ลำดับตอนที่ #5
ตั้งค่าการอ่าน
ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ความลับของแม่
เมื่อหลุมนั่นโดนขุดด้วยฝีมือ เจ้าจิงจอกน้อยของ ลี่หลิน เด็กทั้งสองก็พบ กล่องไม้ผุพังฝั่งอยู่ใต้หลุมนั่น ลำตัวเจ้าจิงจอกน้อย เละเทะไปด้วยดินทราย
เมื่อหว่า หว่า และหลี่หลินกลับมาถึงกระโจมหลังจากการเดินชมทุ่งดอกโบตั่นป่า พวกเขาก็นำสมุดบันทึกที่พบในกล่องลวดลายราชวงศ์หมิงออกมาวางบนโต๊ะไม้เรียบๆ ของกระโจม ทั้งคู่มองมันด้วยความสงสัย และราวกับมันมีบางสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ซ่อนอยู่ภายใน
สมุดบันทึกนั้นมีสีและลวดลายที่งดงามมาก แม้จะเก่าแก่และซีดจางจากกาลเวลา แต่ก็ยังสามารถมองเห็นความประณีตในรายละเอียดของลายทองที่ตกแต่งรอบปก หนังสมุดบันทึกดูเหมือนจะถูกทำมาจากวัสดุที่หายาก แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุดคือการเปิดออกมาแล้วพบกับข้อความโบราณที่เขียนด้วยหมึกสีดำสนิท
ในขณะที่หลี่หลินพยายามจะตีความหมายจากข้อความในสมุดนั้น หว่า หว่าก็ได้ยินเสียงเล็กๆ จากด้านนอกกระโจม เสียงนั่นคือเสียงของเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่งที่เดินตามเข้ามาในกระโจม เธอเป็นจิ้งจอกที่มักจะปรากฏตัวในช่วงเวลาที่ลึกลับและมักจะนำสิ่งต่างๆ ที่ไม่คาดคิดมาด้วย
"มันคงจะไม่ธรรมดาแน่ๆ" หว่า หว่าพูดเสียงเบา ขณะที่เธอลูบกระดาษเก่าอย่างระมัดระวัง "เจ้าจิ้งจอกน้อยมีอะไรจะบอกพวกเราหรือไม่?"
จิ้งจอกน้อยหยุดยืนที่ประตูแล้วมองมาที่พวกเขา ก่อนที่จะเดินเข้ามาหา พร้อมกับสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณบางอย่าง ซึ่งมันคือแผนที่เก่าแก่ที่ถูกม้วนอยู่ในหีบไม้เล็กๆ
หลี่หลินยืดมือออกไปคว้ามันมาดู แล้วเธอก็เห็นสัญลักษณ์บางอย่างที่เคยเห็นในบันทึกนั้น แผนที่แสดงเส้นทางที่ถูกซ่อนเอาไว้ในภูเขาหลายลูก ใต้แสงจันทร์ที่สะท้อนจากปากถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีความสำคัญต่อการค้นหาสิ่งที่พวกเขากำลังตามหาอยู่
"เจ้าจิ้งจอกน้อยจะบอกเราไปที่ไหนกันแน่?" หว่า หว่าพูดด้วยน้ำเสียงสั่นไหว
"เราอาจจะใกล้ถึงจุดหมายแล้ว" หลี่หลินตอบ แล้วหันไปมองเจ้าจิ้งจอกน้อย ที่ตอนนี้ยืนมองแผนที่อย่างตั้งใจเหมือนกับรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ท้องฟ้ายามค่ำคืนในทุ่งหญ้ามองโกลเลีย เต็มไปด้วยดาวประกายระยิบระยับ แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา คือการผจญภัยใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นจากการค้นพบนี้
ข้างๆ เตียงนอนมีเบาะนุ่มๆ ชิ้นหนึ่งจิ้งจอกน้อยเข้ามาอยู่ในกระโจมและ เอาหัวไปถูไถกับเบาะนั้นแล้วนอนขดตัวอยู่อย่างน่าเอ็นดู หว่า หวาหันมองแล้วก้าวเข้ามาอย่างเงียบๆ ก่อนจะนั่งลงข้างเจ้าจิ้งจอกน้อยที่ดูหวาดระแวงอยู่เล็กน้อย เธอยิ้มอ่อนโยนและค่อยๆ เอื้อมมือไปลูบหัวมันอย่างนุ่มนวล ขนสีขาวนุ่มละมุนราวกับปุยเมฆ เธอเอามือไล้ไปมาเบาๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า
"เจ้าจิ้งจอกน้อย... เจ้ามีชื่อหรือเปล่านะ?" หว่า หวาถามขึ้นด้วยแววตาเอ็นดู
ดวงตากลมโตของจิ้งจอกน้อยจ้องมองกลับมาราวกับกำลังครุ่นคิด มันเอียงหัวเล็กน้อยเหมือนจะฟังที่เธอพูด หว่า หวา หัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดู แล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรักใคร่
"เจ้าช่างน่ารักเหลือเกิน ถ้าไม่มีใครตั้งชื่อให้เจ้า ข้าขอเรียกเจ้าว่า 'คาซาร์ ดีไหม? เจ้าหิมะน้อยของข้า..."
เจ้าจิ้งจอกน้อยกระดิกหูเล็กน้อยราวกับตอบรับคำพูดของเธอ มันขยับเข้ามาใกล้ และซบตัวลงกับขาของหว่า หวาความไว้วางใจที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งคู่ช่างอบอุ่นและงดงามจนยากจะบรรยาย
ลี่ หลิน ได้ยินก็ยิ้ม "คาซาร์" เธอรู้ภาษาเหล่านี้ด้วยหรอ
หวา หว่า มองหน้าลี่ หลินอย่างเหมอลอย
"หว่า หวา!" เสียงนั้นดึงให้เธอมีสติอีกครั้ง "ฉันว่า ฉันเหมือนรู้จักชื่อนี้นะ" เมื่อพูดจบเธอก็หวนคิดขึ้นได้ว่า ยังมีจดหมาย อีกฉบับที่มากับกล่องแผ่นที่ ที่เธอเผลอวางทิ้งไว้โดยยังไม่ได้เปิดอ่าน เธอเอื้อมมือไปเปิดกล่องอีกครั้งเพื่อหยิบจดหมาย นั้นออกมา ทันทีที่ฝาเปิดขึ้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่มุมกล่อง ริบบิ้นสีเขียวเส้นบางที่ผูกไว้อย่างประณีตติดอยู่ที่มุมกล่องด้านใน สร้างความสงสัยให้เธอไม่น้อย
ด้วยความอยากรู้ เธอเอื้อมมือไปดึงริบบิ้นออกมา แต่กลับพบว่าพื้นกล่องทั้งแผ่นถูกดึงติดมือเธอออกมาด้วย สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าทำให้เธอต้องชะงัก หัวใจเต้นแรง ภาพวาดที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นกล่องนั้นเป็นภาพของหญิงสาวคนหนึ่ง ผู้มีใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น ในอ้อมแขนของเธอโอบกอดลูกหมาจิ้งจอกสีขาวตัวน้อย ที่จ้องมองกลับมาด้วยดวงตาใสแจ๋ว เส้นสายลายวาดถูกลงสีอย่างบรรจง ทุกรายละเอียดดูมีชีวิตชีวา ทั้งรอยยิ้มอ่อนโยนของหญิงสาว และขนปุกปุยของลูกหมาจิ้งจอกที่ดูนุ่มนวลราวกับจะสัมผัสได้จริง ภาพนั้นทำให้หว่า หวารู้สึกถึงบางสิ่งที่ยากจะอธิบาย เป็นความรู้สึกอบอุ่น แปลกประหลาด และเต็มไปด้วยความสงสัยในเวลาเดียวกัน
มีเสียงฝีเท้าดังมาจากหน้ากระโจม เป็นเสียงผู้ชาย "นายน้อย!...ข้าจะเข้าไปนะ" เมื่อชาร์รุคได้ยินนายน้อยขานรับ บุรุษทั้งสามคนก็เดินเข้ามา
"นายน้อย ข้าพาคนที่ไว้ใจได้และแข็งแรง...เดินทางไปพร้อมกับพวกเราด้วย" ชาร์รุคเอ๋ยขึ้น ด้วยความพร้อมที่จะไปกับนายน้อยในอีกสองวันข้างหน้า
"ขอบใจนะ ชาร์รุค" หว่า หวา ตอบพรางมองไปที่ชายทั้งสองคน "
"ท่านผู้เฒ่ากลับมาหรือยัง...ข้ามีเรื่องอยากถามท่านผู้เฒ่าเกี่ยวกับแม่ของข้า"
"เดียวข้าไปหาคำตอบมาให้ท่านนายน้อย" เมื่อชาร์รุคพูดจบก็ทำความเคารพแล้วเดินออกไปพร้อมกับชายทั้งสองคน
เมื่อชายทั้งสามเดินออกไป หลี่ หลินเอาฝ่ามืออันอวบอ้วน จับมือหว่า หวาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
"หว่า หวา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะอยู่ใกล้ๆเสมอน่ะ"
"อืม...ขอบใจนะ หลี่หลิน"
เมื่อพูดจบหว่า หวาพลิกดูด้านหลังของภาพวาดด้วยความสงสัย พบว่ามีกระดาษอีกแผ่นซ่อนอยู่แนบเนียน เธอค่อย ๆ ดึงมันออกมา เผยให้เห็นลายเส้นและข้อความที่แฝงความลับบางอย่างไว้ ดวงตาเธอจ้องมองด้วยความตื่นเต้น ราวกับได้พบเบาะแสสำคัญที่เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบันเข้าไว้ด้วยกัน.
"นั่น!...อักษรจีนนี้" หว่า หวา ถึงกับตะลึง
"หว่า หวา ฉันจะอ่านให้เธอฟังน่ะ" ลี่หลินดึกระดาษในมือหว่า หวา ไปอ่าน
_______________________________
ถึงภรรยาอันเป็นที่รักและผู้ให้กำเนิดสายเลือดของข้า,
ยามนี้ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะสุขภาพแข็งแรง และปลอดภัยทั้งตัวท่านและลูกในครรภ์ การจากบ้านมาทำหน้าที่เพื่อบ้านเมืองในครั้งนี้ ทำให้ข้าเจ็บปวดใจยิ่งนัก ที่ไม่อาจอยู่เคียงข้างท่านในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้
ข้ามีข่าวจะแจ้งให้ท่านเตรียมพร้อมไว้ว่า ให้ท่านเก็บของสำคัญเตรียมไว้ เผื่อข้าจะกลับไปรับท่าน
ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน และยิ่งคิดถึงมากขึ้นเมื่อระลึกได้ว่าท่านกำลังเผชิญความยากลำบากเพียงลำพัง ข้าสาบานว่าทุกสิ่งที่ข้ากระทำในสนามรบนี้ ล้วนเพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับท่านและลูกของเรา ข้าฝันถึงวันที่จะได้อุ้มลูกไว้ในอ้อมกอด และอยู่พร้อมหน้ากันในบ้านหลังเล็ก ๆ ของเรา
ขอให้ท่านดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีเป็นพิเศษ ยามนี้อย่าได้เหนื่อยล้าหรือกังวลเกินไปนัก หากท่านต้องการสิ่งใด โปรดบอกกล่าวผ่านผู้ส่งสาร ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านได้รับสิ่งนั้น แม้ต้องฝ่าภูเขาหรือข้ามแม่น้ำ ข้าก็จะไม่ลังเล
ลูกของเราคือความหวังของข้า และท่านคือกำลังใจของข้า ในทุกวันยามที่ข้าต่อสู้กับศัตรู ความคิดถึงที่มีต่อท่านและลูกทำให้ข้าหาแรงใจที่จะก้าวต่อไป
จงเฝ้ารอข้าด้วยหัวใจที่มั่นคงเถิด ข้าสัญญาว่าจะกลับไปหาท่านและลูกโดยเร็วที่สุด ขอให้ท่านเข้มแข็งเพื่อครอบครัวของเรา ด้วยรักและห่วงใยยิ่ง,
สามีผู้ภักดีของท่าน
หมิงซื่อ
________________________________
หลังจากหว่า หวา อ่านจบ หลี่ หลิน ก็น้ำตาไหลพราง
"คิดถึงท่านแม่...เหลือเกิน" น้ำตาเธอค่อยๆไหลรินออกมาจาก สักพักใบหน้าของเธอ ก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา
ภาพความทรงจำย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความเจ็บปวด ท้องฟ้าสีเทาหม่นปกคลุมเหนือเผ่าที่เคยสงบสุข เสียงตะโกน เสียงฝีเท้าของผู้คนที่กำลังหลบหนี และเสียงปะทะของอาวุธดังก้องอยู่รอบด้าน บรรยากาศถูกปกคลุมไปด้วยควันและเปลวไฟที่แผดเผา เด็กน้อยยืนอยู่ในวงแขนของมารดาที่โอบกอดเขาไว้แน่น น้ำตาไหลรินจากดวงตาของเธอขณะกระซิบบอกลา น้ำเสียงสั่นเครือแต่เต็มไปด้วยความรัก เธอประทับรอยจูบลงบนหน้าผากเล็ก ๆ ของลูกและส่งเขาไปกับชายชราผู้ใจดี เพื่อหลบหนีไปในป่า แววตาของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความสับสนและหวาดกลัว เขาหันกลับไปมองมารดาอีกครั้งก่อนที่ภาพเธอจะจางหายไปในม่านควันและเสียงโกลาหล ความทรงจำนี้ยังคงชัดเจน ราวกับบาดแผลลึกในหัวใจที่ไม่มีวันเลือนหาย เป็นภาพแห่งความสูญเสียและความรักที่ไม่มีวันจางคลาย
"ท่านผู้เฒ่าเตร์มู ท่านผู้มีพระคุณ" หว่า หวา เอ๋ยขึ้นเหมือนจดจำอะไรบางอย่างขึ้นอีกครั้ง
หลี่ หลิน ตกใจและดีใจที่ความจริงที่ถูกเปิดเผย และความทรงจำของหว่า หวา กลับมาอีกครั้ง
"เธอก็ต้องไปถามท่านผู้เฒ่าเตร์มูเพื่อหาความจริง เหตุการณ์ในครั้งนั้น" หลี่หลินพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
หว่า หวานั่งน้ำตาซึม เหมือนตกอยู่ในพวัง เมื่อความทรงจำกลับคืนมา เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นใคร เธอจากที่นี้ไปตอนอายุได้เจ็ดขวบ ทุกอย่างในช่วงนั้นคล้ายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เธอ หวาดกลัวจนล้มหลับไป
เสียงเรียกของผู้เฒ่าเหมือนจะบาดใจทำให้เธอลืมตาขึ้น กระพิบตาถี่ๆ เพราะใบหน้าที่เห็นในขณะนั้น เป็นหน้าของท่านผู้เฒ่าเตร์มู ซึ่อเธออยากที่จะได้รู้ความจริงจากปากของผู้เฒ่าเตร์มูอย่างมาก
"เจ้าได้สติหรือยัง!.."
"ท่านผู้เฒ่า ท่านมาแล้วจริงๆด้วย" เธอพูดด้วยเสียงอันแพรวเบา
"ดื่มยาก่อนเถอะ เดียวเราค่อยคุยกัน" เสียงท่านผู้เฒ่าเหมือนมีพลังบางอย่าง เธอปฏิบัติตามทันที
"ท่านผู้เฒ่า!.. ท่านช่วยเล่าให้ข้าฟังที..เรื่องของท่านแม่ข้า หลังจากที่ข้าพลัดหลงกับท่านแม่ ข้าก็จำอะไรไม่ได้เลย..มีท่านยายท่านหนึ่งช่วยชีวิตข้าไว้"
"ช่วงนั้น..ข้าจำสิ่งใดไม่ได้เลย ท่านช่วยเล่าให้รู้ที" เธอลุกขึ้นนั้งในท่าที่เตรียมพร้อมรับฟังเรื่องราวจากปากท่านผู้เฒ่าเตร์มู
เมื่อหว่า หว่า และหลี่หลินกลับมาถึงกระโจมหลังจากการเดินชมทุ่งดอกโบตั่นป่า พวกเขาก็นำสมุดบันทึกที่พบในกล่องลวดลายราชวงศ์หมิงออกมาวางบนโต๊ะไม้เรียบๆ ของกระโจม ทั้งคู่มองมันด้วยความสงสัย และราวกับมันมีบางสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ซ่อนอยู่ภายใน
สมุดบันทึกนั้นมีสีและลวดลายที่งดงามมาก แม้จะเก่าแก่และซีดจางจากกาลเวลา แต่ก็ยังสามารถมองเห็นความประณีตในรายละเอียดของลายทองที่ตกแต่งรอบปก หนังสมุดบันทึกดูเหมือนจะถูกทำมาจากวัสดุที่หายาก แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจมากที่สุดคือการเปิดออกมาแล้วพบกับข้อความโบราณที่เขียนด้วยหมึกสีดำสนิท
ในขณะที่หลี่หลินพยายามจะตีความหมายจากข้อความในสมุดนั้น หว่า หว่าก็ได้ยินเสียงเล็กๆ จากด้านนอกกระโจม เสียงนั่นคือเสียงของเจ้าจิ้งจอกน้อยตัวหนึ่งที่เดินตามเข้ามาในกระโจม เธอเป็นจิ้งจอกที่มักจะปรากฏตัวในช่วงเวลาที่ลึกลับและมักจะนำสิ่งต่างๆ ที่ไม่คาดคิดมาด้วย
"มันคงจะไม่ธรรมดาแน่ๆ" หว่า หว่าพูดเสียงเบา ขณะที่เธอลูบกระดาษเก่าอย่างระมัดระวัง "เจ้าจิ้งจอกน้อยมีอะไรจะบอกพวกเราหรือไม่?"
จิ้งจอกน้อยหยุดยืนที่ประตูแล้วมองมาที่พวกเขา ก่อนที่จะเดินเข้ามาหา พร้อมกับสิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นสัญญาณบางอย่าง ซึ่งมันคือแผนที่เก่าแก่ที่ถูกม้วนอยู่ในหีบไม้เล็กๆ
หลี่หลินยืดมือออกไปคว้ามันมาดู แล้วเธอก็เห็นสัญลักษณ์บางอย่างที่เคยเห็นในบันทึกนั้น แผนที่แสดงเส้นทางที่ถูกซ่อนเอาไว้ในภูเขาหลายลูก ใต้แสงจันทร์ที่สะท้อนจากปากถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีความสำคัญต่อการค้นหาสิ่งที่พวกเขากำลังตามหาอยู่
"เจ้าจิ้งจอกน้อยจะบอกเราไปที่ไหนกันแน่?" หว่า หว่าพูดด้วยน้ำเสียงสั่นไหว
"เราอาจจะใกล้ถึงจุดหมายแล้ว" หลี่หลินตอบ แล้วหันไปมองเจ้าจิ้งจอกน้อย ที่ตอนนี้ยืนมองแผนที่อย่างตั้งใจเหมือนกับรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
ท้องฟ้ายามค่ำคืนในทุ่งหญ้ามองโกลเลีย เต็มไปด้วยดาวประกายระยิบระยับ แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา คือการผจญภัยใหม่ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นจากการค้นพบนี้
ข้างๆ เตียงนอนมีเบาะนุ่มๆ ชิ้นหนึ่งจิ้งจอกน้อยเข้ามาอยู่ในกระโจมและ เอาหัวไปถูไถกับเบาะนั้นแล้วนอนขดตัวอยู่อย่างน่าเอ็นดู หว่า หวาหันมองแล้วก้าวเข้ามาอย่างเงียบๆ ก่อนจะนั่งลงข้างเจ้าจิ้งจอกน้อยที่ดูหวาดระแวงอยู่เล็กน้อย เธอยิ้มอ่อนโยนและค่อยๆ เอื้อมมือไปลูบหัวมันอย่างนุ่มนวล ขนสีขาวนุ่มละมุนราวกับปุยเมฆ เธอเอามือไล้ไปมาเบาๆ พลางพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า
"เจ้าจิ้งจอกน้อย... เจ้ามีชื่อหรือเปล่านะ?" หว่า หวาถามขึ้นด้วยแววตาเอ็นดู
ดวงตากลมโตของจิ้งจอกน้อยจ้องมองกลับมาราวกับกำลังครุ่นคิด มันเอียงหัวเล็กน้อยเหมือนจะฟังที่เธอพูด หว่า หวา หัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดู แล้วกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรักใคร่
"เจ้าช่างน่ารักเหลือเกิน ถ้าไม่มีใครตั้งชื่อให้เจ้า ข้าขอเรียกเจ้าว่า 'คาซาร์ ดีไหม? เจ้าหิมะน้อยของข้า..."
เจ้าจิ้งจอกน้อยกระดิกหูเล็กน้อยราวกับตอบรับคำพูดของเธอ มันขยับเข้ามาใกล้ และซบตัวลงกับขาของหว่า หวาความไว้วางใจที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างทั้งคู่ช่างอบอุ่นและงดงามจนยากจะบรรยาย
ลี่ หลิน ได้ยินก็ยิ้ม "คาซาร์" เธอรู้ภาษาเหล่านี้ด้วยหรอ
หวา หว่า มองหน้าลี่ หลินอย่างเหมอลอย
"หว่า หวา!" เสียงนั้นดึงให้เธอมีสติอีกครั้ง "ฉันว่า ฉันเหมือนรู้จักชื่อนี้นะ" เมื่อพูดจบเธอก็หวนคิดขึ้นได้ว่า ยังมีจดหมาย อีกฉบับที่มากับกล่องแผ่นที่ ที่เธอเผลอวางทิ้งไว้โดยยังไม่ได้เปิดอ่าน เธอเอื้อมมือไปเปิดกล่องอีกครั้งเพื่อหยิบจดหมาย นั้นออกมา ทันทีที่ฝาเปิดขึ้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งที่มุมกล่อง ริบบิ้นสีเขียวเส้นบางที่ผูกไว้อย่างประณีตติดอยู่ที่มุมกล่องด้านใน สร้างความสงสัยให้เธอไม่น้อย
ด้วยความอยากรู้ เธอเอื้อมมือไปดึงริบบิ้นออกมา แต่กลับพบว่าพื้นกล่องทั้งแผ่นถูกดึงติดมือเธอออกมาด้วย สิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าทำให้เธอต้องชะงัก หัวใจเต้นแรง ภาพวาดที่ซ่อนอยู่ใต้พื้นกล่องนั้นเป็นภาพของหญิงสาวคนหนึ่ง ผู้มีใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น ในอ้อมแขนของเธอโอบกอดลูกหมาจิ้งจอกสีขาวตัวน้อย ที่จ้องมองกลับมาด้วยดวงตาใสแจ๋ว เส้นสายลายวาดถูกลงสีอย่างบรรจง ทุกรายละเอียดดูมีชีวิตชีวา ทั้งรอยยิ้มอ่อนโยนของหญิงสาว และขนปุกปุยของลูกหมาจิ้งจอกที่ดูนุ่มนวลราวกับจะสัมผัสได้จริง ภาพนั้นทำให้หว่า หวารู้สึกถึงบางสิ่งที่ยากจะอธิบาย เป็นความรู้สึกอบอุ่น แปลกประหลาด และเต็มไปด้วยความสงสัยในเวลาเดียวกัน
มีเสียงฝีเท้าดังมาจากหน้ากระโจม เป็นเสียงผู้ชาย "นายน้อย!...ข้าจะเข้าไปนะ" เมื่อชาร์รุคได้ยินนายน้อยขานรับ บุรุษทั้งสามคนก็เดินเข้ามา
"นายน้อย ข้าพาคนที่ไว้ใจได้และแข็งแรง...เดินทางไปพร้อมกับพวกเราด้วย" ชาร์รุคเอ๋ยขึ้น ด้วยความพร้อมที่จะไปกับนายน้อยในอีกสองวันข้างหน้า
"ขอบใจนะ ชาร์รุค" หว่า หวา ตอบพรางมองไปที่ชายทั้งสองคน "
"ท่านผู้เฒ่ากลับมาหรือยัง...ข้ามีเรื่องอยากถามท่านผู้เฒ่าเกี่ยวกับแม่ของข้า"
"เดียวข้าไปหาคำตอบมาให้ท่านนายน้อย" เมื่อชาร์รุคพูดจบก็ทำความเคารพแล้วเดินออกไปพร้อมกับชายทั้งสองคน
เมื่อชายทั้งสามเดินออกไป หลี่ หลินเอาฝ่ามืออันอวบอ้วน จับมือหว่า หวาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
"หว่า หวา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันจะอยู่ใกล้ๆเสมอน่ะ"
"อืม...ขอบใจนะ หลี่หลิน"
เมื่อพูดจบหว่า หวาพลิกดูด้านหลังของภาพวาดด้วยความสงสัย พบว่ามีกระดาษอีกแผ่นซ่อนอยู่แนบเนียน เธอค่อย ๆ ดึงมันออกมา เผยให้เห็นลายเส้นและข้อความที่แฝงความลับบางอย่างไว้ ดวงตาเธอจ้องมองด้วยความตื่นเต้น ราวกับได้พบเบาะแสสำคัญที่เชื่อมโยงอดีตกับปัจจุบันเข้าไว้ด้วยกัน.
"นั่น!...อักษรจีนนี้" หว่า หวา ถึงกับตะลึง
"หว่า หวา ฉันจะอ่านให้เธอฟังน่ะ" ลี่หลินดึกระดาษในมือหว่า หวา ไปอ่าน
_______________________________
ถึงภรรยาอันเป็นที่รักและผู้ให้กำเนิดสายเลือดของข้า,
ยามนี้ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะสุขภาพแข็งแรง และปลอดภัยทั้งตัวท่านและลูกในครรภ์ การจากบ้านมาทำหน้าที่เพื่อบ้านเมืองในครั้งนี้ ทำให้ข้าเจ็บปวดใจยิ่งนัก ที่ไม่อาจอยู่เคียงข้างท่านในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้
ข้ามีข่าวจะแจ้งให้ท่านเตรียมพร้อมไว้ว่า ให้ท่านเก็บของสำคัญเตรียมไว้ เผื่อข้าจะกลับไปรับท่าน
ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน และยิ่งคิดถึงมากขึ้นเมื่อระลึกได้ว่าท่านกำลังเผชิญความยากลำบากเพียงลำพัง ข้าสาบานว่าทุกสิ่งที่ข้ากระทำในสนามรบนี้ ล้วนเพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงให้กับท่านและลูกของเรา ข้าฝันถึงวันที่จะได้อุ้มลูกไว้ในอ้อมกอด และอยู่พร้อมหน้ากันในบ้านหลังเล็ก ๆ ของเรา
ขอให้ท่านดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีเป็นพิเศษ ยามนี้อย่าได้เหนื่อยล้าหรือกังวลเกินไปนัก หากท่านต้องการสิ่งใด โปรดบอกกล่าวผ่านผู้ส่งสาร ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้ท่านได้รับสิ่งนั้น แม้ต้องฝ่าภูเขาหรือข้ามแม่น้ำ ข้าก็จะไม่ลังเล
ลูกของเราคือความหวังของข้า และท่านคือกำลังใจของข้า ในทุกวันยามที่ข้าต่อสู้กับศัตรู ความคิดถึงที่มีต่อท่านและลูกทำให้ข้าหาแรงใจที่จะก้าวต่อไป
จงเฝ้ารอข้าด้วยหัวใจที่มั่นคงเถิด ข้าสัญญาว่าจะกลับไปหาท่านและลูกโดยเร็วที่สุด ขอให้ท่านเข้มแข็งเพื่อครอบครัวของเรา ด้วยรักและห่วงใยยิ่ง,
สามีผู้ภักดีของท่าน
หมิงซื่อ
________________________________
หลังจากหว่า หวา อ่านจบ หลี่ หลิน ก็น้ำตาไหลพราง
"คิดถึงท่านแม่...เหลือเกิน" น้ำตาเธอค่อยๆไหลรินออกมาจาก สักพักใบหน้าของเธอ ก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา
ภาพความทรงจำย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและความเจ็บปวด ท้องฟ้าสีเทาหม่นปกคลุมเหนือเผ่าที่เคยสงบสุข เสียงตะโกน เสียงฝีเท้าของผู้คนที่กำลังหลบหนี และเสียงปะทะของอาวุธดังก้องอยู่รอบด้าน บรรยากาศถูกปกคลุมไปด้วยควันและเปลวไฟที่แผดเผา เด็กน้อยยืนอยู่ในวงแขนของมารดาที่โอบกอดเขาไว้แน่น น้ำตาไหลรินจากดวงตาของเธอขณะกระซิบบอกลา น้ำเสียงสั่นเครือแต่เต็มไปด้วยความรัก เธอประทับรอยจูบลงบนหน้าผากเล็ก ๆ ของลูกและส่งเขาไปกับชายชราผู้ใจดี เพื่อหลบหนีไปในป่า แววตาของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความสับสนและหวาดกลัว เขาหันกลับไปมองมารดาอีกครั้งก่อนที่ภาพเธอจะจางหายไปในม่านควันและเสียงโกลาหล ความทรงจำนี้ยังคงชัดเจน ราวกับบาดแผลลึกในหัวใจที่ไม่มีวันเลือนหาย เป็นภาพแห่งความสูญเสียและความรักที่ไม่มีวันจางคลาย
"ท่านผู้เฒ่าเตร์มู ท่านผู้มีพระคุณ" หว่า หวา เอ๋ยขึ้นเหมือนจดจำอะไรบางอย่างขึ้นอีกครั้ง
หลี่ หลิน ตกใจและดีใจที่ความจริงที่ถูกเปิดเผย และความทรงจำของหว่า หวา กลับมาอีกครั้ง
"เธอก็ต้องไปถามท่านผู้เฒ่าเตร์มูเพื่อหาความจริง เหตุการณ์ในครั้งนั้น" หลี่หลินพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
หว่า หวานั่งน้ำตาซึม เหมือนตกอยู่ในพวัง เมื่อความทรงจำกลับคืนมา เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นใคร เธอจากที่นี้ไปตอนอายุได้เจ็ดขวบ ทุกอย่างในช่วงนั้นคล้ายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เธอ หวาดกลัวจนล้มหลับไป
เสียงเรียกของผู้เฒ่าเหมือนจะบาดใจทำให้เธอลืมตาขึ้น กระพิบตาถี่ๆ เพราะใบหน้าที่เห็นในขณะนั้น เป็นหน้าของท่านผู้เฒ่าเตร์มู ซึ่อเธออยากที่จะได้รู้ความจริงจากปากของผู้เฒ่าเตร์มูอย่างมาก
"เจ้าได้สติหรือยัง!.."
"ท่านผู้เฒ่า ท่านมาแล้วจริงๆด้วย" เธอพูดด้วยเสียงอันแพรวเบา
"ดื่มยาก่อนเถอะ เดียวเราค่อยคุยกัน" เสียงท่านผู้เฒ่าเหมือนมีพลังบางอย่าง เธอปฏิบัติตามทันที
"ท่านผู้เฒ่า!.. ท่านช่วยเล่าให้ข้าฟังที..เรื่องของท่านแม่ข้า หลังจากที่ข้าพลัดหลงกับท่านแม่ ข้าก็จำอะไรไม่ได้เลย..มีท่านยายท่านหนึ่งช่วยชีวิตข้าไว้"
"ช่วงนั้น..ข้าจำสิ่งใดไม่ได้เลย ท่านช่วยเล่าให้รู้ที" เธอลุกขึ้นนั้งในท่าที่เตรียมพร้อมรับฟังเรื่องราวจากปากท่านผู้เฒ่าเตร์มู
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
กำลังโหลด...
ความคิดเห็น