ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Part 7 น้องชาย
รถโฟล์คสวาเกนสีม่วงแสบตากลางเก่ากลางใหม่ค่อยๆ ลดความเร็วลงก่อนจะจอดอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่สุดในหมู่บ้านจัดสรรซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งพักอาศัยของคนมีเงิน
ถึงแม้จะจอดรถแต่ชายหนุ่มร่างเล็กผู้อยู่หลังพวงมาลัยก็ยังไม่ยอมดับเครื่องยนต์จนตรวจดูอย่างแน่ชัดแล้วจากแผนที่ที่ถูกวาดคร่าวๆ ในมือพร้อมกับตัวอักษรที่เขียนหวัดๆ ด้วยปากกาหมึกสีน้ำเงินบอกบ้านเลขที่พร้อมที่อยู่ของคฤหาสน์ตระกูลอีที่เขาตามหาอยู่ และเมื่อแน่ใจแล้วว่ามาถูกทาง ชายหนุ่มก็ดับรถก่อนจะเปิดประตูลงมา
คิมรยออุคแหงนหน้าขึ้นมองคฤหาสน์หลังงามพลางทำตาโต เป่าปากหวือด้วยความตื่นเต้น ไม่ใช่แค่ขนาดของที่อยู่อาศัยแห่งนี้ที่ดูใหญ่โตโอ่โถงแต่ยังตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างหลายตารางวาเสียจนชายหนุ่มไม่อยากจะประมาณว่ามันจะกว้างสักเท่าไหร่
พี่ซองมินนี่โชคดีจริงๆ ที่ได้อยู่บ้านหลังโตๆ สวยๆ แบบนี้
ชายหนุ่มได้แต่นึกอิจฉาในใจ โดยไม่รู้เลยว่าคนที่เอ่ยถึงไม่ได้อยู่ใต้ชายคาบ้านหลังงามนี้มาเป็นปีแล้ว
นิ้วเรียวแตะบนออดที่ติดอยู่ที่เสาของรั้วประตู แต่ก็ยังไม่ทันได้กดก็มีเสียงดังมาจากลำโพงเครื่องเล็กใต้ออดออกมาไถ่ถามธุระเสียก่อนเพราะเห็นจากกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่หน้าบ้าน เล่นเอาคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวและไม่คุ้นเคยกับของพวกนี้สะดุ้งเบาๆ
“ผมมาพบคุณอีซองมินครับ ไม่ทราบว่าเขาอยู่ที่นี่รึเปล่า” ชายหนุ่มกล่าวธุระของตัวเอง แต่อีกฝ่ายกลับเงียบหายไปนานจนเขาเริ่มถอดใจ คิดว่าตัวเองคงจะมาผิดบ้านแล้ว
“คุณซองมินไม่อยู่หรอกค่ะ ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่บ้านเลย ไม่ทราบว่าจะให้เรียนคุณผู้หญิงว่าใครมาพบคะ” เสียงของผู้หญิงอีกคนเป็นคนตอบแทนหลังจากสาวใช้คนแรกที่ดูจะอ่อนวัยกว่าเงียบหายไป และนั่นทำให้รยออุคแปลกใจ
ทำไมถึงให้ผู้หญิงอีกคนที่ดูสะอาวุโสกว่ามาตอบแทน และทำไมถึงต้องให้แจ้งกับคุณผู้หญิงของบ้านทั้งที่เขามาหาซองมินโดยตรง
“คุณซองมินไปไหนเหรอครับ” รยออุคลองเสี่ยงถามต่อไปทั้งที่พอจะมองออกว่าคนรับใช้บ้านนี้ดูไม่ค่อยอยากจะพูดถึงชายหนุ่มที่เขามาหานัก
“คุณเป็นอะไรกับคุณซองมินคะ” หญิงที่อายุมากกว่าเป็นคนเอ่ยถาม แต่ยังไม่ทันที่รยออุคจะให้คำตอบ เสียงแตรรถที่ดังมาจากข้างหลังก็เรียกให้ชายหนุ่มหันกลับไปมองแล้วจึงพบรถเก๋งคันหรูสีดำเข้ามาจอดต่อท้ายเจ้าเต่าของเขาที่กำลังจอดขวางหน้าบ้านอยู่ เล่นเอารถเก่าสภาพเกือบโทรมดูหมองลงไปอีกถนัดตา
“ขอโทษนะครับ คุณเป็นใครน่ะ” ชายคนขับรถเปิดกระจกออกมาก่อนชะโงกหน้าถามพลางมองรยออุคด้วยสายตาไม่ค่อยไว้ใจ
“ผมชื่อคิมรยออุคครับ เป็นน้องชายของคุณอีซองมิน ตอนนี้ผมอยากพบเขา ไม่ทราบว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน” รยออุคแนะนำตัวเองพร้อมแจ้งธุระเสร็จสรรพ
หน้าต่างรถถูกเลื่อนปิด เพราะฟิล์มสีทึบที่ติดอยู่รอบหน้าต่างและกระจกทำให้รยออุคไม่เห็นว่าชายผู้ทำหน้าที่ขับรถหันไปคุยกับเจ้านายทั้งสองคนที่นั่งอยู่ที่เบาะข้างหลังหน้าเคร่งเครียด
ไม่นานร่างระหงของหญิงที่แม้จะไม่ได้อายุน้อยแล้วแต่ยังสวยสง่าก็ก้าวลงมาจากรถก่อนจะถอดแว่นตากันแดดที่สวมอยู่เพ่งมองชายหนุ่มร่างบางตรงหน้าด้วยสายตาพินิจพิจารณา
“คุณบอกว่ามาหาซองมินงั้นเหรอ”
“ใช่ครับ ผมเป็นน้องชายของเขา มาจากอินชอน” รยออุคตอบ เริ่มไม่ค่อยชอบใจกับสายตาไม่เป็นมิตรของผู้หญิงหน้าตาสะสวยตรงหน้า
“แต่ลูกชายของฉันไม่มีน้องชายนี่” ฮีราตอบพลางเชิดหน้ามองเด็กหนุ่มที่ถึงแม้จะแต่งตัวด้วยชุดสูทเรียบร้อยแต่ก็ยังดูกะโปโลอย่างถือดี
“ที่ผมทราบมาแม่ของพี่ซองมินท่านก็เสียไปแล้วนี่ครับ แล้วพี่ซองมินก็มีแม่แค่คนเดียว ไม่คิดว่าจะมีผู้หญิงคนไหนเสนอตัวเป็นแม่อีกคน” รยออุคย้อนกลับอย่างเจ็บแสบด้วยหน้าตาเฉยเมย ฮีราถึงกับหน้าเหวอ ไม่คิดว่าอีกคนจะกล้ายอกย้อนขนาดนี้
“หึ ถึงไม่ใช่แม่แท้ๆ แต่ฉันก็เหมือนแม่ของเขานั่นแหละ”
“อ้อ! แม่เลี้ยง” รยออุคพึมพำเบาๆ อะไรหลายๆ อย่างเริ่มกระจ่างขึ้นมาทันที เขาเองก็ได้ยินเรื่องของแม่เลี้ยงที่ทำให้ซองมินและผู้เป็นแม่แท้ๆ ต้องกระเด็นออกมาจากบ้านหลังใหญ่โต สูญเสียครอบครัวที่อบอุ่นและชีวิตที่สุขสบายมานานแล้ว เพิ่งจะเจอตัวจริงก็วันนี้นี่เอง เห็นอย่างนี้แล้วเขาไม่เสียใจสักนิดที่ตั้งแง่ไม่ชอบหน้าผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น และคิดว่าอีกฝ่ายก็คงจะไม่ได้เอ็นดูเขามากเท่าไหร่นักเหมือนกัน
“ว่าแต่คุณมีธุระอะไรกับเขา” ฮีราถามด้วยท่าทางไว้ตัว
“คนสนิทกันจะมาแวะทักทายเจอหน้ากันบ้างคงไม่เป็นไรหรอกใช่มั้ยล่ะครับ ผมเองก็แค่อยากจะรู้ว่าพี่ซองมินเขาอยู่สุขสบายดีรึเปล่า ไม่ได้ถูกใครหน้าไหนรังแก ยิ่งซื่อๆ แบบนั้นคงตามเล่ห์เหลี่ยมพวกเห็นแก่ตัวที่หวังร้ายกับเขาไม่ทัน” คำพูดที่ดูเหมือนจะบ่นลอยๆ ไปคนเดียวนั้นกระทบใจอีกฝ่ายเข้าอย่างจังจนต้องขบกรามแน่น เด็กคนนี้ร้ายกาจ ถึงกับกล้าประกาศสงครามกับเธอทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้ง
“เห็นทีคุณคงจะมาเสียเที่ยวแล้วล่ะ ซองมินน่ะตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก” ฮีราพูดพลางปรายตามอง เผยรอยยิ้มเยาะที่รยออุคเห็นแล้วไม่ชอบใจเลย
“ไม่เป็นไรครับ พรุ่งนี้ผมจะมาใหม่”
“ไม่ว่าจะมาอีกกี่ครั้งก็ไม่เจอเขาหรอก”
“คุณหมายความว่ายังไง ตอนนี้พี่ซองมินอยู่ที่ไหน” น้ำเสียงของรยออุคร้อนรนขึ้นด้วยความเป็นห่วงพี่ชายคนสนิทของตนเอง แต่ยิ่งชายหนุ่มกระวนกระวายยกลับยิ่งทำให้ฮีราพอใจ ถึงอย่างไร เด็กหนุ่มคนนี้ก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ ไม่มีทางจะมาต่อกรกับเธอได้หรอก
“ฉันไม่จำเป็นต้องบอกให้คุณทราบ แล้วก็เชิญออกไปจากบ้านฉันได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะเรียกตำรวจมาจัดการ”
“เอาสิ เรียกมาเลย ผมจะได้ฟ้องคุณข้อหากักขังหน่วงเหนี่ยว ให้มันรู้กันไปเลยว่าตอนนี้พี่ซองมินอยู่ที่ไหน” รยออุคประกาศกร้าว ไม่สนใจ ไม่รักษาท่าทีหรือมารยาทอะไรทั้งนั้น ในเมื่อฝ่ายนั้นแรงมาได้เขาก็แรงกลับ ยังไงตอนนี้ก็ต้องรู้ให้ได้ว่าซองมินอยู่ที่ไหน
“อย่าคิดทำแบบนั้นจะดีกว่าน่าคุณคิม” เสียงทุ้มที่ฟังดูคุ้นหูทำให้รยออุคละความสนใจจากฮีราไปที่ต้นเสียงที่เพิ่งจะเปิดประตูลงมาจากรถ และคนที่เขาเห็นก็ทำให้เบิกตากว้าง อ้าปากค้างด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าจะพบกันที่นี่และในสถานการณ์เช่นนี้
“อาจารย์โก!!” รยออุคร้องออกมา มีฮีราที่หันมองทั้งสองคนสลับไปมาด้วยสีหน้าแปลกใจ ทนายความประจำตัวเธอไปรู้จักกับเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“สวัสดีครับคุณคิม ไม่เจอกันนานเลยนะ” ตรงข้ามกับรยออุค ยองอุคกับมีท่าทีไม่ตกใจเลยสักนิดที่พบกันเพราะเขาคงจะเห็นเด็กหนุ่มคนนี้ตั้งแต่อยู่ในรถแล้ว
รยออุคก้มหัวให้ชายหนุ่มที่รู้จัก ท่าทีแข็งกร้าวเมื่อครู่หายไปจนเกือบหมด เหลือแต่เพียงความตกประหม่า
“คุณรู้จักเด็กคนนี้ได้ยังไง” ฮีราถามทนายความของเธอเบาๆ ด้วยน้ำเสียงไม่วางใจ แต่ยองอุคไม่ตอบ กลับหันไปมองรยออุคที่กำลังจ้องกลับมาด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
“คุณซองมินเขาไม่ได้อยู่ที่นี่หรอก ไม่อยู่มาตั้งนานแล้ว ต่อให้คุณมาหาเขาอีกกี่รอบก็ไม่มีทางเจอหรอก” ยองอุคพูดเสียงเรียบ
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน พวกคุณเอาเขาไปไว้ที่ไหน” รยออุคมีท่าทีร้อนรนขึ้นมาอีกครั้ง ยิ่งเป็นห่วงซองมินมากขึ้น
“คุณซองมินอยู่ที่โรงพยาบาล…..เขาเข้าบำบัดอาการทางจิตได้ปีนึงแล้ว” ชื่อของโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ออกมาจากปากของยองอุคพร้อมกับเหตุผลที่ซองมินอยู่ที่นั่น อย่างหลังทำให้รยออุคตัวชาไปทั้งตัว
บำบัดอาการทางจิต…ปีนึง…ช่วงที่เขาไม่อยู่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
รยออุคขบกรามแน่น มองหน้าคนสองคนที่ยืนเคียงข้างกันอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเจ็บแค้น ก่อนจะเลื่อนสายตากลับมาที่ชายร่างสูงที่ยังคงมองเขานิ่งด้วยแววตาไม่สื่ออารมณ์
ฝากไว้ก่อนเถอะ เขาต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับซองมิน และเขาก็มั่นใจว่าสาเหตุมันเป็นเพราะคนพวกนี้แน่ๆ
รยออุคส่งเสียงฮึดฮัดในลำคอก่อนจะเดินตรงไปที่รถเพื่อไปโรงพยาบาลที่ว่าที่ยองอุคบอกว่าซองมินรักษาตัวอยู่ แต่ยังไม่ทันถึงเจ้าเต่าสีม่วง มือแข็งแรงก็จับเข้าที่บ่าก่อนจะตบเบาๆ พร้อมกับเสียงกระซิบที่ดังอยู่ข้างหู
“เรียนจบเป็นทนายสมใจแล้วสินะรยออุค พยายามได้ดีมาก”
รยออุคนิ่งอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะได้สติ สะบัดมือนั้นออกจากบ่าของตัวเองก่อนจะส่งสายตาไม่พอใจให้ชายหนุ่มที่เคยรู้จัก
ทันทีที่มาถึงรถ รยออุคก็กระชากประตูเปิดแล้วปิดดังโครมใหญ่ เร่งเครื่องออกรถด้วยความเร็วสูงตามอารมณ์จนรถกระตุก
ให้ตายเถอะ! เขาเคยชอบผู้ชายพรรค์นั้นลงไปได้ยังไงกันนะ!
โกยองอุคหันมองตามรถเต่าคันเก่าๆ สีแสบตาที่พุ่งทะยานออกไปด้วยความเร็วเต็มพิกัดจนน่ากลัวว่าเครื่องจะพังเอาเสียก่อนด้วยสายตายากจะคาดเดา ในขณะที่ฮีราก็ลอบมองหน้าทนายความที่อยู่ในฐานะคนรักลับๆ ของตนเองด้วยสายตาเคลือบแคลงใจ
“คุณไปรู้จักเด็กนั่นได้ยังไง” พอเข้ามาถึงในบ้านและล้มตัวลงนั่งบนโซฟาหลังใหญ่ในห้องนั่งเล่นแล้ว ฮีราก็เอ่ยถามคำถามที่ค้างคาใจมาตั้งแต่เมื่อครู่
“ผมเคยเป็นอาจารย์พิเศษในมหาวิทยาลัยที่เด็กคนนั้นเรียน” ยองอุคตอบเสียงเรียบก่อนจะจิบกาแฟที่สาวใช้เพิ่งจะยกมาเสิร์ฟ
“แค่นั้นเหรอ” ฮีรายังถามต่อ จากท่าทีที่ดูสนิทสนมกันเมื่อครู่ทำให้เธอไม่ไว้ใจเอาเสียเลย แล้วยิ่งตอนที่ยองอุคก้มลงกระซิบอะไรบางอย่างกับรยออุค เด็กหนุ่มคนนั้นก็หน้าแดงอย่างกับลูกตำลึงสุก จะให้เธอไม่ไว้ใจได้อย่างไรกัน
“ก็แค่นั้นน่ะสิ” ยองอุคตอบแล้วหันไปสนใจกับหนังสือพิมพ์ในมือต่อ บทสนทนาเรื่องนี้จึงจบลงแค่นั้นพร้อมๆ กับความคลางแคลงสงสัยในตัวคนรักของฮีรา
ในเมื่อยองอุคไม่อยากจะพูดถึง เธอก็ไม่อยากเซ้าซี้ให้มากความ เธอรู้ว่าถึงยังไงยองอุคก็ต้องเลือกเธออยู่แล้ว และอีกอย่างเด็กคนนั้นก็อยู่คนละข้างกับเขา เพราะยังมีเรื่องของซองมินคอยขวางอยู่ พอวกไปถึงเรื่องของซองมิน ฮีราก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“แล้วคุณจะบอกเด็กนั่นทำไมว่าซองมินอยู่ที่ไหน อย่างนี้เรื่องไม่ยิ่งยุ่งไปใหญ่เหรอ”
“ยิ่งไม่บอกเรื่องจะได้ยุ่งไปกว่านี้น่ะสิ ถ้าเขาอยากเจอซองมินก็ปล่อยเขาเถอะ ดีกว่าให้เรื่องถึงตำรวจ ถ้าเขาฟ้องเอาเรื่องว่าเรากักขังหน่วงเหนี่ยวไม่ให้ซองมินเจอใครเลยจะวุ่นวายเสียเปล่าๆ คุณคงไม่อยากให้ตำรวจเข้ามามีเอี่ยวด้วยหรอกใช่มั้ย”
“ก็ปล่อยมันฟ้องไปสิ ฉันมีคุณอยู่ทั้งคน จะไปกลัวอะไร” ฮีราพูดพลางเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ชอบใจ
“ผมไม่อยากเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระพวกนี้ แถมคุณยังจะเสียชื่อเสียงอีกถ้าเรื่องมันถึงศาลจริง” คำพูดของยองอุคทำให้ฮีราคิดได้ ก็จริง ถ้าตำรวจเข้ามาวุ่นวายอาจจะลุกลามไปข้องเกี่ยวกับเรื่องมรดกของตระกูลอีได้ และถึงแม้ว่าจะชนะคดีเล็กๆ นี่จริง แต่เธอก็ต้องเสียชื่อเสียงอยู่ดี เธอเองก็นับว่าโดดเด่นในวงสังคมพอสมควรในฐานะนักธุรกิจหญิงที่กุมอำนาจการบริหารของบริษัทส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของเกาหลี หากเกิดเรื่องอื้อฉาวขึ้น อาจจะกระทบกับภาพลักษณ์ของบริษัทและความน่าเชื่อถือในสายตาของหุ้นส่วนคนอื่นๆ ด้วย
“แต่ฉันก็ไม่ไว้ใจ เด็กนั่นไม่ยอมจบแค่นี้แน่ๆ” ฮีราเอ่ย ความกังวลจางๆ ฉายชัดบนใบหน้าเมื่อนึกถึงสายตากร้าวของเด็กหนุ่มที่ชื่อรยออุคคนั้น
“คุณจะกลัวไปทำไม เมื่อกี๊คุณก็พูดเองนี่นาว่ามีผมอยู่ทั้งคน ผมไม่ยอมให้เรื่องมันจบแบบนี้หรอกน่า” ยองอุคพูดด้วยเสียงติดจะรำคาญ
คำพูดยืนยันความปลอดภัยของชายหนุ่มทำให้เธอยิ้มออกก่อนจะตัดสินใจจบบทสนทนานี้จริงๆ
---------------------------------------- 40% ----------------------------------------
href="file:///C:\DOCUME~1\Administrator\Local%20Settings\Temp\msohtmlclip1\01\clip_filelist.xml" /> href="file:///C:\DOCUME~1\Administrator\Local%20Settings\Temp\msohtmlclip1\01\clip_themedata.thmx" /> href="file:///C:\DOCUME~1\Administrator\Local%20Settings\Temp\msohtmlclip1\01\clip_colorschememapping.xml" />
ร่างเล็กที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยของรถเต่าโฟล์คสวาเกนสีสดส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจตลอดทางตั้งแต่คฤหาสน์หลังโตจนมาติดไฟแดงอยู่บนถนน
ให้ตายเถอะ! เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ อะไรๆ ก็ช่างเป็นใจเหลือเกิน แม้แต่ไฟจราจรที่ยังขึ้นสีแดงค้างไว้เนิ่นนานทั้งๆ ที่รถก็ไม่ได้เยอะเลยสักนิด
พอสีของไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียวเท่านั้น ชายหนุ่มผู้ใจร้อนก็รีบเร่งเครื่องทันที เบียดแซงรถเก๋งคันหรูสีดำที่จอดติดไฟแดงอยู่ข้างหน้า จนรถคันนั้นบีบแตรไล่หลังด้วยความตกใจที่อยู่ๆ รถของรยออุคขับปาดหน้า
“ขับรถภาษาอะไรวะ!” ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย ได้แต่มองตามหลังรถเต่าที่ไม่ได้เชื่องช้าสมชื่อเพราะท่าทางคนขับจะเป็นนักซิ่งตัวยง
แต่เต่าถึงยังไงก็ยังเป็นเต่าวันยังค่ำ....
“เฮ้ยๆๆ! เจ้าเต่า...อย่าเพิ่งมาตายเอาตอนนี้นะ!” รยออุคร้องอุทานอย่างตื่นตระหนกเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงสั่นกระตุกของเครื่องยนต์ที่ดูท่าว่าจะใกล้ถึงกาลอวสานเสียทีจนต้องรีบเลี้ยวเข้าจอดข้างทางก่อนที่รถยนต์คู่ชีพจะหมดลมไปเสียก่อน
แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เจ้าเต่าของรยออุคกระตุกแรงๆ เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะดับสนิททันทีที่รยออุคจอดข้างถนนราวกับจะทำภารกิจสุดท้ายของตัวเองให้สำเร็จก่อนจากไป
“โธ่เว้ย!! เล่นพ่ออีกแล้ว!” รยออุคทำหน้านิ่วคล้ายจะร้องไห้ก่อนจะเปิดประตูลงมาจากรถ ทำไมจะต้องมาเสียเอาตอนเขารีบแบบนี้นะ แต่แท้ที่จริงแล้ว ที่รถเสียก็เป็นเพราะเขาขับรถเร็วเกิที่เคร่องยนต์จะทนไหว
ทันทีที่กระโปรงรถถูกเปิดออกเพื่อดูเครื่องหาสาเหตุของความผิดปกติ รยออุคก็ไอโขลกๆ เพราะควันโขมงที่พุ่งออกมาจนต้องเบือนหน้าหนี วันนี้เป็นวันซวยอะไรของเขากันเนี่ย แย่ที่สุดเลย แถมเขายังซ่อมรถไม่เป็นอีกต่างหาก
ขณะกำลังงมโข่งทำอะไรไม่ถูกอยู่นั้น รถคันหรูที่รยออุคเพิ่งจะขับปาดหน้ามาหมาดๆ ก็จอดเข้าข้างทางตรงหน้าไม่ห่างจากเจ้าเต่าของรยออุคนัก
“อะไรวะ หรือจะไม่พอใจที่เราไปขับปาด” รยออุคพึมพำเบาๆ จำได้ว่ารถคันหรูตรงหน้าคือรถที่เขาเพิ่งขับแซงเมื่อครู่ และเมื่อเจ้าของรถเปิดประตูเดินออกมา ชายหนุ่มร่างเล็กก็เก๊กหน้าขรึมวางฟอร์มทันที
“มีอะไรเหรอครับ”
ชายหนุ่มแปลกหน้าถึงกับไปไม่เป็นเมื่อเจอประโยคที่เขาควรจะเป็นฝ่ายถามออกมาจากปากของเด็กหนุ่มคนนี้
“รถเสียเหรอครับ” ชายหนุ่มถามอย่างเป็นมิตรแต่อีกฝ่ายเหมือนจะไม่อยากผูกมิตรด้วย
“ก็เห็นอยู่ ไม่น่าถาม” เปล่าหรอก รยออุคยังรักษามารยาทไม่ได้พูดตอกหน้าชายหนุ่มคนนั้นไปตรงๆ แต่ประโยคที่บ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ นั้นดันเข้าหูอีกฝ่ายเอง
ผู้ชายคนนั้นเลือกที่จะแกล้งทำเป็นไม่สนใจคำพูดปฏิเสธเยื่อใยกลายๆ นั้นก่อนจะเดินเข้าไปยืนหยุดดูเครื่องยนต์ข้างรยออุคที่กำลังทำหน้ายุ่งอยู่
ท่าทางทะมัดทะแมงหยิบจับ แตะนู่นแตะนี่ของชายหนุ่มแปลกหน้าทำให้รยออุคเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายคนนี้ด้วยสายตาทึ่งๆ
“คุณซ่อมรถเป็นด้วยเหรอครับ”
“ไม่เป็นหรอกครับ” ชายหนุ่มตอบหน้าตาเฉยแล้วส่งยิ้มให้จนตาหยี จึงได้รับค้อนวงโตจากเจ้าของรถก่อนที่มือบอบบางเหมือนมือผู้หญิงจะรีบดึงมือเขาที่แตะอยู่ที่เครื่องยนต์รถออก
“ถ้าไม่เป็นก็อย่ามาแตะซี้ซั้วสิครับ เดี๋ยวรถผมก็พังหมดพอดี”
ตอนนี้ก็พังอยู่ไม่ใช่รึไง
ชายหนุ่มอดแย้งในใจไม่ได้ ไม่รู้ทำไมพอเห็นรถเต่าสีแสบตาที่เพิ่งขับแซงเขามาหยกๆ จอดตายอยู่ข้างทางเขาถึงหยุดรถลงมาช่วย สงสัยความดีที่อยู่ในตัวจะเริ่มออกมาทำงานล่ะกระมัง และสงสัยเขาคงจะเป็นคนดีจัดถึงกับลงทุนโทรเรียกอู่รถที่รู้จักเพื่อให้มานำรถของชายหนุ่มที่ดูไม่เป็นมิตรคนนี้ไปซ่อมให้
“ขอบคุณนะครับ” รยออุคโค้งขอบคุณหลังจากที่ชายหนุ่มที่ตนไม่รู้จักวางสายจากช่างซ่อมรถที่โทรเรียกเพื่อมาจัดการกับรถของเขาต่อ ก่อนที่จะพิงร่างกับรถของตนเองมองรถที่วิ่งผ่านไปมาแล้วไม่สนใจเขาอีกเลย
ท่าทีเฉยชานั้นทำเอาชายหนุ่มทำอะไรไม่ถูก ไอ้ขอบคุณมันก็ดีอยู่หรอก แต่ไม่รู้ทำไมมันดูไม่เต็มใจซักเท่าไหร่เลยให้ตายสิ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชายหนุ่มคนนั้นกดรับสาย
“ครับ ใกล้จะถึงแล้วครับ ตอนนี้อยู่แถวโรงพยาบาลแล้ว คนไข้ด่วนเหรอ คุณคิมอูโน ทราบแล้วครับ จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ ช่วยเตรียมห้องผ่าตัดไว้ด้วยนะครับ” ชายหนุ่มเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นร้อนรนก่อนจะหันไปมองรยออุคที่ตอนนี้กำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาเป็นประกาย
ท่าทีแสดงความสนใจเป็นครั้งแรกใน 10 นาทีที่พบหน้ากัน
“นี่ๆๆ คุณเป็นหมอเหรอ”
“อ่า...ครับ” ชายหนุ่มตอบงงๆ คำพูดที่กำลังจะบอกลาเพราะมีคนไข้ด่วนเข้ามาหายวับไปทันที
“คุณเป็นหมอโรงพยาบาลไหน ใช่โรงพยาบาล....มั้ย” ชื่อโรงพยาบาลเอกชนที่ซองมินพักรักษาตัวอยู่ออกมาจากปากของรยออุคเพราะแถวนี้อยู่ใกล้โรงพยาบาลที่ว่า ถ้าผู้ชายคนนี้เป็นหมอก็น่าจะเป็นหมอของโรงพยาบาลนั้น และเมื่อคำตอบคือการพยักหน้าตอบรับ รยออุคก็ส่งยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
ภาพนั้นทำเล่นเอาคุณหมอหนุ่มตาพร่าเลยทีเดียว
“เอ่อ...คือว่าผม....” รยออุคทำท่าว่าจะพูดอะไรซักอย่าง แต่ก็ไม่ยอมพูดออกมาเสียที จนคนที่รีบเป็นทุนเดิมอย่างชายหนุ่มที่รอฟังอยู่เริ่มร้อนใจ ก็จะให้เขาพูดได้อย่างไรล่ะว่าจะขอติดรถไปด้วย แค่นี้เขาก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้วที่ผู้ชายคนนี้เป็นธุระหาช่างมาซ่อมรถให้แถมเขายังไปขับรถปาดหน้ารถเขาอีก
“โอเค เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่โรงพยาบาลก็ได้ ยังไงก็ปลายทางเดียวกันอยู่แล้ว” ชายหนุ่มพูด อ่านใจรยออุคออกตั้งแต่ชายหนุ่มถามว่าเขาทำงานที่โรงพยาบาลนั้นหรือเปล่าแล้ว
“ขอบคุณมากนะครับ” รยออุคโค้งต่ำให้อีกครั้งแล้ววิ่งตามชายหนุ่มที่เดินจ้ำยาวๆ ล่วงหน้าไปก่อน
“แล้วรถของผมล่ะ” รยออุคยังคงห่วงรถยนต์ของตนเอง
“คุณเอากุญแจรถติดตัวไว้นั่นแหละ เดี๋ยวช่างเขาก็มาลากรถไปให้เอง อู่ซ่อมรถอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มาก เดี๋ยวช่างก็คงมาถึง” ชายหนุ่มตอบแล้วรีบเปิดประตูขึ้นรถ แต่คนที่จะติดรถไปด้วยกลับยังยืนชั่งใจไม่ยอมตามเข้ามาเสียทีจนเขาต้องเลื่อนกระจกรถลงแล้วพูด “เร็วสิครับคุณ ผมรีบนะ มีคนไข้ด่วน”
“เอ่อ...ครับๆ” สุดท้ายรยออุคก็รีบวิ่งอ้อมไปอีกฝั่งแล้วตามเข้ามานั่งที่เบาะหน้า ทันที่ประตูรถปิด ชายหนุ่มก็ออกรถทันที
รยออุคนั่งตัวเกร็ง ขยับตัวไปจนชิดประตูพลางยกนิ้วหัวแม่โป้งขึ้นมากัดเล็บ หน้านิ่วคิ้วขมวดราวกับไม่แน่ใจในการตัดสินใจของตัวเอง รยออุครู้ว่ามันเสี่ยงแค่ไหนที่โดดขึ้นรถคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักหน้าค่าตากันเป็นครั้งแรก ซ้ำเขายังไม่คุ้นชินเส้นทางแถวนี้อีกด้วย ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นมาจริง ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะหาทางเอาตัวรอดอย่างไร แต่แววตาจริงจังแฝงความจริงใจของผู้ชายคนนี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกไว้ใจขึ้นมาชั่วขณะจนเผลอรับความช่วยเหลือ รู้ตัวอีกทีก็เข้ามานั่งในรถเขาแล้ว
“ไม่ต้องกลัวผมหรอกน่า ผมไว้ใจได้ ไม่พาคุณไปทำอะไรไม่ดีหรอก”
รยออุคหันขวับไปมองก่อนส่งค้อนให้อีกวง จนชายหนุ่มชักไม่แน่ใจว่าเขารับผู้ชายคนที่เพิ่งส่งยิ้มกว้างให้เมื่อครู่นี้ขึ้นรถมาจริงหรือเปล่า เมื่อชายหนุ่มคนนี้แปลงร่างกลับเป็นทำท่าทางไม่เป็นมิตรอีกแล้ว
“ผมไม่ได้กลัวคุณซักหน่อย แค่เป็นห่วงรถเฉยๆ” รยออุคแก้ตัวก่อนจะเสสายตามองวิวทิวทัศน์ข้างทางจากกระจกหน้าต่าง
ชายหนุ่มรู้ว่าอีกคนโกหกแต่ไม่อยากจะชวนทะเลาะด้วยเริ่มรู้นิสัยของผู้โดยสารของตนเองแล้วว่าเป็นคนแบบไหน
ท่าทางจะรั้นไม่เบาเลย
“ว่าแต่คุยกันมาตั้งนาน ผมยังไม่รู้เลยว่าคุณชื่ออะไร” ชายหนุ่มชวนคุยเพื่อลดบรรยากาศอึดอัด
“คุณไม่ต้องรู้จักชื่อผมหรอก เดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันแล้ว” แม้จะเป็นคำตอบที่ฟังดูใจร้ายไปสักนิดแต่รยออุคก็ตอบกลับไปโดยไม่ลังเลเลย ถึงอย่างไรเขาก็ยังไม่ไว้ใจผู้ชายคนนี้อยู่ดี
“ผมชื่อคิมจงอุน เป็นหมอแผนกศัลยกรรมของโรงพยาบาล...” ชายหนุ่มที่ชื่อจงอุนแนะนำตัวเต็มยศ จนรยออุคหันมามองหน้าด้วยสายตาบ่งบอกว่าเขาไม่ได้อยากรู้เลยสักนิด และดูเหมือนคุณหมอหนุ่มจะอ่านความรู้สึกนั้นออก “ก็เผื่อคุณจะได้เอาไปบอกตำรวจตอนผมทำเรื่องไม่ดีกับคุณไง”
“คุณจะทำอะไร” รยออุคพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงหวาดระแวง
“ล้อเล่นหรอกน่า” คุณหมอจงอุนพูดพลางหัวเราะในลำคอ แต่รยออุคดูเหมือนไม่ตลกด้วยจึงเมินหน้าหนีไปมองหน้าต่างเหมือนเดิม
“ว่าแต่คุณไม่สบายเหรอ ป่วยเป็นอะไรล่ะ ผมจะได้แนะนำหมอเก่งๆ ให้” จงอุนพยายามชวนคุยอย่างเป็นมิตร
“เปล่าหรอกครับ ผมไปเยี่ยมพี่ชายน่ะ”
“พี่ชายคุณเป็นอะไรล่ะครับ” จงอุนยังคงถามนั่นถามนี่ไปเรื่อยๆ แต่คำถามนั้นกลับกระทบใจรยออุคอย่างแรง
บอกไม่ได้เด็ดขาดว่าพี่ซองมินเป็นอะไร เรื่องนี้ไม่สมควรให้คนนอกมารับรู้ต่อให้เป็นหมอที่อาจจะไม่เจอกันอีกก็เถอะ
รยออุคแกล้งทำเป็นหูทวนลม ไม่ยอมตอบคำถามที่จงอุนถาม เท่านี้คุณหมอหนุ่มก็รู้แล้วว่าอีกคนคงอยากรักษาความเป็นส่วนตัว
“เอ้อ ผมขอเบอร์โทรศัพท์อู่ซ่อมรถที่คุณโทรเรียกมาได้มั้ยครับ เผื่อผมจะได้ติดต่อรับรถคืน” รยออุคเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน จงอุนที่รถติดไฟแดงพอดีจึงหยิบนามบัตรอู่ซ่อมรถนั้นให้ ในนามบัตรมีทั้งชื่ออู่ เบอร์โทรศัพท์ รวมถึงแผนที่คร่าวๆ
“ท่าทางคุณจะรักรถคันนั้นมากนะครับ” จงอุนพูด นึกไปถึงท่าทีหวงๆ ของชายหนุ่มร่างเล็กตอนที่เขาแตะต้องเครื่องยนต์รถทั้งที่ซ่อมไม่เป็น
“คนสำคัญซื้อให้น่ะครับ” รยออุคพูดยิ้มๆ
‘คนสำคัญ’ คำนี้ทำให้จงอุนรู้สึกแปลกๆ อย่างไรพิกล
“แฟนเหรอครับ” ไม่รู้ทำไมเขาถึงถามออกไป นึกแล้วก็แปลกใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงได้อยากรู้เรื่องของชายหนุ่มแปลกหน้าที่ยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อนัก
“เปล่าหรอกครับ พี่ชายที่ผมกำลังจะไปเยี่ยมน่ะ” รยออุคไขข้อกังขา ก่อนจะผุดรอยยิ้มบางเบาเมื่อนึกถึงพี่ชายคนที่ว่า และก็เป็นอีกครั้งที่จงอุนไม่เข้าใจว่าทำไมจึงได้รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
“คุณยังไม่มีแฟนเหรอ”
คำถามนี้ทำให้รยออุคจรดหัวคิ้วเข้าหากันก่อนจะส่งค้อนขวับให้สารถีหนุ่มเป็นรอบที่ 3
“เรื่องของผมน่า” รยออุคบ่นอุบอิบ กอดอกแน่นแล้วหันหน้ากลับไปมองกระจกรถตามเดิม
รถคันหรูหักเลี้ยวเข้าซอยเล็กๆ ข้างทางตัดสู่ถนนนอกเมืองที่เริ่มเปลี่ยว รยออุคหน้าตื่นก่อนจะหันมามองจงอุนที่ยังขับรถด้วยท่าทีสบายๆ เหมือนเดิม
“คุณจะพาผมไปไหน นี่มันทางไปโรงพยาบาลแน่เหรอ”
“แน่สิ ผมพามาทางลัด ขืนใช้ถนนใหญ่รถได้ติดตาย คนไข้ผมไส้ติ่งแตกก่อนพอดี” จงอุนพูดเสียงเรียบ แต่ดูท่าว่ารยออุคยังไม่ไว้ใจ “อ้อ! แล้วก็ช่วยคาดเบลท์ด้วยนะครับ ผมจะซิ่งแล้ว ไม่รับประกันความปลอดภัย”
ถึงจะยังไม่วางใจแต่รยออุคก็ดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดตามคำพูดของคุณหมอหนุ่มอย่างว่าง่าย แล้วจงอุนก็ทำตามที่พูดจริง เมื่อถนนสองข้างทางไม่มีรถวิ่งสวนมาให้เกะกะชายหนุ่มก็เร่งเครื่องรถยนต์จนรถพุ่งฉิว เครื่องยนต์ส่งเสียงคำรามดังลั่นโดยไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะพังเหมือนเจ้าเต่าของรยออุคที่ตอนนี้คงกำลังถูกลากเข้าอู่
รถหรูราคาแพงก็ดีอย่างนี้สินะ แต่ถึงอย่างไรก็คงสู้เจ้าเต่าของเขาไม่ได้อยู่ดี ถึงจะช้า เครื่องก็รวน แต่ก็เป็นของสำคัญที่ซองมินอุตส่าห์ซื้อให้
รถคันงามพุ่งออกมาจากซอยซึ่งอยู่ข้างโรงพยาบาล เป็นทางลัดจริงอย่างที่คุณหมอผู้เป็นคนขับรถพูดไม่มีผิด ก่อนจะหักเลี้ยวเข้าจอดหน้าประตูทางเข้าโรงพยาบาล ส่งเสียงเบรกเอี๊ยดดังลั่นจนคนไข้ที่เดินอยู่แถวนั้นหันมามองด้วยความตกใจ
“ผมส่งคุณตรงนี้นะ ผมต้องรีบเข้าห้องผ่าตัดแล้ว” จงอุนพูดรัวเร็ว รีบร้อนขึ้นเป็นเท่าตัวเพราะระหว่างทางพยาบาลประจำห้องฉุกเฉินโทรมาเร่งอีกครั้งเพราะเตรียมห้องฉุกเฉินไว้เรียบร้อยแล้ว
รยออุคลงมาจากรถ กำลังจะโค้งขอบคุณแต่ยังไม่ทันได้พูดพยางค์แรกของคำว่าขอบคุณเลยเสียด้วยซ้ำ รถเก๋งสีดำคันที่นั่งโดยสารมาด้วยก็แล่นฉิวเลี้ยวเข้าลานจอดรถไปแล้ว
“เฮ้อ! เป็นหมอนี่ลำบากจริงๆ” รยออุคบ่นกับตัวเองขณะที่มองตามหลังรถคันนั้นด้วยความรู้สึกติดค้างในใจที่ยังไม่ได้เอ่ยขอบคุณอย่างเป็นทางการกับคุณหมอผู้ใจดีคนนั้นเลย
รยออุคขึ้นมาที่ชั้น 7 ตามที่พยาบาลแผนกประชาสัมพันธ์บอกว่าเป็นชั้นห้องพักสำหรับผู้ป่วยแผนกจิตเวช ชายหนุ่มเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์อีกครั้งเพื่อสอบถามเลขห้องพักของซองมิน
“คุณอีซองมิน ห้อง 713 ค่ะ อ๊ะ! ตอนนี้คุณอียังไม่ได้รับอนุญาตให้เยี่ยมค่ะ” พยาบาลสาวรีบบอกเมื่อเห็นข้อมูลในประวัติคนไข้ที่ขึ้นในคอมพิวเตอร์ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อรยออุคได้ยินเลขห้องที่พี่ชายตนเองพักอยู่ก็รีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในส่วนของห้องพักผู้ป่วยทันที
“อ๊ะคุณ! ไม่ได้นะคะ” พยาบาลที่อยู่เวรอีกคนรีบวิ่งตามเข้าไปทันที
ทันทีที่หาห้อง 713 ของซองมินเจอ รยออุคก็เปิดประตูเข้าไปทันที สภาพของพี่ชายตนเองที่ถูกพันธนาการไว้ทั้งตัวทั้งจากเสื้อที่รัดแขนเอาไว้ทั้งสองข้างและสายรัดลำตัวและขา อีกทั้งยังนอนหลับสลบไสลไม่ได้สติทำให้รยออุคปรี่เข้าไปเขย่าตัวปลุกซองมินด้วยความเป็นห่วงและร้อนใจ
“พี่ซองมินๆๆ!! ตื่นสิ พี่ซองมิน” รยออุคร้องพลางพยายามเขย่าตัวซองมินแต่อีกฝ่ายกลับไม่มีปฏิกิริยาสนองเพราะฤทธิ์ของยาสลบ เมื่อเห็นว่าปลุกซองมินไม่ได้ รยออุคจึงเปลี่ยนเป้าหมายด้วยการพยายามดึงสายรัดที่รัดเอวซองมินให้ติดเตียงไว้อยู่ออกแทน
“ว้าย!! ไม่ได้นะคะคุณ อย่าทำแบบนี้นะคะ” พยาบาลรีบเข้ามาดึงตัวรยออุคออกจากซองมิน แต่ชายหนุ่มกลับขัดขืนดิ้นรน
“ทำไมจะทำไม่ได้ พวกคุณกล้าดียังไงมาทำกับพี่ชายผมแบบนี้!!” รยออุคตอบกลับเสียงกร้าว ผลักตัวพยาบาลออก “พี่ซองมิน ผมมาช่วยพี่แล้วนะ” รยออุคพูดกับร่างที่ยังไร้สติของซองมินพลางออกแรงดึงเชือก
“ไม่ได้นะคะคุณ!!” พยาบาลสาวยังไม่ละความพยายาม ขยับเข้ามาดึงตัวรยออุคออกอีกครั้ง
ขณะที่กำลังยื้อยุดกันอยู่นั้น ดวงตากลมโตของชายหนุ่มบนเตียงที่ปิดสนิทเมื่อครู่ก็ค่อยๆ กระพริบถี่ขึ้นก่อนที่จะเปลือกตาจะเปิดเต็มที่ ซองมินตื่นแล้ว ยาสลบที่ถูกฉีดเข้าเส้นเลือดเมื่อ 3 ชั่วโมงก่อนหมดฤทธิ์แล้ว
เสียงเอะอะโวยวายที่ดังอยู่ข้างเตียงเรียกให้ชายหนุ่มผินใบหน้ามอง สมองมึนงงค่อยๆ ประเมินผลช้าๆ ว่าชายหนุ่มร่างเล็กหน้าตาคุ้นๆ ที่กำลังเถียงกับพยาบาลหน้าดำคร่ำเครียดคนนั้นเป็นใคร
รยออุค?!
เป็นไปไม่ได้ เขากำลังฝันไปแน่ๆ ยาสลบต้องยังทำงานอยู่หรือไม่ก็เป็นผลตกค้างจากยาระงับประสาทที่ทำให้เขาเพ้อเห็นภาพหลอนของน้องชายเป็นแน่ รยออุคจะมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน
ซองมินส่ายหัวเร็วเพื่อเรียกสติที่คิดว่ายังกลับมาไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่เมื่อหันไปเห็นเสี้ยวหน้าด้านข้างของชายหนุ่มร่างเล็กที่ยังคงส่งเสียงตอบโต้พยาบาลที่เขายังจับใจความไม่ออกว่ากำลังมีเรื่องอะไรกัน ก็ยังเห็นว่าเป็นหน้ารยออุคเหมือนเดิม
“รยออุค...คิมรยออุค นั่นนายจริงๆ ใช่มั้ย” ซองมินพูดเสียงพร่า แม้จะแผ่วเบาแต่ก็ทำลายการโต้เถียงของรยออุคกับพยาบาลทันที
“พี่ซองมิน!! พี่ซองมินตื่นแล้ว” รยออุคร้องออกมาด้วยความดีใจก่อนจะโผเข้าซบอกกอดร่างคนป่วยที่นอนบนเตียง
เขาไม่ได้เพ้อไปเองจริงๆ ด้วยสินะ ซองมินคิดพลางปล่อยให้น้ำตาไหลเต็มสองแก้ม
------------------------------------------
สุดท้าย ไรท์เตอร์จะฝากทวิตเตอร์เอาไว้นะคะ เผื่อเวลาไรท์เตอร์อัพจะแจ้งให้ทราบทางทวิตเตอร์เพื่อความสะดวก เพราะมีหลายคนที่ไม่มี My ID. (ถึงมีไรท์เตอร์ก็ไม่ได้แจ้ง เพราะไม่ได้เล่น ฮ่าๆๆ แต่สมาชิกเด็กดีก็จะมีการแจ้ง Favourite เวลาที่มีการอัพอยู่ดีแหละเนอะ)
อันนี้ทวิตไรท์เตอร์นะคะ Follow เข้าไปคุยกันได้เน้อ @bluebeads_SSK (ที่จริงทวิตนังไรท์เตอร์มันก็ไม่ได้เล่นอยู่ดี เอาไว้ตามข่าวผู้ชายเฉยๆ ฮ่าๆ)
สุดท้าย ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามค่ะ และขอโทษที่ทำให้รอด้วยนะคะ
67ความคิดเห็น