คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ก ร ะ สุ น นัด เ ดี ย ว 'วันแรกที่เราเจอกัน II' (อัปครบ)
คำเตือน :นิยายเรื่องนี้เป็นความคิดจากงานเขียนไม่มีอยู่จริง เนื้อหาค่อยข้างละเอียดอ่อน
ตัวละครมีมุมมองต่างกัน หากมีหักดิบบ้าง หวานบ้าง เถื่อนบ้าง ดราม่าบ้าง
ทุกสถานการณ์ขึ้นอยู่กับการดำเนินเรื่อง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านตามความชอบ
กลุ่มลับ ในเพจ
EPISODE ๐.๖
ก ร ะ สุ น นัด เ ดี ย ว 'วันแรกที่เราเจอกัน ll'
“หมาที่มึงพูดก็เป็นคนในครอบครัว ‘ยักษ์ศักดิ์ติยศ’ เป็นลูกชายของเจ้าสัวพงษ์พัฒน์คนที่เป็นหุ่นส่วนของมหา’ลัยในจังหวัดนี้ทั้งหมด
“…”
“ถ้ามึงไม่สนใจพ่อหมามึงสนใจพี่หมาอย่างกูก็ได้”
อึก
เสียงกลืนน้ำลายดังขึ้น พวกที่พร้อมบวกกลับขยับถอยหนีกันไปหมด ตอนนี้เหลือเพียงแค่หัวหน้ากลุ่มทั้งสาม
“กะกูไม่เอาด้วยแล้วเว้ย” ไอ้กลุ่มที่สองพูดวิ่งชิ่งหนีออกไป
“กูกะก็ไม่ขอยุ่งแล้วสัส” ตามด้วยกลุ่มที่สาม
ณ จุดตรงนี้มีแค่ผมพักพวกไอ้จักรวาลและไอ้สืบ
“มึงปล่อยผู้หญิงมา” ผมไม่สนว่าไอ้จักรวาลจะมาเสือกอะไรยังไงแต่ผู้หญิงคนนั้นกำลังแย่ เธอดูป่วยจริง ๆ ใบหน้าเล็ก ๆ ดูอ่อนแอชัดมัด
ขัดหูขัดตา
ตึก
ผมขยับเท้าเข้าไปหาไอ้สืบแต่มันขยับหนีออกไปห่าง
“มึงเข้ามากูตบอีนี้โชว์จริง ๆ ด้วย” ไอ้เวรนี่พล่ามจนผมหงุดหงิด
“มึงจะปล่อยไม่ปล่อย” ผมไม่ชอบพูดซ้ำรำคาญ ไอ้สืบจึงหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหาพักพวกแต่มันกลับว่างเปล่า “มึงไม่ปล่อยกูจะตามไปกระทืบถึงแม่มึง” ผมไม่ได้ขู่ผมเอาจริง
“สัส!. มันสบถคำก่อนจะผลักผู้หญิงคนนั้นใส่ผม
ตุบ!
เธอคนนี้หมดสติไปแล้ว
“มึงขยันมึงเรื่องจังเลยนะไอ้น้องเวร”
หมับ!
สิ่งที่ทำให้ผมเกลียดพอ ๆ กับพ่อก็คือพี่ชายอย่างไอ้จักรวาล ผมเกลียดที่มันหวังดีทำเป็นพี่ที่แสนเพื่อช่วยเหลือน้องที่มีปัญหาอย่างผม
“มึงกลับบ้านบ้างพ่อเป็นห่วง” ฝ่ามือร้อนตบไหล่ผมสองสามทีจากนั้นก็เดินจากไป
ผมกลับมาที่ห้องพัก ห้องเช่าขนาดเล็กมีพวกเพื่อนมั่วสุ่มเสพยาอยู่
“ออกไป” ผมไล่เพื่อนที่ไม่สนิทออกไปทันที พวกมันมีอาการตาเบลอเหม่อลอยแต่ยังมีสติ
“จะเอาสาวมาเยก็ไม่บอก” ไอ้เวรหนึ่งพูดทิ้งท้ายแล้วออกจากห้องผม
กริ๊ก
ผมล็อคประตูห้องวางร่างเล็กบนเตียงนอน พร้อมโยนเสื้อผ้าที่ใช้แล้วออกไป ผิวเธอค่อยข้างขาวแลดูซีด ผมเห็นรอยฝ่ามือขนาดใหญ่อยู่บนใบหน้าขาว ดวงตากลมโตกลับปิดสนิท การหายใจเข้าออกยังคงสม่ำเสมอ
ผมคงคิดว่าเธอตกใจจนหมดสติถึงได้ควักแบงค์ร้อยออกมาสองใบเพื่อออกไปซื้อข้าวและของอื่น ๆ และเมื่อกลับมาถึงห้องผมเห็นเธอคนนั้นมองรูปฝาผนังห้องผม มันเป็นรูปที่ผมวาดเองกับมือ
“นะนาย” เสียงเล็กฟังดูขัดหูขัดตาเอ่ย เธอไม่ได้สบตากับผมหรอกแต่มองไปยังรูปที่ว่า “นายวาดเองเหรอ” เธอถามพร้อมกับการเอี้ยวตัวกลับมาในตอนที่ผมเดินเข้าไปเพื่อวางข้าวต้มให้เธอ
ตึกตัก ตึกตัก
เสียงหัวใจเล็ก ๆ เต้นไม่เป็นจังหวะ สายตาหวานคู่นั้นกำลังลดลงเมื่อเราอยู่ใกล้กัน
“กินซะ” ผมบอกผละตัวออกไปยืนข้างประตูห้อง ห้องผมไม่ได้ใหญ่มากหรอกแค่อยู่ได้ ยิ่งอยู่กันสองต่อสองก็ยิ่งทำให้เธออัดอึด
ผมจึงเลือดเปิดประตูออกไปแต่
“ดะเดี๋ยวสิ” ปากเล็ก ๆ ขยับพูดอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ เธอเม้มริมฝีปากไว้แน่นสองมือกำไว้ตลอด
“อะไร” ผมถามมองรอบห้องไม่ได้สนใจอะไรพิเศษแค่รอฟังว่าเธอจะพูดอะไร
“อยู่เป็นเพื่อนฉันได้มั้ย” นี่มันคือการร้องขอเหรอ
ผมกำลังมองผู้หญิงคนหนึ่ง เธอเป็นคนแรกที่ทำให้สมองผมโล่งไปหมดเลย นี่คงเป็นครั้งแรกที่มีคนต้องการความช่วยเหลือจากผม
“ฉันขอบใจนายที่ช่วยฉันไว้นะ” ร่างบางขยับร่างเบี่ยงหน้าออกไปทางซ้ายเมื่อเห็นว่าผมลากสายตามองเธอ “ฉันขอบใจจริง ๆ”
“อือ กินข้าวกินยาซะเธอจะได้กลับบ้าน” ผมพูดทั้งที่ไม่ได้รับปากเธอ แต่ผมก็ยังคงยืนเฝ้ามองเธอกินข้าวจนหมด
เวลาผ่านไปสักพักผมมาส่งเธอที่ห้อง เธออยู่คอนโดกับเพื่อคนที่ขอร้องให้ผมช่วยเธอไว้
“ปลายรุ้ง” หญิงสาววิ่งโอบกอดร่างเล็กจนเธอเซเล็กน้อย ผมมองภาพนั้นไม่เกินสามวิก่อนจะเดินจากมา
หลายวันผ่านไป
ชีวิตผมยังคงอยู่ในเส้นทางเดิม ผมคงคิดว่าเรียนไปให้จบ ๆ และให้ชีวิตให้เละเพราะมันก็เละมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“เห้ยไอ้กระสุนมีผู้หญิงมาหามึงวะ”
“ใคร” ผมถามในตอนที่กระดกเหล้าเข้าปาก ตอนนี้ดึกมากแล้วใครมันจะกล้ามาหาผมที่ห้องวะ
“กูไม่รู้แต่สวยมากวะ” เพื่อนผมบอกทำให้ผมเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะลุกออกดูไป “เห้ยเบา ๆ หน่อยนะเว้ยกูดูน้องเขาเป็นคุณหนูวะ”
ผมไม่สนคำห่าอะไรนอกจากเปิดประตูเดินออกไป ภาพตรงหน้าเป็นหญิงสาวคนเดียวกันกับที่เจอเมื่อหลายวันก่อน
“เธอมาที่นี้ทำไม?” นั่นคือคำพูดที่อยู่ในหัวของผม
“ฉะฉัน..” อาการกล้า ๆ กลัว ๆ ทำให้เพื่อนของผมที่อยู่ในห้องชะเง้อหน้าออกมามอง
“ถ้าน้องเขากลัวมึงก็แค่โอบกอด” พวกมันเริ่มเสี้ยมผมจึงเอื้อมมือ
ปัง!
ผมปิดประตูอัดใส่หน้ามัน ผมไม่สนว่าไอ้เวรนั่นจะพูดอะไรต่อ สิ่งที่มันพูดเมื่อกี้คือการไม่ให้เกียรติคนตรงหน้าผมเลย
ถามว่าผมแคร์ไหมก็ไม่..เพียงแต่เธอคนนี้ผ้าขาวเกินไป
“มีอะไร” ผมถามด้วยเสียงห้าว ๆ ผมเป็นคนไม่ค่อยสุ่งสิงกับผู้หญิง ก็มีให้เล่นผ่านไม่ได้มีเป็นตัวเป็นตนหรอก
“ฉันมาหานาย” เธอพูดออกมาชัดพร้อมกับการเงยหน้ามองผม แววตานั้นกำลังสื่ออะไรบางอย่างออกมา “สองวันก่อนฉันเจอคนที่นายมีเรื่องด้วย”
“…”
“เขาสะกดรอยตามฉัน..เขาบอกให้ฉันมาล่อนายไปให้เขาตะแต่ฉันปฏิเสธ..เขาเลยเปลี่ยนตามราวีฉจนฉันทนไม่ไหวถึงได้มาหานาย”
คำพูดเรียบปนไปด้วยความกลัว ผมฟังรู้ว่าเธอไม่ได้โกหก ผมอายุแค่ยี่สิบสามปี อนาคตไม่มี เส้นทางตรงหน้าว่างเปล่า ผมไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาขอฝากชีวิตไว้ด้วย
“เธอควรไปแจ้งตำรวจ” ผมบอกไม่อยากยุ่งกับเธอแต่
หมับ!
ตอนนั้นเองข้อมือหนาของผมถูกรั้งด้วยปลายนิ้วเล็ก ๆ ทำให้ผมเอี้ยวตัวหันกลับไปมองเธอ
“นายไม่ใช่คนเลว”
“หึ” ผมแสยะยิ้มทันทีที่ได้ยิน เธอคนนี้รู้จักผมดีเหรอถึงได้พูดออกมา ผมเป็นคนดี? การที่ผมช่วยชีวิตเธอไว้หนึ่งครั้งเธอกลับมองว่าผมเป็นคนดี?
ผมกระดกลิ้นหนึ่งครั้งถอนหายใจอย่าอดกลั้น
“เธอเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า” ผมหลุบตาต่ำมองเธออย่างรำคาญ “ถ้าฉันเป็นคนดีแล้วทำไมพวกมันถึงได้ไล่กระทืบฉัน” ผมถาม ผู้หญิงคนนี้หน้าซีดไปชั่วขณะจากนั้นรอยยิ้มกลับมาแล้วพูดกับผมว่า
“นายไม่ได้เลวโดนสันดานแต่นายทำเพื่อป้องปกตัวเอง”
ปกป้องเหรอ หึ คนอ่อนต่อโลกเท่านั้นที่คิดแบบนั้นได้ ผมเห็นคนพวกนี้มานักต่อนักแล้ว
“นายเปลี่ยนได้ฉันเชื่อ” ผู้หญิงที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าคนนี้เนี่ยนะจะมาเปลี่ยนผม เธอเป็นใครมาจากไหนถึงได้ใจกล้ามายุ่งกับคนเลว ๆ อย่างผม…คนที่ครอบครัวไม่ต้องการ
“…”
“ให้ฉันลองหน่อยเถอะ ถ้าฉันเปลี่ยนนายไม่ได้ฉันก็จะยอมรับว่านายเลวโดนสันดาน”
เพราะไอ้คำพูดปลอบใจทำให้ผมแน่นิ่งไปในที่สุด
“นายเงียบถือว่าตกลงนะ”
แล้วคำว่าตกลงจากวันนั้นจนถึงวันนี้มันก็ผ่านมาเกือบสี่เดือน เธอคนนี้ก็ยังไม่ไปจากผมไป ความสัมพันธ์ของเราค่อยข้างเรียบและมันไม่ได้ดีนักเหรอเพราะผมยังคงใช้ชีวิตเลว ๆ อยู่
ก๊อก ก๊อก
กริ๊ก
“ตื่นไปมหา’ลัยกันเถอะกระสุน” มันเป็นแบบนี้มาตลอดทั้งแต่สี่เดือนคำตอบที่ปลายรุ้งได้รับก็คือ
“ไม่ไปฉันจะนอน” ผมบอกซุกหน้าเข้ากับหมอนพร้อมนอนคว่ำ ไม่สนว่าปลายรุ้งจะยังไงต่อ
“นายนอนมาตลอดชีวิตแล้วนะตื่นไปสอบเดี๋ยวนี้!” เธอใช้เสียงสูง เท้าบางกำลังขยับมาใกล้เตียงผม
ช่างกล้า ผมพึมพำ
เพียะ!
แต่แล้วความคิดผมเป็นอันต้องจบเพราะฝ่ามือขนาดเล็ก มันตบเข้าที่แขนจนผมพลิกตัวนอนหงายมองหน้าเธอ
“อวดดี” ผมเลิกคิ้วขึ้นใช้สายตาดุดันมองจนเธอขยับตัวห่างจากเตียง “เข้าห้องฉันไม่กลัวฉันปล้ำ” ผมแค่อำเธอเล่นหรอก เห็นหน้าเล็กซีดที่ไรใจมันตื่นเต้นดี
สิ่งที่ปลายรุ้งทำก็คือหน้าเหวอมาก
“นายไม่ทำฉันหรอก” ไอ้อาการมั่นอกมั่นใจเธอไปเอามามันจากไหนกัน เห็นเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แต่ก็ไม่กลัวอะไรเลย
“…”
“เอ้าจะมองหน้าอีกลุกไปอาบน้ำเลยกระสุน” นี่เธอกำลังสั่งผมเหรอ “ลุกเดี๋ยวนี้นะเดี๋ยวนายเข้าห้องสอบสายอีกหรอก” คราวนี้ปลายรุ้งสั่งด้วยการชี้นิ้ว ผมนั่งมองเธอจนถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจลุกจากเตียงนอนและตอนนั้นเอง
กริ๊ก
“เห้ยไอ้กระสุนไปเล่นของกัน” เสียงมาพร้อมการเสนอหน้า ของที่ว่าก็คือยาเสพติด “อ้าวโทษทีกูไม่รู้ว่ามึงมีเด็ก” มันเน้นคำว่าเด็กจากนั้นผ่อนสาตาลงมองกระโปรงของปลายรุ้ง
ไอ้เวรกำลังทำให้ผมหงุดหงิด
“ออกไป” ผมสั่งและมันก็ต้องทำเพราะห้องนี้เป็นห้องผม
“เห้ยกูแค่ชวนมึงจะใส่อารมณ์กับกูทำไมวะ” ผมสามารถมองข้ามทุกอย่างได้แต่ต้องไม่ใช่เรื่องนี้ “ตกลงมึงจะไปมั้ย”
เมื่อมันเห็นว่าผมไม่ตอบอะไรมันถึงได้ยืนกระดิ้นเท้าตรงหน้าตู้ห้อง ปลายรุ้งเองกลับขยับตัวมาที่เตียงนอนของผม
ผมเห็นเธอมองปลายเท้าตัวเอง เธออยู่ในชีวิตผมก็จริงแต่เพื่อนของผมไม่เคยอยู่ในชีวิตเธอ
“มึงออกไป” ผมตัดบทส่งสายตาสุดท้ายเป็นคำขาด
“เออ” มันพยักหน้าด้วยการส่งยิ้มให้ปลายรุ้ง
กริ๊ก
มันออกไปแล้วแต่ปลายรุ้งกลับนิ่งเงียบ เธอจะอยู่ส่วนไหนของโลกก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ห้องของผม
“รอฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึง”
พรึบ
ผมบอกกระโดนลงจากเตียงนอน ใบหน้าปลายรุ้งกดแนบชิดแผ่นอกผมอย่างบังเอิญซึ่งเธอเองสะดุ้งไปทั้งตัวก่อนจะถอยห่างออกไป
ผมเองมองหน้าเธอพลางหยิบเสื้อที่พาดอยู่บนเก้าอี้มาสวบทับหลวม ๆ
“ไม่ต้องไปใส่ใจนักหรอก” ผมหมายถึงเรื่องไอ้เวรนั้น ตามด้วยเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมาตามด้วยกระดก
ความเย็นของน้ำทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น ผมเริ่มสร่างเมา เมื่อคืนผมเมาหนักมาก หลับก็เกือบเช้าด้วย
“จะให้ส่งที่มอหรือที่คอนโด” ผมพูดกับเธอหลังจากดื่มน้ำชุ่มคอ ปลายรุ้งมองผมเชิงไม่เข้าใจ ริมฝีปากบางกดเม้มเป็นเส้นตรง
เอาจริงตลอดสี่เดือนที่ผ่านมา ปลายรุ้งเปรียบเสมือนผ้าขาวในสายตาผม เธอมีครอบครัวที่ดี มีเพื่อนที่รัก มีสังคมที่น่าอยู่
ผมกำลังจะบอกว่า..มันต่างจากโลกของผม เธอบอกจะเข้ามาเปลี่ยนแต่ผลที่ได้คือผมมองข้ามในความหวังดีของเธอไป
ผมปฏิเสธความหวังดีจนบางครั้งปลายรุ้งหายไปจากผมเกือบหนึ่งอาทิตย์ ผมไม่ตามเธอหรอก ผมใช้ชีวิตเหี้ย ๆ จนคืนหนึ่งผมเมามาก คืนนั้นผมไปดื่มกับเพื่อนมาและวันนั้นไม่รู้ว่าไอ้ห่าตัวไหนมันเป็นคนโทรหาปลายรุ้ง
ผมเคยไล่เธออกไปจากชีวิตแล้ว ผมบอกให้เธออกไปชีวิตผมซะ เธออยู่กับผมมันไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอกแต่ปลายรุ้งกลับยืนยันจะอยู่กับผม เธอยังคงยืนหยัดให้ผมเปลี่ยนแปลงชีวิตบัดซบนี้
ด้วยความที่เธอดีเกินไปส่วนผมเลวเกินปรับเปลี่ยน การไล่เธอเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด เราไม่ควรเจอกันเราสองคนไม่ควรรู้จักกัน ผมอยู่ในโลกของผมส่วนเธอควรกลับไปอยู่ในโลกของเธอ
“นายหมายความว่าไง” เราเงียบกันไปสักพักปลายรุ้งถึงได้เอ่ยถาม ใบหน้าเธอดูซีดทุกครั้งที่ผมไล่
ใช่ผมไมได้พูดว่าไล่แต่การที่ผมบอกว่าจะไปส่งนั้นหมายความว่าเธอไม่ควรอยู่ในที่ตรงนี้อีกแล้ว สุดท้ายเธอกับผมเราจะลงเอ่ยด้วยการทะเลาะ
“ฉันไม่ไปไหนทั้งนั้น” เธอบอกด้วยการส่ายหน้าจนเส้นผมมันปลิวไปตามแรงเหวี่ยงของเธอ “นายจะไล่ยังไงฉันก็ไม่ไป”
ดื้อ
ผมกำลังมองผู้หญิงคนหนึ่ง ผมเคยถามตัวเองหลายครั้งหลายซ้ำ ๆ กันทุกครั้งว่า ทำไมเธอถึงโง่แบบนี้นะ ผู้ชายบนโลกใบนี้มันทั้งเยอะทั้งแยะทำไมเธอถึงได้โง่มาอยู่ในชีวิตผมอีก
ผมทั้งดื่มทั้งอัพยาให้เธอเห็น ผมเคยทะเลาะกับเพื่อนในวงเหล้าซึ่งเธอก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ผมไม่เคยถามเธอตรง ๆ หรอกว่าทำไมถึงรั้งที่จะอยู่
แต่การที่มีเธอมันทำให้ผมเลือกที่จะฟัง
ตลอดสี่เดือนที่ผ่านมานอกจากเธอจะอยู่ในชีวิตของผมแล้วปลายรุ่งยังขู่เข็นบังคับให้ผมกลับไปหาครอบครัวซึ่งตอนแรกผมยืนยันหนักแน่นว่าให้ตายยังไงก็ไม่ไปเด็ด
จนสุดท้ายปลายรุ้งทำให้ผมกลับไปที่บ้านจนได้ บ้านที่ผมไม่เคยมองว่าเป็นบ้าน บ้านทีผมไม่เคยเหยียบกลับไปทั้งแต่ออกมา พ่อกับแม่ที่ผมคิดว่ารักแต่ลูกคนอื่น พี่ชายพี่สาวที่ผมเกลียดนักเกลียดหนา ทุกอย่างเกินจากอคติของผมล้วน ๆ
“ต่อให้นายไล่ฉันยังไงฉันไม่มีทางไปเด็ด!” ตัวเล็กแค่นี้ยังมีหน้ามาขู่
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจส่ายเท้าไปหาเธอ ปลายรุ้งดูระแวง เธอกลัวว่าผมจะลากเธออกไปและใช่เธอคิดถูก คราวนี้ผมคิดจริง ๆ ว่าเธอควรออกไปจากชีวิตผมสักที
หมับ!
“ไม่ไปไงกระสุน” เสียงเล็กมาพร้อมกับการดิ้น เธอพยายามสะบัดการจับกุมข้อมือของผมออก สีหน้าบอกได้ชัดว่าไม่
“ดื้อ!. ผมดุใช้ปลายนิ้วกดข้อมือเล็กจากนั้นเปิดประตูห้อง
“อ้าว” ไอ้เวรนั้นยังอยู่ มันยืนรอผมหน้าห้องและเมื่อมันเห็นผมลากปลายรุ้งออกมามันถึงได้ส่งเสียงทัก “มึงจะทำอะไรน้องเขาวะ” น้ำเสียงฟังดูห่วงใยแต่ที่ไหนได้สันตีน
“เสือก” ผมจบประโยคนั้นด้วยการลากปลายรุ้งออกมา
ปึก!
ตุบ!
ผมคิดว่าเธอดิ้นแรงเกินไปแล้ว เธอกำลังตีผมไปทุกส่วนของร่างกาย น้ำตากำลังปริ่มจากขอบดวงตา ปลายเท้ากำลังฝืนยึดอยู่กับพื้น
“อย่าดื้อเธอไม่รู้หรอกว่ามันเสียเวลา” ผมพูดทั้งที่ลากร่างเล็กมาอย่างไว เรากำลังเดินมาถึงหน้าลิฟต์
ปึก!
“บอกว่าไม่ไปไงไม่ไปอ่ะไม่เข้าใจเหรอฟังภาษาไทยเป็นมั้ยบอกว่าไม่ไปไง!” เธอพูดออกามรัว ๆ ผมกำลังหมดความอดทนกับเธอถึงได้กระชากแขนขนาดเล็กเข้าใกล้ตัวเอง
ปึก!
ไหล่เธอกระทบหน้าอกผมอย่างจัง ใบหน้าแดงก่ำกำลังเงยหน้ามองผม
“เธอเข้าใจฉันมั้ยว่าฉันไม่ต้องการเธอ” ความรู้สึกเล็ก ๆ ทำให้ผมเจ็บ ผมรู้ว่าผมคิดยังไงกับเธอแต่มันคงเป็นไปไม่ได้
ผมเลวเกินไปแล้ว
สิ่งที่ปลายรุ้งทำหลังจากที่ได้รับคำตอบ เธอกำลังเม้มริมฝีปาก หน้าตาจากแดงก่ำกลับกลายเป็นร้องไห้
เธอกำลังร้องไห้ต่อหน้าผม
“…”
“นายมันใจร้าย คนอุตส่าห์หวังดีทำดีด้วยนายมันไร้สามัญสำนึกนายมัน…”
พรึบ
ตอนนั้นเองตัวผมเซไปทางซ้ายเล็กน้อย การกดแนบใบหน้าลงแผ่นอกทำให้ผมอึ่งไปหลายวินาที ปลายรุ้งกำลังร้องไห้อยู่เหรอวะ
“นายมันเลว”
“…”
“นายมันคนไม่มีหัวใจ”
ผมไม่ได้เป็นคนไร้หัวใจนะครับ ผมเจ็บเป็นแต่เธอไม่ควรเจ็บเพราะผม
อัปครบ
ไรท์ไม่รู้จะพูดอะไรดี เอาเป็นว่านัดเดียวลูก สู้เค้านะหนู
#ตอนนี้ไม่มีนัดเดียววว
1 เม้น 1 กำลังใจเด้อทุกคนนนนนนนน
ความคิดเห็น