NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『Whisper of LOVE • Short Fanfiction』

    ลำดับตอนที่ #43 : ▲ [My hero academia] Wolves and rabbit (Bakugou x Izuku) - Part 8

    • อัปเดตล่าสุด 25 ส.ค. 67


    กดฟังเพลงเพื่ออรรถรสในการอ่านได้นะคะ :)





















           เขาอาจจะเกิดมาท่ามกลางดวงดาวแห่งความโชคร้าย ลูกมนุษย์คนหนึ่งถือกำเนิดมาพร้อมม่านตาสีแดงเพลิง ทั้งที่ครอบครัวของเขาไม่เคยมีพันธุกรรมดังกล่าว

     

           ดวงตาสีชาดทำให้เด็กน้อยเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็นตั้งแต่ยังไม่รู้ความ เขาเริ่มพูดคุยกับสิ่งที่ไม่มีตัวตน และผูกมิตรกับเพื่อนในจินตนาการ ครอบครัวที่เห็นความผิดปกตินั้นคิดว่าลูกชายของตนน่าจะมีอาการทางจิต

     

           แม้จะพาไปพบจิตแพทย์แล้วก็ตาม แต่เด็กหนุ่มกลับยืนกรานว่าสิ่งที่ตนเห็นมีอยู่จริง คนรอบตัวเริ่มมองเห็นดวงตาคู่นั้นเป็นสิ่งน่ารังเกียจและนำพาความโชคร้ายมาให้ รุนแรงถึงขั้นอยากให้ตัวตนของเขาหายไป

     

           สิ่งที่สัมผัสได้เริ่มห่างไกลจากสามัญสำนึกมากขึ้นทุกที เมื่อวันหนึ่งเจ้าตัวได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของอมนุษย์ที่ซ่อนอยู่ในคราบปุถุชนทั่วไป แค่บางโอกาสที่พวกเขาเหล่านั้นจะแสดงร่างที่แท้จริงออกมา

     

    น่าตลกที่สิ่งนั้นกลับน่าสนใจพอๆ กับความเกลียดที่โดนทำลายชีวิตวัยเด็กจนป่นปี้

     

    รู้ตัวอีกที โทมูระ ชิการาคิ ก็หลงไหลในสิ่งที่ไม่ใช่มนุษย์ไปเสียแล้ว

     

           อยากใช้ชีวิตอย่างอิสระ อยากถือครองพลังแข็งแกร่งเหนือธรรมชาติเหล่านั้น ชายหนุ่มได้แต่ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเหตุใดเขาจึงต้องเกิดมาเป็นมนุษย์ที่มองเห็นได้อย่างเดียว แต่ไม่สามารถควบคุมอะไรได้ซักอย่าง

     

           เขาก้าวขาเข้าสู่โลกอีกฝั่ง และละทิ้งสังคมเดิมๆ ของตนทีละนิด ศึกษาสันนิษฐานเกี่ยวกับเรื่องราวฝั่งนั้น แม้จะจริงบ้างหลอกลวงบ้างปะปนกันไป จนได้มารู้จักกับสิ่งที่เรียกว่า ปีศาจชั้นต่ำ

     

           การครอบครองสิ่งใดๆ ก็ตามล้วนมีสิ่งแลกเปลี่ยน อำนาจควบคุมสิ่งเหนือสามัญสำนึกแลกมาด้วยสัญญาเลือด เมื่อเจ้านายใช้เลือด โนมุก็พร้อมจะทำตามคำสั่งทุกอย่างเฉกเช่นทาสผู้จงรักภักดี

     

    มีแค่อำนาจนี้ ก็เพียงพอจะเป็นสิ่งให้ยึดเหนี่ยวจิตใจได้ เมื่อโลกปฏิเสธการมีอยู่ของเขาทุกหนทาง

     

           เมื่อจุดเริ่มต้นเริ่มจากหนึ่ง ก้าวที่สองก็เกิดขึ้นเหมือนขั้นบันได ชิการาคิเริ่มใช้กำลังของเขาต่อรองกับอมนุษย์ที่มีพลังไม่มาก เพื่อแลกเปลี่ยนเอาสิ่งที่ต้องการมาไว้ในมือ

     

    จริงอยู่ว่าชิการาคิหลงไหลในอมนุษย์ แต่ก็ไม่ใช่อมนุษย์ทุกตนที่จะเป็นเป้าหมายของเขาได้

     

    แวมไพร์คือเรื่องเล่าในตำนานที่ยากจะพบเจอแล้วในปัจจุบัน น่าตลกที่สายเลือดแท้คนนั้นกลับอยู่ใกล้ตัวชายหนุ่มกว่าที่คิด เป้าหมายคือการครอบครองพลังที่สามารถควบคุมอมนุษย์ด้วยกันได้ ซึ่งจะเป็นสะพานให้มีอำนาจอีกมากมายในอนาคต

     

    แต่เมื่อได้ติดตาม ยิ่งเข้าใกล้มากขึ้นเท่าไร กลับยิ่งถูกดึงดูดเข้าไปหามากขึ้นทุกที

     

    อันดับแรกจึงต้องกำจัดสิ่งเกะกะรอบตัวให้เรียบร้อยเสียก่อน

     

     

     

     

     

     

     

     

           ม่านตาสีเขียวเปิดขึ้นฉับพลัน อิซุคุเด้งตัวขึ้นนั่งบนเตียงก่อนบีบนวดขมับที่ตึงเครียดของตน เรียบเรียงความคิดใหม่ทั้งที่ยังไม่เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดเท่าไรนัก

     

           มองผ่านหน้าต่างห้อง เห็นไฟจากบ้านหลังข้างๆ ยังเปิดอยู่แล้วได้แต่เม้มปากเข้าหากันพร้อมใบหน้าเห่อร้อน ดึกป่านนี้คัตจังยังไม่นอนอีก ทั้งที่หลังจากโดนกัดไปเมื่อตอนเย็นเจ้าตัวดูอ่อนแรงแถมยังโดนฝนตกใส่ด้วยอีก

     

    เหตุการณ์ตอนนั้นที่เลือดของโนมุกระเด็นใส่ใบหน้าของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ ภาพเหตุการณ์ในวัยเด็กที่ไร้ความสุขของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นมาในความคิดเป็นฉากๆ และมันยังคงดำเนินต่อเป็นเรื่องราวเมื่อเขาหลับตาลงและจมสู่นิทรา

     

    อิซุคุแน่ใจว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ความฝัน แต่เป็นสิ่งที่เขาได้รับผ่าน สัญญาเลือดระหว่างโนมุกับชายคนนั้น

     

    เป็นที่แน่ชัดอีกอย่างว่าแวมไพร์สามารถอ่านความทรงจำของใครคนหนึ่งจากเลือดได้ ต่อให้ทุกอย่างจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ก็ทำให้ได้รับรู้เหตุผลที่หล่อหลอมคนผมขาวให้กลายเป็นแบบนั้นแล้ว

     

    จะว่าเข้าใจก็พูดได้ไม่เต็มปาก แวมไพร์หนุ่มบ่นพึมพำสันนิษฐานต่างๆ อยู่คนเดียว มันทำให้เขาพอจะรู้วิธีรับมือกับมนุษย์คนนั้นมากขึ้น แม้จะเล็กน้อยก็ตาม

     

     

     

     

     

     

     

     

    บาดแผลจากอาวุธเงินยังไม่หายไป พละกำลังหมาป่าของคัตสึกิไม่สามารถรักษาอาการเจ็บป่วยนั้นได้เช่นปกติ ความจริงว่าร่างกายของเขาอ่อนแอกว่าที่เห็นภายนอกคือสิ่งที่ยังไม่ได้เล่าให้เดกุฟัง

     

    ถ้าบอกไปหมอนั่นคงไม่ยอมรับเลือดจากเขา เพราะแบบนั้นตอนนั้นจึงหมดแรงทันทีที่อีกฝ่ายถอนริมฝีปากออก

     

    อาจจะเอาแต่ใจซักหน่อยที่ไม่ต้องการให้เจ้าตัวไปกัดคอคนอื่นอีก แม้จะลำบากแต่เขาก็ยอมเป็นโรงงานผลิตเลือดให้ตลอดชีวิต ใครจะอยากให้พลังแปลกๆ ของแวมไพร์ไปกระตุ้นคนอื่นไปทั่วกันล่ะ

     

    และเพราะเหตุผลนี้ หมาป่าหนุ่มรู้ตัวดีว่าการกำจัดเขาให้พ้นทางจึงทำได้ง่ายดายขึ้น

     

           ความต้องการเข้าถึงตัวอิซุคุของมนุษย์คนนั้นมากจนน่าประหลาดใจ เจ้านั่นรู้จุดอ่อนของหมาป่าและใช้มันเล่นงานเขาจนบาดเจ็บ บาดแผลเดิมยังไม่ทันหายไป กองทัพโนมุก็เข้ามาโจมตีตั้งแต่หัววันอีกครั้ง จนไม่มีเวลาให้ปลีกตัวไปหาเพื่อนตัวเล็ก

     

    หมอนั่นรู้กระทั่งว่าเขาจะปกป้องอิซุคุเสมอในทุกสถานการณ์ จึงได้จงใจแยกออกมาและเลือกกำจัดก่อนเป็นคนแรก

     

           ในตอนที่ร่างกายอ่อนแรง มีหลายครั้งที่พลาดพลั้งโดนโจมตีซ้ำรอยแผลเดิม คัตสึกิรู้ว่าตอนนี้เพื่อนของเขาอยู่ที่ไหน ห่างกันเพียงแค่ช่วงตึกเดียวแต่ด้านหน้ากลับมีแต่ปีศาจคอยขัดขวาง เจ้าตัวใหญ่กล้ามโตวันนั้นก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ไม่ได้มีเพียงหนึ่งแต่รวมแล้วเกือบสิบ

     

    สัมผัสได้ถึงพลังของจิ้งจอกมาจากดาดฟ้า ถ้าไม่ได้คาดการณ์ผิดไปเจ้าหัวสองสีนั่นคงจะอยู่กับเดกุและโดนใครบางคนเล่นงานอยู่เช่นกัน แม้จะทำข้อตกลงกันไว้ว่าจะช่วยกันปกป้องก็ตาม อย่างไรเขาก็ไม่สบายใจที่ไม่ได้ยืนข้างเดกุด้วยตัวเอง

     

    เดกุอ่อนแอแค่ไหนเขารู้ดี ลำพังแค่เสียงดังใส่ก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แล้ว

     

    “หายไปให้หมดซะไอ้พวกโง่ เข้ามาอีกแกได้หัวขาดแน่”

     

    กงเล็บตวัดผ่านแขนข้างหนึ่งของร่างโตจนเกิดบาดแผลลึก หงุดหงิดตัวเองที่ตอนนี้ขยับร่างกายไม่ได้ดั่งใจซักอย่าง ต่อให้แรงตอบโต้ที่ส่งถึงโนมุตรงหน้าจะไม่ได้เบาก็ตาม

     

           หมาป่าหนุ่มพลิกตัวหลบอาวุธที่โดนโจมตีใส่ในจังหวะที่ไม่ทันตั้งตัวแต่ก็ไม่พ้น มีดสั้นเล่มหนึ่งปักลงที่ต้นแขนอย่างจัง โลหิตสีแดงฉานไหลอาบเป็นทางยาว

     

           คัตสึกิดึงมีดเงินที่แม้แค่สัมผัสโดนก็ให้ความรู้สึกร้อนออกจากร่างของตน ก่อนขว้างลงกับพื้นด้วยความโมโห ตวัดสายตามองผู้มาใหม่ที่เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มราวกับอยากฆ่าให้ตาย

     

    เจ้าหมอนี่คือตัวต้นเหตุทุกอย่าง มันกำลังถ่วงเวลาเพื่อเข้าถึงตัวเดกุได้ง่ายขึ้น


    น่าสมเพสนะที่เห็นแกยังติดอยู่ที่นี่ แค่จะไปหาเขายังทำไม่ได้”

     

    “เพราะอ่อนแอแบบนี้ไง ถึงปกป้องอะไรไม่ได้ซักอย่าง”

     

           นอกจากท่าทางจะดูพอใจที่เล่นงานเขาได้ เจ้าตัวยังตั้งใจพูดจายั่วโมโหคนจุดเดือดต่ำ จนเสียงและท่าทีไม่พอใจแสดงออกมาอย่างไม่ปกปิด ถ้าไม่ติดว่าหมอนั่นหลบอยู่หลังฝูงโนมุ เขาคงจะพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อแล้ว

     

    ชีวิตเขาไม่จำเป็นต้องมีแกก็ได้นี่

     

    มึนงงและหนักหัวไปหมด ลำพังแค่ยืนให้มั่นตอนนี้ยังลำบาก เจ้าหน้าซีดนั่นพูดถูกทุกอย่างจนน่าโมโห

     

    ตั้งแต่เมื่อไรกันนะที่เขาปกป้องเพื่อนสมัยเด็กคนนั้นไม่ได้เลย

     

    แม้จะเข้าใจจุดประสงค์ของชิการาคิที่ตั้งใจหาเรื่องกันเท่านั้น แต่การกระทำของชายคนนั้นกำลังแสดงออกว่ามั่นใจว่าเขาไม่มีทางหลุดออกไปจากกลุ่มปีศาจตรงนี้ได้แน่ ร่างผอมเริ่มตรงลิ่วไปหาเป้าหมายโดยไม่ได้สนใจหมาป่าหนุ่มอีก

     

    เคร้ง

     

    เสียงผ่าอากาศดังขึ้นข้างหู หากก้าวไปข้างหน้ามากกว่านี้คงจะบาดเจ็บไปแล้ว เมื่อมีดเล่มเดิมที่เคยใช้ทำร้ายคู่กรณีกลับถูกขว้างกลับมายังเจ้าของของมัน เฉียดปลายจมูกไปแค่นิดเดียวก่อนจะชนกับผนังและร่วงตกลงที่พื้น

     

    ข้ามศพฉันไปก่อนเถอะไอ้โง่

     

    เรื่องความแม่นยำก็ไม่ได้เป็นรองใครที่ไหน สีหน้าและน้ำเสียงของคัตสึกิแปรเปลี่ยนเป็นความเคร่งขรึมที่ดูน่ากลัว ไอ้หมอนี่ชักจะดูถูกเขามากเกินไปหน่อยแล้ว

     

    “ก่อนแกจะลงมือ ฉันนี่แหละจะฆ่าแกก่อน”

     

     

     

     

     

     

     

     

           ความวุ่นวายเริ่มขึ้นอีกครั้งโดยไม่ได้ทันตั้งตัว อาจเพราะเผลอวางใจว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่ปรากฏตัวอีกซักพัก แต่ก็ไม่คาดว่าจะเข้ามาประชิดตัวได้ง่ายดายขนาดนี้

     

           ระหว่างทางเดินไปห้องเรียน อิซุคุโดนมือปริศนาปิดปากแน่น เขาโดนโจมตีจากจุดอับสายตาคน ก่อนรั้งทั้งร่างให้ลอยติดมือไปเพราะแรงที่มากกว่า อุณหภูมิที่สูงเหมือนร่างกายมนุษย์และกลิ่นอายของพลังที่เคยพบเจอ ทำให้เดาได้ในทันทีว่าเป็นใคร

     

    “ฉันน่าจะฆ่านายให้ตายแต่แรก จะได้ไม่ต้องวุ่นวายแบบนี้”

     

    จิ้งจอกที่มีรอยแผลไฟไหม้ทั่วตัว พี่ชายของโทโดโรกิ

     

           หลังจากโดนกระชากตัวมาอย่างทุลักทุเล สิ่งแรกที่แวมไพร์หนุ่มมองเห็นคือพื้นที่บนดาดฟ้า เขารีบผลักกายที่สูงใหญ่กว่าออกอย่างสุดแรง จนหลุดออกมาจากเกาะกุมได้

     

    เปลวไฟสีฟ้าพวยพุ่งจากฝ่ามือของฝ่ายตรงข้ามพร้อมรอยยิ้มน่ากลัว คนมองหน้าซีดจนไร้สีเลือด รอบที่แล้วพลาดโอกาสไปเพราะคัตจังมาช่วย เป้าหมายในคราวนี้ของจิ้งจอกนี่คงเป็นชีวิตเขาไม่ผิดแน่

     

    ใจยิ่งตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อพยายามติดต่อเพื่อนสมัยเด็กอย่างไรก็มีเพียงสัญญาณตอบปฏิเสธ

     

    ลำพังร่างกายที่อ่อนแอของเขาจะรับมือกับจิ้งจอกหนุ่มได้อย่างไร มีแต่ต้องใช้สมองและพึ่งพาพลังแวมไพร์ที่เพิ่งปรากฏแถมยังไม่รู้ว่าใช้อย่างไรด้วย อิซุคุรู้ดีว่าเขาเป็นเครื่องมือที่จะใช้แก้แค้นครอบครัวของอีกฝ่าย ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าจะได้ประโยชน์อะไรจากการฆ่าแกงกัน

     

    กวาดดวงตาสีเขียวมองสภาพรอบตัว ก่อนคำนวณความเสียหายที่พอจะเกิดขึ้นได้ คนตัวเล็กวางมือลงบนกำแพงลวดของดาดฟ้าก่อนส่งพลังเข้าไปจนทำให้เกิดรอยแยก เขาสลับไปจับผนังด้านโน้นทีด้านนี้ที ผลัดกับการวิ่งหลบลูกไฟของอีกฝ่ายด้วยใบหน้าร้อนรน

     

    “โจมตีไปที่ไหนของนาย คิดว่าจะทำอะไรฉันได้หรือไง”

     

    ลำพังแค่หลบให้พ้นก็เต็มกลืนแล้ว ออกแรงวิ่งนิดเดียวก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนหน้าจะมืด

     

    “ผมก็เล็งที่นายไว้ตั้งแต่แรกนั่นแหละ” เสียงรั้วลวดที่เคยอยู่ด้านหลังอิซุคุเริ่มพังครืนลงมา เขารีบแทรกตัวเข้าไปอยู่อีกฝั่ง ก่อนทุ่มพลังทั้งหมดไปยังแผ่นรั้วนั่นที่กำลังจะตกลงใส่เป้าหมายตรงหน้า

     

    ตู้ม

     

    เล่นงานที่ตัวคนตรงๆ ไม่ได้ มันก็ต้องใช้ทางอ้อมแบบนี้ น้ำหนักที่มากมายของรั้วบวกกับพลังของเขาร่วงใส่ดาบิสุดแรง เกิดฝุ่นคลุ้งจนมองไม่เห็นตัวคนว่าได้รับความเสียหายหรือไม่ ทั้งอย่างนั้นอิซุคุก็รีบชิงหนีออกมาจากตรงนั้น

     

    พลังของเขาใช้ได้ผลแค่กับสิ่งของหรือกำแพงแข็งๆ นั่นเป็นทางหนีอย่างเดียวที่คิดออก

     

    อึก

     

    แต่ครั้นยังวิ่งไปไม่ถึงประตูทางออก ร่างที่แข็งแกร่งกว่าก็วิ่งเข้ามาประชิดตัว ก่อนใช้วงแขนรัดคอเขาไว้แน่น มืออีกข้างของเจ้าตัวส่งเปลวไฟร้อนๆ มาไว้ตรงหน้าจนแสบไปหมด

     

    ได้กลิ่นเลือดมาจากร่างที่อยู่ด้านหลัง การโจมตีเมื่อครู่คงทำให้เกิดบาดแผล แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะหยุดอีกฝ่ายไว้ได้ ต่อให้วางกลยุทธ์ไว้ดีเท่าใดก็ไม่เท่าประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชนกว่า

     

    “ลำพังแค่นายไม่มีวันสู้ฉันได้”

     

    ตาย เขาโดนฆ่าตายแน่

     

    รู้ตั้งแต่แรกว่าไม่มีโอกาสชนะ แต่ถ้าไม่ดิ้นรนทำอะไรซักอย่างเขาก็ตายอย่างไร้ค่า ที่จริงมันก็ยังไม่หมดหนทางหลบหนีซะทีเดียว แค่วิธีเดียวเท่านั้นที่ไม่อยากใช้กับใครเพราะรู้ผลข้างเคียงของมันดี

     

    พอได้แล้วโทยะ ปล่อยตัวเขาซะ

     

    เสียงคุ้นหูดังขึ้นพร้อมฝีเท้าของคนรู้จักปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมประตูที่ชนกับผนังดังปัง โทโดโรกิรู้ตัวในเวลาอันสั้นว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขารีบตามมาทันทีที่รู้สึกถึงพลังที่เหมือนของตน

     

    อิซุคุถูกใช้เป็นเครื่องมือแก้แค้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้านั่นรู้ว่าเพื่อนคนนี้สำคัญสำหรับเขา เหมือนกับที่เคยโดนแย่งความรักไปในวัยเด็ก ถ้ากำจัดได้ก็จะสร้างผลกระทบให้เขามากมาย

     

    ลมหายใจของร่างเล็กขาดห้วงเมื่อเปลวไฟสีฟ้าเผาไหม้โดนผมเส้นหนึ่งที่ชี้ฟูของเขาจนเกิดควัน

     

    ช่างมันแล้ว ถ้าไม่ทำแบบนี้ก็ได้เป็นตอตะโกอยู่ตรงนี้แน่

     

           ตัดสินใจฝังเขี้ยวลงบนแขนที่กำลังโอบรัดตัวเองอย่างจัง ด้วยความตกใจ จิ้งจอกคนพี่เผลอสลัดคนในอ้อมแขนออกอย่างไม่ตั้งใจ เป็นจังหวะให้เจ้าของผมสองสีสบโอกาสรีบรับร่างที่เล็กกว่าเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนได้อย่างพอดีจังหวะ

     

    เป็นวันที่เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายด้วยกันตั้งสองสามรอบ อิซุคุเงยหน้ามองเพื่อนร่วมคลาสด้วยความสับสน แต่โทโดโรกิก็ดูท่าว่าจะไม่ยอมคลายอ้อมกอดจากเขาง่ายๆ ราวกับหวงแหนนักหนา

     

           ดาบิที่เคยตอบโต้ทุกคำพูดเงียบไปอย่างน่าผิดสังเกต เขากำอกเสื้อตัวเองด้วยความรู้สึกแปลกประหลาด แน่นไปทั้งอกเพราะความปั่นป่วนกำลังเล่นงาน ชายหนุ่มเริ่มหายใจสั้นลงสลับกับมองหน้าแวมไพร์หนุ่มที่ยืนห่างออกไป

     

    ผลกระทบรุนแรงมาก ความรู้สึกแบบนี้

     

    เขาเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมชิการาคิถึงอยากได้ และสั่งห้ามไม่ให้เขาฆ่าเด็กนี่เด็ดขาด

     

    ความต้องการนี่มันอะไรกันและเขาไม่ต้องการให้โชโตะได้ไปด้วย

     

    “กลับบ้านได้แล้วโทยะ” จิ้งจอกหนุ่มไม่ละความพยายามในการโน้มน้าว ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของคนตรงหน้าเสียเมื่อไร โทยะเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่ต้องการความรักและการยอมรับจากครอบครัว แต่กลับมาแตกสลายเพราะความคาดหวังของผู้ใหญ่

     

    “นายทำแบบนี้แล้วได้อะไร มีแต่สร้างบาดแผลให้กันทั้งคู่”

     

    เหตุการณ์ทำให้เป้าหมายเปลี่ยนไปนิดหน่อย ทั้งอย่างนั้นก็หมายถึงการทำร้ายน้องชายตัวเองอยู่ดี

     

    เขาทำร้ายทุกคนที่เกี่ยวข้อง รวมถึงทำร้ายตัวเองที่ต้องการความรักมากกว่าใคร

     

    “คิดว่าพูดแบบนี้แล้วฉันจะกลับไปเป็นลูกชายที่ดีได้หรือไง”

     

    “ไม่ได้บอกให้นายต้องกลับไปรักหมอนั่นซักหน่อย”

     

    “ฉันไม่เคยให้อภัยพ่อเฮงซวยนั่น นายก็ไม่จำเป็นต้องให้อภัยเขา”

     

    ปัญหาทุกอย่างเกิดจากผู้ชายคนนั้น ถ้าเขาไม่ทะเยอทะยานอยากสร้างความสมบูรณ์แบบเพื่อตัวเองขนาดนั้น ครอบครัวก็ไม่ต้องแตกแยกเหมือนทุกวันนี้

     

    ที่จริงแล้วตัวการที่ต้องจัดการคือคนที่มีสถานะว่าพ่อนั่นต่างหาก

     

    “นายไม่ต้องรักใครก็ได้ อย่างน้อยก็รักตัวเองให้มากกว่านี้หน่อยเถอะนะ”

     

    ….

     

    ความรู้สึกทุกอย่างประเดประดังเข้ามาจนจิ้งจอกหนุ่มไม่สามารถรับมือได้ เขาเงียบไปโดยไม่ได้ต่อบทสนทนากับน้องชายอีก ทั้งอานุภาพจากรอยกัดและความรู้สึกเกลียดชังครอบครัวที่ปะปนกันอยู่

     

    เหมือนกับแก้วร้าวๆ ที่พร้อมจะพังทลายลงได้ทุกเมื่อหากโดนกระทบเพียงเล็กน้อย

     

    จบง่ายแบบนี้น่าเบื่อชะมัดเลยว่ะ

     

    เสียงหนึ่งจากคนที่ไม่ได้อยู่ในบทสนทนาตั้งแต่แรกแทรกเข้ามาเรียกความสนใจ การปรากฏตัวของผู้มาใหม่สร้างความตกใจให้อีกหลายคน

     

     

     

     

     

     

     

     

    เขามองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง แต่ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลืออะไรได้เลย

     

    ร่างกายที่บาดเจ็บสะสมมานานอ่อนแอจวนเจียนจะไม่ไหว ออกร้อนไปทั่วตัวจนรู้สึกได้ว่ากำลังมีไข้สูง ทั้งอย่างนั้นก็ยังสามารถฝ่าฝูงปีศาจชั้นต่ำมาจนถึงที่ที่เดกุกำลังโดนเล่นงานอยู่จนได้

     

    ชิการาคิอยู่ตรงหน้าแล้ว แต่กลับวิ่งตามอย่างไรก็ไม่ทัน ลานสายตาตรงหน้ากำลังฉายภาพเจ้าของผมสองสีที่ปกป้องคนในอ้อมแขนจากการโจมตีของพี่ชาย ที่ตรงนั้นที่ไม่ใช่เขาเป็นคนคอยปกป้องเดกุอีกต่อไป

     

    สายตาของเพื่อนสมัยเด็กดูตกใจกับการปรากฏตัวของเจ้าของผมขาว ก่อนจะเลื่อนมาเห็นสภาพบาดเจ็บของเขาแล้วแสดงสีหน้าไม่สู้ดีนัก เวลานี้เขาอ่อนแอเกินไปจนปกป้องใครไม่ได้เลย

     

    มนุษย์เพียงหนึ่งเดียวฉีกยิ้มด้วยความพอใจ หมอนั่นรู้ว่าเขาไม่สามารถสู้ได้อีกแล้ว และคัตสึกิเองก็รู้ดีว่าชายคนนั้นคิดจะทำอะไรต่อไป

     

    ชีวิตของเดกุสามารถอยู่โดยไม่มีเขาก็ได้

     

    ไวเท่าที่ร่างกายจะเอื้ออำนวย คัตสึกิตรงเข้าไปคว้าร่างผอมออกจากวงแขนของคนอื่น เขากอดรัดร่างที่คุ้นเคยไว้แน่น น้ำหนักทั้งร่างถาโถมจนร่างของคนทั้งคู่กลิ้งไปกับพื้นไปพร้อมๆ กัน

     

    ทุกอย่างหยุดนิ่งลงพร้อมบรรยากาศเงียบกริบ อิซุคุลืมตามองเจ้าของอ้อมกอดด้วยความตกใจ แต่ก็ต้องพบว่าเจ้าตัวหมดสติไปแล้ว กลิ่นคาวของโลหะคละคลุ้งไปทั่วทั้งพื้นที่พร้อมความรู้สึกเปียกชื้นที่ไม่น่ายินดีนัก

     

    เพราะชิการาคิรู้ดีว่าไม่ว่าอย่างไรหมาป่าหนุ่มก็ต้องปกป้องเพื่อนของเขา จึงใช้มันเป็นการตัดสินครั้งสุดท้าย

     

           แวมไพร์หนุ่มรู้สึกหายใจไม่ออก ความรู้สึกอัดแน่นเข้ามาเหมือนมีมือมากำก้อนเนื้อใต้อกของเขาจนแหลกสลาย มือไม้เริ่มเย็นลงและสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ เมื่อสายตามองไปเห็นมีดเล่มหนึ่งที่ปักอยู่ตรงกลางหลัง ตรงกับตำแหน่งหัวใจของร่างสูงข้างกัน

     

     

    ทุกอย่างกำลังนิ่งสนิทเหมือนถูกหยุดเวลา อากาศโดยรอบโดนริบออกไปจากทางเดินหายใจ เจ็บปวดเหมือนใจจะขาดลงอยู่ตรงนี้เมื่อประมวลผลทุกอย่างได้

      








              

    กรี๊ด ขมมาก ขมอะไรขนาดนี้
    ไม่ใช่แค่เดกุใจจะขาด คนอ่านก็ใจจะขาดเหมือนกันค่ะ
    ปมของตัวละครแต่ละตัวเยอะเหลือเกิน

    ขอโทษที่รอบนี้หายไปนานเลยนะคะ 
    ไรเตอร์เองก็มีปัญหารุมเร้าในชีวิตมากมายค่ะ;-; กำลังพยายามจัดการตัวเองอยู่
    มีฟิคเรื่องใหม่ที่อยากแต่งอยู่เหมือนกัน ยังไงจะรีบอัพเรื่องนี้ให้จบนะคะ
    ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามกันอยู่มากๆ เลยค่ะ


    แล้วพบกันพาร์ทหน้าค่ะ :)



     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×