ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [OS/SF] MarkBam

    ลำดับตอนที่ #8 : ฉันเคยบอกกับเธอหรือยังว่าเธอมีความหมายเพียงใด ... [END]

    • อัปเดตล่าสุด 11 เม.ย. 58






    คนสุดท้าย อัสนี - วัสสันต์






    รูปนี้เราเซฟมาก็หาเครดิทไม่เจอเลยอ่ะ งื้อ ภาพจากบ้านใดขอยืมหน่อยนะค้าบ








     

    ไม่เคยมีใจให้ใครมาก่อน ไม่เคยอ่อนให้ความรักเลย

     

    แก๊ง crows เป็นแก๊งยากูซ่าที่ไม่มีใครไม่รู้จัก  ความเหี้ยมโหดเป็นที่กล่าวขานไปทั่ว

    มาร์ค ชายหนุ่มวัย 25 ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊งแทนบิดาที่ประกาศวางมือ  มาร์ค เป็นชายหนุ่มที่เย็นชา ไม่เคยมีใครกล้าสบตาเขาตรงๆแม้แต่หญิงสาวที่ได้ร่วมรักกับเขา  เขาถูกฝึกให้เป็นคนเลือดเย็นมาตั้งแต่จำความได้ มาร์คจับปืนครั้งแรกตอนอายุ 3 ขวบ และเขาฆ่าคนครั้งแรกตอนอายุ 7 ขวบ นอกจากจะถูกฝึกให้เป็นคนเลือดเย็นแล้วมีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาปฏิบัติตามคำพูดของบิดาอย่างเคร่งครัด อย่ามีความรัก เพราะความรักคือจุดอ่อนของยากูซ่า


    เขาทำตามคำพูดของบิดาไม่ขาดตกบกพร่องจนกระทั่งเขาไปผับของเจบีหัวหน้าแก๊งเฮะบิ(งู)เพื่อนร่วมสาบานของเขา มาร์คไปที่นั่นประจำเพียงแค่วันนั้นไม่เหมือนทุกวัน มันเป็นวันที่เจบีกำลังจะส่งสินค้าให้ทางฮ่องกง สินค้าที่ว่าคือเด็กหนุ่มและเด็กสาวหลายชีวิตที่มาด้วยความเต็มใจและไม่เต็มใจ ใช่ เขาค้ามนุษย์  มาร์คบังเอิญเข้าไปเจอ และบังเอิญมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งจ้องตาเขาไม่มีการหลบตาใดๆทั้งสิ้น สิ่งแรกที่เขาคิดคือ  กล้ามากที่ไม่หลบตาเขามีแค่คนสนิทเท่านั้นที่กล้าจ้องเขาแบบนี้  แต่สายตาที่จ้องมองมาที่เขาไม่ใช่สายตาอาฆาตกลับเป็นสายตาที่อ้อนวอน สุดท้าย มาร์คก็ต้านทานสายตานั้นไม่ได้และขอซื้อตัวเด็กคนนั้นมาเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำแบบนั้นเพื่ออะไร    และการตัดสินใจในครั้งนั้น ทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป ตลอดกาล







     

    จะมีใคร ๆ มากมายคุ้นเคย แต่ไม่เคยมีใครอย่างเธอ



     

    “มาร์คซางงงงงงงงงงงงงงง”


    ผ่านไป 2 ปีแล้วนับจากวันที่มาร์คซื้อตัวเด็กหนุ่มมา ความสดใสร่าเริงของเด็กคนนี้เป็นส่วนเติมเต็มให้กับมาร์คอย่างไม่น่าเชื่อ ใครจะคิดว่ายากูซ่าหนุ่มผู้เย็นชาเมื่ออยู่ใกล้เด็กน้อยแล้วเขาจะกลายเป็นคนยิ้มเยอะโดยที่เขาไม่รู้ตัว


    “ว่าไงแบมแบม”  มาร์คปิดหนังสือที่กำลังอ่านพลางมองเด็กหนุ่มที่วิ่งมานั่งข้างๆอย่างเอ็นดู


    “แบมสอบติดมหาลัยโตเกียวแล้วครับ!!”  เด็กน้อยพูดเสียงดังด้วยความดีใจ ตาที่เป็นประกายของเด็กน้อยเรียกรอยยิ้มให้กับคนที่ได้มอง ใช่ มาร์คกำลังยิ้ม


    “เก่งมาก”  ชายหนุ่มพูดพลางลูบหัวเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู หากใครที่ไม่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้แล้วผ่านมาเห็นภาพนี้เข้าคงตกใจจนต้องอุทานออกมาเลยแหละ แต่เป็นภาพที่เห็นจนชินตาสำหรับคนในบ้าน


    “เอ๊ ไหนใครบอกว่าถ้าแบมแบมสอบติดมหาลัยโตเกียวจะมีรางวัลให้น๊า” แบมแบมพูดพลางทำหน้าทะเล้นใส่มาร์ค เด็กคนนี้ช่างน่าหมั่นเขี้ยว เป็นใครก็คงอดใจที่จะฟัดไม่ได้ รวมถึงมาร์คด้วย


    ฟอดดดดดดด


    แบมแบมที่โดนหอมเข้าที่แก้มอย่างแรงชะงักค้าง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มาร์คหอมแก้มเขา แต่ก็ใช่ว่ามาร์คจะหอมแก้มเขาบ่อย



    “อะ เอ่อ แบมว่าแบมเข้าบ้านไปช่วยป้าเมอิทำกับข้าวดีกว่า”


    สุดท้ายก็เป็นแบมแบมเองที่เขินอายจนต้องชิ่งหนีสายตาที่มาร์คมองเขา สายตาที่ลึกซึ้ง สายตาที่สื่อถึงความรัก มาร์คมองตามเด็กน้อยของเขาที่วิ่งเข้าบ้านไป เขาพยายามบอกตัวเองทุกวันว่าเขาแค่เอ็นดูเด็กคนนั้น แต่เขาไม่เคยหลอกตัวเองได้เลย ทั้งใจของเขาพร้อมจะมอบให้เด็กคนนั้น ทั้งใจและทั้งชีวิต

     







     

    ฉันเคยบอกกับเธอหรือยัง

    ว่าเธอมีความหมายเพียงใด กับคนที่ใจมันด้านชา

     

    “แบมุแบมุจังไปเรียนวันแรกตั้งใจเรียนนะ แบมุแบมุไฟโตะ” ป้าเมอิแม่บ้านเก่าแก่ของตระกูลกล่าวให้กำลังเด็กน้อยที่เธอเอ็นดู ตั้งแต่วันแรกที่แบมแบมก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้ทุกคนในบ้านก็เหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้น รวมถึงท่านไคโตะพ่อของมาร์คด้วย

     

    “คร้าบ แบมแบมจะตั้งใจเรียนแล้วคว้าเกียรตินิยมมาให้ป้าเมอิดูเลย” เด็กน้อยพูดพลางถลาตัวกอดป้าเมอิที่เขาเคารพรักเหมือนญาติคนหนึ่งอย่างเต็มรัก

    “เก็บไว้ไปอวดมาร์คซังเถอะจ้ะ ไปๆเดี๋ยวก็เข้าเรียนสายกันพอดีมัวแต่อ้อนอยู่เนี่ย”

    “ฮ่าๆ ไปแล้วคร้าบ”


    ฟอดดดด


    “เด็กคนนี้หนิ”

    ป้าเมอิยืนมองเด็กน้อยพร้อมรอยยิ้ม เด็กน้อยก็ยังคงเป็นเด็กน้อยอยู่วันยังค่ำ เคยหอมแก้มเธอยังไงก็ยังคงหอมอยู่อย่างนั้น

     

     

    “โอ๊ะ มาร์คซังจะไปไหนแต่เช้าครับ”

     

    ทันทีที่เด็กน้อยวิ่งมาถึงหน้าบ้านก็พบกับมาร์คที่ยืนเหมือนรออะไรซักอย่างข้างรถคันหรู

     

    “ไปส่งเด็กซนแถวนี้แหละ ขึ้นรถเร็ว”  มาร์คยีหัวเด็กน้อยอย่างเอ็นดูแล้วจูงมือให้เข้าไปนั่งในรถด้วยกันที่เบาะหลัง ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานั่งกับมาร์คแต่เป็นครั้งแรกที่มาร์คจับมือเขาไม่ยอมปล่อย อ่า รู้สึกเขินนิดๆแหะ เด็กน้อยได้แต่คิดในใจ

     

    “ตอนเย็นเดี๋ยวมารับ ห้ามไปไหนกับคนแปลกหน้า ห้ามยิ้มให้คนอื่น ห้าม...”

     

    “คร้าบ แบมแบมจะทำหน้าบึ้งให้เหมือนคุณมาร์คเวลาออกนอกบ้านเลยครับ” เด็กน้อยแซวผู้มีพระคุณอย่างทะเล้น แม้กระทั่งโชซังคนสนิทยังต้องอมยิ้ม

     

    “เดี๋ยวเถอะ” มาร์คชี้หน้าแบมแบมคาดโทษ ถ้าเป็นกับคนอื่นใบหน้าของเขาคงบึ้งตึงจนคนมองต้องขนลุก แต่กับแบมแบมเขามองด้วยสายตาเอ็นดูปากดุแต่ก็ยิ้ม

     

    “ไปดีกว่าเดี๋ยวโดนเก็บ คิกคิก” 

     

    จุ๊บ

     

    เด็กทะเล้นยังไงก็ยังคงเป็นเด็กทะเล้น แบมแบมจุ๊บที่ปากมาร์คอย่างเร็วแล้วรีบเปิดประตูลงจากรถโดยที่มาร์คไม่ทันตั้งตัว 

     

    “อ๊ากกกกก ทำอะไรลงไปเนี่ยแบมแบมมมมมม”  สองมือประกบเข้าที่แก้มตัวเองอย่าเคอะเขินสองขาวิ่งมุ่งหน้าเข้าตึกเรียนโดยไม่สนสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาที่เขาเลย น้องคนนั้นน่ารักจังเลย  ทำไมเด็กผู้ชายถึงน่ารักได้ขนาดนี้นะ หลายคนที่พบเห็นเขาต่างพึมพำออกมา

     

     


     

    วันนั้นทั้งวันมาร์คไม่กล้าออกไปไหนเลยถึงแม้จะมางานสำคัญเขาก็ให้โชคนสนิทไปทำแทน สาเหตุก็มาจากเด็กซนเมื่อเช้านั่นแหละทำให้เขาออกไปไหนไม่ได้

     

    “เลิกยิ้มเดี๋ยวนี้นะมาร์ค”  มาร์คพยายามบอกตัวเองด้วยประโยคนี้มาหลายหนแล้ว แต่สุดท้ายพอนึกถึงหน้าเด็กน้อยคนนั้นเขาก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง เฮ้อ อาการหนัก

     

     

    “ไงไอ้เสือนั่งยิ้มอยู่คนเดียวมีอะไรอยากเล่าให้ฉันฟังไหม”

     

    “พ่อ เอ่อ เปล่าครับไม่มีอะไร”

     

    “ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าห้ามมีความรัก”

     

    “.....”

     

    “ถึงฉันจะเอ็นดูเด็กนั่นมาก แต่ฉันก็ไม่อยากให้แกมองเด็กคนนั้นมากกว่าความเอ็นดู”

     

    “.....”

     

    “แกจำไม่ได้เหรอว่าแม่แกตายยังไง”

     

    “.....”

     

    “ฉันไม่อยากให้แกมานั่งโทษตัวเองเหมือนฉัน”

     

    “.....”

     

    “เฮ้อ แต่ถ้าแกมั่นใจในความรู้สึกอยากลองเสี่ยงฉันก็จะไม่ห้าม”

     

    “!!!!!”

     

    มาร์คประมวลผลคำพูดสุดท้ายก่อนที่คนเป็นบิดาจะเดินเข้าบ้านไปอย่างอึ้งๆ นี่พ่อ ยอมให้เขามีความรักแล้วเหรอ  ในเมื่อพ่อเปิดโอกาสให้เขาแล้วเขาก็จะยอมเสี่ยงดูสักตั้ง

     

     



     

    “มาร์คซางงงงงงงงงงงง”

     

    แบมแบมที่เพิ่งกลับมาจากมหาลัยวิ่งมาหามาร์คที่สวนหลังบ้านเหมือนที่ทำประจำ วันนี้มาร์คส่งโชไปรับแบมแบมตอนแรกตั้งใจจะไปรับเองแต่คิดไปคิดมานั่งรอให้แบมแบมวิ่งมาหาดีกว่า รู้สึกดีกว่าเยอะ


    “วันนี้แบมได้เพื่อนใหม่ด้วยครับ ตัวใหญ่มากเลยตอนแรกนึกว่าเป็นรุ่นพี่”

     

    “อือหึ”

     

    “ทีนี้ตอนเรียกรวมแบมมาช้ายูคยอมยอมโดนลงโทษเป็นเพื่อนแบมด้วย โหย ซึ้งใจสุดๆ”

     

    “......”  มาถึงจุดนี้มาร์คที่กำลังยิ้มแย้มให้กับความเจื้อยแจ้วของเด็กซนก็ต้องหุบยิ้มลง ไอ้เด็กยูคยอมมันคิดเกินเพื่อนแน่ๆ

     

    “ตอนพักเที่ยง..”

     

    “แบมแบม” 

    มาร์คตัดสินใจขัดแบมแบม เขาไม่อยากฟังเรื่องเพื่อนใหม่ของคนตัวเล็กแล้วเขากลัวห้ามใจตัวเองให้ส่งคนไปตามสืบประวัติเพื่อนของคนตัวเล็กไม่ได้  ก่อนหน้าที่จะเข้ามหาลัยมาร์คให้แบมแบมเรียนหนังสืออยู่ที่บ้านเนื่องจากแบมแบมไม่ได้เรียนหนังสืออย่างต่อเนื่องในช่วงที่แบมแบมกลายเป็นเด็กกำพร้า แบมแบมอยู่กับญาติที่ไม่เต็มใจเลี้ยงดูและไม่ยอมให้แบมแบมเรียนหนังสือ ครอบครัวนั้นติดหนี้เจบีสุดท้ายก็ขายแบมแบมเพื่อล้างหนี้  ถ้าวันนั้นมาร์คไม่ไปเจอป่านนี้จะเป็นยังไงก็ไม่รู้ คิดได้ดังนั้นชายหนุ่มที่เคยเย็นชาก็คว้าร่างเล็กมาไว้ในอ้อมกอดทันที

     

    “มะ มาร์คซัง เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”

     

    “แบมแบม ฉันเคยบอกนายหรือยังว่านายมีความหมายกับฉันขนาดไหน”

     

    “มาร์คซังบอกว่าแบมเป็นเหมือนรอยยิ้ม”

     

    “อืม นายเป็นรอยยิ้ม และเป็น.....หัวใจของฉัน”

     

    “มาร์คซัง”  แบมแบมเบิกตากว้างไม่คิดว่ามาร์คจะพูดกับเขาแบบนี้ น้ำตาที่คลออยู่ที่หางตาเริ่มไหลออกมาจนมาร์คสัมผัสได้ จึงค่อยๆดันเด็กน้อยออกจากอ้อมกอดแล้วใช้บรรจงเช็ดน้ำตาออกจากแก้มใส

     

    “ขอบคุณที่เข้ามาทำให้คนเย็นชาแบบฉันได้รู้จักกับความสุขนะ”

     

    ถึงมาร์คจะไม่ได้พูดตรงๆว่ารัก แต่ประโยคที่ร่างสูงพูดออกมานั้นสื่อถึงคำนั้นอยู่และแบมแบมก็ฉลาดพอที่จะรู้

     

    “แบมก็ขอบคุณมาร์คซังมากนะครับที่ช่วยแบมวันนั้น”  แบมแบมพูดทั้งน้ำตาและรอยยิ้ม จนคนที่มองอดใจไม่ไหวช่วงชิงริมฝีปากร่างเล็กโดยที่ร่างเล็กไม่ได้ตั้งตัว มาร์คไม่เคยจูบใครก่อนถึงจะเคยร่วมรักกับคนมากหน้าหลายตา ครั้งนี้เป็นจูบแรกที่มาร์คเริ่มก่อนถือว่าเป็นจูบแรกแล้วกัน และแน่นอนว่าเขาก็เป็นจูบแรกของคนตัวเล็กในอ้อมกอดเขาเหมือนกัน จูบที่ไม่มีการลุกล้ำใดๆทั้งสิ้นแต่มันช่างหอมหวานจนไม่อยากจะละออกจากริมฝีปากของคนน่ารักในอ้อมกอด อ่า มาร์คว่ามาร์คคงจะเสพติดจูบของแบมแบมแล้วแหละ

     

     

     


     

    ฉันเคยบอกกับเธอหรือยัง

    จากวันนี้และทุกเวลา จะมีแต่คำว่ารักเธอ

     

    ตอนนี้แบมแบมอยู่ ปี 2 แล้ว โตเป็นหนุ่มน้อยวัน 20  ส่วนมาร์คกลายเป็นหนุ่มวัย 27 อายุพวกเขาห่างกัน 7 ปี แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา แบมแบมเติมเต็มในส่วนที่มาร์คไม่มีนั่นคือความสดใส ส่วนมาร์คก็คอยตักเตือนเวลาแบมแบมทำผิด

     

    “แบมไม่ได้บอกเพื่อนเหรอว่าเป็นคนของคราวส์”

     

    เด็กน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดทำปากยู่ใส่คนตัวสูงทันที ตอนนี้ทั้งคู่กำลังนอนดูหนังอยู่ในห้องของมาร์ค และเป็นปกติถ้าคนตัวเล็กมานอนดูหนังที่นี่มาร์คก็จะแปลงร่างตัวเองเป็นหมอนให้คนตัวเล็กนอนกอด

     

    “ถ้าแบมบอกเพื่อนก็ไม่กล้าเข้าใกล้แบมสิครับ”

     

    “นั่นแหละที่ต้องการ”

     

    “หือ คุณมาร์คว่าไงนะครับ”

     

    “เปล่า ดูหนังต่อไปเถอะ”

     

    ทำไมกลายเป็นคนแก่ขี้ระแวงแบบนี้นะมาร์ค ถึงจะรู้ว่ายูคยอมเพื่อนของแบมแบมคิดไม่ซื่อแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ในเมื่อคนตัวเล็กดูจะรักเพื่อนมาก

     

    “แบมรักคุณมาร์คนะครับ”

     

    อ่า อยู่ดีๆเด็กน้อยก็บอกรักคนตัวสูงที่จำกลังทำคิ้วขมวดอยู่  แบมแบมรู้ว่าอะไรที่จะทำให้มาร์คอารมณ์ดี

     

    ฟอดดดดดด 

     

    คิ้วที่ขมวดอยู่เริ่มคลายออกเพียงแค่ได้ยินคำบอกรักจากคนตัวเล็ก แค่นั้นไม่พอแบมแบมรู้ดี สุดท้ายจึงต้องยืดตัวหอมแก้มคนแก่ฟอดใหญ่ แน่นอนว่าได้ผล

     

    “ยิ้มแล้วนะครับ อย่าทำคิ้วขมวดอีกนะครับจะแก่เร็วนะ คิกคิก”

     

    “ซนจังเลยนะเราน่ะ วันนี้ไม่ให้กลับห้องหรอกนะยั่วกันขนาดนี้แล้ว”

     

    “โอ๊ะ คงไม่ได้พรุ่งนี้แบมมีเรียน”

     

    “มีเรียนบ่าย”

     

    “อ่า มาร์คซังรู้ทันตลอด บุ่ยๆ” 

     

    ยืดดดดด

     

    “งื้อ”

     

    “ขี้บ่นจังเลย  ขอบใจนะที่บอกว่ารักฉัน”

     

    ^______^

     

    “ฉันยังไม่เคยบอกนายซักครั้งเลยเนอะ ฉันก็รักนายเหมือนกัน”

     

    “มาร์คซัง”  แบมแบมตกใจกับคำสารภาพที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยิน  ทั้งสองคนยิ้มให้กันอย่างมีความสุข นี่สินะที่เขาเรียกว่าความสุข พระเจ้าได้โปรดให้ผมกับแบมแบมอยู่ด้วยกันอย่างนี้ตลอดไปด้วยเถิด มาร์คภาวนาในใจ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    จากฉันคนเดิม จากรักไม่เป็น

    จะขอเป็นคนที่รักเธอยิ่งกว่าคนไหน ๆ

     

     

    “จะออกไปไหนแต่เช้าแบมแบม”  ทันทีที่ตื่นนอนมาร์คก็เห็นแบมแบมอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว

     

    “แบมต้องไปทำรายงานครับบอกมาร์คซังไปแล้วไงทำไมขี้ลืม”

     

    คนตัวเล็กเดินมาดึงจมูกคนตัวโตที่นอนงัวเงียอยู่ที่เตียง ถ้าใครเห็นเข้าเขาคงอายยันลูกบวช

     

    “เจ็บนะ นี่จะเอาคืนเหรอที่ฉันทำนายเจ็บ”

     

    “งื้อ ไม่คุยกับมาร์คซังแล้ว ไปดีกว่าเดี๋ยวจะรีบกลับมานะครับ”

     

    จุ๊บ

     

    “มอร์นิ่งคิสครับเจ้านาย”  เด็กทะเล้นจุ๊บปากคนตัวโตเบาๆก่อนจะเดินออกไป  เฮ้อ ทำไมมีความสุขจังนะมาร์ค

     

     

     

    “วันนี้วันเกิดแบมุแบมุจัง เจ้าตัวลืมแล้วแน่ๆเลยค่ะมาร์คซัง”  ป้าเมอิพูดพลางยกอาหารเช้าเข้ามาเสิร์ฟมาร์ค  แบมแบมมักจะลืมเสมอเมื่อถึงวันเกิดตัวเอง เจ้าตัวบอกว่าตั้งแต่พ่อแม่เสียไปเขาก็ไม่เคยได้จัดวันเกิดอีกเลย จนกระทั่งได้มาอยู่กับมาร์ค

     

    “ป้าเมอิ ผม เอ่อ”

     

    “คะมาร์คซัง”

     

    “เอ่อ ผมอยากลองทำเค้ก”  คนที่มีตำแหน่งหัวหน้าแก๊งคราวส์พูดไปเขินไปอย่างปิดไม่มิด ทำเอาป้าเมอิที่ยืนมองถึงกับอมยิ้มตาม มาร์คซังโหมดมีความรักนี่ดีกว่ามาร์คซังโหมดอยากฆ่าคนเป็นไหนๆ

     

    “ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ดูป้านะคะ แบบนี้”

     

    “แบบนี้เหรอ”

     

    “ไม่ใช่ค่ะมาร์คซัง เฮ้อ จะเสร็จไหมวันนี้ มาร์คซังไปพักก่อนเถอะค่ะเดี๋ยวป้าทำต่อเอง”

     

    “ไม่ๆ ฉันจะทำเอง”

     

    สุดท้ายมาร์คก็ยืนกรานที่จะทำเค้กช็อคโกแลตของโปรดให้กับคนตัวเล็ก แต่ไม่รู้ผลจะออกมาเป็นยังไงจะกินได้หรือเปล่า แต่ถึงจะกินไม่ได้เจ้าของวันเกิดก็คงยิ้มจนแก้มแทบปริ

     

     

     

    “กลับมาแล้วคร้าบ”

     

    แบมแบมกลับมาถึงบ้านตอนเย็น แต่ทำไมบ้านเงียบผิดปกติแล้วก็มืดด้วยทำไมไม่เปิดไฟ  ร่างเล็กเดินไปบ่นพึมพำไป

     

    “มาร์คซังแบมแบมกลับมาแล้วคร้าบ”

    ตะโกนเรียกยังไงก็ไม่มีเสียงขานรับ เกิดอะไรขึ้น หระ หรือว่ามีคนบุกมาทำอันตรายมาร์คซัง!

     

    “ฮึก มาร์คซังอยู่ไหน อย่าทิ้งแบมนะ ฮือๆ” คนตัวเล็กกำลังตั้งท่าวิ่งขึ้นบันไดไปหามาร์คที่ห้องก็ต้องชะงักเมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้น

     

    “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู”  เพลงวันเกิดดังขึ้นจากเสียงมาร์คเสียงเดียวต่อมาก็มีหลายๆเสียงรวมกันพร้อมกับแสงเทียนจากเค้กที่มาร์คถือเดินเข้ามาหาแบมแบม คนตัวเล็กมองคนรักแล้วยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม

     

    “ฮืออออออออออ”

     

    “โอ๋ๆไม่ร้องนะครับ เซอร์ไพรซ์ไง”  มาร์คฝากเค้กไว้ที่โชก่อนจะเดินมากอดปลอบคนตัวเล็ก

     

    “ฮึก แบมนึกว่าเกิดอะไรขึ้น ฮึก กับมาร์คซัง”

     

    “ฮ่าๆ ไม่มีใครเข้ามาในเขตบ้านเราได้หรอก ป่ะ เป่าเทียนดีกว่า”  มาร์คหันไปรับเค้กจากโชแล้วยื่นให้คนตัวเล็กเป่า เมื่อเป่าเสร็จไฟก็สว่างขึ้นจนมองเห็นหน้าทุกคนชัดเจน แบมแบมมองทุกคนแล้วยิ้มทั้งน้ำตา

     

    “ขอบคุณทุกคนนะครับที่ไม่ลืมวันเกิดแบมทั้งทั้งที่แบมยังลืมเลย”

     

    “ก็แบมุแบมุจังเป็นคนในครอบครัวเราไงจ๊ะ จะลืมได้ยังไง” ป้าเมอิพูดขึ้นพลางเดินเข้าไปกอดคนขี้แย

     

    “เค้กชิ้นนี้มาร์คซังลงมือทำเองเลยนะ” 

     

    !!!?

     

    “เอ่อ อยากลองทำอะไรให้นายบ้างน่ะ ของขวัญวันเกิดที่ฉันทำเองกับมือชิ้นแรกในชีวิตเลยนะ”

     

    “มาร์คซัง ขอบคุณนะครับแบมจะเก็บเค้กนี้ไว้จะไม่กินมันเด็ดขาด”

     

    “ไม่ได้นะฉันทำให้นายกินนายก็ต้องกินสิ”

     

    “ก็ได้ครับ”  มาร์คตักเค้กแล้วยื่นมาจ่อที่ปากแบมแบม แบมแบมยิ้มแล้วงับเค้กเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆอย่างน่ารัก

     

    “เป็นไง”  คนทำเค้กลุ้นระทึกกับลูกค้าคนแรกที่ได้กินเค้กฝีมือเขา

     

    “อร่อยมากเลยครับ!!

     

    “ไม่ต้องพูดปลอบใจฉันก็ได้นะ”

     

    “มันอร่อยจริงๆนะครับ ถึงจะแข็งไปนิดนึงก็เถอะ แหะๆ ทุกคนลองชิมดูสิครับ”

    จากนั้นทุกคนก็ร่วมกินเค้กฉลองวันเกิดอายุ 21 ปีให้กับแบมแบม  เป็นภาพที่น่าประทับใจจริงๆ ทุกคนกำลังยิ้ม ต้องขอบคุณแบมแบมที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในบ้านหลังนี้

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ยินดีด้วยนะบัณฑิตใหม่” 

     

    “ขอบคุณครับมาร์คซัง”  วันนี้เป็นวันฉลองความสำเร็จของแบมแบม และแบมแบมคว้าเกียรตินิยมมาอวดมาร์คได้จริงๆอย่างที่เคยพูดไว้  เด็กน้อยของเขาโตเป็นหนุ่มแล้วแต่ก็ยังคงความน่ารัก

     

     

     

    “แบมแบม”

     

    “ครับ” 

    ในระหว่างทางกลับบ้าน มาร์คหยุดรถที่สวนสาธารณะก่อนจะเดินจูงมือคนตัวเล็กออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์  น้อยครั้งนักที่เขาจะทำแบบนี้ อย่างที่รู้ๆว่าข้างนอกไม่เคยปลอดภัย แต่วันนี้วันพิเศษของคนที่เขารักเขาอยากพาแบมแบมไปที่อื่นบ้างนอกจากที่บ้าน

     

    “ฉันรักนาย”

     

    “แบมก็รักมาร์คซังครับ”

     

    คำสารภาพรักที่นานๆทีคนตัวโตจะพูดทำเอาคนตัวเล็กเขินจนหน้าขึ้นสี แต่ก็ไม่ยอมให้น้อยหน้าหรอกต้องบอกรักบ้าง

     

    “ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันฉันขอโทษนะที่ไม่สามารถพานายออกไปเที่ยวข้างนอกได้ อันตรายมีอยู่ทุกที่”

     

    “ไม่เป็นไรครับแบมเข้าใจ”

     

    “ฉันกลัวนายจะเป็นอะไรไปถ้าหากมีคนดักเก็บฉัน  แต่ฉันจะปกป้องนายให้ถึงที่สุดจนกว่าฉันจะตาย”

     

    “ไม่เอานะครับไม่พูดคำว่าตายนะ”

     

    “อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนหรอกแบมแบม”

     

    “.......”

     

    “นาย.....จะแต่งงานกับฉันได้ไหม”

     

    !!!!!”  

     

    คนตัวเล็กหยุดเดินพลางหันไปมองคนตัวโตด้วยความตกใจ ไม่คิดว่ามาร์คซังจะขอเขาแต่งงานในสถานที่แบบนี้

     

    “ว่าไง ฮึ ไม่อยากเป็นนายหญิงของคราวส์เหรอ”

     

    “ฮึก ไม่อยากครับ”

     

    “........”  คนตัวโตได้ฟังถึงกับหุบยิ้ม ไม่คิดว่าคำตอบของคนตัวเล็กจะออกมาเป็นแบบนี้ นี่เขาหวังมากเกินไปสินะ 

     

     

     

     

     

     

     

    “แบมอยากเป็นภรรยาของมาร์คซังแห่งคราวส์มากกว่า”

     

    อ่า เด็กซนคนนี้มันน่าจับฟัดนัก แกล้งได้แม้แต่สถานการณ์แบบนี้ มาร์คฉีกยิ้มแล้วคว้าคนตัวเล็กเขามาไว้ในอ้อมกอด รัก ไม่สิ มันมากกว่ารักจนไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาพูด

     

    “เรามาสร้างอนาคตด้วยกันนะแบมแบม”

     

    “ครับมาร์คซัง”

     

     

    “ฉันรักนายแบมแบม”

     

     

    “แบมก็รักมาร์คซัง”

     

     

     

     

    จากนี้คือเธอ จากนี้จนวันตาย เธอคือสุดท้ายของทั้งชีวิตและหัวใจ






    ...END...



     

    อยากจะแต่งต่อแต่พอเหลือบมอง โอ้โห 11 หน้า รีบจบดีกว่า อิอิ ถ้าแต่งต่อมันต้องม่าแน่นแน่

    #ไรเตอร์กากๆคนหนึ่ง

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×