ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
☾ guerilla.

ลำดับตอนที่ #8 : insight 5.5 – spiritually connected

  • อัปเดตล่าสุด 3 เม.ย. 66




          เธอไม่ได้เย็นชา และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องอธิบายให้คนที่ไม่สำคัญเข้าใจ


          แค่นั้นไม่น่าอิ่มนะ


          ขืนขุนพวกนั้นมากไปก็กลายเป็นไปขยายกระเพาะให้ใหญ่ขึ้นอีก


          อ้าว ไดเอตกันอยู่เหรอ?


          เปล่าหรอก แต่ถ้าน้ำหนักขึ้นก็มีบางคนงอแงอีก


          ก็ยัยเร็นแหละนะ...


          แค่คนรอบตัวเพื่อนและครอบครัวที่อย่างน้อยก็ใส่ใจเธอในระดับที่เทียบเท่ากันก็เพียงพอสำหรับอิวันน่า เธอไม่ต้องการให้คนอื่นมาใส่ใจตนเองพร่ำเพรื่อ และก็ไม่ต้องการความสัมพันธ์ซึ่งมีการเอาเปรียบซึ่งกันและกัน


          สายตาคู่นั้นพิจารณาจำนวนขนมที่ถูกหยิบใส่จานเป็นครั้งสุดท้าย เหล่มองผู้ปกครองที่ยังคงมีรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาและทำตามความต้องการของอีกฝ่ายแต่โดยดี


          งั้นขออนุญาตอ้างนะ


          ตามสบายเลยไอวี่ฮานน์กลั้วหัวเราะ


          เพราะเป็นนอนไบนารี่จึงไม่มีสรรพนามแยกเฉกเช่นหญิงชาย กระนั้นคนคนนี้ก็ยังคงนับเป็นบุพการีผู้ให้กำเนิดและดูแลเธอมาตลอดหลายปีเขาใจดีและยืดหยุ่น ตรงข้ามกับคุณแม่ผู้ที่ทำแทบทุกอย่างตามแบบแผน รวมถึงเป็นคนที่สั่งสมองค์ประกอบซึ่งอีกคนอาจจะเผลอละเลยให้กับเธอ


          ในวินาทีที่เริ่มชั่งใจกับพฤติกรรมของตนเอง ฮานน์นั้นเป็นคนบอกว่าเธอแค่จำเป็นจะต้องใส่ใจคนรอบข้างในระดับหนึ่งเท่านั้น...


          หากมองว่าไม่สำคัญก็อย่าไปฝืนให้ลำบากตนเองคนเราไม่ได้อะไรนอกเหนือจากความทรมานของการทำเช่นนั้นอยู่แล้ว


         ซึ่งก็จริง...


          พรุ่งนี้ค่อยชวนพวกเขาไปวิ่งกันตอนเช้าก็ได้ โทปาซเองก็ต้องเริ่มเทรนร่างกายด้วยนี่เนอะ


          อืม รายนั้นคงอยากให้ตนเองเริ่มเตรียมตัวก่อน


          แต่ว่านะ... ได้เห็นภาพแบบนี้ก็อุ่นใจอยู่เหมือนกัน จากมุมมองของคนที่เห็นเขามาตั้งแต่ยังเด็กน่ะ


          สาวเจ้าคนนั้นคือเพื่อนคนแรกเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่เดินเข้ามาทักทายเธอพร้อมกับตุ๊กตาปุยนุ่นที่ใหญ่เกินกว่าจะถือเองคนเดียวได้ และไม่รู้เพราะเหตุใดก็กลายเป็นว่าตัวติดกันตั้งแต่ตอนนั้น


         นี่มิสไฮยาซินธ์แหละ


          มันไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระดับสามารถตายเพื่ออีกคนได้ กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะปล่อยให้หล่อนเผชิญอันตรายทั้งหมดคนเดียว


          พวกเธอเข้าใจระยะห่างระหว่างกันและกันเชื่อมโยงกันโดยจิตวิญญาณล่ะมั้ง หากจะเปรียบเปรยในสำนวนของอีกคนน่ะ


          ใช่ว่าจะไม่แยแส... แต่รู้อยู่แก่ใจว่าขืนกระทำบุ่มบ่ามก็คงเหลือเพียงผลลัพธ์บัดซบๆ


         อิวันน่า ไอสลีย์ยุ่งยากแค่ไหน เพื่อนแต่ละคนของเธอก็ไม่ต่างกันมากนักหรอก


          โทปาซเป็นประเภทที่ถ้าไปบังคับให้เลิกแสร้งภาพลักษณ์ก็คงถูกบอกกลับมาว่า ไม่เป็นไรตลอดนั่นแหละ


          เราก็เลยไม่ได้ทำอะไรมากล่ะสิท่า


          อืม... ตอนเห็นว่าทางแก้คือทำให้ถูกสาปก็แอบโกรธอยู่เหมือนกัน แม่นั่นมันบ้าดีเดือดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้


          แต่ก็เคลียร์กันไปแล้วนี่


          เธอพยักหน้าตอบไป แล้วมือนั้นก็หยิบคุกกี้ชิ้นหนึ่งเข้าปาก เคี้ยวมันสองสามคำก่อนกลืน แล้วกล่าวขยายความเพิ่ม


          ถ้าบอกว่าไม่เข้าใจมุมมองปาซก็ดูเหมือนจะโกหกใช่ไหมล่ะ?


          ก็สมกับที่เป็นอิวันน่าแหละนะ


          อืมๆเฮ้ เดี๋ยวสิ!”


          ผมเผ้าที่เริ่มยุ่งเหยิงจากการถูกขยี้กำลังส่งผลต่อสีหน้าซึ่งแปรเปลี่ยนไป ณ ปัจจุบันอิวันน่าไม่ได้เกลียดสัมผัสเหล่านั้น แต่เธอก็ไม่เคยเอ่ยปากว่าชอบ ยิ่งเมื่อมือทั้งสองข้างกำลังยุ่งอยู่กับการถือจานขนมและไม่สามารถขยับไปจัดทรงให้ดีเช่นเดิมแล้ว


          ในสายตาของฮานน์เธอยังคงเป็นเด็ก


 ก็นะ... อายุ 17 ปีนี่ไม่ได้ฟังดูใกล้แก่แต่อย่างใดเลย ถ้า 20 ก็ว่าไปอย่าง


         ปล่อยให้ทำตามใจตนเองไปก่อนก็แล้วกัน


          เดี๋ยวช่วยถือน้ำ ใครเอาอะไรบ้างล่ะ?


          ปาซเอาน้ำเปล่า มาริอยากได้น้ำส้ม ส่วนเร็นต้องดื่มนมอุ่นก่อนนอน


          โอเค


          จานในมือถูกแทนที่ด้วยถาดไม้ซึ่งผู้ปกครองสับเปลี่ยนให้เขาวางจานขนมนั่นไว้ข้างบนอีกที แล้วหยิบแก้วสามใบมาจัดเรียงไว้เคียงข้าง ตามมาด้วยขวดน้ำและกล่องน้ำส้มซึ่งหยิบออกมาจากตู้เย็น


          อิวันน่าชำเลืองมองกล่องนมที่อีกฝ่ายวางไว้บนเคาน์เตอร์เงียบๆ


          จะอุ่นเองเหรอ?ฮานน์ที่สังเกตได้ดังนั้นถาม


          หญิงสาวไม่ปฏิเสธว่าเธอมักจะไม่ปฏิบัติใดๆเพิ่มเติมหากได้รับความช่วยเหลือจากใครสักคนทุกอย่างย่อมมีจังหวะของมันเอง และเมื่อได้รับความช่วยเหลือในหน้าที่หนึ่ง การพยายามทำกิจกรรมเช่นเดียวกันนั้นก็ดูเป็นการแสดงถึงความไม่ไว้วางใจพอประมาณของผู้กระทำ


          เธอรู้ดีเธอเฝ้ามองพฤติกรรมของคนรอบตัวตลอด


         ถึงกระนั้นก็เถอะ...


          ได้ไหม?


          ได้สิ


          คำตอบสั้นๆเพียงพอสำหรับลูกสาวคนเดียวของบ้านอิวันน่าพยักหน้าตอบรับไป ดวงตาคู่นั้นเบนไปยังพรรณไม้ซึ่งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องในเวลาต่อมา ส่งสัญญาณให้มันรับรู้ถึงการใช้งานด้วยการเพ่งสมาธิไปยังลำต้นซึ่งเริ่มโยกย้ายราวกับอยู่บนฟลอร์เต้นรำ


          มือทั้งสองยังคงจับถาดนั่นไว้แน่น ขณะในใจร่ายคาถาเวทมนตร์เพื่อเคลื่อนย้ายไม้เลื้อยต้นดังกล่าวมายังเคาน์เตอร์มันใช้หนามอันแหลมคมนั่นตัดฝากล่อง แล้วจึงค่อยๆเทเครื่องดื่มลงในหม้อ ก่อนจะเคลื่อนไปเปิดแก๊สให้เรียบร้อย


          พลังจิตไม่ใช่สิ่งที่เธอถนัดนัก หากเทียบกับการควบคุมพืชไม้เลื้อยซึ่งเป็นสิ่งที่ถนัดโดยสายเลือด...


          คงเป็นเพราะต้นตระกูลเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่โทปาซเคยกล่าวนั้นทำให้เธอตระหนักได้


          นับจากนี้ไป สิ่งที่เธอควรทำคือการช่วยเพื่อนสนิทของตนเองศึกษาเรื่องคำสาปและต้นตระกูลซึ่งจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของหล่อนโดยตรงช่วยกันทดลอง คิดข้อสันนิษฐาน รวมไปถึงการระดมสมองค้นหาแนวทางการนำมันไปปรับใช้ในชีวิตให้ยิ่งกว่าเดิม


         ที่ทำได้ก็เพราะโทปาซ เชีย แอนเดรียไม่คิดจะกักเก็บทุกอย่างไว้เช่นเดิมแล้ว


          ทางออกนั้นจะแตกต่างกันในกรณีของคนอื่นมาริซอลหรือเร็นจำเป็นจะต้องใช้วิธีการรับมือที่ละเอียดอ่อนกว่าเยอะ


          ฮานน์ พรุ่งนี้ตอนเย็นว่างไหม?


          หืม? ว่างสิ ทำไมเหรอ?


          ขอคุยด้วยหน่อย... มีเรื่องอยากปรึกษา 

 


___


 

          เธอไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรกับใคร ตราบใดที่คนสำคัญเข้าใจ...


          กลัวแพ้อ่ะ


          ไม่แพ้ อันนี้สูตรอ่อนโยนต่อผิวที่สุดแล้ว


          ไม่โกหกนะ


          ฉันจะโกหกไปทำไมเล่า?คิ้วนั้นขมวดเข้าหากันพลันได้ยินถ้อยคำของอีกฝ่ายอิวันน่าไม่ได้โกรธจริง น้ำเสียงงอแงของเร็นแค่ทำให้อารมณ์เธอกระตุกเป็นช่วงๆ


นั่นดูจะเป็นหนึ่งสิ่งซึ่งไม่อาจทำตัวให้ชินชาได้ แม้ว่าระยะเวลาที่รู้จักกันจะเพิ่มพูนขึ้นในแต่ละวันก็ตาม...


          แหะ


          ทีนี้อยู่นิ่งๆ


          ปลายนิ้วค่อยๆป้ายครีมบำรุงจากในกระปุกสู่ใบหน้าของคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้าตนเองทีละน้อยชโลมมันให้ทั่วเพื่อประสิทธิภาพที่สูงที่สุด ระหว่างนั้นก็ใช้มืออีกข้างจับไหล่ไม่ให้คนที่ตกใจกับสัมผัสเย็นเฉียบขยับขยุกขยิกไปมา กดแรงลงมากกว่าเดิมเล็กน้อยในคราแรกๆที่หล่อนยังคงไม่รู้ตัวถึงสัญญาณพิเศษนั่น


          เย็นเร็นบ่นอุบอิบ


          รู้


          ถ้อยคำห้วนสั้นไม่ใช่สิ่งที่เหมาะสมแก่การพูดในสถานการณ์เช่นนี้ กระนั้นสมองเธอก็ไม่สามารถวินิจฉัยคำตอบเป็นสิ่งอื่นได้จะให้พูดว่า ทนหน่อย ก็ซ้ำซาก หากพยายามเก็บมันไว้นอกตู้เย็นแช่สกินแคร์เฉพาะเพื่อให้หล่อนใช้แค่วันเดียวก็เล่นเอาสภาพผลิตภัณฑ์เสีย มันจึงเหลือเพียงวิธีเดียว


          อีกอย่างคือเร็นเป็นมนุษย์ประเภทที่พูดตามสมองคิดมากกว่าประมวลผลก่อน เวลาบ่นในเรื่องที่ช่วยไม่ได้จึงไม่จำเป็นจะต้องไปโอ๋หรือตามใจมากนัก เดี๋ยวหล่อนก็หาย เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นในกรณีที่พูดออกมาด้วยเจตนาจริงจัง


         โทปาซน่ะตัวสปอยล์เกินความจำเป็นที่หนึ่ง


         ด้วยความคล้ายคลึงทางองค์ประกอบด้านความบ้าดีเดือดและอุปนิสัยกล้าได้กล้าเสียที่ไม่อาจทราบอย่างแน่ชัดได้ว่าเริ่มมีมาตั้งแต่เมื่อใด สาวเจ้าคนนั้นจึงได้ปล่อยปละละเลยในเรื่องพฤติกรรมที่อาจจะทำให้อีกคนถูกเพ่งเล็งบ่อยครั้งเป็นการมอบสิ่งที่ตนเองต้องการให้แก่ตัวแทนด้านความรู้สึก ถ้าให้พูดตามตรงก็เป็นการปรับตนเพื่อบรรเทาสภาพจิตใจระดับหนึ่งด้วย


          แต่หากให้เธอพูดตามตรง ความไม่เหมาะสมดังกล่าวนั้นก็เป็นเพียงความคิดปัจเจก


         คนบางคนแค่ทำตัวบ้าบอเกินเหตุไปเอง


          แอ๊ด...


          สายลมซึ่งพัดผ่านจากข้างนอกนั้นไหลเข้าสู่ห้องนอนในวินาทีที่บานประตูถูกเปิดออกอย่างเชื่องช้าเสียงฝีเท้าซึ่งทิ้งน้ำหนักลงพื้นต่างกันส่งผลดวงตาสีจันทราของตนเองเลื่อนไปมองเจ้าของมัน ริมฝีปากเตรียมพร้อมสำหรับการเอ่ยทักทาย ทว่าก็ต้องเงียบลงเมื่อมีเสียงเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาก่อน


          ไอฟ์ หลังจากนี้ไปที่เรือนกระจกกัน


         ไอ้รอยยิ้มกรุ้มกริ่มนั่นมันอะไรกันล่ะนั่น?


          ได้


          ทว่ามันก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปฏิเสธสองคนนั้นคงพินิจกันมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในห้องน้ำ อีกทั้งถ้อยคำซึ่งเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นนั่นก็คงไม่เกิดขึ้นโดยปราศจากการพิจารณาอย่างน้อยหนึ่งนาทีหรอก แม้มันจะดูเหลือเชื่อก็ตาม


          คงมีแผนอะไรสักอย่างอยู่ในใจ... ที่ประหลาดคือมาริซอลดูไม่ได้ติดขัดอะไรนัก


          ต้องเตรียมอะไรเผื่อไว้ไหมล่ะ? โทรไปหาฮานน์ก่อนก็ได้นะ คงรดน้ำอยู่


          ไม่ต้อง เดี๋ยวค่อยเตรียมตอนไปถึง ฉันว่าจะเดินสำรวจดูนั่นนี่ก่อน


          ตามสบายกล่าวเสร็จบุ้ยหน้าไปทางเตียงส่งสัญญาณให้ทั้งสองคนนั่งรอบนฟูกนุ่มๆนั่นไปก่อน แล้วจึงหันกลับมาที่หนึ่งเดียวของกลุ่มซึ่งยังเตรียมตัวไม่เสร็จ


          ขอจัดการเร็นอีกสักแป๊บ...


          หน้าม้าของเร็นเริ่มที่จะยาวขึ้นจนปรกใบหน้า และเพราะเช่นนั้นเธอจึงใช้ที่คาดผมในการยึดมันให้อยู่เหนือหน้าผาก... จะมีปัญหาก็แค่กับสวนปอยผมซึ่งต้องทัดไว้ที่ข้างหูอย่างสม่ำเสมอ


          แกร๊ก!


          ใบหน้าจิ้มลิ้มยังอยู่ในสายตาเธอ แม้ว่ามือข้างขวาจะเอื้อมไปเปิดตู้เย็นเล็กๆบนโต๊ะและเก็บครีมสกินแคร์ไว้ในจุดเดิมของมันเร็นยิ้มอ่อนๆ สายตาคู่นั้นไม่ละไปมองที่อื่น รอคอยให้เธอจัดการแต่งหน้าให้เสร็จสรรพ


          มันเซ็ตตัวแล้ว


          เหรอ?


          โหย เชื่อใจกันบ้างดิ


         อืม


          ปลายนิ้วที่เคลื่อนไปเกี่ยวปอยผมนั่นออกแรงดึงเบาๆกลั่นแกล้งเล็กน้อยให้คนขี้งอแงส่งเสียงโอดโอยเล่น ด้วยโทษฐานที่อยู่ไม่นิ่งสักเท่าไหร่เมื่อครู่


          เดี๋—”


          และก่อนที่เสียงทุ้มนุ่มนั่นจะออกมาจากริมฝีปากเร็นได้เต็มคำ ก็กดพัฟคุชชั่นไปที่แก้มขวาของหล่อนด้วยความรวดเร็ว ไม่รีรอให้บทสนทนากึ่งการปะทะวาจาก่อเกิดขึ้นอีกครั้งในห้อง


          อย่าดิ้น เธอพูดเสียงเบา


          ...ก็ได้


          อิวันน่าพ่นลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ไม่รู้ว่าด้วยความเหนื่อยล้าที่สะสมหรือเพียงแค่ทำเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ยิ่งอยู่กับโทปาซก็ยิ่งติดเศษเสี้ยวส่วนหนึ่งของความเวอร์วังทางการละครของหล่อนมาด้วย ซึ่งนั่นก็หาใช่เรื่องที่ดีสักเท่าไหร่นักสำหรับคนที่ไม่ต้องการเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งเพิ่มความโดดเด่นให้แก่ตนเอง


          แค่อยู่ในกลุ่มนี้ก็ได้รับสปอตไลท์มากพอควรแล้ว...


          สายตาเลื่อนไปมองอีกสองคนที่นั่งอยู่เงียบๆ คาดหวังในความเงียบงันเพียงชั่วคราวอันเนื่องด้วยการนั่งนิ่งๆของเร็นจะถูกใครสักคนทำลายด้วยบทสนทนาธรรมดา ทว่าก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่ามาริซอลนั้นหยิบแท็บเล็ตของตนเองมาอ่านวรรณกรรมออนไลน์ระหว่างรอเสียแล้ว


          ส่วนอีกคนก็เพียงแต่มองมายังพวกเธอด้วยมุมปากที่กระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ...


          หล่อนผงกหัวเล็กน้อยแววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยสิ่งซึ่งอิวันน่าไม่ได้อยากจะรับรู้ในเร็ววันแต่อย่างใด


         ...อืม


          การพยักหน้าตอบกลับไปคือทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุดไม่ใช่การโต้ตอบ แสดงท่าทางประหลาด หรือส่งสัญญาณบ่งบอกให้หยุดสีหน้าดังกล่าวเดี๋ยวนี้


          เธอต้องเร่งมือจัดแจงแต่งหน้าเร็นให้เสร็จแต่โดยไว และใช้อุปนิสัยอยู่ไม่นิ่งของหล่อนเป็นเครื่องมือในการเบี่ยงเบนความสนใจทั้งหมดออกห่างจากประเด็นไร้สาระ


          ไม่เป็นไรหรอกนะ ฉันไม่รีบ


          “อืม


         คนที่รีบมันทางนี้อยู่แล้ว


          เธอกระตุกปอยผมนั่นอีกคราเพื่อความผ่อนคลายของตนเอง 

         


___



          พวกเขาเข้าใจและเชื่อใจเธอบางครั้งก็มากเกินเสียด้วยซ้ำ


ความบ้าดีเดือดที่เริ่มจะถูกแพร่มายังเธอกลับส่งผลให้ตำแหน่งคนห้ามปรามในกิจกรรมบางกิจกรรมนั้นว่างเปล่า และแน่นอนว่ามันนำมาซึ่งความวุ่นวายในอีกรูปแบบหนึ่ง...


          ไอวี่ ฉันว่าเราควรจะใจเย็นๆแล้วทำอย่างอื่นดีกว่านะ


          ไม่ต้อง! พร้อมแล้วๆ! ราดมาเลย ไม่ตายหรอก


          ปาซ หยุดดื้อเดี๋ยวนี้เลยนะ!”


          ทุกอย่างก็เพื่อการศึกษา!”


          ฉันไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นอุ๊ย! ดอกเบญจมาศดอกเล็กๆ


          มาช่วยกันห้ามปาซก่อนสิเร็น!”


         อย่างเช่นตอนนี้...


          อิวันน่าส่ายหน้า มือที่สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเรียบร้อยนั้นหยิบถุงมืออีกคู่และโยนให้คนที่กำลังถูกเพื่อนสาวขี้กังวลกอดอยู่จากด้านหลังใบหน้าที่เรียบนิ่งนั่นไม่ไหวตึง เพียงแต่ยกมือขึ้นมาทำเป็นเชิงส่งสัญญาณขอโทษให้มาริซอลแทน


          นอกจากเธอก็คงไม่มีใครเล่นบ้าบอแบบนี้ตามโทปาซแล้วล่ะมั้ง...


         แต่ก็ใช่ว่าจะปิดตา ปิดหู ปล่อยเบลอความอันตรายทั้งหมดนี่เสียหน่อย


          ดวงตาสีจันทราคู่นั้นเลื่อนจุดสนใจจากบททะเลาะเบาๆของสองเพื่อนมายังโต๊ะเพียงหนึ่งเดียวในเรือนกระจกพิจารณาข้าวของที่วางอยู่อย่างรอบคอบ แล้วจึงดึงกล่องใส่หลอดทดลองออกห่างจากอุปกรณ์ทำสวนชิ้นอื่นๆ


          โทปาซต้องการทดสอบสภาพร่างกายใหม่ซึ่งคลับคล้ายคลับคลาว่าแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อน นอกจากเรื่องพลังกำลังที่เพิ่มพูนซึ่งเป็นตัวระบายอารมณ์เคร่งเครียดได้ดีเยี่ยมแล้วก็ยังมีอีกหลายอย่างที่หล่อนอาจจะยังไม่รู้


          หลอดทดลองซึ่งมีกรดของพืชชนิดหนึ่งในเรือนกระจกบรรจุอยู่จึงเป็นสิ่งที่เพื่อนตัวดีของเธอเรียกว่า ตัวเอก ของวันนี้


มันชื่อต้นอะไรนะ?


คาโลซัคลีส


โอ้


กรดที่มีอิทธิฤทธิ์รุนแรงนั้นได้ถูกเจือจางลง และเมื่อเทลงบนถุงมือพิเศษที่ผลิตขึ้นจากเส้นใยของพืชที่ทนทานที่สุดในเมือง การกรัดกร่อนผิวหนังภายใต้เนื้อผ้านั้นก็จะกลายเป็นว่าอยู่ในระดับที่ไม่อันตรายถึงขีดสุดค่อนข้างปลอดภัยในสายตามืออาชีพที่คลุกคลีของอันตรายเช่นนี้มาตั้งแต่เด็กอย่างเธอเสียด้วยซ้ำ


อย่างไรก็ตาม ยาปรุงซึ่งบรรเทาความเจ็บปวดก็ยังไม่ถูกละเลยไปจากการทดลองต่อไปนี้อยู่ดี หากจะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงที่ไม่คาดคิดก็สามารถแก้ไขได้โดยเร็ว


พร้อมยัง? อิวันน่าเอ่ยถาม


การพยักหน้าเพียงครั้งเดียวคือคำตอบที่กระจ่างที่สุดสำหรับหญิงสาว


โดยปกติร่างกายของมนุษย์แต่ละตระกูลจะมีลักษณะพิเศษเฉพาะอยู่แล้วเร็นมีสภาพร่างกายที่ปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อมได้ง่ายกว่าคนอื่น มาริซอลมีประสาทสัมผัสไวต่อเสียงและสามารถระบุสิ่งที่ได้ยินได้อย่างชัดเจน ส่วนร่างกายของเธอก็มีความทนทานต่อพิษตั้งแต่ในระดับอ่อนไปจนถึงระดับที่เสี่ยงต่อชีวิตได้


มันเป็นของขวัญจากผู้กำหนดโชคชะตาที่ได้ริเริ่มการวิวัฒนาการของสายพันธุ์มาจวบจนปัจจุบัน และเป็นหนึ่งในน้อยสิ่งซึ่งยังคงเชื่อมโยงมนุษย์กับต้นตระกูลของพวกเขาไว้...


โทปาซเองก็กล่าวว่ามีความเป็นไปได้สูงที่การถูกสาปจะดึงลักษณะบางส่วนของต้นตระกูลออกมายิ่งกว่าเดิม เธออาจไม่ได้มีพลังเวทมนตร์ที่รุนแรงในระดับทำลายล้างเวลาหงุดหงิดเหมือนกับแอนโธนี่ กระนั้นมันก็คงมีความคล้ายคลึงกันในระดับหนึ่ง


ความทนทาน และ ความแข็งแกร่ง คือคีย์เวิร์ดหลัก


อิวันน่า!”


ในขณะที่ฮานน์ ไอสลีย์คือผู้ปกครองที่กำลังประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน


ทำอะไรกันน่ะ!?เขาถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนตามตัวมีเหงื่อชุ่ม คงเพราะสังเกตเห็นจากมุมไกลและวิ่งมาอย่างรวดเร็ว


ทดสอบนิดๆหน่อยๆน่ะค่ะ แต่ว่ามีน้ำยาพร้อมไว้แล้ว... กรดก็เจือจาง ไหนจะถุงมืออีก โทปาซเอ่ยตอบเขาไป


ถึงจะเป็นอย่างนั้นก็เถอะ...


ไม่เป็นไรค่ะคุณฮานน์ เชื่อปาซเถอะ


...


เดี๋ยวจะรีบทำรีบจบค่ะ ไม่เว้นช่วงนานแน่ๆรอยยิ้มน้อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนนั่น ดวงตาสีคล้ายคลึงกับอัญมณีเม็ดงามนั้นพยายามส่งสายตาอ้อนวอนใส่ผู้ใหญ่คนเดียวในสถานที่แห่งนี้อย่างสุดฤทธิ์


ถ้าอย่างนั้นก็—”


ขอบคุณค่ะคุณฮานน์! ไอฟ์! เริ่มกันเลย!”


         หล่อนก็รีบเสียเหลือเกิน


อิวันน่าพยักหน้าตอบรับไป ก่อนจะเขย่ามือเบาๆเพื่อให้มั่นใจว่าสสารในหลอดนั้นเป็นเนื้อเดียวกัน ดวงตาคู่นั้นไม่ละไปมองสิ่งอื่นใดที่อาจทำให้ตนเองประมาทและก่อให้เกิดข้อผิดพลาดได้


ซ่า...


แล้วกรดเจือจางสีใสก็ถูกเทลงบนฝ่ามือซึ่งมีอุปกรณ์ป้องกันของโทปาซมันกัดกร่อนพื้นผิวของถุงมือนั้นจนเป็นรูเหวอะหวะ ทว่ากลับระเหยไปในอากาศเมื่อสัมผัสกับร่างกายของหล่อนโดยตรง


ทุกอย่างเงียบงันไปในชั่วนาทีหนึ่ง...


เธอกัดริมฝีปากล่างของตนเอง


          ปาซ...


          อิวันน่าหันไปทางโทปาซเช่นเดียวกับมาริซอลรอคอยคำตอบอย่างใจเย็น


          มันจั๊กจี้นิดๆอ่ะ


          เอ๊ะ?


          และมันก็เรียกได้ว่า สุดยอด เป็นอย่างยิ่ง


          คือมันไม่เจ็บนะไม่เจ็บเลยสักนิด ออกแนวจั๊กจี้เหมือนมีอะไรมาเขี่ยๆมือมากกว่า


          ใช้ยาปรุงเผื่อไว้เลยดีกว่า ฮานน์เอ่ย


เจ้าของไอเดียทั้งหมดนี้ออกอาการประหม่าเล็กน้อยเป็นการตอบกลับถึงปากจะบอกว่ารีบทำรีบเสร็จ แต่ก็คงอยากเห็นผลระยะยาวของการทดลองอีกสักหน่อยตามประสาเจ้าหล่อนที่ชอบศึกษาเชิงละเอียด


          เรารออีกสักนิดไหมคะ? เผื่อมันแบบ... ออกอาการช้า อะไรทำนองนี้


          โทปาซ น้าบอกพี่ชายเธอไว้แล้วว่าจะไม่ให้น้องสาวเขาเจ็บตัวเด็ดขาด ต่อให้มันจะมากน้อยแค่ไหนก็ตาม... เท่านี้ก็ถือว่าผิดสัญญาไปเยอะแล้ว ขอร้องล่ะ


          อิวันน่าเอื้อมไปหยิบขวดยาปรุง ดึงจุกไวน์ที่ปิดปากมันออกอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะบรรจงราดลงไปบนมือของเพื่อนสาวในเวลาต่อมาไม่รีรอให้ผลสรุปของการถกเถียงถูกตัดสินแต่อย่างใด


          ถ้าเกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวรับผิดชอบเอง


          แบบนั้นมันได้กันเสียที่ไหนเล่าไอวี่? จบเรื่องนี้ไปคือลูกต้องไปอธิบายให้เจเนวีฟฟังนะ

 


___


 

          อิวันน่าถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา


เธอไม่ได้เหนื่อยล้าขนาดนั้น แค่หนักกว่าปกติที่ใช้เวลาเกินครึ่งวันในห้วงแห่งความฝันอยู่เล็กน้อยกิจกรรมที่วางแผนไว้สำหรับวันหยุดปลายสัปดาห์ก็ไม่มี จึงกลายเป็นนั่งว่างงานไปเสียอย่างนั้น


          สองเท้าที่พาดอยู่ตรงที่วางแบบผิดหลักการสร้างใต้โต๊ะผ่านการเดินเข้าๆออกๆเรือนกระจกและสวนภายในบริเวณบ้านมานับไม่ถ้วน... ฮานน์แซวเธอว่าทำหน้าที่แทนพวกไส้เดือนแล้วเรียบร้อย อีกนิดคงเตรียมเพิ่มเงินค่าขนมให้เป็นการตอบแทนแล้ว


[นอนพักก่อนก็ดีนะ] มาริซอลที่อยู่ปลายสายเอ่ย


มันไม่ได้ง่วงน่ะสิ ก่อนหน้านี้ก็ถูกแม่นางดราม่าเทไปคุยกับผู้ชาย


[ก็ไปแซวเขา]


นิดๆหน่อยๆเอง แต่ถึงเจ้าตัวรู้ก็ไม่ว่าอะไรหรอก


ก๊อก! ก๊อก!


เฮือก!


...เข้ามาได้ค่ะ


          เสียงเคาะประตูห้องซึ่งนานๆครั้งจะดังขึ้นทำให้จังหวะการตอบช้าลงไปจากปกติอิวันน่าเอี้ยวตัวไปมองมารดาผู้มาเยือนด้วยความฉงน คิ้วคู่นั้นเลิกขึ้นสูง ริมฝีปากเม้มเล็กน้อย


ข้อเท็จจริงที่รับรู้จากฮานน์คือเรื่องที่เจเนวีฟ ไอสลีย์ติดงานจนถึงเย็น มันจึงเป็นเรื่องน่าประหลาดใจไม่น้อยที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นก่อนคาดหมาย


อิวันน่า ว่างหรือเปล่า? หล่อนเอ่ยถาม แต่แล้วก็ส่งเสียงอุทานเบาๆออกมาเมื่อเห็นหน้าจอที่ปรากฏใบหน้าตกตะลึงเล็กน้อยของหญิงสาวอีกคน


ตอนนี้คุยกับมาริซอลอยู่เจ้าของห้องกล่าวยืนยันครั้งหนึ่ง


[คุณน้า สวัสดีค่ะ]


สวัสดีจ้ะที่รัก เมื่อคืนสนุกไหม? น้าขอโทษที่มาทักทายไม่ได้นะ งานดันเยอะช่วงนี้พอดี


[ไม่เป็นไรค่ะคุณน้า ไว้รอบหน้าก็ได้ค่ะ เราสนุกกันมากจนคิดว่าคงต้องไปค้างกันอีกรอบ]


พวกหนูนี่ก็น่ารักกันตลอดเสียจริงเจเนวีฟกลั้วหัวเราะ


งั้นคุยกันให้สนุกนะ เดี๋ยวน้าไปวานฮานน์ให้ช่วยงานแทน


ดูเหมือนว่าหล่อนจะต้องการคนช่วยงานเป็นจังหวะเวลาที่ย่ำแย่พอสมควร กระนั้นก็ดูจะไม่ใช่เรื่องด่วนเสียขนาดนั้น เธอที่ไม่จำเป็นจะต้องละสายโทรศัพท์ชั่วคราวไปจึงเพียงแต่โบกมือลามารดาที่ปิดประตูห้องลงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะดึงสครันชี่ซึ่งรวบผมไว้หลวมๆนั่นออก


แล้วงานร่วมกับชมรมที่ปรึกษานี่ไงแล้วนะ?เอ่ยถามออกมาพลางใช้สองมือสางผมอย่างลวกๆ สะบัดมันไปมาเมื่อมีเส้นผมติดพันนิ้ว แล้วจึงรวบมันไว้ด้วยเครื่องประดับชิ้นเดิม


ดวงตาคู่นั้นไม่ได้ละออกจากอีกฝ่ายยังคงสบตาระหว่างรอคอยคำตอบเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกว่ากำลังถูกเมินเฉย ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม


[เป็นคอลแลปร่วมกัน 3 ชมรมน่ะ แต่ว่าเขายังไม่ได้แจ้งดีเทลเพิ่มเติม]


อย่าลืมบอกยัยปาซล่ะ


[ไอวี่ล่ะก็... ของแบบนี้ก็ต้องบอกอยู่แล้วสิ]


การปฏิบัติตัวกับเพื่อนแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน ด้วยสภาพแวดล้อมและอุปนิสัยที่มีจุดซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของพวกเขาอิวันน่ารู้ว่าการหยอกล้อแรงๆกับโทปาซนั้นเป็นเรื่องปกติ เธอรู้ขอบเขตดี และหล่อนก็ใช่ว่าจะประมวลผลทุกคำกล่าวเป็นในเชิงจริงจัง ส่วนกับมาริซอลที่อ่อนไหวกว่าก็เป็นอีกแบบ


ภาษากายซึ่งบ่งบอกถึงความใส่ใจในบทสนทนาเป็นสิ่งซึ่งไม่อาจละเลยได้แต่อย่างใด หล่อนขี้เกรงใจจนบางครั้งบางคราในอดีตก็หายไปจากการรวมกลุ่มกัน การปฏิบัติอย่างเอาใจใส่จึงเป็นสิ่งที่น้อยที่สุดที่เธอสามารถทำได้เพื่อแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยของตนเอง


เธอแค่พลาดพลาดที่แปลว่ารู้น้อยไป สับสน และส่งผลเสียต่อทั้งสองคนในระดับเท่าๆกัน ไม่ได้แปลว่าจะไม่มีวันเรียนรู้หรือไม่สามารถแก้ไขได้ เข้าใจไหม?


พวกเขาล้วนสำคัญสำหรับเธอเป็นห่วง เอาใจใส่ พยายามทำความเข้าใจเธออย่างเต็มที่ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา หากจะไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกันกลับไปก็คงแย่ไม่น้อย


 ‘ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นน่ะ เวลาเธอหันกลับมาก็จะเห็นพวกเรานะ!’


พวกเขาไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรกับเธอเลยความเชื่อใจนั้นจะคงอยู่ตลอดไป แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็นความรู้สึกแต่แรกเริ่ม และอาจไม่ได้รับอะไรตอบแทนกลับมา


เพราะฉะนั้นอย่าโทษตนเองไปมากกว่านี้เลยนะไอวี่


แต่ว่านะ ปาซก็ดันออกจากชมรมการละครพอดีด้วยนี่ เธอเอ่ยตระหนักขึ้นมาได้ในชั่วขณะว่าหนึ่งในชมรมที่ร่วมงานนั้นเคยมีเพื่อนในกลุ่มเป็นสมาชิก


[อืม ปกติเรื่องบทจะเป็นคนช่วยเกลาให้ ไม่จำเป็นต้องวานชมรมฉันเลย]


แบบนี้อาจจะดีกว่าก็ได้ล่ะมั้ง แม่นั่นถนัดเขียนเชิงวิชาการมากกว่าพวกฟิคชั่นด้วยนี่


[นั่นน่ะสินะ... ถึงอย่างนั้นก็แอบเสียดายนิดหน่อยที่ไม่ได้เขียนด้วยกันเลย]


โอกาสมันน้อยอยู่แล้วด้วยแหละ แต่ไว้ค่อยแพลนโปรเจคเล็กๆกันก็ได้นี่


[อือฮึ]


สาวเจ้าพยักหน้าตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม


บทสนทนายังคงดำเนินต่อไปด้วยสมาธิซึ่งไม่แปรผันไปให้สิ่งอื่น... และในเวลาต่อมาก็มียัยตัวดีที่เพิ่งจะกลับจากที่เรียนพิเศษมาร่วมด้วย

 

                   

          

 
อาร์คเล็กๆอาร์คแรกจะแบ่งเป็นสองมุมมองถัดจากนี้ค่ะ แต่ว่าพอจบ introduction ก็จะกลับไปมุมมองโทปาซหมือนเดิม
(เพื่อความง่ายต่อการบรรยาย แต่ละตัวละครมีสไตล์การบันทึกเรื่องไม่เหมือนกันอยู่แล้ว สลับไปมาก็คือมึนแน่ค่ะ ณ จุดนี้)

คุณฮานน์เป็นตัวละครนอนไบนารี่ที่เครสตั้งใจใส่ไว้ในเรื่องมาก (เช่นเดียวกับตลคเอนบี้อื่นๆ)

ส่วนตัวเป็นคนที่จริงจังกับ representation อยู่พอสมควรค่ะ ชอบเวลาดูอะไรแล้วเห็นคนที่คล้ายกับตัวเอง

ไม่ใช่ไทป์ตัวละครที่ไม่สามารถรีเลทด้วยได้ไรงี้ เลยต้องการจะเพิ่มความหลากหลายของตัวละครลงไปเหมือนกับเรื่องเชื้อชาติค่ะ

แต่ถ้าให้พูดตามตรงคือเหนื่อยใจตรงสรรพนามเล็กน้อยเพราะภาษาไทยใช้พ่อกับแม่เป็นหลัก ในขณะที่อิ้งเค้าใช้ parent ได้

เครสก็เลยเลือกใช้คำว่าผู้ปกครองและปรับให้อิวันน่าเรียกฮานน์กับเจเนวีฟด้วยชื่อเป็นหลักมากกว่าค่ะ (ของเจเนวีฟเรียก 'แม่เจน')

ถึงบทจะเป็นผู้ปกครองที่ไม่มีซีนเยอะเท่าคนอื่น แต่สำหรับพัฒนาการของไอวี่แล้ว คุณฮานน์คือตัวละครสำคัญเลยล่ะค่ะ


แต่ถ้าถามว่าในบรรดาตัวละครทั้งหมดเครสชอบใครมากสุด ก็อยากจะตอบว่าน้องยังไม่โผล่มาค่ะ นั่งเหงาๆอยู่ในดราฟท์ไปก่อน

เพราะตอนมาอาจจะแย่งซีนทุกคน (มั้งนะ) ตอนนี้คือพายเรือคู่หลักกันไปก่อนค่ะ หลังจากนี้จะมีอีกประมาณสองสามคู่ในเรื่อง


แล้วก็แฟคเล็กๆน้อยๆคือคาโลซัคลีสไม่ใช่ต้นจริงๆนะคะ ถึงมันจะชัดเจนว่าเป็นชื่อที่ตั้งเองอยู่แล้วก็เถอะ

เป็นการผสมคำระหว่าง kalos ที่เป็น adj. ภาษากรีกของคำว่าสวยงาม และ Achlys ที่เป็นชื่อของเทพธิดากรีกโบราณ

(ชื่อแปลว่า หมอก หรือ ความมืด และเป็นตัวแทนของหมอกแห่งความตาย) ค่ะ


         
ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×