คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ตอนที่ 3 - 1 จุดเริ่มต้นของการหย่า 3
ลลินทิพย์มองปานฤดีด้วยสายตาไม่พอใจ ลูกสาวรัฐมนตรี อย่างเธอไม่เคยมีใครกล้าต่อว่าถึงขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ผู้ว่าราชการจังหวัดยังต้องเกรงใจอำนาจของคุณพ่อเธอที่มีอิทธิพลในจังหวัด แข่งกับครอบครัวของปานฤดีที่ครองเก้าอี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรปีปัจจุบัน
“แกมีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้กับฉัน ยัยนั่นโง่ยอมคุณแม่ฉันทำไมล่ะ เกิดมาจนก็แบบนี้ล่ะ อะไรที่ไม่เหมาะกับคนจน ๆ มันก็ไม่เหมาะอยู่ดี เมืองนอกเป็นสถานที่ของคนมีระดับแบบฉัน ไม่ใช่คนต่ำเตี้ยเรี่ยดินนอนกลางดินกินกลางทรายเหมือนเพื่อนเธอ!” ลลินทิพย์อดไม่ได้ที่จะต่อว่าด่าทอเสียดสีแพรพรรณให้ปานฤดีฟัง แต่ปานฤดีได้แค่ยกยิ้มอย่างผู้ถือไพ่เหนือกว่าเท่านั้น
“ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันอาจจะโกรธนะที่แกด่าเพื่อนฉัน แต่พอมาคิดๆ ดูแล้ว แกมันก็เก่งแต่แบบนี้ล่ะ ลอบกัด ยัยพราวอยู่ต่อหน้าแกก็ไม่กล้าด่า เพราะกลัวคนอื่นจะขุดเรื่องที่แม่แกไปแย่งทุนพราวมาให้แกแบบหน้าด้านๆ สินะ อ้อ แต่ก็ต้องขอบคุณหมอฐิตาพรนะ ถ้าแม่แกไม่แย่งทุนนั้นมา เพื่อนฉันก็คงไม่มีโอกาสได้ที่เรียนใหม่ที่ดีกว่าอย่างสวิตเซอร์แลนด์ แถมผู้ที่ประสงค์มอบทุนให้ยังออกค่าใช้จ่ายให้พราว ได้นั่งตั๋วระดับเฟิร์ส คลาสเลยนะ แกลองคิดดูสิ คนจนๆ นอนกลางดินกินกลางทรายที่แกด่าน่ะ ได้รับโอกาสในชีวิตดีกว่าที่แกไม่ได้เคยได้รับอีกลลินทิพย์” ปานฤดีเหยียดยิ้มใส่ลลินทิพย์ พลางเบนสายตามองภูธวิน
“นายก็เหมือนกัน เป็นสามีที่จดทะเบียนกับพราวแล้วไม่ใช่หรอ การที่ให้ผู้หญิงคนอื่นติดสอยห้อยตามไปไหนมาไหนด้วยน่ะ มันสมควรแล้วหรือเปล่า” ปานฤดีมองภูธวินด้วยสายตาไม่พอใจ คำพูดแข็งกระด้างของเพื่อนสนิทแพรพรรณทำให้ภูธวินรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก
ภูธวินแก้ต่างว่า “อาจารย์หมอฐิตาพรขอให้เรามารับลินไปด้วยกัน เพราะเห็นว่าต้องไปสนามบินและขึ้นไฟลท์เดียวกัน ก็ต้องรู้จักกันเอาไว้ เธอคงคิดมากไปเองนะษา”
“ไปเถอะ เดี๋ยวเคาน์เตอร์เช็คอินจะแถวยาว” ลลินทิพย์ดึงข้อมือของภูธวินให้เดินตามเธอไป พวกเขาทั้งสองเดินผ่านตัดหน้าปานฤดีอย่างจงใจ จนว่าที่ทนายความสาวเอ่ยตามหลังทั้งคู่ว่า
“จำเอาไว้นะ ทะเบียนสมรสไม่ใช่แค่กระดาษไร้ค่า มันมีอำนาจมากพอที่จะเอาคนเป็นชู้หรือพวกผิดผัวผิดเมียเข้าคุกได้เลย” ปานฤดีทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก่อนจะเดินหายไปในคอนโดมิเนียมด้วยหัวใจเบิกบานที่ได้ต่อว่าคนหน้าหนาอย่างลลินทิพย์ ซึ่งตนเองอดทนมานานแล้วตั้งแต่มารดาของอีกฝ่ายมาปาดหน้าทุนการศึกษาของเพื่อนเธอไปแบบหน้าด้าน ๆ
ลลินทิพย์เดินหัวเสียนำภูธวินไปที่รถซึ่งรอพวกเขาอยู่ โดยไม่สนใจเสียงของปานฤดีที่ดังตามหลังมาอีกเลย
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่แพรพรรณรู้สึกว่าตนเองไม่ได้ฝันไป
เธอกวาดสายตาสำรวจรอบ ๆ เลานจ์รับรองผู้โดยสารระดับ เฟิร์สคลาสสุดหรูที่ถูกตกแต่งด้วยสิ่งของมีค่า พร้อมกับบริการส่วนตัวที่คอยดูแลการเช็คอิน ตลอดเวลาที่อยู่ภายในสนามบินนานาชาติแห่งหนึ่งที่จังหวัดสมุทรปราการ
ภายในเลานจ์รับรองสุดหรูนั้นมีพนักงานต้อนรับชาวไทยคอยให้บริการเธอด้วยรอยยิ้ม อาหารมากมายละลานตาที่เธอได้แต่เคยเห็นในโทรทัศน์รายการทำอาหารเท่านั้น รวมถึงตู้ที่เก็บน้ำดื่มซึ่งเป็นน้ำแร่ที่มีมูลค่าสูงก็สามารถหยิบมาได้ฟรีสำหรับผู้ที่ใช้บริการในเลานจ์
แพรพรรณหยิบใบอนุญาตขึ้นเครื่องบิน[1] ขึ้นมาดู มุมบนซ้ายสุดมีโลโก้สีแดงของสายการบินประจำชาติสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมกับมีข้อมูลระบุว่า ‘First Class Premium’ ที่แสดงว่าเธอคือผู้โดยสารชั้นหนึ่งในคลาสสูงสุดระดับพรีเมียม ระหว่างที่กำลังใช้บริการเลานจ์รับรองอยู่นั้น เธอก็หยิบสมาร์ตโฟนของตนเองขึ้นมาเพื่อจะเช็คราคาตั๋วที่นั่งของสายการบิน
ซึ่งเธอได้เข้าไปในเว็บของสายการบินโดยตรง กระทั่งได้ตรวจสอบราคาก็พบว่าเที่ยวบินนี้แค่ไปกลับมูลค่าเกือบหกแสนบาท! แพรพรรณรีบเก็บตั๋วเครื่องบินใส่ในกระเป๋าด้วยความตกใจ ตั้งแต่บิดาตายจาก มารดาหายไป เธอก็ไม่เคยมีโอกาสสัมผัสโอกาสดี ๆ แบบนี้มาก่อน จนตอนนี้รู้สึกเหมือนกับยังฝันไป
เธอได้ยินเสียงพนักงานคนไทยในเลานจ์พยายามสื่อสารกับ
ชายชาวต่างชาติรายหนึ่ง แพรพรรณลอบสังเกตลักษณะท่าทางของเขาอย่างเงียบ ๆ เขาเป็นชายหนุ่มผิวขาวรูปร่างสูงโปร่ง หากเทียบกับเธอที่สูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามเซนติเมตร และภูธวินแฟนของเธอที่สูงเพียงหนึ่งร้อยแปดสิบสามเซนติเมตร ชายชาวต่างชาติที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็น่าจะมีความสูงเกือบ ๆ หนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรเลยทีเดียว
ครู่หนึ่งชายคนนั้นเผลอหันมาสบตาเธอเช่นกัน แพรพรรณรีบก้มหน้า พอดีกับที่ข้าวต้มกุ้งซึ่งเธอสั่งเอาไว้มาเสิร์ฟเรียบร้อย
เสียงสมาร์ตโฟนของเธอสั่น แพรพรรณหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นภูธวินสามีของเธอที่โทร.มาหา เธอจึงกดรับสาย “ค่ะภู”
“พราว ผมทราบมาจากษา ตอนนี้คุณอยู่สนามบินแล้วใช่มั้ย” ภูธวินแสร้งถามเธอ เพราะเขาอยากรู้ว่าแพรพรรณได้รับสิทธิพิเศษผู้โดยสารชั้นหนึ่งจริงหรือไม่
“ค่ะ ตอนนี้พราวอยู่ในเลานจ์รับรองของสนามบินน่ะค่ะ” แพรพรรณตอบไปตามตรง นั่นยิ่งทำให้ภูธวินยิ่งรู้สึกอิจฉาแฟนสาวมากขึ้นไปอีกที่ได้รับโอกาสดี ๆ
เขาแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อผ่านสมาร์ตโฟน “หรอ ดีจังเลยนะ ภูนี่สิ ไม่มีสิทธิพิเศษใด ๆ เลย พอดีเพิ่งเช็คอินเสร็จน่ะ ต้องนั่งรอทนหิวอีกสามชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาขึ้นเครื่อง”
ภูธวินรู้ดีว่าพูดอย่างไรแล้วแพรพรรณจะใจอ่อน
ลลินทิพย์ก็อดรู้สึกอิจฉาไม่แพ้กัน เธอตัดสินใจโทร.หาบิดาที่ประชุมอยู่ในกระทรวงฯ ของกรุงเทพฯ เธอต้องการตั๋วเครื่องบินโดยสารชั้นหนึ่ง แต่ว่าไม่สามารถทำได้ในขณะนั้น เนื่องจากที่นั่งในชั้นเฟิร์สคลาสของไฟลท์ที่จะเดินทางไปฝรั่งเศสนั้นแพงมาก แม้แต่ชั้นธุรกิจก็เช่นกัน จึงเหลือเพียงแต่ชั้นประหยัดพรีเมียมเท่านั้น ที่ยังมีที่ว่างอยู่
“ภู พราวเองก็ไม่รู้จะทำยังไง อันนี้เป็นสิทธิ์ที่ผู้มอบทุนเขาให้พราว...เอาแบบนี้ดีมั้ย เดี๋ยวพราวโอนเงินให้ภูก่อน ภูอยากกินอะไรภูเอาไปซื้ออาหารว่างกินรองท้องก่อนนะ” แพรพรรณพยายามเสนอทางออกที่ดีให้ภูธวิน แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ฟังไม่สนใจใด ๆ ทั้งสิ้น
“อ๋อ พราวจะคิดว่าตัวเองคู่ควรกับสิทธิ์นั้นคนเดียวสินะ สามีอย่างภูไม่มีสิทธิ์ล่ะสิ ถ้าพราวคิดแบบนี้ภูเสียใจมากนะ” ภูธวินกล่าวน้ำเสียงตัดพ้อ เขาแสร้งจะวางสายจนแพรพรรณร้องห้ามเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนสิภู พราวจะลองขอต่อพนักงานในเลานจ์ดูนะ ภูใจเย็นก่อน”
แพรพรรณปล่อยให้ภูธวินถือสายรอเธอสักครู่ เธอเดินเข้าไปหาพนักงานที่ดูแลเลานจ์ของสนามบินแล้วสอบถาม
“ขอโทษนะคะ เลานจ์ของสนามบินอนุญาตให้เพื่อนที่เป็นผู้ติดตามมาใช้บริการด้วยได้มั้ยคะ พอดีเพื่อนฉันเขาบินคนละไฟลท์กับฉันค่ะ แต่ต้องขึ้นเครื่องไปฝรั่งเศสในเวลาเดียวกัน เกตใกล้ ๆ กัน ฉันสามารถพาเพื่อนมาใช้บริการเลานจ์ได้มั้ยคะ” เธอสอบถามพนักงานที่เคาน์เตอร์บริการของเลานจ์สนามบิน
“ได้ค่ะ แต่ว่าได้เพียงหนึ่งคนนะคะคุณผู้โดยสาร แต่หากมีเพิ่มมาอีกมากกว่าหนึ่ง จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มหนึ่งพันห้าร้อยบาทค่ะ” พนักงานตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
แพรพรรณยกสายโทรศัพท์ตอบสามี “ได้นะภู พนักงานบอกว่าหนึ่งคนก็พาผู้ติดตามเข้าได้แค่หนึ่งคนเท่านั้น หากมีเข้ามาอีกคนก็ต้องเสียเงินเพิ่มหนึ่งพันห้าร้อยบาท”
ภูธวินทำเสียงอ่อน “แค่หนึ่งคนเองหรอ พอดีภูมากับลินเพื่อนในคณะของพราวน่ะ คณะบดีท่านฝากให้มาด้วยกัน พราวจะรังเกียจไหมถ้าภูอยากให้ลินเขาไปนั่งในเลานจ์กับเราด้วยน่ะ”
แพรพรรณไม่ค่อยจะสงสัยนัก เพราะถึงอย่างไรภูธวินก็ต้องเดินทางไปไฟลท์เดียวกับลลินทิพย์ อีกทั้งคนรักของเธอก็ได้ให้คำสัญญาด้วยการจดทะเบียนสมรสกับเธอแล้ว ย่อมไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวล
“ได้ แต่ลินเขาต้องออกค่าใช้จ่ายเองนะ”
ภูธวินมองลลินทิพย์ที่ฟังการสนทนาจากลำโพงสมาร์ตโฟน เธอไม่มีทางยอมเด็ดขาด เรื่องอะไรจะต้องเสียเงิน สู้หลอกยัยแพรพรรณหน้าโง่นั่นคุ้มกว่าเยอะ
“โธ่พราว คุณก็รู้ว่าเดินทางไปฝรั่งเศสคราวนี้ ค่าใช้จ่ายส่วนตัวผมกับลลินต้องออกเงินเอง ส่วนคุณก็ได้รับเงินส่วนตัวสนับสนุนจากผู้ให้ทุน เรื่องแค่นี้ถือว่าเพื่อนช่วยเพื่อนเถอะนะ” ภูธวินพยายามเกลี้ยกล่อมแพรพรรณให้ยอมออกค่าใช้จ่ายให้ลลินทิพย์
แพรพรรณไม่เข้าใจ ลลินทิพย์คือคนอื่น แทบไม่ได้เห็นแพรพรรณเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนด้วยซ้ำ มีเหตุผลอะไรกันที่ต้องออกค่าใช้จ่ายให้อีกฝ่ายโดยไม่ได้อะไรกลับมา “ไม่ได้หรอกภู พราวเองก็มีค่าใช้จ่ายอย่างอื่น ถ้าจะใช้บริการเลานจ์ภูใช้ได้แค่คนเดียว แต่ลลินทิพย์ต้องออกค่าใช้จ่ายเองค่ะ”
คำพูดของแพรพรรณดังไปถึงหูชายชาวต่างประเทศคนเดิมที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะของเธอมากนัก บางทีเขาอาจจะได้ยินคำพูดทุกคำที่เธอสนทนากับสามี
“May be I can help” (บางที ผมอาจจะช่วยคุณได้) โชคดีที่แพรพรรณฟังภาษาอังกฤษออก เนื่องจากเคยผ่านการสอบไอเอลสท์มาก่อนแล้ว จึงรู้ว่าชายชาวต่างชาติใบหน้าหล่อเหลาอายุไล่เลี่ยกับเธอ พยายามจะสื่อสารกับเธอในขณะนี้
“Again please” (อีกครั้ง) เธอทำท่าคล้ายกับว่าให้เขาพูดอีกครั้งหนึ่ง
“หากเพื่อนของคุณอยากใช้บริการเลานจ์รับรองอีกคน ก็ใช้สิทธิ์ของผมได้ ผมเดินทางคนเดียว ไม่กังวลอยู่แล้ว” ชายคนเดิมพูดกับแพรพรรณด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ หญิงสาวตกใจเล็กน้อยที่เขาเป็นคนแปลกหน้าแต่เสนอความช่วยเหลือให้เธอ
แพรพรรณเลือกที่จะปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
เธอปฏิเสธเขาจบแล้วหันไปกล่าวกับคนที่อยู่ในสายต่อ
“ตามนี้นะคะภู หากคุณจะใช้บริการเลานจ์น่ะได้ แต่ลลินทิพย์ต้องออกค่าใช้จ่ายในส่วนของเธอเองค่ะ”
แพรพรรณรีบตัดสายภูธวินทันที เพราะหากเธอพูดต่อเขาคงได้พยายามเกลี้ยกล่อมจนเธอต้องยอมเสียเงินให้กับลูกของฐิตาพร ที่แย่ง
ทุนของเธอไปอย่างหน้าไม่อาย
เธอหันไปมองชายคนนั้นอีกครั้งอย่างขอบคุณ ก่อนจะก้มลงรับประทานอาหารของเธอหลังจากที่พนักงานประจำเลานจ์นำมาเสิร์ฟ เธอเห็นร่างของภูธวินและลลินทิพย์เดินมาด้วยกันอย่างสนิทสนม พวกเขาทั้งสองคนกำลังจะเข้ามาในเลานจ์พิเศษของสนามบิน เมื่อเข้ามาปุ้บ ก็รีบเข้ามาหาแพรพรรณทันที
ภูธวินยิ้มระรื่น “พราว ภูคุยกับพนักงานแล้วนะ เดี๋ยวเขาจะมาเรียกเก็บบิลในส่วนของลลินที่พราว พราวคงไม่รังเกียจเนอะที่จะออกให้ลลินเขาสักหน่อย”
ว่าที่ทันตแพทย์หญิงลลินทิพย์ยืนกอดอกมองแพรพรรณอย่างเหนือกว่า “นั่นสิ เธอได้ยินตั้งชั้นหนึ่ง ส่วนฉันได้บินแค่ชั้นประหยัดพรีเมียม เพื่อนร่วมสถาบันเดียวกันเธอคงไม่คิดอะไรหรอกเนอะ ได้ข่าวว่าตระกูลของพ่อเธอก็มีเงินทิ้งไว้ให้ตั้งมากมาย กินใช้ก็ไม่หมด แค่ออกเงินให้เพื่อนสักหน่อยคงไม่กระเทือนขนหน้าแข้งหรอก” ลลินทิพย์นั่งไขว่ห้าง มองแพรพรรณด้วยสายตากดดัน
แพรพรรณยิ้มเย้ย “ฉันไม่แปลกใจเลยสักนิดทำไมเธอถึงมีนิสัยชอบเอาเปรียบคนอื่นแบบนี้”
ลลินทิพย์หน้าชา
ชายหนุ่มลูกครึ่งคนเดิมที่เคยสนทนากับแพรพรรณเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เงยหน้าจากหนังสือพิมพ์ฟังการตอบโต้ของทั้งสองฝ่าย สายตาจับจ้องแพรพรรณด้วยความสนใจ ว่าเธอจะตอบโต้กลับอย่างไร
แพรพรรณบรรจงวาดรอยยิ้มบนใบหน้าคล้ายเยาะเย้ย “แม่ของ
เธอก็แย่งทุนที่จะไปฝรั่งเศสของฉันมาให้เธอ เพราะเธอไม่มีความสามารถในการสอบชิงทุนได้ พอผู้สนับสนุนใจดีเขามอบทุนให้ฉันไปสวิตเซอร์แลนด์แทน เธอก็ทนไม่ไหวจนต้องหาทางเอาเปรียบฉันอีกรอบ”
“...”
“ถ้าเธอจะกินอาหารในเลานจ์นี้มันคือสิทธิ์ของเธอนะลลิน แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับให้ฉันจ่ายให้ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันอาจจะต้องรายงานเรื่องนี้ต่อท่านอธิการบดีถึงนิสัยของเธอ หรือถ้าใครต่อใครมาเห็นเธอเอาเปรียบฉันแบบนี้ งั้นฉันก็คงต้องตอบความจริงว่าลูกสาวท่านรัฐมนตรีสารัช เอารัดเอาเปรียบแม้กระทั่งเพื่อนร่วมคณะ แย่งทุนคนอื่นเขาไปอย่างหน้าไม่อาย” แพรพรรณตั้งใจเน้นคำพูดทุกประโยคด้วยน้ำเสียงดังหนักแน่น จนพนักงานต้อนรับประจำเลานจ์ต่างหันหน้าเข้าหากันซุบซิบกันอย่างสนุกปาก
“พราว คุณไม่ควรพูดแบบนี้นะพราว” ภูธวินเสียงแข็งใส่เธอ
แพรพรรณไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน เธอเองก็ตั้งตัวไม่ถูกเหมือนกัน เธอลุกขึ้นยืนและตอบเขาน้ำเสียงหนักแน่น “พราวยืนยันคำเดิมนะคะภู พราวไม่ออกเงินให้ลลินทิพย์แม้แต่บาทเดียวเด็ดขาด อีกอย่างคุณกับพราวก็จดทะเบียนเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย หากว่าสิ่งที่พราวพูดมันรุนแรงเกินไป แล้วสิ่งที่ลลินทิพย์พยายามเอาเปรียบพราวล่ะคะ คุณคิดว่ามันคืออะไรล่ะภู”
จังหวะที่ภูธวินกำลังจะกล่าวต่อว่าแพรพรรณ เสียงประกาศตามสายของสายการบินประจำชาติสวิตเซอร์แลนด์ดังขึ้น พนักงานปฏิบัติการภาคพื้นดิน[2] ดังขึ้น พร้อมกับพนักงานบริการประจำสายการบินที่คอยอำนวยความสะดวกให้แพรพรรณในการเดินทางครั้งนี้จนภูธวินและลลินทิพย์ต้องริษยา
“มันถือว่ามันมีทะเบียนสมรส เหอะ มันไม่รู้อะไรซะแล้ว ทะเบียนที่มันถือน่ะไม่มีค่าด้วยซ้ำ!” ลลินทิพย์นั่งกอดอกด้วยความขุ่นเคืองหลังจากที่แพรพรรณเดินออกไป โดยที่คำพูดทุกคำของเธอนั้นลอยเข้าไปกระทบหูของชายคนเดิมเต็ม ๆ
“เชิญครับคุณอีวาน” พนักงานภาคพื้นของสายการบินดังขึ้น ภูธวินหันไปมองเจ้าของชื่อด้วยความสนใจ เจ้าของชื่อคนนั้นคือชายคนเดิมที่พยายามมองแพรพรรณอย่างแปลก ๆ เมื่อสักครู่แล้ว ความรู้สึกบางอย่างในใจของเขากำลังทำให้ภูธวินขุ่นเคืองโดยไม่รู้ตัวอีกครั้ง
“เอ่อ รบกวนคุณผู้โดยสาร ชำระค่าบริการเลานจน์ส่วนที่เหลือด้วยนะคะ” พนักงานประจำเลานจ์เดินเข้ามาบอกด้วยรอยยิ้ม ลลินทิพย์ไม่มีทางเลือกจึงยื่นบัตรเครดิตส่งให้กับพนักงานไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง
ยัยแพรพรรณไปได้อะไรดีมาจากไหน ทำไมเธอต้องเป็นรองตลอด!
[1] ภาษาสากลเรียกว่าบอร์ดดิ้งพาส (Boarding Pass) คือเอกสารที่อนุญาตให้ผู้โดยสารใช้ในการผ่านขึ้นเครื่องบิน ในสายการบินที่ได้ทำการจองบอร์ดดิ้งพาสเอาไว้ แตกต่างจาก E – Ticket ที่เป็นเอกสารยืนยันการเดินทาง ส่วนบอร์ดดิ้งพาสคือเอกสารยืนยันการขึ้นเครื่อง โดยบอร์ดดิ้งพาสจะแสดงรายละเอียดของผู้โดยสารในเที่ยวบินนั้น ๆ ได้แก่ ชื่อ - นามสกุล วันที่เดินทาง หมายเลขประตูขึ้นเครื่องบิน และเลขพาสปอร์ต ฯลฯ
[2]Ground Staff หรือกราวนด์ สต๊าฟ คือพนักงานปฏิบัติการภาคพื้นดินของสายการบินแต่ละแห่ง
ความคิดเห็น