ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
จิวอวงยี้ ตีนแมวเทวดา

ลำดับตอนที่ #8 : ราตรีพิพาทอลเวง ชะตาชีวิตผูกพัน

  • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 48


ตอนที่ 8 ราตรีพิพาทอลเวง ชะตาชีวิตผูกพัน



จิวอวงยี้เข้าใจสถานะการณ์คาดคิดว่าคนผู้นี้ลอบเข้ามาก่อนหน้าตนซุ่มซ่อนอยู่ก่อน คงไม่ต้องการให้คนพวกนั้นรู้ตัว ตนเองก็ไม่ต้องการจึงไม่ดิ้นรนขัดขืน แต่หากคิดทำร้ายตนกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด ทันทีที่มันคว้าเข้าที่ลำคอเข็มอรสรพิษก็จี้ถึงทรวงอกของมันแล้ว ขอเพียงมันลงมือเกินเลยกว่านี้เข็มนี้ต้องปักทะลุทรวงอกของมันอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าตนเองเป็นสตรีอยู่ในลักษณะนอนหงายมีร่างบุรุษผู้หนึ่งนอนตะแคงกดทับอยู่ด้านบน ออกจะขาดทุนไปมาก ต้องคับแค้นขุ่นเคืองไม่น้อย  



มันผู้นี้กลับแต่งชุดดำคลุมหน้าเช่นเดียวกัน พอเห็นนางไม่ขัดขืนส่งเสียงจึงคลายมือออกแต่ภายใต้เตียงคับแคบไม่มีที่ให้ขยับตัว อีกทั้งเกรงการขยับตัวทำให้บังเกิดเสียง จำต้องอยู่ในลักษณะเดิม จิวอวงยี้เองแม้รู้สึกอึดอัดขัดข้องแต่ก็ไม่สามารถทำอันใดได้ คิดเบี่ยงกายขยับหลบก็เกรงบังเกิดเสียงให้บุคคลที่เข้ามาได้ยินเช่นเดียวกัน จึงต้องยอมแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว ยามนี้ร่างทั้งสองแนบชิดติดกันแทบเป็นร่างเดียว แม้กระทังลมหายใจยังไม่กล้าระบายออกกริ่งเกรงลมหายใจราดรดหน้าของอีกฝ่าย นางค่อยๆเอียงศีรษะชำเลืองมองลอดช่องใต้เตียงดูความเคลื่อนไหวภายในห้อง



เห็นผู้เข้ามามีจำนวนเจ็ดแปดคน หนึ่งในนั้นกลับเป็นนายอำเภอเฉิน ต้องลอบครุ่นคิด ‘ที่แท้ในงานเลี้ยงมันแสร้งเมามาย คนผู้นี้เจ้าเล่ห์ กลอกกลิ้งไม่น้อย’ได้ยินเสียงมันกล่าวว่า

“หัวหน้าท้ง ครั้งนี้ไม่อาจต้อนรับขับสู้ ทั้งต้องให้ท่านอยู่ในห้องคับแคบเป็นที่เสียใจจริงๆ”



คนที่เรียกว่าหัวหน้าท้งกล่าวว่า

“นายอำเภอพวกเราล้วนคนกันเองอย่าได้เกรงอกเกรงใจไป ความจำเป็นของท่านข้าพเจ้าล้วนทราบดี แต่จู่จู่องค์ไทจือเสด็จมา นับว่าแปลกประหลาด ใช่สงสัยเคลือบแคลง งานของพวกเราหรือไม่”

นายอำเภอเฉินกล่าวว่า

“ดูจากรูปการณ์แล้วไม่น่าจะใช่ พระองค์ทรงนำพามาแค่หัวหน้าองครักษ์ กับสาวงาม คาดว่าคงมาท่องเที่ยวหาความสำราญเสียมากกว่า”

จิวอวงยี้พอฟังต้องลอบครุ่นคิดขึ้น ‘ที่แท้เทียนกงจื้อ เป็นองค์ชายจริงๆ ทั้งยังเป็นถึงรัชทายาท กลับไม่บอกกล่าวต่อเราให้กระจ่างน่าโมโหนัก’



หัวหน้าท้งมีสีหน้าครุ่นคิดชั่วครู่ คิดแล้วน่าจะเป็นตามที่นายอำเภอกล่าว จึงกล่าวว่า

“เวลาไม่เช้าแล้ว อย่าได้รีรอ ท่านเปิดประตูเถอะพวกเราจะได้รีบไป”

นายอำเภอเฉิน เดินนำหน้าไปยังประตูศิลา ล้วงเอาแท่งทองเหลือลักษณะคล้ายกุนแจ สอดเข้าไปยังปากรูปปั้นศิลาด้านข้างประตูตัวหนึ่งพอบิดหมุน ก็ผลักประตูเข้าไป จิวอวงยี้พอสังเกตุเห็นจึงเข้าใจ ที่แท้ที่ปากรูปปั้นภายในมีช่องสำหรับสอดลูกกุนแจ มิน่าเมื่อครู่ถึงไม่สังเกตุเห็น นายอำเภอและคนทั้งหมด หายเข้าไปยังห้องหลังประตูศิลา ภายในห้องจึงไร้ผู้คน จิวอวงยี้รีบเสือกเข็มอสรพิษขึ้นเป็นความหมายให้ผู้ที่นอนทับร่างตนขยับกายขึ้น บุรุษชุดดำล้วนทราบดีแววตาส่อแววกระอักกระอวย โกงตัวขึ้นให้นางขยับออก



จิวอวงยี้พอขยับร่างได้เพียงเล็กน้อย บรรดาผู้คนที่เข้าไปยังห้องศิลาก็ก้าวออกมา นางจำต้องหยุดนิ่งลงอีกครา แต่ครานี้ร่างคนทั้งสองอยู่ในท่าที่สร้างความสะท้านอายแก่นางอย่างยิ่ง ในที่แรงใบหน้าจดจ่อใบหน้ายังพอทำเนาแต่คราวนี้นางขยับกายขึ้นมา ยังไม่ทันพลิกตัวตะแคงออกด้านข้างผู้คนก็เข้ามา คิดพลิกตัวตอนนี้ก็ทำไม่ได้แล้ว ทรวงอกกับจ่อที่ใบหน้าบุรุษชุดดำแทน ทรวงอกของนางอวบอิ่มเด่นล้ำย่อมอยู่สูงกว่าใบหน้า แม้บุรุษชุดดำโกงตัวดึงศีรษะขึ้นแทบชิดเพดานเตียง ใบหน้ากับอยู่ห่างจากทรวงอกแค่ปลายนิ้วก้อย นางต้องขนลุกเกลียวทั่วทั้งร่างเมื่อลมหายใจของมันราดรดถูก ต้องขุ่นข้องแทบร่ำไห้ ใช้มือข้างหนึ่งค้ำยันหน้าผากมันไว้ มืออีกข้างหนึ่งขวางกันทรวงอก กดปากจมูกของมัน แต่กระนั้นยังรู้สึกร้อนวูบวาบทั่วทั้งร่างกาย ได้ยินเสียงผู้คนก้าวเดินคล้ายแบกหามของหนัก พอเหลือบแลดู เห็นผู้คนแบกหามหีบใบใหญ่ สี่ใบ ออกมาจากห้องศิลา ไม่ทราบว่าภายในบรรจุของสิ่งใดไว้แต่ดูแล้วหนักยิ่ง นายอำเภอเฉินกล่าวขึ้นว่า

“ครั้งนี้ทรัพย์สิ้นที่ได้มีน้อยกว่าที่ควร เนื่องจากมีโจรร้ายย่องเบาฝีมือดีมาอาละวาด กวาดทรัพย์สินบรรดาเศรษฐีของพวกเราไปจำนวนมาก ทำให้ตกกระทบมาถึงพวกเรา แต่การณ์นี้ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าพเจ้าจะเร่งดำเนินการกำจัดโจรร้ายรายนี้ให้จงได้ จะลงโทษให้สาสมกับที่ขโมยทรัพย์สินของพวกเรา หัวหน้าท้งท่านก็รายงานต่อ เล่าสี่เอี้ย(นายผู้เฒ่าลำดับสี่) ตามนี้เถอะ”

    

หัวหน้าท้งผงกศีรษะรับ นำพาผู้คนแบกห้ามหีบติดตามหลังนายอำเภอเฉินออกจากห้อง พอฟังซุ่มเสียงผู้คนจากไปไกลแล้ว จิวอวงยี้พลันกระชากเสียงแผ่วเบากล่าวว่า

“ท่านนิ่งเฉยไว้ ให้ข้าพเจ้าออกไปก่อน”

ไม่รอให้มันตอบคำก็ชิงขยับร่างมุดปราดออกจากใต้เตียง นางเข้าใจดีว่าผู้ที่ออกมาก่อนย่อมชิงเป็นฝ่ายมีเปรียบต่อผู้ออกมาที่หลัง  พอร่างนั้นมุดตามนางออกมาก็โดนเข็มอสรพิษพุ่งจี้เข้าหาลำคอ มันอยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถป้องกันตัวได้โดยสะดวกอีกทั้งนางยังลงมือรวดเร็วจึงไม่อาจปัดป้องได้ พอเข็มจี้ถึงลำคอก็หยุดยั้ง เค้นเสียงกล่าวว่า

“ท่านเป็นผู้ใด เผยโฉมออกมา”

พลันเอื้อมมืออีกข้างกระตุกผ้าคลุมหน้าของมัน คนผู้นั้นอาศัยจังหวะนี้ ปัดข้อมือที่ถือเข็มอสรพิษจี้บังคับตนอยู่ ให้เบี่ยงเบน พลิกกายหลบหลีกถอยกายออกสามก้าวไปยังหน้าประตู แม้สามารถรอดพ้นจากเข็มอสรพิษของนางได้ แต่ผ้าคลุมหน้ากลับถูกกระชากลง พอเห็นถนัดชัดตาใบหน้ามันที่แก้มซ้ายมีรอยแผลเป็นเป็นรูปกากบาทคนผู้นี้หากไม่ใช่ลู่ซุนจะเป็นผู้ใด



นางต้องงงงันวูบคาดคิดไม่ถึงว่าเป็นมัน พอคิดถึงเมื่อครู่ตนเองอยู่กับมันใต้เตียงร่างแนบชิดติดกัน ต้องหน้าแดงซ่านทั้งขุ่นเคืองทั้งอับอาย ต้องชี้หน้ากระชากเสียงกล่าวว่า

“เฮอะ กลางวันเป็นมือปราบกลางคืนเป็นโจรร้าย ทั้งยังลวนลามสตรีไม่หยุดหย่อน ช่างน่าไม่อายนัก”

ลู่ซุนต้องหน้าแดงวูบหนึ่ง ยกมือประสานกล่าวขึ้น

“หากล่วงเกินเซียวโกวเนี้ยต้องขออภัยแล้ว ยามนี้ไม่มีเวลาอธิบาย ขออำลา”

กล่าวจบรีบเปิดประตูพุ่งกายออกไปโดยเร็ว



จิวอวงยี้กลับงงงัน ครุ่นคิด ‘ไฉนมันถึงทราบว่าเราเป็นผู้ใด’ ความจริงนางยามนี้แต่งชุดดำปลกคลุมหน้า อีกทั้งท่าร่างยามนี้ก็ปราดเปรียวทะมัดทะแมงผิดกับตอนเป็นเซียวโกวเนี้ยที่เยื้อย่างกรีดกายแช่มช้อย ยากยิ่งจะจำแนกออกว่าเป็นคนคนเดียวกัน แต่ความหอมของเรือนร่างไม่อาจปิดบัง นางยามปลอมแปลงด้วยชุดดำแม้ไม่ได้ทาแป้งฝุ่นอบน้ำปรุงเหมือนตอนเป็นเซียวเสียวเจี๊ยะ แต่กลิ่นหอมเหล่านี้ยังคงติดตัวนางอยู่ เมื่อครู่ลู่ซุนแนบชิดร่างกายนาง พลันสูดได้กลิ่นหอมชนิดนี้ แม้อ่อนจางแต่ก็จำได้ว่าเป็นแบบเดียวกัน ทำให้มั่นใจได้ว่านางคือเซียวโกวเนี้ยอย่างไม่ต้องสงสัย



นางไหนเลยมีเวลาขบคิดมากความรีบสาวเท้าติดตาม หากไม่ได้ระบายแค้นในการถูกหยามอัปยศถึงสองครั้งไหนเลยนอนตาหลับได้ พอดีดเท้าก้าวทยานก็กระโจนโลดแล่นสู่บนกำแพงประตูหลัง เห็นเงาดำสายหนึ่งก้าวกระโดดโจนทยานไปตามหลังคา ติดตามขบวนเกวียนบรรทุกหญ้าฟาง จำได้ว่าคนในขบวนเกวียนล้วนเป็นคนที่มาข้นย้ายหีบในห้องศิลา ผู้นำหน้าขบวนเป็นหัวหน้าท้งเช่นนี้ภายใต้หญ้าฟางต้องเป็นหีบทรัพย์สินที่พวกมันกล่าวถึง คนพวกนี้นำทรัพย์สินจำนวนมากซุกซ่อนไว้ปลอบแปลงเป็นชาวนา ไม่ทราบว่ามีเจตนาใด อีกทั้งมือปราบจอมวางท่านั้นก็ติดตามไม่ลดล่ะ สร้างความสงสัยแก่นางยิ่ง จึงพักความแค้นของตนเฝ้าสะกดรอยแต่ไกล ตามหลังลู่ซุน ดูว่ามือปราบผู้นี้จะลงมือกระทำการอันใดต่อ



พอออกนอกเขตเมืองเป็นถิ่นรกร้าง ลู่ซุนพลันสะกิดเท้าขวางกันขบวนกระชากเสียงกล่าวว่า

“ทั้งหมดหยุดไว้”

หัวหน้าท้งและพรรคพวกต่างแตกตื่นขึ้นไม่คาดว่ามีผู้คนสะกดรอยตามมา เห็นผู้ขวางกันขบวนไม่เปิดเผยโฉมหน้า แต่งกายด้วยชุดดำ ต้องครุ่นคิดขึ้น’หรือมันคือโจรร้ายที่นายอำเภอกล่าวถึง ครั้งนี้สืบเสาะมาถึงทรัพย์สมบัติของพวกเรานับว่าอาจหาญจริงๆ’ ต้องลอบระวังตัวทุกฝีก้าว ตะคอกเสียงกล่าวว่า

“ผู้มาต้องการสิ่งใดขอให้บอกกล่าว”



“ของบนเกวียนนั้นทิ้งไว้ให้กับเรา”



หัวหน้าท้งเค้นหัวร่อ เฮอะๆ กล่าวว่า

“ที่แท้เป็นโจรร้ายจริงๆ นี่กลับไม่ง่ายนัก ดูว่าท่านมีปัญญาช่วงชิงหรือไม่”

พลันส่งสายตาไปยังบรรดาผู้คน คนพวกนั้นรีบคว้าดาบใต้กองหญ้าฟางกระจายตัวโอบล้อมไว้ คนพวกนี้มิใช่ชนชั้นธรรมดาแต่ล่ะผู้คนมีฝีมือไม่น้อยไม่เช่นนั้นคงไม่ได้รับมอบหมาย ให้คุ้มกันทรัพย์สินจำนวนมาก ไม่รอให้หัวหน้าท้งสั่งความ ก็ลงมือจู่โจมโดยพร้อมเพียง ลู่ซุนเห็นประกายดาบฉวัดเฉวียงคุกคามรอบด้าน รีบใช้วิชามือเปล่าชิงอาวุธในฝ่ามือกำหราบเสือเข้าต้านรับ แต่คนพวกนี้มีฝีมือไม่ต่ำทรามไหนเลยถูกช่วงชิงได้โดยง่าย พอคิดช่วงชิงดาบจากผู้หนึ่งอีกห้าคนก็ขวางดาบสกัดกั้น จู่โจมทำร้าย มันทั้งหกคนต่อสู้สอดคล้องกลมกลืน ลู่ซุนกลับเป็นฝ่ายต้านรับมือไม้ปั่นป่วน เสียงควากคราหนึ่ง ขากางเกงด้านซ้ายถูกคมดาบของคนผู้นึ่งกรีดใส่ ดีที่ชักขาหลบรอดจึงไม่ถูกเนื้อหนัง พอขยับตัวหลบดาบหนึ่งที่ฟาดฟันมากลับถูกเท้าหนึ่งเตะใส่อย่างถนัดถนี่



หัวหน้าท้งแสยะยิ้มเย้ยหยันครุ่นคิด ‘มีฝีมือเพียงแค่นี้ ก็คิดอาจหาญช่วงชิงทรัพย์สินของเรา ช่างไม่เจียมตัวจริงๆ’ ครุ่นคิดแล้วต้องหัวร่อออกมา พลันต้องตะลึงงันในเสียงหัวเราะกลับมีเสียงหัวเราะของสตรีเสริมแทรก พอเหลียวไปตามเสียง เห็นคนชุดดำอีกผู้หนึ่งนั่งห้อยขาอยู่บนคาคบไม้ ชมการต่อสู้ ฟังจากซุ่มเสียงหัวเราะคงเป็นสตรี หัวหน้าท้งรีบระวังตัว ครุ่นคิด’หรือมันมีผู้ช่วยมาหนุนเสริม’ แต่เห็นสตรีชุดดำเพียงนั่งหัวร่อชมดูอยู่ไม่ได้ลงมาช่วยเหลือจึงรอดูท่าที ได้ยินนางหัวร่อกล่าวว่า

“วิชาคว้าจับในฝ่ามือกำหราบเสือมีเพียงเท่านี้ ไหนเลยเรียกว่าฝ่ามือกำหราบเสือ คงเรียกว่าฝ่ามือกำหราบแมวสามขาเถอะ คิดช่วงชิงอาวุธจากคนพวกนี้ต้องรวดเร็วกว่านี้ ไหนเลยเชื่องช้าได้”



ลู่ซุนเค้นเสียง เฮอะ ไม่ต่อคำยังคงใช้ออกด้วยกระบวนท่าเดิม หัวหน้าท้งพอได้ยินคำว่าเพลงฝ่ามือกำหราบเสือ ต้องลอบครุ่นคิดขึ้น ‘ที่แท้คนผู้นี้เป็นมือปราบวังหลวง ที่สืบเสาะมาถึงนี้ใช้สงสัยงานของพวกเราหรือไม่ เช่นนี้ไม่อาจปล่อยไว้แล้ว’พลันให้สัญญาณแก่พรรคพวกเร่งรุดลงมือกำจัด ตนเองคอยเฝ้าดูสตรีที่อยู่บนคาคบไม้ กริ่งเกรงนางฉกฉวยโอกาสช่วงชิงสิ่งของ



คนหกคนเร่งเร้าเพลงดาบหนุนเนืองเกิดประกายดาบคลอบคลุมสี่ทิศแปดทาง ลู่ซุนกลับไม่เปลี่ยนกระบวนท่ายังคงใช้ออกด้วยหลักคว้าจับในฝ่ามือกำหราบเสือ แม้สามารถหลบรอดคมดาบได้แต่บางครายังคงถูกหมัดเท้าคนทั้งหกจู่โจมทำร้าย จิวอวงยี้พลันร้อง เอ๊ะ อย่างสงสัย ครุ่นคิดขึ้น

“แนวการต่อสู่ของมันไฉนผิดแปลก ดูท่ามันไม่ได้ใช้กำลังภายในหนุนเสริมหมัดเท้า ผิดกับตอนที่ต่อสู้กับเราโดยสิ้นเชิง มือปราบผู้นี้คิดเล่นลวดลายใด”เห็นมันพุ่งมือคว้าออกสองข้างยังเป็นไปในลักษณะเดิม แต่ครานี้ดูลึกล้ำขึ้นคว้าถูกข้อมือชายสองคนพอออกแรงบิด ก็พลิกร่างคนทั้งสองล้มลงครั้งนี้กลับประสบผล ช่วงชิงดาบของคนทั้งสองมาไว้ในมือสร้างความปิติแก่มันยิ่ง



ที่แท้ลู่ซุนคราก่อนพ่ายแพ้แก่จิวอวงยี้ในวิชาคว้าจับ ล้วนเอาตัวรอดได้ด้วยกำลังภายใน คิดฝึกฝนวิชาคว้าจับของตนเองให้ชำชอง แบบเดียวกับเพลงหมัดห้าวิถี  หลายวันมานี้ทบทวนฝึกฝนยังไม่พบความก้าวหน้า ครั้งนี้ประจวบเหมาะพบพานยอดฝีมือ จึงทดลองใช้ออกแต่ทุกประการไม่ได้แฝงกำลังภายใน ล้วนแล้วแต่อาศัยหลักการ ภายใต้การจู่โจมของยอดฝีมือหกคน หากคิดอาศัยหลักการพื้นเพเข้าแย่งชิงอาวุธ โดยไม่อาศัยกำลังภายในไหนเลยกระทำได้โดดง่าย สภาพการต่อสู้ในช่องแรกกลับทุลักทุเลยิ่ง แต่เมื่อครู่ลู่ซุนสามารถจับเคล็ดความนัยได้บางประการทดลองใช้ดูกลับประสบผล คนทั้งสองไม่สามารถหลบรอดได้



ลู่ซุนพลันกล่าวขึ้นว่า

“ถูกแล้ววิชานี้เป็นวิชากำหราบแมวสามขา ไม่ทราบว่าแมวสามขาเป็นแมวเทวดาหรือไม่”



จิวอวงยี้ได้รับฉายาตีนแมวเทวดา คำกล่าวนี้ย่อมกระทบกระทั่งนาง นางไหนเลยไม่ทราบ ต้องเค้นเสียง ชิ ออกมาแต่ยังอดเลื่อมใสต่อมันไม่ได้ ครุ่นคิดขึ้น ‘ภายใต้การต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมันกลับไม่เกรงกลัวการเจ็บตัว ไม่ใช้กำลังภายในใช้ออกด้วยวิชาเดียวต่อสู้จนเข้าถึงแก่นแท้ นับว่ามันมีความใจกล้ามานะอุสาหะยิ่ง’



นางไหนเลยทราบว่าหากลู่ซุนไม่มีแนวทางฝึกวิชาเช่นนี้ไหนเลยจะแตกฉานเพลงหมัดห้าวิถีได้ ดีที่มันมีพลังเทพสาดส่องคุ้มครองชีพจร แม้มันไม่ได้ใช้กำลังภายในออก พลังเทพสาดส่องยังปกป้องชีพจรไว้ โดนหมัดเท้าผู้คนต่อยใส่เจ็ดแปดหมัดก็ไม่นับเป็นอย่างไร



ลู่ซุนใช้เท้าเตะปิดสกัดจุดคนทั้งสองที่ล้มลงเหวี่ยงดาบทั้งสองทิ้งลงพื้นใช้กระบวนท่าเดิมจู่โจมอีกสี่คนที่เหลือ มันเมื่อพบความก้าวหน้าในวิชาคว้าจับแล้วก็ไม่ต้องการยืดเยื้อ ภายใต้หลักการที่ค้นพบเสริมกำลังภายในเทพสาดส่องหนุนเนือง ความรวดเร็วของพลังฝีมือเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ พอเอื้อมมือก็คว้าถูก พอออกแรงบิด คนผู้นั้นก็ไม่อาจทานทนได้ถูกลู่ซุนบิดกระดูกข้อมือแตกออก ปล่อยดาบล่วงลงพื้น คนผู้หนึ่งคิดฟาดดาบเข้าช่วยเหลือ กลับโดนมันตะปบสันดาบไว้ คิดเกร็งกำลังฉุดกระชากออกแต่ภายใต้การตะปบคว้าของลู่ซุนครั้งนี้ประดุดคีมเหล็กบีบรัดสันดาบไว้ ไหนเลยขยับเขยื่อน เท้าหนึ่งของลู่ซุนเตะกวาดใส่ มันจำต้องทิ้งดาบดีดตัวถอยหลังหลบหลีก แต่กลับไม่อาจหลบรอดโดนเท้าของลู่ซุนเตะเข้าอย่างถนัดถนี่ กระดอนกลิ้งตีลังกาออกไปหลายตลบ



หัวหน้าท้งต้องหน้าแปรเปลี่ยน ครุ่นคิด’ไฉนมันถึงเก่งกล้าขึ้นมา’ เห็นมันตะครุบใส่อีกสองคนที่เหลือเตะใส่อีกคนล่ะเท้า คนสองคนนั้นก็ไม่อาจลุกขึ้นยืนได้ ครานี้ถึงทราบว่ามือปราบวังหลวงผู้นี้ไม่ใช่ชนชั้นธรรมดา ที่แรกกลับดูแคลนมัน รีบล้วงดาบคู่ประจำกายออกจากกองหญ้าฟาง ร่ายรำเข้าจู่โจม จิวอวงยี้พอเห็นดาบคู่ของมันกับเพลงดาบที่ใช้ออก ต้องลอบครุ่นคิดขึ้น ‘ที่แท้คนผู้นี้คือ ท้งเปี๊ยก ดาบคู่เก้าสังหาร ดูท่าเจ้าของทรัพย์สินรายนี้มีความเป็นมาไม่ธรรมดาแล้ว’



เรื่องราวในยุทธภพจัดว่าพรรคกระยาจกเป็นผู้รอบรู้อันดับหนึ่ง หุบเขาสิ้นชีพที่เป็นแหล่งรวมของชนชาวมิจฉาชีพนับว่าเป็นอันดับสอง นางพอเห็นมันใช้ดาบคู่ร่ายรำกระบวนท่าออก ก็สามารถคาดเดาได้



ท้งเปี๊ยกร่ายรำเพลงดาบเป็นจักรผัน ทั้งดุดันทั้งกราดเกรี้ยว คุกคามใส่ ดาบหนึ่งพอฟาดออกอีกดาบหนึ่งก็ตามติด ลู่ซุนต้องสืบเท้าหลบหลีกถอยร่น ยามนี้คิดใช้วิชามือเปล่าชิงอาวุธกลับไม่เป็นผล คนผู้นี้มีฝีมือกล้าแกร่ง อีกทั้งในมือทั้งสองยังถือดาบคู่หากคิดเกาะกุมจุดเส้นข้อต่อมัน คงทำได้ลำบากยิ่ง ขณะหลบหลีกเห็นดาบอยู่ใกล้เท้า ใช้เท้าเขี่ยตวัดขึ้นมาถือไว้ต้านรับ  ท้งเปี๊ยกเห็นเช่นนั้นพลันคำรามขึ้น

“ฟังว่ามือปราบวังหลวงมีเพลงดาบปราบพยัคฆ์ที่เลื่องลือ วันนี้ต้องขอรับทราบแล้ว”



ลู่ซุนใช้ออกด้วยเพลงดาบปราบพยัคฆ์จริงๆ แต่กำลังภายในมันกล้าแข็งยิ่งยามฟาดฟันออกแต่ละดาบหนักแน่นดุดัน พอกระทบถูก เกิดประกายไฟแลบแปลบปลาบ ข้อแขนท้งเปี๊ยกต้องสั่นสะท้าน พอประดาบกันสิบกว่ากระบวนท่า ข้อแขนแทบชาด้าน ต้องลอบครุ่นคิด ‘มือปราบผู้นี้มีกำลังภายในร้ายกาจ ดีที่เพลงดาบปราบพยัคฆ์ไม่ลึกล้ำเท่าใด ไม่เช่นนั้นต้องย่ำแย่ยิ่ง’

พลันใช้ออกด้วยเพลงดาบคู่เก้าสังหาร อาศัยความพลิกแพลงข่มความหนักแน่น ดาบหนึ่งใช้ปัดดาบมันไม่ต้านปะทะอีกดาบหนึ่งฟันจู่โจม จึงสู้ได้ก่ำกึ่งสูสี



ลู่ซุนพลันเห็นว่าหากเป็นเช่นนี้ยากยิ่งจะเอาชนะ พลันเปลี่ยนทวงท่ายกแขนฟาดดาบลง พอดาบถูกฟาดออก มืออีกข้างหนึ่งแบออกเป็นฝ่ามือ ทาบทับกับสันดาบแผ่พลังหนุนเสริม สภาวะดาบกลับรุนแรงดุดันรวดเร็ว ท้งเปี๊ยกยากยิ่งจะหลบรอดคิดใช้ดาบปัดป่ายให้เบี่ยงเบนออก ก็ไม่แน่ว่าจะทำได้ รีบยกสองดาบไขว้สลับขวางกัน เสียงเปรื่องดังสนั่นลั่น ดาบคู่ของท้งเปี๊ยกทั้งสองเล่มล้วนหักสะบั่น คมดาบกลับไม่สะดุดหยุดยั้งยังแหวกฝ่าดาบที่หักพุ่งถึงเบื้องหน้า ท้งเปี๊ยกต้องแตกตื่นชะงักงัน ยามนี้กลับไม่อาจทำอย่างไรได้ ได้แต่ปิดตารอรับความตาย



ปราณดาบกดดันประทะใบหน้าวูบหนึ่งก็หยุดยั้ง พลันรู้สึกว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ค่อยๆลืมตาขึ้นเห็นคมดาบแตะถูกปลายจมูกของตนแต่ไม่ได้บาดเข้าเลือดเนื้อ ต้องแตกตื่นจนขวัญหนีดีฟ่อ ครุ่นคิด ‘ในโลกนี้ไหนเลยมีเพลงดาบลึกล้ำปานนี้ นี่ย่อมไม่ใช่เพลงดาบปราบพยัคฆ์อย่างแน่นอน’ในใจแม้เคลือบแคลงสงสัย แต่กลับไม่สามารถขยับปากกล่าวถาม



เพลงดาบกระบวนท่านี้ย่อมไม่ใช่กระบวนท่าของเพลงดาบปราบพยัคฆ์ นี่กลับเป็นกระบวนท่าหนึ่งในแปดกระบวนท่าของเพลงดาบอสูรโลหิต ที่เฒ่าแซ่เต็กถ่ายทอดให้ เรียกว่าฟาดดาบขวางภูผา ลู่ซุนไม่ต้องการยืดเยื้อเสียเวลา หากคิดใช้เพลงดาบปราบพยัคฆ์ไม่สามารถสยบคนผู้นี้ได้ในเวลาอันสั้น จึงจำเป็นต้องใช้กระบวนท่านี้ออกมา จิวอวงยี้ต้องลอบตื่นตระหนก ไม่คาดว่ามือปราบจอมวางท่านี้มีไม้ตายอันร้ายกาจ กระบวนท่านี้หากฟาดฟันใส่ตนไม่ทราบว่าจะหาทางหลบรอดได้เช่นไร ลู่ซุนพลันเลื่อนดาบพาดขวางกับคอฝ่ายตรงข้าม กล่าวถามขึ้น

“ท่านหากต้องการมีชีวิตสืบไป ให้ตอบคำถามเรา”



ท้งเปี๊ยกสะบัดดาบหักในมือทั้งสองข้างเหวี่ยงทิ้ง เค้นเสียง เฮอะ กล่าวว่า

“ท่านเมื่อชนะจะฆ่าก็ฆ่า ยังถามมากความไปไย”

พลันยื่นคอเชิดขึ้นจ่อรอรับคมดาบ สีหน้าไม่นำพา ลู่ซุนชะงักงันเล็กน้อยไม่คาดว่าคนผู้นี้กลับมีธาตุแท้ลูกผู้ชายยอมตายไม่ยอมสยบ พลันได้ยินเสียงหัวเราะเจือยแจ้วของสตรีบนคาคบไม้ กล่าวว่า

“ท่านสอบถามมันเช่นนี้จะได้ความอันใด ท้งเปี๊ยกดาบคู่เก้าสังหารไหนเลยเกรงกลัวเพียงแค่คมดาบจอคอ”



ท้งเปี๊ยกต้องตระหนกสงสัยเล็กน้อยที่นางทราบว่ามันเป็นผู้ใด เห็นนางพลิ้วกายลงจากคาคบไม้ลงมาถึงเบื้องหน้า ลู่ซุนต้องลอบระวังตัวไม่ทราบนางมีเจตนาเคลือบแฝงอันใด นางเดินวนรอบท้งเปี๊ยกอย่างแช่มช้าส่งสายตาสำรวจโดยรอบ

ท้งเปี๊ยกต้องเหลือบแลตามไปไม่ทราบว่าสตรีชุดดำนี้คิดการสิ่งใด นางเดินพินิจดูมันรอบหนึ่งก็กล่าวขึ้น

“ฟังว่าท้งเปี๊ยก ดาบคู่เก้าสังหารเป็นลูกผู้ชายเข้มแข็งวันนี้ได้พบตัวจริงสมกับคำล่ำลือ”

พลางปาดมือออก ตบจุดบริเวณทรวงอก ท้งเปี๊ยกรู้สึกหายใจขัดข้องต้องอ้าปากออกระบายลมหายใจ นางพลันซัดเม็ดยาชนิดหนึ่งเข้าไปในปากมัน



ลู่ซุนต้องฉุกคิดว่าผิดท่า คาดว่ายานั่นเป็นยาพิษ คนผู้นี้ไม่อาจปล่อยให้ตายได้  ยกมือขึ้นขวางแต่เชื่องช้ากว่านางก้าวหนึ่ง เพียงคว้าได้ข้อมือของนาง แต่เม็ดยากลับเข้าไปในปากของท้งเปี๊ยกแล้ว พลันกระชากข้อมือนางโดยแรงกล่าวว่า

“ท่านคิดทำอะไร”



จิวอวงยี้ไม่ได้บ่งบอก เพียงส่งสายตาเย็นชาไปยังข้อมือตนที่ถูกมันกุมไว้ กล่าวลากเสียงเหน็บแนม

“เอ๋... มือปราบลู่เวลานี้ยังคิดลวนลามสตรี ชายหญิงควรรักษาระยะให้มากไว้ ท่านกุมมือข้าพเจ้าไว้ไยกัน”



ลู่ซุนต้องชะงักงัน คลายมือออกเค้นเสียง ฮึ ออกมา รีบก้มลงไปดูท้งเปี๊ยก มันหลังจากกลืนกินยาก็ล้มลงแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว แต่กลับยังไม่ตาย เพียงครู่ก็ร้องโอดครวญอย่างทรมานสาหัส จับชีพจรมันตรวจดูพบว่ายังเต้นเป็นปกติ ไม่มีอาการของผู้โดนพิษแต่อย่างใด ต้องงุนงงสงสัยไม่ทราบว่านางให้มันรับประทานยาพิษชนิดใดเข้าไป นางกล่าวขึ้นอย่างแช่มช้าว่า

“หัวหน้าท้ง ท่านผาดโผนในยุทธจักรมานานคงเคยได้ยินคำว่า บุปผาร้อยพิษ กระมัง”

ท้งเปี๊ยกแตกตื่นจนหน้าไร้สีเลือด ข่มความเจ็บปวดเค้นเสียง กระท่อนกระแท่น แผดด่า

“ส..ตรี ชั่ว..ช้า.อำมหิตนัก”

พอกล่าวจบก็ไม่อาจทนทานความเจ็บปวดต้อง โอดครวญออกมา นางต้องเค้นเสียง ฮึ กล่าวว่า

“ท่านเมื่อไม่ยินยอมตอบคำถาม สมควรได้รับการทรมานเช่นนี้”

พลางย้ายร่างไปนั่งอยู่บนเกวียน แกว่งขาอย่างสบายอารมณ์



ลู่ซุนค่อยเข้าใจเจตนาของนาง ที่แท้นางก็ต้องการสอบถามความจากมัน เช่นนี้คงยังไม่ต้องการชีวิตหัวหน้าท้งผู้นี้ แต่พอเหลือบแลดูท้งเปี๊ยกที่นอนโอดครวญอย่างสาหัสต้องลอบครุ่นคิดขึ้น ‘นี่กับอำมหิตเกินไปจริงๆ’ แม้มันเติบโตทีหลังไม่ทราบความร้ายกาจของบุปผาร้อยพิษ ของคังหมิ่น แต่ดูจากอาการของท้งเปี๊ยกก็คาดเดาได้ว่าพิษชนิดนี้มีส่วนเหนือธรรมดา บุปผาร้อยพิษ ประกอบด้วยยาบำรุงรักษาร่างกายกับพิษร้ายแรงอีกร้อยชนิด พิษร้อยชนิดจู่โจมจากภายนอกสู่ภายใน ยาบำรุงรักษากลับรักษาจากภายในสู่ภายนอก เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้พิษกัดกร่อนร่างมันจนเน่าเปื่อยมันก็ไม่อาจตายได้ คิดหลีกหนีความทรมานสังหารตนเองก็ไม่อาจขยับกายเคลื่อนไหว ครู่เดียวมันก็ไม่อาจทนทานได้แล้ว เค้นเสียงกล่าวออกมา

“พ..พวก.ท่าน..ต.ต้องการทราบเรื่องใด”



“เล่าสี่เอี้ย เป็นผู้ใด”

ทั้งคู่กลับกล่าวถามออกมาพร้อมกันราวกับนัดแนะกันไว้ พอกล่าวถามออกไปต้องสบตากันคราหนึ่ง จิวอวงยี้ต้องเชิดหน้าใส่ ท้งเปี๊ยกเห็นอากัปกิริยาคนทั้งสองต้องมึนงงครุ่นคิด ทั้งสองคนนี้คล้ายกลับไม่ได้มาด้วยกัน พยายามจะเค้นเสียงกล่าวตอบแต่ความเจ็บปวดรุมเร้า แม้วาจาก็ไม่สามารถเปล่งออกได้



จิวอวงยี้เห็นเช่นนั้นจึงล้วงเอายาเม็ดหนึ่งให้มันรับประทาน ความเจ็บปวดจึงทุเลาเบาบางลงแต่ก็ไม่สามารถขยับเขยื่อนกายได้ ท้งเปี๊ยกกล่าวตอบเสียงแหบแห้ง

“เล่าสี่เอี้ยเป็นผู้ดูแลงาน ของพวกเรา ข้าพเจ้าไม่ทราบว่ามันเป็นผู้ใด ทุกครั้งที่พบกันมันล้วนปิดบังโฉมหน้าไว้”

จิวอวงยี้ กับ ลู่ซุน ต่างครุ่นคิดว่า เล่าสี่เอี้ยผู้นี้ ใช่ชายในชุดดำที่สังหารตระกูลจิวหรือไม่ มันผู้นั้นก็เรียกว่าเล่าสี่ ลู่ซุนพลันกล่าวถามขึ้น

“เล่าสี่เอี้ยผู้นี้เมื่อสิบปีก่อนเคยเป็นมือสังหาร เดินทางมายังเมืองกันจือ ประกอบคดีฆ่าสังหารตระกูลจิวหรือไม่”



จิวอวงยี้พอฟังต้องลอบเหลือบแลดูมันอย่างตื่นเต้นสงสัย ครุ่นคิด ‘หรือมือปราบผู้นี้ คิดติดตามรอยมือสังหารครอบครัวเรา เช่นนี้กลับมีจุดประสงค์เดียวกัน’ ได้ยินท้งเปี๊ยกกล่าวตอบว่า

“เรื่องตระกูลจิวเป็นเรื่องเมื่อสิบปีก่อน ข้าพเจ้าไม่อาจทราบได้ ว่าเล่าสี่เอี้ยเคยมาประกอบคดีนี้หรือไม่”



ทั้งคู่ดูแล้วท้งเปี๊ยกผู้นี้คงไม่ได้โกหก ล้วนรู้สึกเสียดาย จิวอวงยี้พลันกล่าวบอกว่า

“เช่นนั้นท่านเล่างานที่ท่านกระทำอยู่ พร้อมความสัมพันธ์กับเล่าสี่เอี้ยออกมา ให้เรารับทราบโดยละเอียด อย่าได้ปกปิดไว้แต่น้อย ประกันว่า เราจะถอนพิษให้ท่านอย่างแน่นอน”



ลู่ซุนรู้สึกเห็นด้วยกับวาจาของนางจึงไม่ได้กล่าวกระไร จึงยืนรอตั้งใจฟัง ท้งเปี๊ยกเล่าว่า

“งานของพวกเราคือนำทรัพย์สินที่ได้มาไปส่งยังเมืองหูหนันให้กับเล่าสี่เอี้ย โดยมีหลายหน่วยหลายกองกระจายแยกย้ายกันไปตามเมืองต่างๆเพื่อนำทรัพย์สินมารวมกัน ข้าพเจ้าก็เป็นกองหนึ่งที่มานำทรัพย์สินจากเมืองกันจือ ส่วนเล่าสี่เอี้ยนั้นเป็นนายใหญ่ของเรา คอยรวบรวมทรัพย์สินที่ได้มาไปเก็บไว้”

ลู่ซุนพลันกล่าวแทรกขึ้น

“ทรัพย์สินที่ได้มานี้ ได้มาอย่างไร”

ท้งเปี๊ยกลังเลเล็กน้อยตอบว่า

“ทรัพย์สินเหล่านี้มาจาก บรรดาเศรษฐีประจำเมืองต่างๆส่งมอบให้ นายอำเภอประจำเมืองจะเป็นผู้ช่วยเก็บรักษาไว้ชั่วคราว พวกเราจะเป็นผู้มารับช่วงต่ออีกที”

ลู่ซุนถามสืบต่อ

“ไฉน เศรษฐีถึงยอมนำทรัพย์สินส่งมอบให้พวกท่าน”



จิวอวงยี้รู้สึกว่า มือปราบผู้นี้สอบถามได้ตรงจุดดียิ่ง ต้องลอบครุ่นคิดเย้ยหยัน ‘ชิ.. เช่นนี้จึงเป็นมือปราบกรมเมือง เรื่องจับผิดผู้อื่น ไม่มีผู้ใดเทียบเทา’ แต่เห็นว่าเป็นการดีจึงปล่อยให้ลู่ซุนสอบถาม ตนเองมารื้อค้นกองฟางบนเกวียนออกเปิดหีบออกสำรวจว่าภายในบรรจุของสิ่งใดไว้บ้าง พบเห็นภายในหีบบรรจุไว้ด้วยแก้วแหวนเงินทองมากมาย แต่ที่สะดุดใจนางกลับเป็น ธงเหลือง ที่นางเคยพบในห้องเก็บสมบัติของเศรษฐีหลายคนในเมืองกันจือ ต้องคาดเดาออกว่าของมีค่าเหล่านี้มาจากแหล่งใดบ้าง



ระหว่างที่นางรื้อค้นหีบห่อ ท้งเปี๊ยกนิ่งงันครู่หนึ่งคล้ายครุ่นคิดยังไม่ตอบคำลู่ซุน แต่แล้วก็ตัดใจกล่าวอ้อมแอ้มตอบว่า

“ที่..ที่เศรษฐีพวกนั้นยอมนำทรัพย์สินมาให้เพราะ.. เพราะพวกเราขู่บังคับให้เข้าร่วม นำทรัพย์สมบัติส่งมอบให้พวกเราทุกครึ่งปี หากผู้ใดไม่ยินยอมเราก็.. “

ลู่ซุนพลันเค้นเสียงแทรกขึ้น

“พวกท่านก็ฆ่าสังหารมันล้างครอบครัว”

ท้งเปี๊ยกสีหน้าสลดลงรับคำ

“ถูกต้องแล้ว”

ลู่ซุนพลันกล่าวถามว่า

“เช่นนี้ เศรษฐีหลายตระกูล ในแดนกังน่ำ (ดินแดนทางตอนใต้) ที่ถูกฆ่าสังหารล้วนเป็นฝีมือพวกท่านกระมัง”

ท้งเปี๊ยกรับคำอีก



จิวอวงยี้พอฟังต้องชะงักงันลง ประกายตาบังเกิดความเคียดแค้น ในใจคล้ายเดือดดาลขึ้น ยานนี้พอเข้าใจสาเหตุที่ครอบครัวนางถูกฆ่าสังหารได้บ้างแล้ว ที่แท้เมื่อสิบปีก่อน เอี่ยเอี้ย ( ปู่ ) ของตนคงไม่ยอมร่วมมือส่งมอบทรัพย์สินให้กับพวกมัน เป็นเหตุให้ถูกฆ่าล้างตระกูล วางสิ่งของที่รื้อค้นขึ้นมาลงอย่างช้าๆ ก้าวเดินเข้าหาท้งเปี๊ยก เค้นเสียงกล่าวถามอย่างแช่มช้า น้ำเสียงกลับน่าหวาดกลัวไม่น้อย

“เมื่อสิบปีก่อน ตระกูลจิวคงไม่ย่อมเข้าร่วมกับพวกท่านกระมังถึงถูกฆ่าสังหารล้างครอบครัว”



ท้งเปี๊ยกกล่าวตอบว่า

“เรื่องเมื่อสิบปีก่อนข้าพเจ้าไม่ทราบได้ ข้าพเจ้าเพิ่งมาเข้าร่วมงานนี้ได้ไม่นาน แต่ดูจากรูปการณ์แล้วน่าจะเป็นเช่นนั้น”

จิวอวงยี้เค้นเสียง เฮอะ ประกายตาทอแววอำมหิต ทวนคำ

“น่าจะเป็นเช่นนั้น น่าจะเป็นเช่นนั้น เช่นนั้น..ท่านก็พวกเดียวกับผู้ที่ลงมือ สมควรตายแล้ว”

สะบัดมือวูบหนึ่งเข็มอสรพิษแผ่พุ่งใส่ศีรษะท้งเปี๊ยกสี่ห้าเล่ม เห็นแน่ชัดว่าเข็มของนางต้องปักทะลวงศีรษะของท้งเปี๊ยกถึงมันสมอง กลับพบประกายสีขาวฉวัดเฉวียงโบกสะบัดปัดกระแทกเข็มของนางล่วงหล่นจนหมดสิ้น ที่แท้ลู่ซุนยื่นดาบขัดขวางไว้ จิวอวงยี้เค้นเสียงอย่างเดือดดาลชี้หน้ากล่าวว่า

“คนแซ่ลู่ ท่านที่แท้ต้องการเป็นศัตรูกับข้าพเจ้า ใช่หรือไม่”



ลู่ซุนรีบขยับร่างมาบดบังท้งเปี๊ยกไว้ เกรงนางลงมือต่อเนื่อง กล่าวเสียงเข้มว่า

“เซียวโกวเนี้ย ท่านรับปากมันไว้เช่นไรไฉนถึงกลับคำ”



จิวอวงยี้เชิดหน้าขึ้นเค้นเสียง กล่าวว่า

“เรารับปากมันว่าจะถอนพิษให้ แต่ไม่ได้รับปากว่าจะไว้ชีวิตมัน ประเสริฐเช่นนั้นถอนพิษให้มันก่อนแล้วค่อยเอาชีวิตมันในภายหลัง ท่านหลีกไป”



ลู่ซุนต้องหน้าแปรเปลี่ยน เห็นนางถาโถมเข้าโดยไม่รอฟังคำ ต้องรีบยกดาบขึ้นปกป้อง จิวอวงยี้ใช้ออกด้วยมือเปล่าชิงอาวุธคิดชิงดาบก่อน ทราบดีว่ามันผู้นี้มีเพลงดาบเลิศล้ำ หากภายหลังมันใช้ออกนับว่าย่ำแย่ยิ่ง มือเปล่าชิงอาวุธของนางทั้งรวดเร็วแยบยล ทั้งพิสดาร ลู่ซุนแม้ถือดาบอยู่ในมือ พอจะใช้เพลงดาบปราบพยัคฆ์ฟาดฟันออก ก็ถูกนางคว้ามือคุกคามคิดแย่งชิง ต้องรีบหดข้อมือหลบเปลี่ยนท่วงท่า เมื่อเป็นเช่นนี้เพลงดาบปราบพยัคฆ์กลับไม่สามารถใช้ออกได้สักกระบวนท่าเดียว ได้แต่หลบหลีกปัดป้องฝ่ามือและการแย่งชิงดาบจากนางจนมือไม้ปั่นป่วนหวุดหวิดถูกนางช่วงชิงดาบไปหลายหน ต้องลอบครุ่นคิดอย่างตื่นตระหนก “ด้านวิชาคว้าจับของนาง ต่อให้เราทุ่มเทฝึกฝนอีกสิบปีไม่แน่ว่าจะเอาชนะนางได้’ ครุ่นคิดแล้วมีแต่เพลงหมัดห้าวิถีที่สามารถต่อกร แต่นางยังมีเพลงฝ่ามือลื่นเลื้อยพิสดาร ไม่แน่ว่าเพลงหมัดห้าวิถีจะสามารถสยบนางได้ พลันตัดใจกล่าวว่า

“เซียวโกวเนี้ยหากท่านไม่หยุดมือ ข้าพเจ้าต้องขอล่วงเกินแล้ว”



จิวอวงยี้ยังออกมือเท้าลุกไล่จู่โจมไม่หยุดยั้ง เสียงกล่าวว่า

“ท่านล่วงเกินเรามานานแล้ว หรือท่านไม่ทราบ”  



ลู่ซุนพลันหน้าแดงวูบครุ่นคิด ไม่ทราบที่ว่าล่วงเกินนั้นใช่หมายถึง เรื่องในใต้เตียง กับ ที่คว้าทรวงอกของนางหรือไม่ ภายใต้การต่อสู้ไหนเลยอนุญาตให้สูญเสียงสมาธิ ข้อมือข้างที่ถือดาบถูกนางเกาะกุม ดาบในมือกำลังจะถูกช่วงชิง รีบวกดาบ วนขวาง ตัดผ่านข้อมือนาง นางหดข้อมือกลับอย่างรวดเร็ว มิคาดว่าการช่วงชิงดาบของนางกระบวนท่านี้เป็นท่าหลอกให้มัน วนดาบขวางไปทางซ้าย ไม่สามารถฟาดฟันยังด้านขวา พอมันวนดาบออกร่างพันหมุนไปด้านขวาโบกสะบัดหลังมือออก ฟาดประทะแก้มขวาของลู่ซุนอย่างหนักหน่วง



หากเป็นผู้อื่นภายใต้การตบฟาดครั้งนี้คงต้องกรามหัก ฟันกรามหลุดล่วงลงสี่ห้าซี่ แต่ลู่ซุนมีพลังเทพสาดส่องคุ้มครองร่าง เพียงรู้สึกปวดแปลบที่แก้มขวา ซวนเซเสียหลักเล็กน้อยก็ยืนหยัดมั่น จิวอวงยี้ตบฟาดไปหนักหนวงเช่นนี้เห็นมันเพียงซวนเซเล็กน้อย ต้องขุ่นเคืองกล่าวด่าออกมา

“หน้าด้านนัก”



ลู่ซุนเค้นเสียง ฮึ พลันเปลี่ยนทวงท่า ถือดาบตรงยื่นออกไปเบื้องหน้า ลำตัวตรงไม่เคลื่อนไหว ทวงท่านี้ดูเรียบง่าย แต่ไร้ช่องว่างรอยโหว่ นางคล้ายคาดเดาไม่ออกหากถาโถมลุกไล่เข้าไปดาบนี้จะฟาดฟันลงยังตำแหน่งใด ท่านี้กลับเป็นหนึ่งในเพลงดาบอสูรโลหิต เรียกว่า น้ำนิ่งจันทร์กระจ่าง  ใช้ความสงบสยบการเคลื่อนไหว จิวอวงยี้ต้องลอบครุ่นคิด’ท่านี้ไม่แน่ว่าจะลึกล้ำดูจากทวงท่าแล้วไม่น่ามีทวงท่าต่อเนื่อง เฮอะดูว่า ในน้ำเต้าท่านมียาอะไร’



พลันย้ายร่างไปทางซ้ายฟาดฝ่ามือยมทูตออก คิดใช้หลักเลียบซ้ายจู่โจมขวา หากมันฟันดาบมายังด้านซ้ายจะพลิกร่างไปด้านขวาจู่โจมโดยเร็ว ไม่คาดว่ามันกลับฟันจากด้านบนวกอ้อมจากขวาวนขึ้นซ้ายเป็นรูปจันทร์เสี้ยว เช่นนี้ก็ไม่คำนึงถึงว่าศัตรูจะหลอกจู่โจมเช่นไรแล้ว หากนางวกไปด้านขวาจู่โจมต้องร่างประทะดาบของมันขาดเป็นสองท่อน หากยังอยู่ในต่ำแหน่งด้านซ้าย ต้องถูกฟันขาทั้งสองข้างขาดออก หากอยู่ด้านบนต้องถูกผ่าร่างออกเป็นสองซีก หากอยู่ด้านล่างคอต้องหลุดออกจากบ่า ดาบที่ฟันออกในคราเดียวของมันกลับคลุมสี่ทิศ



จิวอวงยี้ต้องแตกตื่น ยามนี้มีแต่ถอยกับต้านประทะ แต่สภาวะดาบของมันรวดเร็วดุดันไหนเลยต้านประทะได้ จำต้องดีดกายตีลังกาถอยหลบออกมา กระนั้นปลายดาบยังกรีดขากางเกงของนางขาดเป็นทางยาวจนเกือบถึงสะโพก เผยให้เห็นผิวขาวเป็นยองใยสะท้อนแสงแข่งกับแสงจันทร์ จิวอวงยี้พอสำรวจพบตัวเอง ต้องหน้าแดงฉาด รีบฉีกชายเสื้อออกมาแทบหนึ่งมัดรวบช่วงขาอ่อนของตน ขยี้เท้าร้องด่าว่า

“มือปราบชั่วช้าลามก ทำเป็นแต่เรื่องอกุศล”



ลู่ซุนหน้าแดงวูบ ทำสีหน้าไม่ถูกมันไหนเลยเจตนากรีดกางเกงของนาง แต่หากไม่ฟาดฟันดาบเกรี้ยวกราดดุดันไหนเลยขับไล่ให้นางถดถอยได้ รีบกล่าวบอก

“เซียวโกวเนี้ย ท่านฟังข้าพเจ้า”



นางยามนี้เดือดดาลถึงขีดสุดไหนเลยยอมรับฟัง คิดว่าหากหลบไม่พ้นก็ไม่ต้องหลบแล้ว จู่โจมออกด้วยวิธีเดิม ลู่ซุนยังไม่ทันอธิบายก็เห็นนางถาโถมเข้ามารีบตั้งท่าฟาดฟันออก นางกลับไม่หลบหลีกถดถอย พุ่งร่างมาทางขวา เช่นนี้ต้องถูกดาบของลู่ซุนฟาดผ่านลำตัวขาดออกเป็นสองท่อน ลู่ซุนใจหายวาบ คาดคิดว่านางครุ่นแค้นจนคิดตกตาย สตรีผู้นี้แม้เป็นโจรร้าย แต่มากับองค์ไทจือ ไม่ทราบว่ามีความเป็นมาเช่นไร ไหนเลยทำร้ายได้ รีบหยุดยั้งสภาวะดาบ แต่กลางคัน



จิวอวงยี้ที่ถาโถมจู่โจมเข้าไปไม่ใช่นางคิดตกตาย แต่นางสวมเกาะไหมดำต้านทานศาสตราวุฒิทุกชนิด แม้การกดกระแทกจากกำลังภายในยังบั่นทอนลงได้ จึงคิดใช้ลำตัวขวางดาบของมันหยุดยั้งสภาวะดาบของมัน ประจวบกับมันหยุดชะงัก รีบยื่นขาออกรัดเกี่ยวขาข้างหนึ่งของมัน ขาอีกข้างหนึ่งรวบรัดหว่างเอวไขว้กับต้นขา พลิกตัวโอบไปด้านหลังลำตัวแนบชิดติดแผ่นหลังใช้มือข้างหนึ่งรัดท่อนแขนข้างที่ถือดาบของมันเขาหาศีรษะ มืออีกข้างรวบรัดแขนลู่ซุนข้างที่เหลือ นางกลับใช้ออกด้วยท่า พญางูรัดเหยื่อ



ลู่ซุนใจหายวูบคาดคิดว่าหากถูกนางรวบรัดหมดก็ไม่มีทางดิ้นรนแล้ว คิดเกร็งกำลังพลิกตัวฟาดฝ่ามือจู่โจมสกัดแต่กลับไม่ทันการณ์ นางมีท่าร่างรวดเร็ว ฝ่ามือลุ่ซุนยังไม่ทันฟาดออกก็ถูกคว้ารวบรัดติดลำตัว กลับถูกนางรวบรัดจนหมดสิ้น จิวอวงยี้เกร็งกำลังภายในบีบรัดหมายให้คนผู้นี้ตกตายหรือไม่ก็กระดูกป่นพิกลพิการไป



ลู่ซุนพบว่าแรงบีบรัดยิ่งมายิ่งมากแทบไม่อาจทนทานได้ คิดดิ้นรนให้หลุดรอดแต่มันกลับถูกโอบรัดในท่วงท่าฝืนธรรมชาติเรี่ยวแรงพลันสูญหาย แม้ยืนยังยืนได้ไม่มั่นคงต้องล้มลงไปพร้อมกัน ดีที่ยังสามารถโคจรพลังได้ รีบเกร็งกำลังเทพสาดส่องคุ้มครองจุดเส้นชีพจรกล้ามเนื้อ ไม่ให้ถูกนางรัดจนกระดูกหักกล้ามเนื้อฉีกขาด รู้สึกถึงหน้าอกของนางเสียดสีแผ่นหลัง ขาข้างหนึ่งของนางโอบรัดเอวมันจากด้านหลังท่อนขาผาดผ่านหน้าท้องตนจนถึงหน้าขา ลมหายใจของนางราดรดหนักหนวงอยู่ริมใบหู แม้รู้ว่าตนเองอยู่ในภาวะอันตรายแต่ในใจเป็นรสชาติใดกลับบอกไม่ถูก      



ท้งเปี๊ยกมองดูคนทั้งสองกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันจนล้มลงไปนอน ไม่ทราบว่าใครมีสภาพใด มันเองก็ขยับกายไม่ได้ คนทั้งหกที่ติดตามมันมาก็ล้วนถูกลู่ซุนปิดสกัดกั้นจุด ไม่สามารถขยับตัวเคลื่อนไหว ได้แต่นอนตาปริบๆดูคนทั้งสองที่นอนฟัดเหวี่ยงกันอยู่ไม่ทราบว่าผู้ใดจะลุกขึ้นมาก่อนกัน  



ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture