คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 2 - 2 จุดเริ่มต้นของการหย่า 2 - 2
แพรพรรณกดโทรศัพท์หาคนรักด้วยความร้อนใจ
เนื่องจากวันนี้คือวันที่เธอจะต้องไปสนามบินพร้อมกันกับภูธวิน แต่อีกฝ่ายกลับไม่รับสายเธอเลยแม้ว่าเธอจะโทรศัพท์หาเขาร่วมยี่สิบสายแล้วก็ตาม เธอตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาคุณภาวิณี แต่ก็ได้คำตอบกลับมาเสียงแข็งว่า
“ตาภู เตรียมตัวไปสนามบินตั้งนานแล้ว ทำไมเธอเพิ่งจะมาถามเอาป่านนี้” คำตำหนิจากภาวิณีทำให้แพรพรรณรู้สึกเสียหน้า เพราะถ้าหากเธอโทร.หาคนรักติด เธอไม่มีทางติดต่อแม่สามีให้โดนตำหนิจนเสียความรู้สึกเช่นนี้แน่
“ฉันว่าภูเขาน่าจะไปสนามบินแล้วนะ แกเองก็รีบเตรียมตัวเถอะ เครื่องออกตอนเที่ยงคืน หกโมงเย็นแกต้องถึงสนามบินเพื่อเตรียมเช็คอินแล้วนะพราว มา ฉันช่วยเตรียมของ” ปานฤดีดึงกระเป๋าลากในมือของแพรพรรณมาบรรจงจัดแจงสิ่งของใส่ถุงสุญญากาศ เพื่อให้ในกระเป๋ามีพื้นที่มากพอสำหรับการใส่สิ่งของอำนวยความสะดวกอื่น ๆ ด้วย
แพรพรรณรู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดี จนกระทั่งภูธวินติดต่อกลับมาหาเธอ
“ภู พราวโทร.หาคุณ ทำไมคุณไม่รับสายพราวเลย” แพรพรรณถามน้ำเสียงร้อนรน
ภูธวินตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงปกติ “ผมยุ่งน่ะพราว ผมต้องเตรียมของเตรียมเอกสารเดินทางอีก ไฟลท์ของผมค่อนข้างช้าเพราะต้องไปต่อเครื่องที่ประเทศอื่น เลยวุ่นวายน่ะ”
แพรพรรณร้องอ๋อในลำคอ “อ๋อ”
“ผมอาจจะไม่ได้ไปส่งคุณนะพราว ผมต้องรีบไปแล้วล่ะต้องขึ้นเครื่องตอนสองทุ่มตรง” ภูธวินกล่าวจากนั้นจึงรีบกดวางสายแพรพรรณจนเธองง ว่าเขาจะรีบอะไรนักหนา
“ตานั่นทำไมรีบตัดสายแกจัง” ปานฤดีที่แอบลอบสังเกตท่าทางของแพรพรรณ ก็พอรู้ได้ทันทีว่าภูธวินคงจะรีบมากจนรีบตัดสายเพื่อนเธอทิ้ง
แพรพรรณพยายามคิดในแง่ดีเข้าไว้ “ภูเขาต้องรีบเช็คอินที่สนามบินน่ะษา เขาต้องขึ้นเครื่องตอนสองทุ่มตรง”
“โห ใจคอตานั่นจะไม่ร่ำลาแกสักหน่อยหรอ หรือมารับไปสนามบิน หน้าที่แฟนกันนะเนี่ย ฉันว่านะตาภูธวินเนี่ยมีอะไรให้น่าสงสัย แกเชื่อฉันเลยพราว” ปานฤดีบ่นอุบ
ลึก ๆ แพรพรรณก็รู้สึกเสียใจที่แฟนหนุ่มรีบร้อนจนไม่ได้มารับเธอไปสนามบินด้วยกัน นับตั้งแต่จดทะเบียนสมรสมาก็มีแค่วันนี้ที่เธอรู้สึกอ้างว้างเด็ดเดี่ยวเพราะความเร่งร้อนของสามีในนิตินัย
ก๊อก ๆ เสียงเคาะประตูคอนโดของปานฤดีดังขึ้นเพียงสองครั้ง สองสาวที่ช่วยกันจัดกระเป๋าเดินทาง ต้องหันไปมองบริเวณประตูของคอนโด โดยปานฤดีเป็นฝ่ายลุกขึ้นไปและมองผ่านช่องตาแมว เห็นผู้ชายในชุดสูทท่าทางที่ไม่คุ้นเคยกำลังยืนอยู่อย่างสุภาพหน้าประตูห้อง
“มีคนมายืนหน้าห้องว่ะแก”
ปานฤดีบอก
แพรพรรณเดินมายืนอยู่ข้าง ๆ ปานฤดี จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น เป็นเบอร์มือถือแปลก ๆ ที่เธอไม่คุ้นเคยเสียเลย หญิงสาวจึงกดรับสายนั้นและเปิดลำโพงให้ปานฤดีได้ฟัง
“สวัสดีครับ ผมมาจากสายการบินที่คุณกำลังเดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์ ทางผู้ประสงค์มอบทุนให้คุณ เขาได้ส่งผมมาอำนวยความสะดวกให้คุณทุกขั้นตอนครับ ตอนนี้ผมยืนอยู่หน้าประตูห้องของเพื่อนคุณพร้อมกับบัตรประจำตัวพนักงานสายการบิน...”
แพรพรรณมองผ่านช่องประตูตาแมวอีกครั้ง พบว่าเป็นคนเดียวกันที่กำลังคุยสายอยู่กับเธอ ณ ขณะนี้ แต่ความหวาดกลัวก็ยังคงมีอยู่
“งั้นคุณรอฉันสักครู่นะคะ”
แพรพรรณกดวางสายแล้วบอกปานฤดี “เขาบอกว่ามาจากสายการบินที่ฉันจะบินไปสวิสคืนนี้น่ะ เขาจะมารับฉันไปส่งที่สนามบินตามความประสงค์ของผู้มอบทุนให้”
“แต่จะน่าไว้ใจเหรอแก ฉันว่านะถ้า...” ปานฤดียังคงเกิดความรู้สึกไม่ไว้วางใจอยู่ดี จู่ ๆ มีผู้ชายใส่ชุดสูทท่าทางดูดีมายืนอยู่หน้าประตูห้องของเธอที่คอนโด อีกทั้งยังผ่านด่านรักษาความปลอดภัยอันเข้มงวดมาได้ ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะน่าไว้ใจสักเท่าไหร่
เสียงโทรศัพท์มือถือของแพรพรรณดังขึ้น เป็นเบอร์ที่ไม่ค่อยคุ้นเคยนัก แต่หญิงสาวก็ตัดสินใจกดรับสายนั้น “แพรพรรณพูดสายค่ะ”
“หมอพราว ฉันอธิการบดีเองนะ ฉันส่งคนขับรถลีมูซีนไปรับคุณ เขาไปถึงหรือยัง” ด็อกเตอร์ทรงชัย ติดต่อมาที่แพรพรรณได้อย่างทันเวลา ขณะที่หญิงสาวทั้งสองกำลังมองหน้ากัน
“ผู้ชายที่ยืนอยู่หน้าห้องของษา คือคนขับรถลีมูซีนที่ท่านอธิการบดีส่งมาหรอคะ”
ทรงชัยหัวเราะในลำคอเบา ๆ “อันที่จริงก็ไม่ใช่ผมหรอก แต่ผู้ประสงค์มอบทุนให้คุณเขาจองเที่ยวบินชั้นเฟิร์สคลาสไว้ให้ แล้วสิทธิประโยชน์ของสายการบินนี้ก็คือเขามีส่งรถลีมูซีนมารับ เขาเห็นคุณกังวลล่ะ เลยโทร.มาหาผม”
แพรพรรณรู้สึกถึงความโชคดีที่หล่นทับลงมาตรงหน้า หากว่าอธิการบดียืนยันแบบนี้แล้ว เธอก็ไม่มีสิ่งใดต้องกลัวอีก
เธอเกือบเก็บเสียงกรีดร้องไม่อยู่เพราะความดีใจเช่นเดียวกับปานฤดี “อ้อ ฝากบอกคุณปานฤดีด้วยนะ ทางผู้ประสงค์มอบทุนให้เขาก็จัดการจองเที่ยวบินเฟิร์สคลาสให้คุณษาเหมือนกัน พวกคุณจะได้ไปอยู่ด้วยกันไม่เหงาที่ต่างประเทศ”
แพรพรรณอยากรู้จริง ๆ ว่าผู้ที่ประสงค์มอบทุนให้ตนเป็นใครกัน ทำไมถึงใจดีขนาดนี้ ทั้งให้นั่งเที่ยวบินชั้นหนึ่ง[1] ทั้งเธอและเพื่อนสาวที่
ได้รับสิทธิพิเศษนี้ตามไปด้วย เธออยากขอบคุณเขาเป็นล้าน ๆ ครั้งที่มอบ
โอกาสดีเช่นนี้ให้เธอ โอกาสที่แพรพรรณไม่เคยคิดฝันว่าจะได้มาก่อนในชีวิตนี้
“ท่านอธิการพอจะบอกหนูได้มั้ยคะว่าคนใจดีคนนี้เป็นใคร พราวอยากขอบคุณเขาค่ะ” แพรพรรณถามอีกครั้ง เผื่อว่าทรงชัยอาจจะใจอ่อนยอมเอ่ยชื่อคนผู้นั้นให้เธอฟัง
“เป็นความประสงค์ของเขาน่ะ เขาต้องการปิดตัวตน แต่ผมคิดว่าขอแค่หมอพราวใช้ทุนของเขาอย่างคุ้มค่า สักวันหนึ่งคุณอาจจะได้เจอเขา” ด็อกเตอร์ทรงชัยกล่าว เขาได้รับปากกับคนผู้นั้นไปแล้วว่าอย่างไรก็ไม่สามารถบอกตัวตนที่แท้จริงของผู้มอบทุนให้ได้ มีแต่ต้องช่วยผลักดันแพรพรรณให้ได้เรียนทันตแพทย์ตามที่ใฝ่ฝันจนจบระดับสูงสุด
“ได้ค่ะ พราวจะตั้งใจเรียนและเป็นหมอที่ดี ให้สมกับเจตจำนงของผู้มอบทุนท่านนี้ค่ะ พราวฝากท่านอธิการขอบคุณเขาอีกสักครั้งนะคะ” น้ำเสียงของแพรพรรณสั่นเครือด้วยความดีใจ ปานฤดีจึงรีบไปเปิดประตูให้กับคนขับรถลีมูซีนของสายการบินที่มารอ อีกทั้งทุกอย่างสำหรับปานฤดีเร่งด่วนเกินไป ทำให้เธอจัดเก็บกระเป๋าสำหรับเดินทางไม่ทัน แต่คนขับรถคันหรูที่มารับแพรพรรณแจ้งว่า เธอสามารถเลือกกำหนดวันเดินทางได้ในตลอดปีนี้ เพื่อไปหาแพรพรรณที่เรียนอยู่ในเจนีวา ทำให้ปานฤดีตัดสินใจว่าจะเดินทางไปหาแพรพรรณในช่วงเดือนหน้า ซึ่งตรงกับวันที่ 5 มีนาคม วันเกิดของแพรพรรณพอดี
“รบกวนคุณรอฉันสักครู่นะคะ ฉันขอเก็บของส่วนที่เหลือให้เสร็จก่อน” แพรพรรณเปิดประตูบอกคนที่ยืนรออยู่หน้าคอนโดของปานฤดีด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเกรงใจ เธอรีบกลับเข้าไปด้านในและจัดการเก็บของบางส่วนลงกระเป๋าให้เสร็จ
“ฉันลืมอะไรอีกหรือเปล่านะ อ้อ พาสปอร์ตกับเอกสาร” แพรพรรณที่นึกอะไรออกก็รีบไปเตรียมพาสปอร์ตกับเอกสารทางการศึกษาเก็บใส่ในกระเป๋าสำหรับโหลดสัมภาระขึ้นเครื่องบิน[2] พร้อมกับเห็นปานฤดีปิดกระเป๋าเดินทางให้เรียบร้อยเสร็จสรรพ
“ดีนะที่สัมภาระแกไม่เยอะน่ะ เลยจัดกระเป๋าง่ายหน่อย เตรียมพร้อมออกเดินทางสู่เจนีวาแล้วใช่มั้ยคะเพื่อน” ปานฤดีใช้นิ้วจิ้มพวงแก้มของแพรพรรณเป็นลักษณะคล้ายคนกำลังยิ้ม
“ฉันตื่นเต้นจนพูดไม่ออกแล้วเนี่ย นี่เป็นการไปต่างประเทศครั้งแรกของฉันเลยนะ” โชคดีที่ทางมหาวิทยาลัยดำเนินการเรื่องเอกสารให้ แม้แต่พาสปอร์ตก็ดำเนินการโดยเร่งด่วนที่สุดภายในสามวัน โดยจัดส่งมาจากกรมการกงสุลอย่างรวดเร็ว ซึ่งค่าใช้จ่ายในการจัดทำแบบเร่งด่วน ทางมหาวิทยาลัยเป็นคนจัดการค่าใช้จ่ายทั้งหมด ทำให้แพรพรรณไม่ต้องรับภาระในส่วนนี้
เธอแค่เตรียมตัวให้พร้อมไปเรียนที่สวิตเซอร์แลนด์เท่านั้น และตอนนี้รถลีมูซีนเปิดประทุนคันหรูได้มาเทียบจอดที่หน้าคอนโดของปานฤดี แพรพรรณหันไปหาเพื่อนสาวที่ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปส่งเธอที่สนามบิน แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจกะทันหันเพราะเห็นว่ามีรถเปิดประทุนมา
รับถึงที่
ปานฤดีและแพรพรรณกอดอวยพรกัน
“โชคดีนะพราว เดินทางปลอดภัยนะแก เดี๋ยวฉันบินตามไปหานะ ไหนๆ ก็ได้ตั๋วเฟิร์สคลาสมาแล้ว ฮ่า ๆ” ปานฤดีเอ่ยติดตลก แต่ในใจเธอรู้สึกเสียใจที่ต้องพรากจากเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว แม้จะเป็นการจากกันเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตาม แต่เธอก็อดห่วงแพรพรรณไม่ได้ หากว่าไม่มีเรื่องยุ่งต้องสะสาง เธอจะบินตามไปเดี๋ยวนี้เลย
“ขอบใจนะษา แกดีกับฉันมาตลอดเลย ฉันไม่รู้จะขอบคุณแกยังไงดีที่ช่วยเหลือฉันทุกอย่าง ฉันจะรอแกที่เจนีวานะเพื่อนรัก” แพรพรรณรู้สึกถึงช่วงเวลาแห่งความใจหาย เธอไม่เคยแยกจากปานฤดีมาก่อน พวกเธอทั้งสองคนตัวติดกันชนิดที่ว่าไปไหนก็ไปด้วยกันเสมอมา แม้จะต้องจากกันระยะเวลาสั้น ๆ แต่แพรพรรณก็อดรู้สึกใจหายไม่ได้
“แกรีบไปเถอะ เดี๋ยวไปเช็คอินไม่ทัน” ปานฤดีเอ่ย เธอมองเห็นร่างของเพื่อนสนิทกำลังก้าวขาขึ้นรถลีมูซีนสีดำเปิดประทุน ก่อนที่ล้อนั้นจะค่อย ๆ หมุนออกจากคอนโดมิเนียมไปไกลจนลับสายตา
จังหวะที่ปานฤดีกำลังจะหมุนตัวเดินขึ้นคอนโดอยู่นั่นเอง สายตาของเธอก็ปะทะกับลลินทิพย์และภูธวินที่กำลังลงมาพอดี
‘ไหนว่าภูธวินเขาไปเช็คอินที่สนามบินแล้วไง!’
ส่วนภูธวินที่เห็นปานฤดีก็ตกใจอยู่มาก เขาไม่คาดคิดว่าเพื่อนสนิทของแพรพรรณจะอาศัยอยู่ที่นี่ แต่ก็ลืมไปว่าครอบครัวของปานฤดีเป็นเจ้าของกิจการคอนโดมิเนียมที่เชียงราย หากจะเจอคนตรงหน้าในยามนี้ก็ไม่แปลกเท่าไหร่
“นายภู ไหนว่านายบอกพราวว่าอยู่สนามบินแล้ว”
ปานฤดีถามพลางมองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบที่ถูกขนลงมาจากชั้นบน พลางมองลลินทิพย์ที่ใกล้ชิดคนรักของเพื่อนสนิทเธออย่างสนิทสนม
“คุณแม่ฉันขอให้นายภูมารับน่ะ เพราะเห็นว่าต้องไปขึ้นเครื่องลงที่ฝรั่งเศสเหมือนกัน ขึ้นเครื่องไฟลท์เดียวกันก็เลยไปด้วยกัน ประหยัดค่าใช้จ่าย” ลลินทิพย์เอ่ยแทนภูธวินที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นแข็ง สายตาของเธอมีแต่ความเหยียดหยามปานฤดี
“แล้วนี่ เธอคงจะเตรียมตัวไปส่งพราวสินะ พราวอยู่ไหนล่ะ ฉันจะได้บอกพราวว่าขอติดรถไปด้วย” ลลินทิพย์ติดนิสัยเห็นแก่ตัวจนเคยชิน เธอคิดว่าตนเองสูงส่งเสมอจนอาจจะเหยียบหลังใครก็ได้เพื่อปีนป่ายสู่ความสำเร็จ
ปานฤดีเหยียดยิ้ม มองคนที่ชอบดูถูกแต่คนอื่นอย่างลลินทิพย์
“เธอนี่ก็ติดนิสัยเหยียดหยามคนอื่นจริง ๆ นะ ไม่รู้ว่าถ้ากลับมาจากฝรั่งเศสคราวนี้ เธอจะยังหยิ่งผยองอยู่มั้ย แต่ไม่สิ...” ปานฤดีทำท่าจุ๊ปากยั่วโทสะลลินทิพย์
“ทุนฝรั่งเศสที่เธอหมายมั่นน่ะ เธอก็ได้มาจากการแย่งชิงเพื่อนฉันไม่ใช่หรอ โธ่ๆ ลลินทิพย์ เธอนี่นะ คนที่ให้แม่ตัวเองมาปาดหน้าทุนของคนอื่นไป มีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้กับคนอื่นเล่า” ปานฤดียื่นหน้าเข้าไปใกล้ลลินทิพย์พลางยกยิ้มยั่วโทสะอีกฝ่าย
[1] เที่ยวบินชั้นเฟิร์สคลาส หรือบริการชั้นหนึ่งสุดหรูระดับพรีเมียมสุดพิเศษและมีราคาแพงที่สุดในสามระดับชั้นของตั๋วสายการบิน มีสิทธิพิเศษในการรับบริการเลาจ์ของสนามบินและบริการขึ้นเครื่องบินก่อนผู้โดยสารคลาสอื่น ๆ มีพนักงานคอยดูแลต้อนรับอย่างใกล้ชิด ได้สิทธิ์ในการโหลดสัมภาระมากกว่าคลาสอื่น ในปัจจุบันชั้นเฟิร์สคลาส ยังแบ่งระดับและความพิเศษตามสายการบินเพิ่มเติมไปอีก ได้แก่ 1. First Class Premium (บริการชั้นหนึ่งแบบพิเศษ) 2. First Class (บริการชั้นหนึ่ง) และ 3. First Class Discounted (บริการชั้นหนึ่งราคาพิเศษ)
[2]Carry On หรือสัมภาระโหลดบนเครื่องบิน โดยน้ำหนักของสัมภาระที่โหลดขึ้นเครื่องบินจะต้องมีน้ำหนักและความจุของสัมภาระภายใน หากกรณีเป็นของเหลวและแอลกอฮอล์ไม่เกินปริมาตรที่สายการบินแต่ละประเทศกำหนด
ความคิดเห็น