ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TaoKacha atlove the series 23] Happy Alley: มีสุข 23

    ลำดับตอนที่ #5 : Chapter 5 - Happy Alley จักรยานสองล้อ

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 57


     


    Chapter 5

     

    แสงอาทิตย์ในยามเช้าตรู่ที่สาดส่องลอดผ่านกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ใหญ่ลงมายังลานกว้างของสถาบันการศึกษาชื่อดังของประเทศ  ทำให้อากาศในยามเช้าที่เย็นสบายเป็นทุนเดิม กลับเย็นสบายและร่มรื่นขึ้นอีกหลายเท่าตัว   เสียงพูดคุยสนทนาจากผู้คนที่เริ่มทยอยมายังลานกว้าง อาจเป็นเรื่องปกติหากจะมีฝูงชนนัดรวมตัวกันทำกิจกรรมในสถานที่แห่งนี้ แต่สิ่งที่ทำให้กิจกรรมวันนี้ดูแปลกตาไปคงเป็นเพราะผู้คนเหล่านั้นต่างมาพร้อมกับยานพาหนะรักษ์โลกอย่างจักรยานสองล้อ

     

    ร้อนไหม?”  เสียงทุ้มนุ่มของพี่ชายข้างบ้านผู้ซึ่งเป็นคนชักชวนให้คชาตื่นแต่เช้าเพื่อมาร่วมกิจกรรมทริปจักรยานกลางกรุงที่จัดขึ้นโดยความร่วมมือของสองสถาบันชื่อดังของประเทศและเริ่มปีนี้เป็นแรก  เต๋าในฐานะศิษย์เก่าเห็นว่าเป็นกิจกรรมที่น่าสนใจ  แม้ความจริงอยากหาเรื่องชวนอีกคนให้ออกมาข้างนอกด้วยกันมากกว่า

     

    ไม่คชาตอบแล้วส่ายหัวกลมๆเสียจนเส้นผมดำกระจายตัว  เต๋าได้แต่อมยิ้มน้อยๆกับท่าทางของคนตัวเล็ก ก่อนจะส่งหมวกสีขาวที่ห้อยอยู่ท้ายรถจักรยานไปยังศีรษะกลมแล้วสวมมันลงจนพอดีกับหัวของเจ้าตัว

     

    ใส่ไว้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวอีกสักพักแดดคงเริ่มแรงคชาส่งยิ้มให้เต๋าแทนคำขอบคุณ มือหนาของเต๋าลูบศีรษะกลมภายใต้หมวกแก๊ปสีขาวแล้วยิ้มตอบกลับให้อีกคน

     

    เต๋า!”  เสียงร้องเรียกชื่อคนตัวสูงดังขึ้นทำให้ทั้งเต๋าและคชาหันไปมอง  ปรากฏให้เห็นร่างสมส่วนของผู้ชายตัวไม่สูงมากกำลังวิ่งพุ่งตรงมาทางทั้งสองคน

     

    โทษทีๆ พี่มาช้าไปนิด

     

    ไม่เป็นไรพี่ ผมก็พึ่งมา”  เต๋าตอบออกไปแบบนั้นเมื่อเห็นรุ่นพี่ในบริษัทก้มลงเอามือสองข้างจับเข่าแล้วหอบหายใจเสียแรง  แม้ความจริงแล้วเขารอมาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วก็ตาม

     

    อ่อพี่ไทด์นี่คชา ที่ผมฝากให้ยืมจักรยานให้”  ไทด์ยกมือรับไหว้คนตัวเล็ก ก่อนจะสำรวจใบหน้าของคชา

     

    น้องคชายินดีที่ได้รู้จัก แต่พี่มีบางอย่างจะสารภาพ

     

    หือ มีอะไรหรอพี่”  เต๋าเป็นคนเอ่ยถามออกมา ส่วนอีกคนทำได้แต่เพียงเลิกคิ้วสงสัย

     

    ก็จักรยานที่แกฝากพี่ลงชื่อยืมให้น้องคชามันไม่ได้นะสิ  สงสัยชื่อมันคงจะเด้งไปร่างเล็กคอตกทันทีเมื่อได้ฟัง  รู้สึกโชคร้ายแต่เช้าที่อุตส่าห์ตื่นมาแต่ไม่ได้จักรยานมาปั่น สงสัยวันนี้คงต้องกลับบ้านฟรี

     

    ไม่เป็นไรฮะพี่ไทด์ เดี๋ยวคชา...คชาพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นไทด์ทำหน้ารู้สึกผิด แต่ก็ต้องหยุดพูดเพราะอีกคนแทกรเสียงขึ้นมา

     

    เดี๋ยวให้คชาไปกับเต๋าก็ได้

     

    จะดีหรอวะ ให้คชาเอาของพี่ไปปั่นก็ได้นะไทด์เสนอรุ่นน้องในบริษัท ส่วนคชาได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ เรื่องแค่นี้เองคชาไม่อยากให้เป็นภาระของใคร

     

    ไม่เป็นไรพี่ เดี๋ยวให้คชาไปกับเต๋า ไว้ค่อยสลับกันปั่น โอเคไหมคชา?” คชาอธิบายให้ไทด์ฟังแล้วหันไปถามความเห็นจากอีกคน  คชาพยักหน้ารับเห็นด้วยกับไอเดียพี่เต๋าทันที  ซึ่งนั้นก็ทำให้อาการรู้สึกผิดของพี่ไทด์หายไป

     

    เดี๋ยวคชาไปกับพี่เต๋าก็ได้ครับ”  เสียงใสนั้นย้ำให้อีกคนคลายความกังวล

     

    โอเคตกลงตามนี้  งั้นไปรวมกันเถอะ เห็นเขาประกาศเรียกแล้ว”  เต๋าบอกแล้วเริ่มขยับจักรยานพับที่ยืมมาจากน้องชายร่วมสายเลือด  ตอนแรกเฟรมก็เสนอขอตามมาแต่ดันมีงานคณะเข้าซะก่อน ซึ่งเต๋าก็เห็นว่ามันเป็นเรื่องดีไม่น้อย

     

    งั้นเดี๋ยวเจอกันที่ลานนะเต๋า เดี๋ยวพี่ไปหาเพื่อนก่อน แล้วเจอกันนะคชาไทด์บอกรุ่นน้องก่อนจะเดินไปหากลุ่มเพื่อนอีกฝั่ง   ร่างสูงเข็นจักรยานไปยังลานกว้างที่ผู้คนเริ่มทยอยมารวมตัวกัน แล้วเดินเทียบเคียงมากับน้องชายตัวเล็ก

     

    ดีนะที่จักรยานไอ้เฟรมมันมีเบาะหลังไม่งั้นคชาคงได้เกาะล้อรถ”  เต๋าเอ่ยแซวคนตัวเล็กที่กำลังก้มหน้ามองพื้น ทำให้คชาเงยหน้าขึ้นมามองคนตัวสูงกว่าทันที

     

    ใจร้ายชะมัดดวงตาคู่กลมใสซื่อไร้เดียงสาจ้องมองมายังเต๋า แสงแดดที่ตกลงมากระทบแก้มใสที่กำลังพองลม  ทำให้เต๋ายกมือขึ้นสัมผัสผิวเนียนนั้นอย่างไม่รู้ตัว

     

    งืออ..อย่าจับแก้ม”  ร่างเล็กสะดุ้งทันทีเมื่อแก้มเนียนโดนสัมผัส

     

    หือ?”  เต๋าปล่อยมือลงก่อนจะเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย

     

    “....คนมอง”  คนตัวเล็กพูดเสียงเบา ก่อนที่เต๋าจะเริ่มส่งสายตาสำรวจบริเวณรอบข้างแต่ก็ไม่พบสายตาคู่ไหนจับจ้องมายังเขาทั้งคู่

     

    ไม่เห็นมีเลย

     

    พี่เต๋านะพี่เต๋าคชาจิปากอย่างขัดใจก่อนจะเดินนำเต๋าออกมาทิ้งให้ร่างสูงยืนงงมองไปรอบตัว 

    จะให้บอกยังไงหละว่าอย่าจับแก้มเพราะคชาเขิน

     

    --------------------------------------------------------------------------

     

    ลานกว้างกลางมหาวิทยาลัยตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนพร้อมกับยานพาหนะสองล้อ บ้างก็มาเดี่ยว บ้างก็มาเป็นกลุ่ม ซึ่งนั่นทำให้รู้ว่าผู้คนทันสมัยในเมืองหลวงเริ่มหันมาหลงรักเจ้าจักรยานสองล้อมากขึ้นแล้ว   เต๋าแอบดีใจไม่น้อยที่กิจกรรมในวันนี้ไม่มีพิธีการกล่าวเปิดงานอะไรมากมายมีเพียงคำพูดสั้นๆของอาจารย์ผู้ดูแลกิจกรรมที่ประกาศผ่านไมโครโฟน  รวมไปถึงไม่มีการจุดพลุหรือปล่อยลูกโป่งสวรรค์ เพราะถ้าหากนั้นเกิดขึ้นกิจกรรมนี้คงไม่เหมาะที่จะเรียกว่ากิจกรรมเพื่อสิ่งแวดล้อมเท่าไหร่นัก

    เราจะเริ่มปั่นจากมหาวิทยาลัยไปยังแยกวัดหัวลำโพง แล้วหลบถนนใหญ่ไปทางสะพานเหลืองกัน....”  เสียงของผู้ดำเนินกิจกรรมประกาศบอกรายละเอียดเส้นทางของทริปจักรยานครั้งนี้

     

    งั้นเดี๋ยวพี่ปั่นก่อนแล้วเราค่อยเปลี่ยนกัน โอเคนะครับ

     

    โอเคครับคนตัวเล็กตอบกลับชัดเจน แล้วยกมือขึ้นทำสัญลักษณ์โอเคส่งมายังอีกคน

     

    พี่เต๋าๆ”  มือเล็กกระตุกที่ชายเสื้อยืดของคนที่ง่วนอยู่กับการเช็คสภาพจักรยาน  เต๋าหยุดกิจกรรมทั้งหมดแล้วหันมายังเจ้าของเสียงใสนั้น

     

    เอาหมวกคืนไหม แดดเริ่มร้อนแล้ว

     

    เราใส่ไว้เลยเต๋าปฏิเสธแต่ดูเหมือนจะไม่ทันเมื่ออีกฝ่ายถอดหมวกออกมาจากศีรษะกลมนั่นแล้ว

     

    ไม่เป็นไรฮะ คชามีฮู้ดเดี๋ยวดึงฮู้ดมาใส่ได้”  คนตัวเล็กตอบ แล้วเขย่งปลายเท้า เลื่อนหมวกแก๊ปสีขาวในมือไปยังศีรษะของพี่ชายข้างบ้านแล้วสวมมันลงอย่างเบามือ

     

    ขอบคุณนะเต๋าบอกก่อนจะส่งมือหนาอ้อมไปยังด้านหลังของอีกคนแล้วจัดการดึงฮู้ดสีขาวขึ้นมาคลุมหัวกลมนั่นไว้  รอยยิ้มบางเบาปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมอีกครั้งก่อนจะหันหลังกลับไปยังจักรยานเพื่อเตรียมพร้อม  เต๋ากระโดดขึ้นคร่อมจักรยาน เป็นสัญญาณให้อีกคนเดินมานั่งซ้อนท้ายอย่างรู้งาน

     

    ทันทีที่พาหนะสองล้อเคลื่อนที่ แสงแดดที่สาดส่องลงมาเป็นสัญญาณบอกถึงเวลาที่เข้าสู่ช่วงสายไม่ได้ทำให้รู้สึกร้อนอย่างที่ควรจะเป็นเมื่อผิวกายเริ่มสัมผัสได้ถึงสายลมบางเบาที่พัดผ่าน สองมือเล็กเกาะที่ไหล่หนาของคนตัวสูงกว่าตั้งแต่จักรยานคันใหญ่เริ่มเคลื่อนที่  รอยยิ้มน่ารักฉายแววสดใสพร้อมกับประกายแวววับจากดวงตาคู่กลมทันทีเมื่อเริ่มสัมผัสถึงความตื่นเต้น

     

    สาธุ”  คนตัวเล็กยกมือขึ้นไหว้ทันทีเมื่อพาหนะสองล้อเคลื่อนที่ผ่านวัด  ทำให้คนที่ขับจักรยานยิ้มขำออกมา

     

    ไหว้เผื่อพี่ด้วยสิ ขอพรเผื่อพี่ด้วย”  

     

    ได้ไง ของแบบนี้ก็ต้องทำเองสิคชาว่าแล้วใช้สองมือเล็กเกาะไปทีไหล่อีกคนตามเดิม

     

    ให้พี่ปล่อยมือไหว้หรอครับ พี่ปั่นจักรยานอยู่นะ” 

     

    สาธุอันนี้พี่เต๋าฝากมาไหว้นะครับ”  คชายกมือขึ้นสาธุอีกครั้งพึมพำบางสิ่ง ทำให้เต๋าอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

     

    แล้วที่ไหว้ไป รู้ไหมว่าวัดนี้วัดอะไร?”  คำถามของเต๋าทำให้คชาต้องหันหน้าไปมองตัววัดเพื่อหาชื่อ แต่เหมือนจะไม่ทันเพราะคนตัวสูงออกแรงปั่นผ่านตัววัดออกมาได้สักระยะหนึ่งแล้ว

     

    นั่นวัดมหาพฤฒาราม แต่ก่อนเรียกว่าวัดท่าเกวียน คชาเคยมาหรือยัง?

     

    ไม่เคยฮะ”  คนตัวเล็กส่ายหัวทันที ก็ปกติคชาไม่เคยใช้เส้นทางนี้ ต้องบอกว่าชีวิตส่วนใหญ่ใช้แต่เส้นทางรถไฟฟ้าเสียมากกว่า เพราะถ้าออกนอกเส้นทางรถไฟฟ้าแล้วคชาแทบจะไม่รู้จักสถานที่อะไรในตัวเมืองหลวงนี่เลย

     

    พี่เต๋าเคยมาหรอ?”  เอ่ยถามอีกคนอย่างสงสัย  พี่เต๋าเป็นเด็กต่างจังหวัดแต่ดูจะรู้จักเมืองหลวงนี้ดีกว่าคชาเสียอีก

     

    ก็เคยมาเดินเล่น  อยู่แต่ในหอมันก็เบื่อบ้างนะ ที่จริงกรุงเทพฯมีอะไรให้ดูเยอะแยะเลยนะ ยิ่งแถวสนามหลวงพี่เดินได้เป็นวันๆเลย

     

    ฟังดูน่าสนุกจัง คชายังไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลยคนตัวเล็กถอนหายใจแผ่วเบา  นึกเสียดายเวลาที่เอาแต่เที่ยวเล่นที่เดิมๆ  อิจฉาพี่เต๋าไม่น้อยที่ได้ทำอะไรแบบนั้น แต่อันที่จริงมันก็เป็นความผิดของตัวเองที่ไม่ยอมสนใจสิ่งใกล้ตัว

     

    มีเวลาอีกตั้งเยอะ ไว้ค่อยมาด้วยกันก็ได้

     

    นี่คือคำสัญญา?” 

     

    พี่พูดคำว่าสัญญาหรอ?  เต๋าแกล้งหยอกน้องชายตัวเล็ก

     

    พี่เต๋า”  คชาว่าเสียงดัง ก่อนที่มือเล็กทุบไปที่ไหล่ของอีกแล้วทำให้เต๋าหัวเราะออกมา

     

    โอเคๆ แต่ต้องมีค่าจ้างนะ

     

    ขี้งก ไม่ไปด้วยก็ได้” 

     

    ไม่ได้บอกว่าให้จ่ายเป็นเงินสักหน่อย

     

    อะไรก็ไม่ให้ทั้งนั้นแหละ จำไว้เลย...มาเองก็ได้”  เต๋ายังคงขำออกมาอย่างต่อเนื่อง  เมื่อเริ่มรู้สึกว่าคนด้านหลังจะเริ่มงอน

     

    นี่เรางกกว่าพี่อีกนะ จะไม่ให้อะไรพี่จริงๆหรอ?” เต๋าเอี้ยวตัวมองมาด้านหลังเล็กน้อย  แต่ยังคงส่งแรงขับเคลื่อนพาหนะสองล้ออย่างสม่ำเสมอ

     

    ไม่...พี่เต๋า!!!”  คชาตอบปฏิเสธ ก่อนจะแทนที่ด้วยเสียงตกใจร้องลั่นทันทีเมื่อคนตัวเล็กมองเห็นสิ่งมีชีวิตสี่ขากำลังเดินตัดผ่านหน้ารถจักรยานของตน  โดยที่เต๋ามองไม่เห็นเพราะมัวแต่หันมาคุยกับคชา   ตาคู่กลมหลับเมื่อรู้สึกมั่นใจแน่ว่ารถจักรยานต้องปะทะกับร่างของน้องหมา  สองมือที่อยู่ไหล่ย้ายมากอดเอวหนาของพี่ชายตัวสูงแน่น

     

    เอี๊ยด!!

    เสียงเบรกของรถจักรยานสองล้อดังขึ้น  ดวงตาคู่เล็กค่อยๆลืมขึ้นอย่างช้าๆเมื่อไม่รู้สึกถึงแรงปะทะอะไรนอกไปเสียจากแรงปะทะของใบหน้าตัวเองกับแผ่นหลังของอีกคน

    เกือบไปเสียงถอยหายใจพรืดยาวของคนตัวสูงดังขึ้น  แล้วมองสิ่งมีชีวิตสี่ขาวิ่งผ่านหน้าไป ก่อนจะก้มลงมองแขนเล็กที่กอดเอวเขาเอาไว้เสียแน่น  เต๋าปล่อยมือจากแฮนด์รถ ก่อนจะวางมือไปยังมือเล็กที่เอว แล้วเอี้ยวตัวมองมายังคชา

     

    เป็นอะไรไหม”  เด็กน้อยส่ายหัวรัว  แม้จะรู้สึกถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติของตนเองอยู่บ้างก็ตาม 

     

    ดีที่เบรกทัน”  มือหนาลูบมือบางไปมาคล้ายจะปลอบประโลม ก่อนจะได้ยินเสียงร้องทักจากไทด์ที่ขับจักรยานตามกันมา

     

    เต๋าเป็นไรไหม?

     

    ไม่เป็นไรครับพี่” 

     

    งั้นตามมานะ”  ไทด์พยักหน้าให้รุ่นน้อง แล้วขับจักรยานออกไป

     

    ไปต่อนะคนตัวเล็กพยักหน้า  แล้วจักรยานสองล้อก็เคลื่อนตัวอีกครั้งโดยที่สองแขนเล็กยังเอื้อมโอบอยู่ที่เอวของอีกคน  เต๋าแอบอมยิ้มก้มมองมือบางที่ประสานกันอยู่ที่เอวของตนเอง ในใจนึกอยากแซวอีกคนแต่คิดไปคิดมาก็ลืมมันไป  เพราะถ้าแซวออกไปคชาคงปล่อยแขนออกทันที  อีกอย่างอยู่แบบนี้ก็อุ่นดี รู้สึกปลอดภัยชะมัด

    --------------------------------------------------------------------------

    ใช้เวลาร่วมชั่วโมงในการขับขี่ยานพาหนะสองล้อมายังมหาวิทยาลัยอีกแห่ง แม้ว่ากิจกรรมนี้จะจัดเป็นปีแรกแต่ผู้คนก็ดูหนาตา  หลังจากมาถึงที่หมายได้สักพักคนตัวเล็กก็กระโดดลงจากจักรยานทันทีไม่บอกไม่กล่าว  เต๋าได้เพียงแต่มองตามแผ่นหลังเล็กที่เดินลิ่วๆออกไป  คนตัวสูงสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ก่อนจะมองไปยังสนามกว้างของมหาวิทยาลัยที่ซึ่งแห่งหนึ่งเคยเกิดเรื่องราวมากมาย  รำลึกเหตุการณ์บางอย่างทั้งที่เคยได้ยินและได้อ่านมาบ้าง  แม้จะไม่ได้มีโอกาสได้มาที่แห่งนี้บ่อยนัก  แต่ทุกครั้งที่มาเขาจะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศบางอย่างที่ไม่เคยได้รับจากที่ไหน  หลายครั้งที่นึกอิจฉานักศึกษาที่นี่ที่มีโอกาสได้มาสัมผัสความรู้สึกแบบนี้ทุกวัน  ตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเองสักพักก่อนที่ความเย็นข้างแก้มจะเรียกให้เต๋ารู้สึกตัว

     

    กินน้ำ”  เต๋าอมยิ้มทันทีเมื่อรู้ว่าใครคือเจ้าของขวดน้ำเย็นข้างแก้ม

     

    จะไปซื้อน้ำไม่บอกกันเลยนะ นึกว่าต้องไปประกาศตามหาเด็กหายซะแล้ว”  มือหนารับขวดน้ำมา  เปิดฝาออกแล้วยกขึ้นดื่ม

     

    มหาลัยแค่นี้เองจะหายได้ไงเล่า”  คชาว่าแล้วยกขวดน้ำของตัวเองขึ้นดื่มบ้าง

     

    โอ่ะ!”  ร่างเล็กอุทานเมื่อรู้สึกถึงแรงปะทะที่ช่วงตัว  ตาคู่กลมก้มลงมองเด็กน้อยน่ารักที่วิ่งมาชนตนเองอย่างเอ็นดู 

     

    ขอโทษฮะเด็กน้อยแก้มป่องอายุราวห้าขวบยกมือขึ้นไหว้คชาแล้วกล่าวขอโทษ

     

    ไม่เป็นไรครับ ชื่ออะไรน่ารักจังเลย”  คนตัวเล็กถามเด็กน้อยแก้มป่อง  เต๋าที่มองดดูเหตุการณ์อยู่ล้วงมือไปหยิบโทรศัพท์คู่ใจในกระเป๋ากางเกง หวังแชะภาพเด็กน้อยสองคนตรงหน้า

     

    ชื่อโตโต้ฮะ” 

     

    ชื่อน่ารักเหมือนตัวเลย”  คนตัวเล็กหัวเราะคิกคัก แล้วนั่งยองกับพื้นให้อยู่ในระดับเดียวกับเด็กน้อยแก้มป่องตรงหน้า  โดยไม่ทันได้สังเกตช่างภาพที่กำลังแอบกดโทรศัพท์มือถืออยู่

     

    แล้วน้องโตโต้มากับใครหรอ คุณพ่อกับคุณแม่ไปไหน”  เสียงใสเอ่ยถามด้วยความเอ็นดู  นึกหมั่นเขี้ยวอยากจะหยิกแก้มกลมนั้นสักทีสองที

     

    คิกๆ  โตโต้หนีป๊ากับหม่าม๊ามาฮะ อย่าบอกใครนะ ชู่วๆ”  เด็กน้อยหัวเราะเสียงใส มองซ้ายมองขวาแล้วยกนิ้วชี้ขึ้นมาแตะที่ริมฝีปากบางของคชา  ทำให้คนตัวสูงที่กำลังกดถ่ายภาพอยู่เดินเข้ามาทันที เต๋าไม่ได้รู้สึกอะไรจริงๆนะ แต่ถ้าเต๋าบอกว่าอิจฉาเด็กจะบาปไหม?

     

    หนีออกมาแบบนี้คุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงแย่แล้วนะ”  เต๋านั่งลงข้างคนตัวเล็กแล้วเริ่มสนทนากับเด็กน้อยแก้มป่อง

     

    โตโต้ หายมาอยู่นี่เองนะลูก”  ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่คงจะเป็นแม่ของเด็กน้อยเดินตรงมายังทั้งสามคน

     

    ขอโทษนะคะ ที่น้องมากวน

     

    ไม่เป็นไรครับไม่ได้กวนอะไร  คนแถวนี้ออกจะดีใจเหมือนเห็นเพื่อน”  เต๋าแซวคนตัวเล็กด้านข้าง  คชาหันหน้ามองคนตัวสูงกว่าอย่างเอาความทันที

     

    หม่าม๊ามารับแล้ว โตโต้ไปก่อนนะครับพี่น่ารัก  บะบาย”  คนตัวสูงหลุดหัวเราะทันทีเมื่อได้ยินสรรพนามเรียกชื่อที่เด็กน้อยโตโต้ใช้เรียกคนตัวเล็ก

     

    หือ..พี่ไม่ได้ชื่อน่ารักนะ พี่ชื่อคชาคชาทำหน้างงกับสรรพนามใหม่  แม้มันค่อนข้างจะออกไปทางบวกก็เถอะแต่ฟังแล้วมันก็แอบเขินเหมือนกัน

     

    งั้นก็ต้องเรียกว่าพี่คชาน่ารักเด็กน้อยว่าแล้วยกมือสองข้างจับแก้มตนเองตีเบาๆสองสามทีด้วยความไร้เดียงสา

     

    โตโต้คงอยากบอกว่าหนูน่ารักคชาเกาหัวยิ้มเขินให้กับผู้เป็นแม่ของเด็กน้อย

     

    งั้นขอตัวก่อนนะ  โตโต้บ๊ายบายพี่เขาสิลูก”  เด็กน้อยที่จูงมือผู้เป็นแม่ยกมือขึ้นบ๊ายบายทั้งเต๋าและคชา  เตรียมตัวหันหลังเดินออกไป แต่คนตัวเล็กก็ร้องทักไว้ก่อน

     

    โทษนะครับ  น้ำแก้วนั้นซื้อที่ไหนหรอฮะ”  คนตัวเล็กถามในขณะที่ตาคู่กลมเหลือบไปเห็นแก้วน้ำสีสวย

     

    อ่อ ร้านกาแฟหน้ามหาลัยค่ะคชาพยักหน้ารับ

     

    อยากกินหรอครับพี่น่ารัก”  เต๋าเลียนแบบเสียงโตโต้แซวคนคนตัวเล็กด้านข้างทันทีที่โบกมือร่ำลาเด็กน้อยแก้มป่องเรียบร้อย

     

    พี่เต๋า..”  คชาจิปากมองคนแซว  ทำให้เต๋าหลุดขำออกมาเป็นรอบที่ร้อยของวัน

     

    โอเคๆ เดี๋ยวพี่เต๋าพาพี่น่ารักไปซื้อนะ ร้านนี้พี่เต๋าเคยไป

     

    อยากกินสตอร์เบอรี่ปั่น

     

    ต้องเลี้ยงใช่ไหมครับ?” คนตัวสูงถามแล้วยกแขนขึ้นโอบไหล่บางไว้ แม้จะไม่ได้ปฏิเสธ แต่ชั่ววินาทีที่โดนสัมผัส คนตัวเล็กแอบคิดในใจว่าช่วงนี้พี่เต๋าชักจะถึงเนื้อถึงตัวมากเกินไปแล้ว

     

    ไม่ได้บอกให้เลี้ยงซักหน่อย

     

    เดี๋ยวจ่ายแทนน้ำเปล่าขวดนี้ก็แล้วกันเต๋าว่าแล้วโอบไหล่เล็กเดินไปยังร้านกาแฟหน้ามหาลัย

     

    --------------------------------------------------------------------------

    อร่อยไหม”  เต๋าก้มลงมองคนตัวเล็กที่กำลังนั่งดูดน้ำสตอร์เบอรี่ปั่นอย่างตั้งใจ

     

    กินไหม?”  มือเล็กยื่นแก้วสตอร์เบอรี่ปั่นไปยังอีกคน ตากลมแป๋วสดใสเสียจนอดใจปฏิเสธไม่ลง  เต๋าอมยิ้มเล็กน้อยแล้วก้มลงสัมผัสหลอดดูดแล้วลิ้มชิมรสของโปรดของคนตัวเล็ก  ดวงตาคู่คมมองจ้องสำรวจใบหน้าอีกคน  นึกถึงคำพูดของเด็กน้อยแก้มป่องที่เรียกคชาว่า พี่น่ารัก’ แล้วก็ได้แต่ยิ้มออกมา

     

    พี่น่ารักคงจะชอบสตอร์เบอรี่มากสินะ” 

     

    ก็นิดนึงคชาตอบแล้วหันมาสนใจแก้มสตอร์เบอรี่ปั่นในมืออีกครั้ง  แอบเขินไม่น้อยทุกครั้งที่พี่เต๋าแซวว่า ‘พี่น่ารัก แต่ก็พยายามปกปิดไม่แสดงอาการอะไรออกมา

     

    แล้วเขาจะพาไปไหนต่อฮะดวงตาคู่กลมทอดมองผ่านกระจกใสจากของตัวร้านไปยังบริเวณด้านนอก  ที่ตอนนี้ผู้คนที่เข้าร่วมกิจกรรมกำลังอยู่ในช่วงเวลาการพักผ่อนตามอัธยาศัย

     

    เดี๋ยวกลับที่เดิม แต่เปลี่ยนเส้นทางไปทางสนามหลวง ได้ผ่านเสาชิงช้าด้วยนะ

     

    เคยมาเสาชิงช้าตอนม.ต้น เพื่อนพานั่งรถเมล์มา” 

     

    โดดเรียนมาหรือเปล่า?” 

     

    เปล่านะ  วันนั้นสอบเสร็จแล้วเลิกเร็วต่างหากแก้มใสพองลมอีกครา เมื่อโดนอีกคนท้วง

     

    เหนื่อยไหม?” เต๋ายิ้มน้อยแล้วถามคนตัวเล็กข้างหน้าที่ก้มลงไปจัดการสตอร์เบอรี่ปั่นในแก้วอีกครั้ง

     

    เหนื่อยอะไรเล่า คชายังไม่ได้ทำอะไรเลย พี่เต๋าต่างหากเหนื่อยไหมปั่นมาตลอดทางเลย

     

    แค่นี้สบายมาก  พี่น่ารักตัวเบาหวิวเหมือนปุยนุ่น ซ้อนหลังทีพี่ไม่รู้สึกว่ามีคนนั่ง” 

     

    พี่เต๋าเว่อร์สุดๆ

     

    จริงๆนะ  ถ้าไม่เห็นว่ามีแขนกอดอยู่ที่เอว พี่คงนึกว่าตัวเองมาคนเดียว”  ท้ายที่สุดเต๋าก็อดไม่ได้ที่จะแซวอีกคน

     

    ห้ามแซวนะ หยุดเลยคชามุ่ยหน้าก่อนจะก้มต่ำจ้องมองแก้วสตอร์เบอรี่ปั่นของตนเองอีกครั้ง  นึกถึงตอนที่ตัวเองกอดเอวพี่เต๋า  ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ตัวแต่แค่รู้สึกว่ากอดเอวพี่เต๋ามันปลอดภัยกว่าเกาะไหล่นี่นา

    --------------------------------------------------------------------------

    นอกจากเต๋าจะได้รับหน้าที่ผู้ปั่นจักรยานอย่างถาวรแล้ว ตัวเขาเองยังพ่วงหน้าที่ไกด์ประจำตัวของคนตัวเล็กด้านหลัง  ทำให้ตลอดเส้นทางจากตัวมหาวิทยาลัย  ลัดเลาะออกมายังถนนรอบด้านสนามหลวงผ่านเสาชิงช้า  จนถึงช่วงที่ต้องลอดผ่านอุโมงค์กลางเมืองจวบจวนจะถึงจุดเริ่มต้นกิจกรรมในตอนเช้า จึงมีเสียงบรรยายทุ้มนุ่มบอกเล่าเรื่องราวต่างๆจากปากของเต๋าไม่หยุด  หลายเรื่องที่พี่เต๋าเล่าให้ฟังก็ทำให้ประหลาดใจไม่น้อย คนตัวเล็กพยักหน้าเออออบ้าง ตั้งคำถามสงสัยบ้าง แต่คนเล่าก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าเบื่อหน่ายเลยสักนิด ตรงกันข้ามกับรู้สึกสนุกและดีใจที่คนตัวเล็กด้านหลังสนใจเรื่องราวเหล่านั้น   

    เดี๋ยวเต๋ากลับก่อนนะพี่ไทด์

     

    ได้ๆ แล้วเจอวันจันทร์  กลับบ้านดีๆนะน้องคชา”  ไทด์ตบบ่ารุ่นน้องแล้วเดินกลับไปยังกลุ่มเพื่อนของตนทันทีเมื่อล่ำลาทั้งเต๋าและคชาเสร็จ

     

    หิวยังเรา หาอะไรกินก่อนกลับไหม?

     

    กลับไปกินบ้านดีกว่า  แบกจักรยานไปมาหนักแย่เลย

     

    แล้วใครว่าพี่จะแบก ก็ปั่นไปสิหรือเราจะปั่นกลับบ้านดี

     

    จะดีหรอพี่เต๋า รอให้ทางจักรยานดีกว่านี้แล้วค่อยปั่นดีกว่านะ”  คชาทำหน้าตาจริงจังไม่นึกว่าเต๋ากำลังล้อเล่น  เด็กน้อยกำลังคิดภาพตัวเองนั่งซ้อนท้ายจักรยานรอบข้างเต็มไปด้วยยานพาหนะสี่ล้อขับผ่าน  แค่คิดก็นึกเสียวแปลกๆแล้ว 

     

    งั้นกลับไปกินบ้าน เดี๋ยวพี่พับจักรยานก่อนคชาพยักหน้ารับแล้วยืนมองพี่เต๋าพับจักรยานสักพัก

     

    เต๋าชวนคนตัวเล็กขึ้นรถเมล์แทนรถไฟฟ้า  ระยะทางจากมหาวิทยาลัยมายังซอยมีสุข 23 ไม่ได้ไกลนัก  คนตัวสูงเล่าเรื่องนู้นนี่ไปตลอดทาง ชักชวนคชาให้มองสถานที่ตามเส้นทางการเดินทางของรถโดยสารประจำทาง  ก่อนจะต้องหยุดเรื่องเล่าทั้งหมดลงเมื่อหัวกลมๆนั้นพิงซบลงมาที่ไหล่หนา ดวงตาคู่กลมหลับพริ้มเข้าสู่นิทราไป   ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มแล้วลูบศีรษะกลมนั้นด้วยความเอ็นดู 

     

    เดี๋ยวพี่แวะไปส่งคชาที่บ้านก่อนแล้วกันเต๋าบอกในขณะที่ตนกลับมาทำหน้าที่เป็นคนปั่นจักรยานซ้อนคนตัวเล็กอีกครั้ง  พอลงจากรถเมล์มาเต๋าก็ประกอบยานพาหนะสองล้ออีกหน  แม้จะปั่นจักรยานมาแล้วหลายชั่วโมง  ยอมรับว่าเหนื่อยไม่น้อยแต่ความสนุกยังคงมีมากกว่าอยู่ดี

     

    แล้วพี่เต๋าจะไปไหนต่อหรอ?” 

     

    พี่ว่าจะแวะมาที่ร้าน

     

    ไม่กินข้าวหรอฮะ

     

    เดี๋ยวค่อยมากินที่ร้านก็ได้”  เต๋าว่าแล้วหยุดรถจักรยาน จอดลงที่ด้านหน้าร้านเมื่อมองเห็นพี่สาวของคนตัวเล็กอยู่ในร้านชานมไข่มุก

     

    พี่มิ้นท์”  คนตัวเล็กถลาลงจากพาหนะสองล้อไปหาพี่สาวทันที  ตามมาด้วยร่างสูงที่พึ่งจอดรถจักรยานเสร็จแล้วเดินตามเข้ามาในร้านอีกคน

     

    เป็นไงคชา ปั่นจักรยานสนุกไหม?  ตี๋ถามทันทีเมื่อเห็นน้องชายตัวเล็กข้างบ้านเข้ามาในตัวร้าน

     

    ไม่รู้ ไม่ได้ปั่นเลยฮะ นั่งซ้อนอย่างเดียว” 

     

    อ้าว ทำไมว่างั้นหละ”  มิ้นท์ถามขึ้นด้วยความสงสัย

     

    พอดีจักรยานที่ยืมไว้มันหมดครับพี่มิ้นท์  คชาเลยมานั่งซ้อนท้ายให้เต๋าปั่นแทน”  ประโยคของเต๋าเรียกเสียงหัวเราะจากคนในร้านให้ดังขึ้นพร้อมกันทันที

     

    เหมือนไอ้เต๋าจะเสียเปรียบนะ แต่ได้กำไรเต็มๆเลยว่ะ  ใช่ไหมเต้?”  ตี๋พูดขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะ  แล้วหันหน้าไปขอความเห็นจากเด็กในร้าน

     

    ผมก็ว่าอย่างงั้นแหละครับคุณตี๋”  โปเต้ว่าแล้วขยับกรอบแว่นสี่เหลี่ยมสีดำตามนิสัยเฉพาะตัว  ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตที่เหลือทำหน้างงใส่กัน

     

    พูดอะไรกันเจ้านาย ลูกน้องคู่นี้ เห็นไหมคนอื่นเขางง  ว่าแต่เต๋ากับคชากินอะไรมาหรือยัง กับข้าวที่บ้านมีนะ”  มิ้นท์ถามน้องชายตัวเล็กที่ทำหน้ายู่ ลูบท้องน้อยป้อยๆเป็นสัญญาณว่ากำลังหิว

     

    งั้นเราสองคนเข้าบ้านไปกินข้าวก่อนเถอะ  พี่ยังอยู่ร้านอีกสักพักเดี๋ยวตามเข้าไปนะมิ้นท์ส่งกุญแจบ้านให้น้องชายตัวเล็ก  ก่อนที่ทั้งเต๋าและคชาจะขอตัวออกจากร้าน  ซ้อนท้ายจักรยานแล้วมุ่งไปยังบ้านแฝดสองหลัง

     

    ตี๋กับเต้  ไม่ต้องมาทำนิ่งเลยนะ  เมื่อกี้ว่าอะไรมิ้นท์ยังงงอยู่เลยนะ”  ตี๋หัวเราะทันทีเมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานของเพื่อนบ้านคนสวยกำลังทำหน้าดุใส่ตน

     

    ไอ้เต้ บอกมิ้นท์ทีดิ

     

    รอติดตามชมตอนต่อไปครับคุณมิ้นท์

     

    กวนจริงๆนะ เจ้านาย ลูกน้องร้านนี้”  มิ้นท์ว่าอย่างปลงๆแล้วหันไปสนใจ  ขนมเค้กในตู้แช่  ปล่อยให้สองเจ้านายลูกน้องส่งสายตาให้กันอย่างรู้ทัน  ทำไมไม่รู้ตอนเห็นรอยยิ้มไอ้น้องชายสุดที่รักที่เดินตามคชามาในร้านแล้วมันนึกหมั่นไส้  ตี๋ว่าจะไม่แซวอะไรเสียแล้วเพราะเกรงใจมิ้นท์แต่มันก็อดไม่ได้จริงๆ

     

    --------------------------------------------------------------------------

     

    มีอะไรกินบ้างคชา”  เต๋าถามทันทีเมื่อเปิดประตูไม้เข้ามาในตัวบ้านเลขที่ 23/3  ตาคมมองเห็นคนตัวเล็กกำลังง่วนกับการหยิบจานนู้นนี่ใส่ไมโครเวฟ

     

    เยอะแยะมากมาย...หิวหละสิ”  เต๋าเดินตรงไปยังอ่างล้างจานทันที  เพราะก่อนหน้านี้เขาพึ่งจัดการพับจักรยานเสร็จ  มือไม้ยังไม่ทันได้ล้าง

     

    หิวแต่คงไม่เท่าเรามั้ง”  เต๋าแซวแล้วหันมาช่วยยกพาชนะที่บรรจุอาหารสองสามใบไปยังโต๊ะกินข้าว

     

    อย่ามาว่ากันนะ เด็กกำลังโต”  คชายกจานข้าวสองใบวางไว้บนฝั่งตัวเอง  แล้วส่งอีกใบไปให้เต๋าที่อยู่ตรงข้าม  ก่อนที่ทั้งสองคนจะนั่งลงบนเก้าอี้แล้วลงมือทานอาหารเที่ยงในช่วงเวลาบ่ายสองทันที

     

    งั้นเด็กกำลังโตก็ต้องกินเยอะๆนะ”  เต๋าบอกแล้วตักไข่พะโล้ลูกโตไปยังจานข้าวของอีกคน  คชาพนักหน้ารับก่อนจะถามคำถามอีกคน

     

    แล้ววันนี้พี่เต๋าจะไปไหนไหม?

     

    เดี๋ยวกลับบ้านอาบน้ำแล้วคงแวะไปร้าน แล้วเราไม่ออกไปไหนหรอ?

     

    ว่าจะอ่านหนังสืออยู่บ้านฮะ

     

    ไหนว่าอ่านหนังสือตอนกลางวันไม่ค่อยรู้เรื่องไง

     

    ก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็รู้เรื่องบ้างไง...ไม่อยากปล่อยให้เวลาผ่านไปเฉยๆ

     

    ไม่ต้องเครียดมากนะเต๋าบอกคนตัวเล็กด้วยความเป็นห่วง

     

    ไม่เครียดๆ  คนอื่นเครียดกว่านี้ตั้งเยอะ”  คนตัวเล็กส่ายหน้าพัลวัน  แอบนึกถึงเพื่อนร่วมชั้นที่ดูจริงจังกับการสอบเข้าเรียนต่อมากกว่าตัวเองหลายร้อยเท่า  พยายามไม่เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น แต่บางครั้งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความพยายามของคนรอบข้างเหมือนเป็นแรงกระตุ้นบางอย่าง

    --------------------------------------------------------------------------

    หลังจากจัดการอาหารสามอย่างกับข้าวสวยจานพูนคนละจานเสร็จเรียบร้อย  ทั้งเต๋าและคชาก็ช่วยกันล้างจาน ทำความสะอาดห้องครัว  ก่อนจะมานั่งหมดแรงอยู่โซฟาตัวยาวหน้าทีวี

     

    หาววว”  มือเล็กยกขึ้นปิดปากก่อนจะหาวออกมาเสียฟอดใหญ่

     

    ง่วงอีกแล้ว  พึ่งหลับบนรถเมล์มาไม่ใช่หรอเต๋ายกมือซ้ายขึ้นโยกศีรษะกลมด้วยความเคยชิน  มือบางเริ่มควาญหาหมอนใบเล็กใกล้ตัว  แล้ววางลงบนตักของพี่ชายตัวสูง ก่อนจะแทนที่ศีรษะของตัวเองลงไป

     

    วันนี้ใช้งานพี่เปลืองจังนะคนตัวเล็กไม่ตอบ เพียงแต่ส่งเสียงครางเครือในลำคอ หลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อน ทำให้อีกคนอดไม่ได้ที่จะยกมือหนาลูบกลุ่มผมดำอีกครั้ง ร่างที่แน่นิ่งกับลมหายที่เข้าออกสม่ำเสมอเป็นสิ่งยืนยันทำให้รู้ว่าคนตัวเล็กบนตักหลับเข้าสู่นิทราไปอีกครา

     

    ฝันดีครับพี่น่ารัก”  เต๋าก้มลงกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหูของคชา ก่อนจะปล่อยให้ตัวเองหลับตาลงช้าๆ ซึมซับความรู้สึกบางอย่าง  ตั้งแต่มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะสดใสของคชาเข้ามาในชีวิต  เต๋าก็รู้สึกเหมือนเวลาทุกวันนั้นมีคุณค่า วิถีชีวิตที่ไม่ได้มีเพียงแค่ทำงานและกลับบ้านให้  การได้นั่งคิดว่าวันนี้จะชวนคนบนตักคุยเรื่องอะไรบ้างหรือชวนไปทำอะไรบ้างนอกจากจะเพิ่มการทำงานของเซลล์สมองแล้วยังกระตุ้นการทำงานของอวัยวะในอกข้างซ้าย   การได้ทำตามหัวใจตัวเองบางอย่างทำให้เขาเองมีความสุขอย่างในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  ตอนนี้รู้สึกว่าเพียงพอแล้ว แต่ถ้าในอนาคตอยากทำตามหัวใจตัวเองมากกว่านี้ เด็กน้อยที่นอนหลับอยู่บนตักเขาอยู่ตอนนี้จะว่ายังไงบ้างนะ ...

     

     











     

    เสียงเปิดประตูบ้านดังขึ้น  ยังไม่ทันจะได้เอ่ยร้องทักใคร มิ้นท์ก็ต้องอมยิ้มให้กับภาพที่ตนเห็นตรงหน้าเสียก่อน  ภาพของน้องชายตัวแสบของตนเองกำลังหนุนตักพี่ชายคนสนิทอยู่บนโซฟาตัวยาว  ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอของทั้งสองคนเป็นสัญญาณให้มิ้นท์ได้รับรู้ว่าทั้งสองกำลังจมดิ่งในห้วงนิทรา  คราแรกตั้งใจจะเดินไปปลุกแต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นการเดินให้เงียบที่สุดเมื่อเห็นรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของทั้งสองคน 

     

    สงสัยกำลังหลับฝันดีทั้งคู่ ปล่อยให้นอนต่อคงจะดีกว่า

     

     

    --------------------------------------------------------------------------

     

    ตอนนี้มาด้วยความประหลาด  เกิดจากอารมณ์ที่อยากไปงานปั่นจักรยานของมหาลัยแต่อดไป
    เลยจัดการระบายลงฟิค
      TOT … ฟิคเรื่องนี้มันออกแนวจบเป็นตอนๆมากกว่านะคะ 555
    แต่ไม่ใช่ซิทคอมเพราะถ้าซิทคอมคงยาวมาก
      เพราะถ้าตามหลักของซิทคอมเรื่องมันต้องเยอะกว่านี้
    ตัวละครทุกตัวต้องโผล่ในหนึ่งตอน
      เอาเป็นว่าคนแต่งไปเจออะไรมาจะเอามาบอกเล่าผ่านฟิคประมาณนี้มากกว่า 
    (55555 ตามใจตัวเองสุด)  บางครั้งเราก็เอาไอเดียมาจากคอมเม้นท์นี่แหละเพราะบางทีไม่รู้จะแต่งออกไปทางไหนจริงๆ  (สงสารฟิคเหลือเกิน)  ขอบคุณที่ยังติดตามกันอยู่นะคะ ^____________^

     

    @CHICKIMILK

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×