ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are Superstars [Andy VerSioN : My SaSSy GirL]

    ลำดับตอนที่ #5 : We are Superstars [Andy VerSioN : My SaSSy GirL] Chapter 5 ~~สัญญาทาส~~

    • อัปเดตล่าสุด 11 ม.ค. 51


    Chapter 5


    “ยืนทำบื้ออะไรอยู่ ฉันหิวน้ำนะ” มาถึงก็ด่า ใครไปเชื้อเชิญให้เธอมาหาผม ไม่มี๊ ไม่มี กลับไปสิ ชิ้วๆ...ผมได้แต่ไล่เธออยู่ในใจ ไม่กล้าพูดอะไรมากนัก ผมเดินหน้าจืดไปหาน้ำมาเสิร์ฟแขกผู้มีอิทธิพลสูงที่นั่งมองโน่นมองนี่อยู่บนโซฟา....

    ผมเดินกระย่องกระแย่งมาวางแก้วน้ำจนได้ ผมเป็นคนป่วยนะครับ สภาพร่างกายเพิ่งฟื้นตัวได้แค่หกสิบเปอร์เซ็นต์เอง...

    “นายเคยเรียนวิธีต้อนรับแขกรึเปล่า...ฉันขอน้ำ ก็ได้มาแต่น้ำ ขนมล่ะ ทำไมไม่เอามา แค่นี้ต้องให้สั่ง” เอากับแม่คนนี้สิครับ ไม่รู้พี่โจให้น้องกินแต่ขนมหวานรึเปล่า...ดุ๊ดุ

    “เอ่อ...นั่นไง เหลืออยู่แค่นั้น”  นางมารเยจินหยิบถุงปลาเส้นที่ผมวางไว้มาดู

    “เหลือแค่นี้นะ...นี่นายเป็นเจ้าของห้องประสาอะไรยะ  ขนมเอาไว้ต้อนรับแขกถึงได้ไม่มี หรือว่านายอยากลองดีกับฉัน” ว่าแล้วน้องเธอก็ถลกแขนเสื้อเตรียมตัวชวนผมซ้อมไอคิโด

    “ไม่ใช่นะ คือว่าผมออกไปข้างนอกไม่ได้ สภาพเป็นแบบนี้น่ะ เลยไม่ได้ซื้อขนมไว้เตรียมต้อนรับคุณ” ผมรีบแก้ตัว เรื่องอะไรจะวอนหาเรื่องเจ็บตัวฟรีๆครับ...

    เยจินมองผมด้วยสายตาขบขัน ผมไม่ใช่ตัวตลกนะครับ แล้วดูคำพูดแม่คนนี้สิ น่าตบปากนัก “ฉันลืมไปว่านายไม่ค่อยสบาย แล้วเป็นยังไงบ้างเนี่ย”

    “ก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ” ผมฉิวมากครับ เลยเผลอตอบกวนบาทาน้องเค้าไป เท่านั้นแหละครับ น้องเค้าก็ลูบหัวผมเบาๆอย่างเอ็นดู เล่นเอาผมหัวคะมำไปโขกกับพนักโซฟา ไอ้ตรงที่มันโนอยู่แล้ว มาเจอซ้ำสาม มันก็เลยเขียวเพิ่มขึ้นไปอีก เวรกรรมของผมจริงๆเลย...

    “ปากไม่ดี นายต้องโดนฉันอบรมให้เป็นคนดี ไม่อย่างนั้นก็นิสัยเสียแบบนี้แหละ” เธอเป็นคุณครูตั้งแต่เมื่อไหร่ครับๆ ผมจะเอาคุณครูห้องพยาบาล อวบๆอึ๋มๆ...คุณครูสอนพละแห้งๆ โหดๆแบบนี้ ผมไม่เอา

    “ไม่ต้องหรอก เกรงใจเธอจังเลย เสียเวลาแย่ ปล่อยให้ฉันนิสัยเสียไปเถอะ” คำปฏิเสธการเรียนการสอนของผม ฟังดูทะแม่งๆยังไงก็ไม่รู้ แต่เอาเถอะ  ก็ผมไม่รู้จะบอกเธอไปยังไงดีนี่ครับ

    นางมารเยจินหรี่ตาดูผม แล้วลุกขึ้นยืนครับ เธอเดินกอดอกวนดูผมอยู่หลายรอบ สายตาจ้องมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า หน้าตางี้เครียดเชียว  เล่นเอาผมได้แต่นั่งระทึก ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผม เยจินกำลังวางแผนอะไรอยู่ จะลากผมไปฆ่าเพื่อแก้แค้นรึเปล่า หรือว่ากำลังคิดหาวิธีซ่อนศพผมอยู่ อย่าเพิ่งฆ่าผมนะ ผมยังไม่ได้แต่งงาน ยังไม่มีเมีย เดี๋ยวเสียชาติเกิดแย่...

    มือน้องเยจินวางแปะมาที่บ่าของผม เล่นเอาผมสะดุ้ง ไม่กล้าสบตาของเธอ...เสียงของเธอทำเอาผมหลอนอยู่เอาการ

    “ฉันมีข้อเสนอ...แล้วนายต้องตกลงด้วย ไม่อย่างนั้น เจ็บ...” เอ่อ...ที่เธอพูดมาเนี่ย ผมว่ามันเข้าเค้าข่มขู่บังคับมากกว่านะครับ เธอจะให้ผมทำอะไรเนี่ย ให้แต่งตัวเป็นสาวงามออกไปยืนแดนซ์ตรงสี่แยกไฟแดงรึเปล่า หรือจะให้ผมเป็นทาสรับใช้เธอ หรือว่าจะให้ผมเป็นอุปกรณ์ซ้อมไอคิโด....

    “ฉันอยากได้นายมาเป็นแฟน” ผมหูฝาดไปใช่มั๊ยครับ ที่ผมได้ยินมันไม่เป็นความจริงใช่มั๊ยครับ...โอ!!!ใครกันแน่ที่เล่นตลกกับผม ไม่จริ๊งงงงงง ไม่จริงงงงงง

    ผมเงยหน้ามองเยจิน...ไม่มีเลยครับไอ้อาการหน้าแดงระเรื่อเขินอาย ไม่มีเลยจริงๆ จะมีก็แต่ใบหน้าเฉยๆ สายตาข่มขู่  เธอจะมาชวนผมเป็นแฟน หรือจะมาจี้ให้ผมยกมรดกให้กันแน่

    “น้องเยจินพูดเล่นใช่มั๊ยครับ...”ผมถามอย่างสุภาพ  ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม กลัวน้องเธอจะหักคอผมครับ

    “เพื่อนเล่นเหรอ...” ผมหน้าเจื่อนไปเลยครับ...น้องไม่ใช่เพื่อนผมครับ ผมมั่นใจว่าน้องไม่ได้เป็นเพื่อนผมแน่ โหดมากขนาดนี้ ผมไม่อยากได้เป็นเพื่อนครับ

    “ฉันรู้มาจากพี่โจว่า นายกำลังอกหัก ฉันก็ยังว่างๆอยู่ เรามาเป็นแฟนกันดีกว่า” โห...น้องเยจินครับ ทำอย่างกับชวนผมเล่นพ่อแม่ลูก...

    “แต่ว่า....” ผมคัดค้านครับ ผมไม่ยอมเป็นแฟนกับนางมารร้ายหรอกนะ ผมจะเอานางฟ้าผู้แสนดี

    “ไม่มีแต่...นายต้องเป็นแฟนฉัน” เธอเผด็จการมากครับ...บังคับผมทุกอย่างเลย ชีวิตผมเหมือนเข้าสู่ยุคมืด ใครก็ได้ช่วยผมที...แล้วผมก็ปิ๊งไอเดียดีๆที่จะหลุดพ้นจากน้องมารเยจินได้ครับ

    “ผะ..ผมมีแฟนแล้วนะ” ผมกลั้นใจตอบออกไป

    “ใคร...ถ้าไดอาน่าล่ะก็ ฉันรู้แล้วนะว่านายกับเขาเลิกกันแล้ว”

    “ไม่ใช่นะ...คนอื่น”

    “ใคร...” สายตาโหดๆ เสียงอำมหิต ทำเอาผมใจสั่น

    เอาใครดีครับ ผมจะเลือกใครมาเป็นแฟนผมดี...สายตาของผมบังเอิญไปปะทะกับโทรศัพท์มือถือ แล้วชื่อหนึ่งก็ปรากฏในห้วงความคิด...”แฟนผมชื่อมินอา”

    “เอาเบอร์โทรเธอมา” ไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยครับ น้องเยจินสวนมาทันควันเลย

    “เอ่อ...อย่าดีกว่านะ เดี๋ยวแฟนผมเค้าจะงอน” ผมกระวนกระวายใจ กลัวไปหมดครับ กลัวเธอรู้ว่าผมโกหก กลัวได้เป็นแฟนเยจิน กลัวถูกเธอซ้อม กลัวโดนฆ่าหั่นศพ

    ไวยิ่งกว่าลิง...มารร้ายเยจินคว้าโทรศัพท์ของผมไปกดหาเบอร์มินอาอย่างไร้มารยาท...แล้วความตายก็คืบคลานเข้ามาใกล้ผมทีละน้อย ผมก็ได้แต่ภาวนาให้มินอาหัวไวประติดประต่อเรื่องได้

    “มินอารึเปล่าคะ...ขอรบกวนนิดนึงนะคะ” เสียงของเยจินหวานมากครับ ต่างจากที่พูดกับผมอย่างสิ้นเชิง “อ๋อ...ฮานเยจินค่ะ เป็นน้องสาวของพี่โจค่ะ”

    “เปล่าค่ะ...ไม่ได้จะขอสายพี่โจค่ะ แค่ฉันมีเรื่องอยากจะขออนุญาตคุณนิดหน่อยน่ะค่ะ” สายตาของเยจินที่มองผมทำเอาผมเสียวสันหลังวาบ ก็ผมมันเป็นวัวสันหลังหวะนี่ครับ

    “ตอนนี้ฉันมาเยี่ยมแอนดี้นะค่ะ ก็เลยจะขออนุญาตคุณพาแอนดี้ไปหาหมอหน่อยนะค่ะ” ไม่รู้ว่ายัยมินอาพูดอะไร เยจินถึงได้ทำหน้ายุ่งอย่างนั้น

    “ก็ที่ฉันโทรมาขอ เพราะคุณเป็นแฟนแอนดี้นี่ค่ะ ฉันกลัวคุณกับแอนดี้จะผิดใจกันน่ะค่ะ” ผมว่าน้องเยจินต้องทำงานเป็นตำรวจกล่อมผู้ร้ายแน่ๆเลยครับ

    สายตาของน้องเยจินทำให้ผมกำหมอนอิงไว้แน่น เหงื่อไหลออกมาท่วมท้น หายใจติดขัดไปหมด...ไม่รู้ว่ามินอาตอบว่ายังไง สาธุ...คุณพระคุณเจ้า ขอให้ตอบว่าเป็นแฟนผมเถอะครับ แล้วผมจะเลี้ยงมื้อใหญ่มินอาสามมื้อ

    วางสายแล้วครับ เธอวางสายแล้ว...แถมยังหันมามองผม แสยะยิ้มหวานๆให้ผม ยังไอ้เสียงหัวเราะหึๆนั่นอีก ผมกลัวครับ...ใจเต้นไม่เป็นส่ำเลย

    “อีซอนโฮ...นายเป็นแฟนกับมินอาใช่มั๊ย”

    โอ...ถามแบบนี้ แสดงว่ามินอาฉลาด หัวไว บอกว่าเป็นแฟนกับผมแน่ๆ...ผมพยักหน้าหงึกๆสองสามหน แล้วบอกไปด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “ใช่...เป็นแฟนกัน”

    “แต่เมื่อกี๊ มินอาบอกฉันว่า อย่างพี่แอนดี้นะเหรอ ให้ฟรียังไม่เอาเลย ไม่ใช่สเป็ค”

    อ๊ากกกกกกกก....พรุ่งนี้ผมจะไปฆ่ามินอา ยัยนั่นต้องตายเพราะมือผม...เอ่อ!!! แต่ตอนนี้ ผมน่าจะตายเพราะฝีมือเยจินมากกว่า

    ผิดคาดครับ...น้องเยจินไม่ได้ปรี่เข้ามาจับผมทุ่ม แต่น้องเธอถามผมด้วยเสียงเย็นยะเยียบ “จะให้โอกาสอีกครั้ง นายจะตกลงเป็นแฟนกับฉันรึเปล่า”

    “ถะ..ถ้า ผมปฏิเสธล่ะ” ผมลองหยั่งเชิงถามน้องเยจินดู เผื่อน้องเค้าจะเปลี่ยนใจ ปล่อยแอนดี้ตัวน้อยๆไป

    “ไม่มีปฏิเสธ...นายต้องเป็นแฟนฉัน”

    “แล้วเมื่อกี๊ถามทำไม ก็บอกมาเลยสิว่าบังคับกัน” ผมเผลอพูดไปอีกแล้วครับ...ตายแน่ๆครับหนนี้

    เยจินตบโต๊ะเสียงดังเลยครับ ทำเอาผมสะดุ้ง ตั้งแต่ผมเจอกับเธอมา ผมเป็นโรคระแวงซินโดร์มไปเลย “ตอนแรกก็อยากจะถามอยู่หรอก แต่นายโกหกฉัน ไม่ต้องถามกันแล้ว มาเป็นแฟนกันเลยดีกว่า”

    ผมจะหือกับเธอดีมั๊ยครับ ถ้าผมทำสำเร็จ เยจินก็จะกระเด็นออกไปจากชีวิตของผม ถ้าไม่สำเร็จ ผมต้องตายคามือของเธอแน่ๆ...ผมจะเอายังไงดีครับ

    “นายไปนั่งหน้าคอมพิวเตอร์ เรามาทำสัญญากัน”

    สั่งอีกแล้วครับ ยังไม่ได้เป็นแฟนกันยังใช้ขนาดนี้ ถ้าเป็นแฟนกันแล้วเธอต้องใช้ผมประหนึ่งทาสเลยทีเดียว

    ผมไม่มีทางเลือกครับ ผมไม่กล้าหือกับเธอ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน ผมก็ตอบตัวเองไม่ได้ ผมเดินกระย่องกระแย่งไปที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ แล้วเปิดเครื่องครับ...ปลงตกแล้วครับ ในเมื่ออยากได้หนุ่มหล่ออย่างผมเป็นแฟนนัก ผมก็จะเป็นให้...

    “พิมพ์ตามที่ฉันบอก” สั่งอีกแล้ว ผมเหนื่อยหน่ายน้องเยจินจริงๆเลย


    Quote


             ข้าพเจ้า อีซอนโฮ ตกลงเป็นคู่รักกับ ฮานเยจิน ในวันที่ XX เดือน XXXX ปี XXXX   โดยข้าพเจ้าและ ฮานเยจินมีข้อตกลง ดังต่อไปนี้    

    ข้อ 1. ข้าพเจ้าจะต้องเชื่อฟังคำบอกกล่าวของฮานเยจิน และยินดีที่จะปฏิบัติตามคำบอกกล่าวของ ฮานเยจินทุกอย่าง โดยไม่มีข้อแม้    

    ข้อ 2. ข้าพเจ้าจะไม่กระทำกิริยาหยาบคาย เสียมารยาท หรือต่อต้านแนวความคิด คำพูดหรือการกระทำของฮานเยจิน และข้าพเจ้าจะต้องตามใจฮานเยจิน ทุกอย่าง ให้เกียรติและเคารพเธอในฐานะคู่รัก    

    ข้อ 3. ข้าพเจ้าจะไม่ไปข้องแวะหรือมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น จนกว่าสัญญาฉบับนี้จะถูกยกเลิก    

    ข้อ 4. ข้าพเจ้าจะไม่ลวนลามหรือกระทำการใดๆก็ตามที่เข้าข่ายลามกอนาจารกับฮานเยจินในทุกกรณี    

            ข้าพเจ้ายินดีที่จะทำตามข้อตกลงดังกล่างอย่างเคร่งครัด และสัญญาฉบับนี้จะถือว่าเป็นโมฆะก็ต่อเมื่อ ฮานเยจินยินดีที่จะยกเลิกสัญญาเท่านั้น     
     

                                                         ลงชื่อ............................... อีซอนโฮ
                                                         ลงชื่อ............................... ฮานเยจิน
       


    ผมพิมพ์เสร็จก็ปริ๊นท์สัญญารักของผมและเยจินออกมาสองแผ่นตามคำสั่งของเธอ...
       
    “เซ็นต์ซะ...” เยจินตบบ่าผมแรงๆอย่างคุกคาม ผมจับปากการที่เธอยื่นให้ด้วยมือที่สั่นระริก ไม่มีวันไหนจะเจ็บปวดหัวใจเท่าวันนี้อีกแล้ว  อิสรภาพอันหอมหวานของผมสิ้นสุดลงก็วันนี้นี่เอง
       
    เยจินบีบไหล่ เปล่าครับ เธอไม่ได้ให้กำลังใจผม เธอกำลังบีบบังคับผมอยู่ ถ้าผมไม่เซ็นต์ ผมต้องตายแน่ครับ ผมจะเอายังไงดีครับ จะเซ็นต์หรือว่าไม่เซ็นต์ดี
       
    ถ้าไม่เซ็นต์...ผมคงโดนฆ่า และไปร้องเพลงอยู่ที่ปรโลก
       
    ถ้าเซ็นต์.......ผมจะตกเป็นทาสของเธอ เป็นคู่ซ้อมไอคิโดของเธอ และที่สำคัญชีวิตหนุ่มของผมก็สูญไปด้วย และผมก็ไม่สามารถกลับไปหาสาวๆคนไหนได้อีก
       
    ใช่แน่ๆแล้วครับ...ไม่ต้องกลับไปหาไดอาน่า ถ้าเธอมาง้อ ตื๊อผมหนักๆเข้า ผมก็โยนไปให้เยจินจัดการ  นี่คือข้อดีข้อเดียวในการเป็นคู่รักของน้องเยจิน ถึงมันจะเป็นข้อดีเพียงแค่ข้อเดียว แต่มันก็ปลอบใจผมในยามยากแบบนี้ได้ อย่างน้อยผมก็จะได้ไม่ทรมานกับการเป็นคู่รักน้องเยจินเกินไปนัก...
       
    ผมค่อยๆจรดปลายปากกา เซ็นชื่อลงไปในสัญญาทั้งสองฉบับด้วยน้ำตาคลอคลอง...พลังชีวิตของผมโดนนางมารเยจินดูดไปแล้วครับ...ผมเอามือปาดน้ำตา สูดน้ำมูกซื๊ดซ๊าด...
       
    “เอาน่า....นายไม่ต้องดีใจขนาดนี้ก็ได้ที่ได้ฉันเป็นแฟน ฉันจะดูแลนายอย่างดีเลย” คำพูดนี้มันต้องเป็นของผมไม่ใช่เหรอครับ ทำไมเธอเป็นคนพูดล่ะ ไม่นะ ...ผมไม่อยากเป็นนางเอกละคร
       
    เยจินดึงปากกาในมือผมไปเซ็นชื่อในสัญญาบ้าง...เธอยื่นสัญญาให้ผมฉบับหนึ่งแล้วบอกว่า “เก็บไว้คนละใบ ทุกวันพุธและวันศุกร์ นายต้องเอาสัญญามาให้ฉันดูว่ามันยังอยู่ในสภาพเรียบร้อยดี ถ้ามันขาด หรือว่ายับแม้แต่นิดเดียวล่ะก็ ฉันจะซ้อมนายให้ตายเลย”
       
    ขู่อีกแล้ว...เดี๋ยวผมจะเอาสัญญาไปใส่ซองอย่างดีแล้วเอาไปไว้ในลิ้นชัก ชนิดที่ว่าจิ้งจกไม่ให้ไต่ ยุงไม่ได้มาตอมก็แล้วกัน...
       
    สั่งได้แต่ผม ส่วนตัวน้องเยจินเอง เธอกลับขยุ้มกระดาษยัดลงในกระเป๋าตัวเองหน้าตาเฉย เธอเดินไปชะโงกมองดูชามข้าวต้มที่สาวแสนดีอย่างนามิจังทำให้ผมกิน แล้วถามผมว่า “ข้าวต้มแบบนี้มีเหลือมั๊ย”
       
    ผมเหนื่อยเกินไปที่จะตอบคำถามนี้ครับ ใจของผมล่องลอยไปแล้ว ไม่อยากเชื่อว่า ในที่สุดผมกับน้องเยจินก็เป็นแฟนกัน...สวรรค์บันดาลให้ผมกับน้องเค้าต้องมาเจอกัน และผมก็ตกมาเป็นของน้องเค้า สวรรค์ลำเอียงงงงงง....
       
    เปรี้ยงงงงง....ครืนนนนนนนน...
       
    ผมสะดุ้งสุดตัว หรือว่าสวรรค์พิโรธผม...ท่านสวรรค์ครับ ผมขอโทษ ผมจะไม่ต่อว่าท่าน ผมจะยินยอมเป็นแฟนน้องเยจินแต่โดยดีครับ...อย่าให้ฟ้าผ่าผมเลยนะครับ ผมไม่อยากตายแบบศพไม่สวย เดี๋ยวเกิดชาติหน้าผมจะตัวดำเป็นตอตะโก...
       
    “แอนดี้ปิดหน้าต่างหน่อยสิ ฝนมันสาด....”  เสียงของน้องเยจินทำให้ผมตื่นจากภวังค์ความคิด ลนลานไปปิดหน้าต่างอย่างรวดเร็ว...
       
    ผมเดินกลับมาที่โซฟาเพื่อลงมือกินข้าวต้มต่อ...ตอนนี้มันเย็นชืดไปหมดแล้ว...แต่ผมก็จะกินครับ นามิจังอุตส่าห์ทำให้ทั้งที พอผมจะตักข้าวเข้าปาก เยจินก็ร้องเสียงดังขึ้นมา
       
    “หยุด....วางช้อนเดี๋ยวนี้” ผมเคยได้ยินแต่ข่าวปล้นธนาคาร แต่ที่ห้องผมมีการปล้นชามข้าวกันครับ
       
    “ทำไมเหรอ...” ผมถามเธอเบาๆ ไม่กล้าขึ้นเสียงกับเธอครับ เดี๋ยวจะผิดข้อตกลงข้อที่ 2 อันว่าด้วยการห้ามกระทำการใดๆที่เป็นการเสียมารยาท หยาบคายต่อฮานเยจิน
       
    “ก็มันเย็นแล้ว ไม่อร่อย ฉันจะเอาไปอุ่นให้ใหม่” ไม่จริ๊งงงงงงงงง...ผมต้องฝันไปแน่ๆ เยจินไม่ใช่นางฟ้า ไม่ใช่นางเอก ไม่ใช่คนดีอย่างนี้ ไม่จริงใช่มั๊ยครับ คำพูดเมื่อกี๊ผมต้องหูฝาดไปแน่ๆ
       
    เธอดึงช้อนออกจากมือผม แล้วคว้าชามข้าวเดินเข้าไปในครัว ทิ้งให้ผมนั่งอึ้งตะลึงตะลานอยู่กับพฤติกรรมแปลกของเยจิน...ยอมรับล่ะครับว่า น้องเยจินทำให้ผมตั้งตัวไม่ติด ไม่เคยชินกับภาพสาวหวานน่ารัก เพราะที่ผมเจอมามีแต่โหดร้ายทารุณ ฆ่าผมเลือดสาด ไม่ใช่นางฟ้าผู้งดงามแบบนี้
       
    เธอหายไปในห้องครัวราวสิบนาทีก็ออกมาพร้อมกับถาดที่มีชามข้าวต้มสองชามวางอยู่...เธอยกชามหนึ่งมาวางตรงหน้าผม แล้วยกอีกชามไปวางตรงหน้าตัวเอง
       
    “ค่อยๆกินนะ มันร้อน เดี๋ยวปากพอง” มาอีกแล้วครับ คำพูดแบบนี้อาจจะไม่แปลกสำหรับผู้หญิงคนอื่น แต่กับน้องเยจินมันเป็นคำพูดที่สุดแสนจะพิสดาร ไม่น่าเชื่อว่าน้องเค้าจะพูดประโยคแบบนี้ออกมาได้ ผมล่ะขนลุก...
       
    “นี่นาย...ฉันเรียกนายว่าพี่แอนดี้ได้มั๊ย จะได้ดูสนิทสนมกันหน่อย” ผมได้แต่พยักหน้าหงึกหงักรับคำ
       
    ‘พลั่วะ....’ มือพิฆาตฟาดมาที่หลังผมทันทีเลยครับ พร้อมกับเสียงตวาด
       
    “คุยกับแฟนใครใช้ให้พยักหน้า ต้องขานรับสิ เสียมารยาท” ผมว่าแล้ว...น้องเยจินต้องเป็นนางฟ้าได้ไม่เกินหนึ่งชั่วโมง เนี่ยกลายเป็นนางมารอย่างเดิมอีกแล้ว ผมล่ะเซ็ง
       
    “ครับ...เรียกพี่แอนดี้ก็ได้ครับ” ผมอยากจะร้องไห้เต็มแก่ ทำไมผมถึงได้แพ้ทางนางมารเยจินอยู่เรื่อยเลยนะ
       
    เยจินตักข้าวต้มเข้าปาก แล้วก็ยิ้มกว้าง...เวลามารร้ายยิ้มเนี่ย สวยบาดตาจริงๆเลยนะครับ ความจริงน้องเยจินเป็นคนสวยมาก สวยแบบไม่เกรงใจใคร แต่นิสัยนี่สิ ไม่เข้ากับหน้าตาเลย...
       
    “ข้าวต้มนี่ พี่ทำเองเหรอ อร่อยดี”
       
    “เปล่า...นามิจัง เอ่อ...แฟนพี่เฮซองทำไว้ให้น่ะ ผม เอ่อ...พี่ทำอาหารไม่เป็น”
       
    “พี่ทำอาหารไม่เป็นก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันทำให้เอง ฉันทำอาหารเก่งนะ” เก่งแน่รึเปล่าครับน้องเยจิน ไม่ใช่ว่าทำแล้วกินเข้าไป ผมนอนชักตายน้ำลายฟูมปาก ต้องหามกันไปโรงพยาบาลหรอกนะ
       
    “น้องเยจินไม่ไปทำงานเหรอครับ” ผมถามเธอด้วยความสุภาพ เพื่อไม่ให้ผิดข้อตกลงตามสัญญา
       
    “วันนี้หยุด...แต่อีกเดี๋ยวจะไปหาเพื่อนน่ะ นัดกันไว้ แต่ไม่ต้องห่วงนะ เย็นๆจะแวะมาหาใหม่” เอากับน้องเค้าสิครับ ผมหรือน้องเค้ากันแน่ที่เป็นผู้ชาย สภาพการณ์ของเราเหมือนสลับเพศยังไงก็ไม่รู้สิ
       
    ผมไม่กล้าชวนน้องเยจินคุยต่อครับ กลัวพูดอะไรไม่เข้าหูเธอเข้า เดี๋ยวจะเกิดศึกกันเสียเปล่าๆ...ผมนั่งกินข้าวไปเงียบๆ แต่ก็คอยเหลือบมองน้องเยจินเป็นระยะๆ  เธอนั่งกินข้าวไป ดูรายการทีวีไป อย่างมีความสุข แต่คนที่ระทมทุกข์น่ะคือผม อีซอนโฮคนนี้...
       
    ความจริงบรรยากาศแบบนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ อยากกับในละครที่เราสองคนเป็นคู่รักกันจริงๆ...วันสายฝนพรำ นางเอกและพระเอกนั่งกินข้าว ดูทีวีด้วยกันอย่างมีความสุข...บรรยากาศมันให้จริงๆเลยนะครับ

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×