ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : insight 3.5 – i have three best friends.
เธอมีเพื่อนสนิท 3 คน— หนึ่งคนที่มักพึ่งแค่ตนเอง หนึ่งคนที่ก้ำกึ่ง และหนึ่งคนพยายามที่จะเป็นเช่นนั้น
การสบตากับเพื่อนร่วมห้องในวันที่เข้ามาเรียนวันแรกคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่าง...
ดวงตาที่เปรียบเสมือนอัญมณีเม็ดงามคู่นั้นเป็นประกายระยิบระยับ
และเด็กสาวที่ชื่อว่า ‘นิชิมิยะ เร็น อีวอนน์’ ก็ไม่รีรอที่จำเข้าไปทำความรู้จักกับหล่อน
เราสบตากัน เพราะฉะนั้นมิตรภาพจึงต้องก่อเกิดขึ้นทันทีอย่างไรล่ะ!
ในตอนแรกโทปาซค่อนข้างเงียบ— เป็นความเงียบที่แตกต่างจากอิวันน่าผู้ซึ่งถูกบทความในสมาร์ทโฟนดึงดูดความสนใจบ่อยครั้งหรือมาริซอลที่เปิดประเด็นสนทนาไม่ค่อยเก่ง
มันเข้าข่ายกับความประหม่าที่ไม่รู้ว่าสิ่งที่พูดออกมาจะสมควรเสียมากกว่า
และที่ตลกร้ายก็คือจวบจนอยู่ไฮสคูลก็แทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงนัก
แม้ว่าโทปาซจะพูดเยอะขึ้น แต่มันก็มีหลายประเด็นที่หล่อนแทบจะไม่แตะหรือเอ่ยถึงเลย หรือหากเอ่ยออกมาก็มักจะจบด้วยการเปรียบเป็นเรื่องขบขันทั่วๆไปเสียอย่างนั้น
ใจก็แอบคิดมาตลอด... ว่าอัญมณีคู่นั้นอาจจะไม่ได้เปล่งประกายในแบบที่ตนเองต้องการ
บางทีหล่อนอาจจะ ‘หลุด’ ไปในท้ายที่สุด หากไม่ติดตรงที่การมีตัวตนอยู่ของคำสาปกับบทลงโทษตามธรรมชาติของมัน...
และบางทีระยะห่างที่ไม่รู้ว่ามากน้อยนั่นอาจเป็นส่วนที่ทำให้กลายเป็นเช่นนี้
แต่เธอจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น!
“มีชาเขียวไหมอ่ะ?”
“มีน้ำอัดลม”
“กลิ่นชาเขียว?”
“กลิ่นปกติ— มันมีแบบชาเขียวด้วยเรอะ?”
“ตั้งแต่ทำบทความเรื่องรสและกลิ่นน้ำอัดลมปีที่แล้ว
อะไรๆมันเป็นไปได้หมดสำหรับฉันแล้วแหละ”
“ซีเรียส?”
“ซีเรียส”
“งั้นไว้เจอจะถ่ายรูปส่งไปให้ดูก็แล้วกัน” หล่อนเอ่ยจบประเด็น
และเร็นก็เพียงแต่เอนพิงผนังขณะมองเพื่อนสาวที่ตัดสินใจกดซื้อน้ำอัดลมจากตู้อัตโนมัติเงียบๆ
อย่างน้อยก็เป็นเช่นนั้นจนกระทั่งกระป๋องนั่นตกลงมายังช่องด้านล่าง...
ตุบ!
สาบานว่าเห็นประกายบางอย่างในดวงตาคู่นั้นของโทปาซ— ที่แน่นอนคือสายตาเธอคงไม่ได้แต่งแต้มทุกรายละเอียดในชีวิตประจำวันผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง
หากจะบอกว่าเป็นฟิลเตอร์ก็คงเกิดขึ้นได้ยาก
“ยังโอเคอยู่ไหมอ่ะ?
ตอนทดสอบก็มีคนปากมากด้วย” แล้วก็เอ่ยถามออกไปในท้ายที่สุด
ใบหน้าดุของเพื่อนสาวหันมามองเธอ
คิ้วเรียวคู่นั้นเลิกขึ้นด้วยความสงสัย
ทว่าก็ยังตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่สูงกว่าปกติเล็กน้อย— แสดงออกซึ่งความงวยงงที่มีอย่างชัดเจน
“ก็เฉยๆนะ”
แล้วจึงกล่าวเอ่ยขยายความออกมาหลังจากผ่านไปไม่ถึงนาที
“พอได้ซัดอะไรแล้ว
อารมณ์มันก็ดีขึ้นน่ะ”
“อ่าฮะ...”
“แต่เหมือนอะดรีนาลีนยังหลั่งอยู่มั้ง
ยามันมีผลกับส่วนที่เป็นคำสาปมากกว่านี่นา”
“เรากลับไปซัดหมอนั่นได้นะ
ฉันว่าเขาน่าจะไม่ได้ไปไหนไกล”
“ขอร้องเถอะ!” หล่อนกลั้วหัวเราะ
“นี่ไงๆ เธอได้คนที่จะตีด้วยแล้ว— ปรับพื้นฐานก่อนฝึก”
“แย่มาก”
แต่จริงๆเลยนะ... คนเราต้องการอะไร
ถึงได้พูดแบบนั้นออกมากันล่ะ?
มันอาจจะเป็นเรื่องที่ต้องทำตัวให้คุ้นชิน— การที่มีคนมาแสดงความเห็นกับหลายต่อหลายเรื่องในชีวิตเราน่ะ
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจปล่อยผ่านความน่ารำคาญนั่นได้เลย
ทั้งๆที่เพื่อนเธอทำแบบนั้นไปเพราะว่าอยากจะมีชีวิตที่
‘ปกติ’ ดังใจต้องการแท้ๆ
อย่างไรโอกาสที่จะมีคนบอกว่า ‘มันเป็นเรื่องนิดเดียว’ ก็ยังคงมีอยู่ และนั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เธอไม่อยากจะตะโกนบอกเรื่องราวผ่านมุมมองของโทปาซใส่หูใคร— อีกหนึ่งคือเจ้าหล่อนไม่ได้สะดวกใจจะป่าวประกาศเบื้องหลังเบื้องลึกของชีวิตตนเองให้คนอื่นรู้
ทุกปัญหาก็คือปัญหา ต่อให้มันจะดูมากน้อยเพียงใดก็ตาม...
และน่าเสียดายที่ยังคนจำนวนหนึ่งที่ยังคิดจะลดทอนทุกอย่างที่ไม่ได้มีผลกระทบทางกายภาพชัดเจน
เด็กผู้หญิงที่ต่อให้มีคนแปลกๆเดินมาทักทายด้วยความสนิทสนมราวกับรู้จักกันมานาน
เพียงแค่เพราะว่าสบตากับแป๊บเดียวคนนั้นน่ะ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เหมาะกับการอยู่ในกรอบโง่ๆนั่น
และควรได้ทำเรื่องบ้าๆบอๆตามใจตนเองไม่ใช่หรือไงกัน?
“ปาซๆ
รู้ไหมว่าเธอเป็นหนึ่งในเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตฉัน?”
“หือ?”
“ถึงการเปลี่ยนทันทีจะดูกะทันหันไปหน่อย
แต่ว่าถ้ามีอะไรก็บอกกันได้เสมอเลยนะ— ฉันจะเป็นที่พึ่งให้เธอเอง ไอฟ์กับมาริก็ด้วย!”
รอยยิ้มขอบคุณที่แลดูจริงใจนั้นเหมาะกับเพื่อนของเธอเป็นที่สุด...
“แต่อย่าบอกไอฟ์เรื่องนี้นะ
เดี๋ยวเป็นห่วงอีก”
“ก็ไม่ได้ดูเลวร้ายสักหน่อย”
“แต่ไอฟ์แอบดุ”
“เพราะไบแอสหรอก”
“เอ๊อะ—”
“แต่ไว้ตอนอยากเล่าให้ฟังค่อยเตี๊ยมกับมาริก่อนก็แล้วกัน”
___
“เธอว่าแอนโธนี่มีอะไรที่สามารถบอกใบ้ฉันได้ว่าลอตเตอรี่งวดต่อไปคืออะไรหรือเปล่า? ปกติเราไม่เจอเขาสองครั้งติดในวันเดียวกัน”
“เขาไม่มีดวงเรื่องนี้ เชื่อฉัน”
“บู้!”
สองขาของคนที่หัวเราะเล็กน้อยให้กับท่าทีของเธอก้าวเดินอย่างช้าๆไปยังคนที่ถูกกล่าวถึงอีกครั้ง
ริมฝีปากที่ถูกแต่งแต้มด้วยลิปสติกนั้นเม้มแน่น ก่อนที่จะตัดสินใจหายใจเข้าลึกๆ—
ไม่รู้ว่าโทปาซคิดว่าการพบเจอแอนโธนี่ติดต่อกันเป็นความบังเอิญที่โชคชะตากำหนดเหมือนกับเธอหรือเปล่า
แต่ที่แน่ๆก็คือไม่ได้หยุดฝีเท้าตนเอง
อ๋า...
ยิ่งดูในระยะประชิดก็ยิ่งรู้ว่าไม่ชินชา
ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจสำหรับคนสองคนที่ปกติแทบจะไม่เคยทักทายกันในยามที่เจอกันระหว่างคาบ—
เปอร์เซ็นต์ส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นโทปาซที่เบี่ยงเบนความสนใจไปยังสิ่งอื่นทันที
การที่แอนโธนี่จะประหลาดใจในคราวที่หล่อนเอ่ยทักไปเมื่อก่อนหน้าจึงไม่ได้ดูแปลกนัก
แต่ถ้าให้พูดตามตรง ตัวเธอเองก็ประหลาดใจอยู่เหมือนกัน...
แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องดี
“อ่า— หวัดดีอีกรอบ”
“แล้วสรุปทันกันไหม?”
“ก็ฉิวเฉียด
เล่นเอาแทบหมดแรงเลยด้วยซ้ำ” โทปาซเอ่ย ดวงตาคู่นั้นเหล่มองมายังเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะเลื่อนกลับไปสบตากับแฝดน้องตนเอง ระหว่างนั้นก็กำๆแบๆมือเพื่อลดปริมาณของอุปสรรคในบทสนทนาครั้งนี้
เร็นยิ้มอ่อน— ชั่งใจว่าการสายตาดังกล่าวนั้นบ่งบอกถึงการขอความช่วยเหลือหรือไม่
“โชคดีที่ไม่ได้พาเริ่มคลาสเลทกัน”
แต่อย่างไรก็ตามเถอะ จังหวะการพูดที่เพื่อนสาวเว้นไว้ให้นั้นหมดลงเพียงในพริบตาเสียด้วยซ้ำ
จึงทำให้เหลือเพียงตัวเลือกเดียวคือการยิ้มทักทายและให้กำลังใจโทปาซผ่านสายตาอันแรงกล้าไปแทน...
จบจากตรงนี้เมื่อไหร่ เธอจะเข้าไปกอดหล่อนแน่นๆเลย
“แต่ปกติก็มีคนเลทประจำนี่”
“ให้ตายเถอะแอนดี้
นายก็รู้ว่าฉันไม่ชิน— เดี๋ยวนะ นี่นายต้องการจะสื่อกับฉันว่า ‘เข้าเรียนสายได้’ เหรอ?”
“เปล่า”
“...”
“...”
“อืม”
แล้วแอนโธนี่ก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น
ท่ามกลางบรรยากาศมึนงงที่สีหน้าของโทปาซอธิบายได้อย่างชัดเจน
“ล้อเล่นๆ”
“อะไรกัน?”
เพิ่งรู้ว่าเขามีอารมณ์ขันแบบนี้— เซอร์ไพรส์ดีแฮะ
___
และมันก็หมายความว่าจะไม่มีอะไรมาหยุดบทสนทนา
ณ ปัจจุบันง่ายๆอีกแล้วด้วย
“ก็คือปีนี้เธอต้องลงพละสินะ” บุหลันเอ่ย
มือนั้นไล่เปิดสมุดเลคเชอร์และสองตาช้อนขึ้นสบกับของโทปาซเป็นระยะ
แม้จะไม่ได้สนิทสนมกันมากเสียขนาดนั้น
แต่เดิมทีกรรมการนักเรียนส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างจะเป็นกันเองกับทุกคนอยู่แล้ว— ประสบการณ์การเคยถกเถียงเรื่องสัพเพเหระระหว่างเธอกับบุหลันสามารถยืนยันได้
และหลักฐานเสียงแหบในวันถัดมาก็ยังคงอยู่ในคลังโพสต์ออนไลน์ของปีที่แล้วเหมือนเดิม
“อืม...
แต่ก็ไม่ได้แปลกใจสักเท่าไหร่หรอก”
“นั่นน่ะสินะ”
“อย่างไรก็เถอะ ถ้าแก้ระบบของคำสาปได้ก็คงเอาตรงพลังกายออกไป
ฉันกับพละไม่ใช่ของคู่กันเลย”
“อ่า... ก็จริง”
เร็นเพียงแต่พยักหน้าไปเรื่อยๆระหว่างฟังบทสนทนา
เอนอิงล็อกเกอร์ของใครสักคนและพยายามแกะกระป๋องน้ำอัดลมดื่ม
แก๊ก!
ปลายเล็บที่สั้นกุดนั้นเป็นอุปสรรคต่อทั้งการคลายความกระหายน้ำของตนเองและต่อการมีส่วนร่วมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหลังจากนั้น— ตราบใดที่ยังเปิดไม่ได้ก็ไม่อยากจะพูดอะไร คอเธอต้องการอะไรสดชื่นๆเพื่อเพิ่มพลังงานก่อน
แต่ฝาของมันช่างใจร้ายกับเธอเสียเหลือเกิน
“แต่ว่าตารางเราอาจตรงมีตรงกันบ้างก็ได้นะ
ปีนี้ฉันกะจะกลับไปเล่นฟุตบอลแล้ว”
“อ้อใช่— เธอพักไป 1 ปีนี่”
“ใช่
เพื่อเก็บพอร์ตกับเน้นพวกงานกน.เป็นหลักน่ะ... ตอนก่อนเปิดเทอมก็มีคุณหัวทักมาบอกว่า ‘หลังจากนี้ก็ให้พวกเกรด 11 จัดการต่อได้แล้ว’ ด้วย”
แก๊ก!
สุดท้ายก็เลยยื่นให้ฮานันที่ยืนอยู่ข้างๆช่วยเปิดให้เสียแทน...
“ได้แล้ว”
เธอกล่าวขอบคุณเขาไปด้วยรอยยิ้ม
ก่อนจะยกกระป๋องน้ำอัดลมขึ้นดื่มอย่างรวดเร็ว
“ก็ปีสุดท้ายแล้วนี่นะ”
“อันนั้นน่ะเก็ท... แต่ขอกระซิบเล็กๆน้อยๆว่าเจ้าตัวคนพูดดันไม่วางตำแหน่ง
มันตลกชะมัดยาด“ บุหลันกลั้วหัวเราะยามที่เห็นแอนโธนี่เบ้ปากเล็กน้อย
“อย่าเผากันระยะประชิดสิ” เขาเอ่ย
“แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผลจริงๆนะ...
การดำรงตำแหน่งหลักอีกเทอมหนึ่งมันเอาไปใส่ในพอร์ตไม่ได้เสียหน่อย”
“อ่า...”
“และมันก็ใช่ว่านายไม่ได้ไม่ไว้วางใจรุ่นน้องคนอื่นด้วยนี่...”
“คำว่า ‘อยาก’ เป็นเหตุผลที่โอเคอยู่นะ สำหรับฉันน่ะ”
“ก็เข้าใจได้” โทปาซเอ่ย
เข้าร่วมบทสนทนาอีกครั้งหนึ่ง
อัญมณีเม็ดงามปรายมองสีหน้าของคนทั้งสอง
พิจารณาบางอย่างในห้วงความคิด และสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรนอกเหนือจากนั้นไป
“ถ้าอยากน่ะ เข้าใจได้อยู่แล้ว...
แต่อยากทำแบบนั้นจริงหรือเปล่าล่ะ?” บุหลันดึงหน้ากระดาษหนึ่งออกมาจากสมุดตนเอง
ก่อนจะวางมันไว้ในล็อกเกอร์ แล้วหยิบขึ้นปากกาขึ้นมาขีดเขียนข้อความหนึ่งลงไป— สายตาไม่ได้ละออกจากมันขณะเอ่ย
ไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่
เร็นเพียงแต่ดื่มน้ำอัดลมเงียบๆต่อไป
“บุหลัน”
เจ้าของชื่อถอนหายใจ
“มันเป็นไปได้อยู่แล้ว ถ้าฉันจะตีความไปแบบนั้นหลังจากได้ยินมิสเคนเนดี้คุยกับนายไปตอนปิดเทอมน่ะ— ไหนจะเรื่องชมรมโทปาซเร็วๆนี้อีก”
“...”
“...”
“...”
“ให้ตายเถอะ— ทำไมมันถึงลากมาเรื่องนี้นี้ได้ล่ะเนี่ย?”
สายตาเขาคล้ายกับกำลังเคลือบแคลงใจมากกว่าเสียอารมณ์
และเธอที่ไม่รู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของความสนิทสนมนี้ก็ไม่กล้าคิดเอาเองว่าบุหลันแค่รอโอกาสที่จะโยงมาเรื่องนี้โดยตลอด
แอนโธนี่ไม่พอใจที่มันถูกยกมาตอนที่โทปาซอยู่ด้วย หรือว่าทั้งหมดนี่เป็นแค่การหยอกล้อที่อาจรุนแรงเกินไปจนพวกเขาเข้าใจผิดกันแน่
เร็นเหล่มองไปยังโทปาซ...
และภาพของเล็บที่เริ่มยาวจนจะแทงเข้ากระป๋องน้ำอัดลมจนเละไม่เป็นชิ้นดีก็ไม่ได้แลดูน่าอภิรมย์กว่าเลย
อึ๋ย...
ความรู้สึกอึดอัดก่อตัวขึ้น และเธอมั่นใจว่าน้ำอัดลมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้— น่าเศร้าอยู่
เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงรู้สึกสบายใจกว่าเยอะเลย
ในเวลาแบบนี้ก็ชักจะคิดถึงสองคนนั้นแล้วสิ
เร็นสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
แล้วจึงรีบยกประเด็นหนึ่งขึ้นมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ณ
ปัจจุบันไม่ให้เลวร้ายไปกว่าเดิม... อย่างไรก็ตาม
ความมั่นใจในเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีมากสักเท่าไหร่หรอก
“จะว่าไปนะ
ปีนี้จะมีการเปลี่ยนพวกระบบนั่นนี่ไหมอ่ะ? ได้ยินมาลางๆว่ามีคนยื่นเรื่องการออดิชั่นไปแล้ว”
ควันถ่านเป็นเพียงคำเปรียบเปรยถึงสีดวงตาของตนเอง
ทว่าเร็นก็พอจะจินตนาการได้ว่าตอนนี้เธอกำลังพยายามพัดให้มันเข้าไปหาฮานัน มาซูด— คนที่ดูพึ่งพาได้มากที่สุด ณ ตอนนี้
ด้วยผลงานล่าสุดเป็นการเปิดฝากระป๋องน้ำอัดลมสำเร็จ
“ความจริงสำหรับหลายชมรมมันก็เหลือแค่เอาคำว่า
‘ออดิชั่น’ ออกแล้ว”
Nice!
“แต่สำหรับพวกชมรมทางดนตรีที่ค่อนข้างเคร่งนี่ก็...”
“ไม่ว่าอย่างไรก็จัดแจงไม่ได้ง่ายๆสินะ”
“อืม งบสำหรับชมรมมันก็จำกัดด้วย”
พยักหน้าขณะพูดคุยกับเขาไปด้วยความเข้าใจ
เหล่มองคนอื่นๆที่นิ่งเงียบเป็นระยะ และได้แต่หวังว่าจะช่วยทำให้บรรยากาศกระอักกระอ่วนนั้นลดลง...
ไม่มากก็น้อย
ระบบออดิชั่นเคยเป็นการคัดกรองนักเรียนแต่ละคนสำหรับแต่ละชมรมไม่ให้จำนวนนั้นเฟ้อจนเกินไป
ทว่าผลตอบรับที่ได้มาก็ไม่ค่อยดีนักสักเท่าไหร่ ในเมื่อการคัดกรองนั้นเอื้อแก่คนที่มีสามารถตรงกับความสนใจมากกว่า— มันเป็นหนึ่งสิ่งที่เหมือนจะหายไปในปัจจุบัน
แต่ก็ไม่เสียทีเดียว ยังคงมีการโยกย้ายนักเรียนไปยังอีกชมรมซึ่งมีกิจกรรมใกล้เคียงกันหลังสัมภาษณ์อยู่
และมันก็น่ารำคาญพอตัว
การที่มีหลายชมรมซึ่งสัมภาษณ์เพื่อมอบหมายหน้าที่และดูความสามารถไปก่อนก็ไม่ได้ทำให้ภาพรวมมันดีขึ้นแต่อย่างใดเลย...
และไปๆมาๆเรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะเบาสมองแฮะ
“อาริสะกำลังคุยๆอยู่ อาจจะได้อีกทีปีหน้า เขาบอกตอนปิดเทอมว่าแก้ไม่ได้
เพราะว่าอาจารย์ทุกคนเตรียมรายละเอียดนั่นนี่กับพวกแจกแจงงบประมาณไปเรียบร้อยแล้ว” แอนโธนี่เอ่ย น้ำเสียงที่ไม่ได้ดูอารมณ์ดีกว่าเดิมนัก
แต่ก็ยังคงความสงบเสงี่ยมไว้ได้อยู่
“ต้องเป็นประเด็นไปอีกปีสินะ...”
“อืม
ปีนี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะผลาญไปกับรางวัลนักเรียนดีเด่นอะไรอีก”
เนื้อความนั่นทำให้โทปาซแค่นหัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“คนอยากเล่นคีย์บอร์ดให้วงสตริงก็โดนย้ายไปเปียโนของวงคลาสสิก
เพราะว่าเก่งสายนั้นมากกว่าต่อไปแหละนะ...”
“มองในแง่ดีก็คือยังมีโอกาสที่ปีนี้จะเป็นปีสุดท้าย”
“คงงั้น”
ปัง...
เสียงปิดล็อกเกอร์อย่างระมัดระวังนั้นดังขึ้นหลังจังหวะสิ้นเสียงถอนหายใจของโทปาซพอดิบพอดี—
ตอนนั้นเองที่เร็นสังเกตเห็นว่าฮานันกำลังส่งสัญญาณบางอย่างให้กับบุหลันผ่านทางสายตา
“ก็เข้าใจอยู่หรอกนะ มันก็โดนอะไรแบบนี้มาตั้งแต่รุ่นแรกๆแล้วด้วย
และปัญหาส่วนใหญ่ก็อยู่ที่การเบิกงบประมาณนี่แหละ” หล่อนเอ่ย
ก่อนจะหันไปทางแอนโธนี่อีกครั้งหนึ่ง
“หัว
เราเตรียมใบสำหรับรวบรวมรายชื่อประกอบการเสนอไปเผื่อๆหรือยังนะ?”
“เตรียมแล้ว
แต่อาจารย์หลายคนบอกว่าให้เลยช่วงออดิชั่นปีนี้ไปก่อน”
“ต้องเว้นระยะเพื่อความเหมาะสมด้วยไหม? โอกาสที่จะโดนเรียกไปพูดเรื่องจังหวะเวลาพวกนี้ก็มีสูงอยู่
รุ่นพี่ปีก่อนๆก็โดนไปเยอะอยู่”
แอนโธนี่เงียบไปครู่หนึ่ง— ครุ่นคิดเรื่องดังกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“อาจจะต้องรอดูอีกสักหน่อย...”
“อืม”
“แต่ฉันอยากให้เป็นหลังจากช่วงนี้ทันทีเลย” เขาเอ่ยเสริม
“เขาจะได้พอเดาๆกันออกว่าเรื่องมันถูกลากยาวมานาน”
...แบบนี้มันนับว่าดีขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่านะ?
___
ความสนใจแปรเปลี่ยนไปยังเรื่องเคร่งเครียดอีกเรื่องไปเสียอย่างนั้น
และถึงจะมองในแง่ดีว่าอย่างน้อยสองคนดังกล่าวก็ปล่อยผ่านเรื่องเมื่อครู่ไปชั่วคราวก็ตาม
โทปาซที่ปกติแทบจะไม่แสดงออกมากมายนั้นก็เป็นคนที่เธอควรจะใส่ใจมากพอๆกัน— เธอไม่อยากทำให้หล่อนอึดอัด
ยิ่งถ้าเป็นเพราะวิธีการแก้ปัญหาที่ไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีของตนเองแล้วด้วย
แปะๆ!
แต่ดูเหมือนว่าโทปาซจะได้รับความสามารถในการอ่านใจมาด้วย
ปากนั้นกำลังเตรียมตอบถ้อยคำหยอกล้อเล็กน้อยที่มักจะเอ่ยออกมา
ทว่าก็ยังช้ากว่ามือข้างดังกล่าวของโทปาซที่เปลี่ยนไปยกทักทายใครสักคนไปเสียได้
มันเร็ว— เร็วเสียจนเกือบจะคิดไปเองว่าหล่อนกะจะทำแบบนั้นตั้งแต่แรกและกำลังรอจังหวะอยู่
หากไม่ติดว่านั่นจะดูผิดวิสัยเกินไป
“ไรอ่ะ?”
ควับ!
ราวกับอัญมณีคู่นั้นกระทบกับแสงอะไรสักอย่างไปเพียงชั่วครู่หนึ่ง
แววตาที่แลดูไม่คุ้นชินของเพื่อนสาวนั้นกระตุ้นให้ต่อมความอยากรู้อยากเห็นทำงาน สมองจึงสั่งการให้หันหน้าไปยังทิศทางดังกล่าวเพื่อไขข้อสงสัย
“ฮึ?”
ก่อนจะหันไปมองแอนโธนี่ในเวลาต่อมา
และเลิกคิ้วให้กับเขาที่มีสีหน้างวยงงไม่แพ้กัน
เมื่อเทียบกับบุหลันและฮานัน
ปฏิกิริยาของพวกเธอสองคนแทบจะตลกไปเลย— ทั้งกะพริบตาปริบๆให้กับเรื่องน่าประหลาดใจอีกเรื่องของวัน
ยิ้มทักทายแอรีส โจนาห์ตามประสาคนรู้จัก แล้วพร้อมใจกันจ้องไปยังอีกคนที่ยังไม่ได้อัปเดทชีวิตส่วนที่เหลือให้ฟังน่ะ
“ก็คือรู้จักกัน... สินะ”
“อ่าฮะ”
โลกมันคงกลมกว่าที่คิด— สำหรับโทปาซน่ะ
“เรื่องมันยาวหน่อย เลยกะจะเล่าให้ฟังแบบลงลึกพร้อมกัน 4 คนน่ะ”
“อ๋อ”
“คือฉันไม่ได้คิดว่าจะเจอแจ็กพอตวันนี้— หรือวันอื่นๆ”
“ไม่เป็นไรๆ เข้าใจได้”
เธอมีเพื่อนสนิทอยู่ 3 คน— หนึ่งชอบเล่าเรื่องเชิงบอกใบ้ให้ตีความเอาเอง
หนึ่งแทบจะไม่มีความลับใดๆกับกลุ่มเพื่อน และหนึ่งก็เริ่มจะเปิดเผยกว่าเดิม...
ติดแค่ว่าดวงชะตานั้นไม่ต่างอะไรกับซีรี่ส์ซิทคอม
“แต่ดูทรงแล้วเธอควรจะเล่าให้เขาฟังก่อนนะ” เร็นบุ้ยหน้าไปทางแอนโธนี่
“อ่า— ก็จริง”
หวังว่ามันจะไม่กลายเป็นเรื่องเครียดไปอีกเรื่องนะ
ความคิดเห็น