คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 6 - Happy Alley เธอเท่านั้น
Chapter 6
และแล้ววันหยุดสุดสัปดาห์ที่เฝ้ารอคอยมาตั้งแต่เริ่มอาทิตย์ก็มาถึง วันเสาร์ที่คชาไม่ต้องไปโรงเรียน วันเสาร์ที่ไม่มีเรียนพิเศษ วันเสาร์ที่จะได้เตร็ดเตร่เที่ยวเล่นบ้าง หากแต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยสักนิด เซลล์สมองนับล้านเซลล์กำลังเต้นตุบตับในหัวกลมๆของคนตัวเล็ก คชาเดินมาเคาะประตูหน้าบ้านเลขที่ 23/2 ตั้งแต่เก้าโมงเช้า หอบหนังสือกับการบ้านกองโตมาหาพี่ชายตัวสูง เมื่อยิ่งนั่งทำอยู่คนเดียวในห้องก็ยิ่งรู้สึกว่าจะไปไม่รอด ร่างเล็กนั่งแหมะอยู่บนพื้นพรมข้างโซฟาตัวยาวหน้าโทรทัศน์ แผ่นหลังบางชนกับโซฟา อีกทั้งมือเล็กจดก็หยุกหยิกสะสางการบ้านที่คั่งค้างมานานร่วมชั่วโมงแล้ว และดูไม่ต่างกันกับอีกคนเท่าไหร่ ร่างสูงของเต๋านั่งพิงอยู่บนโซฟาตัวนุ่ม นิ้วยาวกำลังกดเลื่อนเช็คข้อมูลงานบางอย่างผ่านไอแพดสีขาว
“เฮ้อ...เมื่อไหร่จะเสร็จสักที สักที สักที” เสียงเล็กเจื้อยแจ้วพร่ำบ่น หากมือซ้ายยังคงทำงานจับปากกาจดยิกๆไม่หยุด
“เหลืออีกเยอะไหม?” ตาคมละสายตาจากไอแพดแล้วมองไปยังคนตัวเล็กที่ยังคงนั่งหันหลังให้ความสนใจกับภาระงานบนโต๊ะตัวเล็กหน้าโทรทัศน์
“อีกสามหน้า” มือเล็กปล่อยมือจากปากกา ถอนหายใจเสียงยาวพรืด ก่อนจะเลื่อนตัวไปชิดกับขอบโซฟาแล้วปล่อยศีรษะกลมวางแหมะลงบนนั้น ตากลมแหงนหน้ามองเพดานก่อนจะเลื่อนไปสบเข้ากับดวงตาคู่คมของอีกคน
“เหนื่อยแล้วหรอ” เต๋าที่นั่งอยู่บนโซฟาวางไอแพดลงบนตัก ใช้นิ้วชี้จิ้มเบาๆไปที่หน้าผากของคนตัวเล็กก่อนจะเปลี่ยนเป็นเกลี่ยเส้นผมให้ระออกจากหน้าผากมนแทน
“ไม่ได้เหนื่อย แต่ขี้เกียจแล้ว ฮือออ” เด็กน้อยหลับตาปี๋สายหน้าเสียจนเส้นผมกระจาย ทำท่าเริ่มจะงอแงอีกหน แอบวาดฝันไว้ว่าวันนี้จะได้ไปดูหนังเรื่องใหม่กับกลุ่มเพื่อน แต่ความฝันก็พังทลายเมื่อแพรวาร้องทักเรื่องแบบฝึกหัดวิชาภาษาอังกฤษขึ้นมา คิดแล้วคชาอยากร้องไห้
“ใกล้เสร็จแล้ว เหลืออีกนิดเดียวเอง ทำให้เสร็จนะ พรุ่งนี้จะได้สบาย” ไม่รู้ว่าเป็นคำปลอบหรือคำให้กำลังใจหรือทั้งสองอย่าง เพราะเมื่อฟังจบเด็กน้อยที่ร้องงอแงอยู่เมื่อสักครู่ก็ยกหัวจากโซฟาแล้วกลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำการบ้านอีกหน
มือหนาวางอุปกรณ์สี่เหลี่ยมสีขาวลงบนโซฟาแล้วเดินออกไป คชาหันมามองตามเล็กน้อยแล้วกลับมาสนใจการบ้านของตนเองอีกครั้ง รู้ว่าพี่เต๋ากลับมานั่งที่เดิมเพราะเสียงยวบยาบของโซฟาแต่ไม่ได้สนใจกลับมามองจนกระทั่ง
‘แกร๊ก แกร๊ก’
“พี่เต๋าทำอะไร?”
“ตัดเล็บไง” เต๋าว่าแล้วชูกรรไกรตัดเล็บโลหะสีมันวาวให้คนตัวเล็กดู ก่อนจะก้มลงมุ่งมั่นตัดเล็บตัวเองอีกครั้ง
“ใครเขาตัดกันแบบนั้นหละ” คนตัวเล็กย้ายขึ้นมานั่งบนโซฟาตัวยาวข้างอีกคน มือเล็กคว้าจับไปยังมือขาวของเต๋า คชาก้มลงมองผลลิตของเล็บรูปร่างบิดเบี้ยวของพี่เต๋าก็ได้แต่ขมวดคิ้ว
“พี่ตัดไม่ค่อยเป็น ปกติก็มั่วๆ เล็มๆเอา” เต๋าตอบด้วยน้ำเสียงติดจะเขินนิดๆ แอบอายอีกคนไม่น้อยที่โตขนาดนี้แล้วแต่ยังตัดเล็บไม่เป็น
“ให้ตัดให้ไหมฮะ” เต๋าพยักหน้าให้อีกคนแล้วส่งกรรไกรตัดเล็บไปให้ มือบางจับประครองมืออีกคนเอาไว้ เริ่มต้นแก้ไขผลผลิตที่ผิดพลาดแล้วเริ่มตัดเล็บของร่างสูงทีละนิ้ว เต๋ามองมือบางที่เคลื่อนขยับซ้อนทับอยู่กับมือของตนเองไม่วางตา ใจก็อดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้
‘รู้สึกว่าบรรยากาศมันโรแมนติคชอบกล...นั่งมองคนที่ตัวเองแอบชอบตัดเล็บให้’
“เสร็จแล้ว ดูดีกว่าของพี่เต๋าตั้งเยอะ ถ้าตัดแบบพี่เต๋ามีหวังได้เป็นเล็บขบเข้าสักวัน” คนตัวเล็กว่าแล้วมองดูผลงานตัวเองด้วยความภูมิใจ
“งั้นถ้าเล็บยาวอีก ตัดให้อีกได้ไหม?”
“...ได้ฮะ เด็กชายเต๋าน้อย” คนตัวเล็กนิ่งเงียบไปก่อนจะตอบกลับอีกคน เรียกเต๋าด้วยฉายาใหม่แล้วยิ้มล้อเลียนเสียจนเต๋ารู้สึกหมั่นเขี้ยว
“เป็นนายนานแล้วครับ” เต๋าตอบหน้านิ่ง
“ไม่เชื่อหรอก โตแล้วแต่ตัดเล็บไม่เป็นต้องเรียกเด็กชายเต๋าน้อย” ตาคมมองใบหน้าของคนตัวเล็กที่ดูจะถูกอกถูกใจกับฉายาใหม่ที่หามาล้อเลียนเขาได้
“โอเคๆ เด็กชายเต๋าน้อยก็ได้ งั้นเด็กชายเต๋าน้อยต้องขอบคุณพี่น่ารักมากๆเลยนะที่ช่วยตัดเล็บให้” พอตั้งฉายาใหม่ให้พี่ชายข้างบ้านได้ก็เหมือนคชาจะถูกเอาคืน ตั้งแต่วันนั้นมาพี่เต๋าก็ชอบเรียกคชาแบบนี้เสมอ แม้จะได้ยินบ่อยครั้งแต่ตอนนี้ก็ยังไม่ชินสักที ‘พี่น่ารัก’ ฟังทีไรก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินไปกับมัน
“ไม่เป็นไรนะ เด็กชายเต๋าน้อย” คนตัวเล็กหัวเราะคิกคักล้อเลียนอีกคน มือบางยังคงจับอยู่กับมือของเต๋า ไม่นานมือหนาก็ยกมือของคชาขึ้นมองสำรวจจนคชาประหลาดใจ มือคชาเล็กกว่ามือของเต๋าก็จริงแต่นิ้วเรียวยาวสวยมาก แล้วยิ่งได้จับไว้แบบนี้ยิ่งรู้สึกถึงความนุ่มนิ่ม จนเต๋าชักไม่อยากปล่อยมือออก
“มือเราก็ไม่ได้ใหญ่ แต่นิ้วเรายาวจัง” มือหนาเลื่อนสัมผัสมือบาง ก่อนที่จะทาบทับวางมือของตนเทียบกับมือของคนตัวเล็ก
“มีแต่คนทักว่ามือคชาเหมือนมือหม่าม๊า” คชาว่าแล้วมองดูมือตัวเอง ที่ฝ่ามือประกบติดกับฝ่ามือของอีกคน มือพี่เต๋าใหญ่กว่าคชา หนากว่า แล้วที่สำคัญเวลาจับอุ่นชะมัดเลย...
“เวลากุมมือกันไว้แบบนี้ เข้ากันพอดีเลยเนาะ” เต๋าว่าแล้วขยับมือกอบกุมประสานนิ้วเข้ากับมือของคนตัวเล็กทันที คชาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อสัมผัสที่รู้สึกว่าอบอุ่นแล้วกลับยิ่งเพิ่มตัวเท่าทวีคูณเมื่อพี่เต๋ากุมมันเอาไว้
“ไม่เห็นเข้ากันเลย” คชาละสายตามองออกไปจากคนตรงหน้า อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่พี่เต๋าคนนี้ คนที่กำลังทำให้คชาทำตัวไม่ถูก
“หน้าแดงทำไมเรา ร้อนหรอ?” เต๋าล้ออีกคนทั้งที่ก็รู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้แก้มใสนั้นขึ้นสี
“เปล่า...แล้วเมื่อไหร่จะปล่อยมือสักทีฮะ”
“แล้วทำไมต้องปล่อยครับ”
“ก็...จะทำการบ้านต่อ” เต๋าหัวเราะในลำคอ มองจ้องเด็กน้อยตรงหน้าที่กำลังหลบสายตาเขาอยู่ ก่อนจะปล่อยให้เด็กน้อยกลับลงไปนั่งที่พื้นพรมจัดการกับการบ้านตัวเองให้เสร็จ
-------------------------------------------------------------
“คชาเดี๋ยวพี่ขึ้นบ้านก่อนนะ อย่าลืมปิดไฟด้วยนะเรา” พี่สาวสุดที่รักร้องบอกน้องชายตัวเล็กที่ยังคงนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาว จ้องทีวีจอใหญ่ไม่วางตา
“ฮะ” คชาขานรับ หันไปมองพี่สาวที่กำลังเดินขึ้นบันได แล้วกลับมาสนใจตัวการ์ตูนที่วิ่งไปวิ่งมาอยู่บนหน้าจออีกหน ที่จริงห้องคชาก็มีทีวีแต่เหตุผลที่ยังนั่งดูทีวีอยู่ตอนนี้คงเพราะรอเจอหน้าใครบางคนที่ออกจากบ้านไปตั้งแต่บ่ายโมง หลังจากจัดการกับมื้อเที่ยงเสร็จพี่เต๋าก็โดนเรียกให้เข้าไปที่บริษัทบอกว่ามีงานด่วน ตอนนี้การ์ตูนที่ดูอยู่ก็จบไปหลายตอนแล้ว เข็มสั้นบนนาฬิกาก็จวนจะถึงเลขสิบอีกไม่กี่นาทีแต่ก็ยังไม่มีท่าทีว่าอีกคนจะกลับมาเลย ท้ายที่สุดคนตัวเล็กก็ยอมแพ้แล้วเดินปิดทีวีจอใหญ่ เดินไปยังบานประตูสี่เหลี่ยมแล้วเปิดมันออกไป
แวะไปบอกราตรีสวัสดิ์วัฟเฟิลหน่อยดีกว่า
“วัฟเฟิล วัฟเฟิล” เสียงเล็กร้องเรียกปลาทองตัวอ้วนที่ดูเหมือนว่าจะหลบไปอยู่หลังก้อนหินก้อนไหนสักก้อนในบ่อปลานั่น
“ไปนอนแล้วหรอ อย่าพึ่งไปนอนสิ...อยู่เป็นเพื่อนกันก่อน”
“แยมส้ม..ยังไม่นอนใช่ไหม พี่เต๋ายังไม่กลับมาเลย รอพี่เต๋าเป็นเพื่อนคชาก่อนนะ” น้ำเสียงสดใสยังคงคุยกับสิ่งมีชีวิตในน้ำ นิ้วเล็กจุ่มลงสัมผัสปลาทองอีกตัวที่แหวกว่ายมาทางตนเอง
“โกโก้ไปไหนแล้วหละแยมส้ม หนีคชาไปนอนอีกตัวแล้วใช่ไหม?”
“ใจร้ายเหมือนใครบางคนเลยนะ ทิ้งให้คชารอ” คนตัวเล็กนั่งคุย พร่ำบ่นแล้วคิดถึงใบหน้าของต้นเหตุที่ทำให้ตัวเองต้องออกมานั่งคุยกับปลาทองคู่ใจ หากไม่นานคนตัวเล็กก็โปรยยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเสียงยานพาหนะสองล้อเคลื่อนที่มาจอดหน้าบ้าน คชายันตัวลุกขึ้นแล้วมองไปยังประตูรั้ว แต่ก็ต้องแอบถอนหายใจอีกครั้งเมื่อคนที่กำลังยืนจ่ายเงินให้กับวินมอเตอร์ไซค์ไม่ใช่คนที่ตนเองคาดหวังที่จะพบ
“อ้าวคชา ยังไม่นอนหรอ”
“ยังฮะ ออกมาเล่นกับปลา พี่เฟรมกลับบ้านดึกจัง”
“พอดีมีงานที่มหา’ลัย พี่เข้าบ้านก่อนนะพอดีมีงานเข้า” เฟรมกระชับเป้กลางหลัง พูดรัวเร็วจนคชารับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายคงรีบจริงจัง
“ฮะ” คชาพยักหน้ารับแล้วย้ายตัวเองไปนั่งเก้าอี้ม้าหินอ่อนหน้าบ้าน ตามกลมเริ่มเหม่อมองล่องลอยไปยังสิ่งแวดล้อมรอบกาย ...การนั่งโดดเดี่ยวท่ามกลางความมืดมิดทำให้คชารู้สึกโหวงเหวงแปลกๆ ไม่เห็นเหมือนตอนอยู่กับใครอีกคนเลย...
-------------------------------------------------------------
“ขอบคุณมากนะพี่ที่ขับรถมาส่ง”
“ไม่เป็นไร ทางผ่านเว้ย”
“เจอกันพรุ่งนี้พี่”
“เอ้อๆ เจอกันพรุ่งนี้ งานที่ให้วันนี้ทวนๆดูอีกทีแล้วค่อยว่ากันต่อ”
“โอเคครับ”
“ฝากหน่อยนะเต๋า พี่ไว้ใจแกเดี๋ยวไว้เสร็จงานนี้เดี๋ยวเลี้ยงชุดใหญ่ แล้วพาไปแอ้วสาวด้วย” ไทด์หัวเราะต่างกับเต๋าที่แค่เพียงหยักหน้ายิ้มรับ ก็ตอนนี้จะสาวที่ไหนเขาก็เลิกสนใจไปนานแล้ว
“กลับดีๆพี่” เต๋ายกมือให้รุ่นพี่หลังจากที่ตนก้าวออกจากรถ วันนี้วันเสาร์แท้ๆแต่ก็ต้องเข้าบริษัทเพราะลูกค้าขอเลื่อนวันส่งงาน กว่าจะเข้าที่เข้าทางก็ปาไปสี่ทุ่มยังดีที่ได้ความอนุเคราะห์จากพี่ไทด์ที่อาสาขับรถมาส่งถึงหน้าบ้าน
ขายาวก้าวเดินไปยังประตูรั้วเหล็ก ก้มลงกำลังจะเปิดประตูแต่รู้สึกตงิดใจเล็กน้อยเลยเดินมายังประตูรั้วของบ้านอีกหลังเสียก่อน หลังจากคชาเคลียร์การบ้านเสร็จ เต๋าก็ตั้งใจว่าจะพาเด็กน้อยไปกินขนมแต่ก็ต้องหยุดแผนการไว้ชั่วคราวเมื่อเสียงโทรศัพท์จากรุ่นพี่ที่ทำงานโทรมาเรียกตัว
“คชา!” ตาคมเบิกโพลงขึ้นทันทีเมื่อเห็นคนตัวเล็กนอนฟุบหลับอยู่บนโต๊ะม้าหินอ่อน เต๋าตกใจไม่น้อยที่เห็นคชาอยู่ในสภาพแบบนั้น ก็นี่เกือบจะห้าทุ่มแล้วทำไมมานอนแบบนั้น แถมข้างนอกยุงก็เยอะอีก และดูเหมือนเต๋าจะใจร้อนมากเกินไป ไม่รอให้อีกคนตื่น ขาย้าวรีบก้าวไปเปิดประตูรั้วของต้นแล้วกระโดดข้ามรั้วเข้ามาในบ้านคนตัวเล็กทันที
“คชา” เต๋าเรียกคนตัวเล็กอีกครั้ง มือหนาจับไปที่ไหล่แล้วเขย่าเบาๆ จนอีกคนครางงึมงำออกมา
“...พี่เต๋า” ร่างเล็กเอ่ยออกมาเสียงเบาหวิว มือเล็กยกขึ้นมาขยี้ตาจนเต๋าต้องยกสองมือมาห้ามไว้ ก่อนจะก้มสำรวจมองหาร่องรอยแดงจากยุงกัดบนแขนขาวของอีกคน แล้วก็ต้องโล่งใจเมื่อไม่พบ
“ทำไมมานอนแบบนี้ ข้างนอกยุงเยอะรู้ไหม แล้วนี่ก็ดึกมากแล้วทำไมไม่เข้าไปนอนในบ้าน” เต๋ายิงคำถามรัวใส่คนพึ่งตื่นนอนแต่ก็ช่วยไม่ได้เขาใจหายแทบแย่ตอนที่มองเห็นเด็กน้อยนอนหลับในสภาพนั้น คชาส่ายหัวไล่อาการมึนก่อนจะนึกถึงสาเหตุที่ทำให้ตัวเองมาฟุบหลับล่อยุง
“คชามารอพี่เต๋า”
“รอพี่ รอพี่ทำไมครับ มีอะไรด่วนทำไมไม่โทรหา?” เต๋าถามด้วยความสงสัย สองมือยังคงจับอยู่ที่แขนอีกคน
“ไม่ได้มีอะไรด่วน...ก็ที่นัดกันพรุ่งนี้” คชาตอบเสียงแผ่ว แอบใจหายเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าอีกคนเหมือนจะลืมนัด
“อ่อ...พรุ่งนี้เรามีนัดไปดูละครเวทีกันใช่ไหม” คชาพยักหน้าทันที รู้สึกโล่งขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าอีกคนไม่ลืมนัด
“แต่พรุ่งนี้พี่ต้องเข้าบริษัทนี่สิ” คชาเงยหน้ามองคนตัวสูงกว่าทันที แววตาสดใสนั้นหม่นลงจนเต๋าสังเกตได้และเผลอยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าอีกคนคงกลัวเขาจะยกเลิกนัด
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ พี่แค่จะบอกว่าพี่คงไม่ได้ออกไปพร้อมเรา แต่คงไปเจอเราที่นั่นเลย คชาไปถูกใช่ไหม?”
“ถูกครับ” เด็กน้อยพยักหน้ารับ รู้สึกใจชื้นขึ้นมาไม่น้อย สารภาพว่าตอนแรกคิดว่าพี่เต๋าจะยกเลิกนัดแล้วจริงๆ
“แล้วพี่เต๋าเข้ามาในบ้านได้ยังไง” คชาถามเต๋าเพราะนึกได้ว่าตัวเองนั้นล็อคประตูรั้วหน้าบ้านเรียบร้อยแล้ว
“พี่ปีนรั้วเข้ามา”
“ปีน...ปีน ยังไง?” คชาเอียงคอทำหน้าสงสัย
“พี่ก็...จำไม่ได้เหมือนกันก็ตอนนั้นพี่ตกใจที่เห็นเรานอนอยู่แบบนั้น....อย่าทำแบบนี้อีกรู้ไหม” แววตาที่ทอดมองมาเคลือบฉาบไปด้วยความห่วงใยจนคชาต้องเป็นฝ่ายหลบสายตา เต๋ายกมือลูบหัวกลมๆของคชาก่อนจะจูงอีกคนให้ลุกเดินขึ้นไปยังประตูไม้หน้าบ้าน
“เข้าบ้านนอนได้แล้วนะ ไว้พรุ่งนี้เจอกันที่ M-Theater เลยนะ พี่จะรีบเคลียร์งานให้เสร็จแล้วรีบไปหา”
“เจอกันพรุ่งนี้นะเด็กชายเต๋าน้อย” แม้จะรู้สึกง่วงงุนแต่ก็ยังแอบล้อเลียนอีกคน
“เดี๋ยวจะโดนนะครับพี่น่ารัก เข้าบ้านได้แล้ว” เต๋าบอกแล้วยืนมองดูแผ่นหลังบางเดินเข้าสู่ตัวบ้าน เสียงประตูไม้ปิดลงตามด้วยแสงสว่างจากหลอดไฟในตัวบ้านที่ดับมืดลงเป็นสัญญาณว่าคนตัวเล็กขึ้นชั้นสองไปแล้ว ขายาวก้าวขยับออกมา ตาคมก้มลงมองนาฬิกาข้อมือแล้วลอบถอนหายใจ...ว่าแต่แล้วเขาจะกลับบ้านยังไง ลืมไปเลยว่าคชาล็อคประตู้บ้านไว้แล้ว
-------------------------------------------------------------
เต๋าก้มลงมองนาฬิกาข้อมือเป็นรอบที่ร้อยของวัน ยิ่งมองตอนนี้ก็ยิ่งอยากถอนหายใจออกมาสักพันครั้ง เข็มนาฬิกาที่บ่งบอกเวลาที่ล่วงเลยการแสดงละครเวทีมากว่าครึ่งชั่วโมง แต่ตอนนี้เขายังอยู่บนรถแท็กซี่อยู่เลย ก่อนหน้านั้นคชาโทรมาหาบอกว่าถึงแล้ว น้ำเสียงของอีกคนสดใสเสียจนเต๋าไม่กล้าบอกว่ายังเคลียร์งานไม่เสร็จ จึงได้แต่บอกให้อีกคนรอแต่ถ้าเขาไปไม่ทันให้เข้าไปดูก่อน แล้วกว่าจะออกจากที่ทำงานได้ก็ใกล้เวลาเริ่มแสดง เต๋าวิ่งไปหยิบโทรศัพท์ที่ชาร์ทแบตทิ้งไว้เพื่อจะโทรหาอีกคน แต่ก็ต้องหงุดหงิดจนแทบอยากร้องตะโกนเมื่อไอ้ที่ชาร์ทไว้มันไม่เข้า แล้วแบตมันก็ดันดับไปต่อหน้าต่อตาตอนที่อีกคนรับสายพอดี
ทันทีที่ขายาวก้าวลงจากรถแท็กซี่ เต๋าก็วิ่งพุ่งไปยังตัวลิฟต์ในอาคารทันที และแวบแรกที่ก้าวออกมาจากลิฟต์ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นแผ่นหลังบางของคนตัวเล็กนั่งชันเข่ารอเขาอยู่ที่บันได
“คชา!” คนตัวเล็กหันหลังมายังต้นเสียงแล้วยันตัวลุกขึ้น เมื่อมองเห็นอีกคนกำลังวิ่งมายังตนเอง
“พี่ขอโทษนะ ตอนที่เรารับสายพี่แบตมันหมดพอดี ขอโทษนะครับที่มาช้า” เต๋าบอกด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหอบเล็กน้อยจากการวิ่ง
“ไม่เป็นไรฮะ” เด็กน้อยส่ายหัวกลมๆ แล้วยิ้มหวานให้
“แล้วทำไมไม่เข้าไปดูก่อนหละ นี่คงเริ่มไปนานแล้วสินะ” เต๋าว่าแล้วก้มลงมองดูนาฬิกาอีกครั้ง นี่ก็ผ่านเวลาแสดงมาร่วมสี่สิบนาทีเห็นจะได้
“..ก็..รอเข้าไปดูพร้อมกัน” น้ำเสียงแผ่วเบาจนเต๋าคิดว่าเขาคงจะไม่ได้ยินถ้าตอนนี้ไม่ได้ยืนอยู่กันสองคน
“งั้นเข้าไปกันเถอะ” เต๋าว่าแล้วถือโอกาสจับไปที่มือบางจูงอีกคนเข้าไปยังโรงละคร
ละครเพลงชื่อเรื่องสุดแสนโรแมนติคที่เรื่องราวถูกถ่ายทอดผ่านนักแสดงฝีมือเยี่ยม บรรยากาศวิถีชีวิตอันแสนรื่นรมย์ของชาวอัมพวาถูกนำมาเป็นฉากหลังของเรื่อง เรื่องราวความรักของตัวละครที่ดำเนินไปพร้อมกับบทเพลงแสนไพเราะเสนาะหูจากวงดนตรีชื่อดังอย่าง ‘สุนทราภรณ์’ ชายหนุ่มที่ต้องจบชีวิตของตนเองเพียงเพราะความผิดพลาดของสวรรค์ ทำให้เขาต้องลงไปช่วยเหลือให้คนสามคู่สมหวังในความรัก จากคนที่ไม่เชื่อในความรักกลับมาพ่ายแพ้ในความอ่อนโยนของใครอีกคนจนเผลอตกหลุมรักเสียจนหมดใจ
บรรยากาศรอบข้างที่ดูจะหนาวไปนิดเพราะอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศแต่คชากลับรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก เมื่อรอบข้างรายล้อมไปด้วยผู้ใหญ่วัยปู่ ย่า ตา ยาย เสียงเพลงที่ถูกฮัมไปพร้อมกับการขับร้องพร้อมกับตัวละครบนเวทีทำให้คนตัวเล็กแอบอมยิ้มออกมา แม้ไม่ได้คุ้นเคยหรือรู้จักกับเพลงเหล่านี้มาก แต่ก็เหมือนจำได้เป็นลางๆว่าเคยได้ยินหม่าม๊าเปิดฟังอยู่บ่อยๆ
“ฉากเต้ยทีไรนี่ยิ้มใหญ่เลยนะ” เต๋าว่าแซว ตาคมแอบลอบมองคนตัวเล็กด้านข้างอยู่เป็นระยะ รอยยิ้มสดใสกับเสียงหัวเราะของคชาที่ปรากฏขึ้นทุกครั้งที่นักแสดงบนเวทีร้องเพลงและเล่นมุกตลก โดยเฉพาะตัวละครจิ๊กโก๋ประจำอัมพวาอย่าง ‘เต้ย’ ที่ดูคชาจะชอบอกชอบใจกับฉากกระโดดข้ามพุ่มไม้นั่นของผู้ชายตัวสูงขาวไม่น้อย แหงหละก็ดูคชายิ้มสิ...ไม่อยากจะบอกเลยว่าเขาเริ่มรู้สึกหวงรอยยิ้มของคชาที่มีให้ตัวละครตัวนั้นเสียแล้ว
“ป่าวซักหน่อยก็มันตลกนี่นา พี่เต๋าเงียบๆเลยคนเขาตั้งใจดูอยู่ ห้ามกวน” สุดท้ายเต๋ากลายเป็นคนถูกดุ จำยอมต้องนั่งเงียบตั้งใจดูละครเพลงตรงหน้า แอบนึกสงสัยเหมือนกันว่าบนโลกนี้จะมี เรื่องราวความรักแบบนี้จริงไหม? จากคนที่ไม่เคยเชื่อในเรื่องของความรัก จนได้มาพบกับอีกคนที่ทำให้เข้าใจในรัก มั่นใจ และกล้าที่จะรักมากขึ้น คิดได้ดังนั้นก็อดที่จะมองไปยังเด็กน้อยที่นั่งอมยิ้มด้านข้างไม่ได้
-------------------------------------------------------------
ท่ามกลางความมืดมิดของท้องฟ้ากับเส้นทางคุ้นเคยสายเดิม ซอยมีสุข 23 มีเพียงแสงไฟสีส้มตามทางเดินกับแสงสีขาวจากบ้านเรือนในซอย กว่าละครเวทีจะสิ้นสุดก็ใช้เวลาไปร่วมสามชั่วโมง หากแต่เป็นสามชั่วโมงที่คชารู้สึกประทับใจไม่น้อย สัญญากับตัวเองทันทีว่ากลับถึงบ้านต้องไปหาโหลดเพลงพวกนี้มาฟังก่อนนอน
“คืนนี้ต้องกลับไปฟังเพลงสุนทราภรณ์แล้วหละพี่เต๋า เพลงติดหูมากเลย”
“นึกว่าจะกลับไปเสิร์ชหารูปเต้ยซะอีก” เต๋าเอ่ยทันทีเมื่อนึกถึงภาพของคนตัวเล็กที่เขย่งปลายเท้ามอง ภาพของผู้ชมที่เข้ามาขอถ่ายรูปและพูดคุยกับนักแสดงและดูเหมือนว่าตัวละครชื่อเต้ยจะมีกลุ่มคนชื่นชอบอยู่ไม่น้อย
“ก็บอกว่าไม่ได้ดูเต้ยไงหละ หึ้ย!” เต๋ามองคชาที่สะบัดตัวก้าวเท้าออกเดินไปข้างหน้า สงสัยคชาจะงอนเขาเข้าให้แล้ว แต่มันอดไม่ได้จริงๆที่จะพูด รอยยิ้มน่ารักที่มีให้จิ๊กโก๋อัมพวานั้นเขาจำมันได้ดี แต่ตอนนี้คงต้องลืมภาพจิ๊กโก๋หน้าหล่อคนนั้นไปก่อน เพราะภารกิจตรงหน้าเหมือนจะสำคัญกว่า คิดวิธีง้อเด็กน้อยที่เดินงอนไปข้างหน้าสักพัก ภาพละครเวทีที่ไปดูมาวันนี้ก็ผุดขึ้น จึงรีบสาวเท้าให้ยาวกว่าเดิมแล้วไปโผล่ที่ด้านหน้าของอีกคน
♬ “ดวงชีวัน โกรธเคืองฉันเรื่องอะไรจ๊ะ”
มาทำไม ออกไปให้ไกลดีกว่า
“อรทัยฉันมีผิดใดเล่าหนา”
อย่ามาพูดจา ถอยไป ถอยไป ให้ไกลตัวฉัน
“งอนจริงๆ พี่มาง้อหยิ่งจริงหนอ”
มีคนรอ ออกไปง้อเขาเถิดนั่น.....
“อย่าโกรธเลยเธอหันหน้ามาฟัง ไม่มีปิดบังโปรดฟังฉันเถิดหนา”
♬
บทเพลงคุ้นหูที่พึ่งได้ยินมาถูกถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงทุ้มของเต๋า แอบบีบเสียงแหลมเล็กในท่อนที่เป็นของผู้หญิง แม้จะฟังดูไม่ค่อยตรงจังหวะนัก แต่กลับทำให้คนตัวเล็กถึงกับอมยิ้มขำ อาการงอนที่แสดงออกเมื่อครู่ก็หายไปทันที ตอนแรกคชาก็ตกใจที่พี่เต๋ามาโผล่ตรงหน้าแต่พอพี่เต๋าเริ่มร้องเพลงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา จะว่าตลกก็ตลกแต่รวมๆแล้วคชามองว่ามันก็น่ารักดีนะ
“ทำอะไรเนี่ย” คชายืนกอดอกหัวเราะแล้วถามพี่ชายข้างบ้าน
“ก็ร้องเพลงง้อไง แล้วคชาจะหัวเราะทำไม? พี่จริงจังนะ”
“ก็มันตลก”
“งั้นแสดงว่าหายงอนแล้ว?” ร่างสูงยกยิ้มทันทีเมื่อเห็นอีกคนยิ้ม
“ใครบอก...”
“อ้าว” เต๋าคอตกทำหน้าจ๋อยรอยยิ้มเมื่อครูหายไปทันที
“ร้องให้ฟังอีกเพลงก่อนสิ แล้วจะหาย”
“อ่า ก็พี่จำได้เพลงเดียว” เต๋าแกล้งพูดหยอกอีกคน เพราะความจริงเขาจำได้เกือบทุกเพลง
“งั้นก็หลบไปเลย” มือเล็กผลักร่างสูงของเต๋าให้พ้นทางแล้วเดินมุ่งไปข้างหน้าต่อ เต๋าเห็นดังนั้นจึงรีบเดินไปเทียบเคียงเบียดคนตัวเล็ก อีกทั้งมือหนาก็เลื่อนไปกอบกุมมือบางนั้นไว้อย่างตั้งใจ
♬ “ชื่น ชีวิตจิตใจ
รักคู่ฤทัย เร้าในอารมณ์
พี่ กับน้องชื่นชม
ทุกสิ่งเกลียวกลม
ภิรมย์ ฤทัย
แม้วันไม่สด ชื่น
แม้คืนจะเปล่า เปลี่ยว
รักเธอคนเดียว
รื่นรมย์ กลมเกลียว ทุกทาง
แสงเงินไม่สาด ส่อง
แสงทองไม่สุก สว่าง
รักเรามีทาง
สดชื่น ไม่จาง
ไม่ร้าง ห่างกัน....”
♬
เสียงทุ้มนุ่มถูกถ่ายทอดขับกล่อมออกมาให้เป็นบทเพลง เต๋าแอบก้มลงร้องบางท่อนข้างใบหูของคนตัวเล็ก มือหนายังคงกอบกุมมือบางของคชาเอาไว้ แก้มใสสองข้างที่เริ่มเห่อร้อนเต็มที่ ตอนนี้คชาอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่มันทำไม่ได้ อยากจะดึงมือออกจากมือพี่เต๋าก็ไม่มีแรง ถ้าหัวใจจะเต้นแรงขนาดนี้เอามีดมาเฉือนกันให้ตายไปเลยคงดีกว่า
“อ๊ะๆ หน้าแดงใหญ่แล้ว” เต๋าเอ่ยแซวทันทีเมื่อมองเห็นแก้มใสคร้ามสีระเรื่อของอีกคน
“ไม่ได้แดงซักหน่อย อย่ามั่วได้ไหมหละ..ปล่อยมือเลยนะ” คชาขึ้นเสียงปฏิเสธรัวเร็วแล้วออกแรงดึงมือตัวเองออกจากมือหนาของอีกคน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเมื่อพี่เต๋ายิ่งกุมมันไว้แน่นขึ้น
“ไม่ปล่อยครับ” ไม่พูดเฉยๆแต่กลับยกคิ้วล้อเลียนคนตัวเล็ก
“กวนหรอ?” คชาเริ่มขู่ฟ่อทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มแกล้ง
“จับไว้แบบนี้แหละ มันดึกแล้วเดี๋ยวพี่น่ารักจะหลงทาง” เด็กน้อยส่ายหัวทำหน้าปลง หมดหนทางเอาคืนพี่ชายขี้แกล้ง สุดท้ายก็ต้องยอมปล่อยให้อีกคนจับมือตัวเองจนมาถึงบ้าน
‘ถ้าเมื่อกี้ร้องเพลงไม่ถูกใจ ไม่ยอมให้จับหรอกนะ’
;(
-------------------------------------------------------------
เธอ เธอเธอเท่านั้น
ที่จิตใจฉันยังมั่นรักเธอ
หลงละเมอ
เพ้อพร่ำไป
#ซองอะลิง
หือ?
ร้องเพลงไง...
ยัง ไม่ชื่นชอบใคร
รักใครใครได้
อย่างรักเธอ... 0[>w<]0
อะไรฮะ?
ร้องเพลง(มั้ง)ครับ
^_____^
-------------------------------------------------------------
รีบเอามาลงด่วนๆ เนื่องจากถ้าไม่รีบลงฟิค การบ้านจะไม่เดิน
มันเหมือนมีอะไรวิ่งอยู่ในหัวตลอดเวลาต้องรีบเอาออกมา 555
อารมณ์มันมาเพราะไปดูละครเวทีพี่เต๋า เพราะเธอคนเดียว
#เธอเท่านั้น สนุกมาก อย่าลืมไปดูเต้ยนะจ๊ะ เต้ยหล่อเกิน
ระทวย ละลาย นี่พูดเลย ...>_____<
ปล. แอบแก้ตอนเก่าด้วยนะ เปลี่ยนไปนิดหน่อยถ้าว่างๆก็ลองไปอ่านดูนะ โดยเฉพาะตอน 3 >w<
ความคิดเห็น