ลำดับตอนที่ #8
ตั้งค่าการอ่าน
ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : สายเลือดนักเวทเผ่ากุยร์เย่
ตอนที่ 8
สายเลือดนักเวทเผ่ากุยร์เย่
โดย
จิ้งจอกหางขาว
หมิงซื่อกะพริบตาถี่ พยายามปรับสายตาให้ชินกับแสงสีทองเรืองรองรอบตัว เขายืนอยู่บนพื้นหินอ่อนที่ขัดจนสะท้อนภาพเงาของตนเอง เหนือศีรษะเป็นโดมกระจกใสขนาดมหึมา เผยให้เห็นม่านน้ำสีครามที่แหวกออกเป็นชั้น ๆ ราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่แทนที่จะมีดวงดาว กลับเต็มไปด้วยฝูงปลาส่องแสงแวววาวแหวกว่ายไปมา
"นี้ข้าอยู่ที่ไหน คุ้นๆ เหมือนเคยมา"
"เมืองมังกร!"
เมืองมังกรใต้น้ำช่างงดงามเกินจินตนาการ อาคารทุกหลังสร้างจากเสาหินแกะสลักผสานด้วยอัญมณีหลากสี เสาหินสลักลวดลายมังกรเลื้อยพันขึ้นไปสูงจนแทบแตะเพดาน ประทีปคริสตัลแขวนเรียงรายปล่อยแสงสีฟ้าอ่อนให้บรรยากาศดูเงียบสงบแต่ลึกลับ แม้จะอยู่ใต้น้ำ แต่ที่นี่กลับไม่รู้สึกอึดอัด ราวกับมีม่านพลังล่องหนกั้นกระแสน้ำไว้ ทำให้หมิงซื่อสามารถหายใจได้อย่างเป็นปกติ
ขณะที่หมิงซื่อกำลังตื่นตะลึง เสียงแผ่วเบาก็ดังขึ้นข้างหลัง
"หมิงซื่อ!...เจ้ากลับมาแล้วรึอ?"
เสียงนั้นเย็นเยียบดุจสายน้ำลึก—และมาพร้อมเงามืดของบางสิ่งที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้...
"นี้เหมือนข้าเคยมาตอนวัยเด็ก"
หมิงซื่อพยายามรวบรวมความทรงจำในวัยเด็กที่ผ่านมา เหตุการณ์ในครั้งนั้น เมื่อตอนที่ยังเป็นเด็กวัยห้าขวบ ครั้งตอนท่านพ่อพาไปเยี่ยมเหล่าหมู่บ้านทหารที่ซานซี
หมู่บ้านทหารในเมืองซานซี ถูกจัดตั้งตามแนวกำแพงเมืองจีนและพื้นที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ มีทหารที่ประจำการจะได้รับที่ดินทำการเกษตรและรับผิดชอบทั้งการป้องกันประเทศและการทำไร่ทำนา ระบบนี้สร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนที่มีความเสี่ยงจากการโจมตีของมองโกเลีย โดยเฉพาะในพื้นที่อย่าง ไท่หยวน และ ซานโจว ซึ่งถือเป็นแนวหน้าของการป้องกันอาณาจักรหมิง.
ช่วงนั้นเป็นช่วงกำลังก่อสร้างเขื่อนเก็บน้ำไท่หยวน หมิงซื่อวิ่งเล่นตามประสาเด็กที่อยากรู้อยากเห็น มีขันทีและพี่เลี้ยงติดตามไปด้วย อยู่ๆ ทั้งขันทีทั้งพี่เลี้ยงหาเธอไม่เจอ
ในระหว่างที่คนออกตามหา หมิงซื่อเห็นมังกรวิ่งผ่านไปแล้วลงไปเล่นน้ำ หมิงซื่อเห็นน่าสนุกดีก็ลงไปเล่นน้ำด้วยอย่างสนุกสนาน จนลืมว่าต้องกลับไป
หมิ่งซื่อเล่นกับมังกรหลายตัว บางครั้งก็กลายเป็นมังกรหลากสีมาเล่นกัน มีทั้งหญิงและชาย ได้กินอื่มและเล่นจนคิดว่าบ้านตัวเอง
"ข้าว่าเจ้าน่าจะได้เวลากลับบ้านเจ้าได้แล้วน่ะ..หมิงซื่อ!"
เสียงมังกรสีขาวเอ่ยขึ้น และตามด้วยเสียงของมังกรตัวอื่นๆ
"ข้ายังอยากเล่นกับพวกเจ้าอยู่เลย..ได้ๆข้าไปแล้ว แต่ข้าจะมาหาพวกเจ้าอีกได้ไหม"
มังกรสีเขียวหนึ่งในจำนวนนั้น ชื่อ "ชิงหลง" ได้มอบปิ้นปักผมไม้ให้ไว้กับหมิงซื่อ
"ข้าให้เจ้า...เมื่อไรที่เจ้าคิดถึงข้า ไม้นี้จะเป็นเหมือนคลื่นให้เราสื่อถึงกันได้"
"ขอบใจนะ....ชิงหลง.. ข้าจะไม่ลืมพวกเจ้า" เสียงก้องกังวารดังชัดเจน
"ข้าก็อยากกลับแล้วเหมือนกัน"
เสียงเด็กน้อยผู้กล้าหาญ
เทพมังกรยื่นเหรียญมังกรทองให้ แล้วบอกว่า
"เมื่อไรที่เจ้าเดือดร้อนหรืออยากเจอข้าก็กำเหรียญไว้แล้วคิดถึงข้า ข้าก็จะไปหาเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม"
เสียงทรงพลังนั้นก้องกังวาลไปทั่วทั้งท้องทะเล
ก่อนจากลาหมิงซื่อรับปากกับเจ้ามังกร ว่าจะกลับมาอยู่ในดินแดนแห่งนี้อีกครั้งเมื่อพร้อม แต่ต้องให้มังกรช่วยดูแลเขื่อนด้วย
เมื่อเวลาผ่านไปได้สองวัน หมิงซื่อเดินมาจากริมฝั่งแม่น้ำเฟิง มีสุขภาพสมบูรณ์ทุกประการ แต่ในมือกำเหรียญมังกรสีทองส่องสว่าง จากวันนั้นจนวันนี้ หมิงซื่อมองไปรอบๆ
"เทพมังกร ท่านไม่เปลี่ยนไปเลยนะ"
"ข้าย่อมไม่เปลี่ยนอยู่แล้ว เพราะข้าอายุยืนว่าพวกเจ้า"
"ข้าเรียกเจ้ามา เพราะจะให้ลูกแก้วกับเจ้าเป็นของขวัญในวันแต่งงานของเจ้า"
เสียงทรงพลังพูดเสร็จก็หัวเราะดังก้องกังวาลทั่วท้องแม่น้ำ
"ขอบคุณท่านเทพมังกร"
หมิงซื่อพูดไปอมยิ้มไป เพราะคิดว่าเทพมังกรต้องมีเหตุผล ที่ให้ลูกแก้วนี้มา
เสียงเรียกของพระชายาโคกิ
"ท่านพี่..ดื่มชาหน่อยไหมเพค่ะ"
"ได้..ข้าก็รูสึกคอแห้งอยู่นะ"
เมื่อหมิงซื่อดื่มชาหมด ก็กำลังจะบอกกับพระชายาโคกิว่า เทพมังกรให้ลูกแก้วมา ก็โดนขัดเสียก่อน
"ท่านพี่!.ข้ามีเรื่องอยากถาม ข้าอยากรู้ว่าความเป็นมาของไท่ฮองเฮ้าเพค่ะ?"
"ข้าว่าเจ้ารู้ไว้ก็ดี จะได้ระวังตัวไว้บ้าง อยู่ในวังหลวงไม่ง่ายเหมือนอยู่ทุ่งหญ่า"
ณ.เผ่ากุยร์เย่ เมื่อสิบปีก่อน
ท้องฟ้ามืดดำเหมือนหลุมมืด เส้นควันดำพวยพุ่งไล่ไปทั่วฟ้า ผู้คนในเผ่าต่างรีบกลับไปยังที่พักอย่างเงียบชื่น ในขณะที่หัวหน้าเผ่ายืนอยู่บนริมหน้าผา แสดงอำนาจเหนือธรรมชาติ
"ทวยเทพแห่งป่าเอ๋ย จงมาสถิตในกายข้า.."
เสียงหัวหน้าเผ่ากุรย์เย่ ชื่อ เปรยยูร์สวดในภาษาชนเผ่าที่เยือกเย็นดังก้องไปทั่วป่า แม้สัตว์ป่าทั้งหลายต่างเงียบสงบ มีเพียงเสียงอีการ้องที่ดังไกล เมื่อสวดจบลง เส้นควันสีดำที่หมุนวนรอบหัวหน้าเผ่าก็พุ่งเข้าหาทวารทั้งห้าของเขาอย่างลึกลับ เมื่อเขาลืมตาขึ้น เขาได้ยินเสียงเรียกจากคนสนิทชื่อ คานา
"นายท่าน!"
ด้วยน้ำเสียงมั่นคง หัวหน้าเผ่าถามว่า
"เจ้าจัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง" และคำตอบสั้น ๆ ปรากฏว่า
"ข้าทำตามที่ท่านสั่งเรียบร้อยแล้วขอรับ"
หัวหน้าพูดต่อด้วยความพึงพอใจ
"ดี! ดีมาก ให้พวกเผ่าต่างๆ จงรู้จักข้า ข้าไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับคนของข้า"
ในงานชุมนุมชนเผ่าคืนนั้น กองเสียงวิจารณ์ได้โผล่ขึ้นเกี่ยวกับลูกสาวของหัวหน้าเผ่า ผู้ซึ่งมักมีพฤติกรรมเข้าขัดแย้งและทำร้ายเผ่าอื่นโดยไม่ยอมขอโทษ
"ท่านเปรยยูร์! ลูกสาวท่านไปทำร้ายลูกข้า นางวางยาพิษลูกสาวข้า"
เสียงของท่านมายัส หัวหน้าชนเผ่าคีตาน ในเผ่าจะนับถือ หินเป็นพระเจ้า
"เจ้ามีพยานและหลักฐานหรือไหม ถ้าไม่มีก็อย่าคิดจะใส่ร้ายลูกสาวข้า"
เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกัน เรื่องนี้ทำให้หัวหน้าเผ่าตัดสินใจใช้วิธีข่มขู่เพื่อแสดงอำนาจเหนือเผ่าอื่น ๆ เขาจึงรวบรวมดวงวิญญาณของสมาชิกในเผ่าอื่นๆที่ไม่ลงรอยและปล่อยไว้ใน หน้าผ่ากลืนวิญญาน สมาชิกเผ่าอื่นๆก็ค่อยๆตายไปที่ละคนๆ
ซึ่งเป็นพิธีกรรมลึกลับที่ทำให้เผ่าเพื่อนบ้านต่างหวาดกลัวและไม่พอใจ รู้สึกถึงพลังอำนาจที่ไม่สามารถท้าทายได้ ทำให้พวกเขาทำเรื่องลับ ๆ รวมตัวส่งสารไปยังทางต้าหมิง เพื่อขอให้ช่วยกำจัดเผ่ากุรย์เย่ให้สิ้นซาก
"กราบทูลฝ่าบาทพะยะค่ะ มีสารมาจากเผ่าต่างๆส่งมาพะยะคะ"
ขันทีคนสนิทและภักดีที่สุดของฮองเต้หมิงหลง เมื่อฮองเต้หมิงหลงอ่านเรื่องราวในสารนั้นก็ได้แต่คุ้นคิดหาวิธีแก้ไข
อย่างไรก็ตาม เผ่ากุรย์เย่เองทราบแผนการลับ ๆ เหล่านั้นไว้ล่วงหน้า จึงได้วางกลยุทธ์ป้องกันภัยด้วยการส่งลูกสาวของหัวหน้าเผ่าไปแต่งงานกับฮองเต้ต้าหมิง เพื่อสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งและรักษาความอยู่รอดของเผ่าไว้ให้ได้ โดยคิดจะยกลูกสาวเข้ามาเป็นสนมของฮองเต้หมิงหลง
ช่วงเวลานั้น อาณาจักรต้าหมิงเผชิญศึกสงครามไม่เว้นแต่ละวัน เมืองโดยรอบเต็มไปด้วยความวุ่นวายและการต่อสู้ ประชาชนเดือดร้อนและอดอยาก ฮ่องเต้หมิงหลงทรงตระหนักถึงภัยคุกคาม จึงตัดสินพระทัยให้เผ่ากุยร์เย่เป็นปราการด่านหน้าของต้าหมิง และยอมรับข้อตกลงที่หัวหน้าเผ่าเสนอ
ในวันที่ขบวนเจ้าสาวเคลื่อนตัวเข้าสู่วัง ห้วงอากาศกลับปกคลุมด้วยม่านหมอกสีหม่วน เสียงอีกาดังกึกก้องขณะพวกมันบินวนจากทุ่งหญ้ากว้างราวกับเป็นผู้ส่งสารแห่งโชคชะตา เมื่อขบวนเดินทางมาถึงหน้าประตูวัง เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็พลันอุบัติขึ้น...
สายเลือดนักเวทเผ่ากุยร์เย่
โดย
จิ้งจอกหางขาว
หมิงซื่อกะพริบตาถี่ พยายามปรับสายตาให้ชินกับแสงสีทองเรืองรองรอบตัว เขายืนอยู่บนพื้นหินอ่อนที่ขัดจนสะท้อนภาพเงาของตนเอง เหนือศีรษะเป็นโดมกระจกใสขนาดมหึมา เผยให้เห็นม่านน้ำสีครามที่แหวกออกเป็นชั้น ๆ ราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่แทนที่จะมีดวงดาว กลับเต็มไปด้วยฝูงปลาส่องแสงแวววาวแหวกว่ายไปมา
"นี้ข้าอยู่ที่ไหน คุ้นๆ เหมือนเคยมา"
"เมืองมังกร!"
เมืองมังกรใต้น้ำช่างงดงามเกินจินตนาการ อาคารทุกหลังสร้างจากเสาหินแกะสลักผสานด้วยอัญมณีหลากสี เสาหินสลักลวดลายมังกรเลื้อยพันขึ้นไปสูงจนแทบแตะเพดาน ประทีปคริสตัลแขวนเรียงรายปล่อยแสงสีฟ้าอ่อนให้บรรยากาศดูเงียบสงบแต่ลึกลับ แม้จะอยู่ใต้น้ำ แต่ที่นี่กลับไม่รู้สึกอึดอัด ราวกับมีม่านพลังล่องหนกั้นกระแสน้ำไว้ ทำให้หมิงซื่อสามารถหายใจได้อย่างเป็นปกติ
ขณะที่หมิงซื่อกำลังตื่นตะลึง เสียงแผ่วเบาก็ดังขึ้นข้างหลัง
"หมิงซื่อ!...เจ้ากลับมาแล้วรึอ?"
เสียงนั้นเย็นเยียบดุจสายน้ำลึก—และมาพร้อมเงามืดของบางสิ่งที่กำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้...
"นี้เหมือนข้าเคยมาตอนวัยเด็ก"
หมิงซื่อพยายามรวบรวมความทรงจำในวัยเด็กที่ผ่านมา เหตุการณ์ในครั้งนั้น เมื่อตอนที่ยังเป็นเด็กวัยห้าขวบ ครั้งตอนท่านพ่อพาไปเยี่ยมเหล่าหมู่บ้านทหารที่ซานซี
หมู่บ้านทหารในเมืองซานซี ถูกจัดตั้งตามแนวกำแพงเมืองจีนและพื้นที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ มีทหารที่ประจำการจะได้รับที่ดินทำการเกษตรและรับผิดชอบทั้งการป้องกันประเทศและการทำไร่ทำนา ระบบนี้สร้างความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนที่มีความเสี่ยงจากการโจมตีของมองโกเลีย โดยเฉพาะในพื้นที่อย่าง ไท่หยวน และ ซานโจว ซึ่งถือเป็นแนวหน้าของการป้องกันอาณาจักรหมิง.
ช่วงนั้นเป็นช่วงกำลังก่อสร้างเขื่อนเก็บน้ำไท่หยวน หมิงซื่อวิ่งเล่นตามประสาเด็กที่อยากรู้อยากเห็น มีขันทีและพี่เลี้ยงติดตามไปด้วย อยู่ๆ ทั้งขันทีทั้งพี่เลี้ยงหาเธอไม่เจอ
ในระหว่างที่คนออกตามหา หมิงซื่อเห็นมังกรวิ่งผ่านไปแล้วลงไปเล่นน้ำ หมิงซื่อเห็นน่าสนุกดีก็ลงไปเล่นน้ำด้วยอย่างสนุกสนาน จนลืมว่าต้องกลับไป
หมิ่งซื่อเล่นกับมังกรหลายตัว บางครั้งก็กลายเป็นมังกรหลากสีมาเล่นกัน มีทั้งหญิงและชาย ได้กินอื่มและเล่นจนคิดว่าบ้านตัวเอง
"ข้าว่าเจ้าน่าจะได้เวลากลับบ้านเจ้าได้แล้วน่ะ..หมิงซื่อ!"
เสียงมังกรสีขาวเอ่ยขึ้น และตามด้วยเสียงของมังกรตัวอื่นๆ
"ข้ายังอยากเล่นกับพวกเจ้าอยู่เลย..ได้ๆข้าไปแล้ว แต่ข้าจะมาหาพวกเจ้าอีกได้ไหม"
มังกรสีเขียวหนึ่งในจำนวนนั้น ชื่อ "ชิงหลง" ได้มอบปิ้นปักผมไม้ให้ไว้กับหมิงซื่อ
"ข้าให้เจ้า...เมื่อไรที่เจ้าคิดถึงข้า ไม้นี้จะเป็นเหมือนคลื่นให้เราสื่อถึงกันได้"
"ขอบใจนะ....ชิงหลง.. ข้าจะไม่ลืมพวกเจ้า" เสียงก้องกังวารดังชัดเจน
"ข้าก็อยากกลับแล้วเหมือนกัน"
เสียงเด็กน้อยผู้กล้าหาญ
เทพมังกรยื่นเหรียญมังกรทองให้ แล้วบอกว่า
"เมื่อไรที่เจ้าเดือดร้อนหรืออยากเจอข้าก็กำเหรียญไว้แล้วคิดถึงข้า ข้าก็จะไปหาเจ้า ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม"
เสียงทรงพลังนั้นก้องกังวาลไปทั่วทั้งท้องทะเล
ก่อนจากลาหมิงซื่อรับปากกับเจ้ามังกร ว่าจะกลับมาอยู่ในดินแดนแห่งนี้อีกครั้งเมื่อพร้อม แต่ต้องให้มังกรช่วยดูแลเขื่อนด้วย
เมื่อเวลาผ่านไปได้สองวัน หมิงซื่อเดินมาจากริมฝั่งแม่น้ำเฟิง มีสุขภาพสมบูรณ์ทุกประการ แต่ในมือกำเหรียญมังกรสีทองส่องสว่าง จากวันนั้นจนวันนี้ หมิงซื่อมองไปรอบๆ
"เทพมังกร ท่านไม่เปลี่ยนไปเลยนะ"
"ข้าย่อมไม่เปลี่ยนอยู่แล้ว เพราะข้าอายุยืนว่าพวกเจ้า"
"ข้าเรียกเจ้ามา เพราะจะให้ลูกแก้วกับเจ้าเป็นของขวัญในวันแต่งงานของเจ้า"
เสียงทรงพลังพูดเสร็จก็หัวเราะดังก้องกังวาลทั่วท้องแม่น้ำ
"ขอบคุณท่านเทพมังกร"
หมิงซื่อพูดไปอมยิ้มไป เพราะคิดว่าเทพมังกรต้องมีเหตุผล ที่ให้ลูกแก้วนี้มา
เสียงเรียกของพระชายาโคกิ
"ท่านพี่..ดื่มชาหน่อยไหมเพค่ะ"
"ได้..ข้าก็รูสึกคอแห้งอยู่นะ"
เมื่อหมิงซื่อดื่มชาหมด ก็กำลังจะบอกกับพระชายาโคกิว่า เทพมังกรให้ลูกแก้วมา ก็โดนขัดเสียก่อน
"ท่านพี่!.ข้ามีเรื่องอยากถาม ข้าอยากรู้ว่าความเป็นมาของไท่ฮองเฮ้าเพค่ะ?"
"ข้าว่าเจ้ารู้ไว้ก็ดี จะได้ระวังตัวไว้บ้าง อยู่ในวังหลวงไม่ง่ายเหมือนอยู่ทุ่งหญ่า"
ณ.เผ่ากุยร์เย่ เมื่อสิบปีก่อน
ท้องฟ้ามืดดำเหมือนหลุมมืด เส้นควันดำพวยพุ่งไล่ไปทั่วฟ้า ผู้คนในเผ่าต่างรีบกลับไปยังที่พักอย่างเงียบชื่น ในขณะที่หัวหน้าเผ่ายืนอยู่บนริมหน้าผา แสดงอำนาจเหนือธรรมชาติ
"ทวยเทพแห่งป่าเอ๋ย จงมาสถิตในกายข้า.."
เสียงหัวหน้าเผ่ากุรย์เย่ ชื่อ เปรยยูร์สวดในภาษาชนเผ่าที่เยือกเย็นดังก้องไปทั่วป่า แม้สัตว์ป่าทั้งหลายต่างเงียบสงบ มีเพียงเสียงอีการ้องที่ดังไกล เมื่อสวดจบลง เส้นควันสีดำที่หมุนวนรอบหัวหน้าเผ่าก็พุ่งเข้าหาทวารทั้งห้าของเขาอย่างลึกลับ เมื่อเขาลืมตาขึ้น เขาได้ยินเสียงเรียกจากคนสนิทชื่อ คานา
"นายท่าน!"
ด้วยน้ำเสียงมั่นคง หัวหน้าเผ่าถามว่า
"เจ้าจัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง" และคำตอบสั้น ๆ ปรากฏว่า
"ข้าทำตามที่ท่านสั่งเรียบร้อยแล้วขอรับ"
หัวหน้าพูดต่อด้วยความพึงพอใจ
"ดี! ดีมาก ให้พวกเผ่าต่างๆ จงรู้จักข้า ข้าไม่ยอมให้ใครมายุ่งกับคนของข้า"
ในงานชุมนุมชนเผ่าคืนนั้น กองเสียงวิจารณ์ได้โผล่ขึ้นเกี่ยวกับลูกสาวของหัวหน้าเผ่า ผู้ซึ่งมักมีพฤติกรรมเข้าขัดแย้งและทำร้ายเผ่าอื่นโดยไม่ยอมขอโทษ
"ท่านเปรยยูร์! ลูกสาวท่านไปทำร้ายลูกข้า นางวางยาพิษลูกสาวข้า"
เสียงของท่านมายัส หัวหน้าชนเผ่าคีตาน ในเผ่าจะนับถือ หินเป็นพระเจ้า
"เจ้ามีพยานและหลักฐานหรือไหม ถ้าไม่มีก็อย่าคิดจะใส่ร้ายลูกสาวข้า"
เมื่อความคิดเห็นไม่ตรงกัน เรื่องนี้ทำให้หัวหน้าเผ่าตัดสินใจใช้วิธีข่มขู่เพื่อแสดงอำนาจเหนือเผ่าอื่น ๆ เขาจึงรวบรวมดวงวิญญาณของสมาชิกในเผ่าอื่นๆที่ไม่ลงรอยและปล่อยไว้ใน หน้าผ่ากลืนวิญญาน สมาชิกเผ่าอื่นๆก็ค่อยๆตายไปที่ละคนๆ
ซึ่งเป็นพิธีกรรมลึกลับที่ทำให้เผ่าเพื่อนบ้านต่างหวาดกลัวและไม่พอใจ รู้สึกถึงพลังอำนาจที่ไม่สามารถท้าทายได้ ทำให้พวกเขาทำเรื่องลับ ๆ รวมตัวส่งสารไปยังทางต้าหมิง เพื่อขอให้ช่วยกำจัดเผ่ากุรย์เย่ให้สิ้นซาก
"กราบทูลฝ่าบาทพะยะค่ะ มีสารมาจากเผ่าต่างๆส่งมาพะยะคะ"
ขันทีคนสนิทและภักดีที่สุดของฮองเต้หมิงหลง เมื่อฮองเต้หมิงหลงอ่านเรื่องราวในสารนั้นก็ได้แต่คุ้นคิดหาวิธีแก้ไข
อย่างไรก็ตาม เผ่ากุรย์เย่เองทราบแผนการลับ ๆ เหล่านั้นไว้ล่วงหน้า จึงได้วางกลยุทธ์ป้องกันภัยด้วยการส่งลูกสาวของหัวหน้าเผ่าไปแต่งงานกับฮองเต้ต้าหมิง เพื่อสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งและรักษาความอยู่รอดของเผ่าไว้ให้ได้ โดยคิดจะยกลูกสาวเข้ามาเป็นสนมของฮองเต้หมิงหลง
ช่วงเวลานั้น อาณาจักรต้าหมิงเผชิญศึกสงครามไม่เว้นแต่ละวัน เมืองโดยรอบเต็มไปด้วยความวุ่นวายและการต่อสู้ ประชาชนเดือดร้อนและอดอยาก ฮ่องเต้หมิงหลงทรงตระหนักถึงภัยคุกคาม จึงตัดสินพระทัยให้เผ่ากุยร์เย่เป็นปราการด่านหน้าของต้าหมิง และยอมรับข้อตกลงที่หัวหน้าเผ่าเสนอ
ในวันที่ขบวนเจ้าสาวเคลื่อนตัวเข้าสู่วัง ห้วงอากาศกลับปกคลุมด้วยม่านหมอกสีหม่วน เสียงอีกาดังกึกก้องขณะพวกมันบินวนจากทุ่งหญ้ากว้างราวกับเป็นผู้ส่งสารแห่งโชคชะตา เมื่อขบวนเดินทางมาถึงหน้าประตูวัง เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็พลันอุบัติขึ้น...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
กำลังโหลด...
ความคิดเห็น