NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

  • มีการบรรยายฉากกิจกรรมทางเพศ

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    『Whisper of LOVE • Short Fanfiction』

    ลำดับตอนที่ #42 : ▲ [My hero academia] Wolves and rabbit (Bakugou x Izuku) - Part 7

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ค. 67


    แอบแวะมาเปลี่ยนเพลงนิดหน่อยค่ะ อิอิ :)


    **Warning: Love scene PG 13-15+**


















    ประเด็นหลายอย่างยังไม่คลี่คลาย ปัญหาใหม่ๆ ก็เข้ามาแทรกจนไม่แน่ใจว่าควรรับมือเรื่องใดก่อน เป็นความจริงว่าประเด็นของสองพี่น้องตระกูลโทโดโรกิยังไม่ชัดเจน และความจริงว่าพี่ชายคนโตของฝ่ายนั้นร่วมมือกับชิการาคิก็ยังไม่เปลี่ยนไป

     

           คัตสึกิถูกพามาส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัย คนผมขาวยอมถอยทัพกลับไปอย่างง่ายดายจนน่าตกใจ อาการบาดเจ็บของลูกชายทำให้คุณน้ามิตซึกิใจหายไม่น้อย อิซุคุตัดสินใจเปิดปากเล่าเรื่องราวทุกอย่าง ว่าเขาและคัตจังกำลังเป็นเป้าหมายของใครบางคน แต่ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดลึกขนาดว่าคนพวกนั้นกะเอาชีวิตเสียทีเดียว

     

    พอรู้ถึงการมีอยู่ของอมนุษย์ประเภทอื่นๆ แม่ของเพื่อนสมัยเด็กก็ดูจะไม่ตกใจเท่าไรนัก เธอไม่ได้ขับไสโทโดโรกิที่แนะนำตัวเองว่าเป็นจิ้งจอก อมนุษย์ปะปนอยู่ในชีวิตประจำวันอยู่เต็มไปหมด พวกเขาก็ต่างรับรู้ถึงกันและกัน แต่แค่ใช้ชีวิตเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเท่านั้น

     

    แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาวนเวียนอยู่รอบตัวอิซุคุมากขนาดนี้

     

    พอคิดว่าแวมไพร์มีพลังดึงดูดอมนุษย์ด้วยกันอยู่ เธอจึงทำความเข้าใจได้ไม่ยากเท่าไร

     

           คนทั้งสามรวมตัวกันอยู่ในห้องของคัตสึกิด้วยบรรยากาศหนักหน่วง เจ้าของบ้านที่แม้รอยบาดแผลจะไม่ได้อันตรายถึงชีวิตแต่กลับดูอ่อนแรงจนผิดสังเกต แวมไพร์หนุ่มบรรจงทำแผลให้เพื่อนหมาป่าอย่างเบามือ แม้กลิ่นโลหิตจะรบกวนสมาธิ แต่ก็ไม่ได้มากเท่าความรู้สึกผิดที่ตนเป็นเหตุผลให้เกิดเรื่องแบบนี้

     

    ปกติอีกฝ่ายคงจะสะบัดมือหนีแล้วถ้าเขาทำแผลให้ แต่คราวนี้กลับนั่งนิ่งๆ ไม่รู้ว่าเพราะตอนนี้มีโทโดโรกิอยู่ด้วยหรือเปล่า

     

    ดวงตาคู่คมจ้องหน้าเจ้าของผมสองสีอย่างคาดโทษ สัมผัสได้ลางๆ ว่าระหว่างหมอนี่และเดกุมีมีพันธะสัญญาบางอย่างที่ทำให้เจ้าตัวยอมอยู่ใต้อำนาจ และมันคงไม่พ้นสาเหตุมาจากรอยแผลเป็นสองจุดบนแขน

     

    กัดไปแล้วจริงๆ ด้วยสินะ

     

    “เห้ย ไอ้หัวสองสี เล่าเรื่องทุกอย่างที่แกรู้มาซะ” บาดแผลจากเงินบริสุทธิ์สร้างความเสียหายให้ร่างกายของเขามากกว่าที่คิด คัตสึกิไม่มีแรงไปเสียงดังใส่เพื่อนตัวเล็กตามปกติ จึงเข้าประเด็นที่กำลังขุ่นเคืองอย่างไม่อ้อมค้อม

     

           ม่านตาสองสีมองหน้าเจ้าของผมสีอ่อนสลับกับคนตัวเล็ก คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างคิดไม่ตก เป็นเขาเองที่ดึงคนทั้งคู่เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เดิมแล้วสิ่งที่อิซุคุต้องการมีเพียงการใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเท่านั้น


    เรื่องทุกอย่างเริ่มต้นจากครอบครัวที่ไร้ความอบอุ่นของเขา

     

           ตระกูลโทโดโรกิเป็นจิ้งจอกสายเลือดแท้ที่ดำรงอยู่มาอย่างช้านาน พวกเขาพันผูกอยู่กับความเชื่อของคนในประเทศมาตั้งแต่โบราณ นามสกุลเป็นที่รู้จักในนามตระกูลนักธุรกิจชื่อดังในประเทศ

          

    โทโดโรกิ เอ็นจิ หรือพ่อของเขาแต่งงานกับแม่ที่เป็นจิ้งจอกสายเลือดแท้เช่นกันเพื่อผลประโยชน์ระหว่างสองตระกูล เขาไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าระหว่างคนทั้งคู่มีความรักให้กันบ้างหรือไม่ พ่อที่ต้องการจิ้งจอกที่มีพลังไฟทรงพลังให้กำเนิดบุตรหลายคน บุตรคนโตคือผู้มีพลังไฟร้อนสูงที่สุด แต่กลับไม่ทรงพลังและทำลายตัวเองทีละนิด ส่วนบุตรคนที่สองและสามต่างก็มีพลังเพียงเบาบางเท่านั้น

     

           โทยะที่เป็นลูกคนโตจึงแบกความคาดหวังที่มากมายของพ่อไว้บนบ่า เขาทำตามความต้องการนั้นมากเกินไปจนกลายเป็นความกดดันที่ทับถมตัวเอง จนเวลาได้ดำเนินมาจนถึงวันที่บุตรชายคนเล็กถือกำเนิดขึ้นมา จิ้งจอกที่แม้จะไม่ได้มีพลังไฟร้อนสูง แต่กลับทรงพลังทัดเทียมกับผู้เป็นพ่อ

     

           ใช่ว่าชีวิตของโชโตะจะได้รับความรักมากกว่าพี่น้องคนอื่น พ่อกลับเอาความคาดหวังมาลงที่เขาแทนผู้เป็นพี่ ชีวิตของชายหนุ่มโตมากับการฝึกฝนอย่างเข้มงวด เสียช่วงเวลาวัยเด็กไปจนกลายเป็นคนไร้มนุษย์สัมพันธ์

     

           ตอนนั้นเองที่โทยะเริ่มลดคุณค่าของตัวเองลง บุตรคนโตที่พ่อเคยให้ความสำคัญกลับโดนละทิ้ง ในสายตาเขาโชโตะกลายเป็นผู้ได้รับความรักจากทั้งพ่อและแม่มากกว่าผู้อื่น พ่อจัดการทุกอย่างที่จะเป็นประโยชน์ให้กับน้องชายคนเล็กโดยที่ไม่หันกลับมามองเขาด้วยซ้ำ

     

           ตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มเลือกหันหลังให้กับครอบครัวเฮงซวยนี้ ครอบครัวที่มองเห็นความสำคัญของลูกจากพลังที่ถือครองเท่านั้น พ่อไม่เคยสังเกตเห็นแผลไฟไหม้ตามตัวของเขาด้วยซ้ำ ในเมื่อชีวิตของเขามันไร้ความสุขเช่นนี้ ครอบครัวที่ละทิ้งเขาก็ต้องไม่มีมันด้วยเช่นกัน

     

    โดยเฉพาะน้องชายคนเล็กที่เป็นเหมือนหัวใจของตระกูลจะต้องถูกทำลายของสำคัญจากชีวิตไปทีละอย่างจนไม่เหลืออะไร

     

    “ฉันต้องพาคนที่เคยหลับหูหลับตาว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกลับมา” ตอนนั้นชายหนุ่มมัวแต่สนใจความทุกข์ของตัวเองจนมองข้ามการแตกสลายของพี่ชายไป

     

    ตัวปัญหาของตระกูลโทโดโรกิไม่ใช่บุตรชายคนโต แต่เป็นหัวหน้าตระกูลต่างหาก

     

    บางครั้งสาเหตุของอาชญากรรมที่น่ากลัวก็มาจากประเด็นเล็กๆ ในครอบครัว ชีวิตวัยเด็กของผู้ก่อเหตุมีผลต่อการกระทำของพวกเขามากเกินกว่าครึ่ง แวมไพร์หนุ่มพอจะเข้าใจเรื่องทุกอย่างมากขึ้นบ้าง แต่ก็ยังไม่อาจเข้าใจได้อยู่ดีว่าเขาไปเกี่ยวพันกับชายหน้าซีดผมขาวคนนั้นได้อย่างไร

     

    “ถ้าอย่างนั้นทางพวกผมก็ต้องหาทางรับมือกับผู้ชายคนนั้น

     

    “ยังไงร่วมมือกันก็ดีกว่าแยกกันจัดการครับ” ทันทีที่อิซุคุเสนอ เพื่อนสมัยเด็กก็ส่งเสียงหงุดหงิดในคอขึ้นมา

     

    “ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”

     

    เจ้านั่นสนใจเดกุเพราะเจ้าตัวดึงดูดอมนุษย์ได้ มีแค่เหตุผลเดียวเท่านั้นเองหรือ คัตสึกิไม่อยากเชื่อใจเท่าไรนัก

     

    ด้วยเหตุผลดึงดูดแล้วมันทำให้อะไรดีขึ้นได้หรือไง เป็นปมในวัยเด็กที่ต้องการให้คนอื่นสนใจอย่างนั้นหรือ สิ่งที่หมาป่าหนุ่มได้รู้จากการประมือเมื่อวานมันไม่ใช่เรื่องปกติ ฝ่ายนั้นเก่งเรื่องการใช้กำลังและการต่อสู้ หมอนั่นรู้จุดอ่อนของอมนุษย์แต่ละประเภท แต่เขาเองก็มีประสาทสัมผัสที่เฉียบคมไม่ต่างกัน

     

    ดูเหมือนเพื่อนสมัยเด็กของเขาจะไม่ได้ดึงดูดแค่อมนุษย์แล้วสิ

     

    “ฉันจะบอกอะไรให้ ไอ้หน้าซีดนั่นเป็นแค่มนุษย์เท่านั้น”

     

     

     

     

     

     

     

     

    เป็นเวลาซักพักแล้วที่พี่ชายของโทโดโรกิและชิการาคิไม่ปรากฏตัว สิ่งที่ติดอยู่ในความคิดของชายหนุ่มมาตลอดคือความจริงว่าตัวตนของฝ่ายนั้นเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น สัญชาตญาณของคัตจังไม่เคยผิดพลาด เท่ากับว่าเขารับรู้ถึงการปะปนอยู่ของอมนุษย์ในโลกนี้มานานพอสมควร

     

    คัตสึกิอาการดีขึ้นจากการบาดเจ็บแล้ว แต่จำเป็นต้องอาศัยโทโดโรกิเป็นหูเป็นตาช่วยปกป้องเพื่อนสมัยเด็กอย่างเลี่ยงไม่ได้ แม้จะไม่ใช่มนุษย์ แต่ชีวิตประจำวันของพวกเขาก็ดำรงอยู่ในฐานะนักศึกษาธรรมดาเท่านั้น โดนด่าจนหูชามาแล้วว่าถ้าไม่ติดเรื่องชิการาคิ ปัญหาของสองพี่น้องก็ไม่ใช่เรื่องที่แวมไพร์หนุ่มจะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องเลยด้วยซ้ำ

     

    วันนี้อิซุคุรู้สึกอ่อนเพลีย พอมาคิดดูอีกทีมันก็ถึงเวลานั้นแล้ว ที่ความต้องการเลือดของเขามันจะกลับมาอีกครั้ง

     

    เรื่องนี้เป็นปัญหาเรื้อรังที่หาทางแก้ไม่ได้ซักที มันจะไม่มีทางหายไปถ้าเขายังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ ซึ่งก็คือต้องทนอยู่ในสภาพแบบนี้ไปอีกยี่สิบสามสิบปี จนกว่าช่วงเวลาฮีตมันจะค่อยๆ ลดลงตามอายุ

     

    เพื่อนสมัยเด็กของเขาสังเกตเห็นเรื่องนั้น ใบหน้าซีดเซียวไร้เรี่ยวแรง ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้ยินคำนั้นออกมาจากปากอีกฝ่าย

     

    กัดคอฉันสิถ้ามันหิวขนาดนั้น

     

    พูดพร้อมสีหน้าเรียบสนิท ทั้งยังกระชากคอเสื้อตัวเองออกให้เห็นต้นคออย่างชัดเจนอยู่กลางถนน

     

    พวกเขาอยู่ระหว่างทางไปมหาวิทยาลัย ในพื้นที่สาธารณะที่มีคนยั้วเยี้ยะไปหมด

     

    “ไม่เอาหรอก ผมจะทำแบบนั้นได้ยังไง!” อิซุคุรีบปฏิเสธมือเป็นระวิง ความร้อนอยู่ๆ ก็ตีขึ้นมาบนพวงแก้ม

     

    โดยเฉพาะกับคัตจังที่เขารู้จักมานานกว่าใคร นี่ก็ไม่รู้ว่ามาอารมณ์ไหนอีกคน บทจะคุยดีด้วยก็โพล่งขึ้นมาเฉยๆ แบบนี้

     

    “ไอ้เนิร์ดโง่ ฉันก็อนุญาตแกแล้วนี่ไง!

     

    “ไม่เอา ผมไม่ได้อยากกัดนายนี่!

     

    “หา! เพราะเป็นฉันเลยไม่อยากกัดหรือไง!

     

    เพราะว่ารู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นต่างหากถึงได้ไม่อยากกัด

     

    “ไม่รู้ๆๆ ผมไม่เอาก็คือไม่เอาสิ!” คราวนี้กลายเป็นคนตัวผอมเสียงดังกลับไปบ้าง ตากลมโตปิดแน่น ปิดหูไม่รับรู้อะไรแล้วทั้งนั้น คัตจังขึ้นเสียงด้วยท่าทางหงุดหงิดแบบที่เคยทำ แต่สิ่งที่แปลกประหลาดคืออีกฝ่ายยังไม่เลิกยื่นคอเข้ามาใกล้ๆ

     

    ผลกระทบนั้นมันไปตกที่เขาคนเดียวก็ยังจะเสนอเรื่องแบบนี้มาให้อีก อาการแบบนี้แค่ดื่มเลือดสัตว์ให้มากกว่าปกติก็พอประทังได้แล้ว

     

           อดไม่ได้ที่จะยื่นมือเข้ามาหยิกแก้มเพื่อนสมัยเด็กแล้วยืดออกอย่างหมั่นไส้ คิ้วเรียวของคัตสึกิกระตุกยิกๆ ก็รู้สึกเจ็บหัวใจแปลกๆ เหมือนกัน อุตส่าห์ยื่นข้อเสนอให้เพราะห่วงว่าจะไปกัดคอคนอื่นไปทั่วอีก ไม่คิดว่าจะปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยแบบนี้

     

    และนั่นก็คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อตอนเช้า ก่อนที่คนทั้งคู่จะแยกย้ายกันไปเรียน

     

     

     

     

     

     

     

     

           ตอนเย็นของวันเดียวกันที่เจ้าของผมสีอ่อนกำชับว่าให้เดินกลับพร้อมกัน หลังแยกกับโทโดโรกิไม่นานนัก อิซุคุก็ทำได้เพียงนั่งรออีกฝ่ายอยู่หน้าตึกเรียน อาการหิวทำให้เขาหน้ามืดเล็กน้อย คงมีเหตุสุดวิสัยที่ทำให้อีกฝ่ายต้องเลิกช้ากว่าเวลาที่นัดหมายกันไว้ จนท้องฟ้าโดยรอบจวนเจียนจะเปลี่ยนเป็นสีส้มเสียแล้ว เมฆหนาขนาดใหญ่ลอยอยู่บนหัวคล้ายจะตกลงมาเป็นฝนในไม่ช้า

     

    เหมาะแก่การโดนบุกโจมตีจริงๆ นะ

     

           พอคิดอย่างนั้นได้คนผมฟูก็หัวเราะแห้งกับตัวเอง เช็คของในกระเป๋าว่ามีทั้งร่มและชุดกันฝนแล้วก็สบายใจ หยิบเอาแก้วสแตนเลสเข้ามาอยู่ในมือ ก่อนเปิดฝาหวังดูดเอาเครื่องดื่มประทังชีวิตระหว่างรอใครอีกคน

     

    จังหวะแย่งชิงเกิดขึ้นเร็วเกินกว่าจะได้ทันตั้งตัว แก้วในมือโดนสิ่งมีชีวิตบางอย่างกระชากไปจนเลือดที่บรรจุอยู่ภายในกระฉอกโดนพื้น เห็นไวๆ ว่าเป็นร่างเล็กๆ ที่รูปร่างเหมือนตุ่นก็ไม่เชิง สมองของมันที่ควรจะอยู่ใต้กระโหลกกลับโชว์เด่นหราขณะหอบวัตถุทรงกระบอกวิ่งกระหืดกระหอบออกไป

     

    บนโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่าปีศาจชั้นต่ำ หรือโนมุอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตทั่วไปอยู่

     

    เพียงแต่พวกมันแทบจะไม่ปรากฏตัวให้ใครเห็น เพราะร่างกายที่อ่อนแอนั้นพ่ายแพ้แม้กระทั่งแรงของเด็กอายุไม่กี่ขวบ ทั้งชีวิตอิซุคุเคยเห็นอยู่แค่ไม่กี่ครั้ง รวมทั้งครั้งนี้ก็ถือว่าแปลกประหลาดเกินไป

     

    คิดจะวิ่งไล่ตามแต่อยู่ๆ ก็หน้ามืดขึ้นมากะทันหัน ทั้งร่างทรุดฮวบลงไปนั่งกับพื้นอย่างหมดสภาพ ชายหนุ่มหอบเหนื่อยอย่างเวทนาในชะตากรรมตัวเอง เขากำลังจะเป็นลมเพราะขาดเลือด ซึ่งสาเหตุก็เพราะมีโนมุมาแย่งเลือดไปอีกที

     

    แต่ถ้าตามไปนี่มันก็กับดักชัดๆ โนมุไม่ได้กล้าพอจะมาแย่งอาหารจากอมนุษย์ชนิดอื่นๆ ที่น่าตลกคืออาหารของมันกับเขาดันเป็นเลือดสัตว์เหมือนกันเสียด้วย

     

    ตัวตุ่นนั่นล่อชายหนุ่มเข้ามาในสวนที่มีต้นไม้ล้อมรอบและอับสายตาคนได้เกือบสำเร็จ มันรีบวิ่งเข้าไปในพุ่มไม้ก่อนจะมีเสียงซ่อกแซ่กดังให้ได้ยิน ไม่นานนักโนมุตัวที่สองที่สามก็เริ่มปรากฏตัวให้เห็นรอบๆ ตัว หยาดฝนค่อยๆ โปรยปรายลงมาจากฟ้าอย่างเชื่องช้า แม้ไม่ได้รุนแรงแต่ก็มากพอจะทำให้ร่างผอมบางเปียกปอนได้

     

    ถ้าโนมุแพ้แม้กระทั่งเด็กน้อย อิซุคุที่โลหิตจางก็พ่ายแพ้โนมุได้เช่นกัน

     

    แปลกเกินไป ปกติแล้วโนมุจะไม่รวมตัวอยู่เป็นฝูงแบบนี้ นอกเสียจากมีผู้นำที่สร้างความหวาดกลัวพอจะปกครองพวกมันได้ ใครบางคนควบคุมมันให้มาเล่นงานเขา ทำได้เพียงยิ้มแห้งอย่างไม่คาดหวังอะไร เพราะมันช่างคาดเดาได้ง่ายเหลือเกิน ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่ามนุษย์ทำแบบนั้นได้อย่างไรก็เถอะ ตอนนี้ชายหนุ่มไม่อยู่ในสถานะที่จะต่อกรกับใครได้เลย

     

    แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น อิซุคุเห็นภาพโนมุตัวสูง ร่างกายทุกอย่างมีกล้ามเนื้อเหมือนมนุษย์ ต่างก็ตรงแค่สมองของมันอยู่นอกกระโหลก กับดวงตาปูดโปนและชุดฟันที่แหลมคม ดูอย่างไรก็เป็นปีศาจอย่างไม่ต้องสงสัย ร่างนั้นพุ่งตรงมาที่เขาซึ่งผิดจากนิสัยปกติของมัน

     

    ทั้งร่างลอยขึ้นจากพื้นแถมยังอยู่ในอ้อมแขนของปีศาจตัวโต โดยไร้ซึ่งบาดแผลและการทำร้าย คนผมฟูหน้าซีดเผือด ค่อนข้างชัดเจนว่าเขากำลังโดนลักพาตัวอยู่ แต่เพราะเป็นปีศาจชั้นต่ำจึงเคลื่อนไหวได้ช้าเมื่อเทียบกับคนธรรมดานัก ทั้งอย่างนั้นอิซุคุก็ไม่ได้มีเรี่ยวแรงพอจะไปขัดขืนอะไรอยู่ดี

     

    ทำไมจะต้องมาเป็นตอนที่เขากำลังอ่อนแอแบบนี้ด้วย มาเป็นขบวนการแถมยังใช้โนมุตัวเล็กหลอกล่อก่อนด้วยอีก

     

    ให้ตายเถอะเวลาแบบนี้ทำไมใบหน้าของคนๆ หนึ่งลอยขึ้นมาทุกที

     

           จากภาพในหัวกลายเป็นความจริงเมื่อแขนของใครบางคนพุ่งมากระชากร่างของเขาออกจากปีศาจร่างใหญ่ มันรุนแรงเสียจนทั้งร่างล้มลงไปก้นกระแทกกับพื้น ส่วนโนมุก็ได้แผลจนโลหิตบางส่วนของมันกระเด็นมาโดนใบหน้าของเขา

     

    อีกทั้งตอนนี้ฝนก็เริ่มตกแรงมากขึ้นทุกที ทั้งตัวเลยยิ่งเปียกชุ่มเหมือนลูกหมาตกน้ำ

          

    ภาพของเหตุการณ์บางอย่างไหลเข้าสู่การรับรู้ของอิซุคุเป็นฉากๆ เขาไม่แน่ใจนักว่ามันเป็นความทรงจำของใคร ที่แน่ๆ มันสัมพันธ์กับเลือดของโนมุที่กระเด็นมาโดน ส่งให้สติที่เลือนลางอยู่แล้วชะงักไปครู่หนึ่ง

     

    “คัตจัง” สาบานได้ว่าตัวเขากำลังน้ำตาคลอต่อหน้าเพื่อนตัวสูงแน่นอน โนมุตัวตุ่นสามตัวที่เคยอยู่ด้วยกันวิ่งกระจัดกระจาย ทิ้งไว้เพียงกระบอกน้ำที่ของเหลวสีแดงหกละลายไปกันพื้นเฉอะแฉะ และคนมองที่พอประมวลผลทุกอย่างได้ว่าเกิดอะไรขึ้นอย่างกับมีเครื่องฉายภาพ

     

    “แกนี่เป็นแบบนี้ทุกทีเลยนะ”

     

    ฝ่ามือใหญ่ของคนตรงหน้าวางลงบนกลุ่มผมนุ่มของเขานิ่งๆ โดยไม่ได้ออกแรงขยี้ใดๆ สีหน้าที่มองก็ดูจะเหนื่อยหน่ายเต็มทีแล้วเหมือนกัน แวมไพร์หนุ่มรีบก้มลงควานหาร่มสีเหลืองในกระเป๋าเป้ของเขา ก่อนยื่นให้เจ้าของฝ่ามือที่เริ่มจะเปียกปอนไปด้วยอีกคน

     

    อ๊ะ


    แต่อีกฝ่ายกลับออกแรงกระชากทั้งแขนจนร่างที่ผอมกว่าลอยขึ้นมาจนชนกับแผ่นอก อุณหภูมิร่างกายที่อบอุ่นและกลิ่นที่คุ้นเคยของคัตจังลอยฟุ้งอยู่ในประสาทการรับรู้ของอิซุคุ ตอนนี้เขาไม่แน่ใจว่าเสียงตึกตักที่กำลังได้ยินคือเสียงหัวใจของอีกฝ่ายหรือของเขากันแน่

     

    กัดคอฉันซะ ก่อนที่แกจะเป็นลมไปก่อน

     

           เสียงของร่างสูงมันนุ่มทุ้ม ไม่ได้พูดด้วยอารมณ์โมโหเหมือนปกติ อิซุคุส่ายหน้าครืด ตอนนี้พวกเขากำลังยืนตากฝนโดยมีคัตจังที่ยังไม่ได้ปล่อยมือออกจากข้อมือของคนตัวเล็ก ปลายจมูกรั้นฝังอยู่กับแผ่นอกของเพื่อนตัวสูง ก้อนเนื้อใต้อกอยู่ๆ ก็เต้นแรงจนเหนื่อยไปหมด

     

    “ไม่

     

    “งั้นบอกฉันมาว่าทำไมถึงไม่กัด” พอจะดันตัวออกอีกฝ่ายก็ยิ่งรั้งข้อมือไว้แน่นขึ้น อิซุคุไม่แน่ใจว่าเหตุการณ์แบบนี้คืออะไรกันแน่ คัตจังกำลังทำอะไรแปลกๆ แบบที่เขาไม่เคยเห็น พวงแก้มร้อนผ่าวขึ้นมาทั้งๆ ที่ใบหน้ากำลังชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำฝน

     

    “เพราะผมรู้

     

    เสียงเล็กตอบอึกอัก เขาอุตส่าห์แกล้งไม่รู้ไม่เห็นมาตั้งนาน แต่เพราะทำไมยิ่งเป็นคัตจังถึงยิ่งไม่กล้าพูดเรื่องนี้ออกไป

     

    “รู้อะไรวะ”

     

    ..…

     

    “ตอบมา”

     

    โอ๊ย! ผมรู้แล้วว่านายเป็นอะไรหลังโดนดูดเลือดไป!


    …..

     

           คราวนี้เป็นอีกฝ่ายที่เงียบไปบ้าง แวมไพร์หนุ่มค่อยๆ ช้อนตาขึ้นมองคนตัวสูงทั้งใบหน้าแดงเรื่อ แต่ก็ต้องผงะไปเมื่อเห็นสีหน้าที่อีกฝ่ายแสดงออกมามันตรงข้ามกับสิ่งที่คิดเอาไว้

     

    บ้าไปแล้วแน่ๆ คัตจังกำลังยิ้มอยู่ รอยยิ้มน่ากลัวมาก

     

    “ฉันก็รู้ แต่ยอมให้แกกัดอยู่นี่ไง

     

    โอ๊ย แบบนี้มันผิดปกติแล้วมั้ย

     

           ฝ่ามืออีกข้างล็อกต้นคอของเพื่อนสมัยเด็กไปวางไว้ตรงซอกคอของตัวเอง อิซุคุกำลังรู้สึกหายใจไม่ออก หัวใจของเขาเต้นแรงจนหายใจไม่ทัน อุณหภูมิร่างกายของอีกฝ่ายมันส่งตรงถึงเขาทั้งหมดยามที่กายสัมผัสถึงกัน รู้สึกเหมือนจะตายได้ถ้ายังยืนอยู่ตรงนี้ต่อ

     

    “กัดซะ ก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ”

     

    หมอนี่เป็นหมาป่าหรือนักขายประกันกันแน่ไม่รู้ด้วยแล้วนะ ความต้องการเลือดของเขามันก็มีมากเสียด้วย

     

    กรึด

     

           เสียงฝังเขี้ยวและความเจ็บปวดแล่นเข้ามาในการรับรู้ของหมาป่าหนุ่ม อุณหภูมิร่างกายพุ่งสูงขึ้นมากะทันหันเหมือนกับครั้งแรกที่โดนกัด ลมหายใจอุ่นหอบเหนื่อยเคล้ากับลมหายใจของคนตัวเล็กที่กำลังเป่ารดต้นคออยู่

     

           เดกุบรรจงดูดของเหลวสีแดงจากร่างของเขาอย่างเชื่องช้า สัมผัสจากริมฝีปากนุ่มเด่นชัดอยู่บนผิวหนัง แม้จะรู้สึกเจ็บแต่อารมณ์บางอย่างกลับอยู่เหนือกว่าสามัญสำนึกทั้งหมด

     

    ฝ่ามือใหญ่ดันไหล่ลาดของคนตัวเล็กออกห่าง ในยามที่จิตใจโดนควบคุมด้วยความต้องการ สติของชายหนุ่มเหลือเพียงน้อยนิด เขาดึงคางมนของคนตรงหน้าเข้ามาใกล้ ก่อนประกบริมฝีปากลงไปลงบนกลีบปากสีชมพูอย่างไม่รอช้า

     

    เขาถูกผลักออกจากต้นคอของอีกฝ่ายกะทันหัน แม้จะรู้อยู่แล้วแต่แวมไพร์หนุ่มไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้น รสสัมผัสยังคงเคล้าไปด้วยรสชาติคาวปนหวานจากโลหิตของอีกฝ่าย มือเล็กออกแรงตีเบาๆ ไปบนแผ่นอกของเพื่อนตัวสูงเพื่อประท้วงว่าเริ่มหายใจไม่ออก แต่อีกฝ่ายกลับใช้จังหวะนั้นบีบคางเขาแน่น ก่อนจะแทรกลิ้นร้อนเข้ามาทดแทน

     

    คนตัวเล็กกระหายอากาศเหมือนปลาขาดน้ำ อีกฝ่ายตวัดลิ้นเกี่ยวพันกับลิ้นของเขาที่ไม่ประสีประสาจนมึนหัวไปหมด สติที่มีมันก็พาลเลือนรางไปด้วย ร่างกายที่ได้รับเลือดแล้วควรจะมีเรี่ยวแรงกลับอ่อนระทวยขึ้นมาเสียดื้อๆ

     

    เหมือนกับความคิดโดนหมุนปั่นจนไม่สามารถประมวลผลสิ่งใดได้ ไม่แน่ใจนักว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้มันปกติหรือเปล่า แต่เขาก็ทำได้เพียงปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปแบบนั้น

     

    จนกระทั่งอีกฝ่ายค่อยๆ ผละริมฝีปากออกไปอย่างเชื่องช้า

     

           กลายเป็นคัตสึกิที่ค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักศีรษะลงมาวางบนไหล่ของคนตรงหน้าอย่างเชื่องช้า โดยไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น อิซุคุตัวแข็งทื่อ อดไม่ได้ที่จะเผลอกลั้นหายใจโดยอัตโนมัติ หน้าของเขาร้อนราวกับจะไหม้เสียให้ได้เดี๋ยวนี้

     

    คัตจังวางศีรษะนิ่งๆ ทิ้งไว้แบบนั้นท่ามกลางหยาดฝนที่เทลงมา กลิ่นกายของอีกฝ่ายยังติดอยู่ที่ปลายจมูก อุณหภูมิร่างกายที่ส่งถึงกัน ถึงจะรู้อยู่แล้วแต่เขาก็ตัวอุ่นมากจริงๆ

     

    ไม่มีทางรับรู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว

     

    และไม่มีทางรับรู้ได้เลยว่าการเริ่มต้นในวันนี้จะส่งผลต่ออนาคตข้างหน้าอย่างไรกันแน่

     

    “ฉันต้องผูกแกไว้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยหรือไงวะ

     

    “แกจะได้ไม่ไปพัวพันกับอันตรายอีก”

     

    น้ำเสียงนั้นทั้งอ่อนโยนและดูตัดพ้อไปในคราวเดียวกัน คัตสึกิไม่ได้มีเรี่ยวแรงเหลือพอจะทำอะไรไปมากกว่านี้ เขาอยู่ในท่านั้นไปอีกซักพักจนอิซุคุตัดสินใจหยิบร่มขึ้นมากางให้

     

    ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ได้อยากพัวพันกับเรื่องวุ่นวายพวกนี้หรอกเห็นอีกฝ่ายต้องเหนื่อยต้องบาดเจ็บเพราะตัวเองมาก็หลายครั้งแล้ว

     

    ไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้หมาป่าหนุ่มจะตั้งใจ หรือเกิดจากพลังของเขาที่เป็นสาเหตุกันแน่

     

     

    แต่อะไรกันที่ทำให้คัตจังเปลี่ยนไปมากขนาดนี้นะ

      








              

    อ้ากกกก เขินมาก แต่งไปก็เขินเองไปค่ะ อิอิ 
    ผ่านมา 7 ตอนเพิ่งจะมีเลิฟซีน จริงๆ ไรเตอร์แอบมาเปลี่ยนเพลงที่หัวตอนด้วยค่ะ
    ตอนแรกเป็นเพลง Maniac ของ Conan Gray
    ตอนนี้เป็นเพลง Don't leave ของ Tom frane ซึ่งเข้ากับเนื้อเรื่องมากกว่า
    (เพลงดีมากกกก แนะนำลองกดฟังกันดูค่ะ)
    ทีแรกว่าจะแต่งแกล้งคัตจังเยอะๆ เพราะชอบรังแกเดกุ
    แต่แกล้งเยอะๆ ชักสงสารค่ะ หลังๆ น้องคือพระรองทั่นหนึ่งไปแล้ว ให้เขาทำคะแนนซักหน่อย

    จริงๆ คิดว่าเนื้อเรื่องมาได้ประมาณ 70-80% แล้วค่ะ
    เนื้อหาตอนนี้แต่งไปแต่งมาคือยาวมาก5555555 ที่จริงตัดเนื้อหาที่คิดไว้ในหัวออกไปหลายอย่างเลย
    พาร์ทโมเม้นพระ-นางก็สุดแสนจะน้อยจริง มีแต่พาร์ทแก้ปัญหาให้คนอื่น;-;
    ไรเตอร์เลยใส่เซ็ตติ้งไว้ที่ประมาณมหาวิทยาลัยกันค่ะ 
    ให้พวกเขาโตพอที่จะละทิ้งนิสัยเบียวๆ (?) กันได้บ้างแล้ว
    แต่นั่นแหละเนาะคนเรา ต้องลองได้เสียของสำคัญไปถึงค่อยรู้ใจตัวเองเนอะ


    แล้วพบกันพาร์ทหน้าค่ะ :)



     

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×