ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha atlove the series 23] Happy Alley: มีสุข 23

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7 - Happy Alley เด็กป่วย

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 57


    Chapter 7

     

     

    เสียงผิวปากในจังหวะของเพลงรักอมตะจากละครเวทีที่พึ่งไปดูมาเมื่อสุดสัปดาห์ถูกถ่ายทอดผ่านริมฝีปากหนาได้รูปครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จะผ่านมาหลายวันแล้วแต่เต๋ายังคงคิดถึงละครเพลงเรื่องนั้นอยู่  ไม่รู้ว่าเพราะเนื้อเรื่องที่สนุกสนานหรือเพราะใครอีกคนที่ไปดูด้วยที่ยังคงทำให้รู้สึกประทับใจ

    มือหนายกขึ้นจัดปกเสื้อเชิ้ตให้เป็นระเบียบ มองดูตัวเองในกระจกบานใส จัดการกับตัวเองให้เรียบร้อยเพื่อเริ่มต้นเช้าวันทำงานอันสดใส อีกไม่กี่วันก็จะสุดสัปดาห์อีกครั้ง  โปรเจคท์ที่ส่งไปก็ได้รับการอนุมัติมาเรียบร้อย อะไรๆรอบข้างก็ดูดำเนินไปในทางที่ดี  

    แม้ว่าช่วงนี้จะกลับบ้านหลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าทุกวัน แต่ก็ไม่เคยมีเลยสักวันที่จะทำให้ตัวเองยุ่งจนไม่ได้เจอหน้าอีกคน  นอกเสียจากเมื่อวานที่กว่าเต๋าจะเคลียร์งานได้เรียบร้อยเวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงสามทุ่ม ... คิดถึงเด็กน้อยตัวเล็กได้สักพัก เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น  เต๋าหยิบมันขึ้นมาดูและก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา

     

    หวัดดีครับพี่มิ้นท์

     

    เต๋า...เต๋าออกมาทำงานแล้วยัง?”

     

    ยังครับ พี่มิ้นท์มีอะไรหรือเปล่า

     

    พี่ว่าจะฝากเข้าไปดูคชาให้หน่อย เมื่อวานวิ่งตากฝนกลับบ้าน เมื่อเช้าตื่นมาตัวรุมๆ นี่พี่โทรไปหาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่ยอมรับ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไหม?”  มิ้นท์พูดด้วยน้ำเสียงรัวเร็วและเต็มไปด้วยความกังวลกว่าปกติ

     

    เมื่อวานคชาตากฝนกลับบ้านหรอครับ?”  น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถาม รู้สึกถึงลมหายใจที่ขาดห้วงไปเล็กน้อย พลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน...เมื่อวานเต๋ากลับบ้านดึก  ช่วงหัวค่ำส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นหาอีกคน แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ ไม่มีแม้กระทั่งตัวอักษรที่แสดงถึงการอ่านข้อความ...ป่านนี้คงจะนอนป่วยแล้วสินะเด็กน้อย

     

    พอดีวันนี้พี่มีทัศนศึกษากับเด็กๆ แล้วต้องค้างด้วยคืนนึง  พี่ฝากเต๋าดูคชาให้หน่อยนะ”  น้ำเสียงของมิ้นท์ดูกังวลไม่น้อย  นึกเกรงใจเต๋าอยู่มากแต่ความห่วงน้องชายก็มีมากกว่าจึงกล้าขอร้องเพื่อนบ้านไปแบบนั้น

     

    ได้ครับๆ เดี๋ยวเต๋าแวะไปดูคชาให้

     

    ขอบคุณมากนะเต๋า ถ้ามีอะไรโทรมาได้ตลอดเลยนะ

     

    ครับๆ

     

    ขอบคุณมากนะคนเป็นพี่บอกขอบคุณเต๋าอีกครั้ง

     

    ไม่เป็นไรครับ

     

    อ่อ...กุญแจอยู่ที่เดิมนะ  พี่ฝากด้วย”  ล่ำลาปลายสายเสร็จสรรพ ขายาวก็ก้าวฉับออกจากตัวห้องนอนแล้ววิ่งลงบันไดมายังชั้นล่างอย่างไม่รีรอ

     

    -------------------------------------------------------------

     

    เต๋าวิ่งพุ่งตรงขึ้นมาบนชั้นสองของบ้านอีกหลัง  มือหนายกขึ้นเคาะประตูห้องนอนคนตัวเล็กสองสามที  และก็ต้องตัดสินใจเปิดเข้าไปโดยไม่รอคำอนุญาต  เด็กน้อยหัวกลมที่กำลังนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนายังคงจมดิ่งในห้วงนิทรา  ลมหายใจร้อนผ่าวยังคงผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ  ขายาวก้าวเดินไปยังข้างเตียงก่อนจะนั่งลง  มือหนาเลื่อนไปยังผ้าห่มที่ปกคลุมใบหน้าของอีกคนไว้กว่าครึ่งหน้าให้ร่นลงมาอยู่ที่คอ

     

    คชา...” เต๋าสะกิดเรียกคนตัวเล็ก แล้วเลื่อนมือไปสัมผัสยังหน้าผากมน   ความร้อนที่สัมผัสได้ทำให้ร่างสูงถึงกับใจหายวาบ...คชาตัวร้อนมาก

     

    ร่างสูงผละออกจากเตียงเพื่อมาเปิดม่านให้แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาในตัวห้องนอน ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำและออกมาพร้อมกับกะละมังใบเล็กและผ้าขนหนูผืนนุ่ม ลงมือจัดการเช็ดใบหน้าน่ารักที่ตอนนี้ซีดเซียวผิดปกติ อีกทั้งริมฝีปากบางนั้นก็ดูแห้งจนเห็นได้ชัด  มือหนาบรรจงไล่ผ้าขนหนูผืนนุ่มลงมาเรื่อยๆตั้งแต่ใบหน้ามาจนถึงคอเล็ก ก่อนที่จะหย่อนมันลงในกะละมัง บิดน้ำให้หมาดอีกครั้งและวางแหมะลงบนหน้าผากมน  โดยที่คนป่วยไม่มีวี่แววว่าจะรู้สึกตัวเลยสักนิด

     

    พี่..เต๋า”  เสียงเรียกแผ่วเบาของคชาทำให้เต๋าหันหลังกลับมามอง  ดวงตาคู่กลมปรือปรอยกระพริบหนีแสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาจากทางหน้าต่าง ก่อนมือบางจะยกขึ้นมาตั้งท่าจะขยี้ตา ทำให้เต๋าที่กำลังเดินไปยังห้องน้ำต้องรีบวางกะละมังใบเล็กลงบนโต๊ะหัวเตียง นั่งลงบนเตียงอีกครั้งแล้วยกมือจับห้ามคนตัวเล็กทันที  เด็กน้อยที่รู้สึกเหมือนโดนขัดใจส่งเสียงงึมงำในลำคอ แล้วพยายามลืมตาขึ้นมามองหน้าอีกคน

     

    ขยี้ตาแบบนั้นเดี๋ยวก็เจ็บหรอกร่างสูงอดไม่ได้ที่จะเอ็ดคนป่วยเบาๆ นึกเป็นห่วงดวงตาคู่กลมไม่น้อยหากคชาขยี้มันแรงเกินไป

     

    “..ปวดหัวมือเล็กขยับพ้นหนีการจับกุมของอีกคน แล้วย้ายไปกุมไว้ที่ศีรษะสองข้าง

     

    ไหวไหม ตัวร้อนมากเลยนะเรา ไปหาหมอไหม?”

     

    ไม่เอา”  ส่ายหัวกลมๆเสียจนเส้นผมสีดำกระจายทั่วหมอนใบโต  ใครๆก็รู้ว่าคชากลัวคุณโรงพยาบาล

     

    กี่โมงแล้วฮะ

     

    จะแปดโมงแล้วครับ

     

    โรงเรียน...”

     

    พี่มิ้นท์โทรไปลาป่วยให้แล้ว  ตัวร้อนขนาดนี้ไปโรงเรียนไม่ได้หรอกนะคนตัวเล็กพยักหน้า ตั้งท่าจะปิดเปลือกตาลงอีกหนเมื่อรู้สึกราวกับว่ามันหนักอึ้งจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคิดอะไรบางอย่างได้

     

    แล้วพี่เต๋าไม่ไปทำงานหรอ”  น้ำเสียงติดจะแหบพร่าเอ่ยถามขึ้น

     

    มีเด็กป่วยแบบนี้จะออกไปได้ยังไง

     

    ไม่เป็นไร  คชาอยู่ได้...พี่เต๋าไปทำงานเถอะเดี๋ยวโดนพี่ไทด์ดุนะ

     

    ลืมตาให้ขึ้นก่อนนะเด็กน้อย แล้วพี่ก็โทรไปลางานแล้วด้วยเต๋าไขว้นิ้วชี้กับนิ้วกลางไว้กลางหลัง วันนี้ต้องแอบโกหกตั้งแต่เช้าเพื่อให้เด็กป่วยสบายใจ

     

    อยู่ได้จริงๆนะเสียงแห้งๆของคนป่วยเอ่ยบอกเต๋า

     

    ให้นอนต่ออีกนิด เดี๋ยวพี่ปลุกมากินข้าวกินยา โอเคนะคนตัวสูงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีแล้วเดินไปยังประตูบานใหญ่

     

    พี่เต๋าอย่าเปลี่ยนเรื่องสิ...คชาอยู่ได้จริงๆนะ

     

    คชาก็อย่าดื้อสิ...พี่เต๋าอยู่ได้จริงๆนะ”  หันหน้ามาล้อเลียนประโยคแบบอีกคน ก่อนจะยิ้มจนตาปิดให้เด็กน้อยที่นอนป่วยอยู่บนเตียงแล้วเดินออกจากห้องไป

     

    ใครดื้อกันแน่คชาหันกลับมานอนแผ่กลางเตียง ตากลมเพ่งมองเพดานแล้วบ่นคนที่พึ่งเดินออกไป  ก่อนจะทนความอ่อนเพลียไม่ไหวหลับลงไปอีกครั้ง

     

    -------------------------------------------------------------

     

    ท้ายที่สุดเต๋าก็ต้องตัดสินใจโทรไปหางานช่วงเช้า  ดีที่งานไม่ได้มีอะไรคั่งค้างอีกทั้งเมื่อบอกสาเหตุของการขอลางานไป  พี่ไทด์ก็อนุญาตให้ลาทันที แถมยังแอบกระซิบให้ลาได้ทั้งวันด้วย

     

    เต๋าเดินกลับไปที่ห้องนอนของคชาอีกครั้งพร้อมกับชามข้าวต้มที่เขาทำเองกับมือ  โดยไม่ลืมห้อยถุงยาสามสี่อย่างที่พี่มิ้นท์โทรมาบอกพิกัดของมันก่อนหน้านี้    เด็กป่วยถูกปลุกให้ลุกขึ้นมากินข้าวกินยาทั้งที่ตาแทบจะปิด  ก่อนจะโดนบังคับให้เช็ดตัวอีกครั้ง  ครั้งนี้คชาขอเช็ดตัวเอง ตอนแรกคนตัวเล็กก็แอบตกใจเหมือนกันที่รู้ว่าก่อนหน้านี้พี่เต๋าเช็ดตัวให้ไปรอบนึงแล้ว แต่พอพี่เต๋าบอกว่าเช็ดแค่หน้ากับคอก็ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย  แต่แก้มก็ยังรู้สึกร้อนๆอยู่ดี ครั้งนี้เลยขอเช็ดเองดีกว่า

     

    เดี๋ยวพี่เอาถ้วยลงไปเก็บ เราก็เช็ดตัวให้เรียบร้อยแล้วก็นอนพักต่อนะเต๋าบอกคนตัวเล็กที่กำลังนั่งนิ่งชิดพิงหัวเตียง

     

    พี่เต๋าไม่ไปทำงานจริงๆหรอ?”

     

    จะไล่พี่ให้กลับไปทำงานหรอ

     

    ไม่ได้ไล่นะ...แต่...”

     

    ปีนี้พี่พึ่งจะได้ลางานครั้งนี้ก็ครั้งแรก ดีเหมือนกันครั้งนี้ไม่ได้โกหก ทำงานมาครึ่งปีวันนี้เป็นวันแรกที่เต๋าขอลางาน

     

    ใครเขาเอาวันลามาดูแลเด็กป่วยข้างบ้านกันหละเต๋าหลุดขำให้เด็กป่วยที่นั่งหน้าซีดตาแทบปิด  นี่ขนาดป่วยอยู่ยังบ่นได้นะเด็กน้อย

     

    แล้วปกติเขาเอาวันลาไปทำอะไรกันหละ?”  คนตัวเล็กทำหน้าครุ่นคิดไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา 

     

    ก็เอาไปเที่ยว”  คำตอบของคชาทำให้เต๋าถึงกับส่ายหน้า...เด็กหนอเด็ก

     

    งั้นวันลาครั้งหน้า พี่ยกให้เรา พาพี่ไปเที่ยวด้วยนะ...”  คนตัวเล็กขมวดคิ้วมองหน้าเต๋า เรียกให้ใบหน้าขาวแย้มยิ้มหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง

     

    ล้อเล่นนะ  วันนี้ให้หายป่วยก่อนก็พอ”  เต๋าบอกคชาแล้วเดินไปยังประตูห้องนอนอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับมาเมื่อคิดอะไรบางอย่างได้ 

     

    เอ่อคชา...เราเอาครั้งแรกของพี่ไปอีกแล้วนะร่างสูงยักคิ้วให้เด็กน้อยที่นั่งช็อคอยู่กลางเตียง  แล้วจะรีบเดินออกจากห้องให้ไวที่สุดก่อนสติของคนตัวเล็กจะกลับมา

     

    -------------------------------------------------------------

     

    เต๋าเดินกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง  เห็นเด็กป่วยนอนหลับตาห่มผ้าเรียบร้อยก็สบายใจ แต่ครู่เดียวเท่านั้นแหละ ตาคู่กลมนั้นก็เปิดขึ้นอีกหน

    ยังไม่หลับ?”  คชาส่ายหน้าสองสามครั้ง  แล้วพลิกตัวนอนตะแคงด้านข้าง มองแผ่นหลังหนาของพี่เต๋าที่กำลังเดินเอากะละมังเข้าไปเก็บในห้องน้ำ

     

    ป่วยแบบนี้ได้ยังไงนะเราเต๋าเอ่ยถามขึ้นแล้วนั่งลงที่พื้นข้างเตียง เมื่อเห็นเด็กน้อยนอนตะแคงแล้วพลิกตัวมาฝั่งตนพอดี  ตาคมสบกับดวงตาคู่กลมที่มองมาทางตนเอง  ตาคู่กลมเลิ่กลั่กเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้หนีมองไปทางอื่นแต่อย่างใด

     

    เมื่อวานวิ่งตากฝนกลับบ้าน เดินมาอยู่ดีๆ จู่ๆฟ้าก็มืดแล้วฝนก็ตกลงมาใหญ่เลย เม็ดใหญ่มากด้วย ตกแรงมากด้วย แล้วเมื่อวานก็เป็นวันแรกด้วยที่ไม่ได้พกร่มไป ซวยชะมัด เฮ้อคนตัวเล็กบ่นยืดยาวแล้วถอนหายใจ  ทำให้เต๋าอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว

     

    คนป่วยนี่พูดเยอะเหมือนกันนะเนี่ย

     

    ฮืออ...”  ส่งเสียงฟึดฟัดทันทีเมื่อโดนคนเป็นพี่ล้อ ทำให้เต๋าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแต่ก็ต้องรีบหยุดเมื่อมองเห็นสายตาดุๆที่ส่งมา

     

    เมื่อวานขอโทษนะฮะที่ไม่ได้ตอบไลน์ พออาบน้ำเสร็จก็เผลอหลับไปเลยคชาว่าเสียงเบาก่อนจะหน้าหงอยเหมือนเด็กน้อยรู้สึกผิด

     

    ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่เมื่อวานก่อนนอนไม่ได้กินยาใช่ไหม?” เต๋าว่าแล้วยกมือขึ้นสัมผัสหน้าผากมนเพื่อวัดไข้อีกครั้ง รู้สึกโล่งใจเมื่อสัมผัสได้ว่าความร้อนนั้นลดลง

     

    ไม่ได้กิน ใครจะไปคิดว่าตัวเองจะป่วยหละ

     

    ดื้อมากกว่ามั้ง

     

    ไม่ได้ดื้อนะ ทำไมต้องชอบว่าคชาดื้อเด็กน้อยจิปากอย่างขัดใจ สองมือใต้ผ้าห่มหนายกขึ้นกอดอกเอาไว้

     

    ก็ดื้อจริงๆ

     

    ไม่ดื้อนะ

     

    ดื้อ

     

    ไม่ได้ดื้อ

     

    ดื้อหมั่นเขี้ยวเด็กป่วยแสนดื้อบนเตียงจนต้องบีบเบาๆที่ปลายจมูกรั้นนั้นหนึ่งที

     

    ก็บอกว่าไม่ดื้อไง

     

    พี่น่ารักคนดื้อ

     

    งือออออ....”  สุดท้ายก็มาจนมุมกับสรรพนามที่อีกคนใช้เรียก มุดหน้าลงไปกับผ้าห่มผืนโตจนมิด สักพักมือหนาก็ต้องเลื่อนมาขยับผืนผ้าห่มเพราะกลัวว่าคนป่วยจะหายใจไม่ออกไปเสียก่อน

     

    นอนได้แล้วนะน้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยบอกแล้วลูบหัวเด็กน้อย  มือหนายังสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากศีรษะกลมนั้น

     

    ไม่อยากนอนแล้ว

     

    ดูสิตาจะปิดแล้ว นอนนะจะได้หายไวๆตากลมเริ่มกระพริบถี่เพื่อต่อต้านกับความง่วน  ถึงปากจะบอกว่าไม่อยากนอนแต่ร่างกายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับฤทธิ์ของยากับอาการป่วย 

     

    อย่าไปไหนนะฮะท้ายที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับมัน  เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงช้าๆ  ในขณะที่มือหนายังทำหน้าที่ลูบศีรษะกลมของคนตัวเล็กเอาไว้

     

    ครับ

     

    ไม่อยากอยู่คนเดียวแล้วสติทั้งหมดของคนป่วยก็จมหายลงสู่ห้วงนิทรา  เต๋าอมยิ้มให้กับประโยคสุดท้ายของเด็กน้อยบนเตียง...คนป่วยนี่ขี้อ้อนแล้วก็ขี้เหงาด้วยสินะ

     

    หายไวๆนะครับพี่น่ารัก”  น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยแผ่วเบาให้คนตัวเล็ก  ปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงไอร้อนบริเวณแก้มใสที่ตนเองกำลังเกลี่ยนิ้วสัมผัส  หวังเพียงตื่นมาแล้วสัมผัสร้อนผ่าวจะจางหายไปบ้าง...แล้วปล่อยให้ดวงตาคู่คมปิดสนิทลง ฟุบหลับลงที่ขอบเตียงจมลงสู่ห้วงนิทราอีกคน

     

    -------------------------------------------------------------

     

    เพื่อนแข็ง  พี่ตี๋โทรมาบอกให้เอาข้าวไปให้คุณเต๋าที่บ้านคุณน้องคชาหน่อย”  หนุ่มแว่นประจำร้านชานมไข่มุกประจำซอยมีสุข23 เรียกเพื่อนสนิทหัวฟูทันทีเมื่อวางโทรศัพท์จากเจ้านายเสร็จ

     

    ห๊ะ อะไรนะพี่เต๋าไม่ได้ไปทำงานหรอวะ แล้วไปอยู่อะไรที่บ้านน้องคชาน้ำแข็งที่ง่วนอยู่กับการเรียงของในตู้แช่หันหน้ามาหาโปเต้ที่อยู่บริเวณเคาท์เตอร์

     

    พี่ตี๋บอกว่า พี่มิ้นท์โทรมาบอกว่า คุณน้องคชาป่วย คุณเต๋าเลยไปเฝ้าไข้ให้

     

    อ่อออ...เพื่อนแข็งGetแล้วครับเพื่อนเต้  ว่าแต่ทำไมต้องพี่เต๋าวะ?”  น้ำแข็งเออออรับ จัดของในตู้อีกสองสามชิ้น ปิดประตูตู้แช่แล้วเดินมาหาเพื่อน

     

    คุณมิ้นท์ไม่อยู่  ไปทัศนศึกษากับโรงเรียนที่ต่างจังหวัด

     

    พี่เต๋าใจดีว่ะ

     

    ทำตามหัวใจตัวเองเป็นเรื่องที่ไม่แปลกครับเพื่อนแข็ง

     

    เอ่อ...ก็ใช่...ห๊ะ! แกว่าอะไรนะเต้?” 

     

    เปล๊า..ไม่ได้ว่าอะไรครับเพื่อนแข็งโปเต้เสียงสูง ขยับกรอบขาแว่นสีดำที่พึ่งตัดมาใหม่ แล้วหันไปเช็ดทำความสะอาดเคาท์เตอร์ต่อ

     

    เมื่อกี้กูได้ยินอะไรๆหัวใจนะ

     

    วุ้นรูปหัวใจขายดีวันหลังบอกคุณตี๋สั่งมาเพิ่มดีกว่า

     

    มั่วแล้วมึง ไม่ใช่แล้วๆ

     

    ไปส่งข้าวเถอะครับเพื่อนแข็ง  เดี๋ยวคุณเต๋าจะหิวจนป่วยไปอีกคน”  โปเต้ตัดบท เดินไปยังหลังร้านทิ้งให้เพื่อนแข็งยืนงงชั่วขณะก่อนจะเดินไปสั่งอาหารง่ายๆที่ร้านลุงเทพเพื่อนำไปส่งตามคำสั่ง

     

    -------------------------------------------------------------

     

    เต๋ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงออดจากประตู้รั้ว  ใบหน้าขาวยังคงฟุบอยู่กับขอบเตียง  ตาคมเบิกกว้างมองใบหน้าซีดเซียวแต่หากยังคงน่ารักสดใสเสมอสำหรับเขา  มือหนายกขึ้นวัดไข้คนตัวเล็กอีกครั้ง ถอนหายใจแผ่วเบาเมื่อรู้สึกว่าไข้ของคนตัวเล็กไม่ได้ต่างจากครั้งที่แล้วเท่าไหร่  ก่อนที่เสียงกดออดจากหน้าบ้านจะดังขึ้นอีกครั้ง  เรียกให้เต๋าลุกเดินลงไปยังชั้นล่าง

     

    โหหห พี่เต๋า อยู่บ้านแต่งตัวโคตรเรียบร้อยเลย”  น้ำแข็งเอ่ยทักทันทีเมื่อเห็นร่างสูงขาวของเต๋าเดินตรงมาที่รั้วบ้าน  ทำให้ตาคมก้มมองสภาพของตัวเอง...จริงอย่างที่น้ำแข็งพูด  เขายังอยู่ในชุดทำงาน เสื้อเชิ้ตตัวเก่งยังถูกยัดไว้ใต้กางเกงแสล็คสีดำไม่ได้หลุดลุ่ยออกมาเลยสักนิด

     

    คนมันดูดีตลอดเวลา  ว่าแต่มาทำไมเต๋าเดินมาหาเด็กที่ร้านที่ยืนเกาะรั้วรออยู่

     

    คร้าบพี่เต๋าคนหล่อ   พี่ตี๋บอกให้เอาข้าวมาส่งคร้าบ”  น้ำแข็งว่าแล้วชูถุงกับข้าวให้เต๋าดู

     

    เห้ย ขอบคุณมาก”  เต๋ามองสิ่งที่น้ำแข็งชูขึ้นแล้วก็พลางนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กินข้าวเลยตั้งแต่เช้า

     

    แล้วน้องคชาหายยังพี่

     

    ไข้ยังไม่ลดเท่าไหร่

     

    แล้วนี่พี่เต๋าโดดงานหรอ”  มือหนาเอื้อมไปรับถุงพลาสติกบรรจุอาหารจากอีกฟากของรั้ว ก้มลงสำรวจถุงแล้วเงยหน้าตอบคำถามอีกคน

     

    พี่ลา ไม่ได้โดด

     

    คนดีสุดๆ พ่อพระโคตรๆ” 

     

    กลับได้แล้วมั้ง  เดี๋ยวเต้ไม่มีคนช่วยดูร้าน” 

     

    คร้าบ  ไปแล้วพี่...ฝากบอกน้องคชาด้วยว่าหายไวๆ”  น้ำแข็งยกมือตะเบ๊ะให้เต๋า บอกลาแล้วเดินออกไป  เต๋าเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน  ครุ่นคิดว่าควรกินข้าวในห้องครัวหรือขึ้นไปกินที่ห้องนอนคชา เพราะกลัวเด็กป่วยจะตื่นมาแล้วไม่เจอใคร แล้วใครที่ว่าก็เป็น เขาคนเดียวด้วยสิ...ท้ายที่สุดเต๋าก็ตัดสินใจรีบจัดการอาหารมื้อแรกในบนโต๊ะอาหารในห้องครัว  แล้วรีบกลับขึ้นไปหาเด็กป่วยที่ยังนอนหลับสนิทอยู่

    -------------------------------------------------------------

     

    เต๋าใช้เวลาทั้งวันดูแลเด็กน้อยที่นอนป่วยอยู่บนเตียงจนเวลาล่วงเลยมาจนเย็น   ทั้งปลุกให้ลุกขึ้นมาทานยาทุกสี่ชั่วโมง ทั้งหาข้าวให้กินครบทุกมื้อ ยังไม่ลืมแอบเช็ดตัวให้อีกคนตอนเผลอหลับ จนอุณหภูมิของคนตัวเล็กลดลงมาให้พอโล่งอกโล่งใจ  แล้วปล่อยให้คนป่วยได้นอนพักอีกครั้งก่อนตัวเองจะกลับมาบ้าน

    กลิ่นหอมกรุ่นของเมนูอาหารที่กำลังถูกอุ่นในไมโครเวฟฟุ้งไปทั่วบ้าน  เต๋าที่พึ่งอาบน้ำจัดการกับธุระส่วนตัวเสร็จเดินลงมาจากชั้นสอง  สวนทางกับน้องชายคนเล็กของบ้านที่ดูเร่งรีบแบกกีตาร์ขึ้นห้องนอนไปเสียจนเขาร้องทักไม่ทัน

     

    ทำไรพี่ตี๋”  เต๋าเดินมายังตู้เย็นในห้องครัว  เหลือบมองพี่ชายของตนที่กำลังจ้องมองเครื่องใช้ไฟฟ้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า

     

    หาอะไรกิน  หิว!”  ตี๋ตอบทั้งที่สายตายังคงจับจ้องอยู่กับอาหารในไมโครเวฟ  เต๋าพยักหน้ารับแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม

     

    มิ้นท์บอกว่าคืนนี้แกจะไปนอนเฝ้าคชา”  พี่ชายคนโตของบ้านเอ่ยถามขึ้นในขณะที่ตนกำลังรออาหารจากไมโครเวฟ

     

    คชายังตัวร้อนอยู่  ไม่อยากให้นอนคนเดียว

     

    ถูกใจหละสิตี๋ละจากเตาไมโครเวฟ เดินไปแซวน้องชายถึงที่  ตี๋เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ถึงความรู้สึกบางอย่างของเต๋า

     

    โห  พี่ตี๋  อย่าล้อกันดิ  น้องป่วยอยู่ ปล่อยให้อยู่คนเดียวได้ไง

     

    หรอ หรา หรา น้องเต๋า  พี่แอบได้ยินนะเว้ย พี่น่ารักกับน้องเต๋าน้อยอะไรนั่น  มุมิมุ้งมิ้งไปไหมแกตี๋แซวน้องชายของตน  ดัดเสียงให้แบ๊วที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้

     

    พี่ตี๋ครับ  น้องเต๋ากราบแหละครับ  อย่าล้อน้องเต๋าเลยเต๋าวางแก้วน้ำไว้ที่หลังตู้เย็น แล้วทำหน้าขอความเห็นใจจากคนเป็นพี่แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ตี๋ลดความหมั่นไส้น้องชายลงได้

     

    อะไรๆ แค่นี้เขินหรอวะ  ให้น้องมันเล่นด้วยกับแกก่อนเถอะแล้วค่อยเขิน  น้องยังเด็กอยู่นะเว้ย

     

    รู้แล้วพี่  ไม่ต้องย้ำบ่อย”  ก็เพราะเขารู้ว่าคชายังเด็กไงเลยไม่รีบตัดสินใจทำอะไรไปมากกว่านี้

     

    เอ้อดี ท่องไว้นะ คชายังเด็ก คชายังเด็ก มาๆหันมามองปากพี่นี่ ดูดีๆนะ คชายังเด็ก คชายังเด็ก โอเค๊?”  ยิ่งเห็นหน้าหงอยๆของเต๋า  ยิ่งทำให้ตี๋เหมือนจะสะใจ

     

    ให้กำลังใจน้องบ้างก็ได้นะพี่

     

    ไม่ให้เว้ย  รอซ้ำเติมอย่างเดียว”  เต๋าคอตก หน้าเศร้าทันที  ตี๋เห็นแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะ แล้วยกมือตบบ่าน้องชาย

     

    ล้อเล่นๆ  สู้ๆนะไอ้เต๋า แต่น้องคชายังเด็ก โอเค จบนะ”  ตบบ่าเต๋าอีกสองที ก่อนที่ตี๋จะยิ้มร่าถือพาชนะสีขาวกลิ่นหอม เดินออกไปยังห้องรับแขก

     

    อาบน้ำตัวหอมฟุ้ง  จะไปบ้านมิ้นท์เลย?”  ตี๋ถามขึ้นเมื่อเห็นเต๋าอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงวอร์มขายาว

     

    ไปเลย  เดี๋ยวคชาตื่นมาแล้วไม่เจอจะงอแง

     

    เยอะไปแล้วนะไอ้น้อง

     

    โถพี่...ไปแล้วๆ”  เต๋าเดินไปยังประตูหันหลังโบกมือให้พี่ชายที่นั่งกินข้าวหน้าทีวี

     

    เต๋า!” ตี๋ร้องเรียกน้องชายที่กำลังจะเปิดประตูออกไป  ทำให้เต๋าหันหน้ามาหาพี่ชายทันทีแล้วก็ต้องหน้าหงอยลงอีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคซ้ำเดิมของพี่ตี๋

     

     

    คชายังเด็ก  ท่องไว้” 

     

     

    -------------------------------------------------------------

     

    ดวงตาคู่กลมลืมขึ้นอย่างช้าๆ  ภาพแรกที่เห็นตรงหน้าคือภาพของพี่เต๋ากำลังแบกผ้าห่มเดินเข้ามาในห้อง  เต๋ามองคนตัวเล็กที่กำลังนอนจ้องตนเองด้วยความสงสัย  กำลังคิดหาคำพูดเหมาะๆที่จะบอกคชาว่าคืนนี้เขาจะขอนอนด้วย

     

    เอ่อ...คือ...คืนนี้ คืนนี้ขอนอนด้วยนะ  ให้พี่นอนพื้นก็ได้แต่พี่ไม่อยากให้คชาอยู่คนเดียว อ่อแล้วพี่มิ้นท์ก็อนุญาตพี่แล้วด้วยนะ”  เด็กน้อยหัวเราะคิกคักกับประโยคยาวและอาการเลิ่กลั่กของพี่เต๋า

     

    ยังไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย...ว่าแต่จะนอนพื้นจริงๆหรอฮะ คชากระชับผ้าห่มขึ้น ปรือตามองอีกคนทั้งๆที่ยังอ่อนเพลียอยู่

     

    ไม่จริงครับ  ถ้าพี่น่ารักใจดีขอเด็กชายเต๋าน้อยนอนบนเตียงอีกฝั่งได้ไหมหละครับ”  เต๋าว่าแล้วทำแก้มพองลม ส่งสายตาปริบๆเรียกความสงสารจากอีกคน

     

    ทำท่าแบบนั้น น่ารักตายเลยเด็กชายเต๋าน้อย”  คนตัวเล็กกระชับผ้าห่มผืนหนาอีกครั้ง  นิ้วเล็กยกขึ้นจับจมูกเมื่อเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก  เต๋าเห็นดังนั้นก็เดินไปวางผ้าห่มไว้ที่อีกฝั่งของเตียงแล้วเดินไปหยิบกระปุกสีน้ำเงินเข้มยื่นส่งให้กับอีกคน

     

    คัดจมูกหรอเรา”  เต๋านั่งลงบนเตียงมองคนตัวเล็กป้ายเจลใสที่บริเวณปลายจมูก

     

    งั้นกินยาแก้แพ้อีกเม็ด แล้วค่อยนอนต่อนะเอื้อมมือไปหยิบยาบนโต๊ะเล็กข้างเตียงแล้วส่งไปให้เด็กป่วย  คชาขยับตัวลุกขึ้นนั่งเล็กน้อยก่อนจะจัดการกับเม็ดยาในมือแล้วดื่มน้ำตาม  ส่งแก้วคืนให้เต๋าแล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้ง  เต๋าจัดการปิดไฟแล้วเดินมายังอีกฝั่งของเตียงกว้าง  ล้มตัวลงนอนตะแคงไปยังด้านของคนตัวเล็กที่หลับตานอนหงายเรียบร้อยแล้ว

     

    เมื่อวานเป็นวันแรก..” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความมืดมิด  หากแต่คนตัวเล็กเพียงแต่นอนกำผ้าห่มผืนหนาเงียบ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป

     

    ตั้งแต่พี่ย้ายมาอยู่บ้านพี่ตี๋ เมื่อวานเป็นวันแรกที่พี่ไม่ได้เจอหน้าเรา”  ประโยคของพี่เต๋าทำเอาลมหายใจของคชาสะดุด  รู้สึกแก้มร้อนผ่าว วูบวาบในช่องท้องแปลกๆ

     

    “...มันรู้สึก...แปลกๆ”  เต๋าหยุดพูดอีกครั้ง  คิดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าควรพูดดีหรือไม่  แต่เวลานี้บรรยากาศมันเป็นใจ  ขอพูดอะไรตามใจสักหน่อยเถอะ

     

    ถ้าเมื่อคืนพี่โทรไปหาแล้วปลุกเราลุกขึ้นมากินยาก่อนนอน  เราอาจจะไม่ป่วยขนาดนี้ก็ได้

     

    ไม่เห็นเกี่ยวเลย

     

    นี่ฟังอยู่หรอ คิดว่าหลับไปแล้วซะอีก...เมื่อคืนพี่เปิดดูหน้าจอมือถือหลายครั้ง รอดูว่าเมื่อไหร่เราจะอ่านข้อความที่พี่ส่งไป  ตอนกลับมาก็ไปเดินวนไปวนมาอยู่หน้าบ้านเรา ตอนแรกพี่กะว่าจะไปกดออดแต่มันดึกแล้ว  เมื่อเช้าเลยตื่นแต่เช้าเพราะอยากมาเจอหน้าเราก่อนไปทำงาน แค่ไม่ได้เจอหน้าวันเดียวก็รู้สึกอึดอัดแล้ว.......บ้าชะมัด! แล้วพี่จะพูดให้เราฟังทำไมเนี่ย”  เต๋ายกมือขึ้นเกาหัว  รู้สึกตัวอีกทีก็พูดอะไรบ้าบอออกไปจนหมด

     

    ไม่เป็นไรฮะ  อยากฟังดวงตาคู่น้อยเริ่มปรือปรอยเพราะฤทธิ์ของยาแก้แพ้  ดูเหมือนคชาจะมีสติไม่ครบถ้วนแต่ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ร่างสูงพูด

     

    นอนเถอะ จะได้หายไวๆ”  เต๋าปรับท่าทางให้นอนหงาย  ตาคมเหม่อมองเพดานอย่างใช้ความคิด  ก่อนเด็กป่วยด้านข้างที่เต๋าคิดว่าหลับไปแล้วจะพูดบางอย่างออกมา 

     

    ถ้าคชาจะบอกว่า คชาก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน..........ฝันดีนะฮะพี่เต๋าน้ำเสียงบางเบาถ่ายทอดออกมาจากริมฝีปากคนตัวเล็ก  เต๋าพลิกตัวไปด้านของคชาทันทีแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเมื่อเด็กน้อยพลิกตัวหันหลังไปอีกฝั่ง ข่มตานอนหลับไปแล้ว   มือหนาขยี้หัวกลมๆสองสามที แล้วนอนจ้องแผ่นหลังบางใต้ผ้าห่มผืนโตตรงหน้า ยิ้มให้กับประโยคน่ารักของอีกคนสักพักก็หลับลงสู้ห้วงนิทราตามไป

     

     

    …..

    …….

    ………

    ………..

     

    เต๋าตื่นแต่เช้าตรู่ลุกขึ้นมาวัดไข้เด็กป่วยเป็นอันดับแรก ก่อนจะเบาใจขึ้นมามากเมื่อตอนนี้หน้าผากมนแค่อุ่นๆเพียงเท่านั้น  ร่างสูงกลับไปจัดการธุระส่วนตัวของตนเองแล้วรีบตรงดิ่งกลับมาจัดการมื้อเช้าของคนตัวเล็ก  ปลุกอีกคนให้ลุกขึ้นมากินข้าวกินยาให้เรียบร้อย แต่เหมือนว่าจะเช้าเกินไปเพราะเด็กป่วยแทบจะไม่ลืมตาขึ้นมาเลย

     

    ให้พี่ป้อนไหม?”  เต๋าโพล่งถามออกไปแบบนั้น แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นอาการพยักหน้าตาปิดของคนป่วย  เต๋ายิ้มบางเบาก่อนจะลงมือป้อนข้าวเด็กน้อยที่อ้าปากรอ  พี่มิ้นท์จะกลับมาประมาณเที่ยง  วันนี้เต๋าจึงได้กลับไปทำงานตามเดิม  พอจัดการดูแลคนป่วยครบทุกขั้นตอนก็บึ่งตัวออกจากบ้านเพื่อให้ทันเวลางานทันที

     

    เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงค่ำ   เป็นอีกหนึ่งวันที่เต๋าต้องอยู่บริษัทจนถึงดึก ไม่ใช่เพราะมีค้างแต่เพราะอยู่ช่วยเพื่อนร่วมงานแผนกอื่นเคลียร์งานต่างหาก  กว่าจะถึงบ้านก็จวนจะสี่ทุ่ม  ร่างกายที่เหนื่อยล้าเต็มที่ อีกทั้งยังมีอาการรู้สึกหนักอึ้งที่ศีรษะทำให้เต๋าเดินตรงขึ้นไปยังห้องนอนทันที  ก่อนหน้านี้เขาโทรถามไถ่อาการของเด็กป่วยจากพี่มิ้นท์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  สบายใจขึ้นมามากพอรู้ว่าคชาเหมือนจะหายไข้  ทำให้พอหัวถึงหมอนปุ๊บ ร่างสูงก็ของเต๋าก็นอนแน่นิ่งผ่อนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทันที

     

    -------------------------------------------------------------

    เช้าวันใหม่คชาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดใสอีกครั้ง แม้จะยังรู้สึกมึนๆหัว และคัดจมูกอยู่บ้างแต่ก็ถือว่าดีกว่าเก่ามาก  วันหยุดพักผ่อนได้เริ่มต้นอีกครั้ง  แต่สำหรับคนที่ฟื้นไข้อย่างคชาเสมือนว่าได้พักยาวถึงสี่วัน  แต่ถ้าเลือกได้ขอพักสองวันเหมือนคนอื่นเขาดีกว่า  นอนซมไม่มีแรงอยู่บนเตียงไม่สนุกเท่าไหร่เลย   พออาบน้ำ กินข้าว ทานยาตามคำบัญชาของพี่สาวสุดสวยเสร็จสรรพ  คนตัวเล็กก็เดินมายังบ้านอีกหลังหวังมาขอบคุณพี่ชายข้างบ้านสุดแสนใจดีที่อุตส่าห์โดดงานมาเฝ้าเด็กป่วยอย่างเขาทันที

     

    อ้าวคชา หายป่วยแล้วหรอเฟรมร้องทักเมื่อเปิดประตูบ้านแล้วเจอคชาพอดี

     

    ดีขึ้นเยอะแล้วฮะ พี่เฟรมจะไปไหนหรอ

     

    กำลังจะเข้าร้าน

     

    คชาหรอ  มาพอดีเลย...หายป่วยแล้วใช่ไหม แต่พี่ว่าแถวนี้มีคนป่วยแทน  เข้ามาดูมันหน่อยซิ”  เสียงพี่ตี๋ตะโกนออกมาจากห้องครัว   คชาทำหน้าประหลาดใจแล้วมองไปยังเฟรมอย่างต้องการคำอธิบาย

     

    พี่เต๋าเหมือนจะไม่สบาย  นอนซมอยู่โซฟา สงสัยคนนี้จะโหมงานหนักมากไปหน่อย”  ใบหน้าของคชาเริ่มมีความกังวล  ปลายเท้าเขย่งมองไปยังโซฟาในตัวบ้านก่อนที่เฟรมจะเบี่ยงตัวหลบแล้วให้คนเป็นน้องเดินเข้าบ้านไป

     

    งั้นพี่ไปก่อนนะ

     

    ฮะ”  เสียงปิดประตูบ้านตามมาเมื่อเฟรมล่ำลาเสร็จ  ปลายเท้าเล็กเดินเนิบนาบไปยังโซฟาตัวยาว  ตาคู่กลมมองเห็นมนุษย์ตัวขาวจัดในชุดนอนไม่ต่างกับคืนก่อนกำลังนอนกอดอกงอขาแน่นิ่งไม่ไหวติง 

     

    เห็นบ่นว่าปวดหัว  กินยาไปแล้วแต่ยังไม่ตื่นมากินข้าว  พี่ฝากปลุกมันลุกมากินข้าวหน่อยนะ เดี๋ยวพี่จะออกไปร้าน”  ตี๋เดินออกจากห้องครัวมายืนค้ำเอวมองดูสภาพน้องชายของตน  บอกกล่าวฝากฝังกับคชาเสร็จแล้วเดินออกจากบ้านไป    คนตัวเล็กนั่งลงไปยังพื้นที่น้อยนิดบนโซฟาตัวยาว  มือเล็กจับไปที่ขาของอีกคนแล้วเริ่มออกแรงเขย่า

     

    พี่เต๋า พี่เต๋า”  ร่างสูงขาวเริ่มพลิกกายไปมา สองแขนที่เคยกอดอยู่ที่อกเริ่มคลายออก  ตาคมหรี่มองมายังคนตัวเล็กก่อนจะลืมตาขึ้น

     

    คชา...”  เต๋าทักเรียกทันทีเมื่อเห็นคนตัวเล็กนั่งอยู่เบื้องหน้า  ใบหน้าคมขาวนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกหนักอึ้งบริเวณศีรษะ

     

    พี่เต๋าไม่สบายหรอฮะ..”  คชาเอ่ยถามทันทีเพราะถ้าพี่เต๋าป่วยขึ้นมาจริงๆ ต้นเหตุอาจจะเป็นเพราะตนเองก็ได้

     

    เปล่า  พี่แค่ปวดหัวแต่กินยาแล้ว ตัวไม่ได้ร้อน สาบานได้ พี่ไม่ได้ติดไข้เรา ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย”  เต๋าดันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วรีบเคลียร์ความกังวลของเด็กน้อยตรงหน้า  มองปราดเดียวเขาก็รู้แล้วว่าคชากำลังคิดมาก

     

    จริงหรอ”  แต่มือเล็กก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมไปแตะสัมผัสที่หน้าผากของคนเป็นพี่  คชาพลิกมือไปมาบนหน้าผากของเต๋า  สบายใจขึ้นมาอีกเปราะเมื่อพบว่าอีกคนไม่ได้ตัวร้อนอะไร

     

    ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆเห็นไหม แค่ง่วงๆ มึนหัว อยากนอน”  เต๋ายกมือขึ้นไปจับกับมือบางของคนตัวเล็กที่ค้างอยู่หน้าผาก  ก่อนจะเลื่อนมากุมไว้ด้วยสองมือหนาของตนเอง

     

    งั้นลุกไปกินข้าวกันนะเด็กชายเต๋าน้อย”  แก้มใสเริ่มร้อนผ่าวทันทีเมื่อได้รับสัมผัสอบอุ่นจากมือหนา  เต๋าเขยิบตัวมาใกล้คนตัวเล็กก่อนจะทิ้งศีรษะของตัวเองลงบนตักนุ่ม  โดยที่ยังไม่ยอมปล่อยมือบางให้ออกจากการเกาะกุม คชาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออยู่ดีๆพี่เต๋าก็ย้ายมานอนบนตักแบบนี้  แต่ก็ไม่ได้เขยิบถอยหนี 

     

    ขอนอนต่อก่อนอีกสักแปบนะครับ  แล้วถ้าพี่น่ารักอยากให้ทำอะไร เด็กชายเต๋าน้อยจะทำให้หมดเลย”  เป็นครั้งแรกที่คชาได้ยินพี่เต๋าอ้อนอะไรจริงจังแบบนี้  รู้สึกเขินนิดๆแต่ก็พยายามปกปิดเอาไว้

     

    ก็ได้...ให้อีก 10 นาทีนะ

     

    ให้เท่าไหร่ก็เอาคร้าบ  ไม่ให้เลยก็จะเอาครับคนที่นอนหลับตาพริ้มเอ่ยอ้อนอีกครั้ง น้ำเสียงออดอ้อนของคนที่นอนอยู่บนตักกำลังทำให้หัวใจของคชาเต้นตึกตัก  คนตัวเล็กก้มลงมองใบหน้าคมของอีกคน ที่ยิ่งได้มองใกล้ๆก็เหมือนว่าใจจะเต้นแรงขึ้น   มองมือของตัวเองที่อีกคนกุมเอาไว้ก็ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น  ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่ารู้สึกดี.....ใครว่าคชาไม่รู้สึก ใครว่าคชาไม่คิดอะไร บางทีคชาอาจจะรู้สึกมาตลอด หลายครั้งอยากนิยามความรู้สึกของตัวเอง แต่เมื่อคิดดูอีกที การไม่ตีกรอบให้กับอะไรดูจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า  หลายอย่างบนโลกนี้มันมีนิยามแต่อาจใช้ไม่ได้กับความรู้สึกของมนุษย์ ปล่อยให้ความรู้สึกเป็นไปอย่างอิสระบ้าง นั่นคือสิ่งที่คชาคิดได้ในตอนนี้......ให้มันเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว  ใช่ไหมฮะพี่เต๋า?

     

     

     

     

    แต่ถ้าตื่นมาแล้วขาชานะ พี่เต๋าซวยแน่!

     

     

     

    -------------------------------------------------------------

     

     

    สวัสดีตอนที่ตอนนี้ไม่มีอะไร
    เข็นออกมาจนได้  มันดูไม่มีอะไรจริงๆนะ...55555555555  ตัดไปตัดมาแบบแปลกๆนะ..*นี่สับสนเอง*
    แต่ถ้าไม่แต่งงานไม่เดินแน่เพราะเหมือนมีอะไรคั่งค้างในใจ(ลึกๆ)
    ฝากอ่านด้วยนะคะ  เดี๋ยวตอนหน้าขอแก้ตัว -/\- 

    มีอะไรผิดพลาดบอกกันได้นะ...คือคนป่วยพูดมากจัง บอกตรง ป่วยจริงเปล่าเนี่ย (อ้าว)

     

    @CHICKIMILK

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×