ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
Lilo & Stitch Reboot Fanfic : ลิขิตรักข้ามจักรวาล

ลำดับตอนที่ #8 : Mission 07 : บทพิสูจน์ความดี

  • อัปเดตล่าสุด 17 ต.ค. 62


MISSION 07

บทพิสูจน์ความดี



                    "อะไรนะ!?  พูดใหม่อีกทีซิ!"  สติทช์กับเจ้า 625 ตะลึงงันกับคำขอของเจ้าฟลุท  ซึ่งเป็นคำขอที่สติทช์ได้แต่ภาวนาในใจว่าแค่หูฝาดไป

                    "พี่ฟังไม่ผิดหรอก  ผมอยากให้พี่กับลีโล่... ช่วยหาบ้านใหม่ให้ผม  บ้านหลังที่ผมกับคาลี่จะไปมาหาสู่กันได้โดยไม่ต้องมีใครต้องเดือดร้อนเพราะผมอีก"  เจ้าฟลุทย้ำเสียงเศร้า  รู้สึกด้อยค่าขึ้นมาที่ต้องบากหน้าขอให้สติทช์ทำในสิ่งที่คิดว่าไม่มีทางทำให้ได้เป็นอันแน่แท้

                    "อะไรทำให้นายคิดอย่างนั้น  เห็นตั้งแต่เมื่อวาน... นายกับคาลี่ก็มีความสุขที่ได้อยู่ด้วยกันไม่ใช่เหรอ"  เจ้า 625 ถามหาเหตุผลจากเพื่อนใหม่ที่เขาให้ความเอ็นดูเหมือนน้องชายในไส้  เพราะเขาไม่เคยได้ยิน... ว่าจะมีสัตว์ทดลองตัวไหนต้องการย้ายบ้านจากบ้านที่ลีโล่กับสติทช์จัดหาให้สักตัว

                    "ผมกับคาลี่แฮ็ปปี้นะพี่  แต่โอฮาน่าใหม่ของคาลี่ไม่แฮ็ปปี้อย่างแรงอ่ะ  จะให้ทำไงครับ"  ฟลุทตอบรับด้วยน้ำเสียงกลัดกลุ้ม

                    "ไม่แฮ็ปปี้ยังไง... เล่าให้พี่ฟังได้มั้ย"  สติทช์วางมือลงบนบ่าขวาของเจ้าฟลุทด้วยความอ่อนโยน  หวังว่าเจ้าฟลุทจะเปิดใจเล่าถึงสาเหตุที่เขาขอให้สติทช์หาบ้านใหม่

                    เจ้าฟลุทถอนหายใจออกมาเบา ๆ หนึ่งเฮือก  เมื่อเห็นว่าสติทช์กับเจ้า 625 พร้อมรับฟังปัญหาของเขาด้วยความเต็มใจ  แม้รู้จักกันเพียงแค่วันสองวันก็ตาม

                    สัตว์ทดลองหมายเลข 145 จึงเปิดเผยแฟ้มชีวิตให้เพื่อนใหม่ทั้งสองได้รับทราบอย่างทั่วถึงกัน


                    วันที่หมายเลข 145 ได้รับการปลุกชีพ  ตรงกับวันเกิดของคาลี่ที่มีพ่อแม่เป็นครอบครัว  จำได้ว่าคาลี่ได้สร้อยข้อมือจากคุณแม่  และสร้อยเส้นนั้นมีลูกหินสีเขียวสลักหมายเลข 145 เป็นจี้ห้อย  ซึ่งไม่รู้ว่าลูกหินลูกนั้นคือชีวิตทดลอง  จนกระทั่ง... ลูกหินสัมผัสถูกน้ำอุ่น ๆ ตอนอาบน้ำ  ลูกหินหมายเลข 145 ถึงได้กลายเป็นเจ้าฟลุทของคาลี่

                    ความแปลกที่ทำให้ครอบครัวคาลี่ถึงกับทึ่งจนแทบไม่อยากเชื่อ  คือ... เจ้าฟลุทถูกเข้าใจว่าเป็นแมวพันธุ์ใหม่  สามารถเป่าฟลุทได้  และคาลี่ก็รักการเป่าฟลุทเช่นกัน  สองสหายคอดนตรีจึงเป็นคู่หูต่างสายพันธุ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

                   ฟลุทรู้ว่าคุณพ่อเป็นตำรวจ  และคุณแม่เป็นครูสอนดนตรี  เขากับคาลี่มีความสุขที่มีพ่อแม่  จนกระทั่ง... คุณพ่อเสียชีวิตจากภารกิจบุกจับคนร้าย  คุณแม่เสียชีวิตเพราะเกิดอุบัติเหตุระหว่างทางไปดูศพคุณพ่อ  คาลี่กับฟลุทจึงถูกส่งไปอยู่กับครอบครัวคุณลุงแอนตั้น  ซึ่งเป็นพี่ชายของคุณแม่ที่มีกิจการร้านขายผลิตภัณฑ์สินค้าก่อสร้าง  ชีวิตของคาลี่ก็น่าจะแฮ็ปปี้เอ็นดิ้ง... มีความสุขที่ได้อยู่กับครอบครัวใหม่

                   แต่หาได้รู้ไม่... ว่าการที่คาลี่กับฟลุทเป็นสมาชิกใหม่ของครอบครัวคุณแอนตั้น  จะกลายเป็นจุดเริ่มต้นความทุกข์ที่ถาโถมเข้ามาไม่ขาดสาย

                  ในสายตาของคุณลุงแอนตั้นกับคุณป้าบริทต้า... คาลี่เป็นแค่หลานที่ถูกนำมาเลี้ยงหลังจากที่คุณพ่อคุณแม่จากโลกนี้ไป  ด้วยความที่ใบหูของฟลุทมีประสาทสัมผัสด้านการได้ยินที่เหนือมนุษย์  ฟลุทได้ยินคุณป้าบ่นกับคุณลุงเรื่องค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นและธุรกิจที่ดูท่าจะมีแต่ขาดทุน  จากบ่นธรรมดาเป็นทะเลาะทุ่มเถียงกัน  เพราะคุณป้าเห็นคาลี่กับฟลุทเป็น ภาระ ที่พึงควรตัดทิ้ง  ผิดกับคุณลุงที่พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ชีวิตของคาลี่ดีขึ้น  ส่งผลให้คาร์ล่า... ลูกสาวคนรองของคุณลุงคุณป้าพลอยเกลียดชังคาลี่ไปด้วย

                  ถ้าจะถามหาคนที่จะเป็นที่พึ่งทางใจให้คาลี่กับฟลุทได้  ก็มีแค่โคดี้... ลูกชายคนเล็ก  และป้าดาร์ลีน... แม่บ้านที่เป็นมิตรกับคาลี่  แต่พวกเขาคงช่วยไม่ได้มาก  เพราะถึงคุณลุงแอนตั้นเป็นหัวหน้าครอบครัว  แต่กับเรื่องในบ้าน... คุณป้าบริทต้าใหญ่สุด  ใหญ่ชนิดไม่มีใครกล้าหือสักคน  ใครหือ... ต้องลงเอยด้วยการทะเลาะกันเรื่อยไป  โดยเฉพาะโคดี้กับคาร์ล่าที่เป็นพี่น้องไม่กินเส้นกันมาแต่ไหนแต่ไร  มักทะเลาะกันทุกครั้ง  และคาลี่กับฟลุทมักตกเป็นประเด็นให้เป็นสาเหตุให้ครอบครัวแตกแยกเรื่อยไป

                  ด้วยเหตุนี้... คาลี่ถึงได้รู้สึกอึดอัดที่ต้องเป็นหลานส่วนเกินในสายตาคุณป้าบริทต้า  ฟลุทอึดอัดยิ่งกว่า... ที่เป็นเพื่อนคาลี่  แต่พลอยตกเป็นสาเหตุให้ครอบครัวใหม่ของคาลี่ทะเลาะกัน

                  ฟลุทถึงได้คิดในใจ... ว่าการหาบ้านใหม่สำหรับเขานั้นคือทางออกที่ดีที่สุด  เพื่อเป็นผลดีต่อเขากับคาลี่ในอนาคตข้างหน้า


                  สติทช์กับเจ้า 625 ฟังแล้วรู้สึกได้... ว่าการที่ฟลุทกับคาลี่ต้องทนอยู่กับครอบครัวที่มีเรื่องระหองระแหงกัน  และไม่ค่อยถนอมน้ำใจกัน  มันเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดยิ่งนัก  ยิ่งมีผู้ใหญ่ที่มองว่าหลานกับสัตว์เลี้ยงเป็นหนึ่งในโอฮาน่าเป็นภาระด้วยสายตาอคติและเกลียดชัง... บ้านจึงไม่ใช่ที่ปลอดภัยสำหรับคาลี่อีกต่อไป

                  แต่ถึงอย่างไรเสีย... การที่สติทช์จะเข้าไปยุ่มย่ามกับเรื่องในครอบครัวของคาลี่  เพียงเพราะฟลุทมีปัญหากับคุณลุงคุณป้าของเพื่อนรัก  มันไม่ใช่เรื่องที่ดีแม้แต่น้อย

                  ดีไม่ดี... ลีโล่จะพลอยถูกพี่นานี่ดุไปด้วยที่ไม่ควบคุมสติทช์ให้ดี  หากคุณป้าบริทต้าเอาเรื่องสติทช์ขึ้นมา

                  "พี่ไม่ถามก็รู้แต่แรก... ว่าคาลี่ไม่ยอมให้นายแยกบ้านไปไหนแน่ ๆ  ไม่อย่างนั้น... ดราม่าบ้านบึ้มแหง ๆ  อย่าว่าแต่คาลี่จะยอมเลย  ลีโล่ไม่ยอมแน่ ๆ ที่นายตัดสินใจแบบนี้"  เจ้า 625 ประเมินสถานการณ์ล่วงหน้า  บ่งบอกให้เจ้าฟลุทรับรู้โดยเร็ว... ว่าการขอแยกตัวจากคาลี่ไปอาศัยบ้านใหม่  เป็นความคิดที่ไม่เข้าท่าเอาเสียเลย

                  "ผมถึงได้มาบอกพี่ไง  เผื่อว่าพี่จะช่วยจัดการเรื่องนี้อย่างลับ ๆ"  ฟลุทยืนยันเจตนารมณ์เดิม... ว่าเขาจะไม่อยู่สร้างความเดือดร้อนให้คาลี่อีก  ทำเอาสติทช์คิดหนัก

                  แต่สมองซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ของเขาก็มีคำแนะนำดี ๆ มานำเสนอ

                  "นายบอกว่าโอฮาน่าใหม่ของคาลี่มีลูกชายคนเล็กที่คอยช่วยเหลือนายใช่มั้ย!?"  สติทช์เอ่ยปากถามเกริ่นนำ

                  "ใช่"  ฟลุทพยักหน้าผงก ๆ ด้วยความงุนงง  "ทำไมเหรอ"

                  "ในเมื่อนายบอกว่าลูกชายคนเล็กเป็นลูกรักคุณป้า  นายก็... พิสูจน์ตัวเองสิ"  สติทช์แนะนำ

                  "พิสูจน์ตัวเอง!?  ยังไงอ่ะ!?"  ฟลุทยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวด... งุนงงกับคำแนะนำของเพื่อนใหม่ตัวสีฟ้า

                  "พี่จะบอกใบ้ให้"  สติทช์กระซิบข้างหูฟลุท  ซึ่งเป็นคำแนะนำที่ทำให้ฟลุทยิ้มแย้ม... สัมผัสได้ถึงกำลังใจดี ๆ จากเพื่อนใหม่ที่พบกันแค่วันสองวัน  เจ้าฟลุทเห็นว่าสติทช์ต้องมีเรื่องราวดี ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเป็นอันแน่แท้

                  แม้สติทช์เป็นสัตว์ทดลองเหมือนเขาก็ตาม

                  หวังว่าคำแนะนำสั้น ๆ ที่สติทช์ได้กระซิบข้างหูเมื่อสักครู่  จะทำให้ชีวิตของฟลุทกับคาลี่ดีขึ้นมาบ้างล่ะหนา


    ------------------------------------------------------------------------


                  ยามบ่าย  ณ  บ้านเพเลไค

                  พรีคลีย์ทำความสะอาดบ้านและดูทีวีตามปกติ  แต่ไม่ปกติตรงที่ยานของจัมบ้ายังไม่ลงจอดตั้งแต่เมื่อวาน  เจ้าถั่วงอกตาเดียวถึงได้ดูเหงา ๆ พิกล

                  แต่แล้ว... จัมบ้าก็เปิดประตูเข้ามาในบ้าน  สีหน้าดูตึงเครียดจนพรีคลีย์สงสัยมากกว่าดีใจที่เพื่อนซี้สี่ตากลับมา  เมื่อพบว่าจัมบ้าก้าวเท้ากลับเข้าไปในห้องนอนเตียงสองชั้นแล้วปิดประตูดังปังในทันที  โดยไม่หยุดฟังคำทักทายจากเขาแม้แต่น้อย

                  "นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  ไปทำอะไรมา... ถึงได้เคร่งเครียดแบบนี้"  พรีคลีย์พึมพำออกมาด้วยความสงสัย  ต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมจัมบ้าถึงออกเดินทางไปนอกโลกตามลำพัง

                 จัมบ้าปีนขึ้นไปนอนนิ่ง ๆ บนเตียงชั้นสอง  เพื่อควบคุมอารมณ์ตึงเครียดของตนอย่างเต็มที่  ซึ่งนานเท่าใดแล้ว... ที่เขาไม่ได้รู้สึกเคร่งเครียดแบบนี้มาก่อน  นับตั้งแต่วันที่เขาแตกหักกับแฮมสเตอร์วิลล์เพราะรู้ความจริงเรื่องแผนฮุบผลงานไปเป็นของตนเพื่อหารายได้เข้ากระเป๋าตนเอง... จนถึงวันนี้  สิ่งที่กลัวจะกลายเป็นจริงในอีกมิช้า  

                 การที่ตัวอย่างเลือดหมายเลข 626 ถูกขโมยไปจากห้องปฏิบัติการที่ถูกสั่งปิดนั้น... มีเบื้องลึกเบื้องหลังมิชอบมาพากลเป็นอันแน่แท้

                 ทำให้เขานึกถึงการพบกับแฮมสเตอร์วิลล์ตัวต่อตัวครั้งล่าสุด


                 แฮมสเตอร์วิลล์ไม่คาดคิดมาก่อน... ว่าตลอดช่วงเวลาที่เขากลายเป็นนักโทษอุกฉกรรจ์แห่งกาแล็คซี่  จะมีคนมาเยี่ยมแบบตัวต่อตัว  ทำให้เขาแอบหลงดีใจ... คิดว่าคนที่มาเยี่ยมจะมีวิธีพาหนีออกจากเรือนจำได้

                 แต่พอเห็นหน้าคนมาเยี่ยมด้วยตาตัวเอง  ถึงกับผิดหวังและสงสัยอย่างแรง

                 เจ้าอ้วนสี่ตาผู้เป็นอดีตหุ้นส่วนจะมาเยี่ยมตนถึงห้องขังด้วยเรื่องอะไรกัน!?     

                 "พายุอวกาศที่ไหนหอบมาล่ะห๊ะ... ถึงได้นึกครึ้มมาเยี่ยมฉันได้"  แฮมสเตอร์วิลล์ทำใจดีสู้เสือใส่จัมบ้า  ทั้งที่ร่างของเขาถูกพันธนาการอยู่ในเครื่องจองจำที่ติดบนเพดาน  เจ้าหนูเจอร์บิลโรคจิตจึงเป็นนักโทษห้อยหัวอย่างเห็นได้ชัด  "หรือว่า... รู้สึกผิดที่ทิ้งฉันไว้ในคุกเน่า ๆ ที่นี่"

                 "ฉันไม่ได้มีโทษร้ายแรงแบบแกแล้วกัน  ฉันกำลังคิดอยู่"  จัมบ้าตอบรับด้วยน้ำเสียงเฉยชา  กำปั้นข้างซ้ายทุบแผงควบคุมเครื่องจองจำจนร่างเจ้าหนูร่วงลงสู่พื้น  ยังดีที่ล้มลงแค่ก้นจ้ำเบ้า  แต่เจ็บตัวไม่ใช่น้อย

                 "ดี  พวกมันจะย้ายฉันไปฝากขังที่ไหนอีกรึเปล่า!?  นี่เหรอ... วิธีการทักทายหุ้นส่วนเก่า!?"  แฮมสเตอร์วิลล์โวยใส่ที่จู่ ๆ จัมบ้าทำตนเจ็บตัวทั้งที่เป็นนักโทษแท้ ๆ

                 "มันคงไม่ใช่วิธีการทักทายที่ดีสักเท่าไหร่นัก  แต่ในฐานะจอมหักหลังแห่งกาแล็คซี่... ไม่แน่"  จัมบ้าตอบ  น้ำเสียงของเขาทุ้มเข้มขึ้น

                 "ครั้งเดียว!  ฉันส่งแกให้สหพันธ์แค่... ครั้งเดียว  แกไม่มีสิทธิ์เรียกร้องอะไรทั้งนั้น"  เจ้าหนูเจอร์บิลยังปากดีใส่ในขณะที่เจ้าตัวลุกขึ้นยืน

                 "บอกมา  นอกจากแกนตู  ยังมีใครที่แกแอบติดต่อรึเปล่า"  จัมบ้ายิงคำถามใส่  เขาเชื่อ... ว่าอดีตหุ้นส่วนต้องมีคอนเน็คชั่นอีกมากที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการผลิตสัตว์ทดลองที่ชั่วร้ายยิ่งกว่าสติทช์และผองเพื่อน

                 "ไม่ได้ติดต่อใคร  นอกจากไอ้หน้าปลาดุกสมองทึบก็ไม่ได้ติดต่อใครอีกเลย  มีแต่แก... ที่เป็นเกียรติมาเยี่ยมฉัน"  แฮมสเตอร์วิลล์โกหก  แต่เป็นการโกหกที่ไม่เนียนเอาเสียเลย  ซึ่งมีแต่จะทำให้เจ้าหนูเจอร์บิลเจ็บตัวหนักขึ้น

                 มือยักษ์ใหญ่ข้างขวาของเอเลี่ยนชาวเควลติควอนคว้าตัวจอมวายร้ายร่างเล็กแล้วอัดกับกำแพงอย่างแรงจนอีกฝ่ายมิอาจหายใจได้คล่องคอ  เจ้าหนูเจอร์บิลรู้สึกหวาดกลัวดวงตาดุดันของอดีตหุ้นส่วนขึ้นมาในบัดดล  นึกไม่ถึงว่าจัมบ้าจะแผ่รังสีอำมหิตออกมามากมายถึงเพียงนี้

                 "มีไอ้อีหน้าไหนไม่รู้... บังอาจเหยียบจมูกกู  ขโมยตัวอย่างเลือด 626 ไปจากห้องแล็บของกู  ไม่มีใครหน้าไหนรู้ที่ตั้งของแล็บ... นอกจากกู  มึง  และฝ่ายสหพันธ์ที่บุกจับกูตอนชาร์จไฟให้ 626 ไม่สำเร็จจนเกือบตายมาแล้วครั้งนึง  สันดานมึงมันหน้าเงิน  ทำทุกวิถีทางเพื่อความร่ำรวยที่ได้รับมาจากการแทงข้างหลังพรรคพวกตัวเองอย่างเลือดเย็น!  มันทำให้กูสังหรณ์ใจจนแทบจะแน่ชัดแล้ว... ว่านอกจากแกนตูที่ได้รับคำสั่งให้จับสัตว์ทดลองแข่งกับยัยหนู  กู... จะถามมึงอีกที  มึง... แอบติดต่อกับใคร  และให้ข้อมูลอะไรไป!?"  จัมบ้าคาดคั้นแฮมสเตอร์วิลล์อย่างแรง  "มึงคงไม่ลืม... ว่าทุกครั้งที่กูสร้างสัตว์ทดลองแต่ละตัว  กูจะศึกษาพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตแต่ละเผ่าพันธุ์และสิ่งมีชีวิตจากดาวเคราะห์ต่าง ๆ นานา  ซึ่งรวมถึงชาวเจอร์บิลิไนท์อย่างมึง!  กูอยากจะรู้... ว่าถ้ามึงแถอีกแม้แต่คำเดียว  การที่กูจะดัดแปลงหรือย่อยสลายดีเอ็นเอ  เนื้อเยื่อ  หรือเส้นเลือดของมึง  มันง่ายมาก  แต่คนที่ถูกดัดแปลงอาจจะต้อง... ทนทรมานไปอีกนาน  หวังว่าวันนั้นคงไม่มาถึงนะ  ดร.แจ็ค วอน แฮมสเตอร์วิลล์!"

                 แฮมสเตอร์วิลล์ไม่นึกไม่ฝัน... ว่าเขาจะได้เห็นอดีตหุ้นส่วนมาสายโหดเช่นนี้  ในฐานะที่เขากับจัมบ้าเคยเป็นหุ้นส่วนร่วมผลิตสัตว์ทดลอง... เจ้าหนูเจอร์บิลโรคจิตรู้จักจัมบ้าแค่ว่าเขาเป็นคนฉลาด  ตลก  และยกยอตนเองเป็นอัจฉริยะชั่วร้ายทุกครั้งที่ผลิตสัตว์ทดลองสำเร็จ

                 ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงเจ้า 626 ที่ถูกลีโล่ตั้งชื่อว่าสติทช์ก็เช่นกัน

                 แต่พอเห็นสีหน้าของจัมบ้าในขณะนี้  นึกรู้ในทันที... ว่าการที่ตัวอย่างเลือดของสติทช์ถูกฉกชิงไป  ทำให้จัมบ้าเป็นเดือดเป็นแค้น  เป็นเพราะจัมบ้ารักสติทช์เหมือนลูกในไส้  รักลีโล่ประหนึ่งลูกหลานในไส้  และจัมบ้ารู้ว่าสติทช์กับลีโล่เป็นหัวใจของกันและกัน  

                 เท่ากับว่า... โปรเจ็คท์ลับที่แฮมสเตอร์วิลล์กับดร.พลาเจียสคิดค้นขึ้น  ทำให้จัมบ้าตื่นตระหนกจนบุกมาคาดคั้นเยี่ยงอสูรร้ายหมายเลข 626 เช่นนี้

                 "ด็อกเตอร์... พลาเจียส"  แฮมสเตอร์วิลล์กัดฟันพูดชื่อหุ้นส่วนลับออกมา

                 ซึ่งเป็นหุ้นส่วนที่จัมบ้าฟังชื่อแล้ว... ของขึ้นหนักกว่าเดิม

                 "อย่าวอนหาเรื่องตายสิ  ถึงได้เอ่ยชื่อคนที่อยู่ในสุสานอวกาศออกมาหวังเอาตัวรอด"  จัมบ้าคาดคั้นหนักกว่าเดิม  จำได้ว่าคนที่แฮมสเตอร์วิลล์พูดถึงนั้น... ได้ตายไปจากกาแล็คซี่นานแล้ว

                 "มึงนี่... ฉลาดแต่ไม่เฉลียวจริง ๆ เลยนะ  ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ  คนที่ตายไปแล้ว... ใช่ว่าตายจริงเสมอไปหรอก"  แฮมสเตอร์วิลล์ฉีกยิ้มอย่างสาแก่ใจที่เห็นอัจฉริยะชั่วร้ายผู้เป็นอดีตหุ้นส่วนเดือดเนื้อร้อนใจแทนผลงานที่รักเท่าชีวิต

                 "หมายความว่าไง!?"  จัมบ้าคาดคั้นต่อ

                 "อัจฉริยะชั่วร้ายอย่างมึง... ต้องค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง  กู... เป็นแค่อดีตหุ้นส่วน  คงมิสามารถตอบคำถามได้หมดเปลือกหรอก  เพราะกูกับมึง... ต่างก็อยากรู้เช่นกัน  ว่าด็อกเตอร์พลาเจียสที่กำลังพูดถึงอยู่นี้... อยู่ในสุสานทั้งกายและวิญญาณ  หรือไม่ก็... อยู่ในสุสานแค่กาย  แต่จิตวิญญาณอาจอยู่ที่ใดสักแห่งในดาวเคราะห์ดวงที่มึงปักหลักเป็นบ้านหลังใหม่  กูตอบได้แค่นี้  หวังว่ามึงคงพอใจและพร้อมรับมือกับความน่ากลัวที่กำลังจะเกิดขึ้นได้"  เจ้าหนูเจอร์-บิลโรคจิตหัวเราะร่วนได้คล่องคอ  หลังจากที่มือของจัมบ้าปล่อยร่างแฮมสเตอร์วิลล์ร่วงลงสู่พื้นอีกครั้ง

                 คำตอบที่ได้รับ... สร้างความเจ็บใจให้จัมบ้าเป็นอย่างมาก  รู้สึกได้ว่าแฮมสเตอร์วิลล์เป็นคนแยบยลจนน่ากลัวยิ่งกว่าที่คิด

                 น่ากลัวจนจัมบ้ามั่นใจได้... ว่าแฮมสเตอร์วิลล์ต้องมีแผนร้ายซุกซ่อนอยู่

                 จัมบ้าจึงทิ้งทุ่นระเบิดส่งท้ายให้อดีตหุ้นส่วนต้องรับโทษเพิ่มเติม

                 ข้อหาดัดแปลงห้องขังเป็นห้องปฏิบัติการกักเก็บสัตว์ทดลองเป็นการส่วนตัวเพื่อก่อวินาศกรรม  เจ้าหนูเจอร์บิลได้รับโทษประหารชีวิตเป็นอันแน่แท้!


                 การพบกันตัวต่อตัวเมื่อวานนี้  ข้อสันนิษฐานผุดเข้ามาในสมอง  จัมบ้ารู้จักแฮมสเตอร์วิลล์ดีว่าเขาร่ำรวยจนถึงขั้นมีคอนเน็คชั่นกับคนในแวดวงผลิตสัตว์ทดลอง

                 ซึ่งแน่นอนว่ารวมถึง... ดร.พลาเจียส

                 ในกาแล็คซี่นี้... ไม่ได้มีแค่จัมบ้าเป็นนักผลิตสัตว์ทดลองเพียงคนเดียว  ยังมีคนอื่นอีกมากมายที่บัดนี้กำลังซ่อนตัวอยู่ในเงามืด  เพราะหลบหนีจากการจับกุมของฝ่ายสหพันธ์กาแลคติกอยู่

                 ถ้าให้นึกถึงดร.พลาเจียส  จำได้ว่าเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์อีกคนที่ผลิตสัตว์ทดลองเหมือนจัมบ้า

                 แต่ต่างกันตรงที่ดร.พลาเจียสมีความโหดเหี้ยมและวิปริตที่เหนือกว่า  เพราะดร.พลาเจียสผลิตยาอันตรายที่ทำให้เหล่าสัตว์ทดลองมีสภาพไม่ต่างไปจาก "ผีดิบ" ที่อยู่ได้ด้วยเลือดสิ่งมีชีวิตจากดาวเคราะห์ดวงอื่น  นอกจากจะใช้เป็นอาวุธก่อสงคราม... ยังใช้เป็นเหยื่อบททดสอบการต่อสู้บนสนามมวยเถื่อนในกาแล็คซี่  โดยใช้ยาสูตรต่าง ๆ ที่คิดค้นขึ้นเพื่อให้เหล่าสัตว์ทดลองมีความไร้เทียมทานเพื่อประกาศศักดาให้ทุกคนได้รับรู้กันอย่างทั่วถึง  สัตว์ตัวใดที่คิดว่าไม่มีประสิทธิภาพต่อการงาน... สัตว์ตัวนั้นก็จะถูกกำจัดทิ้งด้วยเซรุ่มที่ย่อยสลายร่างสัตว์ทดลองได้ในพริบตา

                 วีรกรรมที่ร้ายยิ่งกว่า  คือ... ดร.พลาเจียสมีคอนเน็คชั่นกับวายร้ายตัวเอ้ในกาแล็คซี่  สามารถจ้างวานให้ฉกชิงสัตว์ทดลองมาเพื่อเป็นหนูทดลองยาที่เปลี่ยนสภาพสัตว์ชีวกลที่รับคำสั่งจากเจ้าของเดิม... มาเป็นสัตว์ชีวกลผีดิบที่เป็นทาสรับใช้เพื่อแลกกับเลือดที่กักตุนไว้  เพราะคิดว่าบรรดาผู้ผลิตสัตว์ทดลองที่ถูกมองว่าเป็นผู้ก่อการร้ายผลิตอาวุธมีชีวิต  ไม่สามารถเอาผิดดร.พลาเจียสได้

                 จัมบ้าจำได้... ว่าดร.พลาเจียสจบชีวิตตนเองอย่างไร

                 จากข่าวคราวที่จัมบ้าเคยติดตาม... จำได้ว่าดร.พลาเจียสถูกเจ้าหน้าที่สหพันธ์ออกหมายจับ  เนื่องในข้อหาร้ายแรงที่ยาวเป็นหางว่าว  ดร.พลาเจียสถูกต้อนจนมุม  จึงตัดสินใจจบชีวิตด้วยการสั่งการให้สัตว์ชีวกลผีดิบกัดกินร่างตัวเอง  ทางสหพันธ์จึงเผาทำลายพวกสัตว์ชีวกลผีดิบจนสิ้นซาก  เป็นคดีสะเทือนขวัญที่สหพันธ์กาแลคติกต้องจดจำมิรู้ลืม

                อัจฉริยะชั่วร้ายนึกถึงเรื่องดร.พลาเจียสทีไร  สมองยิ่งตอกย้ำตัวเองเสมอ... ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่ดร.พลาเจียสจะกลับมามีเนื้อหนังมังสาเสนอหน้าเป็นหุ้นส่วนลับของแฮมสเตอร์วิลล์ได้

                ขึ้นชื่อว่าหุ้นส่วนลับ  ทุกอย่างต้องเป็นความลับหมดล่ะน่า

                แม้แต่ชื่อผู้ติดต่อปลายสาย... ยังใช้ชื่อคนตายปิดบังตัวตนเลย!

                ทำให้จัมบ้าครุ่นคิดอย่างหนัก... ว่าแฮมสเตอร์วิลล์ต้องมีลับลมคมในที่พร้อมสร้างความสะพรึงให้กาแล็คซี่เป็นอันแน่แท้

                ในเมื่อฝ่ายหุ้นส่วนลับของเจ้าหนูเจอร์บิลก็มีตัวอย่างเลือดหมายเลข 626 อยู่ในมือ  จัมบ้าก็มีไฟล์สติทช์อยู่ในคอมพิวเตอร์

                ผู้สร้าง 626 จึงลุกจากเตียงไปที่คอมพิวเตอร์  จัดการเปิดไฟล์เพื่อดูข้อมูลรายละเอียดโครงสร้างร่างกาย  เลือด  พลังงาน  และความสามารถของเจ้าสติทช์  ด้วยความคิดที่ว่า... เขาเคยสร้าง สัตว์ทดลองหมายเลข 627 มาแล้ว  ซึ่งมีรากฐานมาจากสติทช์  และยังเก็บลูกหินสีฟ้าหมายเลข 628 อยู่ในยานของเขา  ทำให้เกิดไอเดียที่จะส่งผลให้ชีวิตของคน ๆ หนึ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นโดยมิรู้ตัว

                เปลี่ยนแปลง... เพื่อป้องกันการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้า!      


 ------------------------------------------------------------------------


                ช่วงบ่ายแก่  ณ  โรงแรมวิหคสวรรค์

                เป็นอีกหนึ่งวันยุ่ง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของหญิงแกร่งผู้เป็นทั้งเสาหลักและพ่อแม่ของเด็กหญิงตัวน้อยผู้เป็นน้องสาวคนเดียวของเธออีกเช่นเคย

                ใช่... กำลังพูดถึง "นานี่ เพเลไค"  พี่สาวคนเดียวของลีโล่

                เธอเป็นพนักงานฝ่ายประสานงานกับลูกค้าจำพวกแขกที่เป็นกรุ๊ปทัวร์  ซึ่งเธอทำได้ดีจนคนเป็นเจ้านายแสนดีอย่าง คุณเจมส์สัน พึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง  สมแล้วที่นานี่เป็นหญิงแกร่งที่เรียนรู้งานไวและทุ่มเทสุดตัว  เป็นคุณสมบัติที่คุณเจมส์สันเห็นตั้งแต่เธอเป็นพนักงานบริการให้เช่าเซิร์ฟบอร์ดที่ชายหาด  จึงรับเธอเข้าทำงานโดยมิต้องสงสัย  และคุณเจมส์สันกับคีโอนี่... เป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่รู้ความจริงเรื่องสติทช์  ทำให้คีโอนี่มีค้างคาวหางยาวสี่แขนที่ชื่อว่า แจม หรือ สัตว์ทดลองหมายเลข 202 เป็นบัดดี้จนถึงทุกวันนี้

                วันนี้... เธอทำงานบริการแขกเหรื่อที่มาพักโรงแรม  รับประทานอาหารที่ห้องอาหาร  ใช้สระว่ายน้ำ  และห้องอบซาวน่าด้วยความคล่องแคล่วเหมือนทุกวันที่ผ่านมา  เป็นที่รักของเพื่อนร่วมงานทุกคนในโรงแรมโดยมิต้องสงสัย  เพราะถึงนานี่กับคุณเจมส์สันรู้จักกัน  แต่เธอเป็นคนตรงไปตรงมา  มีน้ำใจ  และรู้จักหน้าที่ดี  คุณเจมส์สันถึงได้ชื่นชมเธอทุกครั้งที่ทำผลงานได้ดีไม่มีขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย

               เป็นความโชคดีที่เธอไม่มีเวรกะค่ำ  จึงเก็บยูนิฟอร์มของโรงแรมเข้าล็อกเกอร์ห้องแต่งตัวพนักงานหญิงแล้วสวมเสื้อกล้ามสีฟ้า  คืนสภาพเป็นสาวแกร่งจอมถึกในทันที  เตรียมตัวกลับบ้านรอต้อนรับน้องสาวที่เพิ่งกลับจากโรงเรียนในอีกมิช้า

               แต่พอเธอทักทายเพื่อนเสร็จในขณะที่เท้าของเธอพร้อมจะก้าวออกจากโรงแรมอยู่... มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น

               เธอเผลอเดินชนผู้ชายคนหนึ่งโดยไม่ทันระวังตัว  เล่นเอาร่างผู้ชายในชุดสูทนักบินสีขาวเซถลาเล็กน้อย

               "ขอโทษค่ะ  ฉันไม่ทันระวังตัว"  นานี่รีบกล่าวขอโทษชายหนุ่มที่รีบร้อนจนไม่ทันระวังตัว

               "ไม่เป็นไรครับ  ท่าทางคุณจะรีบมาก  ผมไม่ถือสาหรอกครับ"  ชายหนุ่มตอบรับก่อนที่จะสบตากับนานี่  เขาอุทานขึ้นในทันทีที่เห็นหน้า  "นานี่!?"

               "เบอร์ตั้น!?"  นานี่ขานชื่อชายหนุ่มด้วยความอึ้งตะลึง  นึกไม่ถึงว่าเธอจะได้พบเขาอีกครั้ง

               เพื่อนรุ่นพี่-รุ่นน้องเมื่อครั้งเรียนอยู่ชั้นมัธยม... อยู่ชมรมว่ายน้ำด้วยกัน!

               นานี่กับเบอร์ตั้นดีใจที่ได้พบ... จึงสวมกอดกันจนหายคิดถึง  สองหนุ่มสาวจึงพากันเข้าไปในห้องอาหารของโรงแรมเพื่อพูดคุยอัพเดทชีวิตของกันและกันในขณะที่ชายหนุ่มนักบินเตรียมแผนเซอร์ไพรส์คุณแม่ที่รอต้อนรับเขากลับบ้าน

               "พี่ไม่นึกไม่ฝันเลย... ว่าจะได้เจอน้องทำงานที่นี่"  เบอร์ตั้นพูด  คิดว่านานี่เป็นนักกีฬาว่ายน้ำมืออาชีพตามความฝัน

               "อะไร ๆ ก็เปลี่ยนไปค่ะพี่  มีแต่พี่... ที่ได้เป็นนักบินสมใจ  มีสง่าราศีมากเลยนะคะ"  นานี่เอ่ยปากชื่นชมรุ่นพี่ที่อยู่ในยูนิฟอร์มนักบินประจำสายการบินชื่อดังระดับประเทศ

               "ไม่ขนาดนั้นหรอก  คนเป็นนักบินที่มีสง่าราศีมากกว่าพี่มีตั้งเยอะ  นี่พูดในฐานะผู้ช่วยกัปตันและสจ๊วตนะ  ถ้าเป็นกัปตันจริง... คงมีสง่ามากสุดแค่ในสายการบินที่พี่ทำงานอยู่ล่ะนะ"  เบอร์ตั้นพูดถ่อมตน  แต่ยังมิวายติดตลกจนเรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ จากนานี่

               "แหม... ทุกคนต้องมีความสง่าเป็นของตัวเองอยู่แล้ว  มันเทียบกันไม่ได้หรอกค่ะ  พี่เป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้นเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน  ว่าแต่... พี่จะกลับมาอยู่สักกี่วันคะ"  นานี่ถาม

               "คงไม่มีกำหนด  จนกว่าทางแอร์จะแจ้งไฟลต์ต่อไป  จะว่าไป... ไม่ค่อยได้เข้าเมืองซะนาน  ดูคึกคักยิ่งกว่าแต่ก่อนเยอะเลยเนอะ"  เบอร์ตั้นเปรยถึงเมืองโคคาอัวทาวน์  เมืองเล็ก ๆ ที่แต่ก่อนดูเงียบเหงาเป็นอย่างยิ่ง  หากไม่ถึงช่วงซัมเมอร์

               "ก็คึกคักอย่างนี้ทุกปีนี่คะ"  นานี่พูด

               "พี่ไม่ได้หมายถึงตัวเมือง  พี่หมายถึงบรรดาสัตว์ทั้งหลายที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อนต่างหาก... ที่ทำให้เมืองนี้ดูคึกคัก  และน้องสาวคนเล็กของพี่ก็มีแมวหูกระต่ายผู้รักการเป่าฟลุทเป็นเพื่อนด้วย"  เบอร์ตั้นเปรยไปถึงสิ่งที่เขาพบในเมือง  ทำเอานานี่อึ้งไม่ทันตั้งตัว

               "แมวหูกระต่ายเป่าฟลุท... เหรอคะ"  นานี่หมายถึงสัตว์ทดลองตัวใหม่ที่น้องสาวกับสติทช์เพิ่งค้นพบเมื่อไม่นานมานี้

               "ใช่ครับ  เขาชื่อว่าฟลุท  พี่สงสัยว่าเจ้าแมวฟลุทจะเป็นแมวสายพันธุ์ใหม่เหมือนสัตว์ทั้งหลายที่เห็นในเมือง  ทีแรก... พี่คิดว่าตาฝาดไปที่เห็นสัตว์แปลกเดินเล่นไปทั่ว  แต่พอเวลาผ่านไปสักปีสองปี... สัตว์พวกนี้ก็มีมากขึ้นและไม่ซ้ำหน้า  แถมบางตัวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ทำงานเก่งและเป็นเพื่อนเล่นอีก  พี่ว่าเธอคงมีคำตอบสำหรับเรื่องนี้นะ"  เบอร์ตั้นพูดพลางปรายตามองเพื่อนรุ่นน้องที่ยังอ้ำอึ้งอยู่  ก่อนที่เขาจะเรียกบ๋อยมาสั่งอาหารเพื่อเซอร์ไพรส์คุณแม่

               จริง ๆ นานี่รู้อยู่แก่ใจว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง... หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่ของเธอจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันกลับมา  แต่พูดไม่ได้ก็เท่านั้นเอง

               แหงล่ะ  มีแค่ครอบครัวของเธอและเพื่อนสนิทที่ไว้วางใจจนเก็บความลับได้... ที่รู้ว่าสัตว์ที่เบอร์ตั้นพูดถึงคือชีวิตทดลองของจัมบ้า  ชาวเกาะทุกคนถึงได้เข้าใจว่าบรรดาสัตว์ทดลองเป็นสัตว์สายพันธุ์ใหม่ที่มีพลังวิเศษต่าง ๆ นานา  ถ้ารู้ว่าเอเลี่ยนมีจริงเมื่อใด... หายนะครั้งใหญ่มาเยือนเกาะเป็นอันแน่แท้

               "โอ้ว์... ป่านนี้น้องสาวฉันคงกลับถึงบ้านแล้ว  ฉันคงต้องรีบไปก่อนแล้วค่ะ  เดี๋ยวเจอกันนะคะ"  นานี่รีบตัดบทขอตัวกลับบ้านแล้วเร่งฝีเท้าออกจากห้องอาหารในทันที  เบอร์ตั้นพยักหน้าตอบรับพลางแอบมอง... นึกขำในใจกับท่าทีของเพื่อนรุ่นน้อง

               ยังกระฉับกระเฉงไม่เปลี่ยนจริง ๆ


------------------------------------------------------------------------


               ลานสเก็ตบอร์ด  ณ  สวนสาธารณะชื่อดังแห่งหนึ่งในโคคาอัวทาวน์

               ช่วงหลังเลิกเรียน  คีโอนี่กับโคดี้เป็นเพื่อนกัน... เป็นเพื่อนรุ่นพี่ของพวกลีโล่  และเป็นนักกีฬาสเก็ตบอร์ด  สองหนุ่มกับเพื่อนผู้ชายอีก 2-3 คนพากันมาเล่นสเก็ตทุกวันอังคารและพฤหัสบดี  ซึ่งวันนี้เป็นวันอังคาร

               แน่นอนว่าวันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันที่ 2

               คาลี่กับฟลุทตัดสินใจผูกมิตรกับโคดี้  ด้วยความคิดที่ว่า... ถ้าฟลุทติดตามดูแลโคดี้ทุกวันตามที่สติทช์แนะนำเมื่อเช้านี้  คุณลุงกับคุณป้าของคาลี่ก็จะมองเห็นความดีในตัวฟลุท

               เพราะคนเรา... จะเป็นคนดีได้นั้นไม่ได้เป็นเพราะคำพูด  การกระทำต่างหากที่สำคัญที่สุด

               เหมือนที่... สติทช์ได้รับความไว้วางใจจากพี่นานี่ให้เป็นบอดี้การ์ดข้างกายลีโล่จนถึงทุกวันนี้

               ฟลุทได้ทำความรู้จักกับเจ้าแจมอย่างเป็นทางการ  เพราะเป็นค้างคาวเหมือนสนูทตี้  จึงไม่แปลก... ที่ค้างคาวสีม่วงจะสนิทกันประหนึ่งพี่น้องคลานตามกันมา  และนำพาคีโอนี่กับวิคตอเรียทำความรู้จักกัน  ซึ่งลีโล่รู้สึกดีมานานเท่าใดแล้ว... ที่ไม่ได้หลงใหลคีโอนี่เหมือนแต่ก่อน

               ท่าทางวิคตอเรียก็มีสกิลและมีพรสวรรค์ในเรื่องสเก็ตบอร์ดดี  เธอจึงกลายเป็นศิษย์น้องของคีโอนี่โดยปริยาย  เพียงแต่... เธอยังมือใหม่หัดสเก็ต  เธอจึงฝึกการไถสเก็ตบอร์ดและการทิคแท็ค (Tick-Tack) หลายต่อหลายครั้งเพื่อความคล่องแคล่วในการเล่น  เป็นภาพประทับใจที่ลีโล่  สติทช์  และผองเพื่อนต้องจดจำมิรู้ลืม

               "ที่คนพูดกันว่าเคมีตรงกัน  คือสิ่งนี้สินะ"  แองเจิ้ลพูดเมื่อเห็นความเข้ากันดีของสองนักสเก็ตตัวน้อย  ทั้งนักสเก็ตฝึกหัดและนักกีฬาระดับเยาวชน

               "จะว่าอย่างนั้นก็ได้  ไม่ใช่แค่พี่เท่านั้นที่ดูออก  สนูทตี้กับแจมก็เช่นกัน"  สติทช์เห็นด้วย... ก่อนที่จะเงยหน้าถามสองพี่น้องค้างคาวต่างดาว  "จริงมั้ยพี่น้อง!?"

               "Ih."  สนูทตี้กับแจมตอบรับอย่างพร้อมเพรียงกัน

               "ว้าว!  ไม่ยักรู้นะว่าสเก็ตเป็นสื่อกลางให้เขาและเธอมาพบกันได้ด้วย"  มาวินพูดติดตลก

               "เคมีตรงกัน  ไม่ได้มีแค่ผู้ชายกับผู้หญิงเท่านั้นนี่พี่  เคมีตรงกันก็ถูกใช้ในนิยามความเป็นเพื่อนกันด้วย"  มาเรียเอาศอกกระทุ้งสีข้างพี่ชายฝาแฝดเบา ๆ ก่อนจะหันไปถามแองเจิ้ล  "จริงมั้ยนางฟ้าตัวน้อย"

               "Ih."  แองเจิ้ลพยักหน้าเห็นด้วย

               "มองไปทางไหน  ก็มีแต่เคมีตรงกันนี่เนอะ  ไม่ว่าจะเป็นมาเรียกับแองเจิ้ล  พี่คีโอนี่กับวิคตอเรีย  คาลี่กับฟลุท  และสุดท้าย..."  มาวินชำเลืองมองลีโล่ด้วยแววตาสนอกสนใจ  "ลีโล่กับสติทช์"

               สองคู่หูสายลับค้นหาสัตว์ทดลองถึงกับสบตา... หน้าแดงขึ้นมาในทันตาที่ถูกมาวินแซวซึ่ง ๆ หน้า

               "แหมพี่วิน... เคมีตรงกันยังไงห๊ะ  บางครั้งพี่สติทช์ก็ดื้อจนฉันหมั่นไส้ก็มี"  ลีโล่พูดกลบเกลื่อนอาการเขินที่ปรากฎบนใบหน้า

               "ว่าแต่พี่  เธอเองก็มีมุมแสบ ๆ ให้พี่ปวดหัวบ้างเหมือนกันล่ะน่า"  สติทช์เถียงกลบเกลื่อนอาการเขินเช่นกัน  กลายเป็นสองคู่หูถูกเพื่อน ๆ หัวเราะล้อเลียนกันอย่างซึ่ง ๆ หน้า  ราวกับว่าทั้งคู่กำลังปฏิเสธหัวใจตัวเองอยู่

               ปฏิเสธที่จะยอมรับ... ว่าเขาและเธอกำลังตกหลุมรักกันเสียแล้ว     

               ไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกมาอีก  ฟลุทจับตาดูโคดี้เล่นสเก็ตบอร์ดชนิดตาไม่กะพริบ  ถึงมีล้มลุกคลุกคลานบ้าง... แต่เขาก็เรียนรู้ไวว่ามีลองผิดลองถูกเพื่อฝึกฝนตนเอง  เหมือนที่ฟลุทก็มีลองถูกลองผิดกับบทเพลงของมนุษย์บนดาวโลก  ยิ่งเห็นโคดี้สวมหมวกกันน็อก  สนับป้องกันทั้งข้อมือ  ศอก  และเข่าแล้ว  โคดี้ฉายแววนักกีฬาอย่างเห็นได้ชัด... หากฟลุทสังเกตจากรอยยิ้มบนใบหน้าของลูกพี่ลูกน้องเพื่อนรัก

               รอยยิ้ม... ที่บ่งบอกถึงความสุขที่ได้อยู่นอกบ้าน

               รอยยิ้ม... ที่บ่งบอกถึงความสุขที่ได้อยู่กับเพื่อน

               รอยยิ้ม... ที่บ่งบอกถึงความสุขที่ได้เป็นตัวของตัวเองและปกป้องคนในครอบครัวอย่างที่พึงควรกระทำ

               โคดี้ดีกับฟลุทและคาลี่ถึงขั้นยอมเดินเข้าโรงเรียนเป็นเพื่อน  นับว่าเป็นเรื่องดีที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคาลี่ก็ว่าได้

               เริ่มต้นจากสิ่งเล็ก ๆ ในครอบครัว  มันดีอย่างนี้นี่เอง


นี่สินะ... "บทพิสูจน์ความดี" ที่สติทช์พูดถึง


               รักษารอยยิ้มและความสงบสุขของโอฮาน่า  และปกป้องโอฮาน่าให้พ้นจากภยันตรายที่ถาโถมเข้ามา

               ซึ่งภยันตรายจะมาในรูปแบบใดนั้น... ต้องคอยดูกันต่อไป

               ซวบ!  ซาบ!

               ใบหูของสัตว์ทดลองทั้งห้าสหาย... ตั้งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงพุ่มไม้ที่อยู่ข้างหลังพวกลีโล่  สติทช์หันไปดูที่พุ่มไม้ล้อมรอบลานสเก็ตบอร์ด  ลุกจากสแตนด์เชียร์ข้างลานไปดูบริเวณพุ่มไม้  รวมทั้งได้กลิ่นไม่พึงประสงค์จากใครบางคนที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตน

               ใครบางคนที่คาดว่าน่าจะเป็น... ผู้บุกรุก

               เป็นไปตามที่คาดไว้ไม่มีผิด

               ผู้บุกรุก... ที่มาในรูปแบบ มนุษย์ กับ สัตว์ธรรมดา ผู้ชั่วร้าย!

               อยู่ดีไม่ว่าดี... สุนัขพันธุ์ร็อตไวเลอร์กับพันธุ์อเมริกันบูลด็อกก็พุ่งปรี่มาประจันหน้ากับสติทช์  ด้วยเซ้นส์ยอดนักสู้... สติทช์เห็นเจ้าร็อตไวเลอร์แยกเขี้ยวคำรามพุ่งทะยานเตรียมงับเป้าหมาย  จึงก้มตัวหลบแล้วซัดคางด้วยอัปเปอร์คัทอย่างจัง

               ผัวะ!

               ร่างเจ้าหมาร็อตไวเลอร์กระเด็นตามแรงหมัดของสติทช์  เล่นเอาเจ้าอเมริกันบูลด็อกถึงกับอ้าปากค้าง... วิ่งหนีหางจุกตูดไปหลบหลังเจ้านายที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้บุกรุกมาขัดความสุขของใครบางคนในหมู่ผองเพื่อนของลีโล่

               "สติทช์!  เกิดอะไรขึ้น!?"  ลีโล่กับเพื่อน ๆ ออกมาดูเหตุการณ์นอกพุ่มไม้รอบลานสเก็ต  จะพบว่าสติทช์กำลังเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้า 3-4 คน  ล้วนเป็นวัยรุ่นที่พร้อมจะหาเรื่องคนรอบข้างได้ทุกเมื่อ

               ทันทีที่คาลี่  ฟลุท  และโคดี้เห็นหน้าเจ้าของหมาที่มาหาเรื่องพวกลีโล่  ถึงกับอึ้งตะลึงโดยไม่คาดคิด... ว่าจะได้พบกันอีกครั้ง

               "เหลือบไรพวกนี้มาอีกแล้วสินะ  พี่แมทธิว  พี่โมนิก้า  มาทำอะไรที่นี่!?"  โคดี้สบถออกมา  นึกไม่ถึงว่าเพื่อนเลว ๆ ของพี่สาวในไส้จะมาราวีเจ้าฟลุทเป็นครั้งที่สอง  หลังจากที่สองพี่น้องคู่นี้ได้สร้างฝันร้ายให้ฟลุทครั้งใหญ่หลวงมาแล้วครั้งหนึ่ง

               "แกรู้จักพวกเขาด้วยเหรอ"  คีโอนี่ถาม  โคดี้พยักหน้ายืนยัน


ดูเหมือนว่า... ฝันร้ายกำลังจะมาเยือนคาลี่กับฟลุทอีกครั้ง!



ç=================è



  

        

 

  

                     

 

  

          

    


                

                     

          

    

 

            

            

                                            

      

            

                   


                

ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×