คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 7 - Happy Alley เด็กป่วย
Chapter 7
เสียงผิวปากในจังหวะของเพลงรักอมตะจากละครเวทีที่พึ่งไปดูมาเมื่อสุดสัปดาห์ถูกถ่ายทอดผ่านริมฝีปากหนาได้รูปครั้งแล้วครั้งเล่า แม้จะผ่านมาหลายวันแล้วแต่เต๋ายังคงคิดถึงละครเพลงเรื่องนั้นอยู่ ไม่รู้ว่าเพราะเนื้อเรื่องที่สนุกสนานหรือเพราะใครอีกคนที่ไปดูด้วยที่ยังคงทำให้รู้สึกประทับใจ
มือหนายกขึ้นจัดปกเสื้อเชิ้ตให้เป็นระเบียบ มองดูตัวเองในกระจกบานใส จัดการกับตัวเองให้เรียบร้อยเพื่อเริ่มต้นเช้าวันทำงานอันสดใส อีกไม่กี่วันก็จะสุดสัปดาห์อีกครั้ง โปรเจคท์ที่ส่งไปก็ได้รับการอนุมัติมาเรียบร้อย อะไรๆรอบข้างก็ดูดำเนินไปในทางที่ดี
แม้ว่าช่วงนี้จะกลับบ้านหลังพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าทุกวัน แต่ก็ไม่เคยมีเลยสักวันที่จะทำให้ตัวเองยุ่งจนไม่ได้เจอหน้าอีกคน นอกเสียจากเมื่อวานที่กว่าเต๋าจะเคลียร์งานได้เรียบร้อยเวลาก็ล่วงเลยไปจนถึงสามทุ่ม ... คิดถึงเด็กน้อยตัวเล็กได้สักพัก เสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เต๋าหยิบมันขึ้นมาดูและก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา
“หวัดดีครับพี่มิ้นท์”
“เต๋า...เต๋าออกมาทำงานแล้วยัง?”
“ยังครับ พี่มิ้นท์มีอะไรหรือเปล่า”
“พี่ว่าจะฝากเข้าไปดูคชาให้หน่อย เมื่อวานวิ่งตากฝนกลับบ้าน เมื่อเช้าตื่นมาตัวรุมๆ นี่พี่โทรไปหาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่ยอมรับ ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไหม?” มิ้นท์พูดด้วยน้ำเสียงรัวเร็วและเต็มไปด้วยความกังวลกว่าปกติ
“เมื่อวานคชาตากฝนกลับบ้านหรอครับ?” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถาม รู้สึกถึงลมหายใจที่ขาดห้วงไปเล็กน้อย พลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน...เมื่อวานเต๋ากลับบ้านดึก ช่วงหัวค่ำส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่นหาอีกคน แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ ไม่มีแม้กระทั่งตัวอักษรที่แสดงถึงการอ่านข้อความ...ป่านนี้คงจะนอนป่วยแล้วสินะเด็กน้อย
“พอดีวันนี้พี่มีทัศนศึกษากับเด็กๆ แล้วต้องค้างด้วยคืนนึง พี่ฝากเต๋าดูคชาให้หน่อยนะ” น้ำเสียงของมิ้นท์ดูกังวลไม่น้อย นึกเกรงใจเต๋าอยู่มากแต่ความห่วงน้องชายก็มีมากกว่าจึงกล้าขอร้องเพื่อนบ้านไปแบบนั้น
“ได้ครับๆ เดี๋ยวเต๋าแวะไปดูคชาให้”
“ขอบคุณมากนะเต๋า ถ้ามีอะไรโทรมาได้ตลอดเลยนะ”
“ครับๆ”
“ขอบคุณมากนะ” คนเป็นพี่บอกขอบคุณเต๋าอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรครับ”
“อ่อ...กุญแจอยู่ที่เดิมนะ พี่ฝากด้วย” ล่ำลาปลายสายเสร็จสรรพ ขายาวก็ก้าวฉับออกจากตัวห้องนอนแล้ววิ่งลงบันไดมายังชั้นล่างอย่างไม่รีรอ
-------------------------------------------------------------
เต๋าวิ่งพุ่งตรงขึ้นมาบนชั้นสองของบ้านอีกหลัง มือหนายกขึ้นเคาะประตูห้องนอนคนตัวเล็กสองสามที และก็ต้องตัดสินใจเปิดเข้าไปโดยไม่รอคำอนุญาต เด็กน้อยหัวกลมที่กำลังนอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนายังคงจมดิ่งในห้วงนิทรา ลมหายใจร้อนผ่าวยังคงผ่อนเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ขายาวก้าวเดินไปยังข้างเตียงก่อนจะนั่งลง มือหนาเลื่อนไปยังผ้าห่มที่ปกคลุมใบหน้าของอีกคนไว้กว่าครึ่งหน้าให้ร่นลงมาอยู่ที่คอ
“คชา...” เต๋าสะกิดเรียกคนตัวเล็ก แล้วเลื่อนมือไปสัมผัสยังหน้าผากมน ความร้อนที่สัมผัสได้ทำให้ร่างสูงถึงกับใจหายวาบ...คชาตัวร้อนมาก
ร่างสูงผละออกจากเตียงเพื่อมาเปิดม่านให้แสงอาทิตย์ส่องเข้ามาในตัวห้องนอน ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำและออกมาพร้อมกับกะละมังใบเล็กและผ้าขนหนูผืนนุ่ม ลงมือจัดการเช็ดใบหน้าน่ารักที่ตอนนี้ซีดเซียวผิดปกติ อีกทั้งริมฝีปากบางนั้นก็ดูแห้งจนเห็นได้ชัด มือหนาบรรจงไล่ผ้าขนหนูผืนนุ่มลงมาเรื่อยๆตั้งแต่ใบหน้ามาจนถึงคอเล็ก ก่อนที่จะหย่อนมันลงในกะละมัง บิดน้ำให้หมาดอีกครั้งและวางแหมะลงบนหน้าผากมน โดยที่คนป่วยไม่มีวี่แววว่าจะรู้สึกตัวเลยสักนิด
“พี่..เต๋า” เสียงเรียกแผ่วเบาของคชาทำให้เต๋าหันหลังกลับมามอง ดวงตาคู่กลมปรือปรอยกระพริบหนีแสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาจากทางหน้าต่าง ก่อนมือบางจะยกขึ้นมาตั้งท่าจะขยี้ตา ทำให้เต๋าที่กำลังเดินไปยังห้องน้ำต้องรีบวางกะละมังใบเล็กลงบนโต๊ะหัวเตียง นั่งลงบนเตียงอีกครั้งแล้วยกมือจับห้ามคนตัวเล็กทันที เด็กน้อยที่รู้สึกเหมือนโดนขัดใจส่งเสียงงึมงำในลำคอ แล้วพยายามลืมตาขึ้นมามองหน้าอีกคน
“ขยี้ตาแบบนั้นเดี๋ยวก็เจ็บหรอก” ร่างสูงอดไม่ได้ที่จะเอ็ดคนป่วยเบาๆ นึกเป็นห่วงดวงตาคู่กลมไม่น้อยหากคชาขยี้มันแรงเกินไป
“..ปวดหัว” มือเล็กขยับพ้นหนีการจับกุมของอีกคน แล้วย้ายไปกุมไว้ที่ศีรษะสองข้าง
“ไหวไหม ตัวร้อนมากเลยนะเรา ไปหาหมอไหม?”
“ไม่เอา” ส่ายหัวกลมๆเสียจนเส้นผมสีดำกระจายทั่วหมอนใบโต ใครๆก็รู้ว่าคชากลัวคุณโรงพยาบาล
“กี่โมงแล้วฮะ”
“จะแปดโมงแล้วครับ”
“โรงเรียน...”
“พี่มิ้นท์โทรไปลาป่วยให้แล้ว ตัวร้อนขนาดนี้ไปโรงเรียนไม่ได้หรอกนะ” คนตัวเล็กพยักหน้า ตั้งท่าจะปิดเปลือกตาลงอีกหนเมื่อรู้สึกราวกับว่ามันหนักอึ้งจนแทบทนไม่ไหว แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อคิดอะไรบางอย่างได้
“แล้วพี่เต๋าไม่ไปทำงานหรอ” น้ำเสียงติดจะแหบพร่าเอ่ยถามขึ้น
“มีเด็กป่วยแบบนี้จะออกไปได้ยังไง”
“ไม่เป็นไร คชาอยู่ได้...พี่เต๋าไปทำงานเถอะเดี๋ยวโดนพี่ไทด์ดุนะ”
“ลืมตาให้ขึ้นก่อนนะเด็กน้อย แล้วพี่ก็โทรไปลางานแล้วด้วย” เต๋าไขว้นิ้วชี้กับนิ้วกลางไว้กลางหลัง วันนี้ต้องแอบโกหกตั้งแต่เช้าเพื่อให้เด็กป่วยสบายใจ
“อยู่ได้จริงๆนะ” เสียงแห้งๆของคนป่วยเอ่ยบอกเต๋า
“ให้นอนต่ออีกนิด เดี๋ยวพี่ปลุกมากินข้าวกินยา โอเคนะ” คนตัวสูงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีแล้วเดินไปยังประตูบานใหญ่
“พี่เต๋าอย่าเปลี่ยนเรื่องสิ...คชาอยู่ได้จริงๆนะ”
“คชาก็อย่าดื้อสิ...พี่เต๋าอยู่ได้จริงๆนะ” หันหน้ามาล้อเลียนประโยคแบบอีกคน ก่อนจะยิ้มจนตาปิดให้เด็กน้อยที่นอนป่วยอยู่บนเตียงแล้วเดินออกจากห้องไป
“ใครดื้อกันแน่” คชาหันกลับมานอนแผ่กลางเตียง ตากลมเพ่งมองเพดานแล้วบ่นคนที่พึ่งเดินออกไป ก่อนจะทนความอ่อนเพลียไม่ไหวหลับลงไปอีกครั้ง
-------------------------------------------------------------
ท้ายที่สุดเต๋าก็ต้องตัดสินใจโทรไปหางานช่วงเช้า ดีที่งานไม่ได้มีอะไรคั่งค้างอีกทั้งเมื่อบอกสาเหตุของการขอลางานไป พี่ไทด์ก็อนุญาตให้ลาทันที แถมยังแอบกระซิบให้ลาได้ทั้งวันด้วย
เต๋าเดินกลับไปที่ห้องนอนของคชาอีกครั้งพร้อมกับชามข้าวต้มที่เขาทำเองกับมือ โดยไม่ลืมห้อยถุงยาสามสี่อย่างที่พี่มิ้นท์โทรมาบอกพิกัดของมันก่อนหน้านี้ เด็กป่วยถูกปลุกให้ลุกขึ้นมากินข้าวกินยาทั้งที่ตาแทบจะปิด ก่อนจะโดนบังคับให้เช็ดตัวอีกครั้ง ครั้งนี้คชาขอเช็ดตัวเอง ตอนแรกคนตัวเล็กก็แอบตกใจเหมือนกันที่รู้ว่าก่อนหน้านี้พี่เต๋าเช็ดตัวให้ไปรอบนึงแล้ว แต่พอพี่เต๋าบอกว่าเช็ดแค่หน้ากับคอก็ค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย แต่แก้มก็ยังรู้สึกร้อนๆอยู่ดี ครั้งนี้เลยขอเช็ดเองดีกว่า
“เดี๋ยวพี่เอาถ้วยลงไปเก็บ เราก็เช็ดตัวให้เรียบร้อยแล้วก็นอนพักต่อนะ” เต๋าบอกคนตัวเล็กที่กำลังนั่งนิ่งชิดพิงหัวเตียง
“พี่เต๋าไม่ไปทำงานจริงๆหรอ?”
“จะไล่พี่ให้กลับไปทำงานหรอ”
“ไม่ได้ไล่นะ...แต่...”
“ปีนี้พี่พึ่งจะได้ลางานครั้งนี้ก็ครั้งแรก ดีเหมือนกัน” ครั้งนี้ไม่ได้โกหก ทำงานมาครึ่งปีวันนี้เป็นวันแรกที่เต๋าขอลางาน
“ใครเขาเอาวันลามาดูแลเด็กป่วยข้างบ้านกันหละ” เต๋าหลุดขำให้เด็กป่วยที่นั่งหน้าซีดตาแทบปิด นี่ขนาดป่วยอยู่ยังบ่นได้นะเด็กน้อย
“แล้วปกติเขาเอาวันลาไปทำอะไรกันหละ?” คนตัวเล็กทำหน้าครุ่นคิดไปสักพักก่อนจะตอบกลับมา
“ก็เอาไปเที่ยว” คำตอบของคชาทำให้เต๋าถึงกับส่ายหน้า...เด็กหนอเด็ก
“งั้นวันลาครั้งหน้า พี่ยกให้เรา พาพี่ไปเที่ยวด้วยนะ...” คนตัวเล็กขมวดคิ้วมองหน้าเต๋า เรียกให้ใบหน้าขาวแย้มยิ้มหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
“ล้อเล่นนะ วันนี้ให้หายป่วยก่อนก็พอ” เต๋าบอกคชาแล้วเดินไปยังประตูห้องนอนอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังกลับมาเมื่อคิดอะไรบางอย่างได้
“เอ่อคชา...เราเอาครั้งแรกของพี่ไปอีกแล้วนะ” ร่างสูงยักคิ้วให้เด็กน้อยที่นั่งช็อคอยู่กลางเตียง แล้วจะรีบเดินออกจากห้องให้ไวที่สุดก่อนสติของคนตัวเล็กจะกลับมา
-------------------------------------------------------------
เต๋าเดินกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง เห็นเด็กป่วยนอนหลับตาห่มผ้าเรียบร้อยก็สบายใจ แต่ครู่เดียวเท่านั้นแหละ ตาคู่กลมนั้นก็เปิดขึ้นอีกหน
“ยังไม่หลับ?” คชาส่ายหน้าสองสามครั้ง แล้วพลิกตัวนอนตะแคงด้านข้าง มองแผ่นหลังหนาของพี่เต๋าที่กำลังเดินเอากะละมังเข้าไปเก็บในห้องน้ำ
“ป่วยแบบนี้ได้ยังไงนะเรา” เต๋าเอ่ยถามขึ้นแล้วนั่งลงที่พื้นข้างเตียง เมื่อเห็นเด็กน้อยนอนตะแคงแล้วพลิกตัวมาฝั่งตนพอดี ตาคมสบกับดวงตาคู่กลมที่มองมาทางตนเอง ตาคู่กลมเลิ่กลั่กเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้หนีมองไปทางอื่นแต่อย่างใด
“เมื่อวานวิ่งตากฝนกลับบ้าน เดินมาอยู่ดีๆ จู่ๆฟ้าก็มืดแล้วฝนก็ตกลงมาใหญ่เลย เม็ดใหญ่มากด้วย ตกแรงมากด้วย แล้วเมื่อวานก็เป็นวันแรกด้วยที่ไม่ได้พกร่มไป ซวยชะมัด เฮ้อ” คนตัวเล็กบ่นยืดยาวแล้วถอนหายใจ ทำให้เต๋าอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว
“คนป่วยนี่พูดเยอะเหมือนกันนะเนี่ย”
“ฮืออ...” ส่งเสียงฟึดฟัดทันทีเมื่อโดนคนเป็นพี่ล้อ ทำให้เต๋าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแต่ก็ต้องรีบหยุดเมื่อมองเห็นสายตาดุๆที่ส่งมา
“เมื่อวานขอโทษนะฮะที่ไม่ได้ตอบไลน์ พออาบน้ำเสร็จก็เผลอหลับไปเลย” คชาว่าเสียงเบาก่อนจะหน้าหงอยเหมือนเด็กน้อยรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่เมื่อวานก่อนนอนไม่ได้กินยาใช่ไหม?” เต๋าว่าแล้วยกมือขึ้นสัมผัสหน้าผากมนเพื่อวัดไข้อีกครั้ง รู้สึกโล่งใจเมื่อสัมผัสได้ว่าความร้อนนั้นลดลง
“ไม่ได้กิน ใครจะไปคิดว่าตัวเองจะป่วยหละ”
“ดื้อมากกว่ามั้ง”
“ไม่ได้ดื้อนะ ทำไมต้องชอบว่าคชาดื้อ” เด็กน้อยจิปากอย่างขัดใจ สองมือใต้ผ้าห่มหนายกขึ้นกอดอกเอาไว้
“ก็ดื้อจริงๆ”
“ไม่ดื้อนะ”
“ดื้อ”
“ไม่ได้ดื้อ”
“ดื้อ” หมั่นเขี้ยวเด็กป่วยแสนดื้อบนเตียงจนต้องบีบเบาๆที่ปลายจมูกรั้นนั้นหนึ่งที
“ก็บอกว่าไม่ดื้อไง”
“พี่น่ารักคนดื้อ”
“งือออออ....” สุดท้ายก็มาจนมุมกับสรรพนามที่อีกคนใช้เรียก มุดหน้าลงไปกับผ้าห่มผืนโตจนมิด สักพักมือหนาก็ต้องเลื่อนมาขยับผืนผ้าห่มเพราะกลัวว่าคนป่วยจะหายใจไม่ออกไปเสียก่อน
“นอนได้แล้วนะ” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยบอกแล้วลูบหัวเด็กน้อย มือหนายังสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากศีรษะกลมนั้น
“ไม่อยากนอนแล้ว”
“ดูสิตาจะปิดแล้ว นอนนะจะได้หายไวๆ” ตากลมเริ่มกระพริบถี่เพื่อต่อต้านกับความง่วน ถึงปากจะบอกว่าไม่อยากนอนแต่ร่างกายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับฤทธิ์ของยากับอาการป่วย
“อย่าไปไหนนะฮะ” ท้ายที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับมัน เปลือกตาบางค่อยๆปิดลงช้าๆ ในขณะที่มือหนายังทำหน้าที่ลูบศีรษะกลมของคนตัวเล็กเอาไว้
“ครับ”
“ไม่อยากอยู่คนเดียว” แล้วสติทั้งหมดของคนป่วยก็จมหายลงสู่ห้วงนิทรา เต๋าอมยิ้มให้กับประโยคสุดท้ายของเด็กน้อยบนเตียง...คนป่วยนี่ขี้อ้อนแล้วก็ขี้เหงาด้วยสินะ
“หายไวๆนะครับพี่น่ารัก” น้ำเสียงทุ้มนุ่มเอ่ยแผ่วเบาให้คนตัวเล็ก ปลายนิ้วสัมผัสได้ถึงไอร้อนบริเวณแก้มใสที่ตนเองกำลังเกลี่ยนิ้วสัมผัส หวังเพียงตื่นมาแล้วสัมผัสร้อนผ่าวจะจางหายไปบ้าง...แล้วปล่อยให้ดวงตาคู่คมปิดสนิทลง ฟุบหลับลงที่ขอบเตียงจมลงสู่ห้วงนิทราอีกคน
-------------------------------------------------------------
“เพื่อนแข็ง พี่ตี๋โทรมาบอกให้เอาข้าวไปให้คุณเต๋าที่บ้านคุณน้องคชาหน่อย” หนุ่มแว่นประจำร้านชานมไข่มุกประจำซอยมีสุข23 เรียกเพื่อนสนิทหัวฟูทันทีเมื่อวางโทรศัพท์จากเจ้านายเสร็จ
“ห๊ะ อะไรนะ? พี่เต๋าไม่ได้ไปทำงานหรอวะ แล้วไปอยู่อะไรที่บ้านน้องคชา” น้ำแข็งที่ง่วนอยู่กับการเรียงของในตู้แช่หันหน้ามาหาโปเต้ที่อยู่บริเวณเคาท์เตอร์
“พี่ตี๋บอกว่า พี่มิ้นท์โทรมาบอกว่า คุณน้องคชาป่วย คุณเต๋าเลยไปเฝ้าไข้ให้”
“อ่อออ...เพื่อนแข็งGetแล้วครับเพื่อนเต้ ว่าแต่ทำไมต้องพี่เต๋าวะ?” น้ำแข็งเออออรับ จัดของในตู้อีกสองสามชิ้น ปิดประตูตู้แช่แล้วเดินมาหาเพื่อน
“คุณมิ้นท์ไม่อยู่ ไปทัศนศึกษากับโรงเรียนที่ต่างจังหวัด”
“พี่เต๋าใจดีว่ะ”
“ทำตามหัวใจตัวเองเป็นเรื่องที่ไม่แปลกครับเพื่อนแข็ง”
“เอ่อ...ก็ใช่...ห๊ะ! แกว่าอะไรนะเต้?”
“เปล๊า..ไม่ได้ว่าอะไรครับเพื่อนแข็ง” โปเต้เสียงสูง ขยับกรอบขาแว่นสีดำที่พึ่งตัดมาใหม่ แล้วหันไปเช็ดทำความสะอาดเคาท์เตอร์ต่อ
“เมื่อกี้กูได้ยินอะไรๆหัวใจนะ”
“วุ้นรูปหัวใจขายดีวันหลังบอกคุณตี๋สั่งมาเพิ่มดีกว่า”
“มั่วแล้วมึง ไม่ใช่แล้วๆ”
“ไปส่งข้าวเถอะครับเพื่อนแข็ง เดี๋ยวคุณเต๋าจะหิวจนป่วยไปอีกคน” โปเต้ตัดบท เดินไปยังหลังร้านทิ้งให้เพื่อนแข็งยืนงงชั่วขณะก่อนจะเดินไปสั่งอาหารง่ายๆที่ร้านลุงเทพเพื่อนำไปส่งตามคำสั่ง
-------------------------------------------------------------
เต๋ารู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงออดจากประตู้รั้ว ใบหน้าขาวยังคงฟุบอยู่กับขอบเตียง ตาคมเบิกกว้างมองใบหน้าซีดเซียวแต่หากยังคงน่ารักสดใสเสมอสำหรับเขา มือหนายกขึ้นวัดไข้คนตัวเล็กอีกครั้ง ถอนหายใจแผ่วเบาเมื่อรู้สึกว่าไข้ของคนตัวเล็กไม่ได้ต่างจากครั้งที่แล้วเท่าไหร่ ก่อนที่เสียงกดออดจากหน้าบ้านจะดังขึ้นอีกครั้ง เรียกให้เต๋าลุกเดินลงไปยังชั้นล่าง
“โหหห พี่เต๋า อยู่บ้านแต่งตัวโคตรเรียบร้อยเลย” น้ำแข็งเอ่ยทักทันทีเมื่อเห็นร่างสูงขาวของเต๋าเดินตรงมาที่รั้วบ้าน ทำให้ตาคมก้มมองสภาพของตัวเอง...จริงอย่างที่น้ำแข็งพูด เขายังอยู่ในชุดทำงาน เสื้อเชิ้ตตัวเก่งยังถูกยัดไว้ใต้กางเกงแสล็คสีดำไม่ได้หลุดลุ่ยออกมาเลยสักนิด
“คนมันดูดีตลอดเวลา ว่าแต่มาทำไม” เต๋าเดินมาหาเด็กที่ร้านที่ยืนเกาะรั้วรออยู่
“ คร้าบพี่เต๋าคนหล่อ พี่ตี๋บอกให้เอาข้าวมาส่งคร้าบ” น้ำแข็งว่าแล้วชูถุงกับข้าวให้เต๋าดู
“เห้ย ขอบคุณมาก” เต๋ามองสิ่งที่น้ำแข็งชูขึ้นแล้วก็พลางนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กินข้าวเลยตั้งแต่เช้า
“แล้วน้องคชาหายยังพี่”
“ไข้ยังไม่ลดเท่าไหร่”
“แล้วนี่พี่เต๋าโดดงานหรอ” มือหนาเอื้อมไปรับถุงพลาสติกบรรจุอาหารจากอีกฟากของรั้ว ก้มลงสำรวจถุงแล้วเงยหน้าตอบคำถามอีกคน
“พี่ลา ไม่ได้โดด”
“คนดีสุดๆ พ่อพระโคตรๆ”
“กลับได้แล้วมั้ง เดี๋ยวเต้ไม่มีคนช่วยดูร้าน”
“คร้าบ ไปแล้วพี่...ฝากบอกน้องคชาด้วยว่าหายไวๆ” น้ำแข็งยกมือตะเบ๊ะให้เต๋า บอกลาแล้วเดินออกไป เต๋าเดินกลับเข้าไปในตัวบ้าน ครุ่นคิดว่าควรกินข้าวในห้องครัวหรือขึ้นไปกินที่ห้องนอนคชา เพราะกลัวเด็กป่วยจะตื่นมาแล้วไม่เจอใคร แล้วใครที่ว่าก็เป็น ‘เขา’ คนเดียวด้วยสิ...ท้ายที่สุดเต๋าก็ตัดสินใจรีบจัดการอาหารมื้อแรกในบนโต๊ะอาหารในห้องครัว แล้วรีบกลับขึ้นไปหาเด็กป่วยที่ยังนอนหลับสนิทอยู่
-------------------------------------------------------------
เต๋าใช้เวลาทั้งวันดูแลเด็กน้อยที่นอนป่วยอยู่บนเตียงจนเวลาล่วงเลยมาจนเย็น ทั้งปลุกให้ลุกขึ้นมาทานยาทุกสี่ชั่วโมง ทั้งหาข้าวให้กินครบทุกมื้อ ยังไม่ลืมแอบเช็ดตัวให้อีกคนตอนเผลอหลับ จนอุณหภูมิของคนตัวเล็กลดลงมาให้พอโล่งอกโล่งใจ แล้วปล่อยให้คนป่วยได้นอนพักอีกครั้งก่อนตัวเองจะกลับมาบ้าน
กลิ่นหอมกรุ่นของเมนูอาหารที่กำลังถูกอุ่นในไมโครเวฟฟุ้งไปทั่วบ้าน เต๋าที่พึ่งอาบน้ำจัดการกับธุระส่วนตัวเสร็จเดินลงมาจากชั้นสอง สวนทางกับน้องชายคนเล็กของบ้านที่ดูเร่งรีบแบกกีตาร์ขึ้นห้องนอนไปเสียจนเขาร้องทักไม่ทัน
“ทำไรพี่ตี๋” เต๋าเดินมายังตู้เย็นในห้องครัว เหลือบมองพี่ชายของตนที่กำลังจ้องมองเครื่องใช้ไฟฟ้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า
“หาอะไรกิน หิว!” ตี๋ตอบทั้งที่สายตายังคงจับจ้องอยู่กับอาหารในไมโครเวฟ เต๋าพยักหน้ารับแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
“มิ้นท์บอกว่าคืนนี้แกจะไปนอนเฝ้าคชา” พี่ชายคนโตของบ้านเอ่ยถามขึ้นในขณะที่ตนกำลังรออาหารจากไมโครเวฟ
“คชายังตัวร้อนอยู่ ไม่อยากให้นอนคนเดียว”
“ถูกใจหละสิ” ตี๋ละจากเตาไมโครเวฟ เดินไปแซวน้องชายถึงที่ ตี๋เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ถึงความรู้สึกบางอย่างของเต๋า
“โห พี่ตี๋ อย่าล้อกันดิ น้องป่วยอยู่ ปล่อยให้อยู่คนเดียวได้ไง”
“หรอ หรา หรา น้องเต๋า พี่แอบได้ยินนะเว้ย พี่น่ารักกับน้องเต๋าน้อยอะไรนั่น มุมิมุ้งมิ้งไปไหมแก” ตี๋แซวน้องชายของตน ดัดเสียงให้แบ๊วที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้
“พี่ตี๋ครับ น้องเต๋ากราบแหละครับ อย่าล้อน้องเต๋าเลย” เต๋าวางแก้วน้ำไว้ที่หลังตู้เย็น แล้วทำหน้าขอความเห็นใจจากคนเป็นพี่แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ตี๋ลดความหมั่นไส้น้องชายลงได้
“อะไรๆ แค่นี้เขินหรอวะ ให้น้องมันเล่นด้วยกับแกก่อนเถอะแล้วค่อยเขิน น้องยังเด็กอยู่นะเว้ย”
“รู้แล้วพี่ ไม่ต้องย้ำบ่อย” ก็เพราะเขารู้ว่าคชายังเด็กไงเลยไม่รีบตัดสินใจทำอะไรไปมากกว่านี้
“เอ้อดี ท่องไว้นะ คชายังเด็ก คชายังเด็ก มาๆหันมามองปากพี่นี่ ดูดีๆนะ คชายังเด็ก คชายังเด็ก โอเค๊?” ยิ่งเห็นหน้าหงอยๆของเต๋า ยิ่งทำให้ตี๋เหมือนจะสะใจ
“ให้กำลังใจน้องบ้างก็ได้นะพี่”
“ไม่ให้เว้ย รอซ้ำเติมอย่างเดียว” เต๋าคอตก หน้าเศร้าทันที ตี๋เห็นแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะ แล้วยกมือตบบ่าน้องชาย
“ล้อเล่นๆ สู้ๆนะไอ้เต๋า แต่น้องคชายังเด็ก โอเค จบนะ” ตบบ่าเต๋าอีกสองที ก่อนที่ตี๋จะยิ้มร่าถือพาชนะสีขาวกลิ่นหอม เดินออกไปยังห้องรับแขก
“อาบน้ำตัวหอมฟุ้ง จะไปบ้านมิ้นท์เลย?” ตี๋ถามขึ้นเมื่อเห็นเต๋าอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงวอร์มขายาว
“ไปเลย เดี๋ยวคชาตื่นมาแล้วไม่เจอจะงอแง”
“เยอะไปแล้วนะไอ้น้อง”
“โถพี่...ไปแล้วๆ” เต๋าเดินไปยังประตูหันหลังโบกมือให้พี่ชายที่นั่งกินข้าวหน้าทีวี
“เต๋า!” ตี๋ร้องเรียกน้องชายที่กำลังจะเปิดประตูออกไป ทำให้เต๋าหันหน้ามาหาพี่ชายทันทีแล้วก็ต้องหน้าหงอยลงอีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคซ้ำเดิมของพี่ตี๋
“คชายังเด็ก ท่องไว้”
-------------------------------------------------------------
ดวงตาคู่กลมลืมขึ้นอย่างช้าๆ ภาพแรกที่เห็นตรงหน้าคือภาพของพี่เต๋ากำลังแบกผ้าห่มเดินเข้ามาในห้อง เต๋ามองคนตัวเล็กที่กำลังนอนจ้องตนเองด้วยความสงสัย กำลังคิดหาคำพูดเหมาะๆที่จะบอกคชาว่าคืนนี้เขาจะขอนอนด้วย
“เอ่อ...คือ...คืนนี้ คืนนี้ขอนอนด้วยนะ ให้พี่นอนพื้นก็ได้แต่พี่ไม่อยากให้คชาอยู่คนเดียว อ่อแล้วพี่มิ้นท์ก็อนุญาตพี่แล้วด้วยนะ” เด็กน้อยหัวเราะคิกคักกับประโยคยาวและอาการเลิ่กลั่กของพี่เต๋า
“ยังไม่ได้ว่าอะไรซักหน่อย...ว่าแต่จะนอนพื้นจริงๆหรอฮะ” คชากระชับผ้าห่มขึ้น ปรือตามองอีกคนทั้งๆที่ยังอ่อนเพลียอยู่
“ไม่จริงครับ ถ้าพี่น่ารักใจดีขอเด็กชายเต๋าน้อยนอนบนเตียงอีกฝั่งได้ไหมหละครับ” เต๋าว่าแล้วทำแก้มพองลม ส่งสายตาปริบๆเรียกความสงสารจากอีกคน
“ทำท่าแบบนั้น น่ารักตายเลยเด็กชายเต๋าน้อย” คนตัวเล็กกระชับผ้าห่มผืนหนาอีกครั้ง นิ้วเล็กยกขึ้นจับจมูกเมื่อเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก เต๋าเห็นดังนั้นก็เดินไปวางผ้าห่มไว้ที่อีกฝั่งของเตียงแล้วเดินไปหยิบกระปุกสีน้ำเงินเข้มยื่นส่งให้กับอีกคน
“คัดจมูกหรอเรา” เต๋านั่งลงบนเตียงมองคนตัวเล็กป้ายเจลใสที่บริเวณปลายจมูก
“งั้นกินยาแก้แพ้อีกเม็ด แล้วค่อยนอนต่อนะ” เอื้อมมือไปหยิบยาบนโต๊ะเล็กข้างเตียงแล้วส่งไปให้เด็กป่วย คชาขยับตัวลุกขึ้นนั่งเล็กน้อยก่อนจะจัดการกับเม็ดยาในมือแล้วดื่มน้ำตาม ส่งแก้วคืนให้เต๋าแล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เต๋าจัดการปิดไฟแล้วเดินมายังอีกฝั่งของเตียงกว้าง ล้มตัวลงนอนตะแคงไปยังด้านของคนตัวเล็กที่หลับตานอนหงายเรียบร้อยแล้ว
“เมื่อวานเป็นวันแรก..” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความมืดมิด หากแต่คนตัวเล็กเพียงแต่นอนกำผ้าห่มผืนหนาเงียบ ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป
“ตั้งแต่พี่ย้ายมาอยู่บ้านพี่ตี๋ เมื่อวานเป็นวันแรกที่พี่ไม่ได้เจอหน้าเรา” ประโยคของพี่เต๋าทำเอาลมหายใจของคชาสะดุด รู้สึกแก้มร้อนผ่าว วูบวาบในช่องท้องแปลกๆ
“...มันรู้สึก...แปลกๆ” เต๋าหยุดพูดอีกครั้ง คิดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าควรพูดดีหรือไม่ แต่เวลานี้บรรยากาศมันเป็นใจ ขอพูดอะไรตามใจสักหน่อยเถอะ
“ถ้าเมื่อคืนพี่โทรไปหาแล้วปลุกเราลุกขึ้นมากินยาก่อนนอน เราอาจจะไม่ป่วยขนาดนี้ก็ได้”
“ไม่เห็นเกี่ยวเลย”
“นี่ฟังอยู่หรอ คิดว่าหลับไปแล้วซะอีก...เมื่อคืนพี่เปิดดูหน้าจอมือถือหลายครั้ง รอดูว่าเมื่อไหร่เราจะอ่านข้อความที่พี่ส่งไป ตอนกลับมาก็ไปเดินวนไปวนมาอยู่หน้าบ้านเรา ตอนแรกพี่กะว่าจะไปกดออดแต่มันดึกแล้ว เมื่อเช้าเลยตื่นแต่เช้าเพราะอยากมาเจอหน้าเราก่อนไปทำงาน แค่ไม่ได้เจอหน้าวันเดียวก็รู้สึกอึดอัดแล้ว.......บ้าชะมัด! แล้วพี่จะพูดให้เราฟังทำไมเนี่ย” เต๋ายกมือขึ้นเกาหัว รู้สึกตัวอีกทีก็พูดอะไรบ้าบอออกไปจนหมด
“ไม่เป็นไรฮะ อยากฟัง” ดวงตาคู่น้อยเริ่มปรือปรอยเพราะฤทธิ์ของยาแก้แพ้ ดูเหมือนคชาจะมีสติไม่ครบถ้วนแต่ก็ใช่ว่าจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ร่างสูงพูด
“นอนเถอะ จะได้หายไวๆ” เต๋าปรับท่าทางให้นอนหงาย ตาคมเหม่อมองเพดานอย่างใช้ความคิด ก่อนเด็กป่วยด้านข้างที่เต๋าคิดว่าหลับไปแล้วจะพูดบางอย่างออกมา
“ถ้าคชาจะบอกว่า คชาก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน..........ฝันดีนะฮะพี่เต๋า” น้ำเสียงบางเบาถ่ายทอดออกมาจากริมฝีปากคนตัวเล็ก เต๋าพลิกตัวไปด้านของคชาทันทีแต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันเมื่อเด็กน้อยพลิกตัวหันหลังไปอีกฝั่ง ข่มตานอนหลับไปแล้ว มือหนาขยี้หัวกลมๆสองสามที แล้วนอนจ้องแผ่นหลังบางใต้ผ้าห่มผืนโตตรงหน้า ยิ้มให้กับประโยคน่ารักของอีกคนสักพักก็หลับลงสู้ห้วงนิทราตามไป
…
…..
…….
………
………..
เต๋าตื่นแต่เช้าตรู่ลุกขึ้นมาวัดไข้เด็กป่วยเป็นอันดับแรก ก่อนจะเบาใจขึ้นมามากเมื่อตอนนี้หน้าผากมนแค่อุ่นๆเพียงเท่านั้น ร่างสูงกลับไปจัดการธุระส่วนตัวของตนเองแล้วรีบตรงดิ่งกลับมาจัดการมื้อเช้าของคนตัวเล็ก ปลุกอีกคนให้ลุกขึ้นมากินข้าวกินยาให้เรียบร้อย แต่เหมือนว่าจะเช้าเกินไปเพราะเด็กป่วยแทบจะไม่ลืมตาขึ้นมาเลย
“ให้พี่ป้อนไหม?” เต๋าโพล่งถามออกไปแบบนั้น แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นอาการพยักหน้าตาปิดของคนป่วย เต๋ายิ้มบางเบาก่อนจะลงมือป้อนข้าวเด็กน้อยที่อ้าปากรอ พี่มิ้นท์จะกลับมาประมาณเที่ยง วันนี้เต๋าจึงได้กลับไปทำงานตามเดิม พอจัดการดูแลคนป่วยครบทุกขั้นตอนก็บึ่งตัวออกจากบ้านเพื่อให้ทันเวลางานทันที
เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงค่ำ เป็นอีกหนึ่งวันที่เต๋าต้องอยู่บริษัทจนถึงดึก ไม่ใช่เพราะมีค้างแต่เพราะอยู่ช่วยเพื่อนร่วมงานแผนกอื่นเคลียร์งานต่างหาก กว่าจะถึงบ้านก็จวนจะสี่ทุ่ม ร่างกายที่เหนื่อยล้าเต็มที่ อีกทั้งยังมีอาการรู้สึกหนักอึ้งที่ศีรษะทำให้เต๋าเดินตรงขึ้นไปยังห้องนอนทันที ก่อนหน้านี้เขาโทรถามไถ่อาการของเด็กป่วยจากพี่มิ้นท์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว สบายใจขึ้นมามากพอรู้ว่าคชาเหมือนจะหายไข้ ทำให้พอหัวถึงหมอนปุ๊บ ร่างสูงก็ของเต๋าก็นอนแน่นิ่งผ่อนลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอทันที
-------------------------------------------------------------
เช้าวันใหม่คชาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสดใสอีกครั้ง แม้จะยังรู้สึกมึนๆหัว และคัดจมูกอยู่บ้างแต่ก็ถือว่าดีกว่าเก่ามาก วันหยุดพักผ่อนได้เริ่มต้นอีกครั้ง แต่สำหรับคนที่ฟื้นไข้อย่างคชาเสมือนว่าได้พักยาวถึงสี่วัน แต่ถ้าเลือกได้ขอพักสองวันเหมือนคนอื่นเขาดีกว่า นอนซมไม่มีแรงอยู่บนเตียงไม่สนุกเท่าไหร่เลย พออาบน้ำ กินข้าว ทานยาตามคำบัญชาของพี่สาวสุดสวยเสร็จสรรพ คนตัวเล็กก็เดินมายังบ้านอีกหลังหวังมาขอบคุณพี่ชายข้างบ้านสุดแสนใจดีที่อุตส่าห์โดดงานมาเฝ้าเด็กป่วยอย่างเขาทันที
“อ้าวคชา หายป่วยแล้วหรอ” เฟรมร้องทักเมื่อเปิดประตูบ้านแล้วเจอคชาพอดี
“ดีขึ้นเยอะแล้วฮะ พี่เฟรมจะไปไหนหรอ”
“กำลังจะเข้าร้าน”
“คชาหรอ มาพอดีเลย...หายป่วยแล้วใช่ไหม แต่พี่ว่าแถวนี้มีคนป่วยแทน เข้ามาดูมันหน่อยซิ” เสียงพี่ตี๋ตะโกนออกมาจากห้องครัว คชาทำหน้าประหลาดใจแล้วมองไปยังเฟรมอย่างต้องการคำอธิบาย
“พี่เต๋าเหมือนจะไม่สบาย นอนซมอยู่โซฟา สงสัยคนนี้จะโหมงานหนักมากไปหน่อย” ใบหน้าของคชาเริ่มมีความกังวล ปลายเท้าเขย่งมองไปยังโซฟาในตัวบ้านก่อนที่เฟรมจะเบี่ยงตัวหลบแล้วให้คนเป็นน้องเดินเข้าบ้านไป
“งั้นพี่ไปก่อนนะ”
“ฮะ” เสียงปิดประตูบ้านตามมาเมื่อเฟรมล่ำลาเสร็จ ปลายเท้าเล็กเดินเนิบนาบไปยังโซฟาตัวยาว ตาคู่กลมมองเห็นมนุษย์ตัวขาวจัดในชุดนอนไม่ต่างกับคืนก่อนกำลังนอนกอดอกงอขาแน่นิ่งไม่ไหวติง
“เห็นบ่นว่าปวดหัว กินยาไปแล้วแต่ยังไม่ตื่นมากินข้าว พี่ฝากปลุกมันลุกมากินข้าวหน่อยนะ เดี๋ยวพี่จะออกไปร้าน” ตี๋เดินออกจากห้องครัวมายืนค้ำเอวมองดูสภาพน้องชายของตน บอกกล่าวฝากฝังกับคชาเสร็จแล้วเดินออกจากบ้านไป คนตัวเล็กนั่งลงไปยังพื้นที่น้อยนิดบนโซฟาตัวยาว มือเล็กจับไปที่ขาของอีกคนแล้วเริ่มออกแรงเขย่า
“พี่เต๋า พี่เต๋า” ร่างสูงขาวเริ่มพลิกกายไปมา สองแขนที่เคยกอดอยู่ที่อกเริ่มคลายออก ตาคมหรี่มองมายังคนตัวเล็กก่อนจะลืมตาขึ้น
“คชา...” เต๋าทักเรียกทันทีเมื่อเห็นคนตัวเล็กนั่งอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าคมขาวนิ่วหน้าเมื่อรู้สึกหนักอึ้งบริเวณศีรษะ
“พี่เต๋าไม่สบายหรอฮะ..” คชาเอ่ยถามทันทีเพราะถ้าพี่เต๋าป่วยขึ้นมาจริงๆ ต้นเหตุอาจจะเป็นเพราะตนเองก็ได้
“เปล่า พี่แค่ปวดหัวแต่กินยาแล้ว ตัวไม่ได้ร้อน สาบานได้ พี่ไม่ได้ติดไข้เรา ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นด้วย” เต๋าดันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วรีบเคลียร์ความกังวลของเด็กน้อยตรงหน้า มองปราดเดียวเขาก็รู้แล้วว่าคชากำลังคิดมาก
“จริงหรอ” แต่มือเล็กก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมไปแตะสัมผัสที่หน้าผากของคนเป็นพี่ คชาพลิกมือไปมาบนหน้าผากของเต๋า สบายใจขึ้นมาอีกเปราะเมื่อพบว่าอีกคนไม่ได้ตัวร้อนอะไร
“ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆเห็นไหม แค่ง่วงๆ มึนหัว อยากนอน” เต๋ายกมือขึ้นไปจับกับมือบางของคนตัวเล็กที่ค้างอยู่หน้าผาก ก่อนจะเลื่อนมากุมไว้ด้วยสองมือหนาของตนเอง
“งั้นลุกไปกินข้าวกันนะเด็กชายเต๋าน้อย” แก้มใสเริ่มร้อนผ่าวทันทีเมื่อได้รับสัมผัสอบอุ่นจากมือหนา เต๋าเขยิบตัวมาใกล้คนตัวเล็กก่อนจะทิ้งศีรษะของตัวเองลงบนตักนุ่ม โดยที่ยังไม่ยอมปล่อยมือบางให้ออกจากการเกาะกุม คชาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่ออยู่ดีๆพี่เต๋าก็ย้ายมานอนบนตักแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้เขยิบถอยหนี
“ขอนอนต่อก่อนอีกสักแปบนะครับ แล้วถ้าพี่น่ารักอยากให้ทำอะไร เด็กชายเต๋าน้อยจะทำให้หมดเลย” เป็นครั้งแรกที่คชาได้ยินพี่เต๋าอ้อนอะไรจริงจังแบบนี้ รู้สึกเขินนิดๆแต่ก็พยายามปกปิดเอาไว้
“ก็ได้...ให้อีก 10 นาทีนะ”
“ให้เท่าไหร่ก็เอาคร้าบ ไม่ให้เลยก็จะเอาครับ” คนที่นอนหลับตาพริ้มเอ่ยอ้อนอีกครั้ง น้ำเสียงออดอ้อนของคนที่นอนอยู่บนตักกำลังทำให้หัวใจของคชาเต้นตึกตัก คนตัวเล็กก้มลงมองใบหน้าคมของอีกคน ที่ยิ่งได้มองใกล้ๆก็เหมือนว่าใจจะเต้นแรงขึ้น มองมือของตัวเองที่อีกคนกุมเอาไว้ก็ได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น ไม่ปฏิเสธหรอกนะว่ารู้สึกดี.....ใครว่าคชาไม่รู้สึก ใครว่าคชาไม่คิดอะไร บางทีคชาอาจจะรู้สึกมาตลอด หลายครั้งอยากนิยามความรู้สึกของตัวเอง แต่เมื่อคิดดูอีกที การไม่ตีกรอบให้กับอะไรดูจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า หลายอย่างบนโลกนี้มันมีนิยามแต่อาจใช้ไม่ได้กับความรู้สึกของมนุษย์ ปล่อยให้ความรู้สึกเป็นไปอย่างอิสระบ้าง นั่นคือสิ่งที่คชาคิดได้ในตอนนี้......ให้มันเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ใช่ไหมฮะพี่เต๋า?
แต่ถ้าตื่นมาแล้วขาชานะ พี่เต๋าซวยแน่!
-------------------------------------------------------------
สวัสดีตอนที่7 ตอนนี้ไม่มีอะไร
เข็นออกมาจนได้ มันดูไม่มีอะไรจริงๆนะ...55555555555 ตัดไปตัดมาแบบแปลกๆนะ..*นี่สับสนเอง*
แต่ถ้าไม่แต่งงานไม่เดินแน่เพราะเหมือนมีอะไรคั่งค้างในใจ(ลึกๆ)
ฝากอ่านด้วยนะคะ เดี๋ยวตอนหน้าขอแก้ตัว -/\-
มีอะไรผิดพลาดบอกกันได้นะ...คือคนป่วยพูดมากจัง บอกตรง ป่วยจริงเปล่าเนี่ย (อ้าว)
@CHICKIMILK
ความคิดเห็น