ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักร้ายใต้เงาทราย

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 5

    • อัปเดตล่าสุด 31 ส.ค. 66


    การะเกดยืนหันรีหันขวางอยู่กลางห้องไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ควรไปตามนาดา หรือใครที่มีหน้าที่นี้โดยตรงมาช่วยทำให้ความต้องการของคนเจ้าอารมณ์สมปรารถนาคงจะดีกว่า

    "จะไปไหน" ชีคหนุ่มถามหน้าตาบึ้งตึง

    "ไปตามคุณนาดาหรือไม่ก็..."

    "ไม่ต้อง ตอนนี้เป็นหน้าที่เธอแล้ว"

    "หน้าที่ฉัน" การะเกดชี้มาที่ตัวเองเพื่อทวนคำสั่ง

    "เธอเป็นต้นเหตุที่ทำให้ฉันต้องเจ็บตัวแบบนี้ เพราะฉะนั้นเธอก็ควรดูแลฉันเป็นการตอบแทนไม่ใช่เหรอ"

    "แต่ต้องไม่ใช่การอาบน้ำ" หญิงสาวปฏิเสธลั่น

    "ทำไม แค่อาบน้ำแค่นี้มันยากนักหรือไง"

    เอาอีกแล้ว มีอะไรไหมที่การะเกดจะไม่ทำให้เขาอารมณ์เสีย เจ้าหล่อนพูดไม่รู้เรื่องหรือแกล้งไม่เข้าใจกันแน่

    "ฉันไม่เคยอาบน้ำให้ใคร" การะเกดรีบบอกทันที

    "ไม่เคยก็ลองทำซะ เพราะกว่าฉันจะหายไม่แน่เธออาจจะอาบจนชำนาญแล้วก็ได้"

    "แต่ว่าฉัน..."

    ให้ตายซิ ต้องอาบน้ำให้ด้วยงั้นเหรอ แค่คิดภาพที่เขาแช่น้ำอยู่ในอ่างแล้วเธอถูสบู่ให้ โอ๊ย... อยากจะบ้าตาย ทำไม่ได้แน่ ไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด

    "จะยืนเป็นหุ่นแบบนี้อีกนานไหม ฉันจะอาบน้ำ" ชีคหนุ่มเริ่มโวยวายอีกครั้ง

    "ไปผสมน้ำรอซิ น้ำอุ่นนะ ฉันอยากอาบน้ำอุ่น" เขาย้ำเสียงดังอีกหน

    เมื่อไม่มีทางเลือกการะเกดต้องยอมทำ หญิงสาวผสมน้ำอุ่นในอ่างพร้อมกับคิดหาทางที่จะทำอย่างไรให้พ้นจากหน้าที่นี้ให้เร็วที่สุด

    "เสร็จหรือยัง" เสียงตะโกนถามดังมาจากนอกห้อง

    "เสร็จแล้วค่ะ"

    "เสร็จแล้วก็ออกมาซิ"

    นักข่าวสาวเดินก้มหน้าออกไปทันที ไม่กล้าเงยหน้าเพราะไม่รู้ว่าชีคหนุ่มจะอยู่ในสภาพไหนกันแน่ เขาอาจจะเปลือยกายล้อนจ้อนไม่สนว่าใครจะอยู่ในห้องด้วยก็ได้

    "ถอดเสื้อให้หน่อย"

    เอาแล้วไง การะเกดคิดหาตัวช่วยให้ตัวเองว่าจะทำอย่างไรดี

    "เร็วซิ ฉันเหนื่อยอยากจะนอนแล้ว" เขาเร่งเมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งอยู่กับที่

    "แขนกับมือคุณไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย ทำไมทำเองไม่ได้" หญิงสาวเงยหน้าขึ้นพูด

    "แล้วที่ฉันระบบเจ็บไปทั้งตัวนี่เพราะใคร"

    การะเกดนับหนึ่งถึงสิบในใจดังๆ เพราะเขาช่วยเธอไว้ เพราะเขาช่วยเธอไว้ หญิงสาวท่องคำนี้ไว้ในใจดังๆ เพื่อสะกดจิตตัวเองให้ยอมทำตามคำสั่งโดยไม่ต้องโต้เถียง

    หัวใจนักข่าวสาวเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อสองมือจับชายเสื้อถอดออกอย่างช้าๆ ผิวเนื้อผู้ชายสีแทนที่ดูแลร่างกายเป็นอย่างดีปรากฏให้เห็นชัดๆ ตรงหน้า การะเกดร้อนผ่าวไปทั่วทั้งร่างรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้น ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยต้องทำอะไรให้ใครเช่นนี้มาก่อน

    ทำไมนะ ทำไม ทำไมไม่ไปให้ผู้หญิงนับล้านที่เป็นแฟนคลับคนรักชีคดาเนียลมาทำหน้าที่นี้แทน ทำไม...

    "ที่เหลือคุณทำเองแล้วกัน" หญิงสาวชักมือกลับและหันหลังหนีทันที

    ชีคดาเนียลถอนหายใจออกมาดังๆ การะเกดกลัวอะไรหนักหนา เขาแค่ยกแขนไม่ขึ้น ไม่ได้คิดที่จะให้มาดูแลทำธุระส่วนตัวอะไรให้ทั้งนั้น ใครจะบ้ามาถอดผ้าต่อหน้าคนอื่น โดยเฉพาะผู้หญิงด้วยแล้ว คิดมากไปหรือเปล่า

    การะเกดจำเป็นต้องอยู่รอจนชีคหนุ่มอาบน้ำเสร็จตามคำสั่ง ระหว่างที่รอนั้นหญิงสาวถือโอกาสสำรวจไปรอบๆ ห้องเป็นการฆ่าเวลา ห้องนี้ตกแต่งคล้ายกับห้องนอนของเธอแตกต่างตรงที่พื้นที่ใช้สอยเยอะกว่าและมีตู้หนังสือมากกว่าเท่านั้นเอง

    รูปภาพที่อยู่ข้างเตียงเป็นภาพของชายวัยกลางคนในชุดคลุมยาวเต็มยศ การะเกดเดาว่านี่คงเป็นชีคฟาอิส อดีตผู้นำของคาลีจที่สละตำแหน่งเพราะสุขภาพที่ไม่เอื้อต่อการทำภารกิจส่วนสุภาพสตรีที่เคียงข้างด้วยคงเป็นนางนาตาชา มารดาของชีคดาเนียลนั่นเอง

    การะเกดไม่เห็นรูปของอัสมันในห้องนอนของชายหนุ่ม แต่จำได้ว่าที่ห้องด้านล่างมีรูปอยู่ เขาอาจจะไม่ค่อยได้อยู่ที่นี่หรืออาจจะมีใครเก็บรูปเหล่านั้นออกไป เพื่อไม่ให้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อทนความคิดถึงไม่ได้นั่นเอง

    ดูเหมือนว่าชีคดาเนียลจะมีชีวิตเพื่อคาลีจทุกลมหายใจ เพราะเท่าที่เห็นทั้งห้องมีแค่ที่นอนเท่านั้นกระมังที่ไม่มีเรื่องงานมาเกี่ยวข้อง ธงชาติ แผนที่ รูปถ่าย กองเอกสาร จากห้องทำงานล้นมาถึงห้องนอน นี่เขาเอาเวลาส่วนใหญ่อยู่กับประชาชนขนาดนี้เชียวหรือ

    "ดูพอหรือยัง" เสียงชีคดาเนียลดังขึ้นด้านหลัง

    "ฉันไปได้หรือยังคะ" การะเกดก้มหน้าถาม อยากจะกลับไปที่ห้องเต็มทีแล้ว ชีคดาเนียลคงไม่ได้อยากมีเวลาอยู่กับตนนานนักหรอก

    "ยังไม่ได้ทายา" เขาตอบเสียงห้วนแล้วเดินเข้ามาใกล้

    "ถุงยาอยู่ห้องทำงานไปหยิบมาให้หน่อย"

    การะเกดหันหลังเดินไปหยิบแต่ไม่ยอมเงยหน้า ก้มหน้าเดินจ้ำพรวดไปเปิดประตูและหยิบถุงยากลับมาอย่างรวดเร็ว

    ชีคดาเนียลนั่งรออยู่ที่ปลายเตียง ในมือมีเอกสารถืออ่านรอคนที่จะมาทายาให้ การะเกดอ่านภาษาอาหรับไม่ออกจึงไม่รู้ว่ายาตัวไหนทำอะไร

    "อันนี้กิน ไปหยิบน้ำมาด้วย อันนี้ทา ทาก่อนแล้วค่อยกิน ไม่ดีกว่า กินก่อนแล้วค่อยทาดีกว่า" ชีคหนุ่มอ่านป้ายฉลากยาทีละตัว

    "ตกลงจะเอาไง กินก่อนหรือทาก่อน" การะเกดชักจะปวดหัวกับการเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของคนป่วยแล้ว

    "กินแล้วกัน เธอไปเอาน้ำให้หน่อย"

    พยาบาลจำเป็นเดินถือแก้วน้ำมาไว้ตรงหน้า ชีคดาเนียลเงยหน้ามองการะเกดด้วยสายตาตำหนิเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าน้ำในแก้วเป็นน้ำเย็น

    "ฉันไม่กินยากับน้ำเย็น ไปเอาน้ำอุ่นมา"

    "น้ำอะไรก็กินได้ไม่ใช่เหรอคะ ยาไม่ได้บอกว่าไม่ให้กินกับน้ำเย็น" การะเกดเถียง

    "ฉันไม่กินน้ำเย็น ฉันจะกินน้ำอุ่น เข้าใจไหม"

    "เข้าใจค่ะ" นักข่าวสาวกระแทกเสียงรับแล้วเดินเอาแก้วน้ำไปเปลี่ยนมาให้ใหม่อีกครั้ง

    การะเกดกลับมาอีกครั้งพร้อมแก้วน้ำอุ่นใบใหญ่ นาดาและสาวใช้คงจะแยกย้ายไปพักผ่อนกันหมดแล้ว หญิงสาวไม่อยากรบกวนใครจึงจัดแจงหาน้ำอุ่นด้วยตนเอง

    "อ้าว คุณเกด ผมว่ากำลังจะไปหาที่ห้องพอดี" ราเชสเข้ามาตรวจอาการเพื่อนรักเรียบร้อยและตั้งใจว่าจะไปหาหญิงสาวที่ห้อง เพื่อบอกความคืบหน้าเรื่องบันทึกที่อ่านไปได้ครึ่งเล่มและพบเจออะไรบางอย่าง

    "มีอะไรต้องไปพูดกันที่ห้อง พูดที่นี่ไม่ได้หรือไง" ชีคดาเนียลจ้องหน้าการะเกดด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย มีอะไรสำคัญหนักหนาถึงต้องนัดพบกันกลางดึกแบบนี้

    "น้ำค่ะ" การะเกดทำเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่ถาม วางแก้วน้ำลงแล้วหันไปหายา

    "อันนี้ครับ" คุณหมอหนุ่มยื่นให้

    การะเกดจัดยาให้คนป่วยทานเรียบร้อย ชีคดาเนียลพยายามใช้สายตากดดันเพื่อให้พยาบาลจำเป็นตอบคำถามในสิ่งที่อยากรู้ แต่ดูเหมือนเจ้าหล่อนจะจงใจทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ขอตัวจะกลับห้องแต่คนป่วยกลับไม่ยอมให้ไป

    "ฉันยังไม่ได้ทายา" เขาอ้างอาการบาดเจ็บอีกครั้ง

    "แผลนายไม่มีอะไรมากนี้ ไม่ต้องทาก็ได้ หรือถ้าอยากทามาฉันทำให้" ราเชสอาสา

    "ไม่ต้อง" ชีคหนุ่มปฏิเสธเสียงดังอย่างลืมตัว

    "นายไปพักผ่อนเถอะ ให้คนอื่นทำก็แล้วกัน พรุ่งนี้นายต้องขับรถกลับโอม่าร์แต่เช้า" ชายหนุ่มลดน้ำเสียงลงมาให้เป็นปกติ เมื่อเห็นสายตาราเชสจ้องมองมาด้วยความแปลกใจ

    "เอางั้นเหรอ" คุณหมอหนุ่มลังเลว่าจะออกไปดีหรือไม่

    "ตามนั้นแหล่ะ ขอบใจมากพรุ่งนี้เจอกัน" ชีคหนุ่มตัดบท แล้วหยิบหลอดยาจากมือคุณหมอหนุ่มยื่นส่งให้การะเกดหน้าตาเฉย

    ราเชสออกไปแล้วแต่การะเกดยังยืนอยู่ที่เดิม ชีคดาเนียลยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นเมื่อนักข่าวสาวไม่ขยับเขยื้อนเข้ามาหา และทำท่าอาลัยอาวรณ์เหมือนอยากจะออกไปหาคุณหมอหนุ่มใจจะขาด

    "ตกลงจะทาไหม หรืออยากจะตามราเชสไปก็ไม่ว่านะ"

    "ฉันตามไปได้จริงๆ เหรอคะ"

    "การะเกด" นัยน์ตาพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายวาววับขึ้นมาด้วยความโกรธอีกครั้ง

    การะเกดถอนหายใจเบาๆ กับอารมณ์ขี้โมโหของชายหนุ่ม ยอมเดินมาทายาให้ตามคำสั่ง ระหว่างทารอยฟกช้ำที่แผ่นหลังชีคดาเนียลก็มีคำถามที่ทำให้หญิงสาวต้องตอบกลับไปอย่างเจ็บแสบอีกครั้ง

    "เธอนัดราเชสไปทำอะไรที่ห้อง"

    "ฉันไม่ทราบว่าคุณหมอจะมาที่ห้อง" การะเกดพูดตามความจริง

    "แล้วราเชสไปทำไม"

    ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เชื่อ ปกติราเชสเป็นคนอารมณ์ดีก็จริง แต่ไม่ใช่คนที่จะสนิทสนมกับใครง่ายๆ แล้วทำไมถึงจะไปหาการะเกดที่ห้องในยามวิกาลแบบนี้ ผู้ร้ายปากแข็งต้องง้างเอาความจริงออกมาให้หมด เขาไม่ปล่อยให้เพื่อนรักกลายเป็นเหยื่อของผู้หญิงใจร้ายเหมือนอัสมันอีกคนแน่

    "ฉันก็ไม่ทราบค่ะ" การะเกดไม่รู้จะอธิบายคำไหนดีแล้ว เธอก็ไม่รู้มาก่อนว่าคุณหมอหนุ่มจะมาหาที่ห้องเหมือนกัน

    "ไม่ทราบๆ พูดคำอื่นเป็นไหมนอกจากคำนี้ อย่าคิดว่าฉันรู้ไม่ทันนะ ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้ใช้ได้กับอัสมันคนเดียวเท่านั้น" ชีคดาเนียลจ้องหน้าการะเกดราวกับจะค้นหาความจริงที่เจ้าตัวปิดบังอยู่

    "ฉันทายาให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขอตัวกลับห้องก่อนนะคะ" การะเกดเบื่อที่จะพูดกับคนพูดไม่รู้เรื่องเต็มทีแล้ว

    "เดี๋ยว ยังไปไม่ได้จนกว่าจะบอกมาว่าราเชสไปที่ห้องเธอทำไม" เขายังไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้

    "ฉันไม่รู้ ถ้าอยากรู้มากก็ไปถามคุณราเชสเองแล้วกันว่ามาหาฉันทำไม" นักข่าวสาวพูดอย่างระอาแล้วหันหลังเดินหนีไป

    "ฉันไม่ถาม แต่เธอต้องบอก" ชีคหนุ่มลุกขึ้นมาขวางทางไม่ให้การะเกดออกจากห้อง

    "ไม่รู้ค่ะ คุณจะถามอีกกี่ทีก็ไม่รู้ค่ะ" เธอยืนยันคำเดิมหนักแน่น

    "ปากแข็งจริงนะ ต้องทำอย่างไรถึงจะง้างปากให้พูดได้" ชีคดาเนียลก้าวเข้าหาช้าๆ นักข่าวสาวถอยหลังกรูด้วยความระแวง

    "จะ จะทำอะไร ถะ ถอยไปนะ"

    ชีคดาเนียลอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่ส่วนใหญ่จะร้ายมากกว่า และชอบบังคับให้คนอื่นทำตามใจที่ตนเองต้องการ เป็นผู้นำประสาอะไรไม่รู้จักที่จะฟังคนอื่นบ้าง อยากรู้จริงว่าที่ดูแลคาลีจให้ประสบความสำเร็จมาได้ขนาดนี้ เพราะเที่ยวบังคับคนอื่นไปทั่ว หรือเก่งด้วยฝีมือกันแน่

    "บอกมาเธอคุยอะไรกับราเชส ถึงต้องไปหากันที่ห้องดึกดื่นขนาดนี้" น้ำเสียงดุดันบังคับให้อีกฝ่ายยอมจำนน จนต้องคายในสิ่งที่ต้องการให้ได้

    ที่จริงชีคดาเนียลก็ไม่ได้ชอบบังคับใครสักเท่าไร แต่กับการะเกดไม่รู้ว่าทำไม ถึงต้องบีบบังคับให้เจ้าหล่อนพูดออกมา เหมือนกับว่าถ้าคืนนี้ไม่รู้เรื่องมันจะนอนไม่หลับอย่างไรอย่างนั้น

    "ฉันไม่ได้คุยอะไรกับคุณหมอ" หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็ง

    การะเกดเริ่มรู้สึกว่านอกจากชีคดาเนียลจะเป็นคนพูดไม่รู้เรื่อง อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ไม่มีเหตุผล ชอบบังคับและข่มขู่เก่งแล้วจนไม่อยากจะพูดด้วยแล้ว การได้อยู่ใกล้ๆ ในระยะใบหน้าที่ห่างกันแค่คืบแบบนี้ ก็ทำให้หัวใจนักข่าวสาวเต้นไม่เป็นจังหวะจนพูดติดๆ ขัดๆ ไม่เป็นตัวเองที่ฉะฉานทุกคำเหมือนแต่ก่อน

    ถ้าเธอเป็นแค่นักข่าวสายเศรษฐกิจธรรมดาที่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ชีคหนุ่มที่หล่อเหลาและร่ำรวยที่สุดในโลกอย่างชีคดาเนียลล่ะก็ รับรองได้ว่าการะเกดคงเป็นบุคคลที่สาวๆ ทั่วโลกต้องอิจฉาอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้อยากแบ่งปันความอิจฉานี้ให้ใครสักคนก็ได้มารับไปก่อน แล้วจะรู้ว่าหล่อแต่งี่เง่าเป็นอย่างไร

    "ไม่ได้คุยแล้วเดินไปไหนสองคนค่ำๆ มืดๆ ตกดึกก็ยังจะไปหากันอีก เธอใส่ยาเสน่ห์อะไรให้เพื่อนฉันหรือเปล่า มันถึงได้ร้องหาแต่เธอจนแทบไม่หลับไม่นอนแบบนี้"

    "ฉันไม่ได้ทำอะไรอย่างที่คุณพูดทั้งนั้น ถอยออกไป ฉันจะกลับห้อง" การะเกดเสียงสั่นเล็กน้อย เมื่อใบหน้าของชีคหนุ่มยิ่งโน้มเข้ามาใกล้ๆ และกระซิบข้างหูให้ได้ยินกันเพียงสองคนว่า

    "ฟังนะ ราเชสไม่ได้อ่อนต่อโลกเหมือนอัสมัน และไอ้ลูกไม้ตื้นๆ ที่เธอคิดจะหว่านเสน่ห์ใส่เพื่อนฉันมันไม่ได้ผลหรอก ใครๆ ก็รู้กันทั่วว่าเธอมันเป็นผู้หญิงใจร้าย"

    "ฉันจะเป็นไงมันก็เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ อยากจะคิดอะไรก็คิดไปตามสบาย แล้ววันหนึ่งคุณจะรู้ว่าความจริงคืออะไร ถอย ฉันจะกลับห้อง" การะเกดไม่พูดเปล่า แต่ออกแรงผลักอกแกร่งที่ขวางทางอยู่ให้ถอยเพื่อจะเดินออกไป

    คำพูดของการะเกดเหมือนยั่วให้ชีคดาเนียลอารมณ์เสียขึ้นไปอีก เจ้าหล่อนผลักเขาออกห่างด้วยสายตาที่ไม่รู้สึกรู้สากับคำพูดใดๆ ก่อนหน้า แถมยังกล้าดีสะบัดหน้าเดินหนีไปโดยที่ยังไม่ตอบคำถามให้เรียบร้อย แบบนี้มันต้องสั่งสอนให้รู้เสียบ้างแล้วว่า อย่าบังอาจมาอวดดีกับผู้นำแห่งคาลีจอย่างชีคดาเนียล

    การะเกดถูกกระชากแขนให้หันหลังกลับโดยไม่ทันตั้งตัว ร่างเล็กถลาเกือบหน้าคว่ำดีที่ชายหนุ่มก้าวเข้ามารับไว้ทัน น้ำหนักตัวของหญิงสาวโถมทับลงไปที่ร่างกำยำ ใบหน้าหวานฝังลงที่อกแกร่ง ผวากอดยึดสองแขนแข็งแรงไว้เป็นที่มั่นเพื่อไม่ให้ตนเองล้มไป

    "ทำบ้าอะไร ฉันเจ็บนะ" เธอตกใจมากกว่า ที่เงยหน้าขึ้นมาเกือบถูกริมฝีปากของใครบางคนที่เฉียดหน้าผากไปเพียงนิดเดียว ไม่ใช่เฉียดแต่ปลายจมูกคมสัมผัสผ่านไปอย่างจัง

    "นึกว่าชอบที่ได้อยู่ในอ้อมแขนผู้ชายแบบนี้" ชีคดาเนียลยิ้มยั่ว อารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อเห็นการะเกดโมโห

    "ไอ้บ้า ปล่อยนะ" นักข่าวสาวดันตัวออกห่างทันที

    ชีคดาเนียลยอมปล่อยแต่โดยดีเพราะไม่อยากได้ชื่อว่าฉวยโอกาสกับผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยโทษแรงอย่างการะเกด แต่ก็น่าแปลกที่ความหงุดหงิดใจเมื่อครู่หายไปเป็นปลิดทิ้ง เพียงแค่ได้แกล้งอีกฝ่ายให้ตกใจเล่นและได้ดอมดมความหอมของหน้าผากเนียนที่เงยหน้าขึ้นมาพอดี

    "เลิกทำนิสัยแบบนี้ได้แล้ว ให้อัสมันเป็นคนสุดท้ายที่ถูกเธอหว่านเสน่ห์จนลุ่มหลงถอนตัวไม่ขึ้นดีกว่า บาปกรรมมันมีจริง เชื่อฉันซิ"

    "ไอ้..." การะเกดไม่รู้จะพูดคำไหนมาตอบโต้ ชอบนักใช่ไหม ชอบว่าคนอื่นนักใช่ไหม ได้ ... เดี๋ยวเธอจัดให้

    "แหม คุณหมอราเชสอยู่ในสเปคด้วยซิ นี่ขนาดยังไม่ได้งัดมารยาร้อยเล่มเกวียนออกมาเลย คุณหมอยังเป็นขนาดนี้ คอยดูนะ ไม่นานเกินรอรับรองได้ว่า..." เจ้าหล่อนลอยหน้าลอยตาตอบโต้กลับอย่างไม่กลัวเกรงแม้แต่น้อย ยิ่งเห็นแววตาที่ลุกเป็นไฟของชีคหนุ่ม การะเกดก็ยิ่งยั่วปั่นหัวมากขึ้นไปอีก

    "หว่านเสน่ห์เก่งนักใช่ไหม มารยามีเท่าไรงัดออกมาซิ ฉันนี่แหล่ะจะเป็นคนปราบเธอเอง"

    ชีคหนุ่มโกรธจัดที่ที่เห็นท่าทางลอยหน้าลอยตา และน้ำเสียงที่ยั่วเย้ยหยันแสดงกริยาที่คิดว่าเป็นเช่นนั้นจริงออกมา เขาไม่เคยต้องทำรุนแรงกับใครเช่นการะเกดมาก่อน สองมือจับไปที่ต้นแขนของหญิงสาวรั้งตัวเธอเข้ามาแนบชิดอีกครั้ง ก่อนจะโน้มริมฝีปากลงไปประทับกับเรียวปากอิ่ม

    นี่เป็นครั้งแรกที่การะเกดกลัวชีคดาเนียลจับใจ ท่าทีโกรธเกรี้ยวของเขาที่แสดงออกมายังไม่น่ากลัวเท่ากับ จูบที่รุนแรงและเดือดดาลจนระบมเจ็บไปหมดแล้วในเวลานี้

    การะเกดไม่เคยถูกจูบและไม่คิดมาก่อนด้วยว่าจะถูกจูบด้วยความรุนแรงที่เกิดจากแรงโทสะ รสจูบที่ร้อนราวกับไฟเผาหลอมละลายให้ท่าทีเมื่อครู่หายไปในพริบตา ไม่น่าเล่นกับไฟโทสะของพญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายเลยจริงๆ กว่าที่จะรู้ว่าคิดผิดจูบแรกของชีวิตก็ถูกปล้นไปต่อหน้าต่อตาเสียแล้ว และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือมันเริ่มต้นด้วยโทสะ แต่ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นเพลิงเสน่หาที่เพิ่งเคยรู้จักครั้งแรกในชีวิต

    เขากำลังโกรธที่การะเกดยั่วยวนปั่นหัวด้วยคำพูดที่ทำให้ต้องสั่งสอน แต่เพลิงโทสะวอดหายไปตอนไหนชีคดาเนียลแทบไม่รู้สึกตัว เพราะกำลังเพลิดเพลินกับเพลิงเสน่หาจากริมฝีปากช่างเจรจาของหญิงสาวอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

    รสจูบที่เดือดดาลกลายเป็นแค่น้ำเดือดที่พลุ่งพล่านสม่ำเสมอ การต่อต้านผลักไสและป้องกันกลายเป็นเริ่มคล้อยตามอย่างพร้อมใจ ชั้นเชิงชายแห่งคาลีจปลดปล่อยความหวานละมุนออกมาให้สาวน้อยอย่างการะเกดหวั่นไหว นานเป็นนาทีกว่าที่ชีคดาเนียลจะรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป

    "คนบ้า..." การะเกดหน้าแดงหอบหายใจสะท้าน

    นักข่าวสาวไม่อยู่รอฟังว่าชีคหนุ่มจะพูดอะไรต่อ เจ้าหล่อนรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีสะบัดตัวเองให้หลุดออกจากการจับกุม การะเกดอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน รีบวิ่งออกไปจากห้องนอนทันที

    ในขณะที่อีกคนแววตาอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดและเริ่มมีรอยยิ้มที่มุมปากเกิดขึ้นเล็กน้อย คืนนี้เขาคงหลับอย่างสบายใจไม่รู้สึกเจ็บปวดจากบาดแผลใดๆ ทั้งสิ้น ยาดียาวิเศษของหมอราเชสก็ไม่เท่า ยาขนานเอกที่ตนเองเพิ่งได้ลิ้มลองจากเรียวปากนุ่มของแม่ตัวดีแน่

     

    อารมณ์ดีๆ ของชีคดาเนียลเมื่อคืนนี้ต้องหมดไปแต่เช้าตรู่ เมื่อลงมาที่โต๊ะอาหารแล้วเห็นนาดา ราเชสและการะเกดคุยกันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะราเชสที่ยื่นกระดาษแผ่นเล็กส่งให้หญิงสาวต่อหน้าต่อตาเขา

    "ทำอะไรกัน" น้ำเสียงกังวานแฝงความไม่พอใจสลายวงสนทนาที่กำลังสนุกสนานให้แยกจากกันทันที

    "อรุณสวัสดิ์ เพื่อน" ราเชสเอ่ยทักทายเป็นคนแรก

    "ชีคจะรับกาแฟเลยไหมคะ" นาดาหันไปสั่งสาวใช้ให้เตรียมกาแฟสำหรับชายหนุ่ม

    การะเกดเป็นคนเดียวที่ไม่พูดอะไรทั้งสิ้นและไม่สบสายตามองหน้าคนที่นั่งเป็นประธานที่หัวโต๊ะ การสนทนาส่วนใหญ่เป็นราเชสกับชีคดาเนียลมากกว่า นานๆ ครั้งที่จะพาดพิงมาถึงหญิงสาว

    "อาทิตย์หน้าฉันจะแวะมาหานายใหม่" ราเชสบอกก่อนที่จะกลับ

    "นายว่างขนาดนั้นเชียว" ชีคหนุ่มปรายตามองไปที่การะเกดซึ่งอยู่อยู่ด้านหลัง สงสัยว่าราเชสจะตกหลุมเสน่ห์ของแม่นี่เข้าให้อีกคนแล้ว

    เขาหมั่นไส้ตั้งแต่ที่เดินลงมาเห็นการะเกดหัวร่อต่อกระซิกสนุกสนานกับราเชสและคนอื่นๆ แต่พอนั่งทานข้าวกลับกลายเป็นนางใบ้ไม่พูดไม่จา มองหน้าก็ไม่ยอมมองและเจตนาแสดงความต้องการที่จะคุยกับคุณหมอหนุ่มเพียงคนเดียวเท่านั้น เห็นเขาเป็นอะไร เขาคือชีคดาเนียล พญาเหยี่ยวแห่งทะเลทรายที่ผู้หญิงทั่วโลกอยากอยู่ใกล้

    "ก็จะพยายามทำตัวให้ว่างๆ" ราเชสบอกยิ้มๆ

    "ถ้ามีอะไรคืบหน้าผมจะโทร.มา หรือถ้าคุณเกดมีอะไรด่วนก็โทร.หาผมได้ตลอดไม่ต้องเกรงใจนะครับ แล้วอย่าลืมที่ผมบอก" คุณหมอหนุ่มย้ำอีกครั้ง

    "ขอบคุณมากค่ะ คุณหมอ" การะเกดขอบคุณจากใจจริง

    ทุกคนส่งราเชสกลับบ้านเรียบร้อย นาดาชวนการะเกดกลับเข้าข้างในเพื่อไปจัดการเรื่องสมุดบันทึกที่เหลืออยู่ สองสาวเริ่มลงมือทำจนใกล้เวลาอาหารกลางวัน ชีคดาเนียลจึงเดินลงมาจากห้องทำงานเห็นทั้งคู่ง่วนอยู่กับกองสมุดบันทึกจึงเอ่ยถามด้วยความอยากรู้

    "สมุดอะไร" เจ้าบ้านถาม

    สมุดเล่มหนาและเก่ามีแต่ภาษาอาหรับเต็มไปหมด การะเกดกำลังทำอะไร ดูเหมือนว่าจะเป็นของสำคัญมากเพราะนาดาช่วยอ่านและแปลกเป็นภาษอังกฤษทีละประโยคช้าๆ

    "บันทึกของคุณอัสมันค่ะ" การะเกดตอบสั้นๆ

    "อัสมันมีบันทึกด้วยเหรอ" ชีคดาเนียลถามด้วยความแปลกใจ เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าน้องชายผู้จากไปมีบันทึกอะไรเช่นนี้ด้วย

    "ไว้ฉันแปลจบเล่มก่อนจะเอามาให้คุณอ่าน "

    "ฉันต้องการรู้เดี๋ยวนี้"  ชีคหนุ่มออกคำสั่ง และให้ทั้งคู่หยุดอ่านเพื่อเล่าให้ฟังว่าบันทึกนี้มีไว้เพื่ออะไรและสำคัญแค่ไหน

     

    "อัสมันพูดถึงผู้หญิงคนนั้นในบันทึกเหรอ" ชีคดาเนียลมองหน้าการะเกดทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น

    "มีบันทึกยืนยันจะแก้ตัวอะไรอีกไหม" ชีคหนุ่มเค้นไรฟันถาม

    "ไม่มีค่ะ เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ฉัน" การะเกดตอบเสียงดังฟังชัด

    "ชีคคะ ใจเย็นๆ ก่อน เรายังไม่รู้ว่าผู้หญิงในบันทึกคือใคร ตอนนี้เพิ่งอ่านได้เล่มเดียวเท่านั้น ส่วนอีกเล่มที่เป็นบันทึกล่าสุดอยู่ที่คุณหมอราเชส" นาดาอธิบายอย่างใจเย็น

    "ว่าไงนะ ราเชสเอาบันทึกไป แล้วให้ไปได้ยังไงทำไมไม่ถามฉันก่อน" เมื่อรู้ว่าขนาดคนไกลอย่างคุณหมอราเชสยังรู้เรื่องนี้ แล้วคนที่ควรจะรู้ทุกเรื่องในคาลีจอย่างเขากลับไม่รู้ได้อย่างไรกัน แบบนี้มันเท่ากับข้ามหน้าข้ามตากันชัดๆ

    "ใครอนุญาตให้ราเชสเอาสมุดบันทึกของอัสมันไป"

    "เธอมีสิทธิ์อะไรให้ของคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต บันทึกของอัสมันอยู่ที่นี่ก็เท่ากับเป็นของฉัน ทุกอย่างที่อยู่ในคาลีจแม้แต่ทรายเม็ดเดียวจะให้ใครก็ต้องบอกฉัน" เขาหันมาเล่นงานนักข่าวสาวทันที งานนี้มีทบต้นทบดอกที่ทำให้ไม่พอใจตั้งแต่เช้าตรู่แน่

    "ฉันไม่ทราบค่ะว่าต้องขออนุญาตก่อน แค่เห็นว่าเป็นบันทึกเล่มเดียวคงไม่ต้องบอกก็ได้ ขอโทษจริงๆ" การะเกดยอมขอโทษแต่ก็ไม่วายประชดเล็กน้อย

    "ถ้างั้นก็รู้ไว้ซะว่าต่อจากนี้ไป เธอจะทำอะไร จะพูดกับใคร พูดว่าอะไร ทุกเรื่องฉันต้องรู้หมด" ชีคหนุ่มประกาศกร้าว

    "ค่ะ" นักข่าวสาวกระแทกเสียงรับคำ

    ไม่อยากมีปัญหามากจึงยอมรับปากตามที่สั่ง แต่จะทำหรือไม่นั่นก็อีกเรื่องเพราะการะเกดถือว่าตนไม่ใช่คนคาลีจ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องฟังคำสั่งของคนบ้าอำนาจ

    "ไหน บันทึก" ชายหนุ่มยื่นมือมาตรงหน้า การะเกดจำต้องยื่นบันทึกที่อ่านค้างอยู่ให้

    ไม่ถึงสิบนาทีที่เปิดอ่านผ่านๆ จากทางด้านหลัง ชีคดาเนียลก็วางสมุดลงและสั่งให้นาดาเอาบันทึกทั้งหมดไปไว้ที่ห้องทำงานของเขาทันที

    "ส่วนเธอไปกับฉัน" เขาหันมาคว้าข้อมือการะเกดเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

    "คุณจะพาฉันไปไหน" นักข่าวสาวขืนตัวเอาไว้ หันหน้ามองนาดาเพื่อขอความช่วยเหลือ

    "ไปเอาบันทึกคืน เธอให้ใครไปก็ไปเอาคืนจากคนนั้นมาให้ฉัน เรื่องของอัสมันฉันจะเป็นคนจัดการเอง"

    หมายความว่าการะเกดจะต้องนั่งรถไปโอม่าร์กับชีคดาเนียลอย่างนั้นหรือ นาดามองตาค้างเมื่อชีคหนุ่มบอกว่าจะขับรถไปเองและไม่ต้องการผู้ติดตามใดๆ ทั้งสิ้น นักข่าวสาวนั่งตัวลีบไปตลอดทางไม่กล้าพูดอะไรสักคำ รถมาถึงด่านที่จะข้ามไปโอม่าร์เธอถึงได้ยินคำพูดประโยคแรกจากปากชายหนุ่ม

    "อัสมัส แก โง่มาก ทำไมแกถึงไม่บอกฉันว่าเกิดอะไรขึ้น"

    การะเกดไม่รู้ว่าชีคดาเนียลพูดเรื่องอะไรและไม่กล้าถามอะไรทั้งสิ้น ได้แต่นั่งเงียบไปตลอดทางจนถึงบ้านของราเชสในอีกสองชั่วโมงต่อมา บันทึกในตอนท้ายเธอยังอ่านไม่ถึง อัสมันเขียนอะไรไว้ถึงทำให้ชีคหนุ่มต้องขับรถมาเอาบันทึกเล่มนี้ถึงโอม่าร์ อยากรู้จริงๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×