ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are Superstars [Andy VerSioN : My SaSSy GirL]

    ลำดับตอนที่ #7 : We are Superstars [Andy VerSioN : My SaSSy GirL] Chapter 7 ~~ปฏิวัติ~~

    • อัปเดตล่าสุด 14 ม.ค. 51


    Chapter 7

    ในที่สุดผมก็มาลากสังขารบวมช้ำตามพี่มินอูมางานสังสรรค์ฉลองพี่เฮซองจะสละโสดจนได้ครับ กว่าจะมาได้ ผมต้องยืนยัน นั่งยัน นอนยันอยู่นานว่าจะไม่ซัดทอดความผิดให้พี่มินอู  พี่ถึงได้ยอมให้ผมมา  ไม่รู้ว่าพี่จะกลัวน้องเยจินอะไรกันนักกันหนา...

    สมาชิกอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา และก็เหมือนเคยครับ พอบรรดาสมาชิกเห็นสังขารอันร่วงโรยของผมเท่านั้นแหละ มันก็หัวเราะกันกระจาย เฮฮาปาร์ตี้ยิ่งกว่ามีมหกรรมนัดพบคนเลี้ยงสุนัข  ปล่อยน้องหมาออกมาเพ่นพ่านกันเสียทั่ว มีหลายพันธุ์เชียวครับ...ฝากไว้ก่อนเหอะ อย่าให้ถึงทีของผมบ้างก็แล้วกัน ฮึ่ย....

    ในขณะที่พวกผมสนุกสนานกับเครื่องดองของเมา ว่าที่เจ้าบ่าวผู้ออกเงินจัดงานสังสรรค์ครั้งนี้กลับระทมทุกข์ครับ...ผมบอกแล้ว อย่างพี่เฮซองน่ะ ถ้าไม่ข่มขืนนามิจัง ก็คงไม่ได้แต่งงานหรอก งี้แหละครับ ว่าที่เจ้าสาวหรือเมียแบบพฤตินัยไม่รัก ก็มานั่งกอดขวดเหล้าเคล้าน้ำตาแบบนี้แหละ

    ว่าที่เจ้าบ่าวกินเหล้าอย่างกับน้ำเลยครับ ทำอย่างกับคอแข็งเสียอย่างนั้น ผมน่ะไม่อยากจะซ้ำเติมคนมีความทุกข์หรอกนะ แต่ไหนๆแล้ว ผมจะเล่านิดนึงก็ได้...ความจริงน่ะ พี่เฮซองคอไม่แข็งเท่าไหร่หรอกนะครับ ถ้าเทียบกับจอนจินถือว่าห่างชั้นกันเยอะ แต่เวลาที่พี่เฮซองไปเที่ยว พี่จะเน้นเต้นและคุยกับสาวๆมากกว่า พี่จะจิบเหล้าอย่างช้าๆ เรียกได้ว่า กว่าจะหมดแก้ว ยุงก็ลงไปวางไข่ได้หลายตัวแล้วล่ะครับ

    ผมว่าพี่เฮซองคงดูละครน้ำเน่ามากไปหน่อยแหงๆ...กินเหล้าซะจนเมาปลิ้น พี่เอริคกับจอนจินต้องแบกเจ้าภาพไปนอนในห้อง เพราะ กีดขวางทางคนจะกินเหล้า...

    พี่เอริคเดินหอบๆมานั่งประจำที่เดิม...”ไม่รู้ไอ้บ้านั่นกินหมูเข้าไปสิบตัวหรือเปล่า หนักจะตายชัก”   

    “ฉันล่ะเบื่อมันจริงๆเลย...บ้าผู้หญิงจนประสาทกลับ” ใช่แล้ว...พี่ดงวานพูดถูก ก็พี่เฮซองน่ะ บ้าผู้หญิงจะตาย เข้าข่ายโรคจิตวิปริตผิดมนุษย์เลยล่ะครับ เอ่อ...ผมด่าเจ้าภาพโอเว่อร์ไปรึเปล่าเนี่ย

    “คงเป็นกรรมเก่าของมันนั่นแหละ อุตส่าห์สมหวังแล้วนะ ดันมีอุปสรรคกั้นขวาง” พี่มินอูก็อีกคน เน่ามาเชียวครับ ยุงบินให้ว่อนเลย

    “อย่างว่าแหละ ถ้าไม่ข่มขืนนะ นามิจังจะแต่งงานด้วยรึเปล่ายังไม่รู้เลย...” นี่เป็นเรื่องที่ผมมักจะเอามาทับถมพี่เฮซองครับ จุดอ่อนของพี่เฮซองอยู่ที่นามิจังครับ....
       
    ‘พลั่วะ...’ พี่เอริคตบหัวผมเสียจนหน้าคว่ำ “ใครบอกแกว่าไอ้แม่นกมันไปข่มขืนนามิจัง...สอดรู้สอดเห็น”
       
    “ก็ถ้าไม่ข่มขืน นามิจังสมยอมหรือไงเล่า....” ผมเถียงคืนครับ
       
    “ไม่ใช่หรอก เรื่องมันซับซ้อนกว่าที่เราคิด...เอาน่ารู้กันแค่ว่ามันไม่ได้ข่มขืนนามิจังก็พอแล้ว...” พี่เอริคพูดแค่นั้นครับ ทิ้งระเบิดเอาไว้ให้อยากรู้ พอผมจะอ้าปากถาม ผู้สื่อข่าวของเราก็โพล่งออกมาเสียก่อน
       
    “ทำไม...เกิดอะไรขึ้น เล่ามานะโว้ย อย่าหมกเม็ด...”พี่ดงวานชี้หน้าพี่เอริค
       
    ครั้งแรกพี่เอริคจะไม่เล่า แต่พอเห็นสายตาข่มขู่จากพวกเรา พี่เขาก็พูดออกมา ก็พวกเราไม่เคยมีความลับต่อกันนี่ครับ “นามิจังแอบรักเฮซองมานานแล้ว....ตอนเกิดเรื่องนั้นขึ้น ไอ้คนของเรามันก็เมาด้วย เรื่องซับซ้อน เอาเป็นว่าเฮซองมันไม่ได้ข่มขืนนามิจังก็แล้วกัน....”
       
    เสียงทอดถอนใจของพวกเราดังขึ้นพร้อมกันเลยครับ ผมเคยคิดว่าเรื่องของผมมันหนักหนาสาโหดแล้ว แต่กับเรื่องของพี่เฮซอง ผมคิดว่าแย่กว่าผมอีกนะ เป็นความรักซับซ้อนซ่อนเงื่อนอย่างไรก็ไม่รู้ และที่สำคัญผมกับพี่ๆก็เข้าใจผิดมาตลอดว่าพี่เฮซองข่มขืนนามิจัง...
       
    “ฉันว่าเฮซองมันทำร้ายตัวเอง มีอย่างที่ไหน จะแต่งงานทั้งที ดันจะจัดงานเงียบๆ แถมยังเอาแต่เที่ยว ไม่รู้จักไปดูแลนามิจัง...” พี่ดงวานพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งจัดครับ แหม!!!ก็คราวก่อนอุตส่าห์แห่กันไปกล่อมนามิจังเรื่องพี่เฮซอง พอเห็นนามิจังไม่ค่อยสบายใจ พี่ดงวานเองก็ชักจะไม่พอใจพฤติกรรมว่าที่เจ้าบ่าวเสียแล้วสิครับ....
       
    “ผมก็บอกแล้วนะพี่ ถ้าจะแต่งงานก็ต้องเอาใจใส่นามิจังให้มากหน่อย อารมณ์พี่เฮซองก็คงดีใจอยู่หรอกที่จะได้ตัดปัญหาด้วยการแต่งงานกับนามิจัง แต่ถ้าไม่เลิกนิสัยหนุ่มโสด ก็ต้องมาทะเลาะกับเมียทุกวันนั่นแหละ” จอนจินพูดอีกก็ถูกอีกครับ
       
    “มันบ้าน่ะ อย่าไปใส่ใจมันเลย อยากจะแต่งงาน ก็ได้แต่งแล้ว พอเอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่ยอมเปลี่ยนนิสัยเหมือนเดิม” พี่เอริคบ่น ก็ท่านผู้นำของเราไม่ค่อยชอบใจนักที่พี่เฮซองออกแนวผู้ชายไม่รับผิดชอบ
       
    “ถ้าจะเลว ก็ต้องเลวกับคนที่ไม่ใช่เมียใช่มั๊ยพี่...” จอนจินพูดแล้วก็หัวเราะครับ ไอ้หมอนี่ก็พอๆกับแม่นกของมันน่ะแหละ พวกหนุ่มโสด เจ้าชู้เพลย์บอย
       
    “เออ...ใครจะเลวได้เหมือนแกหล่ะ ขยันมีข่าวได้ทุกวี่ทุกวัน อันไหนลืออันไหนจริง แยกไม่ออก...” พี่มินอูด่าจอนจิน สงสัยอิจฉาครับที่จอนจินมันมีข่าวกับสาวๆไม่เว้นแต่ละวัน
       
    “มีอีกอันหนึ่งที่จริง...ผมเลิกกับมูจีแล้ว...” จอนจินมันลอยหน้าลอยตาบอกด้วยท่าทีสดใสร่าเริง ช่างต่างจากตอนที่ผมเลิกกับไดอาน่าเสียจริง
       
    พี่เอริคจิกผมคนเพิ่งเลิกกับแฟนให้ขยับหัวเข้าไปใกล้ๆพี่เขา “แกพูดจริงรึเปล่าไอ้จอนจิน เพิ่งคบกันได้แค่ 3 อาทิตย์ ทำไมเลิกกันแล้ววะ”
       
    “ก็มันเปลืองเงินค่าโทรศัพท์ มูจีไปเรียนที่แคนาดา โทรไปหาทีก็แพง อีกตั้ง 2 ปีกว่าจะกลับ...ผมก็เลยเลิก” สาเหตุแห่งการบอกเลิกของจอนจิน ทำให้ทุกคนประนามมันครับ ไอ้หมอนี่มันน่าฆ่าจริงๆ...แต่ผมว่า เป็นเพราะมันไม่เชื่อว่าจะมีผู้หญิงที่รักปาร์คชูงแจ เพราะส่วนมากผู้หญิงรักแต่จอนจิน วงชินฮวา....
       
    “หักอกเขามากๆ ระวังกรรมจะตามสนองนะเว้ย....” พี่มินอูด่าจอนจินเข้าให้ครับ อย่างที่รู้ๆกันว่าพี่มินอูเค้าคบคนยาก กว่าจะคัดสรรแฟนได้ จอนจินก็มีแฟนไปเป็นโหลแล้ว   
       
    “ถ้ากรรมจะตามสนองใครนะ...ผมนี่แหละคนแรกเลย อุตส่าห์จะทำดี ดันมาซวยเสียได้...” ผมสอดขึ้น แล้วกรรมก็ตามทันอีกแล้วรับ ดันอ้าปากกว้างไปหน่อย เลยกระเทือนแผล  เจ็บชะมัด....
       
    “ถ้าฉันเป็นผู้หญิง ฉันก็กลัวว่ะ ดันไปแตะไหล่เรียกเขาตรงที่มืดๆอย่างนั้น” พี่เอริคหัวเราะเยาะผมครับ ขำได้ขำไปนะ...แล้วผมจะหาทางเอาคืนทุกเม็ดเลย
       
    ‘ ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ....’ เสียงยิงปืนรัวๆแบบนี้ ไม่ต้องตกใจครับ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ผมเอง เท่ห์มากเลยใช่มั๊ยครับ พอหยิบโทรศัพท์มาดู...ไอคอนที่โชว์คนโทรเข้า ทำให้ผมอึ้ง ผมสนุกจนลืมไปว่า ผมกำลังอยู่ในช่วงก่อการปฏิวัติอยู่
       
    ”ใครโทรมาวะ..” ตั้งแต่ออกจากบ้านมา พี่มินอูจะถามผมอย่างนี้ทุกครั้งที่มีคนโทรมาหาผม พี่มินอูหลอนน้องเยจินครับ
    ผมยังไม่ทันจะตอบอะไรเลย เสียงโทรศัพท์มือถือของพี่มินอูก็ดังขึ้นบ้าง...
       
    “ครับ...มินอูครับ...” พี่มินอูทักได้แค่นั้น หน้าของพี่ก็เจื่อนสนิท ”ครับ...อยู่ครับ...ฉลองให้เฮซองครับ...ที่อยู่เหรอครับ สักครู่นะครับ”
    พี่มินอูเงียบฟังคนที่โทรมาพูดอยู่พักนึง ก็ส่งโทรศัพท์ให้จอนจิน...”บอกทางมาบ้านแม่นกของแกให้เค้าฟังทีสิ...”
       
    จอนจินรับโทรศัพท์มาบอกรายละเอียดทางมาบ้าน พอวางสายเสร็จก็ชี้หน้าทำท่าล้อเลียนพี่มินอู...“ฮั่นแน่.... เดี๋ยวนี้ริมีแฟนไม่บอกไม่กล่าวให้กันรู้เลยเหรอ”
       
    พี่มินอูสะดุ้ง รีบแก้ตัวทันที...พี่มินอูเป็นพวกน้ำนิ่งไหลลึก ไม่เห็นพี่เล่าให้ผมฟังเลย ”เปล่า....ไม่ใช่แฟนฉันนะเว้ย”
       
    พี่จะปฏิเสธไปทำไมก็ไม่รู้ สงสัยแฟนคงจะดุน่าดู ถึงได้ทำหน้าเจื่อนแบบนี้  โดนแฟนด่ามาแหงมๆ “อย่าล้อสิ บอกว่าไม่ใช่แฟนฉัน  โน่นเลย...แฟนไอ้เดี้ยงมัน...”
       
    ผมหูฝาดไปใช่มั๊ยครับ...ไม่จริงใช่มั๊ยครับ... “พะ...พะ...พี่อย่าบอกผมนะว่าเยจินโทรมา”
       
    อย่ารับคำนะ อย่าพยักหน้า ได้โปรดเถอะ อย่าบอกว่านางมารร้ายโทรมาตามหาผม...ผมได้แต่ร่ำร้องอยู่ข้างใน....แต่....
       
    พี่มินอูดันพยักหน้ารับคำผมครับ...
       
    หัวใจผมไหวหวิว...อุตส่าห์ปิดเครื่องหนีแล้วนะเว้ย  “ไอ้พี่บ้า...ไปบอกเขาทำไมว่าผมอยู่นี่”
       
    “ถ้าฉันไม่บอกที่อยู่ของแก เยจินจะตามไปฆ่าฉันที่ห้องซ้อมวันพรุ่งนี้...และด้วยสภาพเดี้ยงๆของแกแล้ว ฉันก็ไม่อยากเดี้ยงแบบแกหรอกนะ” พี่มินอูเถียงผมครับ พี่เถียงผม...แต่ก็อย่างว่าแหละครับ โหดอย่างนั้น เป็นใครก็ต้องกลัวเหมือนกัน
       
    “ถามจริงๆเถอะวะ น้องคนสวยนั่น โหดสุดๆเลยเหรอ” จอนจินก็คงเหมือนคนอื่นนั่นแหละครับ...ใครจะไปเชื่อว่า คนสวยๆแบบนั้นจะโหดกับผู้ชายหล่อๆได้ถึงเพียงนี้
       
    “โหดสุดๆ...”ผมตอบไปด้วยความมั่นใจไม่มีครั้งไหนจะมั่นใจเกินไปกว่าครั้งนี้อีกแล้ว
       
    “ฉันคอนเฟิร์ม...เคยดูเรื่อง MY Sassy Girl รึเปล่า นั่นหล่ะ โหดกว่านั้นสิบเท่า” คำพูดตอกย้ำของพี่มินอูเรียกเสียงฮือฮารอบทิศ...บอกแล้วครับ ใครจะไปเชื่อว่าสวยๆจะดุอย่างกับน้องหมา เอ่อ...เมื่อกี๊ผมว่าน้องเค้าเหมือนน้องหมา...ผมไม่ได้ผิดข้องตกลงข้อที่ 5 ใช่มั๊ยครับ
       
    ผมควักกระเป๋าสตางค์ตัวเองออกมา ส่งรูปที่เคยพกเอาไว้เพื่อความชุ่มชื้นในหัวใจให้กับพี่เอริค...ผมตัดสินใจแล้วครับ ผมจะเสียสละคนสวยอย่างน้องเยจินให้เพื่อนรักอย่างพี่เอริค

    “ผมเห็นแก่พี่เอริคนะ ผมจะเสียสละ ไม่จีบน้องเยจิน รูปนี้น่ะ พี่เอาไปได้เลย”
       
    “ไม่เอา...ถึงฉันชอบคนสวย มีตำแหน่ง แต่ฉันก็เลือกนะเว้ย ฉันจะเอาแบบนามิจัง สวย น่ารัก หวานๆ...แบบสวยแต่โหด ฉันไม่เอา” ดูเอาเถอะครับ ขนาดพี่เอริคที่พิสมัยแต่ผู้หญิงสวยยังไม่เอาเลย น้องเยจินควรจะพิจารณาตัวเองได้แล้วนะครับ
       
    “โหย...เอริคเอ๊ย...ชั่วโมงนี้แล้ว ยังจะเลือกอีกเหรอ ...” พี่ดงวานแซวพี่เอริคเข้าไปเยอะๆนะ  เผื่อพี่เอริคจะเปลี่ยนใจรับน้องเยจินไปวิ่งเล่นในหัวใจบ้าง ก็ตอนนี้พี่เอริคเค้ากำลังเข้าตาจน  ปัญหาของพี่เอริคก็มีพอๆกับพี่เฮซองนั่นแหละครับ เผลอๆอาจจะหนักหน่วงกว่าด้วยซ้ำ
       
    “ไม่เอา...ไม่อยากเป็นกระสอบทรายให้น้องเค้าซ้อม” ขนาดบึกบึนอย่างพี่เอริคยังทนไม่ไหว แล้วแอนดี้ตัวน้อยๆอย่างผมล่ะครับ มันจะไปเหลือเหรอ
       
    วงเหล้าสนทนา สรวลเสเฮฮากันไปเรื่อยๆ...แต่ผมตอนนี้ดื่มไม่สนุกเสียแล้วล่ะครับ มันคอยแต่พะวักพะวง มองแลชะแง้หาแถวประตูบ้านบ่อยๆ อย่าเข้าใจผิดนะครับ อาการของผมที่กล่าวมาทั้งหมด ไมใช่อาการของหนุ่มผู้หลงใหลในความรักแต่อย่างใด แต่มันเป็นอาการของคนประสาทหลอนเข้าขั้น ไม่รู้ว่าภัยร้ายจะมาตอนไหน หวาดระแวงไปหมด

    เสียงกริ่งประตูบ้านดังขึ้นทำเอาแก้วเหล้าเกือบจะหล่นจากมือ แถมไอ้มือของผมมันก็สั่นระริกเชียว เฮ้อ....
       
    “แอนดี้...สงสัยแฟนแกมาว่ะ ไปเปิดสิ” พี่ดงวานพยักเพยิดให้ผมไปเปิดประตู
       
    “ไม่ต้อง แอนดี้มันเดี้ยงอยู่ ฉันไปเปิดให้เอง” ผมอยากขอบใจพี่เอริคมากมาย ความมีน้ำใจของพี่ครั้งนี้ เอาเป็นว่า ผมจะช่วยพี่ให้สมรักกับน้องเยจินก็แล้วกัน
       
    ประตูบ้านเปิดออก ภาพสาวน้อยหน้าหวานปานน้ำผึ้ง ใบหน้ารูปไข่ คางมน ตากลมโต ปากอิ่มแดงระเรื่อ จมูกโด่งได้รูป ผมดำขลับยาวสยาย สวยอย่างกับหลุดออกมาจากนิยายทำให้ทุกคนตาค้าง...
       
    ทุกคนตกหลุมพรางของนางมารร้ายเข้าแล้วครับ เห็นสวยๆอย่างนั้น จิตใจโหดร้ายเหลือเกิน...ทุกอย่างที่เห็นมันเป็นเพียงภาพลวงตา
       
    มาแล้วครับ...เดินเข้ามาในบ้านแล้ว....ไอ้ท่าเดินแบบนั้น มันคุ้นตาผมเหลือเกิน เธอเดินแบบนี้เข้ามาหาผมทีไร ผมเป็นต้องเจ็บตัวทุกที....งื้ออออออ...
       
    “ใครสั่งให้พี่ปิดโทรศัพท์ห๊า...” พูดอย่างเดียวไม่ได้ครับ น้องเยจินช่วยปัดฝุ่นตามลำตัวผมเสียห้าหกที เล่นเอากระอักเลือดเลยครับ...
       
    “ไม่ได้ปิด...แบตหมด” คำแก้ตัวของผม ฟังแล้วไม่น่าเชื่อถือเลยทีเดียว แต่ผมก็ได้พูดออกไปแล้ว ที่เหลือก็คือภาวนาให้น้องเค้าเชื่อน้ำลายของผมก็แล้วกัน
    ได้ผลครับ น้องเยจินหยุดทุบผม...แต่ก็ยังมองผมตาขวางอยู่ ถ้าผมพลาดเมื่อไหร่ เธอคงกัดผมเสียจมเขี้ยว  “แล้วไป...แต่อย่าให้จับได้นะว่าโกหก ไม่อย่างนั้น ตาย!!!!”

    ขู่อีกแล้ว....แต่ผมก็กลัวครับ ผมได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก ไม่กล้าสบตาสาวน้อยคนสวยผู้โหดร้าย...

    “ขอโทษนะคะที่เสียมารยาท ฉันชื่อฮานเยจินค่ะ เป็นแฟนของพี่แอนดี้...” น้องเยจินแนะนำตัวเองให้ทุกคนรู้จัก ยิ้มหวาน  ตาวาวเป็นประกาย ต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง...ผมเริ่มหาข้อสรุปให้กับตัวเอง น้องเค้าจะทำตัวดี น่ารักกับทุกคน ยกเว้น...อีซอนโฮ....
       
    “เอ่อ...น้องเยจินครับ นั่งก่อนสิครับ” พี่ดงวานเชื้อเชิญน้องเยจินให้ร่วมวงสังสรรค์ด้วย
       
    แล้วน้องเยจินก็สวมบทบาท สาวน่ารัก เรียบร้อย เธอยิ้มหวานเป็นการขอบคุณพี่ดงวาน แต่หันมาถลึงตา ทำเสียงดุใส่ผมแทน  “เขยิบไปสิ...ตาบื้อ!!!”
       
    ผมรีบเขยิบตัวเข้าไปนั่งชิดพี่เอริคเพื่อแบ่งที่ให้เยจินนั่ง...ตอนนี้ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง กลัวตัวเองจะทำอะไรผิดพลาดให้เยจินซ้อมเอาอีก
       
    น้องเยจินทำตัวดีเยี่ยมกับทุกคน ยกเว้น กับผม...ไม่นานนักสมาชิกวงเหล้า ไม่เว้นแม้แต่พี่มินอูที่ยังเมื่อกี๊ยังสยดสยองกับการกระทำของน้องเยจินอยู่ก็รู้สึกดีๆกับสาวน้อยคนนี้ค่อนข้างมาก ถึงแม้แต่ละคนจะมีคำถามคาใจว่าทำไมผมถึงเป็นแฟนกับน้องเยจินได้ แต่ทุกคนก็เลือกที่จะไม่พูดครับ ผมคาดว่า หลังจากน้องเยจินไม่อยู่ พวกเราคงมีการเปิดสัมมนาว่าด้วยเรื่อง...รักร้อนๆของแอนดี้

    น้องเยจินตีบทสาวน้อยร่าเริง น่ารักเสียแตกกระจุยเลยครับ   น้องเค้าคุยเก่ง หาเรื่องสนุกๆมาเล่าให้ทุกคนได้หัวเราะไม่ได้หยุด  เล่นเอาผมตามเกมส์น้องเค้าไม่ทันเชียวครับ ก็แม่คุณเพิ่งหัวเราะกับพี่มินอูอยู่หยกๆ แต่ดันหันมาแว๊ดผมเรื่องไม่คีบน้ำแข็งใส่แก้วให้เธอ ผมล่ะสับสนกับบุคลิคน้องเค้าจริงๆเลย...น้องเยจินน่ะ สวยน่ารักแค่เปลือกนอก ความจริงแล้วน้องเค้าน่ากลัวยิ่งกว่าไลท์ในการ์ตูนส์ Death Note อีก

    น้องเยจินมองนาฬิกาข้อมือแล้วพูดขึ้นว่า “สองทุ่มครึ่งแล้ว...ฉันกลับบ้านก่อนดีกว่าค่ะ พรุ่งนี้ฉันต้องเข้างานกะเช้าด้วย” น้องเยจินร่ำลาทุกคน รีบไปสิจ๊ะน้องเยจิน ไป ไป๊...ชิ้วๆ

    “ลุกสิ เรื่องแค่นี้ต้องให้บอกด้วยเหรอ” อ้าว...น้องเค้าจะให้ผมลุกทำไมเนี่ย ก็จะกลับไม่ใช่เหรอ ผมยังไม่ได้อยากกลับสักหน่อย
       
    “อ้าว...เธอก็กลับไปก่อนสิ” ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
       
    และแล้วกำปั้นอรหันต์ฟาดลงมาบนตัวผม “พี่จะให้ฉันกลับบ้านเองเหรอ ฉันเป็นแฟนพี่นะ”
       
    “ถึงเธอกลับเองคนเดียว เธอก็ปลอดภัย ใครจะไปกล้าทำอะไรเธอ” ผมพูดถูกใช่มั๊ยครับ ผู้หญิงที่ทำร้ายผู้ชายหล่อๆเสียจนปางตาย ไม่เห็นจะต้องกลัวผู้ชายละม้ายกระสอบทรายเลย
       
    เยจินตาลุกวาวเลยครับ “หมายความว่ายังไง อยากตายนักใช่มั๊ย...”
       
    ความอดทนของผมสิ้นสุดลงแล้วครับ ผมจะก่อการปฏิวัติ...ผมจะไม่ยอมน้องเยจินอีกต่อไป

    "หมายความว่า...ถ้าเธอไม่สบายใจ พี่ไปส่งก็ได้นะ”
     
    แต่ผมคิดว่าก่อการรุนแรงเกินไป มันคงไม่ค่อยดีนัก สงสารน้องเยจินน่ะครับ ผมก็เลยพูดดีๆด้วย ความจริงผมไม่ได้กลัวน้องเค้านะครับ ไม่เคยกลัวน้องเค้าเลยสักครั้ง...
       
    “แล้วไป นึกว่าจะหือกับฉัน รีบตามมาเร็วๆ ชอบทำให้ฉันหงุดหงิดอยู่เรื่อย” เห็นมั๊ยครับ พอผมพูดดีด้วย น้องเค้าก็ไม่ทำร้ายผมอีก...แต่น้องเยจินครับ คนที่หงุดหงิดน่ะควรจะเป็นผมมากกว่านะครับ ไม่ใช่น้องง่ะ...งื้ออออออ...ผมยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมดเป็นการส่งท้าย แล้วเดินตามหลังเยจินไป...ลับหลังผม วงเหล้าคงจะนินทากันสนุกปากแน่ๆ ฮึ่ย!!!
       
    สงสัยพักนี้พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก ดวงของผมเลยวิ่งต่ำลงๆ ถ้าน้องเยจินออกไปจากชีวิตผมได้เมื่อไหร่ กราฟชะตาชีวิตของผมคงจะดีวันดีคืนแน่ๆ...

    เฮ้อ!!! ในที่สุด ผมก็ก่อการปฏิวัติไม่สำเร็จ เจ็บตัวยังไม่พอ ต้องตกมาเป็นขี้ปากของไอ้พวกชอบเลี้ยงน้องหมาอีก...งื้ออออ...
       
    พวกมันรู้ความลับของผมแล้วครับว่าผมน่ะเกรงใจน้องเยจิน...

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×