คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 2 ยิ่งใกล้กัน ยิ่งหวั่นไหว 1/3
การถูกทะเลจันทร์เรียกชื่อกดเสียงต่ำไม่ได้ทำให้ปราบศึกเดือดเนื้อร้อนใจ กล้องจุลทรรศน์สเตอริโอถูกยกขึ้นมาสำรวจหลังจากฝ่ามือหนาผละจากศีรษะยุ่งเหยิง หางตาคมสบเข้ากับอะไรบางอย่างบนโต๊ะจึงพักงานที่ทำชั่วคราว
“ซื้อไส้อั่วมาฝาก” ชายหนุ่มหยิบถุงกระดาษยื่นให้ “แถมแคบหมูกับน้ำพริกหนุ่ม”
“เยอะจัง ซีกินไม่หมดหรอก” หญิงสาวอ่อนลง ปราบศึกก็เป็นแบบนี้เสมอ และเป็นกับทุกคนเสียด้วย เขารู้ว่าเวลาไหนควรแกล้ง เวลาไหนควรนิ่ง เวลาไหนควรเปลี่ยนเรื่องคุย และเวลาไหนควรเอาใจ
“ไม่ได้ให้เรากินคนเดียว พี่หมายถึงพ่อแม่เราด้วย ไส้อั่วเขาทำใหม่ๆ น่าอร่อย”
ไอ้เราก็หลงดีใจ นึกว่าจำได้เสียอีกว่าเราชอบไส้อั่วกับแคบหมู
“จะย้ายของหรือ ซีช่วย”
“ไม่เป็นไร แค่กล้องพวกนี้เท่านั้น นั่งเฉยๆ ถ้าไม่อยากให้พี่ซื้อกล้องตัวใหม่”
ปราบศึกทำเอาคนอยากช่วยอ้าปากค้าง ถ้าหัวทึบกว่านี้อีกนิดเธอคงตีความคำพูดเขาไม่ออก นั่นสินะ เธอไม่ควรหยิบจับสิ่งของที่ราคาสูง กล้องจุลทรรศน์นี่อาจกลายเป็นเศษเหล็กได้ง่ายๆ ความซุ่มซ่ามอันไม่เป็นสองรองใครนี้ทุกคนรู้ดี
“รอก่อน พี่เก็บของเสร็จแล้วจะขอติดรถไปสวัสดีพ่อกับแม่ซี”
นักวิจัยหนุ่มเริ่มขนอุปกรณ์เข้าไปไว้ในห้องที่เจ้าของฟาร์มบอกว่าสามารถใช้เป็นห้องปฏิบัติการชั่วคราวได้ ระหว่างรอ ทะเลจันทร์ก็สูดกลิ่นไส้อั่วในถุงกระดาษไปพลาง หญิงสาวขบคิดเรื่องเก่าๆ ที่ไม่ได้คิดมานานมากแล้ว ได้ข้อสรุปกับใจตัวเองว่าควรทำอะไรสักอย่าง
“เสร็จแล้ว ไปกัน”
“พี่ปราบ” ทะเลจันทร์เรียกไว้ “ซีขอโทษ เรื่อง...พี่หวาน”
มธุรสคือรุ่นพี่คณะเดียวกับทะเลจันทร์ สวยหยาดหยดจนไม่มีใครคิดว่าจะเลือกเรียนคณะเกษตรด้วยซ้ำ สาวสวยหลงรักปราบศึกเข้าอย่างจังตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ และประจวบเหมาะกับที่รู้ว่าชายที่ตนหมายปองกับรุ่นน้องในคณะที่ตนพอจะสนิทอยู่ชมรมเดียวกัน เช่นนั้นแล้วมธุรสจึงขอให้รุ่นน้องเป็นแม่สื่อ เริ่มจากการให้ทะเลจันทร์พาเข้าชมรม พาไปค่ายต่างๆ เพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับปราบศึก
หนุ่มหล่อต้องคู่กับสาวสวย และพี่ปราบก็ไม่ได้รังเกียจพี่หวาน เพราะคิดเช่นนี้ ทะเลจันทร์จึงช่วยมธุรสอย่างเต็มที่ทั้งที่ตนเองก็แอบชอบปราบศึก ต่างกันตรงที่หญิงสาวเก็บไว้ในใจ ไม่เคยบอกให้ใครรู้ สาวห้าวเปิดทางให้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการจัดฉากให้สองคนอยู่ด้วยกันบ่อยๆ ให้ไปไหนมาไหนด้วยกัน แม่สื่อที่ชอบคิดเองเออเองยอมแม้กระทั่งพาตัวเองออกห่างเพียงแค่มธุรสเอ่ยปากว่าไม่สบายใจหากเธอกับปราบศึกสนิทสนมกัน
จนกระทั่งวันที่มธุรสขอปราบศึกเป็นแฟนกลางโรงอาหาร วันนั้นเองที่ทะเลจันทร์ผิดใจกับทั้งคู่...
พี่หวานห่มร้องไห้ชนิดไม่ห่วงสวย บอกเธอทั้งมาสคาราเปรอะแก้มว่าฝ่ายชายไม่รับรัก และคิดแค่น้องสาวเท่านั้น ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็โทษว่าเธอเป็นแม่สื่อที่ไม่เอาไหน ทำให้ตนต้องอับอายปราบศึก และเป็นตัวตลกของคนทั้งโรงอาหาร
ส่วนปราบศึก...เขาไม่ต่อว่าสักนิด แต่ทิ้งประโยคด้วยน้ำเสียงโทนเดียวให้เธอได้เก็บมาคิดจนถึงทุกวันนี้
‘คราวหลังอย่าทำตัวเป็นแม่สื่อถ้ายังไม่แน่ใจว่าฝ่ายชายกับฝ่ายหญิงเขาสนใจกัน พี่เป็นคน ไม่ใช่สิ่งของที่ซีจะจับมัดจับวางให้เป็นของใครก็ได้’
เธอกับปราบศึกไม่ได้คุยกันอีกหลายเดือนกระทั่งเขาเดินทางไปเรียนต่อ และเพราะคิดไปเองว่าเขาโกรธจนกลายเป็นเกลียด เธอจึงทำเป็นไม่สนใจ ไม่ติดต่อ พยายามตัดชื่อนี้ออกจากชีวิต ยากยิ่งกว่าเมื่อพยายามตัดใจแต่ก็ทำไม่เคยได้
“หวานเล่าให้พี่ฟังหมดแล้ว บอกด้วยว่าที่ซีปฏิเสธเวลาพี่ชวนออกทริปถ่ายภาพเพราะเขาเป็นคนขอร้องไม่ให้ซีไป ถ้าไม่สบายใจมาตั้งหลายปีเพราะเรื่องนี้ ก็ควรเลิกคิดมาก รู้ไม่ใช่หรือว่าพี่ไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย”
“ซีขอโทษ พี่ปราบโกรธมากไหม” หญิงสาวหน้าเจื่อน หากก็ยังสบตาเขา
“ถ้าโกรธ พี่คงโกรธเรื่องที่เราไม่ยอมบอกลาวันที่พี่ไปเรียนต่อมากกว่า”
“ก็ซีติดสอบนี่นา เลยไม่ได้ไปส่งที่สนามบิน” สุวรรณภูมิแทบแตกในวันนั้น อาจารย์และเพื่อนคณะวิทยาศาสตร์ของปราบศึก รวมถึงคนในครอบครัวว่าเยอะแล้ว ยังมีนิสิตในชมรมทั้งรุ่นเก่ารุ่นปัจจุบันอีกหลายสิบที่ไปส่งเขาขึ้นเครื่อง
“โกหกไม่เก่งก็ยังโกหก ซีสอบแค่ช่วงเช้า”
“พี่ปราบรู้...” เด็กเลี้ยงแกะแทบเก็บอาการตกใจไว้ไม่อยู่เมื่อถูกจับได้
“อืม รู้ด้วยว่าเราแอบไปด้อมๆ มองๆ พี่ที่สนามบิน คนอื่นไม่เห็นแต่พี่เห็น แทนที่จะได้เคลียร์กันตั้งแต่วันนั้น กลับต้องลากยาวมาหลายปี”
“ก็ซีคิดว่าพี่ปราบยัง เอ่อ โกรธ”
“พี่เคยโกรธเราด้วยหรือ”
ทะเลจันทร์ส่ายหน้า เขาไม่เคยโกรธเลยสักครั้ง แม้แต่ตอนที่เธอทำกล้องถ่ายรูปเขาหล่นน้ำจนใช้การไม่ได้ เขาก็ไม่ต่อว่าให้ต้องรู้สึกไม่ดี ผู้ชายอะไร บทจะง่ายก็ง่าย นี่ถ้ารู้ว่าเคลียร์กันแล้วโล่งอกแบบนี้ เธอไม่ปล่อยเวลาให้ยาวนานครึ่งทศวรรษหรอก
“ขอบคุณที่พูดเรื่องหวาน เอาเป็นว่าลืมๆ ไปเสีย หวานแต่งงานจนมีลูกตั้งสองคนแล้ว เขามีชีวิตของเขา เราก็ควรมีความสุขกับชีวิตของเรา ต่อไปนี้อย่าให้เรื่องคนอื่นมาทำให้ตัวเองรู้สึกแย่”
“รู้แล้ว เข็ดแล้วด้วย” แม้อยากตอบให้ยาวเท่าๆ กับที่เขาอบรม แต่ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาตอบ ปราบศึกคือมนุษย์พูดน้อย พูดสั้น พูดห้วน มีไม่กี่ครั้งหรอกที่เขาพูดประโยคยาวๆ เช่นวันนี้
“ห้าปีมันนานพอแล้ว รู้บ้างไหมว่าพี่รู้สึกยังไงเวลาได้รับเมลจากทุกคนในชมรม แต่ไม่มีเมลจากเรา” เจ้าตัวแสบนิ่งไป คงตกใจที่เห็นเขาในโหมดจริงจัง “ทีหน้าทีหลังมีอะไรให้ถาม อย่าคิดเอง อย่าคิดแทนพี่ เข้าใจไหม”
“อืม ซี...เข้าใจแล้ว”
“ในเมื่อเข้าใจ ก็อย่าหายไปอีก”
“ไม่ทำอีกแล้ว”
“ดีมาก เจ้าซีเด็กดี” ปราบศึกโยกหัวเป็นการให้รางวัลเด็กดี
พี่ปราบนะพี่ปราบ จะลูบหัว โยกหัวบ่อยๆ ทำไม แค่นี้ก็หวั่นไหวมากพออยู่แล้ว ห้าเดือน...จะห้ามใจตัวเองได้สักกี่น้ำกันไอ้ซี
ความคิดเห็น