ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Even the world is crumbling / ต่อให้โลกย่อยยับ

    ลำดับตอนที่ #5 : การเดินทางที่น่ารำคาญ / 4

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 60


    แต่เรื่องซวยที่ไม่ทันได้คิดก็บังเกิด เพราะผมใช้สมาธิไปกับการขับรถจนไม่ทันจะระวังว่าไอ้ข้างหลังมันจะของขึ้น   จู่ๆผู้ชายสองคนด้านหลัง ก็เดินเข้ามาประกบที่เบาะ พร้อมวัตถุบางอย่างที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี มันขู่ผม ด้วยปืนพกสั้น เอามาสะกิดที่แก้มข้างหนึ่งของผมเบาๆ ผมคิดอยู่ในใจ ไม่น่าไปไปเปรี้ยวใส่มันเลยจริงๆ แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการว่าผมกลัวในสิ่งที่พวกมันทำนะ ผมรู้อยู่เต็มอกว่ามันไม่ยิงผมแน่ เพราะถ้าผมตายตรงนี้ พวกมันเองก็ไม่รู้หรอกว่าเมืองผมอยู่ตรงไหน แต่ถ้ามันเกิดโง่ยิงขึ้นมาจริงๆ ก็ต้องบอกว่าเป็นโชคดีที่ได้ตายก่อน

     

    “ บอกทั้งหมดในสิ่งที่คุณรู้ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น” หัวหน้าของพวกมันขู่

    “ ถ้ายังอยากให้ส่งถึงเมือง กลับไปนั่งเงียบๆ ถึงที่ปลอดภัยแล้วคุณอยากรู้อะไรผมจะเล่า” ผมบอกพวกมันโดยไม่เหลือบไปมอง

    “ ถ้าเกิดพวกผมไม่เชื่อล่ะ” ไอ้คนที่ยืนประกบแต่ไม่ได้ถือปืนพูด

      “ คุณก็จะรู้ ว่าก่อนเพื่อนคุณตาย พวกนั้นรู้สึกยังไง” ผมปัดกระบอกปืนให้พ้นไปจากหน้า แล้วตั้งใจทำหน้าที่ของผมต่อไป

    “ บอส ผู้ชายคนนี้พูดจริง เขาไม่ได้โกหก “ หญิงสาวหน้าหงิกพูดเหมือนจะอ่านความคิดผมออก

    ผมส่ายหัวเซ็งๆ... เหลืออีกครึ่งชั่วโมงฟ้าจะมืด ผมตัดสินใจตัดออกนอกเส้นทาง เพื่อร่นเวลาให้สั้นลง

    “ อีก 3 กิโล เราต้องเปลี่ยนเส้นทาง ถ้ายังวิ่งเส้นหลัก เผมคิดว่า ราจะตายกันอยู่บนถนน แต่ทางที่ผมเลือกก็ไม่แน่ว่าจะมีปัญหาอะไรข้างหน้า พวกคุณจะเอายังไง” ผมตะโกนถาม

    “ เส้นไหนดีกว่า ก็เอาตามนั้นแหละ” หัวหน้ากลุ่มตอบ

     

    “ จัดไป”

    พูดจบ ผมหักเลี้ยวเข้าข้างทางในป่ารกที่เคยเป็นถนนมาก่อนทันที ระยะทางที่เหลือก่อนถึงเมืองคือราวๆ 75  กิโลเมตร แสงสุดท้าย น่าจะประมาณ อีก 1 ชั่วโมง 15 นาที ....” ชิบหายยย จะทันไม๊วะ ”   

     

    ผมทำเวลาของผมได้ดีนะ แสงแดดเกือบจะหมดแล้ว เหลืออีกไม่ไกลเท่าไหร่ ถ้าไปถึงเราจะทันพอดีแบบ เฉียดเส้นตาย เฉลี่ยแล้วผมเหยียบ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คือว่าวิ่งกันจนเครื่องแทบระเบิด มันมีไอ้ช่วงที่ต้องชะลอความเร็วอยู่เป็นระยะๆ แต่ก็จัดว่าเป็นการวิ่งเดนตายที่ใครได้ยินต้องทึ่ง คือไปไหนก็โม้เรื่องนี้ได้ยันแก่ .....ทุกอย่างเกือบจะสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ถ้าผมขับผ่านเนินสูงตรงหน้าไปได้ ความเร็วที่ผมใช้ทำเอารถคันโตเหิรเป็นเครื่องบินกันเลยทีเดียว แต่ที่มันซวยคือด้านล่าง ดันเป็นหล่มโคลนขนาดใหญ่ เสียงกระแทกพื้นและการทรงตัวที่ผิดธรรมชาติ มันทำให้ผมรู้เลย ว่าสิ่งที่ผมกลัวมาตลอดได้เกิดขึ้นแล้ว

    ณ บัดนาว

     

    รถผมติดแหงกอยู่ในกองขี้โคลน โดยมีปัญหาที่ใหญ่กว่า คือเกียร์ต่ำของรถ ทำรอบไม่ได้........

     

    สามนาทีหลังจากพยายามอย่างถึงที่สุด ผมหันกลับไปบอกพวกนั้นว่า “ เราไปต่อไม่ได้แล้ว ”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×