ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ปรากฏว่าเป็นรัก

    ลำดับตอนที่ #40 : ยอมสักที

    • อัปเดตล่าสุด 21 มิ.ย. 67


    “เขาหน้าตาเหมือนคุณลี่หยางอยู่นะคะ” เหมือนฝันกระซิบบอกจ้าวเฟยหรงหลังจากที่สมาชิกคนสำคัญของครอบครัวจ้าวเดินพ้นไป โดยมีซูเจินและเด็กในบ้านตามหลังพวกเขาไปติดๆ เพื่อไปช่วยจัดการทุกอย่างให้ผู้ที่นับว่าเป็นอาวุโสของครอบครัว “จมูกเหมือนกันมากเลย แต่คนนี้ดุกว่า”

    “ดุเหรอ คำนั้นเพราะเกินไปไหมเธอ” จ้าวเฟยหรงยิ้มมุมปาก จ้าวโจวเหวินในความทรงจำของเธอนั้นไม่ใช่คนดุ เขาเป็นคนที่เพื่อนๆ จะเรียกว่าใจเด็ด ส่วนศัตรูจะพูดถึงเขาว่าเป็นคนโหดร้าย ขณะที่จ้าวลี่หยางที่เหมือนฝันยกขึ้นมาเปรียบเทียบนั้นเป็นนักธุรกิจเขี้ยวลากดินที่ยังต้องคำนึงถึงหลายๆ เรื่องก่อนจะลงมือทำอะไร “จะว่าไปอาของฉันก็เหมือนกับเวยหลงอยู่นิดๆ เหมือนกันนะ แต่เว้นเรื่องเจ้าชู้ไว้อย่างหนึ่ง”

    “เวยหลงไม่ได้น่ากลัวแบบนี้สักหน่อยค่ะ” เหมือนฝันนิ่วหน้า แย้งคำพูดของคนเดียวที่เธอพอจะนับว่าญาติดีได้ด้วยความรู้สึกขัดใจนิดๆ หรือต้องบอกว่าเธอพูดไปแบบนั้นเพราะอยากปกป้องคนรักของตัวเองคงจะถูกต้องกว่า เพราะที่ตั้งแต่กลับมาจ้าวเวยหลงยังวิ่งวุ่นจัดการเรื่องทุกอย่างไม่หยุดจนป่านนี้เธอยังไม่แห็นหน้าเขาเลย

    “เจอครั้งแรกเธอไม่กลัวเขาเลยเหรอ” จ้าวเฟยหรงเหลือบมองเด็กสาว คิดว่าเหมือนฝันจะเป็นคนฉลาดเสียอีก ไม่มีคนฉลาดที่ไหนไม่กลัวคนตระกูลจ้าวหรอก...ไม่เคยมี “สักนิดก็ไม่กลัวเหรอ”
     

    “แรกๆ แค่หมั่นไส้ค่ะ” เหมือนฝันตอบฉะฉาน หวนถึงครั้งแรกที่เธอพบกับจ้าวเวยหลงแล้วก็ถึงกับหลุดยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “แล้วหนูก็ด่าเขาไปนิดหน่อยด้วย ถึงเขาจะทำให้หนูเจ็บตัวจนเข้าโรงบาล แต่สุดท้ายเขาก็ดูแล จ่ายค่ารักษาให้ทุกอย่างนะคะ”

    “ฉันไม่เห็นรู้เรื่องที่เธอต้องเข้าโรงบาลเพราะเวยหลงเลย”

    “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกค่ะ” เหมือนฝันยิ้ม พอดีกับรถคันงามเคลื่อนเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของบ้าน บทสนทนาเรื่องการพบกันครั้งแรกระหว่างเธอและจ้าวเวยหลงจึงต้องจบลงเท่านี้

    ทั้งเหมือนฝันและจ้าวเฟยหรงมองภายในห้องโดยสารของรถ เมื่อเห็นว่าเบาะตอนหลังนั้นวางเปล่า สีหน้าของพวกเธอทั้งสองก็ค่อยเป็นเป็นสับสนและกังวล ห่วงว่าจะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับอู่อี้เทียนและมาสฟ้า กระทั่งหวางเย่ที่รับหน้าที่ไปรับทั้งสองก้าวลงมาจากหลังพวงมาลัยเป็นคนไขข้องข้องใจด้วยคำพูดที่ได้รับมาจากมาสฟ้า

    “คุณมาสฟ้าให้ผมเอากระเป๋ามาส่งให้คุณเหมือนฝันครับ บอกว่าเป็นของที่คุณต้องใช้”

    “แล้วพี่ฟ้าล่ะ ไปไหนทำไมไม่มาด้วย” เหมือนฝันถาม เรื่องกระเป๋านั้นไม่ได้อยู่ในสมองของเธอเลย “ถึงสนามบินแล้วไปไหนต่อ แล้วจะมาตอนไหน”

    “คุณอี้เทียนบอกว่าจะแจ้งเรื่องนี้กับคุณเฟยหรงเองครับ” หวางเย่ตอบพลางเหลือบไปสบตากับจ้าวเฟยหรง กระนั้นเขาก็ยังเล่าสิ่งที่คนของอู่อี้เทียนเล่าระหว่างที่ทยอยขนกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ใส่รถให้เขาฟัง “ตอนที่ผมไปถึงคุณอี้เทียนก็พาคุณมาสฟ้าขึ้นรถของพวกเขาไปแล้ว เหลือแค่ทีมรักษาความปลอดภัยที่มาพร้อมกัน เขาเล่าว่าคุณอี้เทียนกับคุณมาสฟ้าบังเอิญเจอกับคุณเหวิน แล้วก็คุยอะไรกันนิดหน่อย สีหน้าคุณอี้เทียนดูไม่ค่อยดีเลยครับ เอาแต่ซ่อนคุณมาสฟ้าไว้ด้านหลังตลอดเวลา”

    คำบอกนั้นทำให้สีหน้าของทั้งเหมือนฝันและจ้าวเฟยหรงมีแต่ความเคร่งเครียด ทั้งคู่ลอบสบตากันภายในเสี้ยววินาทีก่อนจ้าวเฟยหรงจะออกคำสั่งแก่หวางเย่

    “ตามฉันมา”

     

     

    ความรู้สึกง่วงงุนของมาสฟ้านั้นหายไปเป็นปลิดทิ้งตั้งแต่ที่เธอออกมาจากใต้ฝักบัว หญิงสาวแทบจะรอไม่ไหวที่จะพุ่งตัวเข้าห้องน้ำหลังจากที่เธอและอู่อี้เทียนมาถึงบ้านพักของจ้าวเวยหลง ซึ่งตอนนี้เหลือแค่ทีมรักษาความปลอดภัยของอู่อี้เทียนพำนักอยู่ที่นี่ จะเพราเหตุผลกลใดเรื่องถึงกลายเป็นอย่างนี้นั้นมาสฟ้ายังไม่มีโอกาสถามจากชายคนรัก แต่เธอมั่นใจว่าทุกการตัดสินใจอู่อี้เทียนล้วนคำนึงถึงความปลอดภัยของเธอเป็นหลัก ดังนั้นมาสฟ้าจึงไม่ได้กังวลอะไร

    แม้ว่าตั้งแต่มาถึงที่นี่เขาก็แยกตัวออกไปพร้อมสีหน้าเคร่งเครียด แต่กระนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะกำชับให้เธอล็อกประตูห้องให้เรียบร้อย สั่งว่าห้ามเปิดให้คนอื่นเว้นแต่เขาคนเดียว ซึ่งมาสฟ้าก็ไม่คิดค้านคำพูดนั้นของชายหนุ่ม เธอเพียงพยักหน้าและมาจัดการตัวเองในห้องของตัวเอง ที่เป็นห้องเดิมที่เคยพักอยู่กับเหมือนฝันตั้งแต่คราวก่อนที่มาเซี่ยงไฮ้มาสฟ้าจึงคุ้นเคยกับมันอย่างดี

    ข้าวของทุกอย่างในห้องของเธอยังถูกวางไว้ที่เดิมแม้เวลาจะผ่านไปเดือนกว่าแล้ว ตั้งแต่ที่มาสฟ้ากลับไปเมืองไทย เห็นได้ชัดว่าเจ้าของบ้านคงให้คนมาทำความสะอาด แต่ก็กำชับว่าห้ามเคลื่อนข้าวของทุกชิ้นเป็นความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้มาสฟ้าลอบพยักหน้ากับตัวเองด้วยความพอใจ และแอบให้คะแนนว่าที่น้องเขยของตัวเองเงียบๆ

    เสียงโทรศัพท์ในห้องนั้นดังขึ้นขณะที่มาสฟ้ากำลังตรวจดูข้าวของในห้องนั้นสะดุ้ง หญิงสาวกระพริบตาติดๆ กันอยู่สองสามครั้งเพื่อตั้งสติ กว่าจะตระหนักได้ว่าในห้องนี้ไม่เชิงเหมือนเดิมเสียทีเดียว เพราะก่อนหน้านี้มาสฟ้าจำไม่ได้ว่าห้องนี่มีติดโทรศัพท์บ้านเอาไว้ด้วย แต่หญิงสาวก็ไม่รอให้เสียงดังแหลมหูนั้นร้องลั่นเป็นครั้งที่สองได้ เธอเดินไปหยิบหูโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู ก่อนหลุดยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยของน้องสาวอยู่ปลายสาย

    “พี่ฟ้า นี่ฝันเองนะคะ”

    “ฝัน เราเองเหรอ” มาสฟ้าถอนหายใจอย่างโลกอก ก่อนจะนึกสะท้อนใจคิดว่าหากนิมิตของเธอยังอยู่ เธอคงรู้ล่วงหน้าโดยไม่ต้องมาคอยลุ้นว่าใครเป็นคนโทร.หาเธอเหมือนตอนนี้ “แล้วนี่โทร.มาได้ยังไง”

    “ฝันใช้โทรศัพท์ที่ห้องทำงานของเวยหลงค่ะ เหมือนจะเพิ่งติดได้ไม่นาน” เหมือนฝันละล้ำละลักบอก ตั้งแต่ที่เธอแยกกับจ้าวเฟยหรงเธอก็ยังไม่วางใจ พยายามหาหนทางที่จะติดต่อกับพี่สาวของเธอ จนได้หนึ่งในพวกพี่บอกเรื่องโทรศัพท์บ้านที่เพิ่งติดตั้งได้ไม่นาน “พวกผีบอกว่าจะติดต่อพี่ฟ้าได้ ฝันลอยลองดู”

    “เราสนิทกับพวกผีๆ ที่นั่นแล้วเหรอ”

    “อย่าให้ฝันเล่าเลยค่ะ” เหมือนฝันกระแทกลมหายใจพร้อมกวาดตามองรอบกาย ที่ไม่ว่าจะมุมไหนก็มีแต่พวกผีล้อมหน้าล้อมหลัง ดีที่พวกเขามาในสภาพปกติติดแค่ว่าซีดเซียวเล็กน้อยจึงไม่น่ากลัวเท่าไหร่ “ว่าแต่พี่ฝันเถอะ ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ หวางเย่บอกว่าพี่ฝันเจอกับคุณเหวินที่สนามบิน”

    “คุณเหวินเหรอ” มาสฟ้าทวนชื่อที่ไม่คุ้นหูนั้นเบาๆ

    “จ้าวโจวเหวิน อาของแม่อี้เทียนยังไงล่ะคะ” เหมือนฝันเฉลย แต่หากกลับทำให้มาสฟ้ายิ่งสับสนกับลำดับญาติของครอบครัวคนรัก “คนแก่ๆ ที่หน้าตาเหมือนคุณลี่หยางที่เราเคยเจอน่ะค่ะ”

    “อ้อ เขาชื่อจ้าวโจวเหวินเหรอ” มาสฟ้าถึงบางอ้อ ไม่ใช่เรื่องยากที่เธอจะคาดเดาถึงใบหน้าของเจ้าของชื่อที่เหมือนฝันพูดถึง จ้าวโจวเหวินคงเป็นใครอื่นไม่ได้นอกจากชายชราที่เข้ามาทักเธอคนนั้น “ใช่จ้ะ เจอ แต่ไม่ได้คุยอะไรมากเหรอก พอเขารู้ว่าพี่ไม่ใช่คุณนายจ้าวคนใหม่เขาก็ไม่สนใจพี่แล้ว”

    “อ้อ อย่างนั้นก็ดีค่ะ” เสียงจากปลายสายนั้นฟังโล่งอกเกินจะกล่าว “ฝันจะได้หมดห่วง คุณป้าเองก็คงกำลังโทร.อี้เทียน พี่ฟ้าได้อยู่ด้วยกันไหมคะ?”

    “ไม่จ้ะ” มาสฟ้ายิ้มขัน ยิ่งได้ยินเสียงผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกของน้องสาวหลังได้ยินว่าเธอไม่ได้อยู่กับอู่อี้เทียน แล้วเธอก็ได้แต่ขบปากเข้าหากันเพื่อกลั้นรอยยิ้ม ก่อนจะเค้นเสียงพูดต่ออย่างยากลำบาก “ไม่ได้อยู่ด้วยกัน พี่อยู่ห้องของพวกเรานั่นแหละ...อี้เทียนออกไปคุยกับคนของเขาได้พักใหญ่แล้ว”

    “อย่างนั้นพี่ฟ้าก็ล็อกห้องดีๆ นะคะ เดี๋ยวฝันให้หวางเย่ไปรับมานี่” ผู้เป็นน้องละล้ำลพลักบอก รู้ว่าอู่อี้เทียนต้องมีแผนบางอย่างอยู่แน่ๆ จึงได้แยกมาสฟ้าออกห่างตน “ฝันถามพวกผีแล้ว จากนี้ไปแค่สองชั่วโมงเอง...ไม่นานหรอกค่ะ”

    “อยู่ไกลขนาดนั้นเชียว” มาสฟ้านิ่วหน้า เธอคิดไม่ถึงว่าบ้านที่เหมือนฝันพำนักอยู่ตอนนี้จะห่างไปถึงสองชั่วโมง “เล่าให้พี่ฟังหน่อยสิ ที่นั่นเป็นยังไงบ้าง”

    “ก็มีแต่ผีเต็มบ้านไปหมดเท่านั้นแหละค่ะ” เสียงเล็กๆ ของเหมือนฝันนั้นฟังดูขัดใจไม่น้อย แต่กระนั้นมาสฟ้าก็ยังฟังต่อไปอย่างตั้งอกตั้งใจ หญิงสาวเดินไปทรุดนั่งที่เก้าอี้นวมทั้งตั้งอยู่กลางห้องทั้งที่หัวยังหมาดน้ำอยู่ ยกเท้าขึ้นมานั่งขดอยู่บนเก้าอี้ทำให้เธอนั้นตัวจ้อยร่อยเมื่อถูกห้อมล้อมไว้ด้วยเก้าอี้เพียงตัวเดียว “ฝันก็ไม่ทันได้ทำอะไรมาก มาถึงก็อาบน้ำนอน...ตื่นมาก็ตั้งใจมารอรับพี่ฟ้าเลย”

    “หืออึ แล้วเราได้อะไรจากพวกผีบ้าง” มาสฟ้ายังคงถามต่อด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ คิดว่าจากนี้อย่างน้อยสองชั่วโมงเธอต้องจมอยุ่กับเก้าอี้ตัวนี้ เพราะเหมือนฝันคงมีเรื่องมากมายเล่าให้เธอฟัง “พี่รู้ว่าพวกญาติๆ มากันครบแล้วใช่ไหม”

    “ถ้าไม่นับว่าขาดพี่ฟ้ากับอี้เทียนก็ครบแล้วค่ะ”

    “พี่ไม่ใช่ญาตินี่”

    “แต่อี้เทียนใช่นี่คะ” เหมือนฝันแก้ ใบหน้างามง้ำงอขณะกวาดตามองรอบห้องทำงานของคนรักอีกรอบหนึ่ง “ตอนบ่ายซูเจินบอกว่าฝันต้องเตรียมความเรียบร้อย พวกเมนูอาหารกับงานเลี้ยงหลังเปิดพินัยกรรม อะไรไม่รู้เยอะแยะไปหมด นี่ถ้าพี่ฟ้าอยู่ด้วยฝันคงเบาใจ”

    “พี่ช่วยเราไม่ได้หรอกนะฝัน นี่มันหน้าที่ของเราจะมาทำตัวเป็นน้องน้อย คอยตามหลังพี่ไม่ห่างไม่ได้หรอกนะ” มาสฟ้ากล่อมน้องสาวสองนาทีของเธอ มั่นใจว่าเหมือนฝันเข้าใจว่าอะไรที่เธอทำได้และไม่ได้ อย่างเรื่องเข้าไปจัดการเรื่องในบ้านของตระกูลจ้าวนั้น ขนาดเหมือนฝันที่เป้นคู่หมั้นของจ้าวเวยหลงลงมือทำเองยังพูดได้ว่าเหมาะสมไม่เต็มปาก เพราะอย่างไรเสียเหมืนฝันก็ยังไม่ได้แต่งเข้าตระกูลจ้าวอย่างเต็มตัว เรื่องที่เหมือนฝันอยากดังเธอเขาไปจัดแจงทุกอย่างช่วยนั้นลืมไปได้เลย ตัวเหมือนฝันเองก็เข้าใจแต่ที่พูดนั้นก็เพราอยากหาเหตุดึงเธอออกห่างอู่อี้เทียนก็เท่านั้นเอง

    “แต่ฝันก็อยากให้พี่ฟ้าอยู่ด้วยนี่คะ”

    “พี่ก็อยู่นี่แล้วไง มีอะไรก็แค่โทร.มา”

    “แต่ฝันอยากให้พี่ฟ้าอยู่ด้วย” เหมือนฝันยังงอแง ไม่มีเลยที่เธอใช้น้ำเสียงแบบนี้แล้วมาสฟ้าไม่ใจอ่อน แต่หนนี้กลับผิดคาดนอกจากมาสฟ้าไม่ใจอ่อนแล้ว อีกฝ่ายยังเสียงเข้มใส่เธออีกต่างหาก

    “ฝัน” สั้นๆ แต่เล่นเอาเจ้าของชื่อหนลุกเกรียว

    “ขา พี่ฟ้า”

    “โตแล้ว มีคู่หมั้นแล้วนะ” มาสฟ้าย้ำ น้ำเสียงที่เจ้าหล่อนใช้พูดกับคนมีคู่หมั้นทำให้เหมือนฝันได้แต่เม้มปากเข้าหากันอย่างขัดใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เว้นแต่จำนนให้กับพี่สาว “เรื่องแค่นี้เอง อีกอย่างเราก็เพิ่งบอกนี่ว่าพวกผีบอกเราว่าต้องติดต่อพี่ทางไหน เราไม่ได้ตัวคนเดียวเสียหน่อยนี่จะกลัวอะไร”

    “ฝันไม่ได้ห่วงตัวเอง ฝนห่วงพี่ฟ้าต่างหากล่ะคะ” เหมือนฝันว่าก่อนจะสั่งเสียงจึ๊กจักในลำคอ “พี่ฟ้าอยุ่กับอี้เทียนแค่สองคนถึงจะมีบอดี้การ์ดของเขาอยุ่ด้วยแต่ฝันก็ไม่ไว้ใจหรอกค่ะ หมอนั่นจ้องจะฮุบพี่ฟ้าลงท้องตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

    “เราห่วงว่าเขาจะฮุบพี่ลงท้อง ไม่ห่วงว่าพี่จะเป็นคนฮุบเขาลงท้องบ้างเหรอ” มาสฟ้าเย้า เล่นเอาเหมือนร้องลั่นจนเธอต้องยกมือถือออกหาจากแก้ว เพื่อรักษาความปลอดภัยของแก้วหู

    “พี่ฟ้า!”

    “ไม่ต้องห่วงหรอกฝัน พี่รับปากว่าอี้เทียนทำอะไรพี่ไม่ได้หรอกถ้าพี่ไม่เต็มใจ”

    “พี่ฟ้าจะนอนกับหมอนั่นไม่ได้นะคะ ยังก็ไม่ได้แต่งงานกัน” เหมือนฝันละล้ำละลัก เธอไม่เคยเป็นคนหัวโบราณแต่เมื่อเป็นเรื่องของพี่สาว เธอกลับทำให้ยอมรับไม่ได้จริงๆ “พี่ฟ้าอย่าทำแบบนี้กับฝันได้ไหม ฝันจะขาดใจตายอยู่แล้ว”

    “เราน่ะหรือจะขาดใจได้กับเรื่องแค่นี้” มาสฟ้าว่าเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนจะเหลือบมองไปยังผนังกระจกเมื่อเห็นความเคลื่อนไหวที่ปลายหางตา เป็นอู่อี้เทียนที่ยังอยู่ในชุดเดิมเดินมาหาเธอนั่นเอง “ไม่เอาน่าฝัน พี่ไม่อยากทะเลาะกับเราเรื่องนี้นะ”

    “แต่พี่ฟ้าไม่นอนกับเขาได้ไหมคะ” เหมือนฝันอ้อนวอน ทั้งที่คิดว่าตนนั้นทำใจเรื่องที่พี่สาวจะคบหาอู่อี้เทียนแต่เมื่อรู้ว่ามาสฟ้าต้อง ‘ทำอะไรอะไร’ อย่างคนทีเป็นแฟนเขาทำกับกับชายหนุ่มเหมือนฝันก็ทำใจไม่ได้ขึ้นมาเสียอย่างนั้น “ฝันขอร้อง...นะ...นะ”

    “พูดอะไรน่ะ ไร้สาระ”

    “พี่ฟ้าขา...ฝันรักพี่ฟ้าที่สุดในโลกเลยนะคะ” เหมือนฝันเว้าวอนอย่างสิ้นหวัง “รักกว่าอี้เทียนอีก พี่ฟ้าเชื่อไหมคะ”

    “เชื่อสิจ้ะ พี่ก็รักเรามากกว่าที่เวยหลงรักเราอีก” มาสฟ้าย้อนอย่างทันกัน เล่นเอาอีกฝ่ายนั้นถึงกับดิ้นพล่านอยู่บนเก้าอี้ทำงานของจ้าวเวยหลง “ฝันเชื่อพี่ไหม”

    “พี่ฟ้า เข้าข้างหมอนั่นชัดๆ เลย!”

    “เราก็เข้าข้างเวยหลงชัดๆ เหมือนกันนี่นา”

    “พี่ฟ้า!”

    “ถ้าไม่มีอะไรแล้วเท่านี้นะจ๊ะฝัน แล้วก็ตั้งใจเรียนรู้ไหม ซูเจินจะได้ไม่เหนื่อยมาก”

    “แต่ฝัน...”

    “พี่รักฝันนะ วางล่ะ” พูดเท่านั้นมาสฟ้าก็ตัดสาย เอื้อมมืออ้อมพนักพิงเก้าอี้ไปวางหูโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ ทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถติดต่อหาเธอได้ เสร็จแล้วมาสฟ้าก็ยิ้มกับตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ

    “เหมือนฝันหาทางติดต่อคุณได้เร็วกว่าที่ผมคิดอีกนะเนี่ย” อู่อี้เทียนที่เพิ่งกดระหัสประตูเข้ามาแล้วทันเห็นภาพน่ารักๆ ของมาสฟ้า นั้นเอ่ยด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม จนมาสฟ้าไม่แน่เขากำลังพึงใจกับเรื่องไหนกันแน่ “นี่รับ ผมให้คนไปซื้อมายังร้อนอยู่ รีบกินสิ”

    “ขนม?” มาสฟ้ารับถุงกระดาษที่ยังอุ่นอยู่จากเขามาแต่โดยดี เมื่อเปิดแล้วได้กลิ่นหอมกรุ่นของขนมที่เพิ่งออกจากเดาใหม่ๆ มาสฟ้าก็ถึงกับร้องครางออกมา ก่อนจะรีบล้วงมือขึ้นไปหยิบขนมมากัดกิน เพียงคำแรกที่เธอกัดเข้าไปใบหน้างามก็พริ้มหลับ พร้อมกับโคลงศีรษะไปมาเมื่อรสชาตในปากนั้นทั้งหอมทั้งอร่อย ถูกใจเธอที่สุด

    “มื้อแรกที่เซี่ยงไฮ้ถูกใจไหมครับ”

    “มากค่ะ” มาสฟ้ายกมือป้องปากที่ยังมีขนมอยู่เต็มปากเพื่อตอบ ก่อนจะกัดขนมอีกคำใหญ่เพราะยังติดใจขนมในมือไม่หาย “ขนมอะไรคะเนี่ย อร่อยจริง”

    “ขนมพื้นๆ ไม่ได้พิเศษอะไร” อู่อี้เทียนนั้นเมื่อเห็นสีหน้าของเด็กเล็กที่ได้กินของอร่อยจากมาสฟ้า ความเหนื่อยล้าทั้งวันของเขาก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง จึงไม่ต้องพูดถึงการให้เหล่าหวังไปต่อคิวเพื่อซื้อขนมนี่ตั้งแต่เช้า หลายชั่วโมงกว่าจะได้มาสักถุงก็ต้องลุ้นว่าคิวก่อนหน้าจะเหมาซื้อไปหมดก่อนหรือเปล่า “เหล่าหวังไปซื้อให้คุณ ไว้เจอเขาค่อยขอบคุณ”

    “เหล่าหวังอยู่ที่นี่ด้วยเหรอคะ” มาสฟ้าเงยหน้าขึ้นมองคนรัก แล้วพบว่าอี้เทียนกำลังเดินมาทางเธอพร้อมกับผ้าขนหนูผืนใหม่เอี่ยมในมือ หญิงสาวจึงรีบโบกมือโบกไม้บอกปัดความช่วยเหลือจากอู่อี้เทียนแม้ว่าจะรู้ว่าบอกปีดไปก็เปล่าประโยชน์ อู่อี้เทียนเป็นคนที่จะทำอะไรแล้วใครก็ขวางเขาไม่ได้แม้ว่าเรื่องที่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อย อย่างการเช็ดผมเธอให้แห้ง “เดี๋ยวฉันเป่าผมเองค่ะ ขอกินชิ้นนี้หมดก่อน”

    “ผมจะทำให้ เช็ดเสร็จคุณจะได้นอน” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก ที่ชวนให้ท้องไส้ของมาสฟ้าปั่นป่วนอย่างไม่มีสาเหตุ พลันเธอก็หวนคิดถึงเสียงอ้อนวอนของน้องสาว ว่าไม่ให้เธอนอนกับอู่อี้เทียนจะได้ไหม

    “ยังสว่างอยู่ค่ะ ฉันไม่ง่วงหรอก”

    “งั้นก็ไม่ต้องนอน” อู่อี้เทียนตอบมาง่ายๆ แบบนั้นมาสฟ้าก็ต้องปล่อยเลยตามเลย รู้สึกว่าเธอพูดมากไปก็ยิ่งทำให้ตัวเองเดือดร้อน ปล่อยให้เขาเช็ดผมให้แบบนี้ก็ไม่ถึงกับเลวร้าย...ใช่ไหม

    ปากอิ่มขยับเคี้ยวขนมที่จู่ๆ ก็กลับหลายเป็นไร้รสชาติในปากเธอเพราะความรู้สึกประหม่า รับรู้ได้โดยสัญชาตญาณและคำพูดสุดท้ายของคนรัก ว่าอะไรที่รอคอยพวกเขาอยู่หลังจากนี้ ยิ่งอู่อี้เทียนขะมักเขม้นกับเส้นผมของเธอเท่าไหร่ มาสฟ้ายิ่งรู้สึกระส่ำระส่ายมากเท่านั้น

    “เอ่อ...ยายฝันโทร.มาค่ะ ถามว่าฉันไม่เป็นไรใช่ไหม” ความเงียบแสนอึดอัดนั้นทำให้มาสฟ้าต้องทำลายความเงียบ และสิ่งที่เธอคิดได้ตอนนั้นก็คือใช้น้องสาวตัวเองมาเป็นหัวข้อสนทนา “บอกด้วยว่าเจอคนที่เราเพิ่งเจอที่สนามบิน เขาชื่อจ้าวโจวเหวิน เป็นญาติของคุณ”

    “ถ้ารู้ว่าเหมือนฝันจะทำทุกทางเพื่อแยกเราขนาดนี้ ผมคงไม่ให้เวยหลงติดโทร.ศัพท์ไว้ในห้องนี้”

    “คุณบอกเวยหลงเหรอคะ?” มาสฟ้าเงยหน้า ไม่ทันคิดว่าคนที่เห็นเจ้าของความคิดที่จะติดโทรศัพท์นั้นจะเป็นอู่อี้เทียน “ทำไมถึงได้เลือกโทรศัพท์บ้านล่ะคะ”

    “ผมคิดว่าถ้าเหมือนฝันทำงานอยู่ที่บ้านโน้น คงอยากจะคุยกับคุณบ่อยๆ ยังไงเราคงต้องอยู่ที่นี่ไปพักใหญ่ อย่างน้อยก็จนกว่าอะไรอะไรจะเข้าที่เข้าทาง” มาสฟ้ารู้ว่าอู่อี้เทียนนั้นคิดเผื่อเธอทุกอย่าง แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้กลับให้เธอนั้นอบอุ่นหัวใจอย่างประหลาด เขารู้จักเธอและน้องสาวเธอดีถึงเพียงนี้เชียว “แต่เหมือนฝันก็เจอโทรศัพท์เร็วกว่าที่ผมคิดไปนิด ผมนึกว่าวันนี้คุณจะเป็นของผมคนเดียว ทีไหนได้โดนน้องสาวคุณแย่งคุณไปตั้งหลายนาที”

    “เหมือนฝันมี...อะไรอะไรคอยช่วยเยอะน่ะค่ะ” มาสฟ้าว่าทั้งรอยยิ้ม กลืนขนมคำสุดท้ายลงคอแล้วก็ถอนหายใจยาวเหยียดด้วยความพึงใจ สีหน้าเช่นนั้นของหญิงสาวทำให้อู่อี้เทียนนั้นรู้สึกหมดทนหาง มั่นใจว่าเขานั้นคงไปไหนจากเธอไม่รอดแล้วจริงๆ

    “ก็คงจะอย่างนั้น” เสียงทุ้มนั้นดังอยู่ที่ข้างหูของมาสฟ้า ทำให้เธอต้องหันหน้ากลับไปมอง ก่อนจะพบใบหน้าคมคายของคนรักนั้นก้มลงมาใกล้จนลมหายใจร้อนๆ ของเรารินรดปลายจมูกของเธอ ความใกล้ชิดที่ไม่ทันตั้งตัวนั้นทำให้มาสฟ้านิ่งขึงราวกับถูกสะกด “ขนมอร่อยมากไหมครับ”

    มาสฟ้าตอบด้วยการผงกศีรษะ เบาที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ แต่นั้นก็ยังเลี่ยงที่จะไม่ให้ริมฝีปากของเธอและเขาแตกกันอยู่ดี นั่นก็เพราะว่าอีกฝ่ายตั้งใจให้มันเป็นเช่นนั้น อู่อี้เทียนลดใบหน้าลงมาหามาสฟ้า คราแรกที่ริมฝีปากของพวกเขาแตะต้องกันเพียงผิวเผินแต่ต่อมานั้นอู่อี้เทียนตั้งใจที่จะประทับจูบหนักๆ บนกลีบปากงามของมาสฟ้า

    รสชาตซาบซ่านที่กลืมปากนั้นทำให้มาสฟ้าครางอยู่ในลำคอ มือก็ยกขึ้นประคองหน้าคร้ามแบบเดียวที่เขาทำกับเธอ เนิ่นนานจนเธอหายใจหอบฮักกว่าที่ชายหนุ่มจะยอมผละจูบ กระนั้นสายตาที่มองเธอก็ยังเต็มไปด้วยแรงอารมณ์และความอาลัยอาวรณ์

    “อื้ม อร่อยจริงด้วย”

    “ขนมก็เหลือตั้งหลายชิ้น” มาสฟ้าเม้มปาก หลุบตามองแผงอกกว่าของอู่อี้เทียนเพราะไม่อาจสู้สายตาร้อนแรงของเขาได้นานกว่านี้ ขณะเดียวกันเธอก็อ้อมแอมว่าแก้อาย “ไม่กินเองล่ะคะ”

    “ไม่ได้พูดถึงขนมสักหน่อย” อู่อี้เทียนว่าเสียงทะเล้น ทรุดนั่งกับเข่าตัวเองจนใบหน้าของพวกเขานั้นอยู่ในระดับเดียวกัน มีเพียงพนักเก้าอี้ที่ขวางกั้นพวกเขาเอาไว้ แต่ในความรู้สึกของมาสฟ้าแล้วต่อให้จะเป็นพนังห้องที่แน่นหนากว่านี้กคงขวางชายหนุ่ม ไม่ให้กลืนเธอลงท้องได้

    “ไหนบอกว่าเช็ดผมเสร็จแล้วจะให้ฉันนอนไงคะ” มาสฟ้าทวงถามถึงคำพูดที่เขาเพิ่งเอ่ยกับเธอ ก่อนจะต้องเป็นฝ่ายหน้าม้านเสียเองเมื่อชยหนุ่มเอ่ยทวนคำพูดของเธอ ให้เธอฟังเช่นเดียวกัน

    “คุณบอกเองว่ายังสว่างอยู่ ไม่ง่วง”

    “นี่คุณตั้งใจจะ...มีอะไรกับฉันตอนนี้จริงๆ เหรอคะ” มาสฟ้าถามอย่างตรงไปตรงมา แต่ประโยคท้ายนั้นหญิงสาวกดเสียงให้เบาลงกว่าปกติ พร้อมกับมองซ้ายมองขวา...ราวกับกลัวว่าจะมีใครเข้ามาเห็นเข้าทั้งที่ห้องนี้มีแค่พวกเขาสองคน และชายหนุ่มก็ล็อกประตูอย่างแน่นหนาตั้งแต่ที่เขาเข้ามาแล้ว มั่นใจได้เลยว่าแม้แต่แมลงสักตัวก็เล็ดลอดเข้าในห้องนี้ไม่ได้ แต่สีหน้าขลาดกลัวของมาสฟ้าก็ช่างน่ารักน่าเอ็นจนทำให้เขาพลอยยิ้มตามไม่ได้

    “ถ้าคุณหมายถึงเซ็กส์ ก็ใช่ครับ” อู่อี้เทียนตอบหน้าตาย “แล้วผมก็รอคุณมาตั้งนานแล้ว ยอมเป็นของผมสักที”

     

    กี๊ดดดดดดด อีตัวร้ายมันจะฮุบคุณมาสคนงามของเราลงท้องแล้วค่ะ กี๊ดๆๆๆๆๆๆ เรื่องนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด // กำหมัด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×