Codex Cosmos

ลำดับตอนที่ #52 : Barsen บาร์เซน

Barsen 

“ กว่าหลายชั่วอายุคนยาวนานจนไม่อาจบันทึกได้ บาร์เซน ดำรงอยู่ในฐานะผู้พิทักษ์แห่งแสง สันติภาพ และ ความยุติธรรม และทุกสิ่งที่โชคชะตาเรียกขานและชี้นำเราให้เป็นเพื่อเติมเต็มหน้าที่อันยาวนานของเรา จากนี่และตลอดไปชีวิตของเรามีเพื่อดำรงไว้เพื่อแสงสว่าง ใต้การรับใช้อันไร้จุดสิ้นสุด” 

กล่าวโดย บาร์เซน'ธอร์  ไทโรเคน ฮอร์ฟิน 

บาร์เซน คือนิกายโบราณของเหล่ามิสติคที่ถวายตัวเพื่อใช้พลังอำนาจแสนมหัศจรรย์ของพวกเขาเพื่อส่วนรวม เพื่อดำรงไว้ซึ่งสันติภาพ ความยุติธรรม และ แสงสว่าง บาร์เซนเป็นนิกายที่รวบร่วมผู้คนจากหลากหลายเผ่าพันธุ์มารวมตัวกันใต้หน้าที่และหลักการอันทรงเกียรติ พวกเขาเรียนรู้วิธีการที่จะพัฒนาตนเองให้อยู่เหนือกิเลศตัณหาและความมืดทั้งปวง ผ่านการทำสมาธิและการพัฒนาปัญญาให้สูงส่ง กวัดแกว่งศัสตราวุธที่เรียกว่า สปาด้า สปิริตทัวเร่ หรือที่เรียกว่าดาบแห่งจิตวิญญาณ ศัสตราที่เกิดจากหล่อหลอมด้วยพลังของผู้เป็นนายและวิทยาศาสตร์ชั้นสูง เพื่อต่อกรกับความมืดมิดทั้งปวง ณ ปัจจุบัน พวกเขาเป็นหนึ่งในองค์กรที่อยู่ใต้ร่มธงของจักรวรรดิดาราและปฏิบัติการใต้การกำกับดูแลของจักรวรรดิเป็นหลัก แม้ว่าจะยังคงอิสระภาพหลายส่วนได้อยู่ก็ตามที

หลักการของบาร์เซน

เหล่าบาร์เซนมุ่งเน้นไปที่การรับใช้แสงสว่างและนำพลังวิเศษของพวกเขามาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อรับใช้ ปกปักษ์ ต่อกรและทำลายล้างความมืดทั้งมวล พวกเขาผ่านการฝึกฝนทางด้านจิตใจและการควบคุมอย่างหนัก บาร์เซนทุกคนต้องมีจิตใจที่เปิดกว้างต่อสิ่งใหม่ ความกระหายที่จะฝึกฝน พัฒนาตนเอง เรียนรู้ และ หัวใจที่นิ่งสงบไม่ไหวติ่ง ไม่ให้อารมณ์อันใดมามั่วหมองจนทำให้การตัดสินใจเอียงเอนและไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนจิตใจของตนให้แข็งแกร่งดั่งป้อมปราการเพื่อป้องกันตัวเองจากกิเลศตัณหา ความรู้ต้องห้าม และความมืดทั้งปวงเช่นกัน

บาร์เซนทุกคนอุทิศชีวิตให้กับการรับใช้ พวกเขาแทบไม่มีเวลาว่างหรือมีช่วงเวลาหาสีสันความสุขให้กับตัวเองเท่าไหร่เป็นข้อแลกเปลี่ยนกับหน้าที่อันทรงเกียรติ จนหลายคนกล่าวว่าพวกเขาสนใจผู้อื่นมากกว่าเรื่องของตนเอง ภายในนิกายมีหลายเส้นทางและหลายวิถีให้เหล่าบาร์เซนได้เลือกเดินว่าเขาจะอุทิศชีวิตของตนเพื่อสิ่งใด ยังไงการกระทำของพวกเขาได้ช่วยเหลือช่วยชีวิตผู้คนและดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนเสมอ ทำให้บาร์เซนถูกมองว่าเป็นผู้ปกป้องที่สูงส่งและได้รับความเคารพเป็นวงกว้างจากหลากหลายฝ่าย

หลังจากเหตุการณ์หลายอย่างเหล่าบาร์เซนได้อยู่ใต้การรับใช้ให้กับองค์จักรพรรดิผู้อยู่เหนือมวลดาราทั้งปวง พวกเขาหลายคนมักถูกพระองค์คอยชี้นำให้ปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ เชื่อมั่นตนเองในฐานะเครื่องมือของพระองค์เพื่อช่วยเหลือกอบกู้และเติมเต็มโชคชะตาของบาร์เซนเหล่านั้น โดยมี สปาด้า สปิริตทัวเร่ เป็นศัสตราวุธของพวกเขาในการต่อกรกับความมืดทั้งปวงและดำรงไว้ซึ่งแสงสว่าง เหตุนี่พวกเขาจึงคอยตามแสงสว่างของพระองค์และวิงวอนให้ช่วยชี้นำพวกเขาเดินในเส้นทางแห่งแสงอันยิ่งใหญ่

พวกเขายังเชื่อเรื่องการดำรงอยู่หลังความตายว่า บาร์เซน ที่ฝึกฝนจนสูงส่งพอจะสามารถดำรงรูปลักษณ์ของตนได้แม้หลัง ความตาย 

อาวุธของพวกเขาคือ สปาด้า สปิริตทัวเร่

ศัสตราวุธที่เกิดจาก มณีที่หล่อหลอมด้วยพลังของพวกเขาเอง มันเชื่อมกับจิตใจของเจ้าของและจะตอบสนองต่อเจ้าของซึ่งเป็นผู้สร้างมันเท่านั้น เมื่อฝั่งมันลงไปในดาบด้ามพิเศษแล้วปล่อยพลังให้ไหลเวียนเข้าไปจะส่งผลให้ลำแสงที่จะเปลี่ยนสีไปตามผู้ถือครองโผล่ออกมากลายเป็นดาบ พลังทำลายของมันจะขึ้นอยู่กับพลังของเจ้าของเอง รวมทั้งสภาพจิตใจด้วย และมันจะหมดสภาพลงและใช้งานไม่ได้อีกยามเจ้าของสิ้นชีพลง หรือก็คือมันจะอยู่และตายไปกับเจ้าของนั่นเอง บาร์เซนถือว่าพวกมันเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์และทุกคนต้องให้การดูแลมันเป็นอย่างดี

ประวัติศาสตร์

จุดกำเนิดของนิกายบาร์เซนไม่เป็นที่แน่ชัดและแม้แต่ผู้อาวุโสที่สุดในปัจจุบันของนิกายก็ยังมิล่วงรู้ว่าพวกเขาคือถือกำเนิดขึ้นมาได้ยังไงกัน หลักฐานหลายอย่างที่สามารถระบุต้นกำเนิดที่แท้จริงของพวกนั่นสูญหายไปกับกาลเวลาอันยาวนาน อย่างไรก็ตามจากหลักฐานบางประการทำให้อาจคาดเดาได้ว่า นิกายบาร์เซนไม่ได้มีต้นกำเนิดจากขอบเขตกาแล็คซี่ที่ได้รับการสำรวจในปัจจุบันแต่มาจากกาแล็คซี่อันห่างไหล 

พวกเขาปรากฏตัวครั้งแรกในเขตแดนของสหพันธ์เมื่อประมาณ 1,400 ปีก่อนดาราศักราช บาร์เซนกลุ่มเล็ก ๆ ปรากฏตัวขึ้นมาเพื่อเข้าช่วยเหลือสหพันธ์จากสงครามภายในที่มีเคออสเป็นต้นสายปลายเหตุ ก่อนที่พวกเขาจะหายตัวไป หลงเหลือไว้แค่ตำนานและกลับมาปรากฏตัวเป็นครั้งคร่าว

จนกระทั่งในปีประมาณ 3,000 ตามการนับแบบดาราศักราชได้เกิดเหตุบางอย่างทำให้ นิกายบาร์เซนทั้งหมดย้ายมาตั้งรกรากในเขตอวกาศใกล้กาแล็คซี่ทางช้างเผือก ไม่มีใครรวมทั้งตัวพวกเขาเองล่วงรู้ว่าเหล่าบาร์เซนเดินทางมาได้ยังไงหรือเกิดเหตุอันใดทำให้พวกเขาต้องอพยพสมาชิกทั้งหมด จากการตรวจสอบและหลักฐานบางส่วนพอจะยืนยันได้แค่ว่าพวกเขาเหมือนหนีอะไรสักอย่างที่เลวร้ายมาเท่านั้น

หลังจากคงอยู่มาจนถึงปี 3,200 ดาราศักราชกว่า ๆ พวกเขาถูกประเมินโดยจักรวรรดิดาราว่าเป็นภัยเนื่องจากพฤติกรรมการเปิดรับสมาชิกจากหลากหลายเผ่าพันธุ์และอิสระที่อาจมากเกินไปไม่อยู่ใต้กฏเกณฑ์ ทำให้มีคำสั่งให้ทำการกวาดล้างพวกเขาให้สิ้นซาก โดยมี เอ็มเพอเรอร์ เอ็คเซคิวชั่นเนอร์ อาคาชิค เป็นผู้รับชอบ 

นิกายบาร์เซนจึงถูกกวาดล้างสมาชิกกระจัดกระจายวิหารทั้งหลายถูกทำลายจนเหลือแค่ซาก บาร์เซนที่เหลือรอดต่างต้องพากันหนีตายจากการไล่ล่าอันโหดเหี้ยมของเหล่าเพชรฆาตที่ตามมาดั่งเงา แม้บางส่วนจะได้รับการไว้ชีวิตแต่พวกเขาก็ต้องถูกล้างสมองกลายเป็น เอ็มเพอเรอร์ พรีโทเรี่ยน ไป ช่วงเวลานี่นับว่าเป็นยุคมืดของบาร์เซนอย่างแท้จริง

พวกเขาพบว่าตัวเองต้องตกต่ำจากผู้พิทักษ์อันสูงส่งกลายเป็นคนนอกกฏหมายที่ถูกตามฆ่าอย่างทารุณ ความตายใต้เงื้อมมือของพวก เอ็มเพอเรอร์ เอ็คเซคิวชั่นเนอร์ มันเลวร้ายเกินจิตนาการและมีหลายคนที่พบว่าตัวเองถูกจับไปพบกับการทรมานเหนือจิตนาการจนกล่าวได้ว่าการตายคือรางวัลแห่งการปลดปล่อย

ช่วงระหว่างที่บาร์เซนเรียกขานว่า พันปีแห่งความมืด พวกเขาถ่ายทอดและสืบทอดหลักปรัญชาและวิชากันในเงามืด หลายคนเลือกจะทอดทิ้งหลักคำสอนของบาร์เซนเพื่อเอาตัวรอดและหลบซ่อนจากผู้ถูกไล่ล่า คนไหนก็ตามที่ออกมาหรือทำตัวโดดเด่นนิดเดียวจะต้องพบว่าหัวของเขาจะหลุดจากบ่าในเวลาไม่นานหลังจากนั้น

ณ ช่วงเวลาของการกบฏครั้งที่สอง แม้ว่าจะยังถูกตามล่าโดยจักรวรรดิดารา แต่ก็มีบาร์เซนกลุ่มเล็กที่ออกมาต่อสู้กับพวกเคออส และ พวกที่เข้ารวมกับเคออสด้วยความแค้นฝั่งลึกที่มีต่อจักรวรรดิดาราทำให้เกิดสงครามภายในกับบาร์เซนกันเอง ในช่วงเวลานี่ บาร์เซนที่เข้าเคออสได้ตั้ง นิกายใหม่ที่ชื่อว่า คาร์มาลัส ขึ้นมา เป็นจุดเริ่มระหว่างความขัดแย้งชั่วนิรันดรระหว่างนิกายแห่งแสงและความมืด

บาร์เซนที่มีชื่อเสียงที่สุดในช่วงเวลาแห่งมหาการกบฏครั้งที่สองคือ อเซคบรู พริบมอร์ ผู้นำของกลุ่มบาร์เซนขนาดเล็ก หลังจากความพยายามในการช่วยเหลือจักรวรรดิพวกเขาถูกค้นพบ โดย อโพไครฟา ยูไล่ ผู้ตัดสินใจจะยอมปิดตาข้างหนึ่งฝ่าฝืนคำสั่งการกวาดล้างพวก บาร์เซน ทันที่พบเจอ ยื่นข้อเสนอเพื่อรวมมือกันต่อกรกับเคออสซึ่งเป็นศัตรูรวมกัน เป็นช่วงเวลานี่เองที่พวกเขาได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันซึ่งจะส่งผลต่อการเข้ารวมจักรวรรดิดาราของบาร์เซนในอนาคต หลังจากนั่น อเซคบรู พริบมอว์ ได้เสียชีวิตในความพยายามการต่อสู้ที่ ดวงจันทร์ของโลก ลูนาร์ อย่างไรก็ตามเมื่อสงครามจบลงบาร์เซนที่เหลือรอดก็ได้รับความช่วยเหลือจากเหล่าบุตรแห่งยูไล่ตามข้อตกลงที่พวกเขามีรวมกันช่วยตามหาพรรคพวกที่กระจัดกระจายและช่วยสร้างวิหารลับให้เป็นบ้านหลังใหม่ของนิกาย โดยมีบุตรแห่งยูไล่แอบให้การคุ้มครองและดูแลอย่างลับ ๆ ถึงกระนั่นพวกเขาก็ยังถูกตามล่าโดยหน่วยงานอื่นของจักรวรรดิอยู่ดีและไม่ใช่ทุกครั้งที่เหล่าเซเลสเทียล อโคไลท์ จะสามารถให้การคุ้มครองและช่วยเหลือบาร์เซนได้ 

จนกระทั่งใน ปี 4,200 กว่า เหล่าบาร์เซนก็ถูกล่วงรู้การคงอยู่โดยองค์จักรพรรดิอีกครั้ง แต่ครานี่พระองค์ทรงมองว่าการกำจัดพวกเขานั่นเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเกินไป หลังจากการพูดคุยเจรจากับ โอ'บาร์เซน ซึ่งเชื่อว่าผ่านนิมิตและกระแสพวกบาร์เซนก็ตกลงจะเข้ารวมเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิดาราและยังได้รับการสนับสนุนด้านต่าง ๆ จากจักรวรรดิรวมทั้งช่วยในการเรื่องจัดหาสมาชิกใหม่ให้ เวลาเดียวกันพวกเขาก็ได้มีสายสัมพันธ์กับพวกพรีโทเรี่ยน องค์รักษ์ขององค์จักรพรรดิและกลายเป็นเรื่องประจำที่สมาชิกที่ทรงพลังที่สุดของนิกายมักจะถูกคัดเลือกเพื่อนำไปสร้างพรีโทเรี่ยนตนใหม่เป็นประจำ

นับตั้งแต่นั่นนิกายบาร์เซนก็ได้อยู่ใต้การชี้นำขององค์จักรพรรดิและทำงานรวมกับจักรวรรดิดารามาโดยตลอด รวมทั้งได้อนุญาตให้สร้างวิหารหลักอยู่บน ลูนาร์ 

ยศของบาร์เซน

พวกเขาเป็นนักรบ อัศวินศาสนา ผู้ศรัทธาและต่อสู้เพื่อแสงสว่าง สันติภาพและองค์จักรพรรดิผู้อยู่เหนือมวลดารา แม้ว่าในยุคแรกเริ่มพวกเขาจะไม่ถูกก่อตั้งโดยมนุษย์ชาติแห่งจักรวรรดิดาราและมีเรื่องราวเหตุการณ์ความขัดแย้งกับจักรวรรดิดารามามากนัก ทว่าในยามนี้พวกเขาคือหนึ่งในองค์กรศาสนาของจักรวรรดิดารา ที่ทำหน้าฝึกสอนพวกมิสติคให้กลายเป็นยอดนักสู้เพื่อพิทักษ์สันติภาพและทำลายล้างความมืดทั้งหมด โดยเฉพาะเคออสให้สิ้นซาก มีการรับสมาชิกจากเผ่าพันธุ์อื่นมาเข้ารวมอย่างเปิดเผยและมักทำงานรวมกับพวกอินควิซิสเตอร์และนี่คือยศของพวกเขา

โอ'บาร์เซน

ผู้นำนิกายบาร์เซน

บาร์เซน'เชย์

สมาชิกสภาของบาร์เซน มีที่นั่งห้าสิบสองตำแหน่ง สมาชิกจะถูกเลือกมาจาก บาร์เซนธอร์ที่มากประสบการณ์ที่สุด ฉลาดที่สุด มีวิศัยทัศน์ที่กว้างไกลและบุคลิกที่เหมาะสมจะเป็นส่วนหนึ่งของสภาที่คอยทำหน้าที่ชี้นำบาร์เซนทั้งปวง

บาร์เซน'ธอร์

อาจารย์บาร์เซน เป็นบาร์เซนอาวุโสระดับสูง

บาร์เซน

บาร์เซนเต็มตัว

บาร์เซน'ธาร์

บาร์เซนฝึกหัดใต้การสั่งสอนของบาร์เซนรึบาร์เซน'ธอร์

บาร์เซน'ธีร์

เด็กฝึกหัดหน้าใหม่ที่อยู่ใต้การฝึกฝนมักเป็นเด็กเล็กที่ยังไม่ถูก บาร์เซนหรือบาร์เซน'ธอร์ เลือกไปเป็นลูกศิษย์ ในกรณีที่พวกเขามีอายุได้ประมาณ 14 - 16 ปี แล้วยังไม่ผ่านบททดสอบเพื่อกลายเป็น บาร์เซน'ธาร์ หรือ ถูก บาร์เซนและ     บาร์เซน'ธอร์ เลือก จะต้องถูกขับจากนิกายกลับไปยังสถานที่ซึ่งพวกเขาจากมาก แต่กรณีนี่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยเท่าไหร่นัก

บาร์เซน'อารีร์

คนธรรมดาที่ทำงานให้บาร์เซนไล่ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานไปจนถึงการสนับสนุนในสงคราม

สายงานของบาร์เซน

ภายในนิกายบาร์เซนมีการแบ่งแยกสายงานออกมาทั้งหมด 7 สายหลัก โดยสามารถเลือกได้เมื่อกลายเป็นบาร์เซนเต็มตัว พวกเขาจะต้องคิดไตร่ตรองถึงเส้นทางที่จะเดินต่อไปให้ดีและกล่าวสาบานตนต่อเส้นทางที่พวกเขาจะเลือกเดินและอุทิศชีวิตให้ไปตลอดจวบจนวันตาย แต่ล่ะสายงานจะมี บาร์เซน'ธอร์ ดำรงตำแหน่งเป็น หัวหน้าใหญ่ ‘ ชีฟ ’ คอยดูแลสอดส่องการทำงานของคนในสายงานเดียวกันตลอดเวลา โดยตำแหน่งหัวหน้าจะมีได้แค่คนเดียว จะไม่มีคนใหม่จนกว่าคนเก่าจะเสียชีวิตหรือถูกปลด รวมทั้งออกจากตำแหน่งเอง และกลายเป็นชีพไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกสภา

ไนท์

เหล่าบาร์เซนที่ปฏิญาณว่าจะทำหน้าที่พิทักษ์และต่อสู้เพื่อแสงสว่าง พวกเขาจะประจำการตามวิหารหรือตามสถานีอวกาศที่เรียกว่า ‘ ฟอร์เทรส ออฟ ไลท์ ’ พร้อมตอมรับการเรียกหา คำขอความช่วยเหลือ และ ออกไปต่อสู้เพื่อขจัดภัยและพิทักษ์สันติภาพในพื้นที่ใกล้เคียงที่สามารถเอื้อมถึงได้

ครูเซดเดอร์

เหล่าบาร์เซนที่อุทิศชีวิตให้กับสงคราม บาร์เซนผู้นี่จะประจำการในกองทัพของจักรวรรดิเพื่อเข้ารวมสงครามทั้งหลายและใช้พลังอำนาจของพวกตนต่อสู้ในสงครามอันยิ่งใหญ่สนับสนุนกองทัพที่พวกเขาประจำการอยู่ เป็นที่รู้กันดีว่าไม่เคยมีบาร์ เซนคนไหนที่เลือกเดินในวิถีนี่มีโอกาสนอนตายอยู่บนเตียงอย่างสงบ

การ์เดี้ยน

เหล่าบาร์เซนที่ปฏิญาณว่าจะให้การพิทักษ์ในพื้นที่เฉพาะเจาะจงเช่นตามดวงดาวหรือบางทีอาจกินพื้นที่ทั้งเซคเตอร์ คำสาบานนี่เท่ากับการปฏิบัติหน้าที่พิทักษ์อาณาเขตตามคำสาบานเท่าชีวิต พวกเขามักจะมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับคนในท้องถิ่นเป็นพิเศษ 

คอนจูเรอร์

เหล่าบาร์เซนที่อุทิศตนให้กับการฝึกฝนและค้นหาความลับแห่งพลังของมิสติค เวทมนต์ พลังจิต พลังพิเศษ พวกเขาเรียนรู้และฝึกฝนมันจนเชี่ยวชาญยิ่งกว่า บาร์เซน ด้วยกันรวมทั้งความสามารถด้านต่าง ๆ ทำให้สามารถกลายเป็นผู้หยั่งรู้อนาคตและโหรทำนายได้ 

สคอลเลอร์

เหล่าบาร์เซนผู้อุทิศให้กับความรู้ พวกเขาเป็นทั้งปราช์ญ นักวิทยาศาสตร์ นักดาราศาสตร์ นักประวัติศาสตร์ และอีกมากมายออกเดินทางกันเป็นกลุ่มหรือเดี่ยวเพื่อค้นหาความรู้ เพื่อนำมาเผยแพร่และพัฒนาระดับสติปัญญาของผู้อื่นเพื่อส่วนรวม

เซอร์วิเตอร์

เหล่าบาร์เซนผู้อุทิศชีวิตให้กับการรับใช้และการบริการ พวกเขาจะเดินทางไปที่ต่าง ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือเช่นดาวที่ประสบภัย หรือ ช่วยงานเล็กน้อย ๆ อย่างใช้พลังเพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตการเกษตร รวมทั้งการถ่ายทอดความรู้ให้เผ่าด้อยปัญญาและประชาชนชั้นล่าง แม้ว่างานที่ทำอาจดูไม่มีความสำคัญและยิ่งใหญ่อะไรนักแต่ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้นิกายบาร์เซนเป็นที่เคารพของคนทุกชนชั้น

วันเดอเรอร์ 

เหล่าบาร์เซนที่ปล่อยให้แสงสว่างนำทาง พวกเขาตะเวนไปทั่วจักรวาลไร้หลักแหล่ง ปล่อยให้องค์จักรพรรดิคอยชี้นำทางและไปยังสถานที่ซึ่งโชคชะตาเรียกขาน เพื่อต่อกรกับภัยมือที่ไม่มีใครมองเห็นหรือไปยังสถานที่ต้องการตัวพวกเขามากที่สุด เหล่าบาร์เซนพเนจรพบว่าเส้นทางของพวกเขานั่นเปี่ยมด้วยอันตรายมากกว่าเส้นทางอื่นเสมอ เพราะหลายครั้งที่พวกเขาจะต้องเผชิญภัยมืดอันยิ่งใหญ่เพียงลำพังอยู่บ่อยครั้ัง โดยมีแค่แสงขององค์จักรพรรดิคอยคุ้มครองและชี้นำทาง

สายพิเศษ

เทมเพิล การ์ด 

เหล่าบาร์เซนที่อุทิศชีวิตให้กับการปกป้องวิหารหรือสถานที่สำคัญของพวกเขาเช่นตาม ป้อมปราการอวกาศแห่งแสงทั้งหลายหรือสถานที่ต้องห้ามเป็นความลับ ก็จะมีพวกเขาค่อยประจำการอยู่เพื่อป้องกั้นไม่ให้ผู้ใดโดยเฉพาะพวกคนไม่หวังดีที่คิดนำของอันตรายที่อยู่ข้างในออกไป สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ การจะกลายเป็น เทมเพิล การ์ด บาร์เซนคนนั่นจะต้องละทิ้งชื่อและรูปโฉมของตนต่อไปจะต้องสวมใส่หน้ากากและสวมชุดแต่งกายปกปิดมิดทั้งตัวตลอดเวลา

ชาร์โดว์

เหล่าบาร์เซนที่อุทิศชีวิตให้กับการอยู่ในเงามืด พวกเขาทำหน้าที่งานประเภทสกปรกและค่อยต่อกรกับเคออสและภัยทั้งหลายจากในเงา บางเป็นสปายและนักฆ่า สามารถเข้าไปคลุกคลีกับคนจากโลกมืดได้สบายเพื่อสืบหาข้อมูล รวมทั้งสายงานนี่เป็นพวกเดียวกับบาร์เซนที่คอยติดตามอินควิซิเตอร์ทั้งหลายออกไปทำภารกิจเป็นหลัก

อินสตรัคเตอร์

เหล่าบาร์เซนที่อุทิศชีวิตให้กับการฝึกฝนบาร์เซนรุ่นใหม่