ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
FIC EXO SCHOOL HORROR [END]

ลำดับตอนที่ #5 : SCHOOL : CHAPTER3

  • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ค. 56


CHAPTER3

 

ตึง ตึง ตึง ~

เสียงดังกังวานของนาฬิกาโรงเรียนดังขึ้นเมื่อครบสามชั่วโมง

พวกเราได้แต่นั่งเฉยๆในห้องเดิม ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง
แม้แบคฮยอนจะยืนกรานแล้วว่าต้องตามหาคนที่ขโมยเพชรให้เจอ แต่พวกเราก็ยังไม่กล้าที่จะทำอะไรอยู่ดี

 

“ผมว่าเราควรจะทำอะไรสักอย่างได้แล้วนะ” เป็นเซฮุนที่เริ่มเปิดปากพูด

“ทำอะไร?”

“ผมก็ไม่รู้ แต่เรานั่งในห้องนี้นานเกินไปแล้ว” “ผมว่าเราควรจะออกไปจากห้องนี้กันสักที”

ชานยอลพยักหน้าเห็นด้วย “แล้วเราควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี?”

 

“ออกไปตามหาซูโฮกันเถอะ!

 

--SCHOOL HORROR—

 

 

[yixing (lay) PART]

พวกเราทั้งหมดตัดสินใจออกมาจากห้อง

ระหว่างทางผมเห็นนาฬิกาผนัง เข็มสั้นชี้เลขแปด เข็มยาวชี้เลขหก เวลาผ่านไปไวเหลือเกิน

นี่พวกผมอยู่ในห้องนั่นยันสองทุ่มครึ่งเลยงั้นเหรอ

 

พวกเราเดินตามทางระเบียงไปเรื่อยๆโดยมีแบคฮยอนและชานยอลคอยนำ
ผมที่เดินรั้งท้ายสุดได้ยินแว่วๆว่าทั้งคู่เถียงกันอยู่ว่าจะขึ้นลิฟท์หรือเดินลงบันได
ชานยอลบอกให้ขึ้นลิฟท์ไปชั้นบนสุดเพื่อตามหาซูโฮ

แบคฮยอนบอกให้เดินลงบันไดไปชั้นล่างสุดเพื่อตามหาซูโฮเช่นกัน ทั้งคู่มีจุดประสงค์เดียวกัน
แต่จุดเริ่มต้นขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง เหมือนทั้งสองจะไม่มีใครยอมใครจึงเกิดเป็นสงครามขนาดเล็ก

ผมเริ่มปล่อยระยะห่างจากพวกเพื่อนๆโดยไม่รู้ตัว รู้สึกเหมือนคนอื่นเดินนำไปแล้วแต่ผมยังยืนอยู่กับที่

ยืนอยู่หน้าห้องพยาบาล


พลันสายตาผมดันไปสะดุดเข้ากับนาฬิกาดิจิตอล มันนับถอยหลังเรื่อยๆภายใน5นาที

เสียงติ๊กติ๊กตามวินาทีที่ลดลงเรื่อยๆทำให้ผมเริ่มระแวง รู้สึกเหมือนรอบๆตัวเยือกเย็นและร้อนระอุในเวลาเดียวกัน ผมละสายตาจากนาฬิกานั่นและกำลังจะเดินต่อไป แต่แรงฉุดที่ข้อเท้าอย่างแรงทำให้ผมที่กำลังก้าวขาอยู่เสียหลักและล้มลง

 

มีคนฉุดขาผม

 

ผมพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นแต่ทำไมได้ ด้วยความที่พื้นมันเป็นกระเบื้องลื่นหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ที่รู้ๆแรงฉุดที่ข้อเท้านั่นกำลังลากผม

มันลากจนตัวผมต้องไถลไปตามพื้น แม้จะพยายามสะบัดมือเย็นๆจากข้อเท้า แต่ยิ่งดิ้นเหมือนแรงลากยิ่งมากขึ้น

 

“พวกนายช่วยด้วย!

 

…..

 

ไม่  พวกเขาไม่ได้ยินเสียงผม มันไกลเกินไป

 

ผมมองเห็นแผ่นหลังไคและคนอื่นเดินไปเรื่อยๆจนลับสายตา

ไม่มีใครหันกลับมาสนใจผมเลย

 

“ไม่นะ! ช่วยด้วย!

ผมตะโกนลั่นด้วยความกลัว แม้จะเอาเล็บมือจิกพื้นอยู่ก็ตาม แต่ด้วยสภาพที่นอนคว่ำยื้อแรงฉุดอยู่นั้น

ทำให้ผมแทบไม่มีแรงจะลุกเลย เหมือนร่างกายมันอ่อนแรงไปซะดื้อๆ

 

ผมปล่อยร่างกายให้ลากกับพื้นตามแรงฉุดของมือปริศนามาเรื่อยๆ มันลากผมเข้ามาในห้องเรียนห้องหนึ่ง

ผมได้แต่ร้องด้วยความเจ็บตามร่างกาย แม้ว่าพื้นจะลื่น แต่การลากในสภาพนอนคว่ำทำให้ใบหน้าผมถลอกไปหมดเพราะแรงเสียดสี มันแสบซะจนผมคิดว่าเลือดต้องซิบแน่ๆ

 

ปึก!

 

“โอ้ยย”  มันเหวี่ยงตัวผมกระแทกกับโต๊ะเรียนอย่างแรงจนระบมไปหมด

 

มันที่ผมพูดถึงไม่มีตัวตน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นยังไง ผมไม่เห็นใครเลยตั้งแต่โดนลากมา

เพียงแค่รู้สึกถึงมือที่จับข้อเท้าผมเท่านั้น จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่เห็นร่างอะไรทั้งสิ้น

แต่มันก็ทำให้ผมหลอนได้เหมือนกัน ใครเป็นคนพาผมมาที่นี่ละ? ใครเป็นคนลากผมมา?

 

ผมค่อยๆบังคับร่างกายที่ฝกช้ำของตัวเองให้ลุกขึ้นยืน แต่ก็ทำได้แค่ลุกนั่งเท่านั้น

ขนลุกชันโดยไม่รู้สาเหตุ ทำได้เพียงลูบแขนไปมาให้คลายความกลัวไปได้บ้าง

 

ไฟในห้องเริ่มกระพริบติดๆดับๆ ตอนที่ไฟดับทุกอย่างในห้องจะมืดมิดจนผมมองอะไรรอบกายไม่เห็นเลย

มันกระพริบอยู่อย่างนั้นเรื่อยๆจนผมเริ่มกลัว

 

ครืดดดดดดดด

ครืดดดดดดดด

 

เสียงแสบแก้วหูเหมือนมีใครเอาเล็บขูดกำแพงดังขึ้น

เสียงมันลากมาใกล้ผมเรื่อยๆ  จนได้ยินข้างๆหู

ผมหลับตาปี๋ด้วยความกลัว รู้สึกถึงลมหายใจของใครอีกคนรดใบหน้าผม

มันใกล้มากใกล้จนผมไม่กล้าลืมตา

 

กลัวใครก็ได้ช่วยผมที !

 

 

 

แกรก

ครืดดดดดดด

 

คราวนี้ไม่ใช่เสียงขูดกำแพง แต่เป็นเหมือนเสียงลากของโต๊ะหรือเก้าอี้

 

ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมา เห็นเก้าอี้ริมห้อง….เลื่อนเข้ามาทางนี้!

 

เก้าอี้ไม้ที่เคลื่อนที่ด้วยตัวของมันเอง ค่อยๆลากเบาๆให้เกิดเสียงดังลั่นห้อง

จากช้าๆแปรเปลี่ยนเป็นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ผมจะไม่อะไรเลยถ้ามันไม่ลากมาทางผม

 

สมองผมสั่งการให้ลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปจากห้องนี้ซะ แต่แรงฉุดที่ข้อเท้าทำให้ต้องล้มลงอีกครั้ง

 

ไม่ทันแล้ว

 

เก้าอี้เลื่อนเข้ามาตรงหน้าผมก่อนจะต้อนผมเรื่อยๆจนหลังชิดกำแพงห้อง

ไม่มีที่ให้ถอยแล้ว เมื่อผมหลบไม่ได้ มันก็เลื่อนเข้ามาชนผมอย่างแรงจนเจ็บไปทั้งตัว

เมื่อครั้งแรกผ่านไป ครั้งต่อไปก็ตามมา มันกระแทกร่างกายผมบดขยี้กับกำแพงเรื่อยๆ

ร่างกายที่ระบมจากแรงลากและแรงกระแทกมาแล้วยิ่งฝกช้ำเข้าไปใหญ่จากแรงกระแทกของเก้าอี้

 

ตุบ ตุบ !

 

ร่างกายผมเริ่มจะรับไม่ไหว แรงจากเก้าอี้ไม้กระแทกเข้ามาที่ท้องน้อยผมอย่างจัง

หัวสมองเหมือนมึนไปชั่วขณะ ผมนับครั้งไม่ได้แล้วที่เก้าอี้นั่นกระแทกเข้ามาชนผมกับกำแพง

ไม่มีช่องว่างให้หลบหนีได้เลย

 

“อั่ก!”  ผมจุกจนพูดไม่ออก ปวกกระดูกไปหมดทั้งตัว มือก็พยายามดันเก้าอี้ออกไปแต่ก็สู้แรงของมันไม่ได้

 

แรงกระแทกของเก้าอี้กับกำแพงที่มีผมคั่นกลาง ทำให้ทั้งห้องสั่นคลอน

พลันสายตาเหลือบไปเห็นอะไรที่มันแวววับสะท้อนสายตาอยู่เหนือหัว

มันอยู่บนตู้หนังสือข้างๆตัวผม กำแพงที่สั่นคลอนทำให้ของข้างบนตู้เคลื่อนที่ตาม

อะไรบางอย่างที่ผมเห็นเมื่อครู่ มันคือมีด!!

 

มีดที่ไหลออกมาเรื่อยๆ ทำให้รู้ว่ามันจะตองตกลงจากที่สูงในไม่ช้าแน่ๆ

แต่มันจะไม่เป็นอะไรหากตำแหน่งที่ตกมันไม่ใช่ผม!

 

 

 

 

 

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด

 

 

เสียงร้องอันโหยหวนดั่งคมมีดที่ทิ่มแทงเข้ามาในตัวผม

มันฟังดูเศร้าศร้อยและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน

 

ก่อนจะจบลงด้วย….มีด

 

 

ฉึก!

 

……..

 

 

--SCHOOL HORROR—

 

 

[ JONGIN (KAI) PART]

 

พวกเราทั้งหกคนตัดสินใจขึ้นลิฟท์ตามคำสั่งของชานยอล

 

เดี๋ยวนะหก

หรือห้า ??

 

เรามีหกคนแต่นับได้ห้าคน อี้ชิง!!

 

“พวกนาย อี้ชิงไปไหน!

เสียงของผมทำให้ทุกคนที่ยืนรอลิฟท์อยู่รู้สึกตัว ดูเหมือนพวกเราจะลืมเพื่อนตัวเองอย่างไม่น่าให้อภัย

 

“นายเจอเขาครั้งสุดท้ายเมื่อไรไค?” แบคฮยอนถามน้ำเสียงร้อนรน

ผมนึกคิดไปตั้งแต่ตอนที่เราออกมาจากห้องได้ราวๆห้านาที

แบคฮยอนกับชานยอลเดินเถียงกันไปมาข้างหน้า คยองซูกับผมเดินข้างกัน โดยมีเซฮุนเดินกับอี้ชิงข้างหลัง

แต่ไม่นานเซฮุนก็เดินเข้ามาขนาบข้างคยองซู แล้วหลังจากนั่นพวกเราก็เอาแต่พูดเรื่องเพชร

 

“ฉันว่าอี้ชิงน่าจะหายไปตอนที่พวกนายเถียงกัน” ผมหันไปมองแบคฮยอนกับชานยอลที่ยังทำหน้างงอยู่อย่างนั้น

“ราวๆห้องพยาบาล”

“เดินกลับไปหาเหอะ”

 

--SCHOOL HORROR—

 

ผมเดินมายังห้องที่ว่า แต่ก็ยังไม่เห็นอี้ชิง ทุกคนก็มองหาแถวๆนั้นแต่ก็ไม่มีวี่แวว

จนพวกเราเริ่มกังวลและคิดไปต่างๆนาๆ แถวนี้ก็ไม่มีอะไรมากมาย มีแต่ห้องเรียนแล้วก็ห้องเรียน

มองไปทางไหนผมก็เห็นแต่ห้องเดิมๆ อี้ชิงจะไปไหนได้ล่ะ

 

“เฮ้ยย!

 

เสียงร้องของเซฮุนทำให้แต่ละคนที่แยกย้ายกันไปหาตามห้องต่างๆต้องเดินมาหาต้นเสียงอย่างช่วยไม่ได้

แววตาที่ดูตกใจอย่างมากของเซฮุนทำให้ผมไม่กล้าที่จะเข้าไปในห้องนั้น

 

คยองซูที่มองตามสายตาของเซฮุนไปก็มีท่าทีตกใจไม่แพ้กันจนผมอดไม่ได้ที่ต้องมองตาม

สภาพที่เห็นคือ ร่างของอี้ชิงที่ไร้สติคากองเลือด บนท้องมีมีดด้ามยาวปักอยู่

 

ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออก คนอื่นๆก็เช่นกัน

แบคฮยอนที่เพิ่งจะได้สติรีบวิ่งเข้าไปในห้องเพื่อช่วยเพื่อน แต่คงสายไป

 

ดูจากสภาพที่แน่นิ่งไม่ไหวติงทำให้พอรู้ว่าอี้ชิงตายแล้ว

 

“อี้ชิงงงง”

“อี้ชิงฟื้นสิ ฮือออ”  แบคฮยอนเขย่าตัวอี้ชิงไปมาหวังให้เป็นไปอย่างที่พูด

แต่เปล่าประโยชน์ เรามาช้าเกินไป

 

ปัง!

 

ประตูห้องปิดอย่างแรงจนพวกผมสะดุ้ง

 

ปัง

ปัง

ปัง

 

ตามด้วยหน้าต่างที่ปิดที่ละบานๆ

 

 

 

“ประตู..ประตูปิดแล้ว” คยองซูพูดเสียงสั่น ทุกคนดูจะตกใจไม่น้อยเหมือนรู้ว่ากำลังจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นภายในห้อง

 

บรรยากาศแบบนี้มัน

 

 

ครืดดดดด

ครืดดดดด

 

“ฮี่ๆๆๆๆๆ”

 

……

“เสียงอะไรน่ะ!

 

“ฮี่ๆๆๆๆๆ” 

 

 

พรึ่บ!

 

ไฟทั้งห้องดับสนิท ผมมองไม่เห็นใครเลยสักคน แม้จะพยายามเพ่งมองในความมืดก็เปล่าประโยชน์

ได้ยินเสียงแค่เสียงลากอะไรสักอย่าง ฟังจากเสียงดูเหมือนของที่ลากนั้นต้องหนักมากแน่ๆ

 

 

ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ผมแทบจะหมดสติอยู่ตรงนี้ !!

 

“ฮี่ๆๆ”

 

ผู้หญิงคนหนึ่งคลานเข้ามาหาพวกเราช้าๆ เล็บของเธอจิกเข้าที่พื้นข้างหน้าเพื่อลากตัวเองให้ขยับเขยื้อน

ผมยาวๆของเธอลากพื้นตามมา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาขาวโพลนไร้ซึ่งตาดำ

น้ำเสียงที่เธอเปล่งออกมาโดยไม่ขยับปากทำให้ผมขนลุกซู่

 

“อ๊ากกกกกกก” เป็นชานยอลที่วิ่งไปทุบประตูรัวๆด้วยความหวาดกลัว

คนอื่นๆรีบวิ่งตามไปเกาะกุมกับชานยอลโดยอัตโนมัติ

 

“ฮี่ๆๆ” เสียงนั่นยังคงตามมาหลอกหลอนพร้อมกับร่างผีสาวที่ยังคลานมาทางพวกผมไม่หยุด

ปากของเธอค่อยๆฉีกยิ้มกว้าง..กว้างจนเกินไป เลือดที่ทะลักออกมาจากปากเธอทำให้ผมแทบอ้วก

 

“ทำไงดีๆๆ ชานยอล ฮือออ” แบคฮยอนหลับตาปี๋ พยายามไม่มองภาพตรงหน้า

ผมเห็นชานยอลทำอะไรสักอย่าง โดยการถอยห่างจากประตู

“นายจะทำอะไรเนี่ย มันจะมาถึงตัวเราแล้วนะ!” คยองซูโวยวายด้วยความกลัว

ผมเองก็มองชานยอลอย่างไม่เข้าใจ พอหันกลับไปมองข้างหลังอีกที ผีสาวก็คลานมาถึงพวกเราซะแล้ว

 

“ฮ..เฮ้ย!” ผมเผลอร้องออกมาเมื่อผีสาวที่เคยคลานอยู่ตอนนี้กลับกลายเป็นกระโจนมาหาผมพร้อมมีดที่ถืออยู่ในมือ

สภาพตอนนี้คือผีสาวนั่งคร่อมร่างผมอยู่ มือก็พยายามกดมีดให้เข้ามาถึงตัวผมมากที่สุดแต่ติดที่ผมรั้งแขนอันเย็นเฉียบของเธอไว้อยู่

ใบหน้าของเธอเละซะจนผมอยากจะอ้วก ยิ่งใกล้ๆแบบนี้กลิ่นสาบยิ่งเตะจมูก

 

เลือดที่คลั่งอยู่ในปากอันกว้างของเธอค่อยๆหยดลงใบหน้าผมอย่างช่วยไม่ได้

ผีสาวออกแรงกดใบมีดมาจ่อคอหอยผมจนได้ ความรู้สึกเย็นๆที่คอบ่งบอกให้รู้ว่าถ้าขยับเพียงนิดมีเฉือนแน่นอน

 

“ช..ช่วยด้วย!

 

ผมขอความช่วยเหลือไปทางเพื่อนๆ ที่ตอนนี้ถอยห่างด้วยความกลัว

 

“อดทนอีกนิดนะไค ใกล้จะพังได้แล้ว!

 

ชานยอลที่ตอนนี้ถอยห่างออกจากประตูเพื่อทุ่นแรงในการพังออกไป เซฮุนที่เห็นดังนั้นจึงออกแรงช่วยด้วย

 

ปัง!

 

ปัง!

 

ประตูเริ่มสึกหรอตามแรงกระแทก เสียงพังประตูอย่างแรงทำให้ร่างที่คร่อมอยู่บนตัวผมหันไปทันที

 

!!!

 

ผมฉวยโอกาสตอนที่เธอเผลอและปัดมีดออกไป

 

ปัง!!

 

สำเร็จ

 

ประตูพังออกมา ผมรีบวิ่งตามเพื่อนๆออกไปทันที

 

กรี๊ดดดดดดดดดดดด ด’   

 

เสียงกรีดร้องอันโหยหวนดังขึ้นภายในห้องหลังจากที่พวกเราทั้งหมดวิ่งออกมาได้

 

 

“แฮ่กๆๆ เกือบไม่รอดแล้ว” ผมหอบหายใจหนักน่วงเมื่อเราวิ่งเข้ามาในลิฟท์

 

“นายโชคดีมากรู้ไหมที่รอดมาได้”

“เกือบตายตามอี้ชิงไปแล้วไหมล่ะ”

แบคฮยอนถอนหายใจ แต่ก็ยังขนลุกชันไม่หาย ดูสภาพทุกคนก็ไม่ต่างกัน ยิ่งกับคยองซูและเซฮุนด้วยแล้ว

ทั้งสองเหมือนสติหลุดไปไกลตั้งแต่วิ่งออกมาจากห้องนั้น


“ให้ตายเหอะ ตั้งแต่เกิดมาจากท้องแม่ไม่เคยเจออะไรที่น่าสยองขนาดนี้”

 

ผมยกมือปาดเม็ดเลือดบนใบหน้าออกก่อนที่ทุกคนจะกลัวผมไปด้วยอีกคน

เงาสะท้อนจากกระจกลิฟท์ทำให้ผมสยองหน้าตัวเอง เต็มไปด้วยหยดเลือด

 

“ทีนี้ก็รู้กันแจ่มแจ้งแล้วใช่ไหมว่าใครฆ่านักเรียนพวกนั้น”

“ฉันว่าแล้วว่าโรงเรียนนี้ต้องมีผี” แบคฮยอนพูดไปหอบไป ใบหน้าที่ซีดเซียวบ่งบอกว่ายังกลัวไม่หาย

 

“แล้วจะเอาไงต่อละทีนี้ ฉันไม่อยากตามหาเพชรบ้าอะไรนั่นแล้วนะ ฉันอยากกลับบ้าน” :ชานยอล

“ฉันเหมือนกัน คราวนี้โชคช่วยที่รอดมาได้แต่คราวหน้าไม่รู้ว่าจะรอดแบบนี้อีกไหม” :แบคฮยอน

“โทรหาคนมาช่วยเหอะ!:เซฮุน

“ไม่ได้!:คยองซู

 

ทุกคนหันมองคยองซูทันทีหลังจากได้ยินเสียงค้าน

 

“ทำไม?”

“เราหนีไม่ได้นะ เราต้องหาคนขโมยเพชรก่อนสิ” คยองซูพูดเสียงอ่อน เอาอีกแล้ว ทำไมคนคนนี้ต้องค้านตลอดเลย
ชอบพูดอะไรในสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ

“นายเจออะไรมาเมื่อกี้ลืมไปแล้วเหรอ! ฉันไม่มีกะจิตกะใจมาหาเพชรแล้วนะ”

 

“แต่ฉันสงสัยอยู่คนนึง ที่ขโมยเพชรไป” เป็นผมที่พูดขัดขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นาน


“ใคร?”

 

 "........."
 

“ซูโฮ!

 

--SCHOOI HORROR--

 

THE★ FARRY
ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture