คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ก ร ะ สุ น นัด เ ดี ย ว 'วันแรกที่เราเจอกัน' (อัปครบ)
คำเตือน :นิยายเรื่องนี้เป็นความคิดจากงานเขียนไม่มีอยู่จริง เนื้อหาค่อยข้างละเอียดอ่อน
ตัวละครมีมุมมองต่างกัน หากมีหักดิบบ้าง หวานบ้าง เถื่อนบ้าง ดราม่าบ้าง
ทุกสถานการณ์ขึ้นอยู่กับการดำเนินเรื่อง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านตามความชอบ
กลุ่มลับ ในเพจ
EPISODE ๐.๕
ก ร ะ สุ น นัด เ ดี ย ว 'วันแรกที่เราเจอกัน'
“ได้ค่ะแต่พี่ขอทราบรายละเอียดหน่อยนะคะ”
รายละเอียดเหรอ..คงไม่ใช่เรื่องที่เรา..จุด ๆ กันหรอกนะ
“…”
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ
นัดเดียวคงตอบให้ด้วยไม่ได้หรอก นัดเดียวไม่รู้ว่ากระสุนทำอะไรนัดเดียวบ้าง
นัดเดียวไม่อยากนึกถึงมัน
“น้องคะ”
นี่เราจะร้องไห้จริง ๆ ด้วยนะ
“น้อง..”
จะถามจริง ๆ เหรอ
“น้องพี่แค่อยากจะรู้ว่าน้องแพ้ยาอะไรบ้างพี่จะได้จัดตัวยาให้น้องถูกค่ะ”
เอ๊ะ?
“น้องแพ้ยาอะไรบ้าง”
ระหว่างที่พี่เขาถามฉันเองกำลังปรับอารมณ์ตัวเองอยู่
ในตอนนั้นเองประตูของร้านถูกเปิดออก
เสียงกระดิ่งดังขึ้นแต่ฉันไม่ได้หันกลับไปมองหรอก
“ไม่ได้แพ้ยาอะไรค่ะ”
ฉันรีบตอบเพราะไม่ต้องการอยู่ตรงนี้นาน ๆ
“ได้ค่ะรอสักครู่นะคะ” พี่เภสัชกรบอกอย่างนั้นตามด้วยเลื่อนตู้กระจกหยิบกล่องยาที่ว่าออกมาสองกล่องก่อนจะกลับมาพูดกับฉันว่า
“รายเดือนน้องคงทราบแล้วว่าทานยังไง”
แล้วมันทานยังไงอ่า
นี่คิดสิ่งที่ฉันกำลังคิด
คิ้วเองก็เริ่มทำงานจนพี่สาวคนสวยเริ่มไม่มั่นใจกับตัวเองถึงได้ยิ้มแล้วพูดกับฉันต่อมาว่า
“งั้นพี่จะสอนวิธีการทานยาคุมฉุกเฉินก่อนนะคะ”
ระหว่างที่พี่สาวกำลังอธิบายอยู่นั้นแผ่นหลังฉันจากที่เย็นวูบวาบกลับกลายเป็นร้อนแผ่วจนแสบคอไปหมด
รังสีอะไรสักอย่างกำลังแผ่กระจายไปทั่วพื้นที่
“ไอ้นัดเดียว!!!”
“เฮีย!!” ฉันเอี้ยวตัวไปมองเจอหน้าเฮีย..เฮียที่ว่าคือพี่ชายแท้ ๆ คนที่มีพ่อแม่คนเดียวกับฉันไง
“กูถึงว่าใครคุ้นตาเห็นแผ่นหลังถึงได้ลงมาดู เหอะ ที่แท้ก็เป็นน้องสาวสุดที่รักไม่รักดีน้องคนดีของป๊าดันมาซื้อยาคุมร้านยามันน่านัก!!”
เฮียมาได้ไง
หน้าฉันซีดตัวสั่นไปหมดแล้วคลับคล้ายจะเป็นลมแต่เฮียกลับตะคอกดังลั่นร้านแล้วพูดกลับมาอีกว่า
“ไอ้หน้าตัวเมียตัวไหนข่มขืนน้องกู!!” เฮียกำลังโกรธส่วนฉันกำลังซวย เรื่องถึงเฮียมีหรือไม่ถึงป๊ากับม๊า
นัดเดียวตายแน่เลย!!
“มานี่ไอ้นัดเดียวมากับเฮียเดี๋ยวนี้!!”
หมับ!
แขนซ้ายถูกเฮียกระชากลากถูดึงออกไป พี่เภสัชกรกำลังงงถึงได้พูดจาห้ามปรามเฮียไว้
“ใจเย็น ๆ นะคะ
เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้เราสามารถป้องกันมันได้”
ใช่ค่ะพี่สาวมันเกิดขึ้นได้..ถึงแม้นัดเดียวไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นก็ตาม…
‘พี่ช่วยน้องด้วย’
ฉันบอกไปทางสายตาแต่เฮียกลับตวัดตามองไปที่พี่สวยคนนั้น
“อย่าเสือก!”
“…” หน้าอย่างซ็อคเลย
“มานี่” เฮียไม่ฟังใครนอกจากฉุดกระชากลากถูนัดเดียวออกมาจากร้าน
สิ่งที่ฉันทำได้คือบอกขอโทษพี่สาวคนนั้นก่อนจะโดนเฮียลากตัวไปที่รถ “ขึ้นรถ!” สีหน้าเฮียดูโกรธจัดจนถึงขั้นฆ่าใครสักคนให้ตายกันไปข้างนึงเลย
ใจฉันเริ่มกลัวเพราะเฮียเป็นคนดุมาก
“บอกมามันเป็นใคร!” ปากถามฝ่ามือกำลังจับหัวเพื่อกดให้ฉันเข้าไปในรถ
นี่น้องสาวนะเฮีย
“นัดเดียวเจ็บ” ฉันบอกน้ำตาปริ่มแล้ว
“อย่าดื้อสิวะขึ้นรถไปไอ้นัดเดียวไอ้เด็กใจแตก!”
ปากสบถคำด่ากราดก่อนจะกดดันตัวฉันเข้าไปในรถ “ไอ้เวรระยำที่ไหนทำ!
มันเป็นใครบอกเฮียมา!”
เฮือก!!
คำถามมาพร้อมกับการถกเสื้อนัดเดียวออก
มันเผยให้เห็นรอยแดงจากการขบเม้มตรงซอกคอและส่วนอื่น
“ระยำสัส!!”
Town Talk
“พวกกูกลับก่อนละกันฝากมึงดูแลมันด้วย”
เสียงทุ่มห้าวของไอ้เหนือดังขึ้น
พวกมันกำลังลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สายตามันมองร่างหนาที่นอนเมาไม่ได้สติอยู่บนโซฟา
หลังจากที่พวกผมออกจากห้องซ้อมไอ้กระสุนบอกว่าอยากดื่มไอ้เชฟจึงจัดแจงทุกอย่างให้
ผมพยักหน้ารับพวกมันอย่างเชื่องช้า
ผมเป็นคนนิ่งไม่ชอบพูดเลยเลือกที่จะเดินกลับมาในตัวบ้านหลังจากที่พวกมันกลับกันไปหมดแล้ว
ที่นี้บ้านผม ไอ้กระสุนเมาอยู่ตรงโซฟา
ผมเดินกลับมายังจุดที่พวกเรานั่งดื่ม ขวดเหล้านับสิบฝีมือไอ้กระสุนทั้งนั้น
ผมได้แต่มองมันพร้อมทั้งส่ายหน้า
มันเป็นแบบนี้มาเกือบสองปีหลังจากที่แฟนเก่ามันทิ้งไป ผมเองก็จำไม่ได้ด้วยสิว่าเธอคนนั้นชื่ออะไร
ผมรู้แค่มันคบกับเธอคนนั้นสองปี รู้ว่าเธอคนนั้นหน้าตาสวยพูดจาไพเราะ
ผมเห็นเธอเพราะเธอมาห้องซ้อมบ่อย
เธอนั่งรอไอ้กระสุนซ้อมทุกวัน จนพักหลังไอ้กระสุนเปลี่ยนไป
พวกผมไม่ได้ถามมันหรอกเห็นอาการและบวกกับผู้หญิงคนนั้นไม่มาหาดังเช่นเคย พวกผมก็รู้แล้วว่ามันถูกเธอคนนั้นทิ้ง
จะไม่ว่าด้วยเหตุผลใดไอ้กระสุนก็ยังเฝ้ารอผู้หญิงคนนั้น..จนถึงวันนี้มันก็ยังเฝ้ารอเธอ
“ปลายรุ้ง”
เสียงละเมอนั้นทำให้ผมลากสายตามองมัน “ธะเธออย่าทิ้งฉันไป” ร่างกายไอ้กระสุนขยับไปตามการละเมอ สองมือหนาเอื้อมมาจับขาผมไว้
“อยู่กับฉันไม่ได้เหรอ”
Krason Talk
หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงผมคงไม่อยากตื่นขึ้นมา
4 years ago
“อ้าวเฮ้ย! มึงชนกูเหรอ!”
หมับ!
“ไอ้สัสกระสุน ถุย!
กูคิดว่าใครที่แท้ก็มึงเอง อยากโดนพวกกูกระทืบว่างั้น”
เมื่อกี้ผมกำลังรีบจึงเดินไม่ทั้งระวังดันชนไหล่กับคู่อริที่เพิ่งกระทืบเมื่อสองวันก่อน
ดูท่าวันนี้มันคงหายดีถึงได้กล้ากระชากไหล่ผม
หมับ!
“กูรีบไม่ว่างกระทืบมึงซ้ำ”
ผมบอกด้วยเสียงเย็นชา ดึงฝ่ามือมันออกจากไหล่เพราะเห็นคู่กรณีอีกฝ่ายกำลังวิ่งมาทางนี้
“จับมันไว้!” ใครสักคนในกลุ่มนั้นตะคอกแน่นอนว่าผมไม่ยืนรอให้พวกมันมาถึงตัวถึงได้ใช้ช่องว่างในตอนที่ไอ้เวรนี้งงอยู่วิ่งหนีออกมา
“ไอ้สัสตามมันไป!!”
การวิ่งไล่ล่าเกิดขึ้น..มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมตกอยู่ในสถานการณ์บัดซบนี้ ผมกำลังวิ่งหนีคู่ศัตรูทั้งสองกลุ่ม
กลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่ผมหลอกใช้ให้ไปรับยาแทนแต่มันดันถูกตำรวจจับส่วนกลุ่มที่สองเป็นกลุ่มที่ผมไปเล่นชู้กับเมียมัน
อาจฟังดูเส็งเคร็งสิ้นดีแต่ผมขอบอกเลยว่าแค่นี้มันเล็กน้อยถ้าเทียบกับสิ่งที่ผมกำลังจะเผชิญอยู่ตรงนี้
ตึก!
ฝีเท้าผมชะงักเมื่อตรงหน้าถูกขวางไว้ด้วยคนนับสิบ
คนพวกนี้เป็นเด็กมหา’ลัยเดียวกับผม พวกมันใส่เสื้อช็อปวิศวฯ สีกรมท่าในมือมีเครื่องมือช่างครบวงจร
“ไงไอ้กระสุนไอ้ข่าวว่ามึงไม่จ่ายค่ายาแถมยังบอกให้ศัตรูกูขายยาแซงหน้ากูไปอีกเหรอวะ” คนถามรุ่นราวคราวเดียวกับผมชื่อไอ้สืบ
มันเคยเป็นเพื่อนในวงเหล้าตบบ่ากระดกเหล้าด้วยกัน
“ไอ้ห่า! อยู่นี้นี่เองมึง” แหละเสียงตบท้ายทำให้ผมหันกลับไปมอง
“สัส” ผมสบถคำมองหาทางออกแต่ผมกำลังจนมุม
“มึงจะเล่นไอ้กระสุน?”
ไอ้กลุ่มที่ตามมาสบทบเปิดปากถามไอ้สืบเป็นเวลาเดียวกันที่กลุ่มแทรกตัวเข้ามาจากฝูงชน
“แต่กูต้องการเล่นมันก่อนถ้ามึงและมึง”
ไอ้เวรนั้นเป็นกลุ่มแรกที่ผมพูดถึงมันกำลังประกาศบอกไอ้สองตัวว่าจะเล่นผมก่อนถ้าพวกมันจะเล่นผมละก็รอให้มันกระทืบผมให้สมใจจากนั้นพวกมันที่เหลือจะจัดการยังไงกับผมก็ได้
“แต่กูเป็นคนเจอมัน” ไอ้สืบบอกชัดถ้อยชัดคำสีหน้าท่าทางมันเอาเรื่องอยู่
“อือ แล้วยังไง” ถัดมาเป็นกลุ่มที่สองแทรกขึ้น
พวกมันพร้อมบวกมาก ผมกำลังดูสถานการณ์ทั้งสามกลุ่มอยู่ ในที่นี้พวกมันยืนล้อมรอบผมไว้
หึ ทำไมเหรอผมถึงได้ตกลงอยู่ในสภาพแบบนี้
ก็เพราะผมไม่อยากเรียนหนังสือไง
ผมย้ายมหาลัยมาแล้วเกือบสิบแห่ง ทุกครั้งที่มีเรื่องก็คือโดนไล่ออก
ผมไม่ได้อยากมีเรื่องแต่อยู่ตรงไหนมันมักจะมีคนเลวอยู่เสมอ
ผมเป็นเด็กที่บ้านเลี้ยงมาให้ใช้ชีวิตเองไม่มีใครบังคับ
ผมเป็นแฝดคนที่สามมีพี่สามคน ทุกคนเป็นที่รักของพ่อกับแม่มีแค่ผมที่ไม่มีใครสนใจ
ผมถึงได้ไม่อยากใช้ชีวิตติดอยู่ที่กับบ้าน
ผมเลือกมหาลัยที่ไกลออกจากบ้าน เลือกเช่าห้องเล็ก ๆ อยู่ ผมเป็นคนไม่ชอบพูดแต่ชอบใช้กำลังจนผมอยู่ปีหนึ่งถึงได้เจอเพื่อนกลุ่มใหม่
พวกมันเช่าห้องติดกับผม
ทุกเช้าจะมีคนมาก๊อกประตูเพื่อให้ผมเปิด สิ่งที่ผมเห็นในแววแรกคือผงสีขาว
มันถูกยื่นมาตรงหน้าพร้อมกับคำว่า
“กูฝาก”
ตอนนั้นผมเป็นเด็กที่เพิ่งออกจากบ้านยังไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูกจึงรับมันมา ผลปรากฏที่ได้คือเด็กผู้ชายคนนั้นที่ฝากผงสีขาวให้กับผมแต่มันดันถูกตำรวจจับและมันก็ซัดทอดความผิดที่ผมไม่รู้เรื่องราวห่าอะไรมาให้
ในวันนั้นวันเปิดภาคเรียนปีหนึ่งผมถูกจับคาห้องเช่าขนาดเล็ก
เรื่องมันถึงคนทางบ้าน พ่อผมมาประกันตัวผมพร้อมกับใบหน้าที่โกรธจัด
ท่านพูดกับผมคำเดียวว่า ‘ไม่ได้เรื่อง’
คำนั้นมันเป็นคำที่ผมจำขึ้นใจจนฝั่งลึกลงไปในขั้วหัวใจ
ผมตีตราคำนั้นจนเป็นเครื่องหมายเปลี่ยนชีวิต
ผมเปลี่ยนมหาลัยครั้งแรกในช่วงที่มีอายุแค่สิบเก้าปี
ห้องเช่าขนาดเล็กถูกเปลี่ยนให้เป็นที่มั่วสุมของเพื่อน
ผมไปมหาลัยแต่ไม่เรียนหนังสือ ผมใช้ห้องเรียนเป็นที่อัพยา
เวลาเรียนคือโดนเวลาว่างคือกระทืบคน
จนเรื่องมันแดงขึ้นในตอนที่ผมกระทืบรุ่นพี่คนหนึ่ง
ผมถูกไล่ออกจากทางมหาลัย
ผมไม่ได้บอกทางบ้านแต่ทางมหาลัยดันบอก ผมถูกเรียกตัวกลับบ้าน
โดนพ่อตบตีแต่นั้นก็ไม่สามารถขัดเกลาตัวผมได้
ผมกลายเป็นคนเลวและเลวขึ้นเรื่อย ๆ
จนกระทั้งผมอยู่ปีสาม ผมเจอไอ้สืบเพื่อนที่ชักชวนให้ผมขายยา
มันบอกว่าได้ตังจ่ายค่ายาที่ผมเล่น ผมเอาด้วย
ช่วงแรกดีช่วงหลังเริ่มมีปัญหาบ่อยจนมันกลายเป็นปัญหาที่ตกลงกันไม่ได้
ผมกระทืบมันไปหนึ่งครั้งและนั้นคือการเปิดศึกระหว่างผมกับมันส่วนคนอื่นคือศัตรูที่ผมไปมีเรื่องด้วย
“ถ้ามึงจะเล่นมันควรรอคิวต่อจากกู” ไอ้สืบบอกไอ้เลวกลุ่มสองลังเลแต่เอาด้วย
“เออได้”
มันบอกยกมือให้พวกของมันจดจ่อรออย่างใจเย็นแต่ว่า
“กูต้องการกระทืบมันเดี๋ยวนี้”
ไอ้กลุ่มแรกเอ่ยมันคงพร้อมชารจ์กับผม
“ถุย! พล่ามห่ากันอยู่ได้ถ้าพวกมึงกล้าก็เข้ามา” ผมหรี่ตามองพร้อมถกแขนเสื้อขึ้นเป็นจังหวะเดียวกันที่มีผู้หญิงสองคนกำลังเดินเข้ามา
“ปลายรุ้งวันนี้ช่วยติวหนังสือให้เราหน่อยดิ” เสียงหนึ่งพูด
“ได้สิ” อีกเสียงตอบรับ
ใบหน้ายิ้มแย้มนั้นทำให้ผมขมวดคิ้ว พวกเธอไม่เห็นหรือไงว่ามีกลุ่มผู้ชายเกือบสามสิบคนยืนล้อมผมอยู่
ถ้าไม่โง่ก็บื้อ
“เอ้ย” ระหว่างนั้นเองเสียงใครสักคนดังขึ้นทำให้ผมเหยียดตามองไปยังจุดที่ว่า
“มีผู้หญิงมาเห็นเหตุการณ์ทำไงดีวะพวก”
น้ำเสียงพวกมันออกทางดูสนุก พวกมันกระซิบแต่ผมได้ยิน
“จับทำเมียจะได้หุบปาก” ความคิดเลวถูกส่งออกไป
กลุ่มที่ยืนตรงด้านหลังผมขยับเท้าออกไปขวางพวกเธอไว้
“…”
“จะไปไหน” คนในกลุ่มนั้นถาม พวกเธอดูตกใจจนหน้าซีดตัวสั่น
ผมใช้จังหวะที่พวกมันสนใจกระโดนตีบอัดเข้าไปที่ท้องไอ้สืบจนมันล้ม
ตุบ!
“ไอ้สัส!!” มันสบถคำลุกขึ้นมา
พวกที่เหลือวิ่งเข้าชารจ์ผมแต่ผมเคลื่อนตัวออกไปทางซ้ายเบี่ยงตัวหลบหมัดหลบอาวุธจนกระทั้งวิ่งมาทางที่พวกผู้หญิงยืนอยู่
“ระเรา” พวกเธอกำลังปากสั่น
ดวงตาเปิดกว่าเมื่อเห็นผู้ชายนับสิบวิ่งไล่ผม
“จับพวกมันไว้!!. ระหว่างนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก
ผมรู้แค่ต้องหนีออกไปจากที่ตรงนี้ ผมไม่สามารถสู้กับพวกมันได้
“ปลายรุ้งหนีเร็ว”
เสียงเล็กดังขึ้นตรงด้านหลังผม พวกเธอถูกใครสักคนจับตัวไว้ ผมเสียเปรียบเห็นได้ชัดเพราะพวกมันมีจำนวนมากกว่า
“อย่าปล่อยไอ้กระสุนหนีออกไปได้ ถ้ามันหนีได้พวกมึงตาย!!”
ไอ้สืบสั่งลั่น
“ปลายรุ้ง” ร่างเล็กส่งเสียงเป็นห่วง
เธอคนนั้นกำลังช่วยเพื่อนสาวอีกคนที่ถูกจับตัวไว้ ผมคาดว่าเธอ
คงชื่อปลายรุ้ง
ผัวะ!
หมัดหนักของผมถูกซัดออกไปเพื่อช่วยผู้หญิงคนนั้น
“ช่วยเพื่อนเราด้วย”
หญิงสาวที่ผมช่วยหันมาขอร้อง เธอกำลังมองดูเพื่อนสาวที่ถูกไอ้สืบจับตัวไป “ขอร้องนะช่วยปลายรุ้งด้วยเธอไม่สบาย”
กึก
ผมไม่ได้จะเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี้นะเว้ย
ผมไม่อยากเสี่ยง ผมไม่ใช่คนดี เพราะตลอดชีวิตที่ผมเติบโตมาผมใช้ชีวิตลำบาก
ถ้าหากผมปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นตกเป็นเหยื่อของพวกมัน มันคงเป็นบาปติดตัวผมไปชั่วชีวิตแน่
แม่ง!
“เธอหนีไปแล้วอย่าหันกลับมา!” ผมตะคอกไล่จนเธอคนนั้นสะดุ้ง
“ปลายรุ้งล่ะนายจะช่วยเธอมั้ย”
มือเล็กจับแขนในขณะที่ผมพยายามซัดกับพวกเลว
“อือ” ผมรับปาก
“ขอบใจนายมาก”
และเธอคนนั้นวิ่งออกไป
“ไอ้กระสุน!!. ระหว่างนั้นไม้ขนาดใหญ่เฉียวแก้มผมไป
หมับ!
ผมหลบได้ใช้จังหวะนี้เสยหน้ามันเข้าให้
ผัวะ!
ตุบ!!
พวกมันนับสิบกำลังจะจู่โจมผมอีกครั้ง คราวนี้ผมดึงมีดเล่มเล็กออกมาจากด้านหลังพร้อมเดินเข้าไปหาผู้หญิงที่ชื่อปลายรุ้ง
“ปล่อยเธอ”
ผมสั่งมองหน้าไอ้พวกเวร “ปัญหามึงกับกูไม่เกี่ยวกับเธอ”
“ถุย!” ไอ้เวรนั้นถ่มน้ำลายแล้วมองหน้าผม
“มึงอย่ามาเป็นพระเอกหน่อยเลยไอ้กระสุนเมียกูมึงก็เล่นมาแล้วมึงกะจะเก็บไว้คร่อมเองสิไม่ว่า”
“ชะช่วยเราด้วย”
“หุบปาก!”
เพียะ!
ใบหน้าสวยถูกตบจนแดงเถือก ริมฝีปากเธอสั่นเพราะกลัว
ดวงตาแดงก่ำเพราะร้องไห้ ผมไม่เคยหวั่นใจจนกระทั้งไอ้สืบกระชากชุดนักศึกษาของเธอจนกระดุมมันขาด
“หึ เนื้อนมไข่ดีมึงคงชอบสิไอ้กระสุน” กลุ่มสองแทรกขึ้นพวกมันกำลังยืนล้อมผมไว้
“ผู้หญิงไม่เกี่ยว”
ผมบอกชัดขยับเข้าไปใกล้มันอีก
จังหวะที่โฟกัสไอ้สืบผมสาบานว่าตัวเองไม่ได้ระวังหลังซึ่งตอนนั้นเอง
“นายระวัง!!” เสียงเล็กร้องดังขึ้น
ผมหลบมีดไปทางซ้ายใช้ข้อศอกต่อยเข้าไปที่ท้องจนอีกฝ่ายมันจุกและล้มกองกับพื้นไป
“มึงกับกูตัวต่อตัว” ผมขอท้ามันแต่มันกลับส่ายหน้า
“กูไม่เล่นกับมึงแต่กูจะให้คนของกูกระทืบมึงจนให้มึงสำนึกว่าไม่ควรออกมาจากท้องของแม่มึง”
กึก!
เสียงกัดฟังกรามดังขึ้นอีกครั้ง เป็นเวลาเดียวกันที่ผมเดินตรงเข้าไปหาไอ้สืบ
ตอนนี้วินาทีนี้เลือดผมมันขึ้นหน้า
ไอ้เวรอยากไปเฝ้ายมบาลก็ไม่บอก
“มึงเข้ามาอีนี้เจ็บตัว” มันขู่ด้วยการกระชากร่างเล็ก
มันคิดจะเอาผู้หญิงมาเป็นเบี้ยเหรอวะ “พวกมึงจับตัวมันไว้” ไอ้สืบสั่งผมทำอะไรไม่ได้นอกจากตวัดตามองทีละตัวอย่างเชื่องช้า
“ใครจับน้องกูอย่าหาว่ากูไม่เตือน”
เสียงมาพร้อมกับการปรากฏตัวร่างสูง
ผมเหลือบตามองเห็นเป็นจักรวาลและพักพวกนับสิบ ดูยังไงจำนวนคนมันก็น้อยอยู่ดี
“ไอ้สัสชอบแส่” ผมกัดฟันพูดไม่นึกว่าแฝดพี่จะเข้ามาเสือก
มหา’ ลัยนี้นอกจากจะมีผมเรียนอยู่แล้วยังมีแฝดคนพี่เรียนอยู่ด้วย
มันรุ่นราวคราวเดียวกับผมแต่นิสัยแตกต่างกันมาก มันเป็นที่รักของพ่อกับแม่เป็นลูกที่ท่านดูแลเป็นอย่างดี
“มึงเสือกอะไรด้วย” ไอ้สืบแทรกขึ้นสายตามันดูลังเลชอบกล
“ไอ้จักรวาล” ตามด้วยใครสักคนเอ่ย
“มันมาได้ไงวะ” อีกเสียงหนึ่งพูดต่อ
“ไอ้เลวนี่อีกแล้ว”
ต่อมาพวกมันกระซิบแล้วเงียบไป
ผมยืนมองไอ้จักรวาลสลับมองคนอื่น พวกที่ยืนล้อมผมไว้ขยับออกไปราวกับกลัวไอ้เวรนี่
“กูจะเสือกเรื่องน้องกูไม่ได้”
มันบอกเจตนาทำให้คนอื่นเลิกคิ้วขึ้น
“ไอ้กระสุนน้องมึง?”
ไอ้สืบครางถามนัยน์ตามันไม่เชื่อ “มึงอย่ามาล้อเล่นถ้ามันเป็นน้องมึงจริง
ๆ ทำไมมันถึงได้ใช่ชีวิตราวกับหมา”
หมา..เหอะ
ผมเตะฝุ่นตรงหน้าดึงบุหรี่ออกมาสูบเพื่อผ่อนอารมณ์เหี้ย
ๆ นี้ออกไป ผมเคยสั่งให้มันหุบปาก ผมเคยบอกให้มันทำเป็นไม่รู้จักผม ต่อให้มันเจอหน้าผมก็ไม่ต้องมาคุย
ผมออกจากบ้านไม่เคยใช้เงินของที่บ้าน คำที่ไอ้สืบพูดมันก็ถูกแล้ว
ผมเช่าห้องขนาดเล็กเพราะต้องการหาเงินจ่ายเอง
ชีวิตเละเทะอยู่ในครอบครัวผู้ดีไม่ได้หรอก ผมถึงได้ไม่นับญาติกับพี่น้องไงล่ะ
“หมาที่มึงพูดก็เป็นคนในครอบครัว ‘ยักษ์ศักดิ์ติยศ’ เป็นลูกชายของเจ้าสัวพงษ์พัฒน์คนที่เป็นหุ่นส่วนของมหา’ลัยในจังหวัดนี้ทั้งหมด
“…”
“ถ้ามึงไม่สนใจพ่อหมามึงสนใจพี่หมาอย่างกูก็ได้”
อัปครบ
ตอนนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นของสี่ปีที่แล้ว นั้นหมายความว่าใครเคยอ่านกระสุนผ่านมาจากเรื่องของสิงห์คงเห็นมุมมาบ้างแล้ว
ซึ่งต้องบอกเลยว่าเรื่องกระสุนมันจะออกแนวจิตตกหน่อย ๆ
ไรท์อยากให้ทุกคนโปรดใช้วิจารณ์ในการอ่านเพราะชีวิตจริงมันก็ไม่ได้สวยหรู
1 เม้น 1 กำลังใจนะคะ
ความคิดเห็น