คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : You & Me [3] จบ
ใบหน้าของทั้งสองคนนั้นห่างกันพียงคืบที่มีเพียงอากาศเท่านั้นที่คั่นกลาง ผิวหนังที่แนบจนติดกันทำให้รู้สึกถึงอัตราการเต้นของหัวใจของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนโดยที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆช่วย
“.....อายะ.....ชั้นรักเธอนะ.....รักเธอมาตลอด.....” ใบหน้าที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยกับน้ำเสียงที่จริงจังของนานะยิ่งทำให้อายาโกะรู้สึกแปลกไปทุกที
“.....ธ..เธอจะพูดในสิ่งที่ชั้นรู้อยู่แล้วทำไมกันน่ะ นานะ” ถึงแม้ปากจะพูดอย่างไม่สนใจแต่ใบหน้าที่แดงก่ำและหัวใจที่เต้นแรงขึ้นนั้นก็สามารถที่จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติเล็กๆนี้ได้
“ฮะ ฮะ ฮะ ปากกับร่างกายของเธอนี่ตอบไม่เหมือนกันเลยนะ อายะ” อ้อมแขนของนานะเริ่มที่จะกอดรัดอีกฝ่ายให้ร่างกายลงมาแนบกับของตนให้มากขึ้น
“ย....อย่านะ! เธอจะทำอะไรน่ะ นานะ” อยู่ๆอายาโกะก็ลุกพรวดขึ้นจากร่างกายของนานะ
“..........ฮะ ฮะ ฮะ ชั้นโดนเธอปฏิเสธอีกแล้วเหรอเนี่ย” นานะหัวเราะแห้งๆพลางเกาหน้าเก้อเขินด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง
“ก็แน่สิยะ ชั้นกับเธอเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น ไม่ได้เกินเลยกว่านั้นเลยซักหน่อย” อายาโกะแสร้งแสดงท่าทีไม่ค่อยพอใจกลบเกลื่อน
“........เหรอ....นั่นสินะ ยังไงเธอก็ไม่ต้องการที่จะมองชั้นเกินกว่าเพื่อนจริงๆสินะ” อยู่ๆนานะก็ตีสีหน้าเศร้าขึ้นมาจนอายาโกะนั้นสับสนเล็กน้อยกับท่าทางที่เปลี่ยนแปลงได้เร็วเหมือนกับจิ้งจกเปลี่ยนสีเช่นนี้
“หล่อนเป็นจิ้งจกรึไงยะ ถึงเปลี่ยนอารมณ์เร็วแบบนี้น่ะ นานะ”
“ฮะ ฮะ ถ้าหากเป็นแบบนั้นได้ก็คงจะดีนะ แต่ว่านะ....อายะ ชั้นมีเรื่องบางอย่างอยากจะบอกเธอล่ะ” นานะก้มหน้าลงเล็กน้อยแล้วกุมมือเข้าหากันและกำเอาไว้แน่น
“...ม....มีอะไรงั้นเหรอ? นานะ” อายาโกะเริ่มใจไม่ดีเกี่ยวกับท่าทางที่ผิดแปลกไปของนานะที่มักจะขี้เล่นอยู่เสมอจนแทบจะไม่เคยแสดงสีหน้าหรือท่าทางตรึงเครียดแบบนี้เลย
“ชั้นคิดว่า.....ถ้าหากเธอไม่ต้องการชั้นมากกว่าเพื่อน......ชั้นก็จะตัดใจจากเธอน่ะ....” รอยยิ้มที่ฝืนยิ้มอย่างเสียไม่ได้ของนานะนั้นทำให้อายาโกะแอบรู้สึกผิดที่ลึกๆที่ตนทำร้ายจิตใจของอีกฝ่ายมาตลอด
“ง....งั้นเหรอ? แล้วเธอคิดว่าทำยังไงถึงจะตัดใจจากชั้นได้ล่ะ?” อายาโกะลองถามกลับไปโดยที่ความจริงแล้วไม่ได้ต้องการคำตอบเลยแม้แต่น้อย
“อีก 2 วันชั้นจะไปดูตัวตามที่พ่อกับแม่สั่ง” นานะตอบออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“ง.....งั้น.....งั้นเหรอ?.....กับใคร?....แล้วก็ที่ไหนกันน่ะ?” อายาโกะแทบไม่อยากที่จะเชื่อสิ่งที่ตนเองได้ยินและตกใจกับตนเองเหลือเกินที่รู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจถูกบีบจนอึดอัดมากกว่าตอนที่ตนเองต้องไปดูตัวเมื่อตอนที่อยู่ม.ต้น
“อีกฝ่ายแก่กว่าชั้นนิดหน่อย รู้สึกว่าจะเป็นคนที่เก่งเรื่องโรคมะเร็งมากพ่อกับแม่ชั้นก็เลยอยากจะได้มาเป็นลูกเขยน่ะ” นานะยิ้มออกมาเล็กน้อยทั้งที่คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น
“แล้ว......เธอชอบคนคนนั้นรึเปล่าล่ะ?” อายาโกะลองถามเพื่อนสนิทของตนเองดู
“ไม่รู้สิ.....ก็ชั้นเห็นแต่รูปนี่นา” นานะตอบกลับมาพลางชำเลืองตาขึ้นมามองหน้าของอายาโกะที่ปั้นหน้าอย่างยากที่จะคาดเดาความคิด
“.....แต่ว่า........ถ้าหากเธอพูดว่าไม่อยากที่จะให้ชั้นไปดูตัวล่ะก็...ชั้นจะยอมทิ้งทุกอย่าง.....แล้วก็จะขัดคำสั่งทุกอย่างเพื่อเธอนะ........อายะ..” มือที่กำเข้าหากันแน่นนั้นเอื้อมมากุมมือของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างนุ่มนวล
“.....ช.....ชั้น.....ชั้นจะไม่พูดเด็ดขาด เรื่องแบบนี้เธอจะต้องเป็นคนตัดสินใจต่างหากล่ะ” มือของอายาโกะกุมมือของนานะตอบและสั่นเล็กน้อย
“...เหรอ?.....เธอนี่ใจร้ายจังเลยนะ....แต่ทั้งที่พูดอย่างนั้นเธอก็ยังร้องไห้เหรอ? อายะ” นานะยิ้มนิดๆ
“ค.....ใครร้องไห้กันน่ะ! ชั้นแค่ฝุ่นเข้าตาก็เท่านั้นเอง” อายาโกะหลบสายตาลง
“บางทีเธอก็เก็บความรู้สึกของตัวเองไม่เก่งเลยนะ อายะ” ว่าแล้วนานะก็ค่อยๆยกมือของอีกฝ่ายขึ้นมาจุมพิตเบาๆ
“ตั้งแต่สมัยก่อนเธอก็เป็นคนที่ไม่ค่อยจะแสดงอารมณ์ทางสีหน้าซักเท่าไหร่ ยกเว้นแต่สีหน้าเศร้าของเธอเท่านั้นที่จะแสดงออกมาอย่างชัดเจน....แล้วชั้นก็ไม่ชอบสีหน้าแบบนี้ของเธอเลยนะ....โดยเฉพาะตอนที่เธอร้องไห้น่ะ.....อายะ” มือของนานะที่จับมือของอายาโกะนั้นคลายออกแล้วมาปาดน้ำตาบนใบหน้าของอีกฝ่ายช้าๆและเลียปลายนิ้วของตนที่เปื้อนหยดน้ำใสจากดวงตาของอีกฝ่ายที่เช็ดออกมาเมื่อครู่นี้อย่างเสียดาย
“..........นานะ....ได้โปรด.....อย่ากดดันชั้นเลย....ได้ไหม?...” อายาโกะเอ่ยขอร้องออกมาด้วยความรู้สึกมากมายที่เอ่ยออกมาเป็นคนพูดไม่ได้
“นี่..........อายะ.....พูดว่า ‘รัก’ กับชั้นได้ไหม? ชั้นต้องการแค่คำคำนี้จากปากของเธอเท่านั้น” นานะชำเลืองตาขึ้นมามองหน้าอีกฝ่ายช้าๆด้วยสายตาออดอ้อนแบบลูกหมาไม่มีผิด
“...........ไม่......ชั้นบอกแล้วไงว่าชั้นกับเธอเป็นแค่....เพื่อน....กันน่ะ” เมื่ออายาโกะเบือนหน้าหนีก็ถูกมือของนานะจับแก้มทั้งสองข้างเอาไว้และเชือดขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะถูกจุมพิต
นัยน์ตาที่เบิกกว้างในตอนแรกค่อยๆปรือลงจนปิดสนิท ริมฝีปากที่ไร้การขัดขืนนั้นก็เริ่มตอบสนองต่ออีกฝ่ายอย่างช้าๆ เรียวนิ้วที่สั่นเล็กน้อยเริ่มกุมแขนของอีกฝ่ายแน่นขึ้น
เมื่อบรรยากาศและอีกฝ่ายเป็นใจเช่นนี้มีหรือ นานะจะปล่อยโอกาสทองอันโคตรจะแสนงามนี้ไปง่ายๆ คำตอบ...คือไม่มีทางเสียล่ะเมื่อเนื้ออยู่ในอุ้งมือของเสือเช่นนี้ทำไมจะต้องปล่อยสิ่งตรงหน้าไปโดยไม่กินตามต้องการแทนล่ะ
เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้วรอยยิ้มอันแสนยียวนผุดขึ้นมาเติมแต่งใบหน้าที่ดูกวนประสาทเล็กๆให้ดูกวนกิเลศเบื้องต่ำมากยิ่งขึ้น แต่ดูเหมือนว่าอายาโกะนั้นจะไม่ได้สังเกตเลยแม้แต่น้อยเพราะเมื่อริมฝีปากถูกถอนออกก็ถูกอีกฝ่ายกอดรัดแน่นเสียจนหายใจแทบจะไม่ออก แต่ก็ไมได้นึกรังเกียจหรือว่าอยากจะผลักอีกฝ่ายให้ออกไปจากร่างกายของตนแต่อย่างใด ถึงจะปากแข็งและอยากจะปฏิเสธมากขนาดไหนแต่ว่าร่างกายกลับไม่ยอมซื่อตรงต่อสิ่งที่สมองสั่งการ
“...นานะ....” อายาโกะเรียกชื่อของนานะเมื่อนานะเลื่อนโหนกหน้าผากมาชนกันเบาๆ ใบหน้าที่อยู่ห่างกันเพียงลมหายใจกั้นอย่างเบาบาง ลมเย็นที่ลอดผ่านเนื้อไม้ตามกำแพงเข้ามาทำให้เผลอเข้าไปกอดอีกฝ่ายเอาไว้เพราะอากาศหนาวอย่างไม่รู้ตัว
“อายะ....ชั้นรักเธอนะ....” ริมฝีปากที่พูดนั้นเริ่มจูบอีกฝ่ายอีกครั้งและไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆ มือทั้งสองข้างนั้นอุ้มร่างกายอันบอบบางของอายาโกะลงนอนบนผืนผ้าที่กองอยู่บนพื้น คนที่อยู่ในอ้อมแขนนั้นไม่ได้ขัดขืนและยังเอื้อมแขนทั้งสองข้างขึ้นมากอดรัดคอคนที่อยู่ด้านบนร่างกายตนอย่างยินยอม
แต่ว่า......อยู่ๆแขนที่กอดรัดคอของนานะอยู่นั้นก็คลายออกเปลี่ยนมาเป็นการกุมใบหน้าของตนเองแทน มือที่ปกปิดใบหน้านั้นเริ่มสั่นเล็กๆอย่างเห็นได้ชัด
“.....อายะ?....” นานะเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายอย่างสงสัยท่าทางที่กลับไปกลับมาของอายาโกะ
“.......พอ.....พอเถอะ.....นานะ....พวกเราอย่าข้ามไปมากกว่า...เลยนะ....”
“ทำไมล่ะ? อายะ...เธอเองก็รักชั้นไม่ใช่เหรอ?” นานะแกะมือของอายาโกะออกเพื่อที่จะมองใบหน้าของอีกฝ่ายให้ชัดๆ
“....รักสิ....แต่ว่า....ไม่ใช่แบบนี้......ความรักของเธอที่ชั้นต้องการมันไม่ใช่แบบนี้....นานะ ได้โปรดเถอะ...” เสียงของอายาโกะยังคงสะอื้น คิ้วที่ขมวดหากันจนแน่นและใบหน้าที่แดงก่ำ นานะรู้สึกเหมือนกับว่าตนเองได้ทำสิ่งที่ผิดมหันต์จนไม่อาจจะให้อภัยออกมา
“ขอโทษ....อายะ....ขอโทษ...ชั้นนี่มันแย่จริงๆเลยนะ....ที่ทำแบบนี้น่ะ...” นานะก้มหน้าลงมาจุมพิตหน้าผากของอายาโกะเบาๆและกอดอีกฝ่ายเอาไว้อย่างหลวมๆ
ขอโทษนะ.....อายะ....ทั้งที่แค่กอดเธอ หยอกล้อกับเธอในฐานะเพื่อนสนิทชั้นก็มีความสุขมากแล้ว....แต่ว่าชั้นก็ยังอยากที่จะครอบครองเธอเอาไว้....จนบางครั้งชั้นถึงกับมีความคิดที่ว่า อยากจะลักพาตัวเธอไปกักขังไว้ที่ไหนซักแห่งเพื่อที่จะไม่ให้ใครได้เห็นเธอ เพื่อที่จะให้เธอเป็นของชั้นเพียงแค่คนเดียว...ถ้าหากเธอรู้ว่าชั้นมีความคิดแบบนี้ล่ะก็...เธอคงจะหนีไปจากชั้นอีกสินะ ไปในที่ที่ชั้นเอื้อมมือไปหาเธอไม่ได้...เพื่อที่จะไม่ให้ความรู้สึกของชั้นผูกมัดตัวเธอเอาไว้ อายะ...ชั้นน่ะรักเธอจากใจจริงนะ...
วันต่อมาเมื่อพายุสงบหน่วยกู้ภัยที่ได้รับแจ้งการหายตัวของทั้งคู่บนภูเขาท่ามกลางพายุถึง 2 วัน 2 คืน ก็เริ่มการออกตามหาทั้งคู่อย่างเอาเป็นเอาตายแทบจะทุกตารางนิ้วของภูเขาที่ใหญ่และมีหลายลูกเชื่อมต่อกัน กว่าที่จะตามหากระท่อมที่ทั้งคู่เข้าไปหลบพายุนั้นก็ล่วงเลยเข้าไปเกือบจะหัวค่ำเสียแล้ว แทนที่ทั้งคู่จะดูกังวลหือเสียขวัญกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นกลับกลายเป็นว่าขณะที่ไปพบนั้นทั้งคู่กำลังนั่งทำอาหารจากอาหารกระป๋องและอาหารแห้งในที่พักแห่งนี้อยู่อย่างไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรทั้งสิ้นเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทำเอาทั้งทีมสำรวจเพื่อกู้ภัยนั้นอยากจะรุมประชาทัณฑ์ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เพราะพวกตนที่ออกตามหาทั้งคู่อย่างยากลำบากแทบล้มประดาตายแต่ผู้เคราะห์ร้ายกลับนั่งดินเนอร์(อาหารกระป๋อง)ใต้แสงเทียนเหมือนกับทองไม่รู้ร้อนเสียอย่างนั้น
“นี่อายะ” นานะเอ่ยพูดกับอายาโกะขณะที่กำลังนั่งรถเพื่อที่จะกลับบ้าน
“หืม?” อายาโกะตอบกลับอย่างไม่ค่อยสนใจนัก
“ชั้นว่า....ชั้นยังไม่ตัดใจจากเธอดีกว่านะ...ท่าทางอีกไม่นานเธอจะต้องเปลี่ยนใจแน่ๆ อายะ” นานะโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบเข้างหูอีกฝ่ายด้วยแววตาที่ดูมีความหวัง
“งั้นเหรอ? แล้วชั้นจะคอยดูนะ นานะ ว่าเธอจะทำได้เหมือนกับที่พูดรึเปล่า” อายาโกะคลี่ยิ้มอย่างมั่นใจกลับไป
เรื่องต่อจากนี้ไปก็คงจะเหมือนกับเกมส์ที่ทั้งคู่เป็นผู้เล่นและไม่รู้เลยว่าฝ่ายไหนกันแน่ที่จะต้องกลายเป็นผู้แพ้ก่อนกันระหว่างนานะและอายาโกะในขณะที่กำแพงที่ชื่อว่า เพื่อน กำลังพังทลายลงมาทีละน้อยเหมือนกับนาฬิกาทรายที่นับถอยหลังรอเวลาไหลลงมาจากเบื้องบนลงมาสู่เบื้องล่างจนหมด
ความคิดเห็น