวเทน้ำ เทนมไว้ให้”
“ทำไมไม่ให้คะน้าอยู่ในบ้านหละฮะ? เดี๋ยวคะน้าจะหายนะพี่มิ้นท์”
“ไม่ได้ เดี๋ยวเข้ามารื้อของ เรายังไม่รู้ว่าคะน้านิสัยยังไง อยู่นอกบ้านดีแล้ว นี่พี่อนุญาตให้เอามานอนบนเตียงด้วยได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว ห้ามต่อรองอะไรอีกเด็ดขาด” คชาก้มหน้างุดทันทีเมื่อพี่สาวส่งสายตาดุๆมาให้
“เอาเป็นว่าเข้าใจตามนี้นะ พี่ไปนอนแล้ว” สิ้นเสียงมิ้นท์ก็เดินออกจากห้องนอนคชา คชานั่งก้ม นั่งกอดแมวคลอเคลียกับขนสีขาวฟู่ฟ่องของแมวเหมียวตัวกลม แล้วใช้ความคิดกับตัวเองอยู่สักพัก แววตาสดใสประสานกับดวงตาคู่กลมของแมวน้อยที่นั่งอยู่กลางเตียงมองจ้องมายังตนเอง
ยังไงคชาก็จะไม่ยอมปล่อยให้คะน้าอยู่บ้านตัวเดียว ไม่มีทาง!
ร่างเล็กนอนตะแคงกับเตียงนุ่ม หันหน้าไปยังแมวเหมียวขนฟูที่ตั้งท่าเตรียมจะนอนแล้วเช่นกัน เรียวลิ้นเล็กสากเลียเข้าที่อุ้งเท้าของมันก่อนที่ตาแป๋วๆนั่นจะจ้องมองมายังคชา
ว่าแต่...เกือบลืมไปแล้วว่าต้องจุ๊บเหมียวเหมียวคะน้าก่อนนอน
ริมฝีปากบางก้มลงสัมผัสกับปากเล็กของสิ่งมีชีวิตสีขาวตรงหน้า แตะผ่านเบาๆก่อนจะผละออกมา อมยิ้มเล็กๆเมื่อคิดถึงคนที่บอกให้ตัวเองจุ๊บเจ้าคะน้าก่อนนอน...
“ฝันดีนะฮะ”
>w<
คืนนี้คงมีคนนอนหลับฝันดีพร้อมกัน ...
------------------------------------------------------------------
หลังจากพี่สาวออกจากบ้านไปแล้ว คชาก็ตัดสินใจยัดแมวน้อยคะน้าลงในกระเป๋าเป้นักเรียนแล้วสะพายมาโรงเรียนด้วยกัน โดยไม่ลืมที่จะพกอาหารแมวกับนมใส่กระเป๋ามาด้วย แรกเริ่มเหมือนจะไปได้ด้วยดี เพราะเจ้าคะน้าดูจะเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย ไม่ส่งเสียงเอะอะรบกวนอะไรในระหว่างที่คชาเรียน พอพักเที่ยงคชาก็เปิดเป้ส่งข้าวส่งนมให้เจ้าตัวขาวขนฟู อีกทั้งเพื่อนๆในห้องยังกรูมาทักทายเจ้าแมวน้อย หยอกล้อเล่นกันสนุกสนาน จวบจนมาถึงวิชากับอาจารย์สุดโหดประจำโรงเรียน ที่สุดท้ายดูเหมือนแมวน้อยเริ่มจะทนความอึดอัดคับแคบในกระเป๋าเป้ไม่ไหวจนต้องส่งเสียงร้องออกมา
“คะน้า ชู่วววว” คนตัวเล็กก้มลงไปยังกระเป๋าเป้ที่วางอยู่บนพื้นแล้วกระซิบกระซาบกับแมวน้อย
เมี๊ยว เมี้ยว เมี้ยว~
“นนทนันท์!”
“ครับ..” น้ำเสียงเย็นๆของอาจารย์เรียกให้คชาสะดุ้งลุกขึ้นยืนตัวตรงทันที
“เสียงอะไร”
“เสียง...เสียง..” เสียงเล็กตอบอย่างตะกุกตะกัก
“มาจากกระเป๋าใช่ไหม? เปิดกระเป๋าเดี๋ยวนี้” มือบางหยิบเป้ประจำตัวขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วเลื่อนซิปกระเป๋าออก ปรากฏให้เห็นร่างของแมวน้อยสีขาวขนปุยที่พยายามตะเกียกตะกายปีนป่ายออกมา โดยที่ยังไม่ยอมหยุดส่งเสียงร้อง
“รู้ใช่ไหมว่าโรงเรียนไม่อนุญาตให้เอาสัตว์มาเลี้ยงในห้องเรียน” อาจารย์ประจำวิชาส่งสายตาดุเสียจนคชาสะดุ้งอีกครั้ง
“ทราบครับ”
“แล้วเอามาทำไม”
“คือที่บ้านไม่มีคนดูแลครับ” สายตาดุๆจ้องมองมายังคชาอีกครั้ง
“ทำยังไงก็ได้ให้แมวเธอเลิกส่งเสียง แล้วเลิกเรียนไปพบครูที่ห้อง”
“ครับ...” คชาพยักหน้ารับ มองไปยังตากลมของแมวน้อยที่โผล่พ้นมาจากกระเป๋าเป้แล้วถอนหายใจออกมา
“บอกให้เงียบๆใช่ไหมคะน้า...ซวยเลย”
------------------------------------------------------------------
“นี่เอาแมวไปโรงเรียนหรอ?” เต๋าว่าเสียงดังทันทีเมื่อฟังคำบอกเล่าจากปากเด็กน้อยที่กำลังนั่งก้มหน้าลูบคอแมวอยู่บนโซฟา
“พี่เต๋าอย่าพูดดังสิ เดี๋ยวพี่มิ้นท์ก็ได้ยินหรอก อยากเห็นคชาโดนดุหรือไง” คนตัวเล็กตอบ มือบางยังคงลูบไล้ไปตามขนนุ่มฟูของแมวน้อย
“ไม่ต้องกลัวพี่มิ้นท์เลย เพราะพี่นี่แหละจะเป็นคนดุคชาเอง”
“อ้าว แล้วจะมาดุคชาทำไมหละ” คชาเงยหน้ามองอีกคนแล้วเถียงเสียงแข็ง จะมาขอคำปรึกษาแท้ๆ แต่อีกคนดันมาดุเขาซะอย่างนั้น
“แล้วใครเขาบอกให้พกแมวไปเรียนหนังสือด้วย” เต๋าเหมือนจะรู้สึกตัวว่าเผลอใช้เสียงดังไปในคราแรกก็ปรับเสียงให้เบาลง แต่อีกคนกลับยังคงรู้สึกว่าตัวเองโดนดุอยู่ดี
“โดนคุณครูดุแล้วยังมาโดนพี่เต๋าดุอีก รู้งี้ไม่บอกดีกว่า” คชามุ่ยหน้าแล้วก้มลงโอบแมวน้อยในอ้อมแขน
“ถ้าไม่บอกแล้วพี่รู้เองจะจับตี”
“แล้วจะมาตีคชาทำไม เดี๋ยวบอกคะน้ากัดเลย” คนตัวเล็กว่าแล้วยกแมวขนปุยสีขาวขึ้นบังหน้าเต๋าได้แต่ส่ายหน้ากับนิสัยของเด็กดื้อ
“ทีหลังจะทำอะไรก็ปรึกษาพี่ก่อน นี่อย่าบอกนะว่าครูจับได้ว่าเอาแมวไปเรียนหนังสือด้วย”
“ใช่ โดนหักคะแนนด้วย” คชาตอบแต่สายตายังคงสนใจอยู่ที่แมวน้อย
“มันน่าจับตีจริงๆนะเรา” เต๋าดุคนตัวเล็กอีกครั้ง แล้วหยิกเบาๆที่แก้มใส แม้ไม่ได้รุนแรงแต่ก็ทำให้อีกคนร้องขึ้นมาได้
“โอ๊ย..เจ็บนะ” ที่จริงเต๋าก็ไม่ได้โกรธอะไรคชา ก็แค่เป็นห่วง แต่ไม่รู้อะไรดลใจให้หาทางแกล้งเด็กดื้อ คิดได้ดังนั้นก็แกล้งหันหน้าหนีไปอีกฝั่งแสร้งทำเป็นไม่สนใจอีกคน คชาที่สังเกตได้ถึงความเงียบจึงคิดว่าพี่เต๋าคงจะโกรธเข้าให้เลยขยับเข้าไปหา
“พี่เต๋า พี่เต๋า...คชาขอโทษ ต่อไปจะไม่ทำแล้ว” เสียงเล็กเอ่ยขอโทษ อีกทั้งยังมีอุ้งเท้าของแมวคะน้าลูบอยู่ที่บ่าของเขา
“จริงๆนะฮะ ไม่ทำแล้วจริงๆ คะน้าสาบาน เอ๊ย! คชาสาบาน” คชาว่าแล้วยกขาหน้าขนฟูขึ้นสาบาน
“ก็ไม่ได้โกรธอะไร” คชายิ้มแย้มออกมาทันทีเมื่อรู้ว่าอีกคนหายโกรธตนเองแล้ว แต่ก็ยังไม่หยุดใช้อุ้งเท้าของคะน้าลูบที่ต้นแขนของเต๋าแม้ว่าอีกคนจะหันหน้ามาทางตนเองแล้วก็ตาม หนำซ้ำยังหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีเสียจนอีกคนเผลอยิ้มตาม
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้คะน้าก็ต้องอยู่บ้าน เข้าใจไหมเด็กดื้อ”
“ไม่ได้นะ!... คะน้าตัวนิดเดียวเอง จะให้อยู่คนเดียวได้ยังไง ” คนตัวเล็กเสียงแข็งในตอนแรกแต่ก็เปลี่ยนเป็นน้ำเสียงปกติทันทีเมื่อเห็นแววตาของพี่เต๋า
“แล้วจะทำยังไง?” เต๋าถามคชาอีกครั้ง แต่เด็กน้อยก็ได้แต่ก้มหน้าเงียบ
“ก็เพราะไม่รู้ว่าต้องทำยังไง เลยถามพี่เต๋าไง พี่เต๋าช่วยคิดหน่อยนะ คชาไม่อยากให้คะน้าอยู่บ้านตัวเดียวจริงๆนะ”
“งั้นเอาไปฝากไว้ที่ร้านก่อนไหม ถ้าจะเลี้ยงก็ต้องให้คะน้าอยู่นอกบ้าน จะไปฝากคนนู้นคนนี้ไว้ทุกวันไม่ได้หรอกนะ” คชารู้สึกเหมือนโดนดุอีกครั้ง แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดที่เหมือนจะสร้างภาระให้คนรอบข้าง
“ก็ได้...” คชาก้มหน้าตอบรับข้อตกลงของเต๋าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“อีกอย่าง พี่ติดป้ายประกาศหาเจ้าของคะน้าแล้วนะ”
“หาทำไม?” คชาถามออกไปโดยลืมคิดไปว่าแมวที่ตนเองกำลังกอดอยู่มีเจ้าของ
“อย่าลืมสิ ว่าแมวที่เราอุ้มอยู่มันมีเจ้าของ ตอนนี้เจ้าของคะน้าอาจจะกำลังตามหามันอยู่ก็ได้” เต๋าว่าแล้วยกมือหนาลูบขนนุ่มนิ่มของเจ้าคะน้าเบาๆ ตรงกันข้ามกับอีกคนที่ทำหน้าหงอยเหมือนลูกแมวโดนทิ้งเมื่อจินตนาการว่าสักวันคะน้าต้องกลับไปอยู่กับเจ้าของเดิม ยิ่งทำให้เจ้าตัวยิ่งกอดแมวน้อยแน่นขึ้น
------------------------------------------------------------------
บรรยากาศวุ่นวายของเวลาหลังเลิกงานในเย็นวันศุกร์เป็นสิ่งที่ไม่ต้องคิดและจิตนาการอะไรมากมาย เพราะภาพเดิมๆของมันปรากฏให้เห็นซ้ำไปมาไม่ต่างจากเดิม ร่างเล็กวิ่งถลาผลักประตูบานกระจกใสเรียกให้เสียงโมบายที่ห้อยอยู่หน้าร้านทำงาน จนเกือบจะลืมไปว่าตัวเองเดินมากับใครอีกคน
“พี่เต้~ คะน้าอยู่ไหนครับ” คชาถามถึงแมวน้อยทันทีเมื่อเดินเข้ามาในร้านชานมไข่มุกประจำซอยมีสุข 23
“อยู่หลังร้านครับคุณน้องคชา”
“อ่อ ขอบคุณครับ...พี่เต้ขอชานมสตรอเบอร์รี่แก้วนึงนะฮะ” น้ำเสียงสดใสเอ่ยสั่งชานมไข่มุกรสโปรดก่อนที่จะเดินเร็วไปยังหลังร้าน ตามมาด้วยร่างสูงขาวของเต๋าที่เปิดประตูร้านเดินตามเข้ามา
“คชาไปไหนแล้วเต้” เต๋าถามเด็กประจำร้านที่กำลังลงมือทำชานมรสโปรดของคนที่พึ่งวิ่งไปหลังร้านเมื่อครู่
“เดินไปหาคะน้าที่หลังร้านแล้วครับคุณเต๋า” เต๋าพยักหน้ารับรู้แล้วบอกขอบคุณโปเต้ที่อุตส่าห์ตื่นแต่เช้ามาเปิดร้านเพื่อที่จะให้เขาเอาแมวมาฝาก
“ขอบใจมากนะที่วันนี้ดูคะน้าให้”
“ครับ ไม่เป็นไร”
“พี่น้ำแข็งเอาอะไรให้คะน้ากินฮะ?” เสียงคุ้นเคยเรียกให้เต๋าหันไปยังประตูหลังร้าน คชากำลังเดินอุ้มเจ้าแมวสีขาวออกมา หันหน้ามายิ้มหวานให้เขาแล้วหันไปคุยกับน้ำแข็งที่กำลังเดินออกมาจากหลังร้าน
“ก็อาหารแมวกับนมที่น้องคชาฝากไว้นั่นแหละ” คชาพยักหน้ารับแล้วก้มลงคุยกับแมวน้อยในอ้อมแขน
“คะน้า...วันนี้กินข้าวอร่อยไหม” เสียงหวานใสเอ่ยถามแมวน้อยที่กำลังคลอเคลียซุกใบหน้าเข้าหาอ้อมกอดของเขา คนตัวเล็กเดินมานั่งลงบนโซฟาเดี่ยวข้างเฟรมที่กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนบางอย่างอยู่
“เต้ ขออะไรเย็นๆมากินสักแก้วซิ ประชุมงานตั้งแต่เช้ายิงยาวจนเย็น เหนื่อย” ตี๋ที่พึ่งเดินเข้ามาในร้านร้องบอกทันทีเมื่อเห็นหน้าโปเต้
“เลือกสักอย่างไหมพี่ เดี๋ยวรวยนะ” เต๋าที่ยืนพิงอยู่เคาท์เตอร์ทักแซวพี่ชาย
“ให้มันรวยจริงก่อนเถอะ ว่าแต่นี่อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยหรอ?” ตี๋ว่าแล้วเดินมานั่งโซฟาเดี่ยวอีกตัวตรงข้ามคชา
“ไม่พร้อมฮะ พี่มิ้นท์ไม่อยู่” คชาเงยหน้าจากแมวคะน้าในอ้อมแขนเป็นเวลาเดียวกับที่ตนรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนยวบที่พนักวางแขนของโซฟาที่ตัวเองนั่งอยู่ ร่างสูงขาวของเต๋าสิ่งยิ้มให้คนตัวเล็กที่มองมายังตนเอง แล้ววางแก้วชานมสตรอเบอร์รี่รสโปรดของคชาไว้บนโต๊ะเล็กตรงหน้า
“คนนั้นพี่ตี๋เขาไม่เรียกพร้อมหน้าพร้อมตา คนนั้นเขาเรียกพร้อมใจนะคชา ฮี๊ววววว” น้ำแข็งที่ยืนเรียงแก้วน้ำร้องแซวเจ้านายของตน
“ไอ้แข็ง วอนโดนเตะนะมึง ไปทำงาน” ตี๋ว่าลูกน้องเพราะดันทำตัวเป็นรู้ทันว่าตัวเองคิดอะไร
“เฟรมทำอะไรของแก เงียบเชียว?” ตี๋ที่พึ่งโดนแซวหาเรื่องเบี่ยงประเด็นไปยังน้องชายของตนที่กำลังหมกมุ่นทุ่มเทอยู่กับกองกระดาษบนโต๊ะ
“ปั่นงานพี่” ตี๋พยักหน้าเออออรับ ตั้งใจจะหันไปคุยกับเต๋าแต่ก็ต้องหยุดความคิดเมื่อเห็นภาพตรงหน้า ภาพของคชาที่ยกแมวน้อยขนฟูนิ่มให้สัมผัสคลอเคลียกับใบหน้าคมขาวของเต๋า ขนฟูของเจ้าคะน้าดูจะทำให้เต๋าอารมณ์ดีไม่น้อยเพราะสังเกตได้จากอาการยิ้มตาปิดอีกทั้งใบหน้าคมขาวก็เลื่อนคลอเคลียขนนุ่มของเจ้าสิ่งมีชีวิตขนฟู ไม่ต่างกับคนจับลูกแมวที่กำลังหัวเราะคิกคักชอบอกชอบใจใหญ่ ตี๋เริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศมันจะสีชมพูแปลกๆ
“ไอ้เต้เว้ย...ทำไมชานมแก้วนี้มันหวานแบบนี้วะ นี่แกทำผิดสูตรหรือเปล่า” ตี๋เอ่ยแทรกขัดจังหวะ
“ไม่นะครับ สูตรเดิมครับ....อ่อ แต่วันนี้อาจจะหวานขึ้นกว่าปกติอย่างที่คุณตี๋ว่าจริงๆด้วยครับ” โปเต้ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรตอบด้วยความตกใจ แต่ก็ต้องร้องอ๋อให้ถึงบางอ้อทันทีเมื่อตีความได้ว่าเจ้านายของตนหมายถึงอะไร
“หวานหรอพี่ ไหนขอชิมหน่อยดิ” ร่างสูงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรยกแก้วชานมไข่มุกของคชาขึ้นมาทดสอบรสชาติ ทำหน้าประหลาดใจเมื่อไม่ได้รู้สึกถึงความหวานที่มากกว่าปกติของชานมไข่มุกอย่างที่ตี๋บอก
“พี่เต๋าๆ ชิมด้วยดิ” คนตัวเล็กสะกิดคนเป็นพี่ขอชิมชานมของตนบ้าง แต่เต๋าไม่ได้วางแก้วในมือคชากลับยื่นแก้วนั้นให้หลอดสัมผัสพอดีกับริมฝีปากบางที่อ้ารอรับ คชาดูดชิมรสชาติหอมหวานของชานมไข่มุกรสโปรดไปสิ่งยิ้มให้อีกคนไปโดยที่ไม่ได้สังเกตสิ่งมีชีวิตที่เหลือรอบข้างที่กำลังมองมายังตนเองเลยสักนิด
“อื้อหือ...มันจะหวานมากไปแล้วหละ” เป็นตี๋ที่เอ่ยออกมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้สิ่งมีชีวิตสองคนตรงหน้าหยุดการกระทำแต่อย่างใด
“ไม่เห็นหวานเลยพี่ตี๋ ก็ปกติดี” เต๋าวางแก้วชานมของคชาลงบนโต๊ะตัวเดิมแล้วบอกพี่ชายของตน
“ใช่ฮะ ไม่เห็นหวานเลย ก็ปกติ” คนตัวเล็กพยักหน้าเออออเห็นด้วยไม่ต่างกับเต๋า
“แหม..พร้อมใจ สมัครสมานสามัคคี ก็ถ้าหวานกว่านี้พี่คงสำลักน้ำตาลตาย”
“คุณเต๋าครับ ใจเย็นๆ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปนะครับ” โปเต้ที่ยืนชงชานมไข่มุกให้ลูกค้าเอ่ยบอกเต๋า จนเจ้าตัวเริ่มรู้สึกว่าถูกผู้เป็นพี่กับเด็กที่ร้านแซว ต่างจากคชาที่ยังคงทำหน้างงสงสัยมองสลับไปมาระหว่างหน้าของพี่ตี๋กับพี่เต๋า ก่อนที่เสียงเฟรมจะดังแทรกขึ้นมาทำให้คชาละความสนใจจากพี่ชายข้างบ้านทั้งสองคน
“เสร็จแล้วโว้ย!!” เฟรมปล่อยมือจากปากกาแท่งโปรด ปิดหนังสือเสียงดังแล้วดันตัวลุกขึ้นยืน
“เอ้อ ดีใจด้วย” ตี๋บอกแต่สายตายังคงเขม่นมองน้องชายอีกคน
“พี่เต้ พี่แข็ง มีอะไรให้ช่วยไหม” เฟรมถามขึ้นเมื่อเห็นว่าลูกค้าเริ่มเดินเข้ามาในร้าน
“ไม่มีครับคุณเฟรม นั่งพักเถอะครับเห็นนั่งทำงานมาตั้งนาน” โปเต้ตอบสุภาพตามนิสัย
“ไม่เป็นไร อยากยืดเส้นยืดสายนั่งก้มตั้งนานเริ่มจะเมื่อยหลัง”
“ให้คะน้านวดให้ไหมพี่เฟรม” คชาบอกแล้วอุ้มแมวตัวน้อยยื่นไปยังหน้าเฟรม
“คะน้าของคชาเก็บไว้นวดให้พี่เต๋าดีกว่านะพี่ว่า” เฟรมทิ้งท้ายก่อนจะเดินไปหาโปเต้ที่เคาท์เตอร์ ปล่อยให้คชาหันหน้าส่งเครื่องหมายคำถามไปให้พี่เต๋าเป็นรอบที่สิบของวัน
“พี่เต๋าเมื่อยหรอ?” แล้วคนตัวเล็กก็เชื่อเฟรมสนิทเลยว่าพี่เต๋ากำลังเมื่อย เต๋าได้แต่อมยิ้มเล็กๆแต่ก็ไม่ลืมที่จะส่งสายตาไปหาน้องชายร่วมสายเลือดของตนเองที่เข้าทีมแซวเขาเรียบร้อย
“เปล่า”
“ก็พี่เฟรมบอกให้เอาคะน้านวดให้พี่เต๋า”
“เฟรมมันล้อเล่น อย่าสนใจมันมากสิ”
“อ้าว..ก็นึกว่าเมื่อยจริงๆ” ริมฝีปากบางยื่นออกมาด้วยความเคยชินแล้วหันมาเกาคางแมวที่อยู่บนตักตามเดิม
“แล้วเจ้าของติดต่อมาบ้างไหม?” ตี๋ถามออกไปโดยลืมคิดถึงอะไรบางอย่าง
“ยังไม่มีเลยพี่ แต่คิดว่าคงอีกไม่นาน” คำพูดของเต๋าทำให้คชาก้มหน้า อารมณ์เริงร่าเมื่อสักครู่แปรเปลี่ยนทันทีจนเต๋าสังเกตได้
“อ้าว..ดราม่าเลย ไอ้เต๋าปลอบด่วน พี่ไปดูบัญชีก่อน” ตี๋ทิ้งท้ายแล้วลุกเดินไปยังเคาท์เตอร์ร้านอีกคน ปล่อยให้เต๋าเรียกทำหน้าที่เรียกอารมณ์กับรอยยิ้มสดใสของคชากลับมา
“พี่น่ารักครับ” เสียงทุ้มนุ่มสะกิดเรียกร่างเล็กที่นั่งก้มหน้าให้เงยมามองเขา
“พี่เต๋ายิ้มใหม่ซิ” ทันทีที่เงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่บนพนักโซฟา คชาก็ได้เห็นรอยยิ้มของพี่เต๋าที่ส่งมายังตนเอง ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างได้จึงขอให้อีกคนทำเช่นนั้นอีกครั้ง
“พี่เต๋าหน้าเหมือนคะน้าเลย...ดูสิ” คนตัวเล็กว่าแล้วยกเจ้าแมวตัวขาวเทียบกับใบหน้าของร่างสูง เหมือนอารมณ์หมองๆเมื่อครู่ของคนตัวเล็กจะจางไปบ้าง
“เหมือนจริงหรอ?” เต๋าควรจะภูมิใจใช่ไหมที่คชาบอกว่าเขาหน้าเหมือนแมวที่เจ้าตัวทั้งกอดทั้งลูบอยู่ทั้งวี่ทั้งวันนั่น
“เหมือนจริงๆนะ แต่เหมือนตอนคะน้ายิ้มเอ๋อ” น้ำเสียงสดใสว่าแล้วหัวเราะคิกคักสะใจใหญ่ รอยยิ้มที่เคยปรากฏอยู่บนใบหน้าคมหายไปฉับพลัน
“หึหึ....จะชมว่าพี่น่ารักก็บอกมาตรงๆก็ได้ ไม่เห็นต้องเอาคะน้ามาอ้าง”
“มั่วแล้ว ไปดีกว่าเนาะคะน้าเนาะ ไปนอนตากแอร์ที่บ้านเรากันดีกว่า” คชาสวนกลับเต๋าแล้วหันหน้าก้มลงกระซิบกระซาบกับแมวน้อย
“ชา...แล้วพี่หละ?” แม้จะกระซิบแต่คนเป็นพี่ก็ได้ยินทุกคำพูด
“ฮะ?” คนตัวเล็กรู้สึกใจเต้นเกินกว่าปกติทันทีเมื่อได้ยินเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียกชื่อของตัวเองแบบนั้น
“ไม่ชวนพี่กลับบ้านบ้างหรอ พอเจอคะน้าก็จะทิ้งพี่เลยใช่ไหม” คนตัวเล็กยิ้มขำ ส่ายหน้าพัลวัน เต๋าแสร้งทำสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ ทำให้คชาหัวเราะขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้
“หว่า...เด็กชายเต๋าน้อยงอนซะแล้ว อย่าร้องไห้นะโอ๋ โอ๋ แมวตัวโตงอนแล้วต้องให้แมวตัวเล็กง้อ”
“พี่ว่าแมวตัวโตอยากให้เจ้าของแมวตัวเล็กง้อมากกว่านะคชา” แม้ว่าตี๋จะเดินออกไปยังเคาท์เตอร์แล้ว แต่สายตาก็ยังคงแอบมองเหตุการณ์ระหว่างเต๋าและคชาอยู่ตลอด ท้ายที่สุดก็อดหมั่นไส้น้องชายตัวเองที่ทำหน้างอนเหมือนเด็กไม่ได้ เลยแซวไปอีกสักทีสองที
“พี่ตี๋...อะไรๆ” เต๋าที่ได้ยินว่าตี๋แซวอีกครั้งจึงรีบสวนกลับ เพราะกลัวเจ้าของแมวตัวเล็กจะตื่นซะก่อน คชาได้แต่หัวเราะ..บอกแล้วว่าคชาเข้าใจ แต่การที่เข้าใจไม่จำเป็นว่าต้องพูดออกไปเสมอ
“ไปดีกว่า....ขอบคุณที่ช่วยดูคะน้าให้นะครับพี่ๆ”
“กลับก่อนนะ เฟรมกับพี่ตี๋เจอกันที่บ้านนะ” เต๋าและคชาบอกลาทุกคนในร้านก่อนจะเดินออกมาจากร้านพร้อมกัน
“ผมว่าคุณเต๋าเริ่มเยอะแล้วนะครับคุณตี๋” เป็นโปเต้ที่เอ่ยขึ้นมา เมื่อเห็นเจ้านายของตนยังคงมองผ่านบานกระจกใสไปยังน้องชายร่วมสายเลือดกับน้องชายข้างบ้านที่เดินเคียงข้างหยอกล้อกันตามทางเดิน
“ก็ว่างั้น เริ่มจะเยอะเข้าไปทุกวัน”
“คุณตี๋ว่าคุณเต๋าจะSuccessไหมครับ?”
“ไม่รู้มัน แต่ตอนนี้เห็นแล้วหมั่นไส้” ตี๋ว่าแต่สายตายังคงมองเหตุการณ์ผ่านบานกระใสเช่นเคย ส่วนลูกน้องโปเต้ก็ทำได้เพียงแต่ยิ้มและส่ายศีรษะเมื่อสัมผัสได้ถึงอารมณ์ของคนเป็นเจ้านาย
------------------------------------------------------------------
“พี่เต๋ารู้ไหมคะน้าน่ารักมากๆเลยนะ เมื่อเช้ามาปลุกคชาด้วย” คชาเอ่ยขึ้นระหว่างทางที่ทั้งสองคนกับอีกหนึ่งตัวกำลังกลับบ้าน
“ปลุกยังไง?”
“ก็เมื่อคืนคชาเอาคะน้ามานอนบนเตียง พอตอนเช้าคะน้าก็เข้ามาเลียหน้า ปลุกคชาให้ตื่น น่ารักมากๆ” เด็กน้อยว่าด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดีเกินปกติ เต๋าเริ่มชักจะอิจฉาแมวขึ้นมาจริงๆ ไหนๆก็ไหนๆแล้วขอแกล้งเด็กสักนิดเถอะ
“เลียตรงไหนของหน้า” เต๋าเดินไปหยุดด้านหน้าของคชาเอาไว้แล้วถามคำถาม
“ก็ตรงแก้มแล้วก็หน้าผากด้วย” นิ้วเรียวจิ้มเข้าที่แก้มใสของตนเอง ในขณะที่อีกมือก็ยังคงโอบอุ้มแมวน้อยตัวกลมไว้
“ตรงนี้หรอ...” มือหนายกขึ้นสัมผัสแก้มใสของคนตรงหน้า ลูบบางเบาด้วยความชินมือ คชาสะดุ้งเล็กน้อยแต่ไม่ได้ห้ามอะไร ก็รู้ว่าอีกคนชอบจับแก้ม แต่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะทำใจให้ชินกับมันได้สักที
“ทำไม?” คชาเอ่ยถามร่างสูงเสียงเบาหวิว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าตัวเองจะพูดประโยคนั้นออกไปทำไม เพราะเมื่อพูดไปก็เหมือนจะไม่ได้สื่อความหมายอะไร
“...อิจฉาแมว...” เต๋าโน้มตัวลงกระซิบบางเบาข้างใบหูของเด็กดื้อตรงหน้า คชายืนนิ่งไปสักพักไม่ต่างกับเต๋าที่ยังคงยืนค้างท่าเดิม ก่อนจะผละออกมาแล้วแย่งแมวน้อยตากลมในอ้อมแขนของคชามาอุ้มไว้เสียเอง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแล้วก้มหน้าลงมองพื้น เรียกให้มือหน้าข้างที่ไม่ได้อุ้มแมวน้อยยกขึ้นลูบกลุ่มผมสีดำด้วยความเอ็นดู
สายลมพัดเอื่อยพัดผ่านร่างของคนสองคน บรรยากาศรอบข้างที่เหมือนถูกหยุดเวลาไว้ก่อตัวขึ้น ความรู้สึกเหมือนร่างกายเบาหวิวกับเสียงหัวใจที่กำลังเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่รู้ว่าเสียงไหนเป็นของใคร ของแมวตัวโตที่กำลังยืนยิ้มหรือของเจ้าของแมวตัวเล็กที่กำลังยืนก้มหน้า หรือหัวใจเรากำลังเต้นพร้อมกัน...
บรรยากาศเริ่มจะสีชมพูแล้วสินะ...
------------------------------------------------------------------
บอกตรง...TT^TT
มันทิ้งไปนาน...เกินไป พยายามไม่ปล่อยให้มันนานแต่มันก็นาน
งงตรงไหนไหม ถ้างงบอกได้นะคะ จะกลับไปแก้ ตอนนี้แค่อยากให้มีแมวในฟิคคิดแค่นั้นจริงๆ 555 ตรงไหนพิมพ์ผิดบอกได้
@CHICKIMILK
ความคิดเห็น