คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ดูถูก
ตอนที่ 8 ดูถูก
ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วยาม เกวียนได้มาจอดอยู่ปากทางเข้าเมืองแล้ว เหลือเพียงรอจ่ายค่าผ่านทางเท่านั้น ชาวบ้านต่างพากันเตรียมเงินออกมาจ่ายค่าเกวียนให้ลุงหวังคนละสองอีแปะ มีเพียงนางหยางเท่านั้นที่นั่งนิ่งไม่ยอมควักเงินออกมา
มนตราเองก็เช่นกัน เธอไม่มีเหรียญอีแปะติดตัวแม้แต่น้อย มีเพียงก้อนตำลึงเงินเท่านั้น
"ท่านลุงหวัง ข้าขอติดค่าเกวียนของท่านเอาไว้ก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ"
ลุงหวังหันมาจะปฏิเสธไม่รับเงินจากเด็กสาว ตนจะรังแกคนที่ยากจนกว่าได้อย่างไร สิ่งใดที่พอจะช่วยได้ก็ช่วย ๆ กันไป
มนตรารู้ว่าชายชราต้องปฏิเสธแน่นอน นางจึงหันไปมองนางหยาง
"หากข้าไม่จ่าย..อาจจะมีพวกปากหอยปากปูหน้าด้านนั่งเกวียนไม่ยอมจ่ายบ้าง ท่านรังแต่จะขาดทุนนะเจ้าคะ ยามนี้ข้าไม่มีเหรียญอีแปะติดตัวเลย แต่ข้าสัญญาว่าทันทีที่กลับถึงหมู่บ้านข้าจะจ่ายให้ท่านแน่นอนเจ้าค่ะ"
ชาวบ้านที่นั่งอยู่บนเกวียนหันมองนางหยางพร้อมกัน หญิงสาวถูกสายตาคนจับจ้องรู้สึกกดดันนักจึงแสดงท่าทีฟึดฟัด หยิบเหรียญสองอีแปะโยนให้ลุงหวังก่อนจะลงจากเกวียนเดินหายไปในฝูงชน
ลุงหวังหาที่จอดเกวียนให้ชาวบ้านลง โดยไม่ลืมเตือนให้ทุกคนกลับมาขึ้นรถกลับหมู่บ้านก่อนยามเซิน
หญิงสาวปลุกน้องชายก่อนจะกระโดดลงจากเกวียน แล้วหันกลับมาอุ้มอาเยี่ยนตัวน้อยพลางจูงมือเขาเอาไว้กันหลงทาง
"ท่านไม่ต้องรอพวกข้า คืนนี้ข้าสองพี่น้องจะพักที่โรงเตี๊ยมเจ้าค่ะ"
เธอเดินไปหาลุงหวังเพื่อบอกเขาว่าเธอจะไม่กลับหมู่บ้านในวันนี้
"เข้าใจแล้ว พวกเจ้าจงระวังตัวให้มาก ในเมืองนี้มีโจรชุมนัก"
"เจ้าค่ะ เช่นนั้นฉัน..เอ่อ..ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ"
มนตราที่ยังไม่ค่อยชินภาษาโบราณบอกลาชายชรา ก่อนจะพาน้องชายเดินไปตามทาง เธอมีความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิมเหลืออยู่บ้าง จึงพอจะรู้ว่าอะไรตั้งอยู่ตรงไหน
จะว่าไปแล้วร้านค้าในตลาดยุคโบราณก็เหมือนกับในซีรีส์เลยเชียว ถึงจะไม่ได้ดูหรูหราเหมือนห้างสรรพสินค้าบนตึกสิบชั้นในโลกอนาคต แต่ยังพอมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่คนรุ่นใหม่ไม่มีโอกาสได้เห็น
อาเยี่ยนน้อยกวาดสายตามองหาร้านบะหมี่..เขาหิวแล้ว
"พี่ใหญ่อาเยี่ยนหิว"
ฉินฉินก้มลงมองน้องชายก่อนจะอุ้มเขาขึ้นมาแนบอก นางเลิกสนใจบรรยากาศโดยรอบ ก่อนอื่นต้องหาอะไรกินรองท้องก่อน
ชาวบ้านมองมาทางสองพี่น้องด้วยความรังเกียจ เสื้อผ้าที่สองพี่น้องสวมใส่เต็มไปด้วยรอยปะชุนสีก็ซีดจนไม่รู้ว่าสีเดิมคือสีอะไร หากออกแรงซักแรงเกินไปผ้าที่บางอยู่แล้วอาจจะขาดติดมือกลับมา
หญิงสาวไม่สนใจสายตาของผู้อื่น นางไม่รู้สึกเขินอายเลยสักนิด ดีเสียอีกพวกขโมยจะได้ไม่มาปล้นตน
สายตาของหญิงสาวกวาดมองหาร้านที่พอจะมีบะหมี่ขาย สุดท้ายนางเลือกที่จะเข้าเหลาอาหารที่มีการตกแต่งดีที่สุดในละแวกนั้น
หลงจู๊ที่รอต้อนรับลูกค้าอยู่หน้าร้าน พอเห็นสองพี่น้องเดินมาทำท่าจะเข้าร้านของตนไปหยิบไม้มาขวางเอาไว้ แล้วเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกดูแคลน
"ไป ๆ ๆ ร้านข้าไม่รับขอทาน พวกเจ้าไปเสีย อย่ามาทำให้ร้านของข้าสกปรก!"
ผู้คนที่นั่งกินอาหารอยู่ในร้านพากันหัวเราะเยาะ...พวกคนชั้นต่ำไม่เจียมตัว อาหารจานเดียวที่เหลาแห่งนี้ราคาถูกสุดคือหนึ่งตำลึงเงิน คนหาเช้ากินค่ำย่อมไม่มีปัญญาจ่ายอยู่แล้ว
มนตราไม่อยากเสียเวลา เธอได้ยินเสียงท้องน้องชายร้องก็รู้ว่าเขาคงจะหิวมากแล้ว จึงหันหลังเดินเข้าร้านบะหมี่ที่ฝั่งตรงข้ามเหลาอาหารทันที
ร้านอาหารที่หญิงสาวเลือกเป็นร้านที่สภาพเก่าพอสมควร ร้านมีชั้นเดียวโดยมีพ่อครัวอายุมากแล้วและหลงจู๊หนุ่มเท่านั้นที่คอยตะโกนเรียกลูกค้าเข้าร้าน ทว่ากลับไม่มีใครชายตามองแม้แต่คนเดียว
เมื่อเห็นลูกค้าคนแรกของวันเป็นเด็กสาวกับเด็กน้อยเนื้อตัวมอมแมม ไหนจะรูปร่างผอมแห้งดูอย่างไรก็คงไม่มีเงินจ่าย แต่หลงจู๊ไม่ลังเลรีบเชิญนางเข้ามานั่งในร้านพร้อมต้อนรับอย่างดี
"แม่นางเชิญเข้ามาก่อน อาหารร้านของข้าราคาถูกและให้เยอะจนอิ่ม รับรองเจ้าต้องอิ่มท้องกลับไปแน่นอน"
พ่อครัวที่นั่งปอกกระเทียมอยู่บนโต๊ะเห็นเด็กสาวไม่ยอมเข้ามาเสียที จึงคิดว่านางคงจะไม่มีเงินจ่าย
"นางหนูเข้ามาก่อนสิ ข้าจะทำอาหารให้เจ้ากิน ไม่คิดเงินหรอก"
สาเหตุที่มนตรายืนลังเลอยู่หน้าร้าน ไม่ใช่เพราะเธอกังวลเรื่องเงิน แต่เธอมีความคิดผุดขึ้นมาว่า ต้องการขอซื้อร้านอาหารแห่งนี้ต่อ เพื่อทำเหลาอาหารแข่งกับร้านฝั่งตรงข้าม เพียงแต่เงินทุนที่เธอมีอยู่ตอนนี้ยังไม่เพียงพอ
อาเยี่ยนน้อยยกมือสองข้างกุมแก้มพี่สาวเอาไว้ เขาเอาแก้มตอบของตนเองถูไถเข้ากับใบหน้าของพี่สาวอย่างออดอ้อน
"พี่ใหญ่ข้าหิวแล้ว ท่านจะยืนอีกนานหรือไม่ขอรับ"
มนตราส่งยิ้มให้เด็กน้อยแล้วก้าวเดินเข้าไปในร้าน เธอมองหาที่นั่งสะอาด ๆ ก่อนจะวางน้องชายลงให้เขานั่งบนเก้าอี้
หลงจู๊เดินมาสอบถามสองพี่น้องว่าต้องการอะไรบ้าง
"พวกเจ้าอยากกินอะไรหรือ บอกมาเถิดไม่ต้องเกรงใจ"
อาเยี่ยนชูสองมือพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงด้วยแววตาเปล่งประกาย..
"ข้าอยากกินบะหมี่เนื้อขอรับ"
หลงจู๊พยักหน้ารับก่อนจะหันมามองทางหญิงสาว มนตราไม่ค่อยรู้ว่าอาหารยุคนี้มีอะไรน่ากินบ้าง จึงเลือกสั่งอาหารเหมือนอาเยี่ยนน้อย
หลงจู๊เดินไปหาพ่อครัว ไม่นานกลิ่นหอมของนางซุปก็ลอยมาเตะจมูกสองพี่น้อง พ่อครัวเดินมาส่งอาหารให้ด้วยตนเอง
บะหมี่เนื้อชามใหญ่ถูกวางลงบนโต๊ะของสองพี่น้อง หน้าตาอาหารดูธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ
มนตราหยิบตะเกียบจากชามของอาเยี่ยนคีบเส้นขึ้นมาเป่าให้เขา ก่อนจะป้อนเด็กน้อยทีละคำ
พ่อครัวเห็นคนพี่เอาแต่ป้อนน้องชายไม่ยอมกินของตนเองเสียที เขากลัวเส้นจะอืดและรสชาติอาหารจะไม่อร่อย จึงขันอาสาช่วยป้อนเด็กน้อยเอง
"เจ้ากินเถิดข้าป้อนเขาให้เอง"
หญิงสาวนึกลังเลอย่างเกรงใจ..
"จะดีหรือเจ้าคะ"
พ่อครัวถือวิสาสะลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ อาเยี่ยน และแย่งตะเกียบในมือของหญิงสาวไป เธอเพิ่งจะสังเกตพ่อครัวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เขาดูเหมือนชายวัยกลางคนที่มีผิวขาวตาตี่ ท่าทางดูใจดีกำลังคีบเส้นมาเป่าป้อนให้อาเยี่ยนตัวน้อยกินโดยไม่รังเกียจเลยแม้แต่น้อย
หญิงสาวก้มหน้าลงกินบะหมี่ถ้วยของตนเอง เธอคน ๆ ให้น้ำซุปเข้ากันก่อนจะใช้ช้อนไม้ตักน้ำซุปขึ้นมาชิมรสชาติ
"หื้ม! อร่อยมากเลยเจ้าค่ะท่านลุง น้ำซุปนี้มีรสชาติหวานหอม น้ำซุปเคี่ยวจากกระดูกหมูให้รสกลมกล่อม หากให้ข้าเดาท่านน่าจะต้มน้ำซุปไว้ข้ามคืน มิเช่นนั้นมันคงไม่หอมหวานกระดูกหมูได้ขนาดนี้"
พ่อครัวหัวเราะในลำคอ นึกตลกกับท่าทางของเด็กสาวตรงหน้า หลังจากนางซดน้ำซุปเข้าไปแล้วก็ทำตาโตเหมือนไข่ห่าน
"หากอร่อยก็กินเยอะ ๆ หากวันไหนเจ้าหิวก็พาน้องชายของเจ้ามากินที่ร้านของข้าได้ ข้ายินดีต้อนรับพวกเจ้าสองพี่น้องเสมอ"
มนตรามองชายตรงหน้าอย่างนึกศรัทธาในน้ำใจของเขา เธอลุกขึ้นยืนโค้งคารวะเขาเพื่อขอบคุณสำหรับความเมตตาที่มีให้พวกตนสองพี่น้อง
พ่อครัวหัวเราะพุงกระเพื่อม แล้วดึงหลงจู๊ที่ยืนอยู่หน้าร้านมาแนะนำตัว..
"เขาเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของข้า มารดาเขาเสียไปนานแล้ว ข้าอยากมีบุตรสาวมาตลอด หากไม่รังเกียจเจ้ามาเป็นบุตรสาวของข้าอีกคนได้หรือไม่"
มนตราในคราบเด็กน้อยฉินฉินยืนอึ้ง ชายผู้นี้ไม่กลัวว่าเธอเป็นคนไม่ดีหรือ เจอกันยังไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็เอ่ยปากขอให้เธอไปเป็นลูกบุญธรรมเสียแล้ว
ความคิดเห็น