ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
REVENGE OF LOVE : หนี้แค้นแทนรัก (เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอย)

ลำดับตอนที่ #7 : ณ คฤหาสน์กลางหิมะ

  • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 48


แรงนิดสำหรับคุณหนูที่ไม่ประสีประสาเรื่องทางโลก

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





พายุหิมะยังคงโหมกระหน่ำและดูท่าว่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ   ชายร่างสูงที่มีอาภรณ์ปกปิดร่างกายหนาราวๆห้าชั้นย่ำเท้าลงบนหิมะที่สูงหนาถึงครึ่งขา   ผมสีบลอนด์ทองของเขายุ่งเหยิงไม่เป็นทรงเหมือนทุกครั้ง   หมวกฮู้ตส์เลื่อนต่ำลงมาปิดตาขณะที่รอบคอของเขามีผ้าพันคอและลามขึ้นไปปิดถึงครึ่งหน้า   ในอ้อมแขนของเขามีร่างผอมบางเล็กๆขดตัวคุดคู้อยู่   ร่างของเธอทั้งร่างซ่อนอยู่ใต้ผ้านวมหนาหลายชั้นและปิดบังใบหน้าเกือบครึ่งของเธอเอาไว้   ผิวของเธอซีดจางราวกับจะกลืนไปกับสีขาวของพายุหิมะ   เรือนผมสีน้ำตาลเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งสีขาว   ชายหนุ่มกระชับและกอดเธอแน่นไว้แนบอกอย่างหวงแหน



ในที่สุดการเดินทางที่แสนจะทรหดก็จบลง   ด้านหน้าของมัลฟอยคือถ้ำหินที่ซุกตัวอยู่ใต้กองหิมะ  มันเหมือนกับจะเป็นได้เพียงแค่ที่หลบพายุหิมะที่โหมกระหน่ำนี้เท่านั้น   มัลฟอยมองร่างของหญิงสาวที่เขากอดไว้แน่น  เธอพิงใบหน้าซีดขาวกับแผ่นอกของมัลฟอยและยังคงไม่ได้สติ   มัลฟอยถอนหายใจก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในถ้ำนั้น.........



ทันทีที่มัลฟอยเดินเข้าไปในถ้ำนั้นราวกับว่ามีสายลมวิ่งผ่านตัวเข้าไป   มัลฟอยก้าวเดินไปเรื่อยๆ   ทันทีที่เขาย่างเท้าเข้าไปจากถ้ำหินมืดๆที่มีกลิ่นอับชื้นก็เปลี่ยนเป็นทางเดินลาดอิฐสวย   สยามหญ้าทั้งสองด้านจมอยู่ใต้กองหิมะ   แม้ม่านพายุหิมะจะบังตาแต่มัลฟอยก็เห็นแสงไฟที่ด้านหน้าแล้ว   ภาพอาคารขนาดใหญที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่แมกไม้กิ่งโล้นและหิมะสีขาวโพลนค่อยๆเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ   ในที่สุดคฤหายน์หลังงามโอ่อ่าก็ปรากฏแก่สายตาของมัลฟอย   เขาหบุดบืนนิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง   มองร่างของหญิงสาวที่ดูจะซีดขาวขึ้นเรื่อยๆจึงตัดสินใจก้าวเท้าขึ้นไปบนบันไดหินอ่อนสีดำก่อนขะใช้เท้าถีบประตูบานงามให้เปิดออก



“คุณชายอยู่นั่น   เป็นเขามาแล้ว   รีบต้อนรับ!” เสียงกรีดร้องแหลมดังขึ้นระงมเมื่อมัลฟอยสาวเท้าผ่านเอลฟ์หลายตัวที่วิ่งกันวุ่นจนชนกันเอง   มีเอลห์หลายตัวพยายามจะเข้ามาปรนิบัติมัลฟอยแต่เขาก็เตะมันออกไปและปฏิเสธทาสรับใช้ที่ไม่ใช่เอลฟ์ไม่ให้มายุ่งกับร่างของคนที่นอนสงบอยู่ในอ้อมแขนของเขา



“อย่ายุ่ง! ฉันพาเธอไปเองได้!” เขาตอบอย่างหงุดหงิดก่อนจะถีบเอลฟ์ตัวหนึ่งที่พยายามเข้ามาถอดเสื้อคลุมของเขา



“เอลฟ์ทุกตัวไปรวมกันที่ครัว!” เสียงแหบพร่าและทรงพลังดังขึ้นพร้อมกับที่เสียงเล็กแหลมของเอลฟ์ประจำบ้านเงียบไป   ทุกตัวเดินเป็นแถวหูตกหายไปที่ประตูเล็กด้านหนึ่งตรงซอกตู้เก็บรองเท้า  มัลฟอยชะงักขาไว้และหันไปมองร่างของชายแก่คนหนึ่ง   หลังของเขาค้อมงอและดูเตี้ยอย่างประหลาด   ตาหรี่เล็กและดูไม่แยแสต่อสิ่งใด   มือเหี่ยวแห้งทั้งสองข้างวางไว้บนหัวไม้ค้ำยืน   ผมหวีจัดทรงและเรียบเป็นมัน   เขาดูจะมีความพิเศษในบ้านเมื่อสังเกตถึงชุดสูทย้อนยุคสีดำทมึนของเขา



“ไม่ได้พบกันเสียนานนะครับคุณชาย” เขากล่าวเบาๆพร้อมเดินโขยกเขยกโดยมีไม้เท้าช่วยมาจากมุมหนึ่ง   มัลฟอยก้มมองเขา   ดวงตามีแววเฉยเมยและเรียบชา



“บาทริค” มัลฟอยออกเสียงเรียกชื่อของเขาเบาๆ   ชายชราก้มหัวลงเล็กน้อยและยิ้มนิดๆที่มุมปาก



“คุณชายคงจะมีแขก” บาทริคเอ่ย   รอยยิ้มนั่นหดหายไปและจ้องมองร่างในอ้อมแขนของมัลฟอย



“ใช่! ผมบอกคุณตั้งนานแล้วว่าจะมาที่นี่   คุณจัดห้องไว้ใช่มั้ย” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายและกระชับร่างของเธอให้แน่นขึ้นเมื่อบาทริคเขย่างเท้าเพื่อจะมองใบหน้าของเธอ



“เชิญด้านนี้ขอรับ” ชายชราหันหลังและเดินนำมัลฟอยขึ้นบันไดสูงไป   มัลฟอยเดินตามไป   ผ่านทางและห้องมากมายที่ดูวกวน   จนกระทั่งถึงบันไดเล็กๆเชื่อมต่อกับอีกชั้นหนึ่ง   บาทริคเดินขึ้นไป   เขาล้วงหากุญแจในสูทและไขเปิดประตูพาขึ้นไปถึงชั้นว่างเปล่าที่มีประตูอีกหลายประตู



ทุกห้องทำความสะอาดไว้อย่างดี........แปลกใจเหมือนกันที่คุณชายอยากใช้ห้องนี้......ทั้งที่.....ไม่ได้มานานแล้ว” บาทริคเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม   มัลฟอยไม่สนใจ   เขาก้าวเดินผ่านบาทริคไปอยู่ที่ประตูด้านหนึ่งก่อนะหันมาพูดกับเขา



“คุณไปได้แล้ว” มัลฟอยเอ่ยขึ้น



“ผมจะให้แม่บ้านกับเอลฟ์มาช่วย....เธอ....คนนั้นจัดการเรื่องเสื้อผ้าและความเป็นอยู่” บาทริคเสนอ   จ้องมองร่างในอ้อมแขนของมัลฟอยอย่างพินิจ   มัลฟอยดูมีสีหน้าไม่พอใจ



“ไม่ต้อง......ห้ามใครมารบกวนหรือขึ้นมาบนนี้โดยที่ผมไม่ได้อนุญาต.....หรือ...ไม่ได้ขอ” ประโยคสุดท้ายนั้นดังกว่าเสียงกระซิบ   บาทริคจ้องมัลฟอยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค้อมหัวให้และเดินผ่านประตูนั้นไปโดยไม่ลืมหันมาปิดประตู



มัลฟอยเดินไปที่ห้องซึ่งอยู่ด้านในสุด   เขาเอื้อมมือไปเปอดประตูและเดินเข้าไป   ห้องนั้นมืดสนิทแต่เมื่อมัลฟอยเดินเข้าไปเทียนและโคมไฟทุกเล่มก็ทำงานเอง   ห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งอย่างเรียบง่าย   มีเตียงใหญ่และม่านทิ้งตัวปิดเตียงอยู่กลางห้อง   เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นสีขาว   แต่มีเพียงเตียง   ตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่   โต๊ะเครื่องแป้ง   และเก้าอี้โยกเพียงตัวเดียวในห้องนั้น   ไม่มีเครื่องใช้อย่างอื่นที่ห้องนอนไม่ควรจะมี  เหมือนกับห้องที่ใช้โชว์เป็นห้องตัวอย่าง   มัลฟอยวางร่างของหญิงสาวลงบนเตียงสีขาวสะอาดอย่างแผ่วเบา   เขานั่งลงข้างๆร่างนั้น   แบะค่อยๆดึงผ้านวมที่คุลมกายเธอไว้ออกมาเบาๆ



เฮอร์ไมโอนี่มีใบหน้าที่ขาวซีดกว่าปกติ    เธอหายใจเบาๆและอ่อนแรง   ผิวหนังเย็นเฉียบและมีหิมะเกาะอยู่บนใบหน้า  เปลือกตาปิดสนิท   ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงและดูสุขภาพไม่แข็งแรง



มัลฟอยปัดผมที่ลงมาปิดใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ออก   เขาจับมือเธอขึ้นมาสัมผัสกับใบหน้าของเขา   มันเย็นเฉียบและแข็งทื่ออย่างน่ากลัว   เสื้อผ้าเปียกชื้น   มัลฟอยเกิดความกังวลใจขึ้นมาเมื่อคิดว่าเธอจะไม่สบาย



มัลฟอยเดินตรงไปที่ห้องน้ำ   เขากลับออกมาพร้อมอ่างใสบรรจุน้ำและผ้าขนหนูผืนเล็กๆ   เขาเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกและหยิบเสื้อผ้าที่คิดว่าจะช่วยหันหนาวออกมา   เขาเดินกลับมาที่เตียง   จ้องมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างพินิจครู่หนึ่ง   ดูเขาๆไม่สบายใจและ.............เอ่อ....เขินอาย

“พนันได้เลยว่าตื่นมาเธอต้องวาดลายฝ่ามือของเธอไว้บนหน้าฉันอีกแน่”มัลฟอยพึมพำออกมาเมื่อรู้ว่าเธอคนนี้จะไม่รับรู้   เขาถอนหายใจครู่หนึ่งแล้วจุ่มผ้าขนหนูผืนเล็กลงในอ่างน้ำและบิดมัน   มัลฟอยหันมาทางเฮอร์ไมโอนี่   เสียงหายใจถี่ๆยังดังอยู่และฟังดูแผ่วเบาลงเรื่อยๆ   มัลฟอยวางผ้าชุบน้ำหมาดๆลงบนหน้าผากของเฮอร์ไมโอนี่เป็นอันดับแรก   เฮอร์ไมโอนี่ส่งเสียงอืออาไม่รู้เรื่องในลำคอ   เธอส่ายหน้าไปมา   มัลฟอยค่อยๆเปลี่ยนตำแหน่ง   เขาค่อยๆเลื่อนมือลงมาที่กระดุมเสื้อของเฮอร์ไมโอนี่   มัลฟอยค้างมือไว้และดูเหมือนครุ่นคิด



“ฉันช่วยเธอนะ” มัลฟอยพูดเหมือนมาเต็มใจนัก   แต่จริงๆแล้วหัวใจของเขากำลังเต้นโครมคราม   เมื่อมือของเขาค่อยๆปลดกระดุมเม็ดที่หนึ่ง   และค่อยๆเลื่อนมาปลดกระดุมเม็ดต่อไป   เมื่อกระดุมปลดออกมากขึ้นเมื่อไรก็ดูเหมือนผิวขาวของเฮอร์ไมโอนี่ก็ปรากฏต่อสายตาของมัลฟอยมากขึ้น   จนในที่สุดมัลฟอยก็ปลดกระดุมหมดจนเม็ดสุดท้าย   มัลฟอยวางผ้าขนหนูผืนนุ่มลงบนผิวของเฮอร์ไมโอนี่ตั้งแต่ต้นคอ   หัวไหล่เนียนขาว   เสียงครางอืออาในลำคอของเฮอร์ไมโอนี่ยังดังอยู่เรื่อยๆ   มัลฟอยพยายามจะเบามือที่สุด   ไม่เช่นนั้น.....มนตร์สะกดของเขาที่เสกเฮอร์ไมโอนี่ไว้จะเสื่อมลง



ในที่สุดผ้าขนหนูก็เลื่อนลงมาถึงเนินอกของเฮอร์ไมโอนี่    เขาลากผ้าขนหนูผ่านร่องอกอย่างเบามือ   จนกระทั่งถึงหน้าท้อง.....มัลฟอยถือว่าหน้าที่ของเขาสิ้นสุดลงเสียที



ชายหนุ่มทิ้งผ้าขนหนูลงในอ่างเขานั่งหันหลังให้เฮอร์ไมโอนี่   ก่อนจะปรายตาไปมองเสื้อผ้าที่เขาค้นออกมาจากตู้เสื้อผ้า   มัลฟอยถอนหายใจเป็นครั้งที่ร้อยแล้ว   เขาลุกขึ้นและตรงไปที่เสื้อผ้าซึ่งพาดอยู่ที่เก้าอี้เขาฉวยมันมาลวกๆก่อนจะนั่งลงข้างๆเฮอร์ไมโอนี่ที่ยังคงนอนออกเสียงในลำคออีกครั้ง



มัลฟอยหันไปมองเฮอร์ไมโอนี่   เขาค่อยๆปลดเสื้อออกมาจากไหล่ของเฮอร์ไมโอนี่อย่างเบามือ........





แสงไฟลอดตัวเข้ามาในเปลือกตาของเฮอร์ไมโอนี่   เธอปรือตาขึ้นช้าๆและรู้สึกชาไปทั่วร่างกาย   ม่านสีขาวที่โรยตัวลงมาจากเพดานคือสิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นในภาพมโนทัศน์ของเฮอร์ไมโอนี่   สัญชาตญาณบอกเธอทันทีว่าที่นี่ไม่ใช่ที่คุ้นตา   มันไม่ใช่ที่ที่เฮอร์ไมโอนี่สมคสรจะอยู่   จากนั้น.....สมองของเธอก็เริ่มลำดับความทรงจำช้าๆ



เร็วเท่าความคิด   เฮอร์ไมโอนี่ลุกพรวดจากที่นอนหนานุ่ม   เธอสะบัดผ้าห่มที่คุลมกายไว้และมองไปรอบๆ   เฮอร์ไมโอนี่มองดูตัวเอง   มันไม่ใช่เสื้อผ้าของเธอ.....แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้   เฮอร์ไมโอนี่ไปมองไปรอบห้อง   ประตูสีขาวบานหนึ่งอยู่ที่ผนังที่ไกลที่สุด   บางอย่างบอกเฮอร์ไมโอนี่ว่าประตูบานนั้นเป็นทางออก   เฮอร์ไมโอนี่ถลาตัวไปที่ประตูนั้นและควานหาไม้กายสิทธิ์ในเสื้อผ้าที่เธอสวมอยู่   แต่เธอหาไม่เจอ   เฮอร์ไมโอนี่ตรงไปที่ประตูนั้น   ตัเสินใจจะใช้วิธีแบบมักเกิ้ลคือทุบประตูหรือโห่ร้อง   หรือทำอะไรก็ได้ที่จะพาเธอออกไปจากที่นี่

แต่น่าแปลกใจ   ประตูนั้นไร้การพันธนาการใดๆทั้งสิ้น   เฮอร์ไมโอนี่บิดลูกบิดสีทองแกะสลักสวยและถาตัวออกไปข้างนอก   เท้าของเธอก้าวไปอย่างรวดเร็วและพยายามจะพาร่างที่ชาแข็งของเธอไปที่ประตูซึ่งหรูหราและบานใหญ่ที่สุด



“อุ๊บส์!” เฮอร์ไมโอนี่บเกตาโพลงอย่างตกใจเมื่อมีมือลึกลับตรงเข้าปิดปากเธอไว้และสวมกอดเฮอร์ไมโอนี่ที่เอวจากด้านหลัง   เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะกรีดร้องขณะที่บุคคลลึกลับคนนั้นพยายามจะพาเธอกลับไปที่ห้องซึ่งเธอเพิ่งออกมา   เท้าของเฮอร์ไมโอนี่ลอยอยู่ในอากาศ   ถึงจะออกแรงดิ้นหรือพยามยามจะกรีดร้องอย่างไรก็ดูจะไร้ผล



“โอ๊ย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเมื่อร่างของเธอถูกเหวี่ยงเข้ามาปะทะกับขอบเตียง   เฮอร์ไมโอนี่กุมที่ท้องอย่างเจ็บปวด   เสียงปิดประดูตามมา   เฮอร์ไมโอนี่รีบเงยหน้าขึ้นมอง......ฉับพลันความร้อนและความรู้สึกเจ็บแปลบเหมือนมีใครเอามีดสักล้านเล่มมาทิ่มแทงที่หัวใจก็ปรากฏขึ้น   เขายิ้มที่มุมปากน้อยๆอย่างพอใจขณะมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยสายตาน่ารังเกียจ   เขามองเธอเหมือนเธอเป็นควิดดิชนัดง่ายๆที่เขาเป็นผู้คุมเกมส์ได้



“เจอกันอีกแล้วนะเกรนเจอร์” มัลฟอยยิ้มแล้วก้มลงคุกเข่าข้างหน้าเฮอร์ไมโอนี่  เฮอร์ไมโอนี่จ้องมองเขาอย่างตื่นตระหนกปนอาฆาตแค้น   มือของเธอสั่นเทา   ริมฝีปากสั่นจนฟันกระทบกัน   สิ่งเดียวที่อยากทำตอนนี้คือฆ่าผู้ชายตรงหน้าให้หายไปจากโลกนี้ซะ



“อย่ามองฉันอย่างนั้นสิ......เกรนเจอร์” มัลฟอยทำเสียงนุ่ม   เขาจับคางเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมา   เธอสะบัดหนีและยังคงจ้องมัลฟอยด้วยความอาฆาตแค้น



“แก.....แก....” เฮอร์ไมโอนี่พูดไม่ออก   เธอได้แต่ออกเสียงในลำคอ   ร่างกายที่แข็งชาอยู่แล้วยิ่งทวีความเย็นเบือกมากขึ้น   นี่เธอตกเป็นเชลยของมัลฟอยอย่างนั้นหรือ.....ตกเป็นเชลยของเขาด้วยวิธีง่ายๆ



“จะพูดอะไรล่ะเกรนเจอร์” มัลฟอยยิ้ม   เฮอร์ไมโอนี่ปากสั่นจนพูดอะไรไม่ออก   ตอนนี้เธอกำลังพยายามสรรหาคำใดๆก็ได้ที่จะด่าเขาให้เจ็บแค้น



“ไอ้คนสารเลวโสโครก! แกจับตัวฉันมา.....แกจับตัวฉันมาทำไม!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนด่าเขาและรัวทุบมัลฟอยพัลวัน   มัลฟอยยิ้มพอใจและจับแขนเฮอร์ไมโอนี่ทั้งสองข้างไว้



“มีเหตุผลดีๆเสมอ.....เกรนเจอร์   สำหรับเรื่องของเราสองคน.....ของฉัน   ของเธอ....และ.....” มัลฟอยยกมือของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมาจูบ   เฮอร์ไมโอนี่ปัดมือทิ้งด้วยความขยะแขยง



“พอตเตอร์” มัลฟอยพูดต่อขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หน้าตื่น   เธอรู้แล้วว่าสาเหตุที่มัลฟอยพาเธอมาเพราะอะไร   เขาต้องการให้เธอเป็นเหยื่อล่อของแฮร์รี่!



“ไม่! แกไม่มีวันทำอย่างนั้นได้   แกมันสารเลว  น่าขยะแขยง! แกไม่มีวันทำอะไรแฮร์รี่ได้!” ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่ลุกวาวขณะที่มัลฟอยซึ่งกำลังจ้องเธออย่างเฉยชานั้นีแววโกรธมากขึ้น



“ไม่คิดเลยว่าเธอจะห่วงพอตเตอร์มากขนาดนั้น......เธอนี่ใช้ได้เลยนะ   คู่หมั้นตายได้ไม่ทันขึ้นปีที่สองก็หาของใหม่”



เพี้ย!



ใบหน้าของมัลฟอยหันไปตามแรงปะทะฝ่ามือของเฮอร์ไมโอนี่กับหน้าของเขา   มัลฟอยหันกลับมาและจ้องเฮอร์ไมโอนี่อย่างแค้นเคือง   เขาเงื้อมือขึ้น   เฮอร์ไมโอนี่หลับตาแน่น   เธอคิดว่ามัลฟอยต้องตบเธอกลับแน่ๆ



“อุ๊บส์!” เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างเมื่อมัลฟอยกระชากแขนทั้งสองข้างของเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาหาตัวเขาและประทับริมฝีปากของเขาลงไปบนริมฝีปากของเธออย่างรุนแรง   แขนทั้งสองข้างของเฮอร์ไมโอนี่ที่ถูกมัลฟอยรั้งไว้พยายามสู้ขัดขืนเต็มที่   มัลฟอยรั้งตัวเธอให้เข้ามาสัมผัสริมฝีปากของเขามากขึ้นเมื่อเธอดิ้น



“โอ๊ย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างเจ็บปวด   มัลฟอยถอนริมฝีปากออกมาและมองเลือดสดๆที่ไหลออกมาจากแผลที่ริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตานิ่งเฉย  เฮอร์ไมโอนี่เขยิบตัวหนีไปชิดเตียง   มัลฟอยลุกขึ้นยืนและล้วงเข้าไปในเสื้อคลุม   เขาดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาและชี้ไปที่เฮอร์ไมโอนี่   เชือกเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากปลายไม้และตรงเข้ารวบข้อมือของเฮอร์ไมโอนี่เอาไว้



“อยู่ที่นี่ก็หัดทำตัวดีๆไว้ซะเกรนเจอร์.....ไม่งั้นเธออาจจะไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน....หรือ...พอตเตอร์” มัลฟอยมองเฮอร์ไมโอนี่ที่ก้มหน้าเลี่ยงการจ้องตาของเขา   เฮอร์ไมโอนี่ยกมือที่ถูกันธนาการไว้ขึ้นปิดหน้าเพื่อซ่อนหยาดน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาจากดวงตาสีน้ำตาลคู่สวย



“ไม่อย่างนั้น.....พอตเตอร์นั่นแหละที่อาจจะไม่มีโอกาสได้เจอเธออีก!” เมื่อมัลฟอยพูดประโยคสุดท้ายจบเขาก็หันหลังและเดินออกจากห้องไป    เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงการร่ายคาถาอยู่ที่หน้าห้องตามด้วยเสียงลงกลอนกุญแจ

จากนั้นน้ำตาที่อุตส่าห์ห้ามเอาไว้กลับทรยศ   มันไหลออกมาไม่หยุด   เฮอร์ไมโอนี่ฟุบหน้าลงบนเตียงและเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น



อีกด้านหนึ่งของประตู   ชายคนหนึ่งยืนฟังเสียงสื้นของหญิงสาว   ความปวดร้าวพุ่งขึ้นในใจตั้งแต่เข้าสร้างรอยแผลให้เธอ   แต่มันก็มีแค่หนทางนี้เท่านั้น.......เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยชีวิตของเธอจากผู้เป็นบิดาของเขาได้!





แสงแดดอันน้อยนิดท่ามกลางม่านหิมะที่กำลังตกลงมาเหมือนร่ายมนตร์สาดส่องเข้มาฉาบร่างคดคู้ของเฮอร์ไมโอนี่ช้าๆ   ข้อมือทั้งสองข้างยังคงถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกที่เฮอร์ไมโอนี่พยายามอย่างไรก็แกะมันไม่ออก   ใบหน้าของเธอซีดเซียวและดูอิดโรย    เธอค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ........เพื่อรับรู้ถึงความเป็นจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น



เฮอร์ไมโอนี่ยันกายขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่าง   มันหน้าจะเป็นเช้าที่สดใสถ้าตอนนี้เธออยู่ที่บ้าน   นั่งจิบกาแฟกับแฮร์รี่   และคิดแผนการโค่นล้มตระกูลมัลฟอยที่แสนโสโครก



แต่ตอนนี้เธอกลับตกเป็นเชลยของมัลฟอย! แค่คิดได้เท่านั้นความเดือดก็พลุ่งพล่านผสมผสานกับความแค้น! ตอนนี้ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเฮอร์ไมโอนี่เป็นสีแดงฉานของเลือด   ดวงตาหรี่เล็ก   และคิดอยากจะทำลายทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเมื่อคิดว่าทำไมเธอถึงต้องจำนนยอมเป็นเชลยของมัลฟอย!!



แล้วเสียงการทำลายข้าวของอย่างน่ากลัวดังสนั่นลั่นคฤหาสน์ไปทั่ว





“กระผมว่าเราน่าจะขึ้นไปดูสักหน่อยนะครับ   ก่อนที่ในห้องนั้นจะไม่มีอะไรเหลือ.......เสียงแบบนี้ผมว่าแม้แต่เตียงก็น่าจะเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับเธอ” บาทริคยืนค้อมหัวอยู่ด้านหลังมัลฟอย   เขากำลังเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างท่ามกลางเสียงการการทำลายข้าวของและเสียงกรีดร้องแหลมน่ารำคาญของพวกเอลฟ์   มัลฟอยหันมาและมองบาริคอย่างเยือกเย็น



“คุณไม่สนใจเลือดสีโคลนไม่ใช่เหรอ” มัลฟอยถามเอาดื้อๆและจ้องบาทริคที่ค้อมหัวให้อย่างนอบน้อม   มัลฟอยได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆและเขาเห็ยรอยยิ้มของชายชรา   บาทริคเงยหน้าขึ้น   เขายิ้มอยู่จริงๆ



“ใช่ครับ....ทุกคนที่อยู่คฤหาสน์นี้....เกลียดเลือดสีโคลน” บาทริคเอ่ยเบาๆ   มัลฟอยมองเขาเหมือนกับจะสะกดให้ชายชราเป็นน้แข็ง   มัลฟอยก้าวผ่านบาริคไป   แต่ก่อนที่จะได้เปิดประตู   ชายหนุ่มก็มีข้อสงสัยขึ้นมา



“คุณจะบอกพ่อมั้ย....เรื่องนี้” มัลฟอยถาม   และเขาได้ยินเสียงบาทริคหัวเราอีกครั้ง



“ก่อนที่คุณนาซิสสาจะออกจากคฤหาสน์หลังนี้....และหายตัวไป” มัลฟอยกำหมัดแน่น   บาทริคไม่สนใจ



“คุณนายได้สั่งและย้ำกับกระผมเป็นนักหนาว่า.......ให้ดูแลคุณชายให้ดีที่สุด   ตามใจคุณชายทุกอย่าง   และอย่าขัดความต้องการของเขาไม่ว่าจะเรื่องใด” ชายชราพูดเสียงเพ้อนิดๆเหมือนย้อยอดีต   มัลฟอยยิ้มที่มุมปากและหัวเราะทางจมูก



“แล้วคุณจะว่ายังไงล่ะ” มัลฟอยเอ่ยต่อ



“ผมก็คงจะต้องดำรงตามเจตานารมณ์ของคุณนาซิสสาต่อไป.....” บาทริคพูด   และยิ้มให้กับความหลังของตัวเองเมื่อมัลฟอยผลักบานประตูออกไป





“เป็นเธอต้องเข้าไปห้าม! แต่เป็นเธอเข้าไปไม่ได้! เป็นคุณชายสั่งไว้!” เอลฟ์เกือบทุกตัวในบ้านพากันมารวมอยู่ที่หน้าบันไดที่ทอดขึ้นไปสู่ชั้นบนซึ่งเป็นชั้นที่เฮอร์ไมโอนี่ถูกขังไว้   ประตูบานใหญ่แกะสลักสวยงามกั้นเสียงของแตกกระจายได้นิดหนึ่ง   แต่เสียงน่ากลัวนั้นยังดังอยู่เรื่อยๆ   เอลฟ์เกือบร้อยชีวิตพากันวิ่งวุ่นอยู่หน้าบันได    ตัวใดที่พยายามจะเข้าไปกลับถูกระเบิดกระเด็นออกมา



“เป็นนายน้อยมาแล้ว!” เอลฟ์สาวตัวหนึ่งร้องขึ้นพร้อมชี้นิ้วที่หุ้มด้วยพลาสเตอร์เก่าแก่มาที่มัลฟอย   ชายหนุ่มจ้องมองเอลฟ์นับร้อยตัวอย่างเบื่อหน่าย



“เป็นเราพยายามจะเข้าไปห้ามแล้วเจ้าค่ะ   เป็นผู้หญิงของนายน้อยกำลังทำข้าวของพัง......เป็นเรา.....จ๊าก!” เอลฟ์หนุ่มร้องขึ้นเมื่อมันวิ่งเข้ามาเขกหัวกับขาของมัลฟอยแต่ถูกมัลฟอยเตะออกไป



“ไปให้พ้น! พวกแกทุกตัว! ถ้าไม่ไปก็ตัดนิ้วตัวเองทิ้งซะ!!!!” มัลฟอยประกาศกร้าวอย่างเหลืออด   เสียงกรีดร้องเงียบลง   เอลฟ์ทุกตัวต่างหากันวิ่งหูตกจากไป    ถึงเสียงกรีดร้องของเอลฟ์ประจำบ้านจะหายไปแล้ว......แต่เวียงที่น่ากลัวกว่าคือเสียงการระเบิดอารมณ์ของหญิงสาวที่กำลังบ้าคลั่งอยู่ในห้อง   มัลฟอยก้าวขึ้นบันไดและเสกคาถาเปิดประตู   ประตูบานใหญ่เปิดออก   เผยให้เห็นโถงกว้างที่หรูหรา......และด้านในสุด......เสียงการทำลายข้าวของระเบิดออกมาจากห้องนั้น





เพล้ง!!



เสียงนี้ดังขึ้นเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ใช้มือที่ถูกรวบด้วยเชือกทั้งสองข้างเขวี้ยงแจกันเล็กๆใบหนึ่งไปกระทบกับผนัง   สภาพห้องนั้นเต็มไปด้วยเศษกระเบื้องหรือกระจกหรืออะไรก็ตามที่สามารถแตกได้   เก้าอี้ถูกทิ้งให้นอนระเนระนาดอยู่ใกล้หน้าต่างกระจกบานใหญ่  สังเกตได้ว่าเศษแก้วหรือข้าวของที่แปรสภาพเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหรือดูไม่ได้นั้นส่วนใหญ่จะกองอยู่ที่ริมหน้าต่าง   เป็นเครื่องยืนยันว่าเฮอร์ไมโอนี่พยายามจะทุบกระจกออกด้วยเหตุผลบางอย่างเมื่อเธอไม่สามารถเปิดประตูที่เป็นหนทางสู่การหลบหนีได้   แต่หน้าต่างทุกบานกลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน



เฮอร์ไมโอนี่ยืนหอบอยู่กลางห้อง   มือทั้งสองข้างมีเลือดไหลออกมาเป็นสายเล็กๆ  ใบหน้านั้นมีรอยการขีดข่วนของของมีคม   ดวงตาของเธอวาวโรจน์เมื่อลืมความเจ็บเล็กๆและความเจ็บป่วยไปแล้วแทนที่ด้วยความแค้น

เฮอร์ไมโอนี่เหลียวมองรอบห้อง   เธอตรงเข้าไปที่ผนังและปลดกรอบรูปรูปม้าบินเพกาซัสออก   ไม่สนใจว่าภาพนั้นจะถูกวาดอย่างวิจิตรบรรจงเท่าไร   ผลงานอันเลอค่าในตอนนี้แปรเปลี่ยนสภาพเป็นเครื่องระบายความแค้น



เพล้ง!!!!!!



เสียงนี้ดังขึ้นหลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่ทุ่มกรอยรูปบานใหญ่ไปที่หน้าต่าง   เฮอร์ไมโอนี่จะดีใจมากถ้าเสียงนี้เป็นการเสียหายของหน้าต่าง   แต่กรอบรูปและภาพวาดตกลงไปกองอยู่กับพื้นและมีเศษกระจกกองอยู่ด้วย



“ถ้าเธอสังเกตดีๆจะเห็นแจกันใบเล็กตั้งอยู่ที่โต๊ะตรงมุมห้องแน่ะ” เสียงเยือกเย็นฟังดูเฉยเมยดังขึ้น   เฮอร์ไมโอนี่หันหลังไปตามเสียงนั้น   มัลฟอยยืนพิงประตูที่เปิดอ้าอยู่และมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างสบายใจ



ชั่วขณะหนึ่งที่เฮอร์ไมโอนี่คิดจะวิ่งฝ่าออกไปจากประตูที่เปอดอ้านั้น   แต่เธอก็เตือนตัวเองได้ว่ามันไม่มีทางได้ผล   เธอได้แต่จ้องมัลฟอยอย่างเคียดแค้นเมื่อเขาเหวี่ยงประตูปิดและเดินตรงเข้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่  มัลฟอยมองสภาพห้องแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์



“เธอคิดจะทำอะไร” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงปนโกรธนิดๆ   เฮอร์ไมโอนี่เบือนหน้าหนีไม่ยอมมองมัลฟอย   เขาบิดคางเธอให้หันมามองเขา  ทั้งสองจ้องกันราวกับจะไหม้เป็นจุน



“ฉันบอกให้ทำตัวดีๆไงล่ะ” มัลฟอยเน้นย้ำ   เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยอย่างเฉยชาและเดือดแค้น   มัลฟอยบิดคางเฮอร์ไมโอนี่แน่นก่อนจะสะบัดมืออกมา   เฮอร์ไมโอนี่หันหน้าไปอีกทางหนึ่ง



“เรปาโร” มัลฟอยพูด   โดยไม่ต้องโบกไม้กายสิทธิ์ห้องก็กลับคืนสู่สภาพเดิม   เฮอร์ไมโอนี่ยืนนิ่งตัวค้างขณะที่มัลฟอยตรงเข้ากระชากแขนของเฮอร์ไมโอนี่   เฮอร์ไมโอนี่เซไปตามแรงดึง   เธอเงยหน้าขึ้นจ้องมองมัลฟอยอย่างไม่เกรงกลัว



“อย่าทำตัวให้เป็นปัญหาระหว่างอยู่ที่นี่นะเกรนเจอร์......ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับประกันว่าเธอจะได้ออกไปจากที่นี่หรือไม่!” มัลฟอยเริ่มรู้สึกบันดาลโทสะ   เฮอร์ไมโอนี่เมินหนีไม่ยอมจ้องมองเขา  เธอแสดงโกรธออกมาทางใบหน้าอย่างชัดเจน



“ฉันไม่คิดจะขอร้องให้คน...ไม่สิ! อย่าแกไม่น่าจะเรียกว่าเป็นคน  ฉันไม่เคยคิดจะขอร้องให้แกมาเมตตาฉันอยู่แล้ว! เพราะฉันก็ไม่คิดจะเมตตาแกเหมือนกัน!” เฮอร์ไมโอนี่ตาลุกวาวและแสยะยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของมัลฟอยที่บ่งบอกว่าโกรธเคืองและไม่พอใจมากเท่าใด



“อย่าอวดดีนัก! ตอนนี้เธออยู่ในกำมือของฉันแล้ว...ฉันจะปล่อยเธอหรือจะบีบเธอให้ตายก็ได้ถ้าฉันต้องการ!” มัลฟอยดึงร่างเฮอร์ไมโอนี่ให้มาประชิดร่างของเขามากขึ้น   ใบหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงไม่กี่นิ้ว   ลมหายใจร้อนๆสัมผัสกันได้   รวมถึงอารมณ์ขุ่นเคืองและเคีนดแค้นทั้งสองก็สามารถสัมผัสถึงอีกฝ่ายได้!



“ฉันไม่จำเป็นต้องฆ่าเธอจริงๆหรอกเกรนเจอร์! เธอเข้าใจคำว่าตายทั้งเป็นมั้ยล่ะ  เธอจะรู้สึกยังไงถ้าฉันจะทำอะไรสกับพอตเตอร์ของเธอ!” มัลฟอยยิ้มมีชัยเมื่อเฮอร์ไมโอนี่มีแววตาทุกข์ร้อนแสดงออกมา   แต่ในใจหนึ่งเขากำลังรุ้สึกเจ็บปวดและเศร้าอย่างรุนแรง



“ถ้าแกทำอะไรแฮร์รี่แกจะต้องชดใช้” เฮอร์ไมโอนี่พูดลอดไรฟัน   มัลฟอยดูอ่อนลง   แต่เขายังคงความเย็นชาและความโกรธเคืองเอาไว้

“ฉันอยากรู้นักว่าเธอจะทำอะไรฉันได้นะเกรนเจอร์” มัลฟอยแสยะยิ้ม   ขาก้มลงมองสภาพที่ไม่ต่างไปจากคนข้างถนนของเฮอร์ไมโอนี่แล้วยิ้มพอใจ   เฮอร์ไมโอนี่จ้องมัลฟอบเขม็งเหมือนจะเผาเขาให้ไหม้เป็นจุน



“ฉันขอสาบานต่ออะไรก็ได้ว่าฉันจะฆ่าแกให้ได้สักวันหนึ่ง! คนอย่างแกไม่สมควรจะอยู่เป็นมนุษย์! ที่ของแกและสถานะของแกคือการไปเป็นสัตว์อยู่ในนรก!” เฮอร์ไมโอนี่ตะเบงเสียงลั่นอย่างเดือดแค้น   มัลฟอยกัดฟันแน่นและตาวาวโรจน์   ความเดือดและความโกรธขึ้นถึงขีดสุด    เขากระชากแขนเธอและเหวี่ยงเธอลงไปกับเตียง



เฮอร์ไมโอนี่หลับตาแน่นและดิ้นแรงที่สุดเท่าที่เธอจะเคยออกแรงมาตลอดทั้งชีวิต  มัลฟอยใช้ริมฝีปากของเขากดประทับลงไปบนริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่อย่างรุนแรง  จูบนั้นทั้งรุนแรงและหนักแน่นจนเฮอร์ไมโอนี่หายใจไม่ออก   มัลฟอยกดริมฝีปากแน่นขึ้น   เฮอร์ไมโอนี่ใช้มือที่ถูกรวบไว้ทุบอกมัลฟอยและผลักร่างเขาออกไป



มัลฟอยถอนริมฝีปากออก   เฮอร์ไมโอนี่ผลักอกเขาให้ออกไปห่างๆและชันกายลุกขึ้นนั่ง   เธอขยับหนีไปอยู่ที่มุมหนึ่งของเตียง   น้ำตาคลอรื้นอย่างห้ามไม่ได้  เฮอร์ไมโอนี่กอดร่างที่สั่นระริกของตัวเองและมองมัลฟอยที่ขยับตัวไปยืนอยู่ข้างเตียงอย่างโกรธแค้น  



“จำไว้นะเกรนเจอร์! เธอจะต้องทรมานเหมือนตายทั้งเป็นไปตลอดชีวิตถ้าฉันพอใจ!” มัลฟอยพูดเหมือนตนเองเป็นจ้าวชีวิตของเฮอร์ไมโอนี่   ใบหน้าของเขาเรียบเฉยและเย็นชา   เฮอร์ไมโอนี่จ้องมัลฟอยเหมือนกับจะกระโจนเข้าทำร้ายเขาได้  



“เธอไม่มีทางหนีฉันพ้นหรอก” มัลฟอยพูดทิ้งท้ายเอาไว้เบาๆ   เขาหันหลังและเดินจากไป   ไม่สนใจว่าเฮอร์ไมโอนี่จะมีสีหน้าเดือดดาลเท่าใดในเวลานี้



“สารเลว!” เฮอร์ไมโอนี่ตะเบงเสียงและปาหมอนนุ่มใบหนึ่งไล่หลังมัลฟอยไป   มันไปกระทบกับประตูก่อนที่มัลฟอยจะปิด   เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถจะห้ามน้ำตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของเธอได้   ในที่สุดสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ทำก็คือการด่าทอตัวเองที่ครั้งหนึ่งเคยนึกรักผู้ชายคนนั้น



เฮอร์ไมโอนี่ซบหน้าลงกับหมอนใบนุ่มและเริ่มร้องไห้เบาๆ   ตอนนี้......การที่จะคิดว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรดูเหมือนจะเป็นเรื่องโหดร้ายที่สุดสำหรับเธอ









สำหรับตอนนี้หลายคนอ่านแล้วคงจะคิดว่ามันคล้ายกับเรื่องของพี่พิกซี่อีกแล้ว......เราได้บอกไว้ตั้งแต่ก่อนจะเอามาลงแล้วว่ามันจะคล้ายกับของคนอื่น  แต่ขาพเจ้าขอสาบานกับเคราเมอร์ลินว่าข้าพเจ้าไม่ได้ลอกเขามาแต่อย่างใด  เราไปอ่านเรื่องของพี่เขาจริงแต่ก็หลังจากที่แต่งเรื่องนี้แล้ว....ไม่รู้เป็นไงรู้สึกว่าเรื่องนี้จะค่อนข้างกระทบกระเทือนจิตใจเรามาก  แต่เอาเหอะ!เราเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว  อย่าคิดว่าเราน่ารำคาญเลยนะ



แล้วก็ต้องขอขอบคุณผูอุปการะคุณอย่างผู้ที่เข้ามาอ่าน  ผู้ที่ติดตาม  ผู้ที่แสดงความคิดเห็น  ผู้ให้คะแนนโวหต  สิ่งเรานี้คือเครื่องย้ำจิตใจของเราว่าให้แต่งต่อให้จบให้ได้
ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture