คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : อีกแล้วหรือ
ตอนที่ 6 อีกแล้วหรือ
มนตราอุ้มน้องชายเดินตรงไปยังทางเข้าหมู่บ้าน เธอเดินตรงไปหาลุงเจ้าของเกวียนที่ยืนป้อนหญ้าให้วัวอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
"ข้าขอร่วมเดินทางไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ"
ลุงหวังเป็นชายชราที่อยู่มานาน เขาไม่มีแรงทำไร่ทำนาแล้ว จึงเอาวัวเกวียนที่มีอยู่ออกมารับส่งชาวบ้านเข้าเมืองหารายได้ช่วยบุตรชาย
"อ้าว..นางหนูขึ้นมาสิ ลุงหวังไม่คิดเงินหรอก หน้าตาเขียวช้ำเช่นนี้คงถูกนางเฉียนตีมาอีกแล้วละสิ"
ลุงหวังเห็นหญิงสาวมาตั้งแต่ยังเด็ก เขาอายุมากแล้วเจอเรื่องแปลก ๆ มาตั้งมากมาย ไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนในหมู่บ้านถูกหมีป่าฆ่าตายเสียหน่อย เด็กมันไม่รู้เรื่องอะไรด้วย กลับถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวกาลกิณีไปเสียได้
มนตราในร่างฉินฉินมีความทรงจำเกี่ยวกับชายชราตรงหน้าอยู่บ้าง เขามักจะจอดแวะรับนางกับน้องชายทุกครั้งที่เจอ ไม่เคยปล่อยผ่านถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจดีก็ตามว่า เด็กตัวน้อยทั้งสองไม่มีเงินจ่ายตน
หญิงสาวฉีกยิ้มกว้างให้เขา นางต้องตอบแทนชายชราใจดีผู้นี้ให้ได้ มีเพียงเขาและผู้เฒ่าที่อายุมากแล้วเท่านั้นที่ไม่รังเกียจหญิงสาว
"ลุงหวังวันนี้ข้าอยากเข้าเมืองเจ้าค่ะ..ข้าขอตอบแทนท่านที่ตลอดหลายปีมานี้ท่านให้ข้าขึ้นเกวียนวัวของท่าน โดยไม่เก็บเงินข้าสองพี่น้องแม้แต่อีแปะเดียว"
หญิงสาวหยิบเงินหนึ่งตำลึงทองออกจากถุงเงิน แล้วส่งสองมือให้ชายชรา ลุงหวังยิ้มเอ็นดูผลักมือหญิงสาวออก
"เจ้าเก็บไว้ซื้อยามารักษาหน้าของเจ้าเถิด หากปล่อยเอาไว้หน้าของเจ้าจะเสียหายเอาได้ อีกไม่กี่ปีจะออกเรือนแล้ว ถึงเวลานั้นเจ้าจะหลุดพ้นจากนางเฉียนไปมีชีวิตดี ๆ เถิดนะ"
หญิงสาวเห็นว่าชายชราเป็นห่วงอนาคตของตน หากนางยังยัดเยียดเงินให้เขาตอนนี้ ถึงอย่างไรเขาก็คงไม่ยอมรับเอาไว้
อ่า..ถ้าอย่างนั้นเธอคงต้องหาโอกาสที่เหมาะสมตอบแทนเขาในสักวัน หญิงสาวสาบานกับตนเองในใจ...ฉินฉินฉันจะตอบแทนให้เธอเองนะ
"ครั้งนี้ข้าจะยอมท่านก่อนแล้วกันนะเจ้าคะ แต่ครั้งหน้าท่านต้องรับน้ำใจนี้ไว้ มิเช่นนั้นข้าจะโกรธท่าน"
หญิงสาวแสร้งทำแก้มป่องเรียกเสียงหัวเราะจากลุงหวัง
"เอ้า ๆ เอาตามที่เจ้าว่า เอาอาเยี่ยนน้อยนอนบนเกวียนก่อน อีกสักพักเกวียนถึงจะออกเดินทาง ต้องรอดูว่ามีชาวบ้านคนอื่นมาขึ้นเกวียนหรือไม่ เจ้ารีบเข้าเมืองหรือไม่เล่านางหนู"
"ข้าไม่รีบเจ้าค่ะ"
ลุงหวังไม่สงสัยที่มาของเงินที่หญิงสาวมี เขาเชื่อใจว่านางเป็นเด็กดีไม่มีทางลักขโมยเงินของใครมา
หากเป็นแม่เลี้ยงของนาง รายนั้นแม้แต่คบชู้กับพรานป่าหมู่บ้านข้างเคียงนางยังกล้าทำ มีหรือเรื่องลักขโมยหากมีโอกาส นางย่อมลงมือทำแน่
ร่างเล็กอุ้มน้องชายนอนบนเกวียน จัดท่าทางให้เขานอนสบายที่สุด หญิงสาวก้มลงมองเท้าที่เปลือยเปล่าของตน
สตรียุคโบราณเช่นนี้เท่าที่เคยเรียนมา หากไม่ใช่สามีภรรยากันห้ามเปลือยเท้าให้ผู้อื่นเห็นเด็ดขาด เขาว่ามันไม่งามทำให้นางรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
ลุงหวังเห็นหญิงสาวเอาแต่ก้มหน้ามองเท้าตนเอง เขารู้ว่านางกำลังลำบากใจ ชายชราจึงขอตัวกลับไปที่บ้านชั่วครู่
"ข้าลืมของไว้ที่บ้าน เจ้าช่วยเฝ้าเกวียนให้ข้าได้หรือไม่"
หญิงสาวยิ้มยินดีก่อนเอ่ยตอบ
"ได้เจ้าค่ะ"
ลุงหวังยิ้มตอบพลางสาวเท้าเดินกลับบ้านของตนอย่างคล่องแคล่ว
มนตราถูกทิ้งให้ยืนอยู่คนเดียว ร่างเล็กมองทุ่งนาที่ยาวสุดลูกหูลูกตา โดยมีสายลมพัดโชยมาเย็นสบาย เกวียนวัวถูกจอดไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าประตูทางเข้าหมู่บ้าน คาดว่าต้นไม้นี้คงมีอายุราวห้าร้อยปีได้ ต้นสูงใหญ่เดา ๆ ว่าคงต้องใช้ร่างกายของบุรุษบึกบึนกำยำถึงหกคนโอบ
เธอชอบที่ยุคโบราณนี้มีอากาศดีมาก เพราะไม่มีมลพิษจากท่อไอเสีย ไม่มีสารเคมีปล่อยลงสู่แม่น้ำจากโรงงาน ไม่มีขยะทิ้งเกลื่อนอยู่ตามถนน
ทุกอย่างดีไปหมด..เสียอย่างเดียวคนยุคนี้ว่างเกินไป หลังจากทำไร่ทำนาเสร็จเหล่าสตรีถึงได้ว่างมากจนพากันจับกลุ่มนินทาผู้อื่น
สามีที่เป็นช้างเท้าหน้าเป็นเสาหลักของครอบครัวต่างพากันไปรับจ้างหารายได้เพิ่ม
เธอจะเอาอย่างไรต่อดี..เรียกได้ว่าคราวนี้เหมือนจะเริ่มต้นจากศูนย์ แม้จะมีเงินแต่ก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไรให้งอกงาม ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มต้นตรงไหนนี่สิ
ยังไม่ทันไรปัญหามากมาย ไม่ว่าจะคนที่จ้องเล่นงานหรือจ้องหาผลประโยชน์ ต่างวิ่งเข้าใส่เหมือนหมาบ้า ขนาดเธอมาอยู่ร่างนี้ได้แค่วันสองวันยังแทบทนไม่ไหว
"เด็กคนนี้ทนได้อย่างไรกันนะ ตลอดสิบสามปีที่ผ่านมาหลังจากบิดามารดาเสียชีวิตก็คงเหมือนตกนรกทั้งเป็น..เธอเก่งจริง ๆ ฉินฉิน ฉันยอมรับว่าเธอเก่งมากจริง ๆ"
หญิงสาวหาที่นั่งใต้ต้นไม้ที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาแก่ผู้คน สายตาของหญิงสาวว่างเปล่า เหม่อมองไปยังท้องทุ่งนาสีเขียว คิดวิธีเริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ราบรื่นและปลอดภัยที่สุด
เวลาผ่านไปสองเค่อ ชาวบ้านต่างพากันหอบหิ้วตะกร้ามาคนละใบสองใบเพื่อจะนำเข้าเมืองไปขาย
มนตราไม่มีอารมณ์จะเถียงกับใครแล้ว เธออุ้มน้องชายให้มานอนบนตักแก้ขัดไปก่อน
"อ้าว ๆ ๆ นั่นใช่ฉินฉินหรือไม่ ป้าได้ยินชาวบ้านเขาเล่ากันว่าเจ้าเปลี่ยนไป ดูอย่างไรเจ้าก็เป็นคนเดิม หน้าตามีแต่บาดแผลเหมือนเช่นทุกวัน นางน่าสงสารนะเจ้าว่าหรือไม่"
หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งไม่ทราบนาม เพราะเป็นพวกไร้ตัวตนไม่มีค่าพอให้จดจำยืนอยู่ท้ายเกวียนพูดฉอด ๆ ๆ ก่อนจะหันไปถามสหายที่มาด้วยกัน
"ใช่นางน่าสงสารมาก แต่ที่น่าสงสารยิ่งกว่าคือมารดาของนาง ดูสิเป็นห่วงบุตรสาวมากยอมเสี่ยงเข้าไปหาสมุนไพรในป่าลึก เป็นอย่างไรเล่าแม้แต่ชีวิตตนเองยังเอาไม่รอด"
"ตายจริง! ฉินฉินเหตุใดเจ้าถึงไม่ใส่ถุงเท้ารองเท้าเล่า..นางเฉียนใจร้ายเหลือเกิน นางปล่อยให้เจ้าออกมาสภาพนี้ได้อย่างไรกัน"
สุดท้ายฉินฉินที่ไม่อยากมีเรื่องเพิ่มในตอนแรกก็ทนไม่ไหว นางถลึงตาจ้องสตรีปากแดงปะแป้งหนาเตอะจนหน้าขาววอก หากไม่เห็นตะกร้าผักตะกร้าไข่ในมือของพวกนาง เธอคงคิดว่าผู้หญิงพวกนี้กำลังไปแสดงละครลิงแน่
"พวกท่านพูดจบหรือยัง..ว่างมากหรือมาพูดนินทาผู้อื่นต่อหน้าเช่นนี้ ดูฟันของพวกท่านสิเหลืองจนสามีที่บ้านเห็นยังแทบอาเจียนออกมา ให้ข้าเดานะพวกเขาคงจะไม่ร่วมรักกับพวกท่านนานแล้วสินะ..สตรีสกปรกเช่นนี้ขนาดข้ายังรังเกียจเลย"
ผู้คนที่นั่งอยู่บนเกวียนปิดปากหัวเราะเบา ๆ ส่วนคนที่ถูกพูดถึงทั้งสองกระทืบเท้าชี้นิ้วมาทางหญิงสาวที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้
"ข้ารึอุตส่าห์เป็นห่วง หากไม่รับน้ำใจก็แล้วไป เหตุใดต้องว่าร้ายกันด้วยเล่า"
มนตรายกมือปิดจมูกทำท่าเหม็นกลิ่นปากจนทนไม่ไหว
"อุ๊บ..แหวะ..เหม็นจะตายอยู่แล้ว ข้ารึอุตส่าห์เตือนท่านแล้ว ยังเรียกว่าไม่รับน้ำใจอีกหรือเจ้าคะ"
"นางเด็กปีศาจ เจ้ากล้าย้อนข้ารึ!"
"หยุด ๆ ข้ามาแล้ว นางหนูรับนี่ไปใส่เสีย"
ลุงหวังวิ่งกลับมาห้ามทัพ ก่อนจะเดินมายื่นห่อผ้าให้ฉินฉินที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ หญิงสาวรับเอาไว้ เมื่อเปิดออกดูก็เห็นถุงเท้าสีขาวคู่หนึ่งกับรองเท้าฟางอีกสองคู่ มีทั้งของนางและของน้องชาย
"ลุงหวังนี่คืออะไรเจ้าคะ"
"เจ้ารับไว้เถิดของลูกสาวข้าเอง นางไม่ได้ใช้แล้ว นางฝากมาให้เจ้า ส่วนรองเท้าฟางอันเล็กนั้นบุตรชายข้าเป็นคนทำขึ้นมาให้อาเยี่ยนน้อยเอง"
"ลุงหวังท่านจะใจดีกับนางเด็กอัปมงคลนั่นไปทำไม เดี๋ยวท่านก็โดนลูกหลงไปด้วยหรอก"
ลุงหวังหันกลับไปมองสตรีที่ยืนถือตะกร้าไข่
"หากนางเป็นเด็กอัปมงคลดังที่เจ้าว่า เหตุใดตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ชาวบ้านมากมายที่ก่นด่านางไม่เห็นจะโดนลางร้ายเล่นงานเล่า พวกเจ้าโตจนมีลูกมีเต้าแล้วกลับงมงายเชื่อเรื่องไม่เป็นเรื่อง มีแต่ปากพวกเจ้านี่แหละที่จะนำพาความโชคร้ายมาให้หมู่บ้าน"
มนตราแอบสะใจเล็กน้อย ลุงหวังผู้นี้พูดทีเดียวทำเอาคนทั้งเกวียนสะอึกกันเป็นแถว ไม่มีใครกล้าเถียงผู้อาวุโสอีก
"เอ้านางหนูรีบใส่สิ..เกวียนจะออกแล้ว"
"ขอบพระคุณท่านลุงหวังมากนะเจ้าคะ"
มนตราในร่างเด็กน้อยฉินฉินใส่ถุงเท้ารองเท้าให้ตนเองเรียบร้อยด้วยความว่องไว ก่อนจะปลุกน้องชายให้ใส่รองเท้าขึ้นไปนั่งบนเกวียน
บนเกวียนนั้นชาวบ้านต่างพากันนั่งเบียดเสียด จึงเหลือพื้นที่กว้างให้สองพี่น้องได้นั่งอยู่ท้ายเกวียนอย่างสบาย ๆ
ลุงหวังเห็นดังนั้นก็ส่ายหน้าเล็กน้อย ผู้คนเหล่านี้เห็นแล้วว่าเกินจะเยียวยาจริง ๆ ต่างพากันงมงายไม่เข้าเรื่อง ยังดีที่บุตรชายและบุตรสาวตนไม่เชื่อเรื่องไร้สาระเหล่านี้ จนทำให้กลายเป็นคนเห็นแก่ตัวเช่นผู้อื่น
ความคิดเห็น