ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ไออุ่นของคิว : Chapter 6
6
“แค่อยากจะบอกว่าคิดถึงเท่านั้นเอง”
“แค่อยากจะบอกว่าคิดถึงเท่านั้นเอง”
“แค่อยากจะบอกว่าคิดถึงเท่านั้นเอง”
“อ้าก!” ฉันซุกหน้าลงกับหมอนพร้อมกับกรี๊ดออกมาสุดแรงหลังจากคำพูดของน้องเขาเมื่อชั่วโมงก่อนวนเวียนอยู่ในหัวไม่เลิก “น้องเขาบอกคิดถึงฉันด้วยแหละ น่ารัก น่ารักที่สุดเลย” มองตุ๊กตาหมีข้างๆแล้วพูดออกมาอย่างกับมันจะฟังรู้เรื่องอย่างนั้นแหละ
เพราะเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่เลยตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปเจ้าตุ๊กตาหมีลงสตอรี่พร้อมเขียนไว้ว่า ‘You’re so cute’
นับวันจะน่ารักน่าเอ็นดูเกินไปแล้วนะเจ้าคิว กรี๊ด
ติ๊ง!
ผ่านไปสักพักเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ฉันหยิบมันขึ้นมาดูถึงได้รู้ว่ามีคนตอบสตอรี่มา
‘kiw2000s ได้ตอบกลับเรื่องราวของคุณ’
หือ? ชื่อนั้นมัน...น้องคิวนี่!
ใจฉันเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้นตอนที่เห็นว่าเป็นน้องเขาแต่นั่นไม่เท่ากับสิ่งที่ตอบมา
‘kiw2000s : ผมเหรอครับ?’
พาฉันไปที่โรงพยาบาลทีรู้สึกเหมือนอกมันจะระเบิด
ฉันนั่งกรี๊ดอมยิ้มกับประโยคนั้นราวๆเกือบนาทีได้ก่อนจะกดเข้าไปดูสตอรี่ของน้องเขาเมื่อเห็นวงกลมสีแดงที่วนรอบโปรไฟล์ ตอนแรกนึกว่าอีกฝ่ายจะลงรูปตัวเองแต่พอกดเข้าไปกลับวิดีโองูตัวสีดำเลื่อมที่เลื้อยพันรอบแขน
ถ้าฉันเป็นคนกลัวงูคงจะโยนโทรศัพท์ทิ้งไปแล้วแต่บังเอิญว่าฉันก็ชอบพวกแบบนี้เหมือนกันแถมงูตัวนี้ยังสวยน่ามองมากๆเลย
‘ai_ounisme : งูน้องเหรอ?’
ฉันเลยตอบสตอรี่น้องเขาไป อะนะ
เพราะก่อนหน้านี้ที่ไปส่องไอจีน้องคิวมาก็เลื่อนเห็นโพสต์งูตัวนี้แถวบนๆเหมือนกัน แถมยังมีตั้งสามสี่โพสต์อีก
ราวกับนั่งจ้องอินสตาแกรมเพราะพอฉันส่งไปเขาก็ตอบข้อความกลับมาทันที
‘kiw2000s : ใช่ครับ น้องชื่อแซงเกรียครับ’
โอโห้ สมกับที่เป็นบาเทนเดอร์ ขนาดชื่องูยังเป็นชื่อของวอดก้าเลย
ฉันกำลังจะพิมพ์ตอบกลับไปแต่อีกฝ่ายดันชิงส่งข้อความตัดหน้ามาซะก่อน ข้อความแรกเป็นการบรรยายเกี่ยวกับงูของเขาแต่ประโยคถัดมาทำเอาฉันหัวใจเต้นระรัว
‘kiw2000s : น้องเป็นงูเลี้ยงครับ พันธุ์ Mexican
black kingsnake ครับ น่ารักมากเลยใช่ไหม?’
‘kiw2000s : ถ้าพี่ไออุ่นชอบ พี่จะลองมาดูงูที่ห้องผมไหม?’
ไปค่ะ ไปเดี๋ยวนี้!
ฉันแหกปากร้องเพลงลั่นพลางเดินโซซัดโซเซไปตามทางอันแสนคุ้นเคย
ถึงแม้สติจะยังครบแต่ท่าทางที่แสดงออกมาคนภายนอกอาจจะมองว่าฉันเมาเละไปแล้วก็ได้
ก่อนหน้านี้ฉันไปแฮงค์เอ้าท์กับเดอะแก็งค์มาพอเสร็จพี่ม่อนก็เป็นคนมาส่งฉันที่หน้าปากซอยหมู่บ้าน
ความจริงเขาจะขับมาส่งหน้าบ้านนั่นแหละแต่ฉันดันสะเออะอยากจะเดินกลับไง
ผลก็อย่างที่เห็น...เดินร้องเพลงอย่างหมาแบบนี้ไง
“we are the champion~!” แถมยังร้องได้ท่อนเดียวอีกด้วย
ปวดหัวอะ อยากกลับไปนอนแผ่หลาบนเตียงที่บ้านจัง
“เลี้ยวซ้ายหรือขวาเนี้ย?” ฉันพึมพำพร้อมกับชี้ไปตามทางแยกตรงหน้า เอาแล้วไง สติครบแต่ดันจำทางกลับบ้านตัวเองไม่ได้ “อ๊ะ!”
ในระหว่างที่กำลังหันซ้ายหันขวาอยู่ก็รู้สึกถึงมือใครบางคนที่มาขว้าต้นแขนฉันไว้
ฉันหมุนตัวไปตามแรงแต่ด้วยความที่หมุนฉับพลันจนเกินไปทำให้เซถลาเข้าไปในอ้อมกอดของคนตรงหน้า ฉันปรือตาที่มัวๆของตัวเองขึ้นเพื่อเพ่งว่าเจ้าของอ้อมอกนี่คือใคร
“ทำไมถึงได้เมาแบบนี้ครับ?”
“คนน่ารักประจำปีนี่เอง” น้องคิวนี่เอง...บังเอิญเนอะ เขาตามฉันมาเหรอ? แอบชอบฉันล่ะซี่
ฮ่าๆ แต่บ้านน้องก็อยู่ที่นี่นี่หวา แสดงว่าน้องเขาไม่ได้ตามฉันมาน่ะสิ แย่จัง...
ฉันยกมือขึ้นทำท่ากรอกน้ำเข้าปาก “ไปดื่มมาแหละ
ดื่มๆน่ะ”
“ครับ ผมรู้แล้ว ค่อยๆเดินนะครับ” น้องคิวประคองฉันให้เดินไปตามทางซึ่งทุลักทุเลนิดหน่อยเพราะอาการของฉันในตอนนี้ อา...ไม่น่าดื่มมากเลย “แล้วนี่ทำไมดื่มมาเยอะขนาดนี้ครับ
รู้ว่าหนักยังจะเดินกลับอีก ถ้าเจอคนไม่ดีหรือล้มพับไปกลางทางจะทำยังไง”
“พล่ามๆๆ” ฉันใช้มือขึ้นมาขยับทำเป็นปากในระหว่างที่เขาพูด “ขี้บ่นจังเลยตัวเอง แค่เผลอดื่มมากไปนิด...เดียวเอง เอิ้ก เป็นไงๆ นี่เดินกลับเองได้เก่งใช่ปะ?”
“ครับๆ พี่เก่งที่สุดเลยครับ” น้องคิวพยายามพาฉันเดินไปต่อ
ฉันว่ามันเงียบอะ
ชวนคุยบ้างดีกว่าเดี๋ยวน้องเขาจะเบื่อเอาซะเปล่าๆแล้วพาลไม่อยากยุ่งกับฉัน “รู้เหรอว่าบ้านพี่อยู่ไหนแล้วออกมาทำอะไรดึกๆอะ”
“ผมต้องตอบอันไหนก่อนดีล่ะ” ได้ยินเสียงหัวเราะด้วยแหละ เห็นไหมน้องเขารู้สึกดีที่ได้อยู่กับฉันแล้ว “ผมเคยเดินไปส่งพี่จำไม่ได้เหรอ? แล้วก็ผมเพิ่งเลิกงานมาน่ะครับ”
“อ๋อ เหรอออ” หวา...ทำไมเสียงฉันถึงได้ยานคางขนาดนี้ล่ะ
ระหว่างทางเสียงฉันดังเจี๊ยวจ๊าวตลอดเวลาส่วนน้องคิวก็รับหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีโดยการเงียบและจะปริปากเฉพาะเวลาฉันถามเขาเท่านั้น
เราเดินมาเรื่อยๆจนมาถึงสถานที่แสนคุ้นเคย เอ๊ะ...รั้วนี่มัน
“บ้านฉัน come
back home~” ไม่ต้องรอช้าฉันรีบกระโจนไปเกาะรั้วบ้านอย่างโหยหา
โอ๊ยอยากนอนๆๆ คิดถึงเตียงนอนนอันแสนนุ่มนิ่ม
“เข้าบ้านสิครับ” เสียงที่ดังเข้ามาทำให้ฉันนึกได้ว่าน้องคิวยังอยู่ตรงนี้จึงล้วงมือเข้าไปหากุญแจในกระเป๋าสะพายเกือบห้านาทีก่อนจะไขประตูอีกสองนาที
“ได้แล้ว”
“โอเคงั้นก็...!” คำพูดขาดห้วงไปในทันทีเมื่อจู่ๆฉันก็พุ่งเข้าไปกระโดดกอดเขาแน่นพร้อมกับคลอเคลียเขาอย่างกับลูกแมว
“ขอบใจมากนะน้องที่น่ารัก” อยากกอดเขานานๆจังเลย คนอะไรตัวนุ๊มนุ่ม
“เอ่อพี่ครับ ผมว่าพี่เมา...!” และชะงักไปอีกครั้งเมื่อฉันชะโงกตัวขึ้นหอมแก้มเขาไปหนึ่งทีพร้อมกับหมุนตัววิ่งกลับเข้าไปในบ้านตัวเอง
นอนดีกว่าพรุ่งนี้จะได้ตื่นมาสดชื่น
“นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี้ย!”
จะมีอะไรแย่ไปกว่าการตื่นขึ้นมาพร้อมกับการระลึกได้ว่าเมื่อคืนตัวเองทำอะไรลงไป
คลอเคลียงั้นเหรอ?
หอมงั้นเหรอ? นี่ฉันทำบ้าอะไรลงไปวะเนี้ย บ้าไปแล้ว บ้าไปแน่ๆแล้วฉันจะกล้าไปเจอหน้าน้องเขายังไงล่ะทีนี้
ฮือ...ไอ้ร่างกายบ้า ทำไมพอดื่มหนักแล้วเป็นอย่างนี้ทุกทีเลยเล่า
Rrrr Rrrr
“แม่ร่วง!” ฉันสะดุ้งสุดตัวเมื่ออยู่ดีๆเสียงริงโทนโทรศัพท์ดังขึ้นมา
ฉันพ่นลมหายใจออกทางปากเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเองลงเสร็จจึงชะโงกหน้าไปดูว่าใครที่โทรมา
‘กราฟที่ไม่ใช่แกนxแกนy’
เป็นกราฟนี่เอง
“ว่าไง?” ฉันกรอกเสียงลงไป
[ไม่มาเรียนรึไง?]
“วันนี้เราเรียนบ่ายหนิ” คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน ฉันเบนหน้าไปมองนาฬิกาก่อนจะพบว่า...
[นี่เที่ยงแล้วเพื่อน] แม่เจ้าลืมดูนาฬิกาไปเลย
“แล้วนี่มึงก็ดื่มเยอะเหมือนกันทำไมตื่นไหววะ” ฉันบ่นใส่กราฟพลางรีบลุกขึ้นไปจัดแจงตัวเองเพื่อที่จะเข้าคลาสบ่ายครึ่งให้ทัน
โถ่เอ๊ยถ้าไม่ติดว่าเช็คชื่อฉันโดดไปนานแล้ว
[กูไม่ได้ดื่มเยอะเหมือนมึง รีบมา!]
ในที่สุดฉันก็มาทันคลาสเรียนอย่างหวุดหวิดแต่ถึงได้มาเรียนก็ไม่รู้เรื่องหรอกเพราะอาการแฮงค์ยังคงเหลืออยู่ประปราย กระทั่งเลิกคลาสฉันเลยขอตัวออกไปหาเครื่องดื่มร้อนๆมาช่วยแก้อาการเมาค้างของตัวเอง และอย่างกับโชคชะตาเล่นตลกเมื่อหลังจากได้สิ่งที่ต้องการแล้วยังเจอบุคคลที่ไม่อยากเห็นหน้ามากที่สุดในตอนนี้อย่างน้องคิวอีกด้วย
รออะไรล่ะหนีสิ!
“พี่ไออุ่น เดี๋ยวก่อนสิครับ” เชี่ยแล้วไงจะตามมาทำไมเนี้ย
ขาสองข้างที่ก้าวเดินเร็วๆแปรเปลี่ยนเป็นออกแรงวิ่งในฉับพลัน “พี่ครับ!”
แต่เหมือนโชคชะตาใจร้ายอีกเป็นครั้งที่สองที่ขาสั้นๆของฉันไม่สามารถสู้ขายาวๆที่ก้าวเพียงสามก้าวแล้วถึงแบบน้องคิวเขาได้ เขาจึงสามารถหยุดการเคลื่อนไหวฉันโดยการคว้าหมับเข้าที่ข้อมือพร้อมกับกระตุกให้หันกลับไปเผชิญหน้าภายในไม่กี่วินาที
“อ้าวน้องคิว” ฉันทำเป็นไม่รู้เรื่องโดยการหันไปเอียงคอพร้อมส่งสายตาใสซื่อส่งไปให้อีกฝ่าย แต่เหมือนจะไม่ค่อยสำเร็จเท่าไหร่เพราะน้องคิวถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า
“พี่จะหนีผมทำไมครับ?” เพราะเรื่องเมื่อคืนน่ะสิ! “เพราะเรื่องเมื่อคืนเหรอครับ?”
“…” น้องเขาอ่านใจฉันได้เหรอวะ คุณพระ...น่ากลัวเกินไปแล้ว “ระ เรื่องเมื่อคืน?
เมื่อคืนมันทำไมเหรอ?” ฉันแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ทั้งๆที่จำได้ชัดเจน
ทั้งสัมผัส ทั้งคำพูด โอโห้...เล่าเป็นฉากๆได้เลย
น้องคิวเบิกตาเล็กน้อยก่อนจะเอียงคอถามด้วยความสงสัย “พี่จำไม่ได้เหรอ?”
“อา...พอดีเมาแล้วเป็นอย่างนี้ทุกทีเลยน่ะ” ทีนี้ก็ปล่อยฉันไปและหยุดพูดเรื่องเมื่อคืนได้แล้ว
“จำไม่ได้จริงๆเหรอครับ
ที่พี่เข้ามากอดผมแล้วก็หอมแก้มผมด้วยไง”
“กรี๊ดอย่าพูดนะ!” ฉันรีบถลาไปตะครุบปากเขาไว้ในทันทีที่ผู้ชายตรงหน้าสาธยายเหตุการณ์อันน่าอับอายนั่น
“อี้อ็ออำไอ้อี้อ่า” เพราะเขาพยายามพูดอะไรบางอย่างและมันฟังไม่รู้เรื่องฉันจึงเอามือออก “พี่ก็จำได้นี่นา”
“เราอย่าพูดเรื่องนี้กันอีกเลย” ฉันรีบตัดบทและตัวเลือกที่ดีที่สุดนั่นคือการเปลี่ยนเรื่องคุย “ว่าแต่เราเถอะทำไมถึงมาแถวคณะพี่บ่อยแบบนี้
ตึกคณะเราก็ไม่ได้ใกล้กันขนาดนั้นหนิ”
น้องคิวอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “มันก็ไม่ได้ไกลหนิครับ” พร้อมกับชี้ไปยังสวนทางข้างหลังตัวเอง “เดินลัดสวนไปไม่ถึงสิบห้านาทีก็ถึงแล้ว”
“หือ...มันเดินลัดไปได้เหรอ?” ฉันมองไปยังสวนนั้นด้วยสายตาแพรวพราว
นี่คิดว่ามันก็เป็นแค่สวนดอกไม้ธรรมดาๆซะอีกไม่คิดว่าจะสามารถลัดไปยังคณะศิลปศาสตร์ได้ด้วยซ้ำ
“ได้สิครับ” ตอบพลางชี้ไปอีกด้าน “ทางนั้นก็ทะลุไปคณะวิทยาศาสตร์ได้”
“โห้ พี่อยู่มาตั้งสองปีไม่เห็นรู้เรื่องเลยนะเนี้ย” ฉันปรบมือรัวอย่างภาคภูมิใจสุดๆ
เรื่องพวกนี้ฉันไม่ค่อยรู้หรอกแต่ถ้าถามว่าแถวนี้ร้านเหล้าร้านไหนน่านั่งหรือเปิดกี่โมงปิดกี่โมงฉันยังรู้เยอะกว่าอีก
“พี่นี่ก็...” เจ้าของคำพูดทำเสียงระอาก่อนจะยื่นสมาร์ทโฟนของตัวเองมาให้ “เอาเบอร์เอาไลน์มาเลยผมมีเรื่องต้องสอนพี่อีกเยอะ”
“ก็ดีนะ” ฉันรับมันมาพร้อมให้สิ่งที่เขาต้องการ หางตาเห็นลางๆว่ามุมปากของคนตรงข้ามกระตุกขึ้นมาฉันถึงได้รู้ว่า...
ถูกเด็กหลอกขอเบอร์แล้วไง
Kiw’s Talk
“คิว รับลูกค้าหน่อย” เสียงของรุ่นพี่ผู้ร่วมงานตะโกนเข้ามา ผมพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินไปยังผู้ชายสองคนและผู้หญิงอีกหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์
“รับอะไรดีครับ?”
ผมชื่อ ‘คิว’ ปัจจุบันเรียนอยู่ปีหนึ่งคณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาการออกแบบแฟชั่น และทำงานพิเศษเป็นบาเทนเดอร์ของร้านเฮียทายหรือ ‘เพทาย’ รุ่นพี่ที่ผมเคารพรัก เงินมันก็มีอยู่แหละเนื่องจากพ่อแม่ส่งมาให้ประจำแต่รู้สึกว่าอยากมีเงินมากขึ้นอีกเลยมาสมัครงานที่นี่ ไม่ใช่พระเอกนิยายทุกคนต้องรวยซะหน่อยหนิครับ ทำไปทำมาสนิทกับเฮียทายและเพื่อนของพวกเขาเฉยเลย
วันๆก็ไม่ทำอะไรมากหรอก ชงเหล้า คุยกับลูกค้าและยิ้มแย้มแจ่มใส
ด้วยความที่ใบหน้าผมมันโคตรจะน่ารักทำให้แค่ยิ้มเพียงเล็กน้อยบรรยากาศรอบข้างก็สดใสขึ้นมาได้ในทันที
“ขอโทษนะครับ”
“คะ?”
ระหว่างที่กำลังผสมเครื่องดื่มตามที่ลูกค้าสั่งเสียงทุ้มของใครบางคนก็ดึงความสนใจให้ผมเงยหน้าขึ้นไปมอง
มีผู้ชายคนหนึ่งกำลังยื่นคุยกับผู้หญิงคนที่ผมเพิ่งรับออเดอร์ไปเมื่อสักครู่
อืม...แต่ดูจากท่าทางแล้วพวกเขาสองคนคงจะไม่ได้รู้จักกันมาก่อน แสดงว่ากำลังจีบร้อยเปอร์เซนต์
“คือว่าน่ารักจังครับ ขอเบอร์หน่อยได้ไหม?”
เห็นมั้ย ผู้ชายเข้ามาจีบจริงๆด้วย
ผู้หญิงคนนั้นอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า... “ขอโทษค่ะ พอดีผัวเพิ่งปาโทรศัพท์ทิ้งไปน่ะค่ะ”
อิหยังวะ
ผมยู่หน้าให้กับคำตอบของเธอ ปาโทรศัพท์ทิ้งบ้าบออะไรกัน...เป็นคำแก้ตัวที่สิ้นคิดสุดๆ
ดูจากดาวอังคารก็ดูออกว่าไม่อยากให้ ไม่ให้ก็ไม่ให้สิ แค่บอกไปตามตรงมันยากตรงไหนเนี้ย
แต่ว่าเธอหน้าตาดีจัง มีแฟนแล้วเหรอเสียดายอะ แต่เอ๊ะ...ดูทรงแล้วไม่น่ามีนะ
มันไม่รู้สิ เขาเรียกว่าอะไรล่ะ ไม่มีออร่าของคนมีแฟนมั้ง
“หึ” เพราะงั้นผมถึงหัวเราะออกไป
“หัวเราะอะไรคะ?” เธอหันควับมาทันทีเลยแฮะ
ผมต้องเรียกเธอว่าพี่สินะเพราะทุกคนที่สามารถเข้ามาในนี้ได้ก็ต้องเป็นรุ่นพี่ผมหมดนั่นแหละ “หัวเราะพี่น่ะครับ” เหมือนเธอจะชะงักไปแว็บหนึ่งด้วยนะ
“ว่าแต่ก่อนหน้านี้น้องหัวเราะพี่ทำไมเหรอ?” หลังจากพูดคุยเรื่องที่ว่าทำไมผมถึงเรียกเธอว่าพี่เสร็จสรรพแล้วอีกฝ่ายก็ถามถึงสาเหตุเมื่อสามนาทีที่แล้ว
“อ๋อ” ผมครางในลำคอ “ผมขำกับประโยคปฏิเสธของพี่น่ะครับ”
“?” ผมสังเกตท่าทีของเธอ
“ไม่ให้หรือไม่ชอบก็บอกไปตรงๆสิครับไม่เห็นต้องโกหกเลย”
“แล้วรู้ได้ยังไงว่าพี่โกหก?” ผู้หญิงตรงหน้าถามขึ้นมา “แล้วไอ้ที่ว่าโกหกเนี้ยหมายถึงเรื่องโทรศัพท์หรือเรื่องที่พี่มีแฟน?”
ในระหว่างที่รินเครื่องดื่มลงแก้วก็ตอบกลับไปด้วย “ก็ต้องทั้งคู่สิ เมื่อกี้พี่ยังเล่นโทรศัพท์อยู่เลย อีกอย่างน่ะพี่คงยังไม่มีแฟนหรอก” พร้อมกับสังเกตสีหน้าของอีกฝ่ายไปด้วย
“…” พี่ลูกค้าชะงักอย่างเห็นได้ชัด
หึ...ดูก็รู้แล้วว่าไม่มี เพราะสิ่งที่ต้องทำคือการดึงลูกค้าให้เขารู้สึกว่าอยากมาที่นี่บ่อยๆผมจึงอมยิ้มออกมาพร้อมกับพูดออกไปว่า...
“เพราะถ้ามีจริงสวยๆอย่างพี่เขาก็ต้องมาคุมแล้วแหละครับ”
และมันได้ผลเมื่ออีกฝ่ายเสียหลักและใบหน้าเริ่มแดงระเรื่อ
ใบหน้านั้นมัน...สวยจังแฮะ
“นี่ของพี่ครับ” ผมสะบัดความคิดแปลกออกจากหัวพลางดันแก้วบรรจุเครื่องดื่มไปให้คนที่ทำตัวไม่ถูกตรงหน้าก่อนจะหมุนตัวกลับโดยไม่ลืมทิ้งท้ายไว้ว่า “ผมไปทำงานก่อนนะครับ หวังว่าจะได้เจอพี่อีกนะ”
...แล้วก็ได้เจอจริงๆ...
เธอมาเป็นครั้งที่สอง ก็ดีใจอยู่หรอกที่สามารถดึงลูกค้าได้แถมเธอยังเรียกผมมาบริการอีกด้วยจนผมได้รู้ว่าเธอชื่อไออุ่น
แล้วก็ไม่ลืมหยอดเธอไปอีกตามเคย
ก็นะมันเป็นปกติของการดึงลูกค้าอยู่แล้ว
พี่ไออุ่นมาอีกแล้ว... นี่พี่เขามาบ่อยเกินไปรึเปล่า เมื่อวานเพิ่งมาเองไม่ใช่เหรอ? แต่ละทีก็ดื่มเข้าไปไม่น้อยด้วย แต่ช่างเถอะ...อย่าไปสนใจพี่เขาเลยไปทำงานต่อดีกว่า
อีกแล้ว...ดื่มเยอะแบบนี้ตับไม่แข็งไปแล้วรึไง? แล้วนี่มาคนเดียวด้วย
เกิดเจอคนไม่ดีขึ้นมาใครจะไปช่วยได้
วันนี้พี่ไออุ่นก็มา
วันนี้พี่ไออุ่นไม่มาเหรอ?
ทำไมหาไม่เจอเลย...นั่นไง
ว่าแล้วว่าต้องมาแต่เอ๊ะผู้ชายคนที่มาด้วยนั่นใครอะ ไม่ชอบใจเลย...
อย่างที่คิดวันนี้พี่เขายังคงมาแถมยังนั่งที่เดิมกับเมื่อสองวันก่อนด้วย
เอ๊ะ วันนี้พี่เขาใส่ชุดนี้น่ารักจัง
...พอมารู้ตัว สายตาผมกลับจับจ้องอยู่ที่เธออยู่ทุกเวลา
ไม่ละไปไหนเลย...
“คิวทำไมดูรีบจัง” เสียงหวานใสแสนคุ้นเคยดังขึ้นมาในระหว่างที่ผมกำลังเก็บของเข้ากระเป๋าของตัวเองอย่างเรียบร้อยหลังจากที่ร้านเพิ่งปิดไปเมื่อสิบนาทีก่อน
“รีบกลับบ้านน่ะพี่น้ำหวาน” ผมหันไปตอบเจ้าของประโยคเมื่อครู่ก่อนจะเก็บของต่อแต่ไม่ทันไรเสียงโวยวายก็ดังตามมาในทันที
“บอกให้เรียกเกรทไง พี่เปลี่ยนชื่อไปนานแล้วนะ” พี่ ‘เกรท’ น้องสาวของเฮีย ‘กาย’ เพื่อนในกลุ่มเฮียเพทายส่งเสียงฮึดฮัดไม่พอใจที่ผมยังคงเรียกชื่อเก่าของเธออยู่
ก็แหม่มันชินไปแล้วนี่นา “พี่กายได้มาที่นี่รึเปล่า?”
ผมนึกอยู่แว็บหนึ่งแล้วตอบออกไป “ไม่นะครับ ช่วงนี้พวกเฮียๆไม่ค่อยได้มาหรอก” แม่งติดเมียกันทั้งนั้น อิจฉาฉิบหาย
“อ้าวเหรอ เมื่อก่อนเห็นมาบ่อยเลยมาหาที่นี่นะเนี้ย” อีกฝ่ายบ่น
“มีเมียก็อย่างนี้ทุกคนอะพี่ ตั้งแต่เฮียต้าแล้ว”
“พี่กายมีแฟนแล้วจริงดิ?” พี่เกรทเบิกตากว้าง
อะไรวะเนี้ยเป็นพี่น้องกันจริงรึเปล่า
“เห็นเขาว่าสวยสุดๆเลยแหละแต่ผมก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน”
พี่เกรทพยักหน้าหงึกหงัก “งั้นคงต้องไปทักทายหน่อยแล้ว” ก่อนจะเดินผ่านหน้าไป ผมเลยก้มลงเก็บของที่เหลือต่อ
“มึงจะรีบไปไหนวะ ปกติเวลากูจะปิดร้านแม่งอ้อนวอนจะอยู่ต่อแทบเป็นแทบตาย” หลังจากพี่เกรทไปไม่นานรุ่นพี่ที่ผมเคารพมากที่สุดอย่างเฮียเพทายก็เดินเข้ามาแทนที่พร้อมกับมองผมด้วยนัยน์ตาที่มีคำถามแฝงอยู่
“เผื่อเจอใครบางคนอะเฮีย” ผมอมยิ้ม
เพราะต้องอยู่บ้านคนเดียวทำให้เมื่อก่อนผมไม่ค่อยอยากจะกลับบ้านซะเท่าไหร่
วันไหนไม่มีเรียนผมจะอาสานอนเฝ้าร้านด้วยซ้ำแต่มันไม่ใช่ในตอนนี้ที่ผมรู้ว่าผมกับพี่ไออุ่นอยู่หมู่บ้านเดียวกัน
อยากกลับบ้านใจจะขาด
“มีเมียแล้ว?”
“ยังหรอกครับเฮีย” ผมหัวเราะแฮะๆส่งไป “ว่าแต่เฮียเถอะ
ทำไมถึงมาเอาตอนที่เขาปิดร้านแล้วอะ เป็นเจ้าของภาษาอะไรเนี้ย” ผมแกล้งแซวเฮียทายไป เพราะวันนี้ดูจากหน้าตาแล้วเขาไม่ค่อยสดชื่นเลย
“วันนี้กูจะนอนร้าน แม่งไม่อยากนอนบ้าน คอนโดก็กลับไปไม่ได้อีก” ผู้เป็นรุ่นพี่ตรงหน้าตอบพลางล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วหยิบตั๋วอะไรสักอย่างสองใบยื่นมาให้ผม เขามองตั๋วนั่นด้วยแววตาไร้อารมณ์ “ไอ้กายแนะนำมาเผื่อเขาจะยอมบอกความจริงแต่กูรู้สึกว่าไร้สาระว่ะ”
อะไรของเฮียเขาวะ? งง
ผมรับมาพบว่ามันคือตั๋วคอนเสิร์ตของวงดนตรีที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่พวกผม
ดังนั้นเลยเงยหน้าหวังจะขอบคุณเฮียซะหน่อยเขาแต่คนให้กลับหายไปแล้ว
ช่างเถอะ...มีสองใบพอดีชวนพี่ไออุ่นไปดีกว่า พูดถึงพี่ไออุ่นฝ่ามือก็เลื่อนไปแตะผิวแก้มโดยอัตโนมัติ
สัมผัสบางเบาจากการถูกหอมแก้มเมื่อสองวันก่อนยังคงอยู่
ตอนนั้นพี่เขาเมาเลยทั้งกอดทั้งหอม
รู้อย่างนี้มอมพี่เขาไปตั้งนานแล้ว
“คิดไงอยากมากินร้านแถวนี้วะ” เสียงของ ‘ยักษ์’ เพื่อนในกลุ่มคณะเดียวกันดังเข้ามาในโสตประสาท
“ร้านนี้แถวคณะพวกเราก็แยกสาขามานะสัส” ‘ทัช’ เพื่อนอีกคนพูดเสียงเนือย
พวกมันกำลังบ่นเรื่องที่ผมพามันมาร้านน้ำแถวคณะนิเทศน่ะ
“กูว่ามาหาสาวชัวร์” ‘แก้ว’ ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มพูดอย่างรู้ทัน
เออ กูมาหาพี่ไออุ่น!
“เฮ้ยมึง” ในระหว่างที่กำลังเดินไปยังร้านเป้าหมายทัชก็ส่งเสียงเรียกให้พวกผมหันไปหาพร้อมทั้งส่งสายตาเป็นเชิงคำถามไปให้ “มึงดูกลุ่มนั้น” มันพยักพเยิดหน้าไปทางทิศตรงข้าม
ผมหันไปมองตามสายตาก็ปะทะเข้ากับนักศึกษากลุ่มหนึ่ง
...นั่นกลุ่มพี่ไออุ่น
“เหยดเข้ รวมกลุ่มคนหน้าตาดีรึไงวะ” แก้วอุทานขึ้นมา
กลุ่มพี่ไออุ่นหน้าตาดีจริงอันนี้ยอมรับ ผมถึงไม่ชอบใจเวลาพี่เขาอยู่กับคนที่ชื่อพี่ม่อนอะไรนั่นถึงแม้จะเป็นแค่เพื่อนกันก็ตามเถอะ
เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อน่ะมีเยอะจะตายเพราะฉะนั้นผมต้องกันไว้ก่อนโดยการรุกพี่ไออุ่นเต็มกำลัง!
“มึงดูผู้หญิงทรงเอคนนั้นดิวะ แม่งสวยฉิบหายเลยว่ะ” ผู้หญิงทรงเอ...ไอ้เชี่ยมันหมายถึงพี่ไออุ่น
ไอ้เพื่อนเวร
“ไอ้คิวมึงทำไรของมึงวะเนี้ย?” ยักษ์โวยวายทันทีเมื่อผมก้าวเข้ามาบังทิศทางการมองเห็นของมัน “ออกไปดิ กูมองไม่เห็น”
“ขอโทษนะ”
“?” เพื่อนทั้งสามเลิกคิ้วให้อย่างงุงงน
ผมชำเลืองไปมองพี่ไออุ่นอีกครั้งก่อนจะเบนหน้ากลับมามองเพื่อนตัวเองต่อพร้อมทั้งกระตุกมุมปากขึ้นมาข้างหนึ่งแล้วพูดต่อว่า...
“แต่คนนี้กูจอง”
แล้วก็ไม่ให้ใครหน้าไหนมาแย่งด้วย!
Kiw End Talk
7ความคิดเห็น