ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : พนักงานออฟิศ EP.7
“ขอออน เดอร์ ร็อคแก้วหนึ่งค่ะ” หญิงสาวผมยาวบรอนสีน้ำตาลอ่อนที่รวบไว้เป็นหางม้าด้านหลังแบบหลวมๆ ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวแบบปรดกระดุมเม็ดบนสุด กระโปรงทรงเอสั้น มาดเรขามาเต็มร้อย เข้ามานั่งใกล้ๆกับทศ โดยห่างกันแค่หนึ่งเก้าอี้เท่านั้น
บาร์เทนเดอร์ผู้รู้งานก็จัดให้เจ้าหล่อนอย่างไวราวกับนัดกันไว้ล่วงหน้า
‘เห้ออออ นี่กุหักโหมเกินไปหรือเปล่าเนีย หายไปอีกคนละ ทำไมวะ ทำไมไม่มีคนเข้าใจกุเลย อยู่แม่มเป็นโสดจนตายดีกว่าว่ะ’
“ไม่ดีหรอกมั้งครับ คนสวยๆ อย่างคุณเป็นโสดคงมีผู้ชายเสียดายแน่ๆ” ทศที่กรึ่มๆจะเมาได้ที่พูดออกมาโดยหันหน้าไปมองเจ้าหล่อน
“คะ?” แต่ปฏิกิริยาที่หล่อนแสดงออกมากลับออกเป็นทาง งงงวยซะมากกว่านี่สิ
“ก็….ท่างทางของคุณมันบอกว่า คุณไม่อกหักมาก็ท้อเรื่องความรักนี่ครับ” ทศที่เพิ่งจะได้สติกลับมาเล็กน้อยหลังจากโพลงเรื่องความคิดเจ้าหล่อนออกไป แต่จะบอกไปก็ไม่ได้ว่าเขาได้ยินความคิดของใครหลายคนถ้าเขาต้องการจะฟัง มันเข้ามาในหัวเขาเอง ไม่สิ ต้องบอกว่าเขารู้ความคิดของหล่อนจึงจะถูกกว่า
“นี่ฉันมองออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ?” หล่อนหันไปมองหน้าทศแล้วก็หันไปมองบาร์เทนเดอร์ บาร์เทนเดอร์ส่ายหัวเบาๆเป็นเชิงว่าตนก็ไม่รับรู้อะไร
“แหม่ ก็ดูจากการแต่งตัวของคุณไงครับ สาวมาดเนี๊ยบแบบคุณถ้าไม่เครียดเรื่องงานก็คงเครียดเรื่องความรักแหละครับ ดูจากก็รอยแหวนที่นิ้วกลางตรงมือซ้ายของคุณ คุณใส่มันมานานแล้วก็เพิ่งจะถอดมันออกได้ไม่นาน หรือก็คือคุณกำลังคบหาดูใจกับใครบางคนแต่ไม่ถึงขั้นแต่งงาน แล้วที่ถอดมันออกคงไม่ใช่เพราะคุณลืมแน่ๆ ยังไงชะต่างหู สร้อยคอ หรือสร้อยข้อมือคุณก็ใส่อันใหม่มา เพราะงั้นอย่างคุณกำลังอกหักสินะ” ทศได้อธิบายแบบมั่วๆออกไปเพื่อจะทำให้เจ้าหล่อนสับสน แต่ว่าคำอธิบายมั่วๆของทศนั้นกลับตรงอย่างไม่น่าเชื่อ
เจ้าหล่อนได้แต่นิ่งอึ้งไปสักพัก แล้วยกแก้วขึ้นมากระดกจนหมดแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
“ถ้าเขาเดาฉันได้สักครึ่งของคุณก็คงจะดีสินะ ผู้ชายคนนั้นเป็นผู้ชายที่ชอบเอาตัวเองเป็นใหญ่ เขาคิดว่าทุกคนต้องตามใจเขา ทุกคนต้องเดาใจของเขาออก แต่เขากลับไม่เคยเดาใจของฉันออกเลยว่าฉันต้องการอะไรจากเขา…..”เมื่อมีแอลกอฮอร์เป็นตัวช่วยในการปลดล็อกอารมณ์ ความในใจต่างๆของเจ้าหล่อนก็ได้รับการระบายออกมาเป็นคำพูดให้ทศได้ฟัง โดยมีบาร์เทนเดอร์ยืนเป็นแบล็คกราวและรับฟังอย่างเงียบๆ
“เอาจริงๆผมก็ไม่เข้าใจความรักหรอกนะ ไม่เข้าใจผู้หญิงมากพอด้วย จริงๆผมมีแฟนและเลิกกันไปตั้งแต่สมัยมัธยมต้นแล้วล่ะ ตอนนี้ผมก็ทำงานอย่างเดียวเลย บางครั้งผมก็แอบต้องการกำลังใจนะ ใครสักคนที่พอกลับเข้าบ้านไปเหนื่อยๆแล้วตอนรับเราด้วยรอยยิ้มหรือไม่ก็ทักสักคำว่า วันนี้เหนื่อยไหม ก็ยังดี….” เมื่อหล่อนพูดความในใจออกมา ทศก็ได้ระบายออกมาบ้างมันเหมือนกับเขื่อนที่พังทลายออกมา
“ชั้นว่าเราสองคนน่าจะเข้ากันได้นะ ฉันโรสค่ะ” โรสยื่นมือออกเพื่อจับมือทักทาย
“ผมทศครับ ถือชะว่าเป็นการฉลองที่เรารู้จักกันวันนี้ผมขออนุญาตเลี้ยงคุณโรสก็แล้วกันนะครับ” ทศแสดงความใจป้ำของเขาออกมา พร้อมกับยื่นมือไปเช็คแฮนดิ์ตามมารยาท
“คุณใช้ไม้นี้กับผู้หญิงทุกคนที่คุณเข้าไปคุยด้วยไหมคะเนีย?” โรสพูดทเล่นทีจริง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธออกไป พร้อมกันนั้นบาร์เทนเดอร์ก็เพิ่มน้ำอำพันลงไปในแก้วของทั้งทศและโรสจนเกือบเต็มแก้ว
“ฉันว่าเราไม่ต้องพูดสุภาพกันก็ได้นะ นี่มันเลิกงานนานแล้วนะคะคุณทศ” โรสพูดยิ้มๆ แล้วจรดแก้วไปที่ริมฝีปากอันอวบอิ่มสีชมพูอ่อนนั้นอีกครั้ง
หลังนั้นทั้งสองก็พูดเรื่องสัพเพเหระต่างๆมากมาย ทศนั้นได้รู้ว่าจริงๆแล้วโรสนั้นเป็นเรขาของประธานในบริษัทที่เขาทำงานอยู่ และคนที่หักอกเธอนั้นก็คือลูกชายของประธานบริษัทนั่นเอง โลกมันจะกลมเกินไปแล้ว
ส่วนโรสนั้นมองว่าทศนั้นเป็นผู้ชายที่เขาอกเข้าใจผู้หญิงมากคนหนึ่ง ทั้งคำพูดและการวางท่าก็ดูสุขุม ทั้งให้เกียรติเธอทุกคำพูด จริงๆแล้วทศนั้นอายุน้อยกว่าเธอมาก เธอและทศก็เริ่มที่จะเมากันแล้วด้วย(การเปิดเผยอายุของสุภาพสตรีนั้นเป็นการเสียมารยาทนะครับ ขอละไว้แล้วกัน อิอิ)
“พรุ่งนี้ฉันว่าง ทศสนใจจะชวนโรสไปเที่ยวไหมเอ่ย” หลังจากคุณกันมาสักพัก คำที่พูดแทนตัวเองและคนตรงหน้าก็เปลี่ยนไปเรียกชื่อแทน โรสนั้นได้เอามือเท้าคางแล้วจ้องหน้าทศแบบจริงจัง เพราะเอาจริงๆแล้วทศนั้นก็ดูดีในระดับหนึ่งเลยทีเดียว ไม่ถึงกับดูดีระดับนายแบบ แต่ก็ไม่ได้ดูขี้เหร่จนดูไม่ได้ ผนวกกับแสงสียามค่ำคืน ณ.ที่นี้ ทำให้เพิ่มเสน่ห์ของเพศตรงข้ามเพิ่มขึ้นเท่าทวีคูณ
“ห่ะ? ……” เมื่อเจอคำถามแบบนี้ของสาวเจ้า ทศถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว สมองของทศนั้นขาวโพนไปหมด ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าโรสต้องการอะไร แต่พอได้ยินออกมาตรงๆแบบนี้ก็ทำให้หัวใจที่ด้านชาเรื่องความรักของคนสองคนเริ่มกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง
“ฉันบอกว่าพรุ่งนี้ฉันว่าง….คงไม่ต้องบอกมากกว่านี้คนฉลาดๆแบบทศคงเข้าใจได้ไม่ยากสินะ” โรสได้ปลดผมหางม้าของตนออกจนสยายเต็มแผ่นหลัง ผมของเธอนั้นยาวถึงช่วงบั้นท้ายเลยทีเดียว แล้วก็ขยับบั้นท้ายอันอวบอิ่มของตนเข้ามานั่งจนติดกับทศ จนถึงขั้นที่ว่าทั้งคู่นั่งเบียดกันอยู่เลยทีเดียว
ใช่! ทศนั้นเข้าใจแบบไม่รู้จะเข้าใจได้มากกว่านี้อีกแล้ว เจ้าหล่อนกำลังยั่วเขา แต่เขานั้นก็ไม่มีแรงที่จะผลักใสเจ้าหล่อนเหมือนกัน เพราะทั้งคู่นั้นก็ถือว่าเมาได้ที่กันเลย อะไรมันจะเกิดต่อจากนี้ เขาไม่ต้องใช้ความสามารถความรู้ของเขา ทศก็พอจะเดาออก
แล้ววิธีที่จะชวนเจ้าหล่อนไปที่บ้านของเขานั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวเขามากมายนับพันๆวิธี
มือของทศนั้นก็เริ่มเลื้อยไปที่เอวของโรสแบบไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจจริงจริ๊งง
ทั้งๆที่โรสนั้นก็รู้ว่ามีผ่ามืออันใหญ่มาป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆเอวของเธอ แต่ก็ไม่ได้ห้ามหรือปัดปฏิเสธแต่อย่างได ถึงช่วงแรกจะค่อนข้างเกร็งไปสักหน่อย แต่สักพักมันกลับว่างอยู่บนเอวของหล่อนแบบธรรมชาติสามัญสุดๆ ราวกับว่าใครๆก็รู้ว่า 1+1 นั้นเท่ากับ2 อย่างไรอย่างนั้น
“แต่วันผมไม่ได้เอารถมานะ” ทศพูดขึ้นมาเบาๆ แต่ระยะห่างของทั้งสองคนมันก็ไม่ยากเลยที่โรสนั้นจะได้ยินคำพูดอย่างชัดเจน ทศนั้นได้ซื้อรถเป็นของตัวเองเมื่อครึ่งเดือนก่อนแล้ว
“วันนี้ฉันขับรถมา ให้ฉันขับให้ก็ได้” โรสตอบโดยไม่หันไปมองทศด้านข้าง สายตาของหล่อนนั้นก้มลงมองแก้วที่อยู่ในมือของตนเท่านั้น
“ไม่ได้นะ พวกเราทั้งคู่เมาแล้วขับรถกันเองมันอันตราย งั้นเอาอย่างงี้แล้วกัน ผมเรียกรถให้ ส่วนรถของคุณกับก็จอดไว้ที่นี่แหละ” ความเงียบของโรสนั้นคือคำตอบของคำถามนั้นแล้ว ทศจึงจัดการเรียกรถมารับพวกเขาทั้งสองคน
ทศนั้นได้วางเงินไว้ให้บนบาร์ไม้ เพราะบาร์เทนเดอร์นั้นไปตอนรับลูกค้าคนอื่นอยู่ แล้วทั้งคู่ก็เดินออกไปข้างนอกสถานบันเทิงแห่งนี้
รอไม่ถึง5นาที รถก็มารับทั้งสองคน เนื่องจากโรสนั้นค่อนข้างจะเมามากแล้ว ทำให้แขนหนวดปลาหมึกของทศนั้นก็ยังเกาะกุมเอวบางๆของโรสไม่ยอมปล่อยตั้งแต่อยู่ในร้าน เพราะกลัวว่าเจ้าหล่อนจะทิ้งตัวลงแล้วหัวไปฟาดกับพื้น มันอันตราย
ทศนั้นได้ส่งพิกัดให้กับคนขับรถ จุดหมายนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว บ้านของทศนั่งเอง
……..
……
…..
...
“เหมือนเราจะลืมอะไรสักอย่าง….แต่ช่างมันเถอะ ” ทศพูดกับตัวเองเบาๆ แล้วล้อรถก็หมุนออกไปจากตัวร้าน…….
ความคิดเห็น