ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แค่อยากเกิดใหม่

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4

    • อัปเดตล่าสุด 2 ส.ค. 63


    ตอนที่ 4

     

                    เสียงนาฬิกาปลุกทำให้โฟทิสสะดุ้งตื่น ก่อนจะสะดุ้งอีกรอบเมื่อเห็นใครอีกคนนอนอยู่ข้างที่นอน หลับตาพริ้มไม่รับรู้สิ่งใด ขดตัวอยู่บนพื้นแข็งๆ ไร้หมอนกับผ้าห่ม แต่ที่ทำให้เจ้าของห้องแปลกใจยิ่งกว่านั้นคือผีนอนหลับกันด้วยเหรอ

                    กดปิดเสียงนาฬิกาปลุกก่อนซุกตัวนอนต่อ เพราะลืมตั้งเวลาใหม่ทำให้ตื่นผิดเวลา แต่พอตื่นแล้วก็ยากที่จะข่มตาให้หลับ อีกทั้งเมื่อคืนโฟทิสนอนเร็วกว่าปกติ ฟังเรื่องราวของลักซ์ที่เหมือนอัดอั้นมาตลอดเก้าเดือนแล้วผล็อยหลับไปเมื่อไรไม่รู้

                    ยิ้มให้ผีที่ยังนอนไม่รู้เรื่อง อยากโยนผ้าห่มลงไปให้แต่มันคงลอยทะลุตัวลักซ์ไป นึกแล้วก็แปลกใจที่ยังอุตส่าห์นอนบนพื้นได้ น่าฉงนสงสัยว่าเจ้าตัวเลือกได้หรือยังไงว่าอยากผ่านวัตถุไหนได้บ้าง แต่ถ้าหากพื้นยังเหยียบไม่ได้ ตอนก้าวขึ้นบันไดแล้วตกลงไปข้างล่างคงเป็นภาพที่ตลกพิลึก

     

                    เพราะตกลงกันไว้แล้วว่าจะช่วยหาวิธีไปเกิดโฟทิสจึงยอมให้ลักซ์ตามติดชีวิตเขาได้ ออกจากห้องพร้อมกันไปเรียนด้วยกัน เพียงแต่ห้ามพูดคุยกันในที่สาธารณะหรือบริเวณที่มีวิญญาณตนอื่นวนเวียนอยู่ เข้าสู่วงจรชีวิตของวิญญาณตามติดอย่างเต็มตัว

                    เก้าโมงครึ่งโฟทิสก็มาถึงมหาวิทยาลัย ที่นี่เป็นเขตปลอดผีเพราะวิญญาณดวงเดียวที่เห็นวนเวียนอยู่มีแค่เอมี่เท่านั้น เธอที่เห็นโฟทิสเดินมาพร้อมชายหนุ่มอีกคนซึ่งไม่ใช่มนุษย์ก็รีบตรงดิ่งเข้าไปหา ทั้งงง สงสัย และตกใจ เหตุใดคนที่บอกว่าไม่ชอบผีไม่อยากคุยกับวิญญาณถึงโดนตามได้

                    “นายเป็นใคร” ก้าวไปยืนขวางหน้าโฟทิสที่หยุดเดินกะทันหันอย่างลืมตัว เอมี่ชะโงกไปมองข้างหลัง คนที่ถูกถามคล้ายหาเรื่องก็ยิ้มแหยก่อนแนะนำตัว

                    “ลักซ์ครับ เป็นเพื่อนโฟ”

                    “เพื่อนเหรอ บ้าน่า โฟไม่คบผีเป็นเพื่อน ใช่มั้ย” ถามกลับอย่างไม่เชื่อ แน่นอนว่าโฟทิสไม่สามารถตอบโต้ได้เมื่อเขายืนอยู่หน้าโรงอาหารที่มีคนเดินเข้าออกเป็นว่าเล่น

                    “เพื่อนชั่วคราวก็ได้ครับ”

                    “เฮ้อ” มนุษย์หนึ่งเดียวในที่นี้ถอนหายใจเสียงดัง เดินผ่านร่างเอมี่เข้าไปในโรงอาหาร พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ได้

                    ผีทั้งสองหยุดต่อปากต่อคำกันชั่วคราวแล้ววิ่งตามโฟทิสไป เอมี่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าเพื่อนผู้เบื่อโลกกำลังเดินไปไหน ผิดกับลักซ์ที่หยุดอยู่กับที่ทันทีเมื่อบังเอิญสบตาชายหนุ่มแปลกหน้าตรงนั้น

                    แม้ไม่ได้อยู่ในร่างสุนัข แต่ลักซ์ก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่โฟทิสกำลังเดินไปหาคือสุนัขล่าวิญญาณ

                    “วันนี้เดินมาหาพี่เองเลยนะ” ทักขึ้นเมื่อคนที่รอนั่งลง เคียร์ส่งสายตาไม่ชอบใจนักให้เอมี่ที่ตามติดโฟทิสจนเกิดไป ก่อนจะเบนสายตาไปยังวิญญาณอีกตนที่เพิ่งเดินตามมา

                    “พี่ไม่ใช่เหรอที่มาหา สถาปัตย์มันว่างนักหรือไงถึงมีเวลามานั่งกินข้าวที่นี่”

                    “พี่ทำให้มันว่างได้น่า” ตอบคำถามพลางแอบเหล่มองคนที่นั่งข้างโฟทิสอีกฝั่งเพื่อดูประวัติ สุนัขล่าวิญญาณสามารถอ่านประวัติวิญญาณทุกดวงได้เพื่อให้ง่ายต่อการลากไปลงนรก

                    “โฟ”

                    “แค่กๆ”

                    เพี้ยะ

                    ทำเอาโฟทิสกับลักซ์เกิดอาการงุนงงกับเสียงที่ดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน เคียร์ไอ เอมี่เอื้อมมืออ้อมหลังโฟทิสฟาดเข้าที่แขนของลักซ์ เพราะต่างฝ่ายต่างปิดบัง โฟทัสไม่รู้ว่าเคียร์คือใครและเข้าใจว่าเคียร์ไม่รู้ว่าตัวเองมองเห็นวิญญาณ เอมี่เองก็ต้องทำตามคำสั่งของเคียร์เพราะถูกขู่ไว้ ทำหน้าที่ปกป้องความลับได้เป็นอย่างดี

                    “เป็นอะไร” โฟทิสขมวดคิ้วใส่รุ่นพี่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม นึกรำคาญสองวิญญาณที่นั่งประกบข้างอยู่ไม่น้อยแต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก

                    “น้ำแข็งติดคอ”

                    เหลือบมองแก้วน้ำที่วางอยู่ก่อนมองรุ่นพี่จอมกวนประสาทที่ยิ้มกว้างให้ น่าแปลกที่อยู่ต่อหน้าเคียร์ทีไรเอมี่มักจะสงบเสงี่ยมขึ้นทุกที ลักซ์ที่เพิ่งเจอครั้งแรกก็ดูจะเงียบๆ ไปเหมือนกันทั้งที่พูดมากมาตลอดทาง

                    “ไม่กินอะไรเหรอ”

                    “กิน”

                    “ไปซื้อก่อนก็ได้เดี๋ยวพี่เฝ้าโต๊ะให้”

                    “พี่ควรไปเรียน”

                    “วันนี้พี่ว่าง”

                    กลอกตาใส่อย่างไม่เชื่อคำพูด เจอกันทีไรเคียร์ก็บอกว่าว่าทุกที แต่โฟทิสไม่ใช่คนที่จะไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายขนาดนั้น หรือจะบอกว่าไม่ได้ให้ความสนใจเท่าไรก็ว่าได้ เคียร์บอกยังไงก็ว่าตามนั้น แม้มันจะเชื่อได้ยากก็ตาม

                    “ผมไปซื้อข้าวนะ”

                    ยิ้มให้รุ่นน้องที่อายุห่างกันหลายสิบปีก่อนเบนกลับมามองวิญญาณทั้งสองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เคียร์พอจะรู้เรื่องของลักซ์มาบ้างแล้วจากโพลาริส ที่มาวันนี้ก็เพื่อพูดคุยทำข้อตกลงกันนิดหน่อย

                    “ลักซ์ ภวินท์ เหลือเวลาอีกสามเดือน รู้จักกับโฟทิสได้ไง” หากคนหน้าเบื่อโลกเป็นคนชอบยิ้มแย้มผูกมิตรไมตรีกับเหล่าวิญญาณไปทั่วเคียร์คงไม่แปลกใจ แต่เพราะโฟทิสเป็นประเภทตรงข้าม ผีที่คิดร้ายหวังใช้ประโยชน์จากคนที่มองเห็นวิญญาณได้ก็มีอยู่ถมเถ

                    “เจอกันที่โรงแรมครับ ส่วนรายละเอียด เอ่อ...” ลักซ์ลำบากใจที่จะพูด ซึ่งเคียร์เองก็ดูเหมือนจะไม่ได้สนใจประเด็นที่เขาไม่อยากเล่าสักเท่าไร่

                    “โรงแรมใกล้ๆ ย่านบาร์น่ะเหรอ”

                    “ครับ”

                    คนที่รู้ขั้นตอนการไปเกิดดีเข้าใจได้ในทันทีว่าอะไรเกิดขึ้นต่อจากนั้น คนที่เพิ่งกลายเป็นผีใหม่ๆ มักถูกผีรุ่นพี่หลอกพาไปที่โรงแรม พูดให้ความหวังว่าถ้าอยู่ที่นั่นจะมีโอกาสได้ไปเกิดสูง แต่เมื่อนับสถิติวิญญาณที่ได้ไปเกิดจากการปักหลักแอบดูแขกร่วมรักกันที่โรงแรมนั้นมีน้อยมาก นับได้ยังไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์

                    “น่าจะโดนโกรธมากกว่าไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมถึงตามมาได้”

                    “โฟบอกว่าจะช่วยน่ะครับ”

                    เอียงคอขมวดคิ้วอย่างข้องใจ โฟทิสที่พยายามหนีเรื่องผีสางมาตลอดน่ะเหรอจะยอมช่วยวิญญาณที่เพิ่งเจอ

                    “ทำไมถึงอยากช่วย”

                    “คือ...”

                    “อย่าบอกโฟนะว่าฉันเป็นใคร”

                    บทสนทนาต้องจบลงเพียงเท่านี้เมื่อโฟทิสกลับมา เคียร์ทำเป็นดูดน้ำ เอมี่ชวนลักซ์คุยเรื่องอื่น ทิ้งให้วิญญาณหนุ่มได้แต่นึกสงสัยว่าทำไมทุกคนถึงต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับ มีเหตุผลอื่นสำคัญกว่าเรื่องที่โฟทิสเกลียดเรื่องผีสางหรือเปล่า

                    “ช่วงนี้เป็นไงบ้าง”

                    “เป็นไงบ้างคืออะไร” โฟทิสย้อนถาม ปกติเคียร์ไม่ค่อยได้สนใจชีวิตเขามากนักหรอก มีแต่มาให้เห็นหน้าแล้วก็กวนประสาทไปวันๆ

                    “ทั่วไป”

                    “ก็ปกติดี”

                    เคียร์หรี่ตามอง ยื่นหน้าเข้ามาใกล้หวังกวนประสาทรุ่นน้องหน้านิ่ง ซึ่งดูเหมือนว่าโฟทิสเองก็ใกล้จะหมดความอดทนเต็มทีเพราะเอมี่เอาแต่ชวนลักซ์คุยไม่หยุด

                    “สรุปว่านายรู้จักกับโฟที่โรงแรมเหรอ”

                    “ครับ”

                    “แล้วก็แอบดูโฟ”

                    “ครับ แต่ดูแค่แป๊บเดียวนะ พอเห็นว่าโฟมากับใครผมก็...”

                    “เข้าใจๆ รายนี้เขาก็ฮอตไม่เบา เชื่อมั้ยว่าเคียร์ก็...”

                    แก้วน้ำวางกระแทกโต๊ะดังตึง โฟทิสเหลือบมองเอมี่ที่ชักจะพูดมากเกินเหตุ ทำเอาวิญญาณทั้งสองรีบปิดปากฉับ ส่วนคนที่ถูกพาดพิงถึงทำเป็นสะดุ้งด้วยความตกใจ แต่เคียร์ก็เห็นด้วยว่าเอมี่ควรหยุดพูดไม่อย่างนั้นจะถูกสงสัยเอาได้ แม้ความจริงแล้วเรื่องระหว่างเคียร์กับโฟทิสไม่ได้มีอะไรเกินเลยก็ตาม แค่เกือบๆ ไปเท่านั้น 

                    “เป็นอะไรหรือเปล่า”

                    “เหมือนแถวนี้จะมียุง”

                    เคียร์หลุดขำ โฟทิสยังเหล่มองเอมี่ไม่เลิกเหมือนมองยุงทิพย์ที่บินวนไปมาอยู่ข้างหูให้รู้สึกรำคาญใจ วิญญาณสาวเลยต้องรีบสงบปากสงบคำ

                    “รีบกินเถอะ เดี๋ยวก็ไปเรียนไม่ทัน” เคียร์บอกกลั้วขำ ยิ้มให้เอมี่ตอนสายตาโฟทิสจับจ้องที่อาหารตรงหน้า

                    นั่งกันอยู่สองคนกับอีกสองวิญญาณได้ไม่นานเพื่อนของโฟทิสก็เข้ามาร่วมวง ลักซ์ต้องขยับออกห่างเพราะไม่อยากให้มนุษย์นั่งทับตัวเอง ฟังคนที่ยังมีชีวิตทั้งสามคุยเล่นกันอย่างนึกอิจฉา เอมี่เองก็พูดแทรกขึ้นเป็นครั้งคราวแม้เพื่อนจะไม่ได้ยิน แต่ก็ดูมีส่วนร่วมมากกว่าคนนอกอย่างเขา

                    ถึงเวลาที่นักศึกษาต้องขึ้นเรียน โฟทิสออกไปกับเพื่อนแล้ว บทสนทนาที่คุยค้างไว้จึงถูกเปิดประเด็นโดยสุนัขล่าวิญญาณ

                    “ไปทำอะไรมา ทำไมอยู่ๆ โฟถึงอยากช่วยนาย”

                    “เพราะสงสารมั้งครับ” ความจริงลักซ์ไม่เข้าใจความคิดของคนหน้าเบื่อโลกเช่นกัน บางทีโฟทิสอาจจะเวทนาวิญญาณที่ไปเกิดไม่ได้สักทีอย่างเขาก็ได้

                    “ฟังนะลักซ์ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ ต่อจากนี้นายห้ามเข้าใกล้โฟทิส”

                    “ทำไมครับ”

                    “ไม่ใช่เหตุผลที่คนเพิ่งรู้จักโฟอย่างนายต้องรู้ ถ้าไม่อยากทำให้ชีวิตโฟยุ่งยากก็ทำตามที่บอก แต่ถ้านายยังดื้อดึงไม่เลิกฉันมีสิทธิ์จะลากนายลงนรกก่อนกำเนิด”

                    แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบแต่ลักซ์รับรู้ได้ว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นจริงทุกประการ ยมทูตและสุนัขล่าวิญญาณอยู่เหนือกฎ มีสิทธิ์ตัดสินวิญญาณที่ฝ่าฝืนคำสั่งด้วยวิจารณญาณของตัวเอง แต่เพราะอะไรกันหมานรกถึงได้มายุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ ทำไมถึงต้องปกป้องมนุษย์ที่มองเห็นวิญญาณคนหนึ่ง และปกป้องเขาคนนั้นจากอะไร

                    “เข้าใจที่พูดมั้ย”

                    ลักซ์ไม่ตอบ เขาเข้าใจสิ่งที่เคียร์พูดแต่ไม่เข้าใจเหตุผล ทำไมถึงบอกให้เขารับรู้ด้วยไม่ได้

                    “ถ้าไม่เข้าใจก็เรื่องของนาย เพราะถ้าฝ่าฝืนก็อย่างที่บอก” บอกด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งเช่นเดิม ไม่ได้หวังให้อีกฝ่ายเข้าใจเพราะมันคือการขู่บังคับให้ทำตาม

                    เคียร์ยกแก้วที่น้ำแข็งละลายขึ้นดูดน้ำจนหมดแล้วถือไว้ ลุกขึ้นยืนกดสายตามองวิญญาณชายหนุ่มที่อยู่ในระดับต่ำกว่า ก่อนหันไปยิ้มให้เอมี่ รอยยิ้มที่แฝงด้วยถ้อยคำข่มขู่ซึ่งวิญญาณทั้งสองน่าจะเข้าใจความหมายดี

                    “ไปนะเอมี่ วันนี้งานเยอะน่าดูเลย”

                    “ระวังตัวด้วยนะ”

                    สองวิญญาณมองตามผู้มีอำนาจเหนือกว่าเดินออกไปจากโรงอาหาร เมื่อถึงทางเดินด้านหน้าร่างมนุษย์ก็เปลี่ยนเป็นสุนัขตัวยักษ์กระโดดหายไปโดยที่ไม่มีผู้ใดมองเห็น หมานรกที่ควบคุมทุกอย่างได้ดังใจ พละกำลังและมนตร์วิเศษ วิญญาณธรรมดาอย่างพวกเขาไม่มีสิทธิ์ยกตนข่มท่านได้ หากอยากลองท้าทายหมานรกดูล่ะก็ต้องกลายเป็นวิญญาณร้ายให้ได้เท่านั้น แต่ส่วนใหญ่มักถูกจัดการก่อนได้รับโอกาสมาเกิดใหม่เสียหมด

                    “เอมี่”

                    “ไม่รู้” ชิงตอบออกไปก่อนเพราะพอจะเดาได้ว่าลักซ์อยากถามอะไร แต่คนขี้สงสัยไม่เล่นตามเธอเลย

                    “ทำไมหมานรกต้องกีดกันขนาดนั้น”

                    “เฮ้อ ก็รู้เท่านายนั่นแหละว่าจะทำให้โฟเป็นอันตราย เราเจอโฟแค่ที่มอเลยไม่โดนว่าอะไร รู้ใช่มั้ยว่าถ้าผีตัวอื่นรู้ว่าโฟมองเห็นวิญญาณจะเป็นยังไง”

                    “ก็พอเดาได้”

                    “ก็คงแบบนั้นแหละ”

                    ทำได้เพียงพยักหน้ารับและยอมแพ้ไปก่อน ถึงเอมี่จะดูคล้ายคนสนิทแต่คนอย่างเคียร์คงไม่บอกเหตุที่ดูเป็นความลับขนาดนั้นง่ายๆ

                    “นายก็อย่าทำโฟเดือดร้อนแล้วกัน ไม่งั้นโดนเคียร์ลากลงนรกแน่”

                    ไม่รับปากว่าจะถอยห่างได้แน่ไหน ไม่อยากทำให้โฟทิสเดือดร้อนแต่ลักซ์ก็ไม่อยากปล่อยให้ความสงสัยค้างคาใจเช่นเดียวกัน

     

                    หมดเรื่องสนุกที่มหา’ลัยเอมี่ก็ไปเดินเที่ยวห้างฯ เหมือนอย่างเคย แยกกับลักซ์ที่หน้าอาคารเรียน บอกวิญาณหนุ่มว่าโฟทิสเรียนชั้นไหนห้องไหนแต่ก็ไม่ลืมย้ำว่าห้ามตามติดจนเกินไปนัก

    ลักซ์เดินผ่านประตูห้องเรียนเข้ามาเงียบๆ มองอาจารย์ที่กำลังสอน ก่อนกวาดสายตามองหามนุษย์ที่อยากเจอ เห็นโฟทิสนั่งอยู่แถวหลังก็เดินไปนั่งลงข้างคนหน้าเบื่อโลกที่ดูจริงจังกับการเรียนอย่างมาก

                    โฟทิสทำเพียงเหลือบมอง ลักซ์ไม่ได้พูดอะไรแม้จะข้องใจกับทุกสิ่งที่ได้ฟังจากเคียร์ เขานั่งทำหน้าเคร่งเครียดคิดหาเหตุผลที่น่าจะเป็นไปได้ที่ทำให้สุนัขล่าวิญญาณต้องออกตัวปกป้องมนุษย์ที่มองเห็นวิญญาณคนหนึ่งถึงเพียงนี้ คิดมากจนลืมคนข้างๆ ไปเสียสนิท

                    “นี่” พูดขึ้นมาเบาๆ ทั้งเพื่อนทั้งวิญาณที่นั่งขนาบข้างก็หันมอง โฟทิสส่ายหน้าให้เพื่อนทำเหมือนไม่มีอะไร ขณะที่มืออีกข้างเลื่อนกระดาษที่เขียนข้อความไว้ให้ลักซ์

                    ‘ลองไปเดินที่ห้องน้ำชั้นสี่ตึกข้างๆ ดู’

                    อ่านในใจจบแล้วต้องขมวดคิ้ว

                    “ไปทำไมครับ”

                    โฟทิสไม่ตอบ ไม่เขียนข้อความอะไรให้อีก แค่เหล่มองแล้วพยักพเยิดบอกให้ออกไป วิญญาณที่ไม่อยากทำตัวเป็นปัญหาจึงยอมเชื่อฟังแต่โดยดี

                    ลักซ์เดินมาที่ชั้นสี่ตึกข้างๆ แม้ในหัวเขาจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ไม่สามารถถามเอาคำตอบจากใครได้จึงต้องมาดูด้วยตัวเอง

                    บรรยากาศของตึกนี้ค่อนข้างเงียบหรือจะเรียกว่าวังเวงก็ไม่ผิดนัก ตั้งแต่เดินขึ้นมาลักซ์เจอคนแบบนับจำนวนได้ แล้วทำไมโฟทิสถึงให้เขามาที่นี่ ไปดูที่ห้องน้ำซึ่งไม่น่าจะมีอะไรนอกจาก...

                    “ผีเหรอ”

                    ต้องส่ายหัวไล่ความคิดแปลกๆ นี้ออกไป ถ้ามีวิญญาณร้ายอยู่จริงมาวนเวียนอยู่แถวนี้คงโดนสุนัขล่าวิญญาณลากลงนรกไปแล้ว ความน่ากลัวของสิ่งที่มองไม่เห็นล้วนเกิดจากจินตนาการ ตอนมีชีวิตลักซ์เองก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น แต่เมื่อได้ใช้ชีวิตเป็นวิญญาณแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่มนุษย์มองไม่เห็นเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่น่าหวาดกลัวแม้แต่น้อย

                    แล้วถ้าไม่มีผี ในห้องน้ำจะมีอะไร

                    “อื้อ...อ๊ะ”

                    เสียงของหญิงสาวที่ดังออกมาเมื่อก้าวมายืนอยู่หน้าห้องน้ำชายทำเอาลักซ์ขนลุกซู่แม้จะเคยเห็นฉากอย่างว่ามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ตัดสินใจหันหลังเดินจากมา ไม่อยากทำตัวเสียมารยาทแม้คนคู่นั้นคงมองไม่เห็นเขา 

    อีกอย่าง... มีเหตุผลสำคัญกว่านั้นที่เขาควรตัดใจ

     

                    อยู่ที่มหา’ลัยต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์ลักซ์จึงกลับมารอโฟทิสที่ห้อง ไม่อยากทำตัวเป็นวิญญาณตามติดให้ผีตัวอื่นสงสัย ปล่อยให้คนหน้าเบื่อโลกได้ใช้เวลาอยู่กับสังคมของตัวเองโดยไม่ต้องคอยกังวลใจ ส่วนเวลาของเขาขอแค่ได้คุยกันก่อนนอนก็พอ

                    ลักซ์เดินผ่านประตูห้องเข้ามาอย่างเงียบเชียบ ยิ้มทักทายโพลาริสที่เลิกคิ้วมองอย่างแปลกใจ ออกไปพร้อมน้องชายแต่ทำไมถึงได้กลับมาคนเดียว

                    "ผมขออยู่ที่นี่นะครับ"

                    "ตามสบายเลย"

                    ยิ้มให้วิญญาณที่แสนสงบเสงี่ยม โพลาริสมีนัดดูดวงให้ลูกค้าคนสุดท้ายอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า เธอจึงวางไพ่ลงและใช้เวลาคุยกับเพื่อนร่วมห้องแทน

                    "ทำไมกลับมาก่อนล่ะ"

                    "ไม่อยากกวนตอนโฟเรียนน่ะครับ"

                    "โดนว่ามาเหรอ"

                    "เปล่าครับ" ลักซ์รีบปฏิเสธ เธอพอจะเดาสถานการณ์ออกรางๆ จากแชตที่เคียร์ส่งมาบอกก่อนหน้านี้

                    "เจอเคียร์แล้วใช่มั่ย"

                    "พี่ดาวรู้เหรอครับ"

                    "รู้สิ ก็สนิทกัน"

                    "งั้นก็แสดงว่ารู้ว่าเคียร์เขา..." ละไว้เพราะไม่แน่ใจว่าควรพูดออกไปดีหรือเปล่า แต่โพลาริสกลับยกยิ้มเมื่อได้ฟัง

                    "เป็นสุนัขล่าวิญญาณ"

                    "พี่ดาวรู้แล้วทำไมโฟถึงไม่รู้"

                    "มันมีเหตุผลที่ต้องปิดน่ะ และพี่ก็อยากให้ลักซ์เก็บเรื่องเคียร์เป็นความลับด้วย"

                    "ขอถามได้มั้ยครับว่าทำไม เคียร์บอกผมด้วยว่าไม่ควรตามติดโฟ ทำไมครับ"

                    "เพื่อความปลอดภัยของโฟเอง พี่ก็บอกได้แค่นี้แหละ ที่โฟยอมให้ลักซ์ตามมาด้วยแบบนี้อยู่เหนือความคาดหมายของพี่เหมือนกัน ตอนเห็นโฟพาลักซ์เข้ามาพี่ก็อยากห้ามนะ แต่พูดไปทั้งที่โฟเพิ่งเปิดใจยอมรับเรื่องนี้จะทำให้ทะเลาะกันเปล่าๆ เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเลวร้ายตามมาพี่ก็อยากขอไม่ให้ลักซ์ตามติดโฟจนเกินไปเหมือนกัน”

                    “เพราะจะถูกวิญญาณตัวอื่นรังควานเหรอครับ”

                    “ประมาณนั้น”

                    “แสดงว่าพี่ดาวเองก็ปิดเรื่องที่มองเห็นวิญญาณเหมือนกันเหรอครับ”

                    “ก็ใช่ ไม่มีคนเห็นวิญญาณที่ไหนเที่ยวไปประกาศบอกว่าตัวเองเห็นวิญญาณหรอก แต่ลักซ์รู้สึกอะไรมั้ย ระหว่างตอนอยู่กับพี่ กับตอนอยู่กับโฟ”

                    ลักซ์ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจนัก จริงอยู่ว่าสองพี่น้องคู่นี้ย่อมให้ความรู้สึกที่พิเศษกว่าคนอื่น ดูมีพลังแต่ยังถือว่าน้อยนิดเมื่อเทียบกับเคียร์ที่เป็นสุนัขล่าวิญญาณหรือยมทูตที่เคยเจอ แล้วมนุษย์ที่มองเห็นวิญญาณได้เหมือนกันจะมีความพิเศษต่างกันยังไง

                    “แต่ลักซ์ยังอยู่ที่นี่ได้นะ อยู่กับโฟที่ห้องได้ไม่เป็นไร ที่นี่ปลอดภัยในระดับหนึ่ง”

                    “เพราะมีเจ้าที่เหรอครับ”

                    “ก็ใช่” โพลาริสยิ้มให้

                    “ขอบคุณครับ” เอ่ยขอบคุณแล้วไม่รบกกวนเวลาของโพลาริสต่อ

                    วิญญาณที่ไม่รู้จะไปไหนวนเวียนอยู่ในห้อง เดินดูตรงนั้นตรงนี้โดยที่โพลาริสเองก็ไม่ว่าอะไร จนสุดท้ายไปนั่งเหงาชมวิวที่ระเบียง วิวเมืองที่มีเพียงตึกสูงกับสายไฟระโยงระยาง และมลพิษที่ไม่มีผลกระทบกับผีอย่างเขา

                    หลายชั่วโมงต่อมาโฟทิสก็กลับมาถึงห้อง คนหน้าเบื่อโลกขมวดคิ้วใส่ผีที่แอบหนีกลับโดยไม่บอกกล่าว หากพี่สาวไม่แชตมาบอกเขาก็คงไม่รู้ แผนช่วยเหลือเรื่องการไปเกิดของวันนี้เลยต้องพับเก็บเอาไว้ก่อน

                    ลักซ์ทำเพียงหันไปยิ้มให้เมื่อเห็นเจ้าของห้องอีกคนกลับมา ถอดกระเป๋าโยนไว้ข้างที่นอนโฟทิสก็เดินออกไปหา ไม่ได้สนใจทักพี่สาวที่กำลังวุ่นกับการจัดไพ่ทาโร่

                    “ทำไมกลับมาไม่บอก”

                    “ขอโทษครับ ผมไม่อยากกวนตอนโฟเรียน”

                    “ว่าจะพาไปหาที่ที่พอจะทำให้ไปเกิดได้สักหน่อย”

                    “เอาไว้วันหลังก็ได้ครับ”

                    มองวิญญาณที่ยิ้มให้ก่อนเบือนหน้าหนี มองวิวยามเย็นที่ไม่ได้สวยงามนักในพื้นที่แออัดของเมืองหลวง อีกครั้งที่เขาทั้งสองได้ยืนคุยกันที่ระเบียง

                    “ได้ขึ้นไปดูห้องน้ำที่บอกมั้ย” 

                    “ไปครับ”

                    “เป็นไง เจอมั้ย”

                    ลักซ์หันมองโฟทิสที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงคล้ายขำขัน จากสิ่งที่อีกฝ่ายทำเขาขอตีความว่าโฟทิสคงอยากแกล้งเล่น การไปเกิดไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่วนเวียนอยู่นานขนาดนี้

                    “เจอครับ แต่พวกเขาคงไม่อยากให้ผมไปเกิดเป็นลูกเขาหรอก”

                    คนฟังยิ้ม ห้องน้ำชั้นสี่ของตึกนั้นนับว่าเป็นสถานที่ลับของนักศึกษาที่อยากได้ความตื่นเต้น โฟทิสรู้เรื่องนี้มาจากเอมี่ ผีสาวที่บังเอิญเข้าไปเห็นจนตกใจวิ่งหนีออกมา เขาเลยตั้งใจแกล้งให้ลักซ์ไปเห็น แม้การไปดูนักศึกษาที่ความท้าทายเสพสุขกันในนั้นไม่ช่วยให้การไปเกิดใหม่สำเร็จเพราะทุกคนรู้จักการป้องกัน แต่มันก็ทำให้เขาได้เห็นทัศนคติของผีหนุ่มว่าเป็นอย่างไร

                    “ถึงพวกเขาไม่ใส่ถุงยางผมก็คงเลือกจะไม่ไปเกิดอยู่ดี”

                    โฟทิสไม่ตอบอะไร การได้โอกาสเพื่อเกิดใหม่คล้ายจะเป็นเรื่องง่ายแต่ความจริงแล้วตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง พวกเขาได้โอกาสเลือก แต่การจะพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานที่ดีๆ ไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกสถานที่มีเจ้าของมีคนปกปักรักษา ใช่ว่าเป็นวิญญาณแล้วจะหายตัวเข้าบ้านคนรวยได้เสียเมื่อไร ฉะนั้นโอกาสของวิญญาณเหล่านี้จะเรียกอีกอย่างว่าช่วงเวลาของการร่ำลาก็คงไม่ผิดนัก

                    ร่ำลาครอบครัวหรือคนสำคัญที่ยังมีชีวิตอยู่

                    “แล้วครอบครัวนายล่ะ ทำไมไม่อยู่ที่บ้านแต่มาอยู่โรงแรม”

                    “พ่อแม่ผมหย่ากัน แม่แต่งงานใหม่ไปอยู่ต่างประเทศ พ่อก็แต่งงานใหม่เหมือนกัน แต่แม่ใหม่ไม่ค่อยชอบผมเท่าไร ช่วงแรกๆ ผมกลับไปหาพวกเขานะ แต่ผ่านมาไม่เท่าไรตัวตนของผมก็ดูเหมือนจะถูกลืมไปแล้ว”

                    ต่างคนต่างประสบปัญหาต่างกัน โฟทิสไม่มีคำปลอบใจหรือคำแนะนำเพราะมันคงไม่มีประโยชน์กับลักซ์ในตอนนี้มากนัก หรือจะพูดอีกอย่างว่าตัวเขาเองก็ประสบปัญหาเกี่ยวกับครอบครัวอยู่เหมือนกันก็ได้ เป็นอาการต่อต้านกีดกันสิ่งที่ครอบครัวเป็น ทุกวันนี้จึงแยกตัวออกมาเพราะไม่อยากยุ่งเกี่ยว แต่ที่บ้านก็ยังส่งพี่สาวมาอยู่ด้วยเพราะเป็นห่วงอยู่ดี

                    “ไม่ลองไปหาแม่ที่ต่างประเทศล่ะ ผีขึ้นเครื่องบินฟรีนะ”

                    “โฟรู้มั้ยว่าโลกวิญญาณก็มี ตม.”

                    “ฮะ”

                    ลักซ์หัวเราะกับสีหน้างงงวยของคนข้างๆ

                    “ก็เหมือนเจ้าที่ที่คอยปกปักรักษาบ้านนั่นแหละ โลกวิญญาณเองก็มีการจัดระเบียบ ใช่ว่าจะเดินทางออกจากประเทศได้ง่ายๆ”

                    “แสดงว่าประเทศอื่นก็มีกฎไปเกิดเหมือนบ้านเราเหรอ”

                    “คงแล้วแต่กฎของประเทศนั้นๆ มั้ง ผมก็ไม่รู้”

                    นับเป็นความรู้ใหม่เกี่ยวกับโลกวิญญาณที่ชักน่าสนุกขึ้นเรื่อยๆ แต่ถึงจะน่าสนใจแค่ไหนโฟทิสก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพวกวิญญาณอยู่ดี

                    ความทรงจำอันเลือนรางในวัยเด็กคอยย้ำเตือนว่าเขาไม่ควรเอาตัวเข้าไปพัวพันกับเรื่องผีสางมากเกินจำเป็น

                    “พรุ่งนี้ไม่มีเรียน แผนวันนี้ค่อยเริ่มพรุ่งนี้แล้วกัน”

                    “ครับ”

                    ช่วยวิญญาณผู้น่าสงสารให้ไปเกิดได้เมื่อไร เขาจะเลิกยุ่งเกี่ยวกับโลกหลังความตายอย่างถาวร

     

    tbc

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×