ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : One wish ..ღ
“Sey Yes Sey Yes Sey Yes Sey Yes Sey Yes!”
ดวงตากลมโตหลับปี๋อย่างลุ้นระทึก เสียงเชียร์เซ็งแซ่ของนักเรียนกว่าร้อยชีวิตดังขึ้นท่ามกลางหัวใจดวงน้อยที่เต้นรัวจนแทบจะระเบิดออกมาจากอก กำมือเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งๆที่มือเล็กนั่นเย็นเฉียบแทบจะเป็นน้ำแข็ง
“เฮ้!!!!”
ดอกไม้ช่อสวยถูกคนที่เดินขึ้นเวทีด้วยท่าทางสง่างามดุจเทพเจ้าลงมาจุติรับมาถือเอาไว้แนบอก ใบหน้าคมส่งยิ้มให้คนที่ยังคงหลับตาแน่นด้วยความตื่นเต้น ดอกไม้ในมือที่ถูกคนที่ตนเพิ่งสารภาพรักรับทำให้ทงเฮค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้น…….แล้วรอยยิ้มของคนตรงหน้าก็แทบทำให้ทงเฮหัวใจวายตาย ก่อนจะได้รับอ้อมกอดอุ่นๆ เป็นการปลอบประโลม
ประเพณีบอกรัก ของโรงเรียนมัธยมซอนฮวา จัดขึ้นทุกๆวันที่14ของเดือน…ทงเฮก็ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน คงเป็นอย่างที่เค้าเล่าต่อๆกันมาว่าประเพณีนี้เริ่มครั้งแรกในวันที่14 กุมภาพันธ์ ซึ่งก็คือวันวาเลนไทน์ จากนั้นทุกวันที่14 ของเดือน ก็มีเวทีบอกรักเอาไว้สำหรับนักเรียนที่ใจกล้าพอ ได้สารภาพรักกับคนที่ตนเองแอบชอบ โดยบุคคลนั้นก็จะได้รับบัตรเชิญใส่ไว้ในล๊อกเกอร์
สองร่างเดินเคียงคู่กันท่ามกลางแสงไฟสลัวจากไฟส่องทางตามเส้นทางถนน บรรยากาศมืดมิดของหัวค่ำช่วยปกปิดใบหน้าหวานที่ขึ้นสีปลั่งดั่งผลมะเขือเทศสุก ช่อดอกไม้สีขาวที่ตอนนี้เปลี่ยนคนถือจากทงเฮเป็นคิบอมเรียบร้อยแล้ว
“คะ…คือ พี่คิบอม…ต่อไปนี้ หมายควา…มว่า ‘เราคบกันแล้วใช่ไหมครับ” น้ำเสียงหวานใสเอ่ยออกมาอย่างขลาดเขิน ขณะที่ใบหน้าหวานยังไม่กล้าเงยขึ้นมาสบตากับคนที่ตนเองถาม
“ทงเฮ…ฟังพี่นะ…”
“ค…ครับ”
“ที่พี่ยอมรับดอกไม้จากทงเฮ และตอบตกลง จริงๆแล้ว ‘พี่กลัวทงเฮจะขายหน้าต่อหน้าเพื่อนๆ’ พี่ชื่นชมทงเฮนะที่กล้าสารภาพรักกับพี่ แต่พี่คิดกับทงเฮแค่น้องชาย…หวังว่าทงเฮจะเข้าใจพี่นะ”
“….”
“กลับบ้านดีๆนะครับ”
ร่างสูงเดินแยกไปอีกทางหลังจากพูดจบ ทงเฮยืนนิ่งเหมือนถูกสต๊าฟเอาไว้ในพิพิธภัณฑ์ หัวใจดวงน้อยชาวาบ เสียงหัวใจเต้นหนักหากแต่เต้นช้าลง ช้าลง…
เท้าเล็กก้าวไปอย่างไร้จุดหมาย ในสมองว่างเปล่าไปหมด ไม่รับรู้สิ่งใดๆรอบกาย
ปิ๊นนนนนนนนนนนน น!!
เอี๊ยดดดดดดดดดดดด ด!!
มินิคูเปอร์คันสวยเบียดล้อลงกับพื้นถนนอย่างกะทันหัน คนในรถเบรกหัวทิ่ม โชคดีที่ติดนิสัยคาดเข็มขัดจึงทำให้ศีรษะกลมๆไม่ต้องสังเวยเลือดให้กับพวงมาลัย
ทงเฮทรุดฮวบลงไปหน้ารถอย่างหมดแรง แข่งขาที่เคยเดินได้ดีกลับอ่อนเปรี้ยไปหมด
เจ้าของรถรีบวิ่งลงมาดูคนที่ทรุดฮวบอยู่หน้ารถของตนหลังตั้งสติได้ เขามั่นใจว่าสามารถเหยียบเบรกได้ทันท่วงที โดยไม่ได้ทำให้ร่างตรงหน้าต้องมีแผลติดตัวแม้แต่น้อย
“คุณ! คุณ!!” มือเรียวแตะเข้าที่ไหล่บางของคนที่นั่งก้มหน้า
“คุณ เป็นอะไรรึเปล่า”
“เจ็บ…”
“เจ็บ? คุณบาดเจ็บตรงไหน”
“ฮึก ฮื้อออออออ อ….” แขนเล็กรัดเข้าที่ลำคอแกร่งของเจ้าของรถ โถมตัวใส่จนคนที่ไม่ทันตั้งตัวต้องล้มแผละลงไปกับพื้นถนนด้วย นัยน์ตาคมเบิกกว้างที่จู่ๆก็ถูกจู่โจมกอดแบบนี้
น้ำอุ่นผสมน้ำผึ้งสองแก้วถูกวางไว้ตรงหน้า มือเล็กเย็นชืดประคองถ้วยขึ้นมา วางพักไว้บนตัก เหม่อมองสายตาออกไปนอกกระจกร้านที่เริ่มมีสายฝนเม็ดเล็กหล่นลงมา
“ทำท่าอย่างกับโดนผู้หญิงบอกเลิก”
“เปล่า” ถึงแม้คำพูดของคนตรงหน้าจะกึ่งถูกกึ่งผิด แต่มันก็แทงใจดำทงเฮเข้าอย่างจัง
“แล้วทำไมเดินไปให้รถชนแบบนั้น”
“ผมมีอะไรให้คิดนิดหน่อย”
“ท่าทีนาย เหมือนไม่ได้คิดอะไรมากกว่า…นี่แหละน้าเด็ก คิดสั้นเพราะแค่ถูกปฏิเสธรัก”
“ผมไม่ใช่เด็กนะ อายุสิบเจ็ดแล้ว”
“ชั้นยี่สิบสามแล้ว”
“ผมไม่ได้เด็กแต่คุณนั่นแหละที่แก่”
เอากับเขาสิ - -'
น้ำอุ่นถูกยกขึ้นมาจิบนิดหน่อยแม้ต่อมรับรสมันเลิกทำงานไปแล้วหลังจากที่ได้ยินประโยคตัดรอนจากคิมคิบอม จนเมื่อแก้วในมือเริ่มเย็นชืด ร่างเล็กจึงตวัดเสื้อสูทตัวนอกของเครื่องแบบนักเรียนมาคล้องไว้ที่แขน
“ให้ไปส่งบ้านมั๊ย”
“รบกวนเปล่าๆ”
“งั้นกลับเองได้หรืองัย”
ทงเฮลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินผลักประตูออกนอกร้านไปยังมินิคูเปอร์สีน้ำเงินที่ถูกจอดทิ้งไว้ที่ริมฟุตบาท ร่างเล็กเปิดประตูฝั่งข้างคนขับแล้วพาร่างของตัวเองเข้าไปนั่งด้านในโดยไม่ได้ขออนุญาตใดๆจากเจ้าของรถ
“ให้ตาย ประหลาดคนชะมัด”
คยูฮยอนได้ดีดเหม่งคนที่อาศัยรถเค้านอนหลับมาตลอดทางไปหนึ่งที ร่างเล็กปลดเบลท์ของตัวเองออกแล้วเปิดประตูรถ สองเท้าเหยียบลงที่พื้นหน้าบ้านของตน โค้งให้คนที่เสนอตัวมาส่งตนถึงบ้าน ผลักประตูปิดให้เจ้าของรถแล้วเดินหันหลังเข้าบ้านของตน
ทงเฮเดินเข้าโรงเรียนอย่างร่างไร้วิญญาณ แม้คนเป็นแม่จะทัดทานไว้และยอมให้เจ้าตัวหยุดโรงเรียนได้แต่ทงเฮก็ยังบอกกับแม่ว่า’ทุกอย่างโอเค’ บรรยากาศทั้งโรงเรียนเต็มไปด้วยความชื่นมื่นเมื่อเมื่อวานนี้คนที่ใจกล้าขึ้นมาสารภาพรักได้รับการตอบรับจากคนถูกสารภาพ แต่สำหรับทงเฮแล้ว ความจริงเป็นอย่างไร เจ้าตัวนั้นรู้ดี
“ทงเฮเป็นอะไร ทำไมทำหน้าป่วยแบบนั้น!?” เพื่อนซี้ย่ำปึ้กอย่างอีฮยอกแจเข้ามากอดคอเอาไว้อย่างรักใคร่ กะว่าจะเข้ามาแสดงความยินดีอย่างเป็นทางการกับเพื่อนรักที่ได้แฟนเป็นตัวเป็นตนเสียที แต่ใบหน้าซีดเซียวของทงเฮก็ทำให้ฮยอกแจแปลกใจ “นี่! อย่าบอกนะ ว่าแกกับพี่คิบอม…เผด็จศึกกันตั้งแต่คืนแรก”
“ฮื้ออออ อ”
“เฮ้! เป็นอะไรของแกน่ะ!? ทงเฮ ทงเฮ!” ฮยอกแจเขย่าตัวเพื่อนรักที่ฟุบลงไปส่งเสียงฮื้อกับโต๊ะเสียแล้ว นี่ตกลง…เผด็จศึกกันไปรึยังเนี่ย!!?
อีทงเฮโคตรโชคดีเลย เพื่อนตัวเล็กของเขาได้ที่นั่งติดประตูหลังห้อง แถมด้านหน้ายังมีร่างอ้วนๆของชินดงฮีบังให้อีก ตลอดทั้งคาบทงเฮเลยเอาแต่หลับ ส่วนฮยอกแจที่แม้จะง่วงแค่ไหน ร่างผอมๆของโจควอนก็ไม่สามารถช่วยบังอะไรให้เขาได้
โชคดีที่โรงเรียนแบ่งพักกลางวันของเด็กมอต้นกับมอปลายเอาไว้ นักเรียนทั้งสามพันคนจึงไม่ต้องเบียดเสียดกันเพื่อแย่งซื้ออาหาร แต่ไม่รู้วันนี้มีเด็กมอต้นแอบมาซื้อข้าวตอนพักของมอปลายหรืออย่างไร โต๊ะที่โรงอาหารจึงแน่เอี้ยด ไม่มีที่จะให้ทงเฮนั่งขนาดนี้
ไม่รู้ฮยอกแจแยกไปซื้อข้าวถึงไหน ทงเฮทำคอยืดคอยาวหาแต่ก็ไม่เจอ พลันเด็กผู้ชายกลุ่มตรงหน้าลุกจากโต๊ะพอดี ร่างเล็กจึงใช้ความเร็วเฉพาะตัววางถาดอาหารของตนลงบนโต๊ะทันที
แกร๊ง!
“อ้าวเธอ!”
“…”
เหมือนคนตรงหน้าที่วางถาดอาหารชนเข้ากับถาดอาหารของทงเฮจะจำตนได้ แต่ทงเฮกลับมุ่นคิ้วอย่างงงๆ และอารมณ์นี้ก็ไม่มีอารมณ์จะถามหรอกว่าเรารู้จักกันด้วยหรือ
ชายหนุ่มนั่งลงบนฝั่งตรงข้ามร่างบางพร้อมกับถาดอาหารกลางวัน ทงเฮเองก็นั่งลงเช่นกัน ในเมื่อโต๊ะในโรงอาหารเต็มแทบจะทุกโต๊ะแบบนี้ เขาคงไม่ขยันพอจะลุกไปหาโต๊ะว่างโต๊ะใหม่นั่ง
คยูฮยอนเพิ่งจะสังเกตว่าจริงๆแล้วคนตรงหน้าตนใส่เครื่องแบบของโรงเรียนมัธยมซอนฮวา เพราะหลังจากเจอกันเมื่อวาน หน้าตาบอกบุญไม่รับของเจ้าตัวเล็กทำให้เค้าไม่คิดจะใส่ใจรายละเอียดของคู่สนทนาเท่าไหร่
ถึงว่า…เมื่อวานนี้เจ้าเปี๊ยกนี่ก็เกือบถูกเขาชนแถวๆโรงเรียนสินะ
อาหารรสชาติพอให้อภัยถูกตักเข้าปากโดยไร้บทสนทนาระหว่างคนร่วมโต๊ะ ทงเฮเขี่ยๆกิมจิในชามไปมา แล้วคีบมันเข้าปากอย่างเชื่องช้า
“อยู่ปีสองหรอ”
“อืม”
“ไหวป่าวเนี่ย”
ทงเฮร้องหือออกมาที่จู่ๆคนตรงหน้าก็ใช้คำพูดแปลกๆกับตน พูดอย่างกับว่ารู้งั้นแหละว่าเขาเป็นอะไรมา
RRrrrr
“ครับ?...ทานข้าวอยู่ครับ นี่พักกลางวันผมนะ…..โอเคครับๆๆ จะรีบเข้าไปเดี๋ยวนี้” ร่างสูงพับโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงส่งๆ จัดการคีบเนื้อสองสามชิ้นในชาม ตามด้วยกิมจิอีกสองสามคำแล้วยกถาดอาหาร ลุกขึ้นยืน
“ไปก่อนนะ”
“อืม”
“นั่นแฟนหมาดๆของคิมคิบอมนั่งกินข้าวกับใครว่ะ” เพื่อนหน้าหล่อไม่แพ้กันอย่างเชวมินโฮหันไปสนใจโต๊ะอาหารที่มีสองร่างนั่งกินข้าวตรงข้ามกัน “ไม่เข้าไปทักทายแฟนมึงหน่อยหรือไง”
“ไม่อ่ะ ปล่อยเขาเถอะ”
“เอ๊ะไอนี่ยังไง นั่นแฟนมึงไม่ใช่เรอะ”
“มึงก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร”
“เออ งั้นก็ช่างแล้วกัน” เชวมินโฮบอกก่อนจะหันซ้ายหันขวา มองหาโต๊ะว่างๆสำหรับพวกตนโดยไม่ได้หันไปสนใจเพื่อนสุดแสนจะสุภาพบุรุษของตน ที่ยอมรับรักอีทงเฮทั้งที่ไม่ได้มีใจเพราะกลัวอีกฝ่ายเสียหน้า
“ทงเฮ!! เมื่อกี้ใครน่ะ” ฮยอกแจที่เพิ่งหลุดออกมาจากวงจรต่อคิวซื้อข้าวกลางวันได้ ตารีเล็กเห็นคนตัวสูงที่มานั่งทานข้าวกับเพื่อนของตนจากระยะไกล แต่พอเดินมาถึงชายหนุ่มคนนั้นก็ลุกไปเสียแล้ว
“ไม่รู้สิ”
“อ้าวเห้ย!”
“ก็โต๊ะมันเต็ม เค้าก็มานั่งด้วยแค่นั้น”
ทงเฮตอบออกไปแบบนั้น เอาเข้าจริงๆก็รู้สึกคุ้นๆกับบุคลิกของผู้ชายเมื่อครู่อยู่เหมือนกัน แต่ทงเฮก็ขี้เกียจเกินกว่าจะคิดว่าชายคนนั้นคือใคร…
ร่างเล็กเดินคอตกกลับบ้านลำพัง วันนี้อีฮยอกแจมีเวรทำความสะอาด ส่วนทงเฮที่โดดเวรทุกครั้งแต่ฮยอกแจกลับไม่เคยฟ้องอาจารย์….ช่างเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆเลยน้า
ปิ๊นๆๆ
เสียงแตรรถที่ไล่หลังมาทำให้คนที่เอาแต่เดินก้มหน้าต้องหันกลับไปมอง มินิคูเปอร์สีน้ำเงินทำให้ตัวความจำมันพุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งของสมอง ทงเฮเบิกตาให้กับคนที่อยู่บนรถ ร่างสูงลดกระจกลงแล้วพูดทักทายเขา
“ไปด้วยกันหน่อยสิ”
“หือ”
“ขึ้นมาเร็ว”
ไม่รู้ทำไมทงเฮไม่นึกจะปฏิเสธคนแปลกหน้า อาจจะเป็นเพราะรู้สึกเบื่อโลกอยู่ก็ได้ ร่างเล็กยอมเปิดประตูเข้ามานั่งฝั่งข้างคนขับแล้วคาดเข็มขัดแบบที่อีกคนไม่ต้องสั่ง
“จะไปไหนหรอ”
“พานายไปขายซ่อง”
“เห๊ย!” ร่างเล็กสะดุ้ง แต่ก็ไม่ได้คิดจะเชื่อคำพูดของคนที่กำลังบังคับพวงมาลัยแล้วจ้องมองตรงไปที่ถนน
“เห็นเบื่อๆน่ะ เลยว่าจะพาไปเปิดหูเปิดตาเสียบ้าง”
“อยากไปเที่ยวเองล่ะสิไม่ว่า”
“เกลียดพวกรู้ทันชะมัดเลย”
รถยนต์ราคาหลายล้านหักเลี้ยวเข้าที่คาราโอเกะแห่งหนึ่งในย่านบันเทิง คยูฮยอนเปิดห้องคาราโอเกะห้องใหญ่หนึ่งห้อง ร่างสูงสั่งเบียร์และกับแกล้มมาพร้อม
“ฉันคงม่ายอาจทำ ให้เธอออ เ…ปลี่ยนจายย~ ฉ้าน….นคงไม่อาจทามให้เธอกลับมา….ร้ากฉ้านน~”
เสียงที่ฟังแล้วชวนปวดกระเพาะอาหารดังขึ้นหลังจากที่เด็กมัธยมปลายซัดเครื่องดื่มมึนเมาไปเพียงสามแก้ว แก้มเนียนขาวบัดนี้ขึ้นริ้วสีชมพูสวย นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนที่สีหวานชวนมองอยู่แล้ว ฉ่ำเยิ้มด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์
“เฮ้! ให้ชั้นร้องบ้างสิ”
“เลี้ยงส่….ง ห้ายความปวดร้าวววว ความเศร้าทามอาวเจ็บบ บ”
=_______________=’’
คยูฮยอนแบกร่างไร้สติมากดอออดเรียกคนในบ้านให้มารับเจ้าตัวแสบไป มารดาของร่างเล็กดูจะตกใจอยู่มากที่ลูกชายของตนเมามายไม่ได้สติแบบนี้ คยูฮยอนกล่าวขอโทษแม่ของร่างเล็กที่ตนเป็นฝ่ายชวนร่างเล็กออกไปและยังไม่ห้ามปรามที่ทงเฮจะดื่มแอลกอฮอล์ทั้งที่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์
ตอนเช้าทงเฮโดนแม่สวดบทใหญ่ รู้สึกงงๆอยู่นิดหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตน จำได้ว่าตอนแรกนั่งกินถั่วอยู่เฉยๆ แต่หลังจากนั้นความทรงจำทั้งหมดก็อันตธานหายไป
ช่วงเย็นมีเรียนเสริม ทงเฮขออนุญาตอาจารย์วิชาคณิตศาสตร์ออกมาเข้าห้องน้ำ และขณะที่ยืนทำธุระอยู่นั้น
“ไอตัวเปี๊ยก!”
“คุณอีกแล้ว!!” คยูฮยอนไม่ค่อยแน่ใจว่าน้ำเสียงแบบนั้นของร่างบางมันหมายถึงแปลกใจหรือรำคาญกันแน่
“หายเมาแล้วหรอ”
“อื้อ แต่มึนหัวอยู่นิดหน่อย….” ทงเฮคลอนหัวตัวเองไปมา แสดงให้เห็นว่าคนยังมึนอยู่จริงๆ
“ก็ดีแล้ว นึกว่าจะมาโรงเรียนไม่ไหวซะอีก”
“เอ้อ เมื่อวานขอบใจนะ ที่ไม่ทิ้งผมไว้ที่นั่น”
“กะว่าจะมอมเหล้าแล้วพาไปขายซ่อง แต่เห็นท่าจะได้ไม่สมราคา เลยเอาไปส่งคืนบ้านน่ะ”
“อ๋อเหรออออ”
ทงเฮมายืนล้างมืออยู่ที่ก๊อก เสร็จแล้วก็ไม่ยอมกลับเข้าห้องเรียนไปเสียที ร่างเล็กกระโดดไปนั่งอยู่บนอ่างล้างมือ จ้องมองร่างสูงที่กำลังยืนล้างมืออยู่
“ไม่ไปเรียนเรอะ”
“ม่ายอ่ะ ขี้เกียจ ยังไงซะผมก็ได้เกรดสี่อยู่แล้ว”
“โคตรโม้อ่ะ”
“ไม่ได้โม้เหอะ ผมน่ะติดท๊อปสาม ของสายชั้นทุกวิชาเลยนะ”
“จะพยายามเชื่อแล้วกัน” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงยียวน ทั้งที่ในใจก็คิดว่าเจ้าเปี๊ยกนี่ไม่ได้พูดโกหก
“เอ้อ ไหนๆก็ไม่เรียนแล้ว ไปด้วยกันหน่อยสิ”
“ไปไหน? จะพาผมไปเมาอีกแล้วหรอ”
“เปรี้ยวปากหรือไง”
“บ้าเรอะ ขืนไปอีกโดนแม่สับหัวเละแน่”
คยูฮยอนหัวเราะร่วน เมื่ออีทงเฮพูดเปรียบและทำท่าสยองขวัญ
ทงเฮยอมเดินตามคยูฮยอนออกมายังฝั่งตะวันตกของโรงเรียน ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างกว้างๆ และมีตึกใหม่ที่กำลังทำการก่อสร้างตามโครงการใหม่ของผู้อำนวยการโรงเรียน
“นี่ เจอกันมาสามวันแล้ว…”
“เอ่อ นึกว่าจะไม่ถามซะแล้ว ฉันโจคยูฮยอน เป็นสถาปนิกที่ดูโครงการตึกสร้างใหม่ของโรงเรียนเธอ”
“ไม่ได้อยากรู้สักหน่อย จะบอกว่า สิวตรงหน้าน่ะ เมื่อไหร่จะหาย”
ท่าทางกวนบาทาของทงเฮทำเอาคยูฮยอนอยากจะดีดเหม่งสักป้าบ วันนี้เจ้าของใบหน้าหวานดูสดใสขึ้นจากวันที่เขาเจอครั้งแรก บนใบหน้าหวานเกินชายของเด็กหนุ่มมีรอยยิ้มที่โจคยูฮยอนรู้สึกว่ามันเหมาะกับใบหน้าของเจ้าเปี๊ยกนี่มากกว่าที่เจ้าตัวทำหน้าเศร้าในวันแรกที่เจอกันซะอีก
“อีทงเฮ ปีสองห้องเอ”
“อ๊ะ! อ้ากกก ก” กลุ่มผมนิ่มมือสีน้ำตาลเข้มถูกยีด้วยฝ่ามือใหญ่ มือเล็กพยายามยกขึ้นปัดป้อง แต่เมื่อเห็นว่าสู้แรงอีกคนไม่ได้ ขาเล็กจึงออกแรงวิ่งไปรอบๆสนามหญ้ากว้าง
เสียงหัวเราะสดใสทำให้อีกคนหัวเราะตามอย่างไม่รู้ตัว ขายาวๆแกล้งวิ่งไม่ทันขาสั้นของทงเฮ ทำให้อีกคนที่วิ่งหนีไปไกลหันหลังกลับมาทำท่าล้อเลียน แลบลิ้นปลิ้นตาอย่างสนุก
สองร่างนอนเหยียดยาวอยู่บนเนินเล็กๆ บนพื้นหญ้าสีเขียวสด สอดแขนขึ้นหนุนต่างหมอน มองไปบนท้องฟ้าที่แต่งแต้มด้วยสีส้มนวล ฝูงนกเริ่มบินกลับรังก่อนจะค่ำ ส่งเสียงร้องเพลินหู
“ไม่ทำงานแล้วหรอ”
“นายยังโดดเรียนเลย”
“โห งั้นจะฟ้องผู้อำนวยการเลย ว่าสถาปนิกแอบอู้งาน”
“ผู้อำนวยการคนที่ว่า ก็พ่อฉันไม่ใช่หรอ”
“เห๋?....จะ โจชิคยอง - โจ คยูฮยอน?”
“อือฮึ”
“…แย่ชะมัด” ทงเฮบ่นอุบอิบ แต่คยูฮยอนที่นอนอยู่ข้างๆก็หูดีพอที่จะได้ยิน ร่างสูงกลั้นขำเมื่อแกล้งทงเฮให้งุ่นง่านใจได้
ดวงอาทิยต์กลมโตค่อยๆคล้อยต่ำลง จากจุดที่ทั้งสองคนนอนอยู่เป็นที่ที่สามารถมองเห็นพระอาทิตย์ตกดินได้อย่างชัดเจน และวิวก็สวยมากกว่าที่ไหนๆในโรงเรียน
“ตอนเรียนฉันมาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่บ่อยๆน่ะ เป็นที่ประจำเลย”
“หรอ…มากับใครล่ะ”
“แฟนฉันนะสิ”
“โด่” ทงเฮพูดอย่างหมั่นไส้ ตาตัวโย่งนี่อยากจะโอ้ล่ะสิ ว่าตัวเองมีแฟน ชิส์
ทั้งสองนอนดูดวงอาทิตย์จนลับขอบฟ้า ทงเฮรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่ตัวเองมีความสุขที่สุดหลังจากวันที่เค้าถูกคนที่ตัวเองหลงรักมาเกือบสามปีปฏิเสธ ไม่รู้เพราะได้หยุดพักสมองนอนมองท้องฟ้าแบบนี้หรือเพราะคนตัวสูงที่นอนอยู่ข้างๆเขากันแน่
มินิคูเปอร์คันเดิมมาจอดเทียบที่หน้าบ้าน คนเป็นแม่รีบออกมาเปิดรั้วทันที เพราะคิดว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนจะไปก่อเรื่องปวดหัวหรือเมามายอะไรอีก แต่กลับกลายเป็นเจ้าตัวเล็กยืนโบกมือให้คนขับหน้าหล่อหยอยๆ แล้วหันกลับมายิ้มทะเล้นให้แม่
“เมารึเปล่าเนี่ย” คุณนายอีทักลูกชาย ก็เห็นสองสามวันก่อนยังหงอยเหมือนปลาป่วย ไหงวันนี้มายืนฉีกยิ้มให้เขาแบบนี้
“เปล่านะแม่ ชอบกล่าวหาหนูอยู่เรื่อย”
“รีบๆไปล้างมือ แล้วมาช่วยแม่จัดโต๊ะกินข้าว เตี่ยแกกำลังกลับมาแล้ว”
“จ้า~” เสียงหวานขานรับอย่างร่าเริง ทงเฮถอดรองเท้าวางไว้ที่ชั้นแล้ววิ่งไปล้างมือตามแม่บอก
“ประหลาดคนจริง เจ้าลูกคนนี้”
ตัวเล็กกลิ้งไปมาบนเตียงนอนนุ่ม อยากจะบังคับตาให้รีบๆปิด จะได้ตื่นแต่เช้า แต่มันก็ดื้อไม่เชื่อฟังทงเฮเอาเสียเลย พอโทรศัพท์ที่หัวเตียงดังขึ้น และเมื่อทงเฮคว้ามันขึ้นมาดูหน้าจอ ตัวเล็กๆก็สปริงตัวขึ้นมานั่งหลังตั้งฉาก
RRRrrr
“ยอโบเซโย~”
“…”
“ฮัลโหล?”
“….”
“เฮ้ เมาอยู่รึเปล่าน่ะ ฮัลโหล๊ ฮัลโหล๋ๆ”
“เจ้าเด็กต๊อง!”
“หน็อย ตัวเองนั่นแหละ โทรมาฟังเสียงกันดึกๆ บ้าหรืองัย”
.
.
.
.
.
.
.
“สงสัยจะบ้าจริงๆล่ะมั้ง” คยูฮยอนยอมรับง่ายๆ
“อื้ม บ้า!” ทงเฮเลยช่วยสมทบให้
“นี่ พรุ่งนี้ตื่นเช้าๆนะ จะไปรับ”
“รู้แล้วแหละน่า”
“งั้นก็รีบนอนซะ”
“ผมเข้านอนไปแล้ว แต่คุณโทรมากวนต่างหาก”
“ไอ้ขี้โกหกเอ๊ย” เสียงใสแป๋วอย่างนี้มันเหมือนคนเพิ่งตื่นหรือไง อีทงเฮก็คงจะใจเต้นตึกตักจนหลับไม่ลงเหมือนที่เขาเป็นอยู่นั่นแหละ
“ไม่ได้โกหกสักนิดเลย”
“โกหก”
“ป่าวนะ”
“โกหก”
“ป่าวโกหกกก”
“รีบนอนได้แล้ว ฝันดีนะ”
“อื้ม ฝันดี…แค่นี้นะ”
“เดี๋ยวทงเฮ”
“ฮะ?”
END
:) :) :) :) :) :)
ฮัดชิ้ว ::
ถ้ามันจะจบ แล้วมันจะป่วง…
555555555555 5
กะแต่งเรื่องนี้ไว้วันวาเลนไทน์ แต่มันคัน ไม่ไหวแล้ว…
เลยลงมันคริสต์มาสอีฟซะเลย
เดี๋ยววาเลนไทน์ค่อยแต่งเรื่องใหม่แล้วกัน :)
ความคิดเห็น