ลำดับตอนที่ #7
ตั้งค่าการอ่าน
ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ณ คฤหาสน์กลางหิมะ
แรงนิดสำหรับคุณหนูที่ไม่ประสีประสาเรื่องทางโลก
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พายุหิมะยังคงโหมกระหน่ำและดูท่าว่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ชายร่างสูงที่มีอาภรณ์ปกปิดร่างกายหนาราวๆห้าชั้นย่ำเท้าลงบนหิมะที่สูงหนาถึงครึ่งขา ผมสีบลอนด์ทองของเขายุ่งเหยิงไม่เป็นทรงเหมือนทุกครั้ง หมวกฮู้ตส์เลื่อนต่ำลงมาปิดตาขณะที่รอบคอของเขามีผ้าพันคอและลามขึ้นไปปิดถึงครึ่งหน้า ในอ้อมแขนของเขามีร่างผอมบางเล็กๆขดตัวคุดคู้อยู่ ร่างของเธอทั้งร่างซ่อนอยู่ใต้ผ้านวมหนาหลายชั้นและปิดบังใบหน้าเกือบครึ่งของเธอเอาไว้ ผิวของเธอซีดจางราวกับจะกลืนไปกับสีขาวของพายุหิมะ เรือนผมสีน้ำตาลเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งสีขาว ชายหนุ่มกระชับและกอดเธอแน่นไว้แนบอกอย่างหวงแหน
ในที่สุดการเดินทางที่แสนจะทรหดก็จบลง ด้านหน้าของมัลฟอยคือถ้ำหินที่ซุกตัวอยู่ใต้กองหิมะ มันเหมือนกับจะเป็นได้เพียงแค่ที่หลบพายุหิมะที่โหมกระหน่ำนี้เท่านั้น มัลฟอยมองร่างของหญิงสาวที่เขากอดไว้แน่น เธอพิงใบหน้าซีดขาวกับแผ่นอกของมัลฟอยและยังคงไม่ได้สติ มัลฟอยถอนหายใจก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในถ้ำนั้น.........
ทันทีที่มัลฟอยเดินเข้าไปในถ้ำนั้นราวกับว่ามีสายลมวิ่งผ่านตัวเข้าไป มัลฟอยก้าวเดินไปเรื่อยๆ ทันทีที่เขาย่างเท้าเข้าไปจากถ้ำหินมืดๆที่มีกลิ่นอับชื้นก็เปลี่ยนเป็นทางเดินลาดอิฐสวย สยามหญ้าทั้งสองด้านจมอยู่ใต้กองหิมะ แม้ม่านพายุหิมะจะบังตาแต่มัลฟอยก็เห็นแสงไฟที่ด้านหน้าแล้ว ภาพอาคารขนาดใหญที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่แมกไม้กิ่งโล้นและหิมะสีขาวโพลนค่อยๆเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดคฤหายน์หลังงามโอ่อ่าก็ปรากฏแก่สายตาของมัลฟอย เขาหบุดบืนนิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มองร่างของหญิงสาวที่ดูจะซีดขาวขึ้นเรื่อยๆจึงตัดสินใจก้าวเท้าขึ้นไปบนบันไดหินอ่อนสีดำก่อนขะใช้เท้าถีบประตูบานงามให้เปิดออก
“คุณชายอยู่นั่น เป็นเขามาแล้ว รีบต้อนรับ!” เสียงกรีดร้องแหลมดังขึ้นระงมเมื่อมัลฟอยสาวเท้าผ่านเอลฟ์หลายตัวที่วิ่งกันวุ่นจนชนกันเอง มีเอลห์หลายตัวพยายามจะเข้ามาปรนิบัติมัลฟอยแต่เขาก็เตะมันออกไปและปฏิเสธทาสรับใช้ที่ไม่ใช่เอลฟ์ไม่ให้มายุ่งกับร่างของคนที่นอนสงบอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“อย่ายุ่ง! ฉันพาเธอไปเองได้!” เขาตอบอย่างหงุดหงิดก่อนจะถีบเอลฟ์ตัวหนึ่งที่พยายามเข้ามาถอดเสื้อคลุมของเขา
“เอลฟ์ทุกตัวไปรวมกันที่ครัว!” เสียงแหบพร่าและทรงพลังดังขึ้นพร้อมกับที่เสียงเล็กแหลมของเอลฟ์ประจำบ้านเงียบไป ทุกตัวเดินเป็นแถวหูตกหายไปที่ประตูเล็กด้านหนึ่งตรงซอกตู้เก็บรองเท้า มัลฟอยชะงักขาไว้และหันไปมองร่างของชายแก่คนหนึ่ง หลังของเขาค้อมงอและดูเตี้ยอย่างประหลาด ตาหรี่เล็กและดูไม่แยแสต่อสิ่งใด มือเหี่ยวแห้งทั้งสองข้างวางไว้บนหัวไม้ค้ำยืน ผมหวีจัดทรงและเรียบเป็นมัน เขาดูจะมีความพิเศษในบ้านเมื่อสังเกตถึงชุดสูทย้อนยุคสีดำทมึนของเขา
“ไม่ได้พบกันเสียนานนะครับคุณชาย” เขากล่าวเบาๆพร้อมเดินโขยกเขยกโดยมีไม้เท้าช่วยมาจากมุมหนึ่ง มัลฟอยก้มมองเขา ดวงตามีแววเฉยเมยและเรียบชา
“บาทริค” มัลฟอยออกเสียงเรียกชื่อของเขาเบาๆ ชายชราก้มหัวลงเล็กน้อยและยิ้มนิดๆที่มุมปาก
“คุณชายคงจะมีแขก” บาทริคเอ่ย รอยยิ้มนั่นหดหายไปและจ้องมองร่างในอ้อมแขนของมัลฟอย
“ใช่! ผมบอกคุณตั้งนานแล้วว่าจะมาที่นี่ คุณจัดห้องไว้ใช่มั้ย” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายและกระชับร่างของเธอให้แน่นขึ้นเมื่อบาทริคเขย่างเท้าเพื่อจะมองใบหน้าของเธอ
“เชิญด้านนี้ขอรับ” ชายชราหันหลังและเดินนำมัลฟอยขึ้นบันไดสูงไป มัลฟอยเดินตามไป ผ่านทางและห้องมากมายที่ดูวกวน จนกระทั่งถึงบันไดเล็กๆเชื่อมต่อกับอีกชั้นหนึ่ง บาทริคเดินขึ้นไป เขาล้วงหากุญแจในสูทและไขเปิดประตูพาขึ้นไปถึงชั้นว่างเปล่าที่มีประตูอีกหลายประตู
“
ทุกห้องทำความสะอาดไว้อย่างดี........แปลกใจเหมือนกันที่คุณชายอยากใช้ห้องนี้......ทั้งที่.....ไม่ได้มานานแล้ว” บาทริคเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม มัลฟอยไม่สนใจ เขาก้าวเดินผ่านบาทริคไปอยู่ที่ประตูด้านหนึ่งก่อนะหันมาพูดกับเขา
“คุณไปได้แล้ว” มัลฟอยเอ่ยขึ้น
“ผมจะให้แม่บ้านกับเอลฟ์มาช่วย....เธอ....คนนั้นจัดการเรื่องเสื้อผ้าและความเป็นอยู่” บาทริคเสนอ จ้องมองร่างในอ้อมแขนของมัลฟอยอย่างพินิจ มัลฟอยดูมีสีหน้าไม่พอใจ
“ไม่ต้อง......ห้ามใครมารบกวนหรือขึ้นมาบนนี้โดยที่ผมไม่ได้อนุญาต.....หรือ...ไม่ได้ขอ” ประโยคสุดท้ายนั้นดังกว่าเสียงกระซิบ บาทริคจ้องมัลฟอยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค้อมหัวให้และเดินผ่านประตูนั้นไปโดยไม่ลืมหันมาปิดประตู
มัลฟอยเดินไปที่ห้องซึ่งอยู่ด้านในสุด เขาเอื้อมมือไปเปอดประตูและเดินเข้าไป ห้องนั้นมืดสนิทแต่เมื่อมัลฟอยเดินเข้าไปเทียนและโคมไฟทุกเล่มก็ทำงานเอง ห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีเตียงใหญ่และม่านทิ้งตัวปิดเตียงอยู่กลางห้อง เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นสีขาว แต่มีเพียงเตียง ตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ โต๊ะเครื่องแป้ง และเก้าอี้โยกเพียงตัวเดียวในห้องนั้น ไม่มีเครื่องใช้อย่างอื่นที่ห้องนอนไม่ควรจะมี เหมือนกับห้องที่ใช้โชว์เป็นห้องตัวอย่าง มัลฟอยวางร่างของหญิงสาวลงบนเตียงสีขาวสะอาดอย่างแผ่วเบา เขานั่งลงข้างๆร่างนั้น แบะค่อยๆดึงผ้านวมที่คุลมกายเธอไว้ออกมาเบาๆ
เฮอร์ไมโอนี่มีใบหน้าที่ขาวซีดกว่าปกติ เธอหายใจเบาๆและอ่อนแรง ผิวหนังเย็นเฉียบและมีหิมะเกาะอยู่บนใบหน้า เปลือกตาปิดสนิท ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงและดูสุขภาพไม่แข็งแรง
มัลฟอยปัดผมที่ลงมาปิดใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ออก เขาจับมือเธอขึ้นมาสัมผัสกับใบหน้าของเขา มันเย็นเฉียบและแข็งทื่ออย่างน่ากลัว เสื้อผ้าเปียกชื้น มัลฟอยเกิดความกังวลใจขึ้นมาเมื่อคิดว่าเธอจะไม่สบาย
มัลฟอยเดินตรงไปที่ห้องน้ำ เขากลับออกมาพร้อมอ่างใสบรรจุน้ำและผ้าขนหนูผืนเล็กๆ เขาเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกและหยิบเสื้อผ้าที่คิดว่าจะช่วยหันหนาวออกมา เขาเดินกลับมาที่เตียง จ้องมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างพินิจครู่หนึ่ง ดูเขาๆไม่สบายใจและ.............เอ่อ....เขินอาย
“พนันได้เลยว่าตื่นมาเธอต้องวาดลายฝ่ามือของเธอไว้บนหน้าฉันอีกแน่”มัลฟอยพึมพำออกมาเมื่อรู้ว่าเธอคนนี้จะไม่รับรู้ เขาถอนหายใจครู่หนึ่งแล้วจุ่มผ้าขนหนูผืนเล็กลงในอ่างน้ำและบิดมัน มัลฟอยหันมาทางเฮอร์ไมโอนี่ เสียงหายใจถี่ๆยังดังอยู่และฟังดูแผ่วเบาลงเรื่อยๆ มัลฟอยวางผ้าชุบน้ำหมาดๆลงบนหน้าผากของเฮอร์ไมโอนี่เป็นอันดับแรก เฮอร์ไมโอนี่ส่งเสียงอืออาไม่รู้เรื่องในลำคอ เธอส่ายหน้าไปมา มัลฟอยค่อยๆเปลี่ยนตำแหน่ง เขาค่อยๆเลื่อนมือลงมาที่กระดุมเสื้อของเฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอยค้างมือไว้และดูเหมือนครุ่นคิด
“ฉันช่วยเธอนะ” มัลฟอยพูดเหมือนมาเต็มใจนัก แต่จริงๆแล้วหัวใจของเขากำลังเต้นโครมคราม เมื่อมือของเขาค่อยๆปลดกระดุมเม็ดที่หนึ่ง และค่อยๆเลื่อนมาปลดกระดุมเม็ดต่อไป เมื่อกระดุมปลดออกมากขึ้นเมื่อไรก็ดูเหมือนผิวขาวของเฮอร์ไมโอนี่ก็ปรากฏต่อสายตาของมัลฟอยมากขึ้น จนในที่สุดมัลฟอยก็ปลดกระดุมหมดจนเม็ดสุดท้าย มัลฟอยวางผ้าขนหนูผืนนุ่มลงบนผิวของเฮอร์ไมโอนี่ตั้งแต่ต้นคอ หัวไหล่เนียนขาว เสียงครางอืออาในลำคอของเฮอร์ไมโอนี่ยังดังอยู่เรื่อยๆ มัลฟอยพยายามจะเบามือที่สุด ไม่เช่นนั้น.....มนตร์สะกดของเขาที่เสกเฮอร์ไมโอนี่ไว้จะเสื่อมลง
ในที่สุดผ้าขนหนูก็เลื่อนลงมาถึงเนินอกของเฮอร์ไมโอนี่ เขาลากผ้าขนหนูผ่านร่องอกอย่างเบามือ จนกระทั่งถึงหน้าท้อง.....มัลฟอยถือว่าหน้าที่ของเขาสิ้นสุดลงเสียที
ชายหนุ่มทิ้งผ้าขนหนูลงในอ่างเขานั่งหันหลังให้เฮอร์ไมโอนี่ ก่อนจะปรายตาไปมองเสื้อผ้าที่เขาค้นออกมาจากตู้เสื้อผ้า มัลฟอยถอนหายใจเป็นครั้งที่ร้อยแล้ว เขาลุกขึ้นและตรงไปที่เสื้อผ้าซึ่งพาดอยู่ที่เก้าอี้เขาฉวยมันมาลวกๆก่อนจะนั่งลงข้างๆเฮอร์ไมโอนี่ที่ยังคงนอนออกเสียงในลำคออีกครั้ง
มัลฟอยหันไปมองเฮอร์ไมโอนี่ เขาค่อยๆปลดเสื้อออกมาจากไหล่ของเฮอร์ไมโอนี่อย่างเบามือ........
แสงไฟลอดตัวเข้ามาในเปลือกตาของเฮอร์ไมโอนี่ เธอปรือตาขึ้นช้าๆและรู้สึกชาไปทั่วร่างกาย ม่านสีขาวที่โรยตัวลงมาจากเพดานคือสิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นในภาพมโนทัศน์ของเฮอร์ไมโอนี่ สัญชาตญาณบอกเธอทันทีว่าที่นี่ไม่ใช่ที่คุ้นตา มันไม่ใช่ที่ที่เฮอร์ไมโอนี่สมคสรจะอยู่ จากนั้น.....สมองของเธอก็เริ่มลำดับความทรงจำช้าๆ
เร็วเท่าความคิด เฮอร์ไมโอนี่ลุกพรวดจากที่นอนหนานุ่ม เธอสะบัดผ้าห่มที่คุลมกายไว้และมองไปรอบๆ เฮอร์ไมโอนี่มองดูตัวเอง มันไม่ใช่เสื้อผ้าของเธอ.....แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้ เฮอร์ไมโอนี่ไปมองไปรอบห้อง ประตูสีขาวบานหนึ่งอยู่ที่ผนังที่ไกลที่สุด บางอย่างบอกเฮอร์ไมโอนี่ว่าประตูบานนั้นเป็นทางออก เฮอร์ไมโอนี่ถลาตัวไปที่ประตูนั้นและควานหาไม้กายสิทธิ์ในเสื้อผ้าที่เธอสวมอยู่ แต่เธอหาไม่เจอ เฮอร์ไมโอนี่ตรงไปที่ประตูนั้น ตัเสินใจจะใช้วิธีแบบมักเกิ้ลคือทุบประตูหรือโห่ร้อง หรือทำอะไรก็ได้ที่จะพาเธอออกไปจากที่นี่
แต่น่าแปลกใจ ประตูนั้นไร้การพันธนาการใดๆทั้งสิ้น เฮอร์ไมโอนี่บิดลูกบิดสีทองแกะสลักสวยและถาตัวออกไปข้างนอก เท้าของเธอก้าวไปอย่างรวดเร็วและพยายามจะพาร่างที่ชาแข็งของเธอไปที่ประตูซึ่งหรูหราและบานใหญ่ที่สุด
“อุ๊บส์!” เฮอร์ไมโอนี่บเกตาโพลงอย่างตกใจเมื่อมีมือลึกลับตรงเข้าปิดปากเธอไว้และสวมกอดเฮอร์ไมโอนี่ที่เอวจากด้านหลัง เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะกรีดร้องขณะที่บุคคลลึกลับคนนั้นพยายามจะพาเธอกลับไปที่ห้องซึ่งเธอเพิ่งออกมา เท้าของเฮอร์ไมโอนี่ลอยอยู่ในอากาศ ถึงจะออกแรงดิ้นหรือพยามยามจะกรีดร้องอย่างไรก็ดูจะไร้ผล
“โอ๊ย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเมื่อร่างของเธอถูกเหวี่ยงเข้ามาปะทะกับขอบเตียง เฮอร์ไมโอนี่กุมที่ท้องอย่างเจ็บปวด เสียงปิดประดูตามมา เฮอร์ไมโอนี่รีบเงยหน้าขึ้นมอง......ฉับพลันความร้อนและความรู้สึกเจ็บแปลบเหมือนมีใครเอามีดสักล้านเล่มมาทิ่มแทงที่หัวใจก็ปรากฏขึ้น เขายิ้มที่มุมปากน้อยๆอย่างพอใจขณะมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยสายตาน่ารังเกียจ เขามองเธอเหมือนเธอเป็นควิดดิชนัดง่ายๆที่เขาเป็นผู้คุมเกมส์ได้
“เจอกันอีกแล้วนะเกรนเจอร์” มัลฟอยยิ้มแล้วก้มลงคุกเข่าข้างหน้าเฮอร์ไมโอนี่ เฮอร์ไมโอนี่จ้องมองเขาอย่างตื่นตระหนกปนอาฆาตแค้น มือของเธอสั่นเทา ริมฝีปากสั่นจนฟันกระทบกัน สิ่งเดียวที่อยากทำตอนนี้คือฆ่าผู้ชายตรงหน้าให้หายไปจากโลกนี้ซะ
“อย่ามองฉันอย่างนั้นสิ......เกรนเจอร์” มัลฟอยทำเสียงนุ่ม เขาจับคางเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมา เธอสะบัดหนีและยังคงจ้องมัลฟอยด้วยความอาฆาตแค้น
“แก.....แก....” เฮอร์ไมโอนี่พูดไม่ออก เธอได้แต่ออกเสียงในลำคอ ร่างกายที่แข็งชาอยู่แล้วยิ่งทวีความเย็นเบือกมากขึ้น นี่เธอตกเป็นเชลยของมัลฟอยอย่างนั้นหรือ.....ตกเป็นเชลยของเขาด้วยวิธีง่ายๆ
“จะพูดอะไรล่ะเกรนเจอร์” มัลฟอยยิ้ม เฮอร์ไมโอนี่ปากสั่นจนพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้เธอกำลังพยายามสรรหาคำใดๆก็ได้ที่จะด่าเขาให้เจ็บแค้น
“ไอ้คนสารเลวโสโครก! แกจับตัวฉันมา.....แกจับตัวฉันมาทำไม!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนด่าเขาและรัวทุบมัลฟอยพัลวัน มัลฟอยยิ้มพอใจและจับแขนเฮอร์ไมโอนี่ทั้งสองข้างไว้
“มีเหตุผลดีๆเสมอ.....เกรนเจอร์ สำหรับเรื่องของเราสองคน.....ของฉัน ของเธอ....และ.....” มัลฟอยยกมือของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมาจูบ เฮอร์ไมโอนี่ปัดมือทิ้งด้วยความขยะแขยง
“พอตเตอร์” มัลฟอยพูดต่อขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หน้าตื่น เธอรู้แล้วว่าสาเหตุที่มัลฟอยพาเธอมาเพราะอะไร เขาต้องการให้เธอเป็นเหยื่อล่อของแฮร์รี่!
“ไม่! แกไม่มีวันทำอย่างนั้นได้ แกมันสารเลว น่าขยะแขยง! แกไม่มีวันทำอะไรแฮร์รี่ได้!” ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่ลุกวาวขณะที่มัลฟอยซึ่งกำลังจ้องเธออย่างเฉยชานั้นีแววโกรธมากขึ้น
“ไม่คิดเลยว่าเธอจะห่วงพอตเตอร์มากขนาดนั้น......เธอนี่ใช้ได้เลยนะ คู่หมั้นตายได้ไม่ทันขึ้นปีที่สองก็หาของใหม่”
เพี้ย!
ใบหน้าของมัลฟอยหันไปตามแรงปะทะฝ่ามือของเฮอร์ไมโอนี่กับหน้าของเขา มัลฟอยหันกลับมาและจ้องเฮอร์ไมโอนี่อย่างแค้นเคือง เขาเงื้อมือขึ้น เฮอร์ไมโอนี่หลับตาแน่น เธอคิดว่ามัลฟอยต้องตบเธอกลับแน่ๆ
“อุ๊บส์!” เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างเมื่อมัลฟอยกระชากแขนทั้งสองข้างของเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาหาตัวเขาและประทับริมฝีปากของเขาลงไปบนริมฝีปากของเธออย่างรุนแรง แขนทั้งสองข้างของเฮอร์ไมโอนี่ที่ถูกมัลฟอยรั้งไว้พยายามสู้ขัดขืนเต็มที่ มัลฟอยรั้งตัวเธอให้เข้ามาสัมผัสริมฝีปากของเขามากขึ้นเมื่อเธอดิ้น
“โอ๊ย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างเจ็บปวด มัลฟอยถอนริมฝีปากออกมาและมองเลือดสดๆที่ไหลออกมาจากแผลที่ริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตานิ่งเฉย เฮอร์ไมโอนี่เขยิบตัวหนีไปชิดเตียง มัลฟอยลุกขึ้นยืนและล้วงเข้าไปในเสื้อคลุม เขาดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาและชี้ไปที่เฮอร์ไมโอนี่ เชือกเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากปลายไม้และตรงเข้ารวบข้อมือของเฮอร์ไมโอนี่เอาไว้
“อยู่ที่นี่ก็หัดทำตัวดีๆไว้ซะเกรนเจอร์.....ไม่งั้นเธออาจจะไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน....หรือ...พอตเตอร์” มัลฟอยมองเฮอร์ไมโอนี่ที่ก้มหน้าเลี่ยงการจ้องตาของเขา เฮอร์ไมโอนี่ยกมือที่ถูกันธนาการไว้ขึ้นปิดหน้าเพื่อซ่อนหยาดน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาจากดวงตาสีน้ำตาลคู่สวย
“ไม่อย่างนั้น.....พอตเตอร์นั่นแหละที่อาจจะไม่มีโอกาสได้เจอเธออีก!” เมื่อมัลฟอยพูดประโยคสุดท้ายจบเขาก็หันหลังและเดินออกจากห้องไป เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงการร่ายคาถาอยู่ที่หน้าห้องตามด้วยเสียงลงกลอนกุญแจ
จากนั้นน้ำตาที่อุตส่าห์ห้ามเอาไว้กลับทรยศ มันไหลออกมาไม่หยุด เฮอร์ไมโอนี่ฟุบหน้าลงบนเตียงและเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น
อีกด้านหนึ่งของประตู ชายคนหนึ่งยืนฟังเสียงสื้นของหญิงสาว ความปวดร้าวพุ่งขึ้นในใจตั้งแต่เข้าสร้างรอยแผลให้เธอ แต่มันก็มีแค่หนทางนี้เท่านั้น.......เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยชีวิตของเธอจากผู้เป็นบิดาของเขาได้!
แสงแดดอันน้อยนิดท่ามกลางม่านหิมะที่กำลังตกลงมาเหมือนร่ายมนตร์สาดส่องเข้มาฉาบร่างคดคู้ของเฮอร์ไมโอนี่ช้าๆ ข้อมือทั้งสองข้างยังคงถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกที่เฮอร์ไมโอนี่พยายามอย่างไรก็แกะมันไม่ออก ใบหน้าของเธอซีดเซียวและดูอิดโรย เธอค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ........เพื่อรับรู้ถึงความเป็นจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น
เฮอร์ไมโอนี่ยันกายขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่าง มันหน้าจะเป็นเช้าที่สดใสถ้าตอนนี้เธออยู่ที่บ้าน นั่งจิบกาแฟกับแฮร์รี่ และคิดแผนการโค่นล้มตระกูลมัลฟอยที่แสนโสโครก
แต่ตอนนี้เธอกลับตกเป็นเชลยของมัลฟอย! แค่คิดได้เท่านั้นความเดือดก็พลุ่งพล่านผสมผสานกับความแค้น! ตอนนี้ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเฮอร์ไมโอนี่เป็นสีแดงฉานของเลือด ดวงตาหรี่เล็ก และคิดอยากจะทำลายทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเมื่อคิดว่าทำไมเธอถึงต้องจำนนยอมเป็นเชลยของมัลฟอย!!
แล้วเสียงการทำลายข้าวของอย่างน่ากลัวดังสนั่นลั่นคฤหาสน์ไปทั่ว
“กระผมว่าเราน่าจะขึ้นไปดูสักหน่อยนะครับ ก่อนที่ในห้องนั้นจะไม่มีอะไรเหลือ.......เสียงแบบนี้ผมว่าแม้แต่เตียงก็น่าจะเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับเธอ” บาทริคยืนค้อมหัวอยู่ด้านหลังมัลฟอย เขากำลังเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างท่ามกลางเสียงการการทำลายข้าวของและเสียงกรีดร้องแหลมน่ารำคาญของพวกเอลฟ์ มัลฟอยหันมาและมองบาริคอย่างเยือกเย็น
“คุณไม่สนใจเลือดสีโคลนไม่ใช่เหรอ” มัลฟอยถามเอาดื้อๆและจ้องบาทริคที่ค้อมหัวให้อย่างนอบน้อม มัลฟอยได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆและเขาเห็ยรอยยิ้มของชายชรา บาทริคเงยหน้าขึ้น เขายิ้มอยู่จริงๆ
“ใช่ครับ....ทุกคนที่อยู่คฤหาสน์นี้....เกลียดเลือดสีโคลน” บาทริคเอ่ยเบาๆ มัลฟอยมองเขาเหมือนกับจะสะกดให้ชายชราเป็นน้แข็ง มัลฟอยก้าวผ่านบาริคไป แต่ก่อนที่จะได้เปิดประตู ชายหนุ่มก็มีข้อสงสัยขึ้นมา
“คุณจะบอกพ่อมั้ย....เรื่องนี้” มัลฟอยถาม และเขาได้ยินเสียงบาทริคหัวเราอีกครั้ง
“ก่อนที่คุณนาซิสสาจะออกจากคฤหาสน์หลังนี้....และหายตัวไป” มัลฟอยกำหมัดแน่น บาทริคไม่สนใจ
“คุณนายได้สั่งและย้ำกับกระผมเป็นนักหนาว่า.......ให้ดูแลคุณชายให้ดีที่สุด ตามใจคุณชายทุกอย่าง และอย่าขัดความต้องการของเขาไม่ว่าจะเรื่องใด” ชายชราพูดเสียงเพ้อนิดๆเหมือนย้อยอดีต มัลฟอยยิ้มที่มุมปากและหัวเราะทางจมูก
“แล้วคุณจะว่ายังไงล่ะ” มัลฟอยเอ่ยต่อ
“ผมก็คงจะต้องดำรงตามเจตานารมณ์ของคุณนาซิสสาต่อไป.....” บาทริคพูด และยิ้มให้กับความหลังของตัวเองเมื่อมัลฟอยผลักบานประตูออกไป
“เป็นเธอต้องเข้าไปห้าม! แต่เป็นเธอเข้าไปไม่ได้! เป็นคุณชายสั่งไว้!” เอลฟ์เกือบทุกตัวในบ้านพากันมารวมอยู่ที่หน้าบันไดที่ทอดขึ้นไปสู่ชั้นบนซึ่งเป็นชั้นที่เฮอร์ไมโอนี่ถูกขังไว้ ประตูบานใหญ่แกะสลักสวยงามกั้นเสียงของแตกกระจายได้นิดหนึ่ง แต่เสียงน่ากลัวนั้นยังดังอยู่เรื่อยๆ เอลฟ์เกือบร้อยชีวิตพากันวิ่งวุ่นอยู่หน้าบันได ตัวใดที่พยายามจะเข้าไปกลับถูกระเบิดกระเด็นออกมา
“เป็นนายน้อยมาแล้ว!” เอลฟ์สาวตัวหนึ่งร้องขึ้นพร้อมชี้นิ้วที่หุ้มด้วยพลาสเตอร์เก่าแก่มาที่มัลฟอย ชายหนุ่มจ้องมองเอลฟ์นับร้อยตัวอย่างเบื่อหน่าย
“เป็นเราพยายามจะเข้าไปห้ามแล้วเจ้าค่ะ เป็นผู้หญิงของนายน้อยกำลังทำข้าวของพัง......เป็นเรา.....จ๊าก!” เอลฟ์หนุ่มร้องขึ้นเมื่อมันวิ่งเข้ามาเขกหัวกับขาของมัลฟอยแต่ถูกมัลฟอยเตะออกไป
“ไปให้พ้น! พวกแกทุกตัว! ถ้าไม่ไปก็ตัดนิ้วตัวเองทิ้งซะ!!!!” มัลฟอยประกาศกร้าวอย่างเหลืออด เสียงกรีดร้องเงียบลง เอลฟ์ทุกตัวต่างหากันวิ่งหูตกจากไป ถึงเสียงกรีดร้องของเอลฟ์ประจำบ้านจะหายไปแล้ว......แต่เวียงที่น่ากลัวกว่าคือเสียงการระเบิดอารมณ์ของหญิงสาวที่กำลังบ้าคลั่งอยู่ในห้อง มัลฟอยก้าวขึ้นบันไดและเสกคาถาเปิดประตู ประตูบานใหญ่เปิดออก เผยให้เห็นโถงกว้างที่หรูหรา......และด้านในสุด......เสียงการทำลายข้าวของระเบิดออกมาจากห้องนั้น
เพล้ง!!
เสียงนี้ดังขึ้นเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ใช้มือที่ถูกรวบด้วยเชือกทั้งสองข้างเขวี้ยงแจกันเล็กๆใบหนึ่งไปกระทบกับผนัง สภาพห้องนั้นเต็มไปด้วยเศษกระเบื้องหรือกระจกหรืออะไรก็ตามที่สามารถแตกได้ เก้าอี้ถูกทิ้งให้นอนระเนระนาดอยู่ใกล้หน้าต่างกระจกบานใหญ่ สังเกตได้ว่าเศษแก้วหรือข้าวของที่แปรสภาพเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหรือดูไม่ได้นั้นส่วนใหญ่จะกองอยู่ที่ริมหน้าต่าง เป็นเครื่องยืนยันว่าเฮอร์ไมโอนี่พยายามจะทุบกระจกออกด้วยเหตุผลบางอย่างเมื่อเธอไม่สามารถเปิดประตูที่เป็นหนทางสู่การหลบหนีได้ แต่หน้าต่างทุกบานกลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
เฮอร์ไมโอนี่ยืนหอบอยู่กลางห้อง มือทั้งสองข้างมีเลือดไหลออกมาเป็นสายเล็กๆ ใบหน้านั้นมีรอยการขีดข่วนของของมีคม ดวงตาของเธอวาวโรจน์เมื่อลืมความเจ็บเล็กๆและความเจ็บป่วยไปแล้วแทนที่ด้วยความแค้น
เฮอร์ไมโอนี่เหลียวมองรอบห้อง เธอตรงเข้าไปที่ผนังและปลดกรอบรูปรูปม้าบินเพกาซัสออก ไม่สนใจว่าภาพนั้นจะถูกวาดอย่างวิจิตรบรรจงเท่าไร ผลงานอันเลอค่าในตอนนี้แปรเปลี่ยนสภาพเป็นเครื่องระบายความแค้น
เพล้ง!!!!!!
เสียงนี้ดังขึ้นหลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่ทุ่มกรอยรูปบานใหญ่ไปที่หน้าต่าง เฮอร์ไมโอนี่จะดีใจมากถ้าเสียงนี้เป็นการเสียหายของหน้าต่าง แต่กรอบรูปและภาพวาดตกลงไปกองอยู่กับพื้นและมีเศษกระจกกองอยู่ด้วย
“ถ้าเธอสังเกตดีๆจะเห็นแจกันใบเล็กตั้งอยู่ที่โต๊ะตรงมุมห้องแน่ะ” เสียงเยือกเย็นฟังดูเฉยเมยดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่หันหลังไปตามเสียงนั้น มัลฟอยยืนพิงประตูที่เปิดอ้าอยู่และมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างสบายใจ
ชั่วขณะหนึ่งที่เฮอร์ไมโอนี่คิดจะวิ่งฝ่าออกไปจากประตูที่เปอดอ้านั้น แต่เธอก็เตือนตัวเองได้ว่ามันไม่มีทางได้ผล เธอได้แต่จ้องมัลฟอยอย่างเคียดแค้นเมื่อเขาเหวี่ยงประตูปิดและเดินตรงเข้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอยมองสภาพห้องแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“เธอคิดจะทำอะไร” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงปนโกรธนิดๆ เฮอร์ไมโอนี่เบือนหน้าหนีไม่ยอมมองมัลฟอย เขาบิดคางเธอให้หันมามองเขา ทั้งสองจ้องกันราวกับจะไหม้เป็นจุน
“ฉันบอกให้ทำตัวดีๆไงล่ะ” มัลฟอยเน้นย้ำ เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยอย่างเฉยชาและเดือดแค้น มัลฟอยบิดคางเฮอร์ไมโอนี่แน่นก่อนจะสะบัดมืออกมา เฮอร์ไมโอนี่หันหน้าไปอีกทางหนึ่ง
“เรปาโร” มัลฟอยพูด โดยไม่ต้องโบกไม้กายสิทธิ์ห้องก็กลับคืนสู่สภาพเดิม เฮอร์ไมโอนี่ยืนนิ่งตัวค้างขณะที่มัลฟอยตรงเข้ากระชากแขนของเฮอร์ไมโอนี่ เฮอร์ไมโอนี่เซไปตามแรงดึง เธอเงยหน้าขึ้นจ้องมองมัลฟอยอย่างไม่เกรงกลัว
“อย่าทำตัวให้เป็นปัญหาระหว่างอยู่ที่นี่นะเกรนเจอร์......ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับประกันว่าเธอจะได้ออกไปจากที่นี่หรือไม่!” มัลฟอยเริ่มรู้สึกบันดาลโทสะ เฮอร์ไมโอนี่เมินหนีไม่ยอมจ้องมองเขา เธอแสดงโกรธออกมาทางใบหน้าอย่างชัดเจน
“ฉันไม่คิดจะขอร้องให้คน...ไม่สิ! อย่าแกไม่น่าจะเรียกว่าเป็นคน ฉันไม่เคยคิดจะขอร้องให้แกมาเมตตาฉันอยู่แล้ว! เพราะฉันก็ไม่คิดจะเมตตาแกเหมือนกัน!” เฮอร์ไมโอนี่ตาลุกวาวและแสยะยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของมัลฟอยที่บ่งบอกว่าโกรธเคืองและไม่พอใจมากเท่าใด
“อย่าอวดดีนัก! ตอนนี้เธออยู่ในกำมือของฉันแล้ว...ฉันจะปล่อยเธอหรือจะบีบเธอให้ตายก็ได้ถ้าฉันต้องการ!” มัลฟอยดึงร่างเฮอร์ไมโอนี่ให้มาประชิดร่างของเขามากขึ้น ใบหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงไม่กี่นิ้ว ลมหายใจร้อนๆสัมผัสกันได้ รวมถึงอารมณ์ขุ่นเคืองและเคีนดแค้นทั้งสองก็สามารถสัมผัสถึงอีกฝ่ายได้!
“ฉันไม่จำเป็นต้องฆ่าเธอจริงๆหรอกเกรนเจอร์! เธอเข้าใจคำว่าตายทั้งเป็นมั้ยล่ะ เธอจะรู้สึกยังไงถ้าฉันจะทำอะไรสกับพอตเตอร์ของเธอ!” มัลฟอยยิ้มมีชัยเมื่อเฮอร์ไมโอนี่มีแววตาทุกข์ร้อนแสดงออกมา แต่ในใจหนึ่งเขากำลังรุ้สึกเจ็บปวดและเศร้าอย่างรุนแรง
“ถ้าแกทำอะไรแฮร์รี่แกจะต้องชดใช้” เฮอร์ไมโอนี่พูดลอดไรฟัน มัลฟอยดูอ่อนลง แต่เขายังคงความเย็นชาและความโกรธเคืองเอาไว้
“ฉันอยากรู้นักว่าเธอจะทำอะไรฉันได้นะเกรนเจอร์” มัลฟอยแสยะยิ้ม ขาก้มลงมองสภาพที่ไม่ต่างไปจากคนข้างถนนของเฮอร์ไมโอนี่แล้วยิ้มพอใจ เฮอร์ไมโอนี่จ้องมัลฟอบเขม็งเหมือนจะเผาเขาให้ไหม้เป็นจุน
“ฉันขอสาบานต่ออะไรก็ได้ว่าฉันจะฆ่าแกให้ได้สักวันหนึ่ง! คนอย่างแกไม่สมควรจะอยู่เป็นมนุษย์! ที่ของแกและสถานะของแกคือการไปเป็นสัตว์อยู่ในนรก!” เฮอร์ไมโอนี่ตะเบงเสียงลั่นอย่างเดือดแค้น มัลฟอยกัดฟันแน่นและตาวาวโรจน์ ความเดือดและความโกรธขึ้นถึงขีดสุด เขากระชากแขนเธอและเหวี่ยงเธอลงไปกับเตียง
เฮอร์ไมโอนี่หลับตาแน่นและดิ้นแรงที่สุดเท่าที่เธอจะเคยออกแรงมาตลอดทั้งชีวิต มัลฟอยใช้ริมฝีปากของเขากดประทับลงไปบนริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่อย่างรุนแรง จูบนั้นทั้งรุนแรงและหนักแน่นจนเฮอร์ไมโอนี่หายใจไม่ออก มัลฟอยกดริมฝีปากแน่นขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ใช้มือที่ถูกรวบไว้ทุบอกมัลฟอยและผลักร่างเขาออกไป
มัลฟอยถอนริมฝีปากออก เฮอร์ไมโอนี่ผลักอกเขาให้ออกไปห่างๆและชันกายลุกขึ้นนั่ง เธอขยับหนีไปอยู่ที่มุมหนึ่งของเตียง น้ำตาคลอรื้นอย่างห้ามไม่ได้ เฮอร์ไมโอนี่กอดร่างที่สั่นระริกของตัวเองและมองมัลฟอยที่ขยับตัวไปยืนอยู่ข้างเตียงอย่างโกรธแค้น
“จำไว้นะเกรนเจอร์! เธอจะต้องทรมานเหมือนตายทั้งเป็นไปตลอดชีวิตถ้าฉันพอใจ!” มัลฟอยพูดเหมือนตนเองเป็นจ้าวชีวิตของเฮอร์ไมโอนี่ ใบหน้าของเขาเรียบเฉยและเย็นชา เฮอร์ไมโอนี่จ้องมัลฟอยเหมือนกับจะกระโจนเข้าทำร้ายเขาได้
“เธอไม่มีทางหนีฉันพ้นหรอก” มัลฟอยพูดทิ้งท้ายเอาไว้เบาๆ เขาหันหลังและเดินจากไป ไม่สนใจว่าเฮอร์ไมโอนี่จะมีสีหน้าเดือดดาลเท่าใดในเวลานี้
“สารเลว!” เฮอร์ไมโอนี่ตะเบงเสียงและปาหมอนนุ่มใบหนึ่งไล่หลังมัลฟอยไป มันไปกระทบกับประตูก่อนที่มัลฟอยจะปิด เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถจะห้ามน้ำตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของเธอได้ ในที่สุดสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ทำก็คือการด่าทอตัวเองที่ครั้งหนึ่งเคยนึกรักผู้ชายคนนั้น
เฮอร์ไมโอนี่ซบหน้าลงกับหมอนใบนุ่มและเริ่มร้องไห้เบาๆ ตอนนี้......การที่จะคิดว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรดูเหมือนจะเป็นเรื่องโหดร้ายที่สุดสำหรับเธอ
สำหรับตอนนี้หลายคนอ่านแล้วคงจะคิดว่ามันคล้ายกับเรื่องของพี่พิกซี่อีกแล้ว......เราได้บอกไว้ตั้งแต่ก่อนจะเอามาลงแล้วว่ามันจะคล้ายกับของคนอื่น แต่ขาพเจ้าขอสาบานกับเคราเมอร์ลินว่าข้าพเจ้าไม่ได้ลอกเขามาแต่อย่างใด เราไปอ่านเรื่องของพี่เขาจริงแต่ก็หลังจากที่แต่งเรื่องนี้แล้ว....ไม่รู้เป็นไงรู้สึกว่าเรื่องนี้จะค่อนข้างกระทบกระเทือนจิตใจเรามาก แต่เอาเหอะ!เราเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว อย่าคิดว่าเราน่ารำคาญเลยนะ
แล้วก็ต้องขอขอบคุณผูอุปการะคุณอย่างผู้ที่เข้ามาอ่าน ผู้ที่ติดตาม ผู้ที่แสดงความคิดเห็น ผู้ให้คะแนนโวหต สิ่งเรานี้คือเครื่องย้ำจิตใจของเราว่าให้แต่งต่อให้จบให้ได้
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
พายุหิมะยังคงโหมกระหน่ำและดูท่าว่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ชายร่างสูงที่มีอาภรณ์ปกปิดร่างกายหนาราวๆห้าชั้นย่ำเท้าลงบนหิมะที่สูงหนาถึงครึ่งขา ผมสีบลอนด์ทองของเขายุ่งเหยิงไม่เป็นทรงเหมือนทุกครั้ง หมวกฮู้ตส์เลื่อนต่ำลงมาปิดตาขณะที่รอบคอของเขามีผ้าพันคอและลามขึ้นไปปิดถึงครึ่งหน้า ในอ้อมแขนของเขามีร่างผอมบางเล็กๆขดตัวคุดคู้อยู่ ร่างของเธอทั้งร่างซ่อนอยู่ใต้ผ้านวมหนาหลายชั้นและปิดบังใบหน้าเกือบครึ่งของเธอเอาไว้ ผิวของเธอซีดจางราวกับจะกลืนไปกับสีขาวของพายุหิมะ เรือนผมสีน้ำตาลเต็มไปด้วยเกล็ดน้ำแข็งสีขาว ชายหนุ่มกระชับและกอดเธอแน่นไว้แนบอกอย่างหวงแหน
ในที่สุดการเดินทางที่แสนจะทรหดก็จบลง ด้านหน้าของมัลฟอยคือถ้ำหินที่ซุกตัวอยู่ใต้กองหิมะ มันเหมือนกับจะเป็นได้เพียงแค่ที่หลบพายุหิมะที่โหมกระหน่ำนี้เท่านั้น มัลฟอยมองร่างของหญิงสาวที่เขากอดไว้แน่น เธอพิงใบหน้าซีดขาวกับแผ่นอกของมัลฟอยและยังคงไม่ได้สติ มัลฟอยถอนหายใจก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในถ้ำนั้น.........
ทันทีที่มัลฟอยเดินเข้าไปในถ้ำนั้นราวกับว่ามีสายลมวิ่งผ่านตัวเข้าไป มัลฟอยก้าวเดินไปเรื่อยๆ ทันทีที่เขาย่างเท้าเข้าไปจากถ้ำหินมืดๆที่มีกลิ่นอับชื้นก็เปลี่ยนเป็นทางเดินลาดอิฐสวย สยามหญ้าทั้งสองด้านจมอยู่ใต้กองหิมะ แม้ม่านพายุหิมะจะบังตาแต่มัลฟอยก็เห็นแสงไฟที่ด้านหน้าแล้ว ภาพอาคารขนาดใหญที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่แมกไม้กิ่งโล้นและหิมะสีขาวโพลนค่อยๆเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดคฤหายน์หลังงามโอ่อ่าก็ปรากฏแก่สายตาของมัลฟอย เขาหบุดบืนนิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มองร่างของหญิงสาวที่ดูจะซีดขาวขึ้นเรื่อยๆจึงตัดสินใจก้าวเท้าขึ้นไปบนบันไดหินอ่อนสีดำก่อนขะใช้เท้าถีบประตูบานงามให้เปิดออก
“คุณชายอยู่นั่น เป็นเขามาแล้ว รีบต้อนรับ!” เสียงกรีดร้องแหลมดังขึ้นระงมเมื่อมัลฟอยสาวเท้าผ่านเอลฟ์หลายตัวที่วิ่งกันวุ่นจนชนกันเอง มีเอลห์หลายตัวพยายามจะเข้ามาปรนิบัติมัลฟอยแต่เขาก็เตะมันออกไปและปฏิเสธทาสรับใช้ที่ไม่ใช่เอลฟ์ไม่ให้มายุ่งกับร่างของคนที่นอนสงบอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“อย่ายุ่ง! ฉันพาเธอไปเองได้!” เขาตอบอย่างหงุดหงิดก่อนจะถีบเอลฟ์ตัวหนึ่งที่พยายามเข้ามาถอดเสื้อคลุมของเขา
“เอลฟ์ทุกตัวไปรวมกันที่ครัว!” เสียงแหบพร่าและทรงพลังดังขึ้นพร้อมกับที่เสียงเล็กแหลมของเอลฟ์ประจำบ้านเงียบไป ทุกตัวเดินเป็นแถวหูตกหายไปที่ประตูเล็กด้านหนึ่งตรงซอกตู้เก็บรองเท้า มัลฟอยชะงักขาไว้และหันไปมองร่างของชายแก่คนหนึ่ง หลังของเขาค้อมงอและดูเตี้ยอย่างประหลาด ตาหรี่เล็กและดูไม่แยแสต่อสิ่งใด มือเหี่ยวแห้งทั้งสองข้างวางไว้บนหัวไม้ค้ำยืน ผมหวีจัดทรงและเรียบเป็นมัน เขาดูจะมีความพิเศษในบ้านเมื่อสังเกตถึงชุดสูทย้อนยุคสีดำทมึนของเขา
“ไม่ได้พบกันเสียนานนะครับคุณชาย” เขากล่าวเบาๆพร้อมเดินโขยกเขยกโดยมีไม้เท้าช่วยมาจากมุมหนึ่ง มัลฟอยก้มมองเขา ดวงตามีแววเฉยเมยและเรียบชา
“บาทริค” มัลฟอยออกเสียงเรียกชื่อของเขาเบาๆ ชายชราก้มหัวลงเล็กน้อยและยิ้มนิดๆที่มุมปาก
“คุณชายคงจะมีแขก” บาทริคเอ่ย รอยยิ้มนั่นหดหายไปและจ้องมองร่างในอ้อมแขนของมัลฟอย
“ใช่! ผมบอกคุณตั้งนานแล้วว่าจะมาที่นี่ คุณจัดห้องไว้ใช่มั้ย” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายและกระชับร่างของเธอให้แน่นขึ้นเมื่อบาทริคเขย่างเท้าเพื่อจะมองใบหน้าของเธอ
“เชิญด้านนี้ขอรับ” ชายชราหันหลังและเดินนำมัลฟอยขึ้นบันไดสูงไป มัลฟอยเดินตามไป ผ่านทางและห้องมากมายที่ดูวกวน จนกระทั่งถึงบันไดเล็กๆเชื่อมต่อกับอีกชั้นหนึ่ง บาทริคเดินขึ้นไป เขาล้วงหากุญแจในสูทและไขเปิดประตูพาขึ้นไปถึงชั้นว่างเปล่าที่มีประตูอีกหลายประตู
“
ทุกห้องทำความสะอาดไว้อย่างดี........แปลกใจเหมือนกันที่คุณชายอยากใช้ห้องนี้......ทั้งที่.....ไม่ได้มานานแล้ว” บาทริคเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม มัลฟอยไม่สนใจ เขาก้าวเดินผ่านบาทริคไปอยู่ที่ประตูด้านหนึ่งก่อนะหันมาพูดกับเขา
“คุณไปได้แล้ว” มัลฟอยเอ่ยขึ้น
“ผมจะให้แม่บ้านกับเอลฟ์มาช่วย....เธอ....คนนั้นจัดการเรื่องเสื้อผ้าและความเป็นอยู่” บาทริคเสนอ จ้องมองร่างในอ้อมแขนของมัลฟอยอย่างพินิจ มัลฟอยดูมีสีหน้าไม่พอใจ
“ไม่ต้อง......ห้ามใครมารบกวนหรือขึ้นมาบนนี้โดยที่ผมไม่ได้อนุญาต.....หรือ...ไม่ได้ขอ” ประโยคสุดท้ายนั้นดังกว่าเสียงกระซิบ บาทริคจ้องมัลฟอยอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค้อมหัวให้และเดินผ่านประตูนั้นไปโดยไม่ลืมหันมาปิดประตู
มัลฟอยเดินไปที่ห้องซึ่งอยู่ด้านในสุด เขาเอื้อมมือไปเปอดประตูและเดินเข้าไป ห้องนั้นมืดสนิทแต่เมื่อมัลฟอยเดินเข้าไปเทียนและโคมไฟทุกเล่มก็ทำงานเอง ห้องนั้นกว้างขวางและตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีเตียงใหญ่และม่านทิ้งตัวปิดเตียงอยู่กลางห้อง เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเป็นสีขาว แต่มีเพียงเตียง ตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่ โต๊ะเครื่องแป้ง และเก้าอี้โยกเพียงตัวเดียวในห้องนั้น ไม่มีเครื่องใช้อย่างอื่นที่ห้องนอนไม่ควรจะมี เหมือนกับห้องที่ใช้โชว์เป็นห้องตัวอย่าง มัลฟอยวางร่างของหญิงสาวลงบนเตียงสีขาวสะอาดอย่างแผ่วเบา เขานั่งลงข้างๆร่างนั้น แบะค่อยๆดึงผ้านวมที่คุลมกายเธอไว้ออกมาเบาๆ
เฮอร์ไมโอนี่มีใบหน้าที่ขาวซีดกว่าปกติ เธอหายใจเบาๆและอ่อนแรง ผิวหนังเย็นเฉียบและมีหิมะเกาะอยู่บนใบหน้า เปลือกตาปิดสนิท ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงและดูสุขภาพไม่แข็งแรง
มัลฟอยปัดผมที่ลงมาปิดใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ออก เขาจับมือเธอขึ้นมาสัมผัสกับใบหน้าของเขา มันเย็นเฉียบและแข็งทื่ออย่างน่ากลัว เสื้อผ้าเปียกชื้น มัลฟอยเกิดความกังวลใจขึ้นมาเมื่อคิดว่าเธอจะไม่สบาย
มัลฟอยเดินตรงไปที่ห้องน้ำ เขากลับออกมาพร้อมอ่างใสบรรจุน้ำและผ้าขนหนูผืนเล็กๆ เขาเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออกและหยิบเสื้อผ้าที่คิดว่าจะช่วยหันหนาวออกมา เขาเดินกลับมาที่เตียง จ้องมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างพินิจครู่หนึ่ง ดูเขาๆไม่สบายใจและ.............เอ่อ....เขินอาย
“พนันได้เลยว่าตื่นมาเธอต้องวาดลายฝ่ามือของเธอไว้บนหน้าฉันอีกแน่”มัลฟอยพึมพำออกมาเมื่อรู้ว่าเธอคนนี้จะไม่รับรู้ เขาถอนหายใจครู่หนึ่งแล้วจุ่มผ้าขนหนูผืนเล็กลงในอ่างน้ำและบิดมัน มัลฟอยหันมาทางเฮอร์ไมโอนี่ เสียงหายใจถี่ๆยังดังอยู่และฟังดูแผ่วเบาลงเรื่อยๆ มัลฟอยวางผ้าชุบน้ำหมาดๆลงบนหน้าผากของเฮอร์ไมโอนี่เป็นอันดับแรก เฮอร์ไมโอนี่ส่งเสียงอืออาไม่รู้เรื่องในลำคอ เธอส่ายหน้าไปมา มัลฟอยค่อยๆเปลี่ยนตำแหน่ง เขาค่อยๆเลื่อนมือลงมาที่กระดุมเสื้อของเฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอยค้างมือไว้และดูเหมือนครุ่นคิด
“ฉันช่วยเธอนะ” มัลฟอยพูดเหมือนมาเต็มใจนัก แต่จริงๆแล้วหัวใจของเขากำลังเต้นโครมคราม เมื่อมือของเขาค่อยๆปลดกระดุมเม็ดที่หนึ่ง และค่อยๆเลื่อนมาปลดกระดุมเม็ดต่อไป เมื่อกระดุมปลดออกมากขึ้นเมื่อไรก็ดูเหมือนผิวขาวของเฮอร์ไมโอนี่ก็ปรากฏต่อสายตาของมัลฟอยมากขึ้น จนในที่สุดมัลฟอยก็ปลดกระดุมหมดจนเม็ดสุดท้าย มัลฟอยวางผ้าขนหนูผืนนุ่มลงบนผิวของเฮอร์ไมโอนี่ตั้งแต่ต้นคอ หัวไหล่เนียนขาว เสียงครางอืออาในลำคอของเฮอร์ไมโอนี่ยังดังอยู่เรื่อยๆ มัลฟอยพยายามจะเบามือที่สุด ไม่เช่นนั้น.....มนตร์สะกดของเขาที่เสกเฮอร์ไมโอนี่ไว้จะเสื่อมลง
ในที่สุดผ้าขนหนูก็เลื่อนลงมาถึงเนินอกของเฮอร์ไมโอนี่ เขาลากผ้าขนหนูผ่านร่องอกอย่างเบามือ จนกระทั่งถึงหน้าท้อง.....มัลฟอยถือว่าหน้าที่ของเขาสิ้นสุดลงเสียที
ชายหนุ่มทิ้งผ้าขนหนูลงในอ่างเขานั่งหันหลังให้เฮอร์ไมโอนี่ ก่อนจะปรายตาไปมองเสื้อผ้าที่เขาค้นออกมาจากตู้เสื้อผ้า มัลฟอยถอนหายใจเป็นครั้งที่ร้อยแล้ว เขาลุกขึ้นและตรงไปที่เสื้อผ้าซึ่งพาดอยู่ที่เก้าอี้เขาฉวยมันมาลวกๆก่อนจะนั่งลงข้างๆเฮอร์ไมโอนี่ที่ยังคงนอนออกเสียงในลำคออีกครั้ง
มัลฟอยหันไปมองเฮอร์ไมโอนี่ เขาค่อยๆปลดเสื้อออกมาจากไหล่ของเฮอร์ไมโอนี่อย่างเบามือ........
แสงไฟลอดตัวเข้ามาในเปลือกตาของเฮอร์ไมโอนี่ เธอปรือตาขึ้นช้าๆและรู้สึกชาไปทั่วร่างกาย ม่านสีขาวที่โรยตัวลงมาจากเพดานคือสิ่งแรกที่ปรากฏขึ้นในภาพมโนทัศน์ของเฮอร์ไมโอนี่ สัญชาตญาณบอกเธอทันทีว่าที่นี่ไม่ใช่ที่คุ้นตา มันไม่ใช่ที่ที่เฮอร์ไมโอนี่สมคสรจะอยู่ จากนั้น.....สมองของเธอก็เริ่มลำดับความทรงจำช้าๆ
เร็วเท่าความคิด เฮอร์ไมโอนี่ลุกพรวดจากที่นอนหนานุ่ม เธอสะบัดผ้าห่มที่คุลมกายไว้และมองไปรอบๆ เฮอร์ไมโอนี่มองดูตัวเอง มันไม่ใช่เสื้อผ้าของเธอ.....แต่นี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้ เฮอร์ไมโอนี่ไปมองไปรอบห้อง ประตูสีขาวบานหนึ่งอยู่ที่ผนังที่ไกลที่สุด บางอย่างบอกเฮอร์ไมโอนี่ว่าประตูบานนั้นเป็นทางออก เฮอร์ไมโอนี่ถลาตัวไปที่ประตูนั้นและควานหาไม้กายสิทธิ์ในเสื้อผ้าที่เธอสวมอยู่ แต่เธอหาไม่เจอ เฮอร์ไมโอนี่ตรงไปที่ประตูนั้น ตัเสินใจจะใช้วิธีแบบมักเกิ้ลคือทุบประตูหรือโห่ร้อง หรือทำอะไรก็ได้ที่จะพาเธอออกไปจากที่นี่
แต่น่าแปลกใจ ประตูนั้นไร้การพันธนาการใดๆทั้งสิ้น เฮอร์ไมโอนี่บิดลูกบิดสีทองแกะสลักสวยและถาตัวออกไปข้างนอก เท้าของเธอก้าวไปอย่างรวดเร็วและพยายามจะพาร่างที่ชาแข็งของเธอไปที่ประตูซึ่งหรูหราและบานใหญ่ที่สุด
“อุ๊บส์!” เฮอร์ไมโอนี่บเกตาโพลงอย่างตกใจเมื่อมีมือลึกลับตรงเข้าปิดปากเธอไว้และสวมกอดเฮอร์ไมโอนี่ที่เอวจากด้านหลัง เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะกรีดร้องขณะที่บุคคลลึกลับคนนั้นพยายามจะพาเธอกลับไปที่ห้องซึ่งเธอเพิ่งออกมา เท้าของเฮอร์ไมโอนี่ลอยอยู่ในอากาศ ถึงจะออกแรงดิ้นหรือพยามยามจะกรีดร้องอย่างไรก็ดูจะไร้ผล
“โอ๊ย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเมื่อร่างของเธอถูกเหวี่ยงเข้ามาปะทะกับขอบเตียง เฮอร์ไมโอนี่กุมที่ท้องอย่างเจ็บปวด เสียงปิดประดูตามมา เฮอร์ไมโอนี่รีบเงยหน้าขึ้นมอง......ฉับพลันความร้อนและความรู้สึกเจ็บแปลบเหมือนมีใครเอามีดสักล้านเล่มมาทิ่มแทงที่หัวใจก็ปรากฏขึ้น เขายิ้มที่มุมปากน้อยๆอย่างพอใจขณะมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยสายตาน่ารังเกียจ เขามองเธอเหมือนเธอเป็นควิดดิชนัดง่ายๆที่เขาเป็นผู้คุมเกมส์ได้
“เจอกันอีกแล้วนะเกรนเจอร์” มัลฟอยยิ้มแล้วก้มลงคุกเข่าข้างหน้าเฮอร์ไมโอนี่ เฮอร์ไมโอนี่จ้องมองเขาอย่างตื่นตระหนกปนอาฆาตแค้น มือของเธอสั่นเทา ริมฝีปากสั่นจนฟันกระทบกัน สิ่งเดียวที่อยากทำตอนนี้คือฆ่าผู้ชายตรงหน้าให้หายไปจากโลกนี้ซะ
“อย่ามองฉันอย่างนั้นสิ......เกรนเจอร์” มัลฟอยทำเสียงนุ่ม เขาจับคางเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมา เธอสะบัดหนีและยังคงจ้องมัลฟอยด้วยความอาฆาตแค้น
“แก.....แก....” เฮอร์ไมโอนี่พูดไม่ออก เธอได้แต่ออกเสียงในลำคอ ร่างกายที่แข็งชาอยู่แล้วยิ่งทวีความเย็นเบือกมากขึ้น นี่เธอตกเป็นเชลยของมัลฟอยอย่างนั้นหรือ.....ตกเป็นเชลยของเขาด้วยวิธีง่ายๆ
“จะพูดอะไรล่ะเกรนเจอร์” มัลฟอยยิ้ม เฮอร์ไมโอนี่ปากสั่นจนพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้เธอกำลังพยายามสรรหาคำใดๆก็ได้ที่จะด่าเขาให้เจ็บแค้น
“ไอ้คนสารเลวโสโครก! แกจับตัวฉันมา.....แกจับตัวฉันมาทำไม!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนด่าเขาและรัวทุบมัลฟอยพัลวัน มัลฟอยยิ้มพอใจและจับแขนเฮอร์ไมโอนี่ทั้งสองข้างไว้
“มีเหตุผลดีๆเสมอ.....เกรนเจอร์ สำหรับเรื่องของเราสองคน.....ของฉัน ของเธอ....และ.....” มัลฟอยยกมือของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมาจูบ เฮอร์ไมโอนี่ปัดมือทิ้งด้วยความขยะแขยง
“พอตเตอร์” มัลฟอยพูดต่อขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หน้าตื่น เธอรู้แล้วว่าสาเหตุที่มัลฟอยพาเธอมาเพราะอะไร เขาต้องการให้เธอเป็นเหยื่อล่อของแฮร์รี่!
“ไม่! แกไม่มีวันทำอย่างนั้นได้ แกมันสารเลว น่าขยะแขยง! แกไม่มีวันทำอะไรแฮร์รี่ได้!” ดวงตาของเฮอร์ไมโอนี่ลุกวาวขณะที่มัลฟอยซึ่งกำลังจ้องเธออย่างเฉยชานั้นีแววโกรธมากขึ้น
“ไม่คิดเลยว่าเธอจะห่วงพอตเตอร์มากขนาดนั้น......เธอนี่ใช้ได้เลยนะ คู่หมั้นตายได้ไม่ทันขึ้นปีที่สองก็หาของใหม่”
เพี้ย!
ใบหน้าของมัลฟอยหันไปตามแรงปะทะฝ่ามือของเฮอร์ไมโอนี่กับหน้าของเขา มัลฟอยหันกลับมาและจ้องเฮอร์ไมโอนี่อย่างแค้นเคือง เขาเงื้อมือขึ้น เฮอร์ไมโอนี่หลับตาแน่น เธอคิดว่ามัลฟอยต้องตบเธอกลับแน่ๆ
“อุ๊บส์!” เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างเมื่อมัลฟอยกระชากแขนทั้งสองข้างของเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาหาตัวเขาและประทับริมฝีปากของเขาลงไปบนริมฝีปากของเธออย่างรุนแรง แขนทั้งสองข้างของเฮอร์ไมโอนี่ที่ถูกมัลฟอยรั้งไว้พยายามสู้ขัดขืนเต็มที่ มัลฟอยรั้งตัวเธอให้เข้ามาสัมผัสริมฝีปากของเขามากขึ้นเมื่อเธอดิ้น
“โอ๊ย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างเจ็บปวด มัลฟอยถอนริมฝีปากออกมาและมองเลือดสดๆที่ไหลออกมาจากแผลที่ริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตานิ่งเฉย เฮอร์ไมโอนี่เขยิบตัวหนีไปชิดเตียง มัลฟอยลุกขึ้นยืนและล้วงเข้าไปในเสื้อคลุม เขาดึงไม้กายสิทธิ์ออกมาและชี้ไปที่เฮอร์ไมโอนี่ เชือกเส้นหนึ่งพุ่งออกมาจากปลายไม้และตรงเข้ารวบข้อมือของเฮอร์ไมโอนี่เอาไว้
“อยู่ที่นี่ก็หัดทำตัวดีๆไว้ซะเกรนเจอร์.....ไม่งั้นเธออาจจะไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวัน....หรือ...พอตเตอร์” มัลฟอยมองเฮอร์ไมโอนี่ที่ก้มหน้าเลี่ยงการจ้องตาของเขา เฮอร์ไมโอนี่ยกมือที่ถูกันธนาการไว้ขึ้นปิดหน้าเพื่อซ่อนหยาดน้ำตาที่เริ่มไหลออกมาจากดวงตาสีน้ำตาลคู่สวย
“ไม่อย่างนั้น.....พอตเตอร์นั่นแหละที่อาจจะไม่มีโอกาสได้เจอเธออีก!” เมื่อมัลฟอยพูดประโยคสุดท้ายจบเขาก็หันหลังและเดินออกจากห้องไป เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงการร่ายคาถาอยู่ที่หน้าห้องตามด้วยเสียงลงกลอนกุญแจ
จากนั้นน้ำตาที่อุตส่าห์ห้ามเอาไว้กลับทรยศ มันไหลออกมาไม่หยุด เฮอร์ไมโอนี่ฟุบหน้าลงบนเตียงและเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น
อีกด้านหนึ่งของประตู ชายคนหนึ่งยืนฟังเสียงสื้นของหญิงสาว ความปวดร้าวพุ่งขึ้นในใจตั้งแต่เข้าสร้างรอยแผลให้เธอ แต่มันก็มีแค่หนทางนี้เท่านั้น.......เป็นหนทางเดียวที่จะช่วยชีวิตของเธอจากผู้เป็นบิดาของเขาได้!
แสงแดดอันน้อยนิดท่ามกลางม่านหิมะที่กำลังตกลงมาเหมือนร่ายมนตร์สาดส่องเข้มาฉาบร่างคดคู้ของเฮอร์ไมโอนี่ช้าๆ ข้อมือทั้งสองข้างยังคงถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือกที่เฮอร์ไมโอนี่พยายามอย่างไรก็แกะมันไม่ออก ใบหน้าของเธอซีดเซียวและดูอิดโรย เธอค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ........เพื่อรับรู้ถึงความเป็นจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น
เฮอร์ไมโอนี่ยันกายขึ้นและมองออกไปนอกหน้าต่าง มันหน้าจะเป็นเช้าที่สดใสถ้าตอนนี้เธออยู่ที่บ้าน นั่งจิบกาแฟกับแฮร์รี่ และคิดแผนการโค่นล้มตระกูลมัลฟอยที่แสนโสโครก
แต่ตอนนี้เธอกลับตกเป็นเชลยของมัลฟอย! แค่คิดได้เท่านั้นความเดือดก็พลุ่งพล่านผสมผสานกับความแค้น! ตอนนี้ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเฮอร์ไมโอนี่เป็นสีแดงฉานของเลือด ดวงตาหรี่เล็ก และคิดอยากจะทำลายทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเมื่อคิดว่าทำไมเธอถึงต้องจำนนยอมเป็นเชลยของมัลฟอย!!
แล้วเสียงการทำลายข้าวของอย่างน่ากลัวดังสนั่นลั่นคฤหาสน์ไปทั่ว
“กระผมว่าเราน่าจะขึ้นไปดูสักหน่อยนะครับ ก่อนที่ในห้องนั้นจะไม่มีอะไรเหลือ.......เสียงแบบนี้ผมว่าแม้แต่เตียงก็น่าจะเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับเธอ” บาทริคยืนค้อมหัวอยู่ด้านหลังมัลฟอย เขากำลังเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างท่ามกลางเสียงการการทำลายข้าวของและเสียงกรีดร้องแหลมน่ารำคาญของพวกเอลฟ์ มัลฟอยหันมาและมองบาริคอย่างเยือกเย็น
“คุณไม่สนใจเลือดสีโคลนไม่ใช่เหรอ” มัลฟอยถามเอาดื้อๆและจ้องบาทริคที่ค้อมหัวให้อย่างนอบน้อม มัลฟอยได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆและเขาเห็ยรอยยิ้มของชายชรา บาทริคเงยหน้าขึ้น เขายิ้มอยู่จริงๆ
“ใช่ครับ....ทุกคนที่อยู่คฤหาสน์นี้....เกลียดเลือดสีโคลน” บาทริคเอ่ยเบาๆ มัลฟอยมองเขาเหมือนกับจะสะกดให้ชายชราเป็นน้แข็ง มัลฟอยก้าวผ่านบาริคไป แต่ก่อนที่จะได้เปิดประตู ชายหนุ่มก็มีข้อสงสัยขึ้นมา
“คุณจะบอกพ่อมั้ย....เรื่องนี้” มัลฟอยถาม และเขาได้ยินเสียงบาทริคหัวเราอีกครั้ง
“ก่อนที่คุณนาซิสสาจะออกจากคฤหาสน์หลังนี้....และหายตัวไป” มัลฟอยกำหมัดแน่น บาทริคไม่สนใจ
“คุณนายได้สั่งและย้ำกับกระผมเป็นนักหนาว่า.......ให้ดูแลคุณชายให้ดีที่สุด ตามใจคุณชายทุกอย่าง และอย่าขัดความต้องการของเขาไม่ว่าจะเรื่องใด” ชายชราพูดเสียงเพ้อนิดๆเหมือนย้อยอดีต มัลฟอยยิ้มที่มุมปากและหัวเราะทางจมูก
“แล้วคุณจะว่ายังไงล่ะ” มัลฟอยเอ่ยต่อ
“ผมก็คงจะต้องดำรงตามเจตานารมณ์ของคุณนาซิสสาต่อไป.....” บาทริคพูด และยิ้มให้กับความหลังของตัวเองเมื่อมัลฟอยผลักบานประตูออกไป
“เป็นเธอต้องเข้าไปห้าม! แต่เป็นเธอเข้าไปไม่ได้! เป็นคุณชายสั่งไว้!” เอลฟ์เกือบทุกตัวในบ้านพากันมารวมอยู่ที่หน้าบันไดที่ทอดขึ้นไปสู่ชั้นบนซึ่งเป็นชั้นที่เฮอร์ไมโอนี่ถูกขังไว้ ประตูบานใหญ่แกะสลักสวยงามกั้นเสียงของแตกกระจายได้นิดหนึ่ง แต่เสียงน่ากลัวนั้นยังดังอยู่เรื่อยๆ เอลฟ์เกือบร้อยชีวิตพากันวิ่งวุ่นอยู่หน้าบันได ตัวใดที่พยายามจะเข้าไปกลับถูกระเบิดกระเด็นออกมา
“เป็นนายน้อยมาแล้ว!” เอลฟ์สาวตัวหนึ่งร้องขึ้นพร้อมชี้นิ้วที่หุ้มด้วยพลาสเตอร์เก่าแก่มาที่มัลฟอย ชายหนุ่มจ้องมองเอลฟ์นับร้อยตัวอย่างเบื่อหน่าย
“เป็นเราพยายามจะเข้าไปห้ามแล้วเจ้าค่ะ เป็นผู้หญิงของนายน้อยกำลังทำข้าวของพัง......เป็นเรา.....จ๊าก!” เอลฟ์หนุ่มร้องขึ้นเมื่อมันวิ่งเข้ามาเขกหัวกับขาของมัลฟอยแต่ถูกมัลฟอยเตะออกไป
“ไปให้พ้น! พวกแกทุกตัว! ถ้าไม่ไปก็ตัดนิ้วตัวเองทิ้งซะ!!!!” มัลฟอยประกาศกร้าวอย่างเหลืออด เสียงกรีดร้องเงียบลง เอลฟ์ทุกตัวต่างหากันวิ่งหูตกจากไป ถึงเสียงกรีดร้องของเอลฟ์ประจำบ้านจะหายไปแล้ว......แต่เวียงที่น่ากลัวกว่าคือเสียงการระเบิดอารมณ์ของหญิงสาวที่กำลังบ้าคลั่งอยู่ในห้อง มัลฟอยก้าวขึ้นบันไดและเสกคาถาเปิดประตู ประตูบานใหญ่เปิดออก เผยให้เห็นโถงกว้างที่หรูหรา......และด้านในสุด......เสียงการทำลายข้าวของระเบิดออกมาจากห้องนั้น
เพล้ง!!
เสียงนี้ดังขึ้นเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ใช้มือที่ถูกรวบด้วยเชือกทั้งสองข้างเขวี้ยงแจกันเล็กๆใบหนึ่งไปกระทบกับผนัง สภาพห้องนั้นเต็มไปด้วยเศษกระเบื้องหรือกระจกหรืออะไรก็ตามที่สามารถแตกได้ เก้าอี้ถูกทิ้งให้นอนระเนระนาดอยู่ใกล้หน้าต่างกระจกบานใหญ่ สังเกตได้ว่าเศษแก้วหรือข้าวของที่แปรสภาพเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหรือดูไม่ได้นั้นส่วนใหญ่จะกองอยู่ที่ริมหน้าต่าง เป็นเครื่องยืนยันว่าเฮอร์ไมโอนี่พยายามจะทุบกระจกออกด้วยเหตุผลบางอย่างเมื่อเธอไม่สามารถเปิดประตูที่เป็นหนทางสู่การหลบหนีได้ แต่หน้าต่างทุกบานกลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน
เฮอร์ไมโอนี่ยืนหอบอยู่กลางห้อง มือทั้งสองข้างมีเลือดไหลออกมาเป็นสายเล็กๆ ใบหน้านั้นมีรอยการขีดข่วนของของมีคม ดวงตาของเธอวาวโรจน์เมื่อลืมความเจ็บเล็กๆและความเจ็บป่วยไปแล้วแทนที่ด้วยความแค้น
เฮอร์ไมโอนี่เหลียวมองรอบห้อง เธอตรงเข้าไปที่ผนังและปลดกรอบรูปรูปม้าบินเพกาซัสออก ไม่สนใจว่าภาพนั้นจะถูกวาดอย่างวิจิตรบรรจงเท่าไร ผลงานอันเลอค่าในตอนนี้แปรเปลี่ยนสภาพเป็นเครื่องระบายความแค้น
เพล้ง!!!!!!
เสียงนี้ดังขึ้นหลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่ทุ่มกรอยรูปบานใหญ่ไปที่หน้าต่าง เฮอร์ไมโอนี่จะดีใจมากถ้าเสียงนี้เป็นการเสียหายของหน้าต่าง แต่กรอบรูปและภาพวาดตกลงไปกองอยู่กับพื้นและมีเศษกระจกกองอยู่ด้วย
“ถ้าเธอสังเกตดีๆจะเห็นแจกันใบเล็กตั้งอยู่ที่โต๊ะตรงมุมห้องแน่ะ” เสียงเยือกเย็นฟังดูเฉยเมยดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่หันหลังไปตามเสียงนั้น มัลฟอยยืนพิงประตูที่เปิดอ้าอยู่และมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างสบายใจ
ชั่วขณะหนึ่งที่เฮอร์ไมโอนี่คิดจะวิ่งฝ่าออกไปจากประตูที่เปอดอ้านั้น แต่เธอก็เตือนตัวเองได้ว่ามันไม่มีทางได้ผล เธอได้แต่จ้องมัลฟอยอย่างเคียดแค้นเมื่อเขาเหวี่ยงประตูปิดและเดินตรงเข้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่ มัลฟอยมองสภาพห้องแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“เธอคิดจะทำอะไร” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงปนโกรธนิดๆ เฮอร์ไมโอนี่เบือนหน้าหนีไม่ยอมมองมัลฟอย เขาบิดคางเธอให้หันมามองเขา ทั้งสองจ้องกันราวกับจะไหม้เป็นจุน
“ฉันบอกให้ทำตัวดีๆไงล่ะ” มัลฟอยเน้นย้ำ เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยอย่างเฉยชาและเดือดแค้น มัลฟอยบิดคางเฮอร์ไมโอนี่แน่นก่อนจะสะบัดมืออกมา เฮอร์ไมโอนี่หันหน้าไปอีกทางหนึ่ง
“เรปาโร” มัลฟอยพูด โดยไม่ต้องโบกไม้กายสิทธิ์ห้องก็กลับคืนสู่สภาพเดิม เฮอร์ไมโอนี่ยืนนิ่งตัวค้างขณะที่มัลฟอยตรงเข้ากระชากแขนของเฮอร์ไมโอนี่ เฮอร์ไมโอนี่เซไปตามแรงดึง เธอเงยหน้าขึ้นจ้องมองมัลฟอยอย่างไม่เกรงกลัว
“อย่าทำตัวให้เป็นปัญหาระหว่างอยู่ที่นี่นะเกรนเจอร์......ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับประกันว่าเธอจะได้ออกไปจากที่นี่หรือไม่!” มัลฟอยเริ่มรู้สึกบันดาลโทสะ เฮอร์ไมโอนี่เมินหนีไม่ยอมจ้องมองเขา เธอแสดงโกรธออกมาทางใบหน้าอย่างชัดเจน
“ฉันไม่คิดจะขอร้องให้คน...ไม่สิ! อย่าแกไม่น่าจะเรียกว่าเป็นคน ฉันไม่เคยคิดจะขอร้องให้แกมาเมตตาฉันอยู่แล้ว! เพราะฉันก็ไม่คิดจะเมตตาแกเหมือนกัน!” เฮอร์ไมโอนี่ตาลุกวาวและแสยะยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของมัลฟอยที่บ่งบอกว่าโกรธเคืองและไม่พอใจมากเท่าใด
“อย่าอวดดีนัก! ตอนนี้เธออยู่ในกำมือของฉันแล้ว...ฉันจะปล่อยเธอหรือจะบีบเธอให้ตายก็ได้ถ้าฉันต้องการ!” มัลฟอยดึงร่างเฮอร์ไมโอนี่ให้มาประชิดร่างของเขามากขึ้น ใบหน้าของทั้งสองห่างกันเพียงไม่กี่นิ้ว ลมหายใจร้อนๆสัมผัสกันได้ รวมถึงอารมณ์ขุ่นเคืองและเคีนดแค้นทั้งสองก็สามารถสัมผัสถึงอีกฝ่ายได้!
“ฉันไม่จำเป็นต้องฆ่าเธอจริงๆหรอกเกรนเจอร์! เธอเข้าใจคำว่าตายทั้งเป็นมั้ยล่ะ เธอจะรู้สึกยังไงถ้าฉันจะทำอะไรสกับพอตเตอร์ของเธอ!” มัลฟอยยิ้มมีชัยเมื่อเฮอร์ไมโอนี่มีแววตาทุกข์ร้อนแสดงออกมา แต่ในใจหนึ่งเขากำลังรุ้สึกเจ็บปวดและเศร้าอย่างรุนแรง
“ถ้าแกทำอะไรแฮร์รี่แกจะต้องชดใช้” เฮอร์ไมโอนี่พูดลอดไรฟัน มัลฟอยดูอ่อนลง แต่เขายังคงความเย็นชาและความโกรธเคืองเอาไว้
“ฉันอยากรู้นักว่าเธอจะทำอะไรฉันได้นะเกรนเจอร์” มัลฟอยแสยะยิ้ม ขาก้มลงมองสภาพที่ไม่ต่างไปจากคนข้างถนนของเฮอร์ไมโอนี่แล้วยิ้มพอใจ เฮอร์ไมโอนี่จ้องมัลฟอบเขม็งเหมือนจะเผาเขาให้ไหม้เป็นจุน
“ฉันขอสาบานต่ออะไรก็ได้ว่าฉันจะฆ่าแกให้ได้สักวันหนึ่ง! คนอย่างแกไม่สมควรจะอยู่เป็นมนุษย์! ที่ของแกและสถานะของแกคือการไปเป็นสัตว์อยู่ในนรก!” เฮอร์ไมโอนี่ตะเบงเสียงลั่นอย่างเดือดแค้น มัลฟอยกัดฟันแน่นและตาวาวโรจน์ ความเดือดและความโกรธขึ้นถึงขีดสุด เขากระชากแขนเธอและเหวี่ยงเธอลงไปกับเตียง
เฮอร์ไมโอนี่หลับตาแน่นและดิ้นแรงที่สุดเท่าที่เธอจะเคยออกแรงมาตลอดทั้งชีวิต มัลฟอยใช้ริมฝีปากของเขากดประทับลงไปบนริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่อย่างรุนแรง จูบนั้นทั้งรุนแรงและหนักแน่นจนเฮอร์ไมโอนี่หายใจไม่ออก มัลฟอยกดริมฝีปากแน่นขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ใช้มือที่ถูกรวบไว้ทุบอกมัลฟอยและผลักร่างเขาออกไป
มัลฟอยถอนริมฝีปากออก เฮอร์ไมโอนี่ผลักอกเขาให้ออกไปห่างๆและชันกายลุกขึ้นนั่ง เธอขยับหนีไปอยู่ที่มุมหนึ่งของเตียง น้ำตาคลอรื้นอย่างห้ามไม่ได้ เฮอร์ไมโอนี่กอดร่างที่สั่นระริกของตัวเองและมองมัลฟอยที่ขยับตัวไปยืนอยู่ข้างเตียงอย่างโกรธแค้น
“จำไว้นะเกรนเจอร์! เธอจะต้องทรมานเหมือนตายทั้งเป็นไปตลอดชีวิตถ้าฉันพอใจ!” มัลฟอยพูดเหมือนตนเองเป็นจ้าวชีวิตของเฮอร์ไมโอนี่ ใบหน้าของเขาเรียบเฉยและเย็นชา เฮอร์ไมโอนี่จ้องมัลฟอยเหมือนกับจะกระโจนเข้าทำร้ายเขาได้
“เธอไม่มีทางหนีฉันพ้นหรอก” มัลฟอยพูดทิ้งท้ายเอาไว้เบาๆ เขาหันหลังและเดินจากไป ไม่สนใจว่าเฮอร์ไมโอนี่จะมีสีหน้าเดือดดาลเท่าใดในเวลานี้
“สารเลว!” เฮอร์ไมโอนี่ตะเบงเสียงและปาหมอนนุ่มใบหนึ่งไล่หลังมัลฟอยไป มันไปกระทบกับประตูก่อนที่มัลฟอยจะปิด เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถจะห้ามน้ำตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของเธอได้ ในที่สุดสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่ทำก็คือการด่าทอตัวเองที่ครั้งหนึ่งเคยนึกรักผู้ชายคนนั้น
เฮอร์ไมโอนี่ซบหน้าลงกับหมอนใบนุ่มและเริ่มร้องไห้เบาๆ ตอนนี้......การที่จะคิดว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรดูเหมือนจะเป็นเรื่องโหดร้ายที่สุดสำหรับเธอ
สำหรับตอนนี้หลายคนอ่านแล้วคงจะคิดว่ามันคล้ายกับเรื่องของพี่พิกซี่อีกแล้ว......เราได้บอกไว้ตั้งแต่ก่อนจะเอามาลงแล้วว่ามันจะคล้ายกับของคนอื่น แต่ขาพเจ้าขอสาบานกับเคราเมอร์ลินว่าข้าพเจ้าไม่ได้ลอกเขามาแต่อย่างใด เราไปอ่านเรื่องของพี่เขาจริงแต่ก็หลังจากที่แต่งเรื่องนี้แล้ว....ไม่รู้เป็นไงรู้สึกว่าเรื่องนี้จะค่อนข้างกระทบกระเทือนจิตใจเรามาก แต่เอาเหอะ!เราเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว อย่าคิดว่าเราน่ารำคาญเลยนะ
แล้วก็ต้องขอขอบคุณผูอุปการะคุณอย่างผู้ที่เข้ามาอ่าน ผู้ที่ติดตาม ผู้ที่แสดงความคิดเห็น ผู้ให้คะแนนโวหต สิ่งเรานี้คือเครื่องย้ำจิตใจของเราว่าให้แต่งต่อให้จบให้ได้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
กำลังโหลด...
ความคิดเห็น