คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : 1 พบเพื่อจาก 4/6
มานิลาเริ่มกังวลเมื่อหาสมุดบันทึกเท่าไรก็ไม่เจอสักที
ขากลับที่ปั่นจักรยานผ่านจุดซึ่งเธอช่วยผู้ชายคนนั้นไว้ก็ไม่มีอะไรตกหล่นอยู่เลย
กลับมาถึงอะพาร์ตเมนต์เธอรื้อของในกระเป๋าสะพายหลังออกมาจนหมดก็ไม่เจอ
โอกาสที่มันจะอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่เพราะสมุดเล่มนี้มักติดตัวเธอเสมอ
ไปลืมไว้ที่ไหนกัน...
คิ้วเรียวขมวดมุ่น
พยายามนึกแต่ก็นึกไม่ออก สมุดบันทึกไม่ได้มีราคาค่างวดอะไรมากมาย
ทว่าที่มีค่าคือสิ่งต่าง ๆ ที่เธอจดเอาไว้ในนั้น
มันมีทั้งบทสรุปย่อของแต่ละรายวิชาที่เธอต้องใช้อ่านทบทวน
ข้อความเตือนความจำที่เขียนไว้ว่าวันนี้หรือวันต่อ ๆ ไปต้องทำอะไรบ้าง
หรือแม้แต่ใช้บันทึกเรื่องราวในชีวิตประจำวัน
“ขอให้มีคนเจอแล้วเอามาคืนทีเถอะ”
แม้จะรู้ว่าความหวังนี้มีเปอร์เซ็นต์เป็นไปได้น้อยเหลือเกินเพราะในสมุดไม่ได้เขียนอะไรที่บ่งบอกตัวตนลงไปเลยสักอย่าง
แต่เธอก็มีสิทธิ์จะหวังไม่ใช่หรือ
ร่างผอมบางลุกจากพื้นกระเบื้องตรงปลายเตียงแล้วเดินมายังโต๊ะเขียนหนังสือ
เธอค่อย ๆ ยื่นมือไปหยิบกล่องไม้คร่ำครึที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดดู
ภายในบรรจุรูปถ่ายหลายใบ แผ่นกระดาษเก่า ๆ หลายแผ่น และถุงผ้าเล็ก ๆ อีกสองถุง
มานิลาหยิบรูปถ่ายที่วางอยู่บนสุดขึ้นมาดู พลันรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าหวาน
ดวงตาที่ฉายแววเศร้าอยู่เป็นนิตย์แปรเปลี่ยนเป็นสดใส...แต่นั่นก็แค่ครู่เดียวเท่านั้น
“หนูคิดถึงพ่อมาก ๆ เลยค่ะ”
หญิงสาววางรูปถ่ายลงไปในกล่องไม้ตามเดิมแล้วเดินมานั่งกอดเข่าตรงระเบียงหลังห้อง
ไม้ดอกสีขาวหลายต้นที่ถูกปลูกเอาไว้ในกระถางส่งกลิ่นหอมกรุ่นพานให้เจ้าของรู้สึกสดชื่นยามสายลมพัดเอากลิ่นนั้นมาเตะจมูก
มันคือดอกไม้ชนิดเดียวกับที่ไม่เคยขาดไปจากบ้านที่เธอเคยอยู่กับพ่อ
เมื่อครั้งที่ยังเด็กมาก ไม้ดอกชนิดนี้มีอยู่แค่ในกระถางหน้าบ้าน
แต่นานวันเข้าก็ถูกลงดินปลูกไว้รอบบ้านด้วยการช่วยกันลงมือลงแรงของเธอกับพ่อ
บ้านหลังนั้นคือความทรงจำอันสวยงามที่สุด...บ้านที่ตอนนี้เธอจากมาไกลเหลือเกิน
มานิลาเด็ดเจ้าดอกสีขาวมาหนึ่งดอกแล้วนำมาจรดที่จมูก
เธอรักดอกไม้ชนิดนี้เพราะเป็นดอกไม้ที่มีชื่อเดียวกับเธอ
และยังเป็นดอกไม้ที่แม่ชอบ ความทรงจำบางอย่างในอดีตอาจจะค่อย ๆ เลือนหายตามกาลเวลา
แต่ยังมีความทรงจำอีกหลายอย่างที่ฝังลึกในหัวใจจนยากจะลืมเลือน
‘แอบเด็ดดอกซัมปากีตามาดมอีกแล้ว’
‘นึกว่าพ่อจะไม่เห็นแล้วเชียวค่ะ’
เด็กหญิงวัยแปดขวบซ่อนดอกมะลิลาไว้ข้างหลัง แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
‘ดอกไม้ถ้าอยู่บนต้นมันจะสวยกว่าเราไปเด็ดมานะลูก’
‘ขอโทษค่ะ’
มานิลาเข้าไปกอดคนตรงหน้าอย่างอ้อน ๆ
และก็เป็นกิริยาที่ทำให้ผู้เป็นพ่อใจอ่อนได้ทุกครั้ง
‘พ่อเห็นหนูชอบเด็ดไปทับในสมุดการบ้านกับหนังสือเรียน’
‘พ่อรู้หรือคะ’
‘ก็หนูเด็ดไปทับทั้งก้าน
เวลาก้านโผล่ออกมาจากหนังสือพ่อเลยเห็นไงลูก
แล้วคุณครูของหนูก็บอกพ่อด้วยว่าเวลาตรวจการบ้านจะเจอดอกซัมปากีตาอยู่ในสมุด’
‘คุณครูสอนน่าเบื่อนี่คะ
หนูดูดอกซัมปากีตาที่อยู่ในสมุดดีกว่ากันเยอะเลยค่ะ’
‘หน้าที่ของหนูคือต้องเรียนหนังสือ
ถ้าหนูขยันเรียน โตขึ้นก็จะมีงานดี ๆ ทำ’
‘หนูต้องตั้งใจฟังเวลาคุณครูสอนหรือคะ’
‘ใช่แล้ว ถ้าหนูเรียนเก่ง
ๆ แม่ก็จะภูมิใจในตัวหนู’
‘หนูอยากให้แม่ภูมิใจค่ะ’
‘คนเก่งของพ่อ
ฟังพ่อนะลูก พ่ออาจจะไม่มีเงินทองมากมายให้หนู พ่อให้หนูได้ก็แค่ความรักทั้งหมดที่พ่อมี
กับการส่งหนูเรียนหนังสือ’ เขามั่นใจว่าการศึกษาจะช่วยยกระดับชีวิตลูกสาวให้ดีขึ้นได้
ลูกจะได้ไม่ต้องมาซ้ำรอยลำบากอย่างเขา
‘หนูจะตั้งใจเรียนค่ะ
จะเรียนให้เยอะ ๆ เลย’
มานิลายกนิ้วก้อยขึ้นเป็นการทำสัญญาที่ไม่ได้เป็นลายลักษณ์อักษร
หากแต่มีหัวใจของเธอเป็นเดิมพัน คนเป็นพ่อเห็นเช่นนั้นก็ยกนิ้วก้อยมาเกี่ยวด้วย
สองคนสองวัยยิ้มให้กัน
แต่ไม่นานคนที่อายุน้อยกว่าก็ต้องหุบยิ้มเมื่อรู้ว่ายังมีคดีติดตัว
‘พ่อโกรธไหมคะที่หนูไม่ปล่อยดอกมันให้สวยอยู่บนต้น’
‘ไม่โกรธหรอก
หนูเหมือนแม่ แม่เขาก็ชอบเอาดอกซัมปากีตาไปทับในหนังสือเรียนแบบนี้เหมือนกัน’
ชายหนุ่มจูงมือลูกสาวมานั่งตรงบันไดหน้าบ้าน
จากนั้นเขาจึงนั่งลงข้าง ๆ
ดวงตาที่ฉาบไปด้วยแววอ่อนโยนมองเด็กหญิงที่เป็นผลผลิตจากความรักของเขา
ขอบคุณพระเจ้าที่ส่งนางฟ้าตัวน้อย ๆ มาให้เขาดูแล
มือหนายกขึ้นวางบนศีรษะทุยแล้วโยกไปมา
มานิลาเงยหน้าขึ้นมองพ่อแล้วยิ้มให้ ก่อนนำดอกมะลิลาที่เด็ดมาแตะที่จมูกคนเป็นพ่อ
และก็ได้รอยยิ้มอบอุ่นกลับมา
‘หอมไหมคะพ่อ’
‘หอมมาก
รู้ไหมว่าทำไมพ่อถึงตั้งชื่อหนูว่ามะลิ’
เด็กหญิงยิ้มยิงฟัน
คำถามนี้เธอตอบได้โดยไม่ต้องคิดเพราะตั้งแต่จำความได้พ่อก็เล่าที่มาของชื่อให้ฟังนับร้อยรอบ
ถึงแม้จะมากครั้งแต่เธอก็ไม่เคยเบื่อยามได้ฟัง
แม้บ่อยครั้งจะถูกเพื่อนที่โรงเรียนล้อเพราะมีชื่อเล่นเป็นภาษาที่แปลกกว่าคนอื่น ๆ
แต่เธอก็ไม่เคยนึกอยากเปลี่ยนชื่อ
‘พ่อเคยบอกตั้งแต่หนูตัวเท่านี้’
เด็กหญิงยกฝ่ามือขึ้นขนานกับพื้นสูงราวหนึ่งเมตร
แล้วหันกลับมายิ้มให้บิดา “ว่าหนูผิวขาวเหมือนดอกซัมปากีตา คนไทยเรียกว่าดอกมะลิลา
และเพราะแม่เป็นคนไทยพ่อก็เลยตั้งชื่อนี้ให้ค่ะ”
ชายหนุ่มส่ายหน้าทว่ายังคงยิ้ม
นั่นทำให้เด็กหญิงเอียงคอประกอบกับแววตาสงสัย
‘ไม่ถูกหรอกหรือคะ’
‘ถูกสิ แต่ไม่ทั้งหมด’
คราวนี้ดวงตาที่กลมโตอยู่แล้วดูเหมือนยิ่งโตขึ้นกว่าเดิม
เธอทั้งสงสัยและอยากรู้อยู่ในที
‘หนูไม่รู้ค่ะ’
ผู้เป็นพ่อรั้งร่างลูกสาวเข้ามากอด
ก่อนกดจมูกไปบนเส้นผมนุ่มสีดำขลับ
‘เพราะดอกมะลิลาเป็นดอกไม้ที่แม่ของหนูชอบที่สุดไงลูก’
สายลมเย็น ๆ
พัดเข้ามายังระเบียงจนหญิงสาวต้องลูบแขนตัวเองเพื่อให้คลายหนาว
หากตอนนี้พ่ออยู่ด้วยท่านคงดึงเธอเข้าไปกอดเพื่อให้ความอบอุ่น
แต่ตอนนี้ท่านอยู่ไกล
...ไกลจนเธอมองไม่เห็น
มานิลาภูมิในใจชื่อตัวเองทุกครั้งที่นึกถึงคำพูดของพ่อ
ชื่อจริงของเธอแปรมาจากเมืองมะนิลาเมืองหลวงของประเทศฟิลิปปินส์
บ้านเมืองพ่อซึ่งเธอเกิดและโตที่นั่น
ส่วนชื่อเล่นก็เป็นชื่อเรียกดอกซัมปากีตาในประเทศบ้านเกิดแม่...เมืองที่เธอใช้เป็นที่พักพิงทั้งกายและใจอยู่ในตอนนี้
การมีทั้งความเป็นพ่อและแม่อยู่ในตัวทำให้รู้สึกว่าพวกท่านอยู่ใกล้ ๆ เธอเสมอ
หญิงสาวสูดกลิ่นดอกมะลิลาอีกครั้งแล้วแหงนมองขึ้นไปบนท้องฟ้า...ตอนนี้พ่อคงจะอยู่ที่ดาวดวงไหนสักดวงบนนั้น
“หนูรู้น้าว่าพ่อแอบมองหนูจากบนฟ้าอยู่ตลอดเวลา
เป็นกำลังใจให้ลูกสาวคนนี้ด้วยนะคะพ่อ”
ความคิดเห็น