ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปรากฏว่าเป็นรัก

    ลำดับตอนที่ #43 : ไม่มีอะไรให้เล่า

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.ค. 67


    กำหนดการในการเปิดพินัยกรรมนั้นได้ถูกกำหนดขึ้นอีกครั้ง หลังจากถูกเลื่อนออกไปเนื่องจากว่าผู้ที่ต้องอยู่ในวันเปิดเอกสารนั้น ไม่สามารถที่จะเดินทางมาได้ทันเวลา ส่วนหนึ่งก็คือจ้าวเวยหลงและอู่อี้เทียน ซึ่งรายหลังนั้นแปลกใจไม่น้อยที่ชื่อของเขาเป็นหนึ่งในคนที่ ‘ต้อง’ มาเปิดร่วมพินัยกรรม ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขานั้นเรียกว่าแทบไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับจ้าวลี่หยาง แม้ว่าจะคิดไว้ก่อนแล้วว่าเขาคงไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับพินัยกรรมฉบับนี้ แต่เมื่อถึงกำหนดการเขาก็ยอมลุกขึ้นจากเตียงหลังใหญ่โดยไม่อิดออด ผิดกับหญิงสาวที่เขาร่วมเตียงตลอดคืนที่ผ่านมา

    “นอนเถอะครับ อีกนานกว่าจะถึงบ้าน” อู่อี้เทียนหันบอกคนที่นั่งเคียงกันอยู่ตอนหลังของรถ ตอนนี้ทั้งเขาและมาสฟ้านั้นอยู่ในชุดลำลองกึ่งทางการ กำลังมุ่งหน้าไปยังบ้านเก่าของตระกูลจ้าวโดยมีเหล่าหวังและทีมบอดี้การ์ดของตระกูลอู่คอยอารักขาความปลอดภัย

    “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไหว” มาสฟ้าบอกปัดด้วยรู้สึกละอายใจที่จะหลับ ทั้งที่อู่อี้เทียนนั้นนั่งหน้าเครียด แต่กระนั้นมาสฟ้าก็รู้ว่าเธอยังไม่ควรถามอะไรเขา หญิงสาวตั้งใจว่าจะปล่อยให้ผ่านการเปิดพินัยกรรมให้แล้วเสร็จเรียบร้อยก่อน...ถึงเวลานั้นหากอู่อี้เทียนยังเครียดอยู่ค่อยถามเขาว่าเรื่องอะไรที่ทำให้เขาเป็นกังวล

    “คุณยังดูเหนื่อยๆ” อู่อี้เทียนว่าแล้วถอนหายใจ พลางกระชับมือเล็กของคนรักที่มีแหวนเกลี้ยงประดับอยู่บนนิ้วนางข้างซ้าย กดมือของมาสฟ้าแนบกับต้นขาแกร่งของตัวเองก่อนจะฝืนยิ้มส่งให้มคนรัก “แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็สวยมากอยู่ดี”

    “เลิกชมฉัน แล้วเล่าเรื่องบ้านตระกูลจ้าวฉันฟังหน่อยสิคะ” มาสฟ้าชวนคุย ขณะที่สายตาของเธอมองไปยังวิวด้านนอกของตัวรถ

    “ไม่มีอะไรให้เล่าหรอก น่าเบื่อจะตายไป” อู่อี้เทียนหน้าเบ้ เขาไม่อยากเล่าอะไรที่เกี่ยวข้องกับตระกูลจ้าวให้มาสฟ้าฟังทั้งนั้น เพราะเขาและเธอไม่มีแผนที่จะอยู่ที่นี่นาน รอแค่แม่เสร็จธุระเรื่องพินัยกรรมเมื่อไหร่ เขาก็ตั้งใจจะพามาสฟ้าออกไปจากที่นี่ทันที “ก็แค่บ้านเก่าๆ ที่ครอบครัวจ้าวตั้งใจเก็บไว้ เอาไว้รวมญาติในวันสำคัญ...อย่างวันปีใหม่ วันรำลึกอะไรทำนองนั้น”

    “แล้วทุกคนต้องแต่งตัวแบบนี้กันหมดเลยเหรอคะ” มาสฟ้ากระซิบถาม แม้ว่าคนรถนั้นจะเป็นคนของอู่อี้เทียนแต่มาสฟ้าก็ไม่อยากให้ใครได้ยินเรื่องที่เธอพูดกับชายหนุ่ม กลัวว่าหากมีใครเอาไปพูดต่อๆ กันแล้ว จะสร้างความเข้าใจผิดได้ ลำพังเธอนั้นมาสฟ้าไม่กลัวหรอกแต่เธอกลัวว่าอู่อี้เทียนจะเดือดร้อน ไหนจะน้องสาวของเธอที่ตอนนี้ก็นับได้ว่าเป็นคนตระกูลจ้าวครึ่งตัวไปแล้ว

    “แม่ผมบอกมาอย่างนั้น ผมเองก็เคยมาที่นี่หลายปีแล้ว...ตอนนั้นเด็กอยู่มาก ผมจำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ” อู่อี้เทียนว่า มุมปากหนาขยับยกเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเองในวัยเด็ก ระหว่างนั้นนิ้วสากระคายก็ลูบที่แหวนบนนิ้วของมาสฟ้าฆ่าเวลาเล่น “แค่วันนี้วันเดียว ถ้าคุณอึดอัดเราไม่ต้องมาแล้วก็ได้”

    “อี้เทียนคะ น้องสาวของฉันยังอยู่ในบ้านนั้นนะคะ เผื่อคุณลืม”

    “อย่างนั้นก็นัดเหมือนฝันออกมาเจอข้างนอก” อู่อี้เทียนแสนอทางออก ในความรู้สึกเขาไม่ว่าอะไรก็ไม่สำคัญเท่าความรู้สึกของมาสฟ้า “บ้านตระกูลจ้าวมันดงเสือ”

    “คุณจงเกลียดจงชังตระกูลจ้าวขนาดนี้แค่เพราะเรื่องหมอดูจริงๆ เหรอคะอี้เทียน” หญิงสาวสอดนิ้วเข้าไประหว่างนิ้วสากระคายของอู่อี้เทียน กระชับมือของเขาไว้แน่จนฝ่ายนั้นเงยหน้ามองเธอด้วยสายตามีคำถาม ทว่ามาสฟ้าไม่ได้เอ่ยอะไร เธอยังถามเขาต่อไป “หรือเพราะเรื่องที่คุณลี่หยางเคยทำกับคุณแม่คุณ”

    ต้องขอบคุณนิมิตที่มาสฟ้าเคยเห็น หญิงสาวจึงรู้เรื่องความสัมพันธ์อันซับซ้อนของครอบครัวคนรักและตระกูลจ้าว เริ่มแรกก็คงเป็นการเลือกสามีไร้หัวนอนปลายเท้าของจ้าวเฟยหรงที่สร้างรอยร้าวขนาดใหญ่กับคนในครอบครัว แต่กระนั้นก็ยังไม่สามารถขวางไม่ให้คุณหนูคนโตตระกูลจ้าวในยามนั้นแต่งงานกับชายคนรักได้

    ต่อมาเมื่อท่านมีอู่อี้เทียนแล้วพาลูกชายกลับมาที่บ้านของตระกูลจ้าว หมอดูที่ถูกเรียกตัวมาในยามนั้นก็ทำนายว่าอู่อี้เทียนนั้นจะเติบโตเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเทียบเขาได้ เสียดายที่เขาจะต้องเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็กและนั่นเป็นฟางเส้นสุดท้าย ที่เกี่ยวชายหนุ่มกับตระกูลจ้าวเอาไว้ขาดสะบั้นลง ตั้งแต่นั้นมาทั้งครอบครัวเล็กๆ ของเขาก็ไม่ได้ไม่มาหาสู่กับบ้านจ้าวอีกเลย และเป็นสาเหตุที่อู่อี้เทียนเกลียดพวกหมอดูเข้ากระดูกดำ ครั้งหนึ่งมาสฟ้ายังพลอยถูกเขาหมายหัวเพราะเขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นหมอดู

    “ผมไม่เคยอาลัยอาวรณ์ตระกูลจ้าวอยู่แล้ว” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ ทว่าสีหน้าสงบนิ่งของเขากลับฉายแววความโกรธออกมาให้มาสฟ้าสัมผัสได้อยู่ “เหตุผลเดียวที่ผมช่วยเวยหลง เพราะผมอยากให้เรื่องนี้จบเร็วๆ สักทีก็เท่านั้น มาสฟ้าคุณก็รู้ว่าทรัพย์สมบัติของตระกูลจ้าวไม่ได้สำคัญอะไรกับผมเลยสักนิด”

    “แล้วถ้าเราเรื่องที่คุณวางแผนไว้ไม่เป็นไปอย่างที่คุณคิดล่ะคะ” มาสฟ้าสบตากับคนรัก แม้ว่าจะปราศจากนิมิตแล้วแต่มาสฟ้าก็ยังพอจะคิดเดาเรื่องราวต่างๆ ได้ โดยปกติแล้วความวุ่นวายทั้งหลายล้วนเกิดขึ้นหลังวันเปิดนัยกรรมนี่แหละ หลายครอบครัวที่มาสฟ้ารู้จักต่างต้องประสบปัญหาแบบบเดียวกันนี้ “คุณจะทำยังไง”

    “ผมพาคุณกลับบ้านได้แน่ครับ ไม่ต้องกลัว” อู่อี้เทียนให้คำมั่น เขาเองก็ไม่ได้อ่อนต่อโลกจนไม่รู้ว่าความวุ่นวายแบบไหนที่รอคอยพวกเขาอยู่ แต่ก็อย่างที่เขาเพิ่งบอกมาสฟ้าไปนั่นแหละ ไม่ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแต่อู่อี้เทียนก็จะพามาสฟ้ากลับบ้านจนได้...บ้านของพวกเขาสองคน

    คำบอกนั้นทำให้มาสฟ้าเผยรอยยิ้มออกมา แม้ไม่แน่ใจว่าอีกนานเท่าไหร่กว่าทั้งเขาและเธอจะหลบพ้นความวุ่นวายที่เกิดจากคนอื่น แต่สิ่งหนึ่งที่มาสฟ้ามั่นใจก็คือหากอู่อี้เทียนรับปากเธอแล้วเขาก็จะทำตามนั้น เพราะเขาเป็นพวกหัวดื้อที่แม้แต่นิมิตของเธอเขาก็ต้องสยบให้เขามาแล้ว และนั่นทำให้มาสฟ้าคิดว่าไม่ว่ายังไงเขาก็จะพาเธอกลับบ้านได้อย่างที่พูด เธอเชื่ออู่อี้เทียน
     

    หนนี้เหมือนฝันไม่ต้องรอเก้ออีกแล้วเมื่อชะเง้อคอมองขบวนรถที่มุ่งหน้ามาในตัวบ้านนั้น หญิงสาวเห็นใบหน้าคุ้นเคยของพี่สาว เธอก็ถึงกับถอนหายใจด้วยความโล่งออก จนหลายคนที่รู้เรื่องความกังวลของเหมือนฝันที่มีตั้งแต่เมื่อวานเช่นซูเจินถึงกับลอบยิ้ม นึกเอ็นดูเด็กสาวที่นำพาชีวิตชีวามายังบ้านตระกูลจ้าวอีกครั้ง แม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าความสดใสในตัวของเหมือนฝันนั้นจะอยู่ได้ยืนยาวอีกนานเท่าไหร่ ท่ามกลางความกดดันและแรงเสียดทานจากครอบครัวของคนรักที่รอเจ้าหล่อนอยู่ก็ตามที

    ซูเจินอยู่กับครอบครัวตระกูลจ้าวมาเนิ่นนานจนเธอแทบจะลืมเลือนเวลาไปแล้ว แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่ถึงกับสิ้นหวัง เธอยังอยากให้ผู้นำตระกูลจ้าวคนต่อไปได้พบกับความสุขและมีคู่ชีวิตที่รักเขาด้วยใจจริง เพราะนั่นจะเป็นสิ่งเดียวที่จะไม่ทำให้พวกเขาสูญเสียความเป็นคนไป ยามที่ต้องจัดการกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาลของตระกูลจ้าว ตัวอย่างก็มีให้เห็นชัดเจน ก็จ้าวเฟยหรงและจ้าวซ่งเยี่ยนนั่นอย่างไรล่ะ

    ดีที่ผู้จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตระกูลจ้าวคือจ้าวเวยหลงไม่ใช่พ่อของเขา เด็กหนุ่มจึงยังพอจะมีความหวังมีจะคู่ชีวิตที่รักเขาและเข้มแข็งพอที่จะอยู่ข้างๆ เขาในฐานะคุณนายตระกูลจ้าวได้ เหมือนฝันแม้จะนับว่าอายุน้อยอยู่แต่หญิงสาวก็สามารถรับมือกับเรื่องต่างๆ ได้อย่างน่าชื่นชม คราวก่อนนั้นเจ้าหล่อนก็แสดงให้เห็นว่าแม้แต่คนคนนั้นจะเป็นตัวจ้าวเวยหลงเองแต่หากเธอไม่พอใจแล้วล่ะ ก็เหมือนฝันก็จะต้องหาหนทางเล่นงานเขาและหนีจากเขาจนได้

    เหตุการณ์นั้นทำให้ซูเจินมองหญิงสาวด้วยความรู้สึกที่เปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้เธอเคยกังขาว่าเหมือนฝันจะเป็นเหมือนอย่างผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เคยเข้ามาข้องเกี่ยวกับจ้าวเวยหลง ที่คิดว่าแค่ทำให้ผู้ชายหลงไหลได้ก็จะสุขสบายไปทั้งชีวิต กระทั่งเจ้าหล่อนนั้นทิ้งจ้าวเวยหลงไปเฉยๆ ไม่แม้แต่จะสนใจว่าจ้าวเวยหลงจะเป็นหรือตายหลังจากนั้น ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเหมือนฝันไม่ได้สนใจทรพย์สินของจ้าวเวยหลงหรือเกรงกลัวอำนาจของตระกูลจ้าวเวย

    เหมือนฝันคงยังไม่รู้ว่าการที่เจ้าหล่อน ทำให้หวางเย่ยอมก้มหัวทำงานให้ได้แค่เพราะคำพูดไม่กี่คำของเธอนั้นเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดไหน ไหนจะจ้าวซ่งเยี่ยนก็สติแตกหลังจากรู้ว่าเหมือนฝันหนีกลับเมืองไทยแล้ว จนพาลด่ากราดจ้าวเวยหลง ว่าเป็นคนโง่งมที่ปล่อยให้เธอหลุดมือไปอีก นั่นทำให้จ้าวเวยหลงจวนจะกลายเป็นบ้าเลยทีเดียว ก็ใครจะคิดว่าแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวจะสร้างเรื่องสร้างราวได้จนาดนี้

    แต่จะบอกว่าเหมือนฝันคนเดียวก็คงไม่ถูก...นอกจากเธอแล้วยังมีอีกคนที่คอยเป็นทัพหลังให้เจ้าหล่อนอยู่ นั่นไงเดินมาโน้นแล้ว ผู้หญิงที่เหมือนจะรู้ทุกความลับทุกอย่งของโลกใบนี้ ไม่บ่อยนักที่ซูเจินจะรู้สึกระย่อยามพบเจอผู้คน คนเปรียบสมือนไม้ใกล้ฝั่งเข้าไปทุกทีอย่างเธอนั้น ชั่วชีวิตท่ผ่านมานี้สามารถบอกได้เต็มปากเต็มคำว่าเธอเคยเจอคนมาทุกแบบแล้ว แต่คนเช่นมาสฟ้านั้นซูเจินก็เคยเจอแต่ก็แค่ครั้งเดียวเท่านั้น

    ทว่าซูเจินไม่มีทางลืมความรู้สึกยามที่ต้องเผชิญหน้ากับบุคคลท่านนั้นไปได้เลย คุณนายตระกูลจ้าวคนก่อนหน้าก็เป็นผู้หญิงแบบเดียวกับมาสฟ้านี่ล่ะ ทั้งสง่างามและเย็นชา...ไม่ใช่คนที่ใครนึกอย่างจะข้องแวะก็สามารถเข้าใกล้เจ้าหล่อนได้ตามใจ จึงไม่แปลกเลยที่คุณจ้าวลี่หยางจะชื่นชอบมาสฟ้าเป็นพิเศษ เพราะเว้นแต่ใบหน้าแล้วทุกอย่างที่แผ่ออกมาจากกายของมาสฟ้า ล้วนให้ความรู้สึกใกล้เคียงคุณผู้หญิงคนก่อนทั้งสิ้น

    ยิ่งมีชายหนุ่มหน้าดุดันยืนเคียงข้างเธออย่างนี้ด้วยแล้ว...มันยิ่งเหมือนกับพวกเขาเป็นคู่รักตัวร้ายที่หลุดออกมาจากนิยายย้อนยุค สวยหล่อกันหมดจนแต่ไม่เป็นมิตรสักกระผีกเดียว

    “พี่ฟ้า”

    “ฝัน” มาสฟ้าไม่รู้ความคิดในหัวของซูเจิน ใบหน้างามหยดนั้นค่อยๆ คลี่รอยยิ้มกว้างออกมาขณะเดินเข้ามากอดน้องสาวร่มอุทรของตนแน่น ก่อนจะผละออกแล้วจับเหมือนฝันพลิกซ้ายขวา ตรวจดูให้แน่ใจว่าน้องสาวของเธอไม่ถูกคนตระกูลจ้าวทำร้าย เมื่อไม่เห็นร่องรอยว่าน้องของตนบาดเจ็บ คิ้วงามที่ขมวดเข้าหากันนิดๆ ก่อนหน้าของมาสฟ้าก็ค่อยคลายลง แต่เป็นเหมือนฝันเองที่ยังจ้องเธอไม่วางตา คล้ายต้องการจ้องไปถึงจิตวิญญาณของพี่สาว

    “มีใครทำอะไรพี่ฟ้าไหมคะ ทำไมถึงมาสาย” คำถามนั้นทำให้มาสฟ้าเบิกตานิดๆ อย่างคาดไม่ถึง ก่อนจะบังคับให้ตัวเองกลับมาสีหน้าปกติอย่างรวดเร็ว ผิดกับร่างสูงที่ยืนอยู่เบื้องหลังอย่างอู่อี้เทียนที่ต้องรีบเสมองไปยังท้องฟ้าเหนือศีรษะ ไม่ได้กลัวว่าเหมือนฝันจะรู้ว่าเขาทำอะไรกับมาสฟ้าบ้างในคืนที่ผ่านมา แต่แค่ยังไม่อยากทะเลาะกับว่าที่คุณนายตระกูลจ้าวตอนนี้ก็เท่านั้น

    “ถ้ามีใครตั้งใจทำอะไรพี่จริงๆ พี่คงมาไม่ถึงนี่หรอก” มาสฟ้ายิ้มอ่อนหวาน ปล่อยให้เหมือนฝันคล้องแขนเข้ากับเธออย่างหวงแหน แต่กระนั้นเธอก็มิวายเหลือบมองคนรักที่ก้าวตามมาเพื่อให้แน่ใจ ว่าอู่อี้เทียนยังไม่จากไปไหนเมื่อเห็นว่าเขาก้าวตามหลังเธอและเหมือนฝันมา มาสฟ้าจึงกลับมาสนใจน้องสาวของเธอต่อโดยไม่ลืมเอ่ยทักทายคนเก่าแก่ของครอบครัวตระกูลจ้าวที่เธอเคยเจอแล้ว “ซูเจิน”

    “การเดินทางเรียบร้อนดีนะคะคุณมาสฟ้า” ซูเจินค่อมหัวรับคำทักทายนั้นด้วยกิริยานอบน้อม เสียยิ่งกว่ายามที่เธอปฏิบัติต่อเหมือนฝันซึ่งเป็นว่าที่คุณนายตระกูลจ้าวคนต่อไป ไม่สนว่าการกระทำนั้นของเธอจะทำให้อู่อี้เทียนที่เดินตามมานิ่วหน้า หรือแม้แต่คนงานในบ้านที่เห็นภาพนั้นจะลอบมองหน้ากันอย่างปรึกษาหารือ ด้วยเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าผู้หญิงคนไหนกันแน่ที่พวกเขาควรจะหวาดกลัว ผู้หญิงที่มาพร้อมกับจ้าวเวยหลงเมื่อวานนี้หรือผู้หญิงอยู่กับอู่อี้เทียน ใครกันแน่คือคุณนายตระกูลจ้าวตัวจริง “คุณชายใหญ่”

    “ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับ” อู่อี้เทียนลอบกลอกตา แค่ซูเจินให้ความเคารพมาสฟ้าเกินเหมือนฝันก็ทำให้คนเขาเข้าใจผิดพอแล้ว นี่เธอยังมาเรียกเขาว่าคุณชายใหญ่อีก นี่ซูเจินคงกลัวว่าคนยังเกลียดเขาไม่พอ “แล้วเรียกแค่อี้เทียนเถอะ ผมขอร้อง”

    “คุณผู้หญิงเตรียมของไหว้ไว้เรียบร้อยแล้ว เชิญคุณชายใหญ่กับคุณมาสฟ้าที่ห้องบรรพบุรุษค่ะ” มาสฟ้าและอู่อี้เทียนต่างหน้าเสียไปเพราะคำนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับมาสฟ้าที่เหลือกตามองเหลือบมองหน้าน้องสาวของตนเชิงถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และคุณผู้หญิงที่ซูเจินว่านั่นไม่ใช่เหมือนฝันอย่างที่เธอเข้าใจใช่หรือไม่

    “เดินไปคุยไปเถอะค่ะ เราสายกันมากแล้ว” เหมือนฝันมีสีหน้ายุ่งยากใจกระซิบบอก แล้วรั้งให้มาสฟ้าเดินตามเธอไปโดยพวกเขานั้นมุ่งหน้าไปยังส่วนลึกสุดของด้านในคฤหาสน์หลังนี้ “ฝันช่วยแม่ของอี้เทียนเตรียมน่ะค่ะ บางอยากพวกผีเขาก็ขอร้องมาเป็นพิเศษ”

    “เรากลายเป็นคุณผู้หญิงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” มาสฟ้าลดเสียงถามน้อง ไม่คิดว่าแค่คืนเดียวเหมือนฝันจะกลายเป็นคุณผู้หญิงของบ้านไปแล้ว นี่เธอพลาดอะไรไปบ้างเนี่ย

    “มีแค่ซูเจินเรียกฝันอย่างนี้ค่ะ” เหมือนฝันตอบโดยข้ามไปว่าตั้งแต่มาถึงนี่เธอก็ไม่ได้เจอญาติคนอื่นของจ้าวเวยหลงเลย ถึงเจอก็เพียงผ่านๆ เหมือนอย่างทีเธอจ้าวโจวเหวินกับลุกชายของเขาเท่านั้น “พี่ฟ้าอย่าเพิ่งโกรธสิ นอกจากพี่ฟ้าฝันก็ไม่มีใครแล้วนะ”

    “เราคุยกับพวกผีไปแค่ไหนกัน ถึงกับขอนั่นขอนี่เชียว” มาสฟ้าบ่น นึกเปรียบเทียบไปถึงบรรดาผีๆ ที่บ้านของเธอกับคุณผีทั้งหลายที่อยู่ที่นี่ว่าช่างเอาแต่ใจ ขนาดตายไปแล้วยังไม่รู้จักปล่อยวางขนาดของไหว้ยังสั่งคนเป็น “ใช้ไม่ได้เลย”

    “ก็แลกกัน เขาเล่าอะไรๆ ให้ฝันฟัง ฝันก็บอกคุณเฟยหรงให้เพิ่มของไหว้เข้าไป” เหมือนฝันอธิบาย อันที่จริงแล้วเธอต้องขอบคุณพวกผีสิถึงจะถูก ไม่อย่างนั้นเธอคงทำทุกอย่างผิดแบบแผนไปหมด เป็นคนต่างบ้านต่างเมืองว่าแย่แล้วนี่กลับต้องมาเกี่ยวดองกับครอบครัวที่มีคนละวัฒนธรรม ถึงจะมีซูเจินคอยช่วยเหลือแต่ว่าซูเจินก็ไม่สามารถอยู่กับเธอตลอดเวลาได้ จะมีแต่พวกผีนี่แหละที่ไม่ยอมห่างตัวเธอ ทั้งยังคอยแนะให้ทำโน้นทำนี่จนคุณจ้าวเฝยหรงเห็นผลงานของเธอแล้วยังลอบพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ถือว่าช่วยๆ กัน ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

    “เราติดสินบนผีเหรอ” มาสฟ้าไม่อยากรู้เลยว่าหากวิญญาณย่าทวดรู้เข้าว่าเหมือนฝันทำอะไรลงไปบ้าง ท่านจะโกรธเพียงไหน แค่คุยกับผีเป็นวรรคเป็นเวรก็ว่าแย่แล้วนี่ถึงกับติดสินบน

    “วิน-วิน ไงคะ” เหมือนฝันยิ้มแฉ่ง ไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ตกทำลงไปนั้นคอขาดบาดตายแม้แต่นิด กลับกันหญิงสาวนั้นคิดว่ามาสฟ้าคิดมากเกินไป สำหรับเหมือนฝันแล้วพวกผีก็ทำได้แต่วนเวียนไปมา ไม่มีทางทำร้ายคนเป็นได้ “อ้อ แล้วพี่ฟ้าก็ต้องระวังคนชื่อโจวเหวินไว้นะคะ เมื่อวานคุณผีชุดกี่เพ้าเตือนให้ฝันระวังเขา”

    “เขาทำอะไรงั้นเหรอ”

    “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่ดูเหมือนพวกคนตายจะไม่มีใครชอบเขาสักคน”

    “ทุกคนเลยเหรอ?” มาสฟ้าทวนคำ ไม่บ่อยนักที่เธอได้ยินว่าพวกผีจะเกลียดขี้หน้าคนเดียวกันแบบไม่แตกแถว

    “ค่ะ โดยเฉพาะผีผู้หญิงที่เรือนบัว” เหมือนฝันกระซิบพลางชี้ไปยังทิศทางของห้องบัวที่เธอว่า เธอเคยผีผู้หญิงคนนั้นเพียงครั้งเดียวแต่เธอไม่มีทางลืมความรู้สึก ยามที่วิญญาณตัวนั้นเคลื่อนกายเข้ามาในห้องทำงานของจ้าวเวยหลงในคืนที่ผ่านมา “คนนั้นน่ากลัว ดุมาก”

    “เขาว่ายังไงบ้างล่ะ เราต้องระวังตัวแค่ไหนก็ยังต้องอยู่บ้านเดียวกัน” คนเป็นพี่สาวถอนหายใจเสียงดัง ตาก็กวาดมองรอบกายพร้อมเก็บข้อมูลเส้นทางในบ้านหลังนี้ ซึ่งซับซ้อนพอควรคงเพราเป็นบ้านเก่าที่ถูกรีโนเวทหลายครั้งหลายคราจนกลายมาเป็นเวอร์ชั่นปัจจุบัน ทั้งของเก่าของใหม่ผสมกันจนแยกไม่ออก “พวกผีไม่มีความคิดดีกว่านี้เหรอ ของไหว้ยังไม่ได้ไหว้...เราดึงออกจากโต๊ะทันอยู่นะ”

    “พี่ฟ้าจะแบล็คเมล์ผีเหรอคะ” เหมือนฝันหันขวับมองพี่สาว ก่อนหัวเราะร่วนอย่างคาดไม่ถึง “ให้ฝันกลัวพี่ฟ้าคนเดียว แล้วปล่อยพวกผีไปเถอะ”

    “พี่แค่คิดว่าพวกผีควรจะบอกอะไรเรามากกว่านี้” มาสฟ้ารู้ว่าเธอนั้นคงทำอะไรไม่ได้ ด้วยมีแค่เหมือนฝันเท่านั้นที่เห็นผี ทั้งตอนนี้นิมิตของเธอยังหายไปอีก...อย่างมากเธอก็คงทำได้แค่เป็นห่วงน้องสาว และคอยช่วยเหลือน้องของตนให้สุดกำลังที่เธอมี “ส่วนเรื่องแบล็คเมล์เอาไว้ก่อนก็ได้ ยังไงเราก็ต้องไหว้บรรพบุรุษของเวยหลงอีกอยู่แล้ว”

    “โอเคค่ะ” เหมือนฝันรับคำอย่างง่ายดาย ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าพวกเขาเดินมาใกล้เรือนไม้ที่เป็นห้องบรรพบุรุษของตระกูลเจ้าแล้ว เรือนไม้หลังใหญ่แบบจีนโบราณนั้นปรากฏในครรลองสายตาเธอ หญิงสาวก็รีบก้มหน้ากระซิบบอกพี่สาวของตน “พี่ฟ้าอย่าตกใจนะคะ ญาติเวยหลงเขาเยอะนิดหนึ่ง”

    “ไม่ต้องห่วงพี่หรอก พี่ไหว”

    “โอเค ถ้ามีอะไรให้รีบบอกฝันเลยนะคะ”

     

     

    ถูกต้องแล้วค่ะคุณมาสของศรี พวกผีนิสัยไม่ดีมันก็ต้องถูกดัดหลังอย่างนี้แหละค่ะ // เกียมเท้าเอววีน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×