ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ไออุ่นของคิว : Chapter 4
4
ฉันยังไหว...ฉันโอเค
...
ไม่อะฉันไม่ไหว
“พวกมึง” ฉันตะโกนเสียงดังจนเรย์ที่นั่งดูดน้ำอยู่ฝั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาอามารณ์แบบ ‘อะไรของมึง’
“จะตะโกนทำเชี่ยอะไร”
“อ้าว แล้วกราฟไปไหนอะ?” พอไม่เห็นร่างของเพื่อนสนิทอีกคนฉันจึงถามหา
เมื่อกี้ยังนั่งข้างๆเรย์อยู่เลยนี่นา
“ไม่รู้ ไปซื้อน้ำมั้ง” เรย์ตอบอย่างไม่ยี่หระ “แล้วตกลงมึงเรียกกูทำไม?” จบคำพูดของเพื่อนสาวฉันถึงได้ฉุกคิดขึ้นได้
นั่งเรียบเรียงคำพูดในหัวแป็บหนึ่งก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้พร้อมกับถามเสียงอุบอิบ
“ก็แบบ ถ้าสมมติว่ามึง...คือแบบมีคนมาพูด แบบ...”
“แบบๆเชี่ยไรอิสัส! ปากมึงไม่มีฟันรึไง” เรย์แว้ดใส่จนฉันหน้างอ
ก็คนมันไม่รู้จะอธิบายยังไงนี่ ชิ...
“หัวร้อนไปได้” ฉันบ่น “คืองี้ ถ้าสมมติว่ามีผู้ชายคนหนึ่ง...”
“อา แล้วผู้ชายคนนั้นคือน้องบาเทนเดอร์ของมึง”
“ไอ้เวรอย่าขัดดิวะ” ฉันทุบโต๊ะประท้วง แล้วนี่รู้ได้ยังไงว่าฉันจะพูดถึงน้องคิวอะ อ่านใจกันได้เหรอ “ว่าแต่มึงรู้ได้ไงวะ?”
“กูไม่ได้โง่นะคะมายเฟรนด์” เรย์ฉีกยิ้มกว้างอย่างเจ้าเล่ห์ “เขารู้กันทั้งจักรวาลแล้วมั้งแต่ช่างเถอะ
มาๆ ต่อๆฟังอยู่”
“ถ้ามีผู้ชายคนหนึ่งมาพูดกับมึงว่า
เอ่อจะพูดยังไงดี...เอาเป็นว่าพูดประมาณว่าเขาอยากเจอมึงทุกวันจะได้หายคิดถึงไม่ก็อ่อยๆมึงแบบชวนมึงไปที่ห้องงี้นี่มันหมายความว่าอะไรอะ? หมายความว่าเขาจะจีบงี้เหรอ?”
เรื่องนี้ค้างคาใจฉันมาทั้งคืนจนเกือบนอนไม่หลับแล้วนะ
พยายามไม่เข้าข้างตัวเองแต่คำพูดกับการกระทำของน้องเขามันไม่ใช่อะ
“หมายความว่าน้องเขาจะจีบมึงไงไอ้ควาย” ทันทีที่ฉันถามจบอีกฝ่ายก็พูดกระแทกหน้าใส่
“ฉันยังไม่ได้ยืนยันว่าเป็นน้องเขาเลยนะ” ฉันเลิ่กลั่ก
บ้าจริงฉันแสดงออกชัดขนาดนั้นเลยเหรอ ฉันว่าฉันก็เนียนอยู่นะ
พอเรย์ได้ยินฉันเถียงกลับไปเธอก็ถอนหายใจอย่างเซ็งๆพร้อมกับบ่นออกมาน้ำเสียงแผ่วเบาแต่จงใจให้ฉันได้ยินว่า “โอ๊ย...ฉลาดทุกเรื่องยกเว้นเรื่องของตัวเอง”
“อิเรย์” ฉันถลึงตาใส่เธอ
“คุยอะไรกันวะ” ไม่นานกราฟก็เดินถือแก้วน้ำเข้ามาพร้อมกับนั่งลงข้างเรย์แล้วมองเราสองคนสลับกัน
“ก็ไอ้เรย์อะดิ มันด่ากูอา” ได้ทีฉันก็ฟ้องใหญ่
“ก็มึงโง่จริงๆนี่หวา” อีกฝ่ายกอดอกลอยหน้าลอยตาจนฉันต้องเชิดหน้าขึ้นแล้วพูดออกมาว่า
“ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนกูตบแล้วนะเนี้ย” พูดไปงั้นแหละใครจะอยากทำจริงกัน
“มึงไม่ตบกูหรอก” เรย์ระบายยิ้มกว้าง “เพราะมึงรักกูมาก”
“อี๋” ฉันรีบทำท่าทีว่ารังเกียจออกมาจนคนโดนทำท่าใส่ยกฝ่ามือมาตีฉันแขนเบาๆพร้อมกับด่าฉันไปด้วย
“อิสัส” จากนั้นเราทั้งสามคนก็หัวเราะออกมา
“พรุ่งนี้ซีมันชวนไปตี้อะ” หลังจากนั่งกดโทรศัพท์อยู่ไม่นานกราฟก็โพล่งขึ้นมาพร้อมกับชายตามองพวกฉันแว็บหนึ่งก่อนจะก้มลงละเลงนิ้วมือบนหน้าจอต่อซึ่งคาดว่าน่าจะตอบไอ้ซีนั่นแหละ
กราฟกับซีค่อนข้างจะสนิทกันมากคล้ายๆฉันกับพี่ม่อนนั่นแหละ อาจจะเป็นเพราะเคยเรียนโรงเรียนเดียวกันแต่ฉันกลับรู้สึกว่ามันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น
แต่ช่างเถอะในเมื่อเพื่อนเลือกที่จะไม่บอกฉันก็ไม่อยากจะคาดคั้นอะไร
คนเราก็ต้องมีเรื่องที่อยากเก็บเอาไว้อยู่แล้วทั้งนั้น
“แล้ว? กูปฏิเสธได้เหรอ?” เรย์ที่นั่งอยู่ข้างๆกลั้วหัวเราะออกมา
“มันบอกว่าไม่ได้ถามว่ะ บังคับ”
“กะไว้แล้วเชียว” เรย์ส่งเสียงในลำคอจากนั้นจึงหันมาหาฉัน “ว่าแต่มึงมีเรียนบ่ายใช่ไหม?”
“อาหะ แต่จะถึงเวลาอยู่แล้วพี่ม่อนแม่งยังไม่โผล่หัวออกมาเลย” พยักหน้ารับแล้วบ่นตามประสา “ไอ้พี่ม่อนนะพี่ม่อน
ตัวเองอยากเรียนจบสามปีครึ่งคนเดียวดันพาลมาซวยฉันอีก
ทำไมฉันต้องถูกคนอย่างมันบังคับให้ลงหน่วยกิตเพิ่มตามด้วยเล่า!”
“ฮ่าๆ เอาน่าเผื่อฟลุ๊คจบสามปีครึ่ง” เรย์เอื้อมมือว่าตบไหล่ฉันเบาๆคล้ายให้กำลังใจแต่สายตาที่ส่งมามันเยาะเย้ยกันชัดๆไอ้เพื่อนบ้านี่
“ฟลุ๊คบ้าอะไร ไอ้พี่ม่อนแม่งชวนฉันไปถอนกี่รอบแล้วเถอะ” คะแนนนออกทีไรชวนฉันไปขอใบถอนทุกที แต่นินทาได้ไม่ทันเท่าไหร่เสียงอันคุ้นเคยพร้อมกับท่อนแขนหนักๆก็พาดลงมาบนไหล่ฉันพอดิบพอดี
“นินทาอะไรกูวะกูได้ยินนะเว้ย” เสียง ท่อนแขน คำพูด...พี่ม่อนชัวร์ล้านเปอร์เซ็นต์ ตายยากชะมัด
“ได้ยินแล้วจะถามทำไม” หันไปยักคิ้วชอบใจกับประโยคของเรย์
การกวนอิพี่ม่อนได้สำเร็จนี่ถือเป็นเรื่องคอมพลีทของฉันกับเรย์เลยก็ว่าได้ และเหมือนจะได้ผลเมื่อผู้ชายข้างๆชักแขนตัวเองกลับแล้วนำมันไปกอดอกไว้แทน
“แล้วเคนตะกับซีไปไหนอะ?”
“ไปไหนก็ไม่รู้ พวกมันจะอยู่ทำไมล่ะในเมื่อวันนี้มันไม่มีเรียนแล้ว” หน้าบึ้งๆนั้นเริ่มคลายออกเมื่อตอบคำถามของฉัน
นั่นสิ ทุกคนล้วนไม่มีเรียนแล้วแล้วทำไมฉันจะต้องมานั่งเรียนกับไอ้พี่ม่อนด้วย...
“เหลืออีกไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแล้วหนิ” กราฟหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูนาฬิกาพลางเงยหน้ามาบอกฉันกับพี่ม่อน
โอ๊ยยังนั่งไม่ทันหายเหนื่อยเลยต้องไปเรียนอีกแล้วเหรอ ขี้เกียจเว้ย
เพราะฉะนั้นจึงหันไปมองตัวต้นเหตุข้างๆด้วยสายตาขุ่นมัว
พี่ม่อนกลืนน้ำลายลงคอหนึ่งอึกแล้วกรอกนัยน์ตาไปมา “มองกูแบบนั้นทำไมวะ?”
“ถ้าถอนวิชานี้ล่ะก็กูจะเฉือนไอ้จ้อนมึงให้ดู”
“เชี่ยโหดสัส” จบคำพูดของฉันพี่ม่อนก็รีบกระเถิบตัวห่างพร้อมกับใช้ฝ่ามือทั้งสองกุมหว่างขาตัวเองไว้ทันที ท่าทางหวาดเสียวนั้นทำทั้งฉัน กราฟและเรย์หัวเราะก๊ากออกมา
“ถอนเลยพี่ม่อน อยากเห็นว่ะ” เรย์ยักคิ้วกวนก่อนจะทำมือเลียนแบบมีดด้วยการเฉือนไปมาส่งผลให้ผู้ชายข้างๆถลึงตาใส่เธอแล้วสบถคำหยาบออกมาในแบบที่ไม่สามารถถ่ายทอดออกมาได้
“พี่ม่อนจะงับหัวมึงอยู่แล้ว” กราฟพูดติดตลกก่อนจะปรายตามองหน้าจอสมาร์ทโฟนของตัวเองแล้วเลื่อนมาหยุดที่ฉันกับพี่ม่อนแทน “แต่ถ้าพวกมึงยังไม่ไปอีกมีหวังต้องถอนเพราะได้เอฟแน่ๆ
ขาดมาสองครั้งแล้วนี่”
จบคำพูดของกราฟฉันก็หันหน้าไปมองนาฬิกาข้อมือของคนที่นั่งข้างๆอย่างพี่ม่อน ฉิบหายแล้วอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงเวลาเรียนแล้ว
คลาสนี้หากสายเกินสิบนาทีจะเช็คขาดด้วยสิซึ่งถ้าขาดสามครั้งคือได้เอฟแถมฉันกับพี่ม่อนขาดมาแล้วสองครั้งไง! ทำไมถึงมาเลือกเก็บหน่วยกิตวิชาที่เขาเช็คชื่อด้วยก็ไม่รู้
“ไอ้เชี่ยไอลุกขึ้นเลย เร็ว กูไม่ได้เอารถมา” เหมือนอีกคนจะรับรู้ได้ไวกว่าเพราะนอกจากจะลุกพรวดไม่พอยังมารั้งต้นแขนฉันให้ลุกขึ้นตามไปด้วย
“เออๆ ต้องวิ่งแล้วว่ะพี่ม่อน” พูดไปเก็บกระเป๋าไป “ไปก่อนนะเว้ย” พร้อมกับหันไปบอกลาเพื่อนสาวอีกสองคนก่อนจะวิ่งสี่คูณร้อยพุ่งตรงไปยังอาคารเรียนทันที
นาทีนี้ใครมาขวางแม่จะชนให้ยับเลย
หลังจากนั้น
“เมื่อยคอชะมัดเลยให้ตาย” เสียงบ่นพร้อมกับการใช้มือนวดคอไปมาของพี่ม่อนทำเอาฉันกรอกตามองบน
“นั่งไปไม่ถึงสิบห้านาทีดันฟุบหลับมันก็สมควรแล้วปะ” หลังจากบ่นไปเรียบร้อยจึงยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา “หิวว่ะ ไปหาไรกินก่อนกลับได้ปะ”
“โอเค ขอเก็บของแป๊บ” รอพี่ม่อนเก็บของไม่กี่นาทีเราทั้งคู่ก็เดินออกมาจากห้อง
ฉันกับพี่ม่อนเดินไปรอลิฟต์ที่มีผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ก่อนแล้ว “อ้าวไอ้มด?”
เหมือนคนข้างๆฉันจะรู้จักนะดูจากการเรียกอย่างสนิทสนมแล้วนั้น
“ม่อน? เชี่ย
ไม่เจอกันนานสัส” อีกฝ่ายพอได้ยินคนเรียกชื่อตัวเองก็หันมามองพร้อมกับทักทายเพื่อนฉันไปด้วย ส่วนฉันก็ยืนนิ่งฟังบทสนทนาของพวกไปเฉยๆ
ชินแล้วล่ะเวลาอยู่กับพี่ม่อนแม่งเหมือนมีเพื่อนเป็นส.ส.อะ
ทักไปเรื่อย... จะรู้จักทุกคนไม่ได้นะเว้ย
“แล้วนี่มึงมาทำอะไรที่นี่วะ?
ศิลปกรรมกับนิเทศที่ห่างกันโคตรๆเลยนะ” คำว่าศิลปกรรมทำเอาฉันหูผึ่ง
จะว่าไปน้องคิวก็อยู่ศิลปกรรมนี่นา
เพราะฉะนั้นสองเท้าจึงเขยิบเข้าไปใกล้เพื่อฟังสิ่งที่เขาจะพูดต่อ
“มาหาอาจารย์อะดิ ไม่จำเป็นกูก็ไม่มาหรอกแม่งไกลสัสๆ
วินก็ไม่อยากนั่ง เปลืองเงิน”
“ผมคงต้องไปแถวนั้นบ่อยๆแล้วล่ะ”
นั่นสิ ใครมันจะมาวะ โดนเด็กหลอกแล้วไหมล่ะไออุ่น
ตอนนี้เราทั้งสองคนกำลังนั่งอยู่ในร้านคาเฟ่บริเวณคณะฉัน
เพราะวันนี้คนในร้านไม่เยอะเท่าไหร่ทำให้รอไม่นานขนมที่สั่งก็ถูกเอามาวางไว้ตรงหน้า พี่ม่อนจ้องช็อคโกแลตลาวาของตัวเองตาเป็นมันก่อนจะลงมือจัดการประหนึ่งว่าไปหิวมาแต่ชาติปางก่อน
“กินไหม?” คนตรงข้ามฉันตักของหวานของตัวเองพร้อมกับยื่นมาให้
มันก็น่าทราบซึ้งใจอยู่หรอกที่เพื่อนมีน้ำใจถ้าไม่ติดตรงที่ว่า...
“อย่ามาตลกไอ้พี่ม่อน มึงก็รู้ว่ากูแพ้ช็อคโกแลต” ใช่แล้ว...ฉันแพ้ช็อคโกแลต ถ้ากินเข้าไปจะหายใจไม่ออกเลยระวังตัวมาตลอดเพราะตอนสมัยม.ต้นเผลอกินเข้าไปทำให้ต้องถูกห่ามส่งโรงพยาบาลเลยทีเดียว
น่าเสียดายเนอะเกิดมาทั้งทีดันแพ้ช็อคโกแลต จะร้องไห้
“ลองแกล้งๆกินดู” พี่ม่อนยังคงกวนไม่เลิก
“กินตีนกูก่อนไหมพี่ม่อน”
“โหดฉิบหายเลยผู้หญิงคนนี้ ใครมันจะมาชอบวะ” คนตรงหน้าบ่นอุบพร้อมกับงับช็อคโกแลตเข้าปากตัวเอง ฉันเบ้ปากให้เขาก่อนจะก้มลงสนใจแพนเค้กกล้วยหอมต่อ ไม่รู้ว่าเพราะหิวหรืออะไรกันแน่ทำให้ทั้งฉันและพี่ม่อนจัดการขนมหวานของตัวเองในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาที
หลังจากจ่ายเงินอะไรเรียบร้อยแล้วเราทั้งคู่ก็เดินออกมาจากร้าน ฉับพลันสายตาฉันก็ไปปะทะกับใครคนหนึ่งเข้า
เราสองคนประสานสายตากัน
นั่นมัน...
“น้องคิว?” ต้องใช่แน่ๆ คนที่กำลังเดินมาทางนี้คือน้องคิวไม่ผิดแน่ ที่เขาบอกว่าเจอกันที่มอ. บอกว่าจะตามหาฉันนี่ทำจริงหรือแค่บังเอิญกันแน่
แต่ยอมรับว่ารู้สึกดีอยู่ไม่น้อย...
“อ๊ะ” ฉันสะดุ้งเมื่ออยู่ดีๆพี่ม่อนก็ยกแขนขึ้นมาโอบไหล่ฉันพร้อมกับดันศีรษะให้ไปแนบกับต้นแขนเขาอีก “ทำบ้าอะไรของมึงเนี้ยพี่ม่อน?”
“ชู่ว~” เขากระชับอ้อมแขนให้แน่นมากกว่าเดิมพร้อมกับพูดเสียงดังขึ้นกว่าปกติว่า “จะกลับบ้านกันเลยไหม?”
“หา...บ้านใคร?” พูดเหมือนเราอยู่บ้านเดียวกันอะ
“บ้านไออุ่นไง หรืออยากไปนอนบ้านพี่อีก?” อะไรของมันวะเนี้ย
แล้วดูแทนตัวเองว่าพี่ดิ โอ๊ยจะอ้วก
เอาตามตรงพวกผู้ชายกลุ่มฉันเหมือนเป็นสารถีเพราะมีรถกันหมดแต่พวกฉันไม่มีมันเลยต้องรับหน้าที่เป็นคนขับรถส่วนตัวให้โดยเฉพาะพี่ม่อน
บางทีส่งฉันเสร็จก็ต้องขับไปรับเรย์ต่อ สมน้ำหน้าอยากมีรถเอง
“อย่ามาตลก บ้านมึงรกจะตาย” เคยไปตอนทำงานกลุ่มกับเพื่อนๆในแก็งค์
ไม่ก็เวลาอยากดื่มแต่ไม่อยากไปนั่งในร้าน “แล้วนี่กอดกูทำไม
ปล่อยกูดิ” กูจะไปหาน้อง!
“นั่นสิ เวลาไออุ่นไปบ้านพี่ทีไรชอบแย่งเตียงพี่นอนทุกทีเลย” ยัง..ยังไม่ปล่อยอีก
“พูด...”
“พี่ไออุ่น” ยังพูดไม่ทันจบประโยคเสียงอันแสนคุ้นเคยก็ขัดขึ้นซะก่อน
ฉันหันหน้าไปมองถึงได้รู้ว่าตอนนี้น้องคิวได้มาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วแถมยังปรายตาไปมองมือของพี่ม่อนที่โอบฉันไว้อย่างเคืองๆอีกด้วย
“หน้าคุ้นๆนะ อ๋อ บาเทนเดอร์คนนั้นนี่เอง” พี่ม่อนทำท่าทำทางเหมือนคิดอะไรออกแต่ฉันรู้นะว่าเขาตอแหลอะ
เขาจำน้องคิวได้
“ครับ” น้องเขาตอบมาอย่างนั้น
“ไง มาทำอะไรแถวนี้เหรอ?” ฉันกล่าวทักทายพร้อมกับแกะมือตุ๊กแกของเพื่อนบ้านี่ไปด้วย น้องคิวเบี่ยงสายตากลับมามองฉันต่อพร้อมกับฉีกยิ้ม แต่ทำไมมันดูฝืนๆยังไงก็ไม่รู้
น้องเขาหึงฉันปะวะ?
เฮ้ย บ้าน่า...
“หมายความว่าน้องเขาจะจีบมึงไงไอ้ควาย” คำพูดเมื่อตอนเที่ยงของเรย์ผุดขึ้นมาในทันที
อาจจะไม่ใช่มั้ง แกยิ่งชอบคิดเองเออเองอยู่ด้วยนะไออุ่น
“มาหาพี่ไง”
แต่คำพูดและการกระทำของน้องเขามันน่าคิดนี่หวา
“หาพี่ทำไมอะ?” ฉันพยายามข่มใจให้นิ่งพร้อมกลับยิงคำถามไป “ไอ้นี่ก็ปล่อยกูสักที”
เสร็จก็หันไปกระซิบลอดไรฟันกับพี่ม่อน
ในระหว่างที่เจ้าตัวกำลังหันมากระซิบตอบฉันกลับเสียงของน้องคิวก็ขัดซะก่อน
“ก็บอกแล้วไงครับว่าผมจะมาหาพี่” เขาเหลือบสายตาไปมองผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆฉัน “ผมคิดถึงพี่นี่นา”
ตึกตัก...
เชี่ย...จู่ก็โพล่งออกมาแบบนี้ใครมันจะไปรับไหววะ
“หวา...บาเทนเดอร์ที่นี่แปลกแฮะ” อยู่ดีๆพี่ม่อนก็ยอมปล่อยฉันให้เป็นอิสระ
เขาเปลี่ยนไปเป็นกอดอกตัวเองแทนแล้วกระตุกยิ้มเล็กน้อย “มีทำงานนอกเวลากันด้วย”
“พี่หมายความว่ายังไงครับ?” น้องคิวเลิกคิ้วในคำพูดของพี่ม่อน
อย่าว่าแต่เขาเลยฉันก็งงเนี้ย
พี่ม่อนชะโงกหน้าไปหาน้องคิวก่อนจะเอียงศีรษะมามองฉันทีหลัง
เขายิ้มมุมปาก เป็นรอยยิ้มที่มักจะใช้เวลาเจออะไรสนุกๆ
“ก็ขนาดไม่ได้อยู่ในร้านยังจะมาดึงลูกค้าอีก”
“…” ฉันชะงักกับสิ่งที่พี่ม่อนพูด
นั่นดิ สิ่งที่เขาพูดสิ่งที่เขาทำมันอาจจะเป็นแค่งานรึเปล่า
“เหอะ” น้องคิวหัวเราะในลำคอแล้วจ้องหน้าพี่ม่อนกลับอย่างไม่เกรงกลัว “พี่คิดว่าที่ผมทำแบบนี้เพราะอยากจะให้พี่ไออุ่นไปที่ร้านบ่อยๆเท่านั้นเหรอครับ?”
“แล้วมันมีอะไรมากกว่านั้นเหรอ?” คนข้างๆฉันสวนกลับไปทันที
“ของมันแน่อยู่แล้วสิครับ” และน้องคิวก็ตอบในทันทีเช่นกัน จบคำพูดของเขาพี่ม่อนก็ยิ้มออกมา
ของมันแน่อยู่แล้ว?
หมายความว่าอะไร...หมายความว่ามันมีอะไรมากกว่านั้นเหรอ?
ผู้ชายตรงหน้าฉันลากสายตาจากพี่ม่อนมาเป็นมองฉันแทน
เพียงไม่นานเจ้าตัวก็ระบายยิ้มน่ารักสดใสมาให้พร้อมกับพูดว่า...
“ก็ผมจะจีบพี่ไออุ่นนี่นา”
ว่าไงนะ!?
ความคิดเห็น