ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    • ฟอนต์ THSarabunNew
    • ฟอนต์ Sarabun
    • ฟอนต์ Mali
    • ฟอนต์ Trirong
    • ฟอนต์ Maitree
    • ฟอนต์ Taviraj
    • ฟอนต์ Kodchasan
    • ฟอนต์ ChakraPetch
เล่ห์รานใจ นิยายชุด...รักทุกฤดู :: ฤดูที่เจ็บปวด

ลำดับตอนที่ #5 : ♥ เล่ห์รานใจ ♥ ตอนที่ 3 :: ชู้รัก 100 %

  • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 64


 เล่ห์รานใจ 
[นวนิยายรักชุด...รักทุกฤดู :: ฤดูที่เจ็บปวด]
~ น้องสวยสยบพี่สาวมาก

ตอนที่ 3
_____________________________________________________
ชู้รัก

หลังจากทานอาหารมื้อเช้าด้วยกันเสร็จแล้ว วรรณิดาก็เป็นฝ่ายเก็บโต๊ะ เก็บจานเอาไปไว้ในอ่างล้างจาน ขณะที่คเณศเตรียมตัวออกไปทำงานตามปกติ

“พี่คินไปเถอะค่ะ” หญิงสาวหยิบเสื้อสูทตัวนอกขึ้นมาสวมให้คเณศอย่างเอาใจใส่คนรักของตน ซึ่งถึงเธอจะคบกับคเณศมานานแล้ว แต่ก็ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองตามเดิม ไม่เคยบกพร่องเลยสักครั้ง “เดี๋ยวฝ้ายจัดการที่เหลือต่อเอง”

“พี่อาจไม่ได้มาหาสักสองสามวันนะ” คเณศจับไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาว ขณะสบสายตา แล้วบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับ “ฝ้ายรักพี่คินนะคะ”

ทุกครั้งก่อนที่คเณศไปทำงาน หรือออกจากบ้านโดยที่ไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตามไปด้วย ทั้งสองคนจะไม่ลืมที่จะบอกรักกัน กอดกัน ซึ่งมันเหมือนย้ำเตือนความรู้สึกของตัวเองที่ต่ออีกฝ่าย และตอนนี้มันก็กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของทั้งคู่ไปแล้ว

“พี่ก็รักฝ้ายนะ” คเณศสวมกอดวรรณิดาเบาๆ ก่อนจะผละออกแล้วจูบลงหน้าผากของเธอ “อย่าโหมงานหนักนะ ทำงานเสร็จแล้วก็รีบกลับมาพักผ่อนรู้มั้ย”

“ค่ะ”

“พี่ว่าฝ้ายผอมลงนะช่วงนี้” ชายหนุ่มใช้สายตามองสำรวจรูปร่างของคนรัก ก่อนจะส่งยิ้มละมุนให้ ขณะที่วรรณิดายิ้มขำกับท่าทางของเขา

เธอกับคเณศเจอหน้ากันบ่อยครั้ง แต่คเณศก็ดูจะเป็นห่วงเธอเกินเหตุเสียทุกที

“ค่า ไปทำงานได้แล้วไป เดี๋ยวก็สายหรอก” วรรณิดาดันร่างสูงไปยังประตู รอจนคเณศสวมรองเท้าเสร็จ “ฝ้ายส่งแค่นี้นะคะพี่คิน”

ชายหนุ่มพยักหน้าและเปิดประตูออกไป แต่ในตอนนั้นเอง ทันทีที่ประตูห้องถูกเปิดออก ทั้งคเณศและวรรณิดาก็ถึงกับต้องชะงักไปพร้อมๆ กัน

“จะไปทำงานแล้วเหรอคะพี่คิน”

น้ำเสียงทักทายเรียบเฉย ที่มาพร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกเจ็บปวด แต่มุมปากกลับยกยิ้มเหมือนเป็นเพียงการพูดจาทักทายทั่วไปนั้น

ท่าทางที่เชือดเฉือนทุกอย่างมาจากวันวิวาห์ที่ยืนกอดอก รอคอยคนทั้งคู่อยู่หน้าห้องพร้อมกับทอปัดผู้จัดการส่วนตัวเธอมาพักใหญ่

“ฟราน!

คเณศทำหน้าตกใจอย่างสุดขีด ขณะที่วรรณิดาที่อยู่ด้านหลังคนร่างสูงไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว วรรณิดาเอาแต่เงียบ สีหน้าเผือดจนเกือบซีด และได้แต่กำมือแน่นอย่างพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองเอาไว้

 

 

“พี่คินมาทำอะไรที่นี่เหรอคะ?”

วันวิวาห์มองชายหนุ่มพลางยิงคำถามที่ตัวเองนั้นรู้ดีอยู่แก่ใจ หญิงสาวพยายามควบคุมสีหน้าและน้ำเสียงให้อยู่ในระดับปกติมากที่สุดเท่าที่ตนจะทำไหว

“มันไม่ใช่อย่างที่ฟรานคิดนะ” คเณศพยายามคิดหาคำแก้ต่างออกมา แต่ภาพตำตาขนาดนี้...ไม่ว่าเขาพูดอะไรออกไป วันวิวาห์ก็คงไม่เชื่อใจกันอีกแล้ว

“แล้วฟรานต้องคิดในทำนองไหนเหรอคะ” นางเอกสาวปรายสายตามองไปยังพี่สาวตัวเอง ที่เอาแต่จ้องหน้าเธอด้วยสายตาเขียวขุ่น ก่อนจะมองหน้าคนเคยรักกันอีกครั้ง “พี่คินมาค้างที่นี่ตั้งแต่เมื่อวาน แล้วดูสภาพพี่สาวฟรานสิ..ยังอยู่ในชุดนอนอยู่เลย แบบนี้แล้ว พี่คินอยากให้ฟรานคิดในทางไหนหรือคะ นอนจับมือกันอะไรอย่างงี้หรือไง”

นางเอกสาวอยากเป็นผู้หญิงโลกสวยไม่คิดมาก แต่หลักฐานเก่า กอปรกับภาพตรงหน้าในตอนนี้นั้น เธอคงเป็นผู้หญิงประเภทมองโลกในแง่ดีต่อไปไม่ไหว

คเณศร้อนรนจนกระทั่งมองทั้งสองสาวสลับกันไปมา ขณะที่ทอปัดคอยลูบแขนวันวิวาห์เอาไว้หวังให้นางเอกสาวใจเย็นลงบ้าง เพราะหากวันวิวาห์ขืนทำอะไรบุ่มบ่ามลงไป คนดังอย่างเธอก็มีแต่จะเสียหายไปเปล่าๆ

ทว่าในขณะที่สถานการณ์กำลังย่ำแย่และทำท่าว่าจะบานปลายไปมากกว่านี้ วรรณิดาก็เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ พร้อมกับเปิดประตูห้องให้กว้างขึ้น

“เข้ามาคุยกันข้างในก่อนสิ”

 


ทอปัดอยากเข้าไปเป็นเพื่อนวันวิวาห์ แต่วรรณิดากลับบอกให้เธอรออยู่ด้านนอก หรือไม่ก็ไปรออยู่ข้างล่างที่ล็อบบี้เลยจะดีกว่า ซึ่งคนเป็นพี่สาวให้เหตุผลว่านี่เป็นเรื่องของคนในครอบครัว และคนนอกอย่างทอปัด ไม่มีสิทธิ์เข้ามาก้าวก่ายเรื่องภายในบ้าน

ผู้จัดการสาวได้แต่ส่งกำลังใจให้เด็กในสังกัดตัวเอง ซึ่งวันวิวาห์ก็ส่งสายตาตอบกลับไปว่าเธอโอเค และทอปัดไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงเธอเกินไปเลย

กระทั่งทอปัดลงไปรอข้างล่างแล้ว ส่วนทางคเณศเอง...ชายหนุ่มโทรไปเลื่อนนัดโดยอ้างว่ามีเหตุการณ์สำคัญซึ่งค่อนข้างฉุกละหุก ซึ่งเขาจำเป็นต้องอยู่จัดการก่อน

บรรยากาศในห้องมาคุดุเดือดแม้ว่าจะยังไม่มีใครพูดอะไรออกมา

เท่าที่วันวิวาห์รู้มา ห้องนี้เป็นคอนโดฯ ของเพื่อนพี่สาวเธอ ซึ่งทั้งคู่เคยอาศัยอยู่ด้วยกันตอนสมัยเรียนมหาลัยฯ แต่ใครจะรู้ล่ะว่าที่แท้หลังจากเรียนจบแล้ว พี่สาวเธอยังเช่าอาศัยอยู่ที่นี่ต่อ แม้ว่าปัจจุบันวรรณิดาจะซื้อคอนโดฯ ของตัวเองเอาไว้อีกที่หนึ่ง ซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำงาน

ดังนั้นที่นี่ก็ไม่ต่างอะไรจาก รังรักของทั้งสองคนเลย

“สรุปว่ามันเป็นอย่างที่ฟรานคิดใช่มั้ยคะ” วันวิวาห์เป็นฝ่ายเปิดฉากขึ้นก่อน ด้วยน้ำเสียงและอารมณ์ที่เข้มข้นขึ้น “พูดออกมาได้แล้วมั้ง ไม่มีคนนอกอยู่ด้วยแล้วนี่ แสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาเถอะพี่ฝ้าย เลิกแอบใสได้แล้ว”

“มันไม่ใช่อย่างที่แกคิด..” วรรณิดาบอกเสียงรอดไรฟัน

“ตอแหล!” วันวิวาห์ด่าทอออกไปอย่างเหลืออด “ขนาดนี้แล้วยังหน้าด้านโกหกอยู่อีกเหรอไง!

“ฉันไม่ได้หน้าด้าน!” วรรณิดาเองตวาดกลับเสียงแข็งไม่แพ้กัน พลางใช้สายตาจ้องหน้าน้องสาวด้วยความเดือดจัด

“ไม่เอาน่าฝ้าย..”

พอสองพี่น้องทำท่าจะฟาดฟันกัน คเณศก็รีบพูดปลอบวรรณิดา เขาพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้น แต่ก็เหมือนว่าจะไม่สามารถช่วยระงับอารมณ์โกรธของทั้งคู่ลงได้เลย

“มาถึงขนาดนี้แล้วนะพี่คิน ฝ้ายจะทำให้รู้ไปเลยว่าใครกันแน่ที่เป็นคนผิด” วรรณิดาสะบัดหน้าไปพูดกับร่างสูง

“หมายความว่ายังไงคะพี่คิน” วันวิวาห์หันไปมองชายหนุ่มหนึ่งเดียวตรงนี้ เพิ่มแรงกดดันให้คเณศเข้าไปอีก ซึ่งชายหนุ่มเองมีสีหน้าลำบากใจไม่น้อย “หรือว่าพี่คินเลือกแล้วว่าจะอยู่กับพี่ฝ้าย ไม่ใช่ฟราน..” น้ำเสียงในช่วงสุดท้ายของวันวิวาห์สั่นเครือและเบาเสียจนแทบขาดห้วงหายไป

แม้ว่าจะทำใจมาสักระยะนึงแล้ว แต่พออยู่ในสถาการณ์ที่ต้องปะทะกัน หญิงสาวก็อดที่จะเสียใจไม่ได้

“ก็เออน่ะสิ” วรรณิดาช่วยตอบให้ “พี่คินไม่เอาคนอย่างแกหรอก”

คนเป็นพี่สาวเดินหน้าสาดคำพูดเจ็บแสบใส่คนเป็นน้องไม่ยั้งเช่นกัน

ในเมื่อเรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้ว วรรณิดาก็จะทำตามความตั้งใจเดิมของตัวเอง นั่นคือเธอจะทำทุกวิถีทางให้วันวิวาห์เจ็บปวดและรู้สึกไร้ค่าอย่างถึงที่สุด

“เงียบเดี๋ยวนี้นะ!

และใช่! พอโดนพี่สาวเดินหน้ารุกด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่ดุเดือดอย่างไม่ยอมรับความผิดที่ตนเป็นฝ่ายก่อขึ้น วันวิวาห์ก็ยิ่งโกรธจัดจนเนื้อบนหน้ากระตุก

นางเอกสาวไม่คิดเลยว่านับวันความร้ายกาจของพี่สาวเธอจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณแบบนี้

เพราะอยากเอาชนะเธอมาก อยากเป็นที่หนึ่งมาตลอด วรรณิดาต้องทำร้ายกันถึงขั้นนี้เชียวหรือ

“แกนั่นแหละเลิกบ้าได้แล้ว!” วรรณิดาเดินเข้าไปหาน้องสาวก่อนจะผลักอีกฝ่ายจนเซ “ไม่ว่ายังไงพี่คินก็ทิ้งแก พี่คินไม่เอาแกแล้ว และพี่คินเลือกฉัน! พี่คินเลือกฉันคนเดียวเท่านั้น!

“ชู้อย่างพี่ไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้นแหละ แล้วเอาอะไรมามั่นใจไม่ทราบว่าพี่คินจะเลือกชู้อย่างพี่” วันวิวาห์เดินหน้าผลักอีกฝ่ายคืนบ้าง

ตอนนี้ทั้งสองคนต่างสาดอารมณ์ใส่กันราวกับคนเสียสติที่ยื้อแย่งผู้ชายเพียงคนเดียว

ถ้าไม่ใช่คเณศ ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นที่ไม่มี ศักดิ์ศรีของความเป็นพี่น้องมาเดิมพันละก็...วันวิวาห์บอกเลยว่าเธอสามารถเลิกกับอีกฝ่ายได้ โดยไม่คิดจะรั้งให้อยู่ และยอมปล่อยอีกฝ่ายไปได้ในทันที

แต่นี่คือคเณศ เขาเป็นแฟนของเธอมาก่อน แล้วเรื่องอะไรกันที่เธอจะยอมยกผู้ชายของตัวเองให้พี่สาวเคลมต่อ

“แกสิชู้!

พอโดนพี่สาวตัวเองโยนความผิดคืนตอกหน้ากลับมา วันวิวาห์ก็ฟิวส์ขาด ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองต่อไปไหว

และเธอไม่ลังเลใจเลยที่จะตวัดฝ่ามือลงบนใบหน้าของวรรณิดาอย่างเต็มแรง

เพี๊ยะ!

เพี๊ยะ!

แต่พอโดนน้องสาวเล่นงานเข้าอย่างจัง วรรณิดาที่เหมือนมีระเบิดเวลาในใจอยู่แล้ว ก็สวนกลับอีกฝ่ายด้วยการสะบัดมือลงบนใบหน้าวันวิวาห์คืนทันทีเช่นกัน

“แกตบฉันก่อนนะ”

“ก็ตบเตือนสติน่ะสิ บ้าไปแล้วหรือไงมาหาว่าคนอื่นเป็นชู้ ทั้งที่ตัวเองมาทีหลัง” วันวิวาห์ทำท่าจะกระโจนเข้าหาพี่สาวตัวเองอีกครั้ง แต่คราวนี้คเณศกระโดดเข้ามาขวางหน้าไว้

“หยุดเถอะฟราน”

“รู้แล้วค่ะว่ารักพี่สาวฟรานมากเหลือเกิน แต่ไม่เห็นต้องออกตัวปกป้องกันมากขนาดนี้ก็ได้”

วันวิวาห์บอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเจ็บช้ำ เธอพยายามตัดใจจากคเณศแล้ว แต่ก็ต้องยอมรับว่าแผลยังสดมาก พอเห็นชายหนุ่มออกตัวปกป้องคนผิด วันวิวาห์ก็อดสะเทือนใจไม่ได้

“พี่จะบอกว่าฟรานกำลังเข้าใจผิดอยู่ ฝ้ายไม่ใช่ชู้ของพี่”

“ได้ยินชัดรึยัง” วรรณิดาเสริม พลางยกยิ้มมุมปากเยาะเย้ยอย่างผู้ชนะ “คนที่มั่นหน้าไม่ใช่ฉัน แต่เป็นคนโง่ๆ อย่างแกต่างหาก แกมันไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ”

“นี่กำลังพูดเรื่องอะไร..” พอโดนย้ำบ่อยๆ เข้า วันวิวาห์ก็เริ่มใจคอไม่ดีขึ้นมา ยิ่งเห็นสีหน้า เหนือกว่าของพี่สาวแล้ว มันเหมือนกับว่ามีบางเรื่องที่เธอยังไม่รู้มาก่อน

“พี่กับฝ้ายคบกัน ก่อนที่พี่จะมาคบฟราน..”

คำพูดของคเณศเหมือนค้อนปอนด์ที่ทุบลงมาบนศีรษะของคนฟังให้สลบภายในครั้งเดียว

นางเอกสาวตัวชาวาบ สีหน้าของวรรณิดา คำพูดนิ่งเรียบของคเณศ ทุกคนดูจริงจังแบบไม่มีแววล้อเล่นเลย

“พี่กับฝ้ายคบหากันตั้งแต่สมัยฝ้ายเรียนแล้ว แล้วพี่ก็รักฝ้ายมาก รักมาตลอด”

“แล้วฟรานล่ะพี่คิน”

“พี่ไม่เคยรักฟรานเลย”

“ไม่จริง” วันวิวาห์แทบไม่อยากจะเชื่อว่าที่ผ่านมาเธอถูกคเณศหลอกให้หลง และเคลิ้มไปกับการกระทำของเขาก็เท่านั้น “ถ้าพี่คินไม่รักฟราน มาทำดีกับฟราน มาขอฟรานเป็นแฟนทำไม”

ถึงตอนนี้น้ำตาที่พยายามสะกดกลั้นไว้ก็ไหลพรากอาบหน้าลงมาอย่างไม่อาจห้ามได้อีก

วันวิวาห์ทั้งเสียใจ ทั้งเจ็บใจที่ถูกชายหนุ่มหลอก และเสียหน้าที่สุดท้ายแล้วคนที่เป็น ชู้รักก็คือเธอเอง

“พี่คินทำแบบนี้ทำไมคะ..”

“ก็แกมันโง่ไงล่ะ” วรรณิดาได้ทีรีบตอกย้ำซ้ำเติมทำให้วันวิวาห์ตกต่ำ และรู้สึกว่าตัวเองโง่ซ้ำโง่ซาก และไม่มีวันที่อีกฝ่ายจะชนะเธอได้ “ใครจะคิดว่านางเอกระดับแถวหน้าจะโง่ยอมให้ผู้ชายหลอกง่ายขนาดนี้กันล่ะ”

“ทั้งหมดเป็นแผนของพี่ใช่มั้ย” วันวิวาห์พุ่งเป้ามาที่พี่สาวตัวเองแทน

“ฉันแค่ต้องการสั่งสอนเด็กอวดดีอย่างแก พอเด่นดังขึ้นมา แกก็ไม่เคยเห็นหัวฉันเลย จะบอกอะไรให้นะ...พี่คินไม่ได้อยากจะหลอกใช้แกสักนิดเดียว แต่เพราะฉันขอร้องต่างหากล่ะ พี่คินถึงได้ยอม..ทำเป็นเหมือนว่ารักแกนักหนา”

วันวิวาห์เพิ่งหูตาสว่างก็ตอนนี้เองว่าที่แท้การที่คเณศยอมทำเรื่องบ้าๆ ทั้งหมดลงไปก็เพียงเพราะรักเพราะหลงพี่สาวของเธอ

ความรักมันบังตา บังใจ จนทนายที่ฉลาดหลักแหลม อนาคตไกลอย่างเขาแยกผิดถูกดีชั่วไม่ออกแล้วจริงๆ

“พี่ขอโทษนะฟราน..” คเณศบอกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา สีหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและเสียใจที่ทำเรื่องแย่ๆ กับวันวิวาห์ได้ถึงขนาดนี้

แต่กับวรรณิดาไม่ใช่ พี่สาวของวันวิวาห์ไม่เคยอ่อนข้อหรือยอมเสียหน้าให้คนเป็นน้องสาวเลยสักนิด วรรณิดาไม่เคยยอมเป็นสองรองใคร และตัวเองต้องเป็นที่หนึ่งคนเดียวเท่านั้น แม้กระทั่งความผิดบาปในครั้งนี้...วรรณิดาก็ไม่ยอมรับ มิหนำซ้ำยังคิดด้วยว่าสิ่งที่ตนทำคือการสั่งสอนวันวิวาห์ด้วยวิธีที่ถูกต้องที่สุดแล้ว

“คราวนี้แกรู้รึยังล่ะว่าเวลาตัวเองเป็นฝ่ายเสียหน้า เป็นฝ่ายเจ็บปวดบ้าง มันรู้สึกยังไง!

“ฝ้าย..”

คนเป็นพี่สาวไม่ได้สลดหรือสำนึกผิดเลยสักนิดเดียว ตรงกันข้าม...วรรณิดายิ่งพูดเติมเชื้อไฟ ทำให้ความโกรธของวันวิวาห์พัดโหมกระหน่ำเข้าไปอีก

จากที่ทุกอย่างจะเบาบางลง ดูเหมือนว่าสถานการณ์มันจะยิ่งแย่ขึ้นกว่าเดิม ที่สำคัญต่อให้คเณศรั้งหรือเรียกเตือนสติอะไรไป วรรณิดาก็ไม่คิดจะฟังกันแล้ว

ทนายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจให้กับความแข็งกร้าวที่วรรณิดามีต่อน้องสาว ดูเหมือน ไฟริษยาในใจของวรรณิดานั้นจะไม่เคยทุเลาลงเลย ความบาดหมางระหว่างพี่น้องมันคงลึกเกินกว่าที่ใครจะเยียวยาได้แล้ว

“พี่รู้ว่าคราวนี้ฝ้ายเล่นแรงไปหน่อย แต่ฟรานอย่าถือสาฝ้ายเลยนะ ถือว่าพี่ขอ..”

“ไม่ถือสาหรือคะ..” วันวิวาห์ทวนคำพูดนั้นด้วยเรียวปากที่สั่นระริก ขณะทที่น้ำตาหยดลงมาอาบแก้มนวล

คเณศรักพี่สาวเธอมากถึงขั้นออกตัวปกป้องกันยังไม่พอสินะ เขาถึงได้ออกหน้าขอร้องเธอไม่ให้เอาเรื่องเอาราวพี่สาวอีก ทั้งที่วรรณิดาเองไม่ได้สำนึกอะไรเลย

ถ้าเธอ ให้อภัยได้ วันวิวาห์คิดว่าตนก็คงบวชชี นั่งวิปัสสนานุ่งขาวห่มขาว ถือศีลอยู่ในวัดไปแล้วล่ะ

“พี่คินพูดมาได้ยังไงว่าไม่ให้ฟรานถือสา ในเมื่อทั้งสองคนรวมหัวกันหลอกฟรานมาเป็นปีๆ จะไม่ให้ฟรานโกรธเคืองเลยหรือไงกัน” หญิงสาวพยายามอดทนไม่ร้องไห้ให้กับคำพูดเข้าข้างพี่สาวเธอของคเณศ แต่มันก็ทำได้ยากจริงๆ

จนวันวิวาห์ไม่รู้เหมือนกันว่า...ตั้งแต่ที่เธอเจอหน้าคเณศและวรรณิดา แค่เพียงไม่กี่นาที เธอโดนสองคนนี้ทำร้ายจิตใจไปแล้วกี่ครั้ง

นี่คงเป็นวันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของวันวิวาห์แล้วจริงๆ

“เฮอะ! แล้วคนอย่างแกมีหน้าทำอะไรฉันได้” คนเป็นพี่สาวโต้กลับเสียงแข็งด้วยความมั่นใจเกินร้อย เธอเชื่อว่าน้องสาวอย่างวันวิวาห์นั้นคงไม่ยอมเอาชื่อเสียงของตัวเองมาเสี่ยงกับเรื่องเสื่อมเสียแบบนี้แน่นอน “คนอย่างแกห่วงหน้าตาและชื่อเสียงยิ่งกว่าอะไรดี แล้ว...”

“พี่บอกให้พอไงฝ้าย!

ทว่าวรรณิดายังไม่ทันได้พูดจาเหยียบย่ำอะไรวันวิวาห์ต่อจนจบประโยคดี คเณศก็ตวาดขึ้นอย่างเหลืออด

พอโดนคนรักตวาดเข้าให้ คนเป็นพี่สาวก็ถึงกับชะงักไป วรรณิดารู้ว่าคเณศคงกำลังหัวเสียที่เธอควบคุมตัวเองไม่อยู่ แต่ทุกอย่างมันปะทุขึ้นมาจากความเก็บกดภายในใจ จนยากจะห้ามไหวแล้วจริงๆ

ชายหนุ่มเองก็เงียบไป เขาไม่เคยทะเลาะกับวรรณิดาต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ และต่อให้อยู่ด้วยกันตามลำพัง เขากับวรรณิดาก็มีเรื่องให้ไม่เข้าใจกันแทบจะนับครั้งได้ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม..คเณศคิดว่าตนสามารถเคลียร์กับแฟนสาวทีหลังได้ และตอนนี้คงต้องบากหน้าขอร้องให้นางเอกสาวยกยอมโทษให้ก่อน

ไม่อย่างนั้น คนที่จะได้รับผลกระทบครั้งนี้ไปเต็มๆ ก็คงหนีไม่พ้นวรรณิดาแต่เพียงผู้เดียว

“นะฟราน...”

“ไม่ค่ะ ในเมื่อพี่คินเองก็เต็มใจช่วยเหลือพี่ฝ้ายหลอกฟรานเหมือนกัน...ฟรานจะไม่มีวันยกโทษให้ ฉะนั้นหลังจากนี้...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อย่าได้โทษหาว่าเป็นความผิดของฟรานเลย มันอาจถึงเวลาที่พวกพี่สองคนต้องเป็นฝ่ายชดใช้คืนให้ฟรานบ้างแล้วก็ได้”

ต่อให้สายตาและน้ำเสียงของคเณศจะเว้าวอนและเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดมากแค่ไหนก็ตาม แต่คนอย่างวันวิวาห์ไม่มีทางใจอ่อน ยอมตกเป็นรองพี่สาวตัวเองซ้ำเป็นหนที่สองอีกแน่

“ฟราน..”

“พี่ก็เหมือนกัน” วันวิวาห์ไม่อยากพูดคุยฟังคำต่อรองของคเณศอีกต่อไป หญิงสาวถึงได้เบนสายตาหันไปเอาเรื่องพี่สาวตัวเองแทน “วันนี้พี่ฝ้ายทำฟรานร้องไห้ก็จริง แต่ได้โปรดจำไว้เลยว่า...ต่อไปนี้พี่ฝ้ายนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายร้องไห้หนักกว่าฟราน แล้วพี่ฝ้ายนั่นแหละที่จะต้องตกนรกทั้งเป็นยิ่งกว่าฟราน เรื่องทุกอย่างที่พี่ทำกับฟราน ฟรานจะคืนสนองกลับไปให้หมดเลย...คอยดู!

นางเอกสาวไม่อยากเสียเวลากับคนที่พูดไม่รู้เรื่องอีก หากเธออยู่ต่ออีกสักนิด เธออาจจะใจอ่อนกับคำพูดต่อรองของคเณศก็ได้ เขาเป็นทนายความ มีอุบายร้อยแปดพันเก้าที่จะทำให้เธอหลงกลและยอมไม่เอาความวรรณิดาได้

แต่เรื่องอะไรกันที่เธอจะยอมเป็นคนแพ้ ในเมื่อคนที่สำนึกผิดคือคเณศคนเดียว ส่วนพี่สาวของเธอนั้นยังมองหน้าเธอด้วยสายตาอาฆาตแค้นอยู่เลย

วันวิวาห์สะบัดหน้าออกไปจากห้องแล้ว คเณศถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทำไมไม่รู้ที่เขารู้สึกว่าคราวนี้...คนผิดจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างราบคาบ

“ฝ้ายไม่น่าไปพูดอย่างนั้นกับฟรานเลยนะ” ชายหนุ่มหันไปพูดกับวรรณิดา ซึ่งเธอกำลังนั่งทำหน้าอารมณ์เสียอยู่ แต่หญิงสาวกลับแหวใส่อย่างเหลืออด

“นี่พี่คินเข้าข้างมันหรือคะ?” วรรณิดาจ้องหน้าคนรักอย่างเอาเรื่อง “ฝ้ายให้เป็นแฟนหลอกๆ กับยายนั่นไม่เท่าไหร่ หรือว่าพี่คินอินกับเด็กบ้านั่นไปแล้ว”

“ไปกันใหญ่แล้วนะฝ้าย” คเณศส่ายหน้า พลางจับไหล่ของวรรณิดาเอาไว้มั่นๆ แล้วย่อตัวนั่งลงต่อหน้าเธอ “มีสติหน่อยสิ ฝ้ายเป็นถึงนักข่าวนะ หัดใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์หน่อยเถอะ”

“ฝ้ายก็แค่เกลียดยายเด็กนั่นมากไปหน่อย” วรรณิดาพยายามระงับอารมณ์โกรธของตัวเองลง แต่แม้กระทั่งชื่อของน้องสาวเธอก็ไม่อยากจะพูดออกมาให้ระคายปากด้วยซ้ำไป

“แต่ครั้งนี้เราสองคนผิดจริงๆ นะ” คเณศคิดว่าอย่างน้อยๆ ทั้งเขาและวรรณิดาก็ควรสำนึกผิดในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปบ้าง “อย่าน้อยฝ้ายก็ควรลดทิฐิตัวเองหน่อย แล้วขอโทษน้องดีๆ ยิ่งสาดคำพูดแรงๆ ใส่กันแบบนี้พี่ไม่เห็นว่ามันจะช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย พี่ไม่ได้อยากเห็นฝ้ายกับฟรานทะเลาะกันไปจนวันตายหรอกนะ”

“นี่พี่คินไม่ได้ชอบยายเด็กนั่นจริงๆ ใช่มั้ยคะ” คำถามของวรรณิดาแผ่วลง ขณะมองหน้าคนรักที่หัวคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยความเคร่งเครียด

“พี่แค่กลัวว่าฟรานจะไม่ปล่อยเราไปอย่างที่พูดหมายมั่นเอาไว้น่ะสิ” คเณศอดเป็นกังวลใจไม่ได้

เพราะทั้งสายตา น้ำเสียงของวันวิวาห์ในตอนที่หญิงสาวโกรธจัดนั้น เขาสัมผัสได้ถึงความเครียดแค้นชิงชัง อาฆาต และความแน่วแน่บางอย่างที่ทำให้รู้สึกเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก

“เชื่อฝ้ายเถอะค่ะพี่คิน ยายนั่นไม่กล้าทำอะไรเราสองคนหรอก”


 

พอเห็นเด็กในสังกัดตัวเองลงมาจากคอนโดฯ ด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก และถึงวันวิวาห์จะใส่แว่นกันแดดปกปิดดวงตา แต่ด้วยความที่อยู่ใกล้ชิดกันมาหลายปี มีหรือที่ทอปัดจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหมาดๆ

ผู้จัดการส่วนตัววิ่งเข้าไปหานางเอกสาวทันทีด้วยความห่วงใย ระหว่างรอให้วันวิวาห์เคลียร์เรื่องส่วนตัว ทอปัดก็ร้อนใจจนนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ นี่พออีกฝ่ายลงมา แล้วเห็นสภาพไม่ดีอย่างที่คิดเอาไว้ ผู้จัดการสาวก็ยิ่งเป็นห่วงวันวิวาห์หนักเข้าไปใหญ่

เรื่องต้องเลวร้ายกว่าที่เราคิดเอาไว้ชัวร์!

ทอปัดบอกตัวเองในใจขณะที่พยายามคั้นเอาคำตอบออกจากปากนางเอกสาว แต่วันวิวาห์ไม่ยอมพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว จนกระทั่งอยู่ในรถยนต์ด้วยกันตามลำพังแล้ว นางเอกสาวถึงได้ปล่อยเสียงร้องไห้ออกมาจนกระทั่งเหนื่อยหอบ แล้วหันมาพูดกับทอปัดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

“พี่ปัดปล่อยคลิปเลยค่ะ”

ทอปัดได้แต่ถอนหายใจ สุดท้ายแล้ววันวิวาห์ก็ยอมพ่ายแพ้ให้กับความเกลียดชังที่มีต่อพี่สาวจนได้

“แน่ใจแล้วเหรอว่าจะเสี่ยงใช้วิธีนี้จริงๆ พี่ไม่อยากให้ฟรานเสียชื่อเสียงเพราะเรื่องคาวๆ แบบนี้นะ” ทอปัดถามย้ำอีกครั้ง

วันวิวาห์เป็นเด็กในปกครองของเธอที่ไม่เคยหวังพึ่งสื่อเพื่อโปรโมทตัวเองทางลัดเลย หญิงสาวแอนตี้เรื่องการมีข่าวเสียหายที่เกี่ยวกับตัวเองมาก ด้วยความตั้งใจที่แน่วแน่ว่า..เธอไม่อยากให้คนติดภาพจำในแง่ลบ

“ถ้าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ฟรานจะถอยหลังกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกเลยนะ”

ช่างประไร! ตอนนี้ต่อให้ชื่อเสียงพังทลายร่วงลงมาไม่เป็นท่า วันวิวาห์ก็แน่แก่ใจแล้วว่าจะไม่มีคำพูดของใคร หรือคำพูดไหนทำร้ายจิตใจของเธอได้

เพราะการกระทำเลวทรามของวรรณิดาในวันนี้ มันเจ็บปวดยิ่งกว่าการที่เธอโดนลากไปตบกลางสี่แยกเพื่อประจานกันแล้ว

“พี่ปัดรู้มั้ยคะว่าพี่ฝ้ายพูดอะไรกับฟราน..” นางเอกสาวหันไปถามผู้จัดการของเธอ ซึ่งทอปัดก็กำลังอยากรู้เรื่องนี้อยู่พอดี

“ทำไม? ยายฝ้ายไม่ยอมรับผิดเหรอ?” ทอปัดคาดเดาไปตามที่ตนพอจะคิดออก “หรือว่านายคินเลือกฝ้ายใช่มั้ย ที่เราร้องไห้จนตาบวมฉึ่งแบบนี้เพราะนายคินยืนยันว่าเลือกยายฝ้ายใช่หรือเปล่า..”

ทอปัดร้อนใจจนแทบจะเขย่าตัววันวิวาห์อยู่แล้ว เพียงแต่สิ่งที่นางเอกสาวทำนั่นคือการนิ่ง เงียบ เม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ก่อนตอบกลับมาเสียงเบาคล้ายคนจะหมดแรง

“ไม่ใช่...” แค่นึกย้อนในสิ่งที่เพิ่งมา วันวิวาห์ก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาตัวเองไหว หญิงสาวหันไปมองหน้าทอปัด พยายามรวบรวมสติ สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะกลั้นใจพูดออกไปในที่สุด “สิ่งที่เราสืบมาว่าทั้งสองคนคบชู้กันมันไม่ใช่เรื่องจริงเลยค่ะ”

“แล้วมันยังไง?”

“คนที่เป็นชู้กับพี่คินก็คือ..ฟราน เอง..”


~ พี่หมอขอดูเหตุการณ์ไปก่อน ♥

...Loading 100 %...

ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าหนูฟรานจะเข้าไปดามความรู้สึกให้หมอคราม หรือว่าหมอครามจะต้องเข้ามาดูแลสภาพจิตใจน้องกันแน่ สถานการณ์ย่ำแย่ทั้งคู่เลย 

แฟนเพจ 'อสรพิษ' เอาไว้ให้ทุกคนติดตาม
แจ้งข่าวการอัพเดทนิยายที่นี่ เร็วทุกสถานการณ์ 
 

ติดตามเรื่องนี้
เก็บเข้าคอลเล็กชัน

ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

loading
กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...

ความคิดเห็น

กำลังโหลด...
×
แทรกรูปจากแกลเลอรี่ - Dek-D.com
L o a d i n g . . .
x
เรียงตาม:
ใหม่ล่าสุด
ใหม่ล่าสุด
เก่าที่สุด
ที่กำหนดไว้
*การลบรูปจาก Gallery จะส่งผลให้ภาพที่เคยถูกนำไปใช้ถูกลบไปด้วย

< Back
แทรกรูปโดย URL
กรุณาใส่ URL ที่ขึ้นต้นด้วย
http:// หรือ https://
กำลังโหลด...
ไม่สามารถโหลดรูปภาพนี้ได้
*เมื่อแทรกรูปเป็นการยืนยันว่ารูปที่ใช้เป็นของตัวเอง หรือได้รับอนุญาตจากเจ้าของ และลงเครดิตเจ้าของรูปแล้วเท่านั้น
< Back
สร้างโฟลเดอร์ใหม่
< Back
ครอปรูปภาพ
Picture
px
px
ครอปรูปภาพ
Picture