คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Color of Rainbow :: GREEN LEAF :: Chapter 2
สวัสดีค่ะ
พรุ่งนี้แล้ว ปิดกรุงเทพ ฮร่า
มหาลัยของไรท์เองก็ปิดเหมือนกันค่ะ มีใครปิดเหมือนกันไหมคะ ?
วันนี้เอาตอนใหม่มาลงแล้ว คิดว่าหลายๆคนน่าจะเดากันได้แหละเนอะ
ตอนนี้เปิดตัวพระเอกของหนูฟลอร่าแล้วน้า ^+++^ มีใครอยากเจอไหมเอ่ย ?
ยังไงก็อ่านให้สนุกนะคะ ^^
แล้วเจอกันตอนถัดไปค่ะ
ต้นแต้ว.
12/01/57
Chapter 2
เมื่อฟลอร่าก้าวเข้ามาในห้องของเธอที่ตกแต่งด้วยต้นไม้ นานาชนิด ห้องของเธอถูกตกแต่งด้วยโทนสบายตา มีทุกอย่างพร้อมอยู่ในห้อง แน่นอนอยู่แล้วเพราะที่นี่เปรียบได้กับบ้านหลังที่สองของเธอ ฟลอร่ารักที่นี่มาก มีไม่กี่ที่หรอกที่เธอจะไปอยู่ ที่แรกก็คือบ้านของพ่อเธอ คฤหาสน์แห่งเมฆหมอก บ้านหลังที่สอง ก็คือบ้านของแม่เธอ คฤหาสน์แห่งสายรุ้ง และบ้านหลังสุดท้าย ปราการพฤกษา บ้านของเธอเอง ถ้าถามว่าเธอชอบอยู่ที่ไหนมากที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็นบ้านที่มีพ่อกับแม่อยู่ด้วยกัน นั่นก็คือที่คฤหาสน์แห่งเมฆหมอก
เด็กสาวเดินไปที่เตียงนอนของเธอพลางทรุดนั่งลง เด็กสาวเหลือบมองหัวเตียงที่มีโคมไฟดอกไม้อยู่ ก่อนจะหยิบรูปที่ตั้งโชว์ขึ้นมาดู เด็กสาวยิ้มอ่อนๆพลางมองรูปนั้นไปด้วย มันเป็นรูปครอบครัวของเธอที่ถ่ายพร้อมกันทั้งหมด ฟลอร่ามีพี่น้องทั้งหมดเจ็ดคน เธอเป็นลูกคนสุดท้อง เป็นน้องเล็กของบ้าน บางครั้งฟลอร่าก็เหงา พี่ๆของเธอไม่ค่อยมาเยี่ยมเธอเท่าไหร่ เพราะงานของพวกเขาเองก็ยุ่งไม่ใช่น้อย ดูอย่างพี่คนโตสุดของบ้านอย่าง ไวโอเล็ต ที่เป็นมาสเตอร์สอนอยู่ที่นี่สิ ทั้งงานของที่บ้านและงานที่โรงเรียน พี่สาวของเธอสามารถแบ่งเวลาทำได้ทั้งหมด
ฟลอร่าเติบโตมาด้วยความรัก ความอบอุ่น รอบๆตัวเธอเต็มไปด้วยพี่ๆทั้งหกที่แสนใจดี คอยเลี้ยงดูเธอมาเพราะว่า พ่อกับแม่ของเธอไม่ค่อยว่าง ถามว่าฟลอร่าน้อยใจพ่อกับแม่เธอไหม เธอตอบได้อย่างมั่นใจเลยว่า ไม่ เพราะพ่อกับแม่ของเธอจะไม่ว่างสักแค่ไหน แต่พวกเขาก็ยังเจียดเวลามาหาเธอไม่น้อยถึงมันจะนานๆทีก็เถอะ
“พี่คะ ฟลอคิดถึงพวกพี่จังเลย เมื่อไหร่เราจะกลับมาเจอพร้อมหน้ากันอีกครั้ง กลับมาหาน้องได้แล้วนะ” ฟลอร่าว่าพลางลูบรูปภาพนั้นอย่างแสนคิดถึง
ฟลอร่านั่งคิดถึงวันเก่าๆอย่างคิดถึง ก่อนจะวางรูปนั้นกลับไปที่เดิม
“ทำอย่างอื่นดีกว่า”
“สเตลล่า เธอคิดว่าครั้งนี้ท่านพ่อกับท่านแม่จะทำอะไรอีก เธอพอจะเดาได้หรือเปล่า” เลมอนเอ่ยถามหญิงสาวร่างโปร่งแสงที่ลอยอยู่ข้างตัวเธอ ตอนนี้พวกเธอกำลังลอยเหนือท้องฟ้าขึ้นไปอีก พวกเธอกำลังจัดหมู่ดาวอยู่บนท้องฟ้า
หญิงสาวเจ้าของนามสเตลล่ายิ้มน้อยๆ พลางส่ายหัวว่า เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
“ข้าไม่มีความเห็นอะไรทั้งนั้นเจ้าค่ะ นายหญิง” เลมอนถอนหายใจก่อนจะตวัดมือไปยังดาวดวงใหญ่ที่กำลังหมุนผิดทิศและจะทำให้ระบบดาวเคราะห์มันเสียหาย ราวกับเป็นคำสั่ง
“ข้าไม่รู้ว่าท่านพ่อกับท่านแม่คิดจะทำอะไร พวกท่านถึงได้ไปเรียกน้องเล็กออกมาจากป่าแบบนั้น ล่าสุดกว่าฟลอร่าจะหายดีได้ มันก็ใช้เวลาเป็นร้อยๆปีเลยด้วยซ้ำ” เลมอนว่าพลางคิดถึงใบหน้านวลของเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีเขียวอ่อนอย่างรู้สึกผิด
“นายหญิงไม่ผิดหรอกเจ้าค่ะ มันเป็นเหตุสุดวิสัย ทั้งข้าและบรรดาพี่ๆของนายหญิงเองก็ไม่มีใครคาดเดาถึงการกระทำของท่านผู้นั้นได้เลยสักคน อย่าโทษตัวเองไปเลยเจ้าค่ะ นายหญิง” สเตลล่าเอ่ยปลอบเจ้านายของเธอ สเตลล่าเองก็เหมือนกับทรีเรียต่างแค่ว่าสเตลล่าไม่ต้องดูแลปราการพฤกษาเหมือนกับทรีเรีย
“ฉันรู้ พอฉันกลับมานั่งคิด ทั้งๆที่ฉันเป็นพี่สาวของฟลอร่าแท้ๆ แต่กลับช่วยอะไรน้องสาวตัวเองไม่ได้เลย เป็นเพราะพลังของฉันมันแตกต่างจากน้องมาด้วย ก็เป็นได้”
“ตอนนี้นายหญิงอาจจะช่วยท่านฟลอร่าไม่ได้ แต่เชื่อข้าสิคะ ท่านจะได้ช่วยน้องสาวของท่านอย่างแน่นอน”
“ขอบใจนะ สเตลล่าที่อยู่ข้างฉันมาตลอด”
“หามิได้เจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่ทำหน้าที่ของตัวเองเท่านั้น”
“งั้นเหรอ ฟลอร่าบอกว่าคิดถึงพวกข้างั้นเหรอ วิโอเลีย” หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีม่วงที่นั่งขีดเขียนอะไรอยู่บนโต๊ะทำงานของเธอในห้องพักของมาสเตอร์ประจำโรงเรียนเอ่ยถามกับร่างโปร่งแสงของหญิงสาวสูงวัยที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะของเธอ
‘เจ้าค่ะ นายหญิง ทรีเรียฝากข้ามาบอกท่านน่ะ เจ้าค่ะ ทรีเรียยังบอกต่ออีกว่า ดูเหมือนว่าท่านฟลอร่าจะเศร้ามากทีเดียว’ วิโอเลียตอบนายหญิงของเธอกลับ ก่อนจะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะให้กับหญิงสาวคนนั้น
“สงสัยว่า เราคงต้องทานอาหารร่วมกันสักหน่อยแล้วล่ะ จะได้คุยถึงเรื่องที่ท่านพ่อเรียกพวกเราทั้งเจ็ดมารวมกันที่นี่ด้วย ไปเตรียมตัวให้พร้อมนะ วิโอเลีย บอกคนอื่นๆด้วยนะ”
‘เจ้าค่ะ นายหญิง’ วิโอเลียโค้งตัว ก่อนจะหายวับไปในทันที หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีม่วงวางปากกาขนนกในมือลงอย่างเหนื่อยๆ พลางมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างครุ่นคิด
“ท่านพ่อ ท่านแม่คะ พวกท่านคิดจะทำอะไรอีก จะทดสอบพวกลูกงั้นเหรอ ถึงเรียกพวกเรามารวมตัวกันแบบนี้”
“ดูเหมือนว่าลูกสาวคนโตของคุณจะจับได้แล้วนะ ว่าคุณจะทดสอบพวกเขาน่ะ ที่รัก” คลาวด์ว่ากับภรรยาสาวสวยของเขาที่มองเด็กๆจากคฤหาสน์แห่งเมฆหมอก
หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีทองหัวเราะเบาๆ พลางขยิบตาให้สามีตัวเองอย่างเป็นที่รู้กัน
“แน่นอน ลูกสาวฉันก็ต้องฉลาดแบบฉันสิจริงไหมคะ คุณ”
“จ้า คุณน่ะทั้งฉลาดทั้งเก่ง ภรรยาใครน้า” คลาวด์ว่าพลางหยิกแก้มหญิงสาวอย่างหมั่นเคี้ยว
“แน่นอน ถ้าฉันไม่ฉลาด แล้วฉันจะสร้างพวกเขาเหล่านี้ให้มารับมือกับลูกของฉันได้ยังไง จริงไหมคะ” เรนโบว์ว่าพลางมองอีกด้านหนึ่งที่ฉายภาพของเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีมรกตที่นั่งเล่นอยู่ในสวนด้วยสายตาหมายมั่นในอะไรบางอย่าง
วันต่อมา ก็ถึงวันที่ทดสอบคัดเลือกปราการ จริงๆมันไม่ได้สำคัญอะไรต่อฟลอร่าเลยแม้แต่น้อย แต่ในฐานะที่เธอเป็นคนสร้างขึ้นมา ไหนๆก็ขอไปดูการคัดเลือกด้วยหน่อยแล้วกัน เพราะว่าเธอเองก็ไม่ได้เข้างานแบบนี้มาพอควรแล้ว
เด็กสาวเดินเข้าไปตามทางที่รุ่นพี่ในโรงเรียนบอก เธอเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ประจำโรงเรียนที่มีแสตนนั่งเต็มไปหมด แล้วตรงกลางห้องก็มีแท่นอะไรสักอย่าง ถ้าให้ฟลอร่าเดา เด็กสาวก็ว่าน่าจะเป็นแท่นที่เตรียมไว้สำหรับการทดสอบโดยเฉพาะ
เด็กสาวร่างเล็กหาที่นั่งได้สักประเดี๋ยว แกรนด์มาสเตอร์ก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และเริ่มกล่าวเปิดการทดสอบโดยที่เขาจะเป็นคนทดสอบด้วยตนเอง แต่ฟลอร่ารู้ดีว่า การทดสอบต้องทำเช่นกัน และใครคือคนทดสอบตัวจริง
ในการสอบคัดเลือกเพื่อเข้าสู่ปราการแต่ละแห่ง จะให้ผู้ทดสอบไปยืน ณ แท่นนตรงกลางห้อง แล้วแท่นจะทำการทดสอบเอง ในคือเบื้องหน้าของการทดสอบ แต่จริงๆแล้ว จิตวิญญาณของปราการแต่ละแห่งจะตัดสินตามคุณสมบัติและพลังเวทของผู้ทดสอบ หากตามความจริงในสิ่งที่ฟลอร่าเห็น รอบๆทแท่นตรงกลางห้องถูกล้อมด้วยจิตวิญญาณทั้งห้าแห่งปราการทั้งหมด หนึ่งในนั้นก็มีทรีเรียด้วยเช่นกัน
รายชื่อผู้เข้าทดสอบทั้งหมด เดอฟาน หัวหน้าปราการพฤกษาจะเป็นคนอ่านเอง
และแล้วพิธีศักดิ์สิทธิ์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ฟลอร่านั่งฟังรายชื่อไปเรื่อยๆ แต่ละชื่อที่เอ่ยมาทำให้เด็กสาวอดที่จะหัวเราะไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่ในปีนี้เป็นตระกูลใหญ่ๆทั้งหมด ไม่เว้นญาติรุ่นเหลนของเหลนของเหลนของเหลน เอาเป็นว่าเธอแก่กว่ามากแล้วกัน อย่าง สกาย โรเซนต์เฟรนเดีย รัชทายาทแห่งแฟรี่โทเปีย
“แบบนี้จะถูกจับได้ไหมเนี่ย” ฟลอร่าว่ากับตัวเองอย่างขำๆ การที่มาเรียนรวมกับญาติตนเองก็เป็นประสบการณ์ใหม่ๆเช่นกัน เด็กสาวนั่งฟังไปสักพักชื่อของเธอก็ถูกเอ่ยขึ้น
“ฟลอราเรีย โร. คลาวด์สกาย” เมื่อสาวได้ยินชื่อของตนเอง ร่างเล็กก็ลุกขึ้นพร้อมกับย่อตัวเล็กน้อยตามมารยาท เธอลอยตัวลงไปยังแท่นทดสอบ จิตวิญญาณแห่งปราการทั้งห้าทำความเคารพให้เธออย่างพร้อมเพรียง
‘ยินดีต้อนรับขอรับ/เจ้าค่ะ ท่านฟลอร่า’
‘ยินดีที่ได้พบพวกเธอทั้งห้านะ ทรีเรียไหวหรือเปล่าจ้ะ’
‘แค่นี้สบายมากค่ะ นายหญิง’
‘ต่อเลย ยังมีเด็กคนอื่นที่รอทดสอบอยู่อีกไม่ใช่เหรอ’
“ฟลอร่า โร. คลาวด์สกาย ปราการพฤกษา” ฟลอร่าย่อกายอีกครั้งก่อนจะกลับไปนั่งประจำที่ของตัวเองพลางนั่งมองการทดสอบต่อไป จนกระทั่งชื่อของใครคนหนึ่งถูกเอ่ยขึ้น
“ลีฟ เบอร์ทรีฟาร์” เด็กหนุ่มร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีมรกตยืนขึ้น ก่อนทำความเคารพ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนหันมามองทางเธอเพียงครู่เดียวก่อนจะหันไปมองแท่นอีกครั้ง
ทรีเรียมองร่างสูงตรงหน้าอย่างไม่วางตา เธอมองเขาเพราะว่ามีความรู้สึกคุ้นเคยกับเด็กหนุ่มคนนี้มาก่อน เธอเพ่งมองเด็กหนุ่มอีกครั้ง ไม่นานนักเธอก็จำเด็กหนุ่มตรงหน้าได้ หญิงสาวเบิกตากว้าง
‘เจ้า...’
‘ผมขอร้องครับ ท่านทรีเรีย’ เด็กหนุ่มว่าพลางขยิบตาให้อย่างรู้กัน ทรีเรียมองหน้าเด็กหนุ่มอย่างไม่ไว้วางใจ แต่แล้วเสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นในโสตประสาทของพวกเขาทั้งห้า
‘ปล่อยเขาไป ฉันเป็นคนส่งเขาเข้าไปที่นั่นเพราะฉะนั้นเธอไม่ต้องกังวลและสงสัยอะไรทั้งนั้น ส่งเขาไปตามปราการที่พลังของพวกเขาเหมาะสม เข้าใจไหม’
‘ท่านเรนโบว์’
‘วิโอเลีย จบการทดสอบ พาพวกเธอทุกคนมาพบฉันด้วย ฉันมีงานให้พวกเธอทำ’ เรนโบว์ว่าแค่นั้นก่อนจะตัดการติดต่อไป
วิโอเลียมองหน้าทรีเรียที่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างเข้าใจความรู้สึก เด็กคนนี้คือคนพิเศษ ทรีเรียมองหน้าเด็กหนุ่มอย่างคาดโทษ
‘ไปอยู่ปราการข้าแล้วกัน มีใครคัดค้านหรือเปล่า’
‘ให้เขาไปอยู่กับเจ้าน่ะถูกแล้ว เขาเป็น...ไม่ใช่เหรอ’ วิโอเลียพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะหันไปมองเดอฟานที่ยืนนิ่งอยู่
“ลีฟ เบอร์ทรีฟาร์ ปราการพฤกษา” ฟลอร่ามองเด็กหนุ่มคนดังกล่าวไม่วางตา ถึงเธอจะมองเห็นว่าจิตวิญญาณทั้งห้ามีท่าทีที่แปลกไป แต่เธอกลับไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขาคุยกันด้วยซ้ำ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมทรีเรียถึงมีอาการตกใจขนาดนั้น
ฟลอร่าหรี่ตามองอย่างไม่ไว้วางใจ
‘ทรีเรียเก็บอาการหน่อย ท่านฟลอร่าเริ่มสงสัยแล้ว อย่าลืมในสิ่งที่ท่านเรนโบว์สั่งสิ’ วิโอเลียเอ่ยตำหนิ ทรีเรียผงกหัวเป็นเชิงขอโทษ ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ
“ไง ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ” ลีฟเอ่ยทักเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีเขียวอ่อนที่มองทรีเรียอย่างสงสัย ฟลอร่าสะดุ้งก่อนจะหันไปทางต้นเสียงที่เรียกเธออย่างตกใจ
ลีฟหัวเราะเบาๆ เด็กสาวตรงหน้าไม่ได้รู้เลยว่า เขานั้นนั่งอยู่ข้างหลังเธอมาตั้งนานแล้ว แล้วก็นั่งสังเกตท่าทีมาสักพักแล้วด้วย
ฟลอร่า โร. คลาวด์สกาย เป็นผู้หญิงที่แปลก เท่าที่เขาสังเกต เด็กสาวคนนี้จะไม่ทำสีหน้าอื่นเลยนอกจากนิ่งและมองการทดสอบอย่างเฉยเมย แต่อยู่ๆหลังจากที่เขาเข้าไปรับการทดสอบ ท่าทีของเด็กสาวก็เปลี่ยนไป ดูสงสัยทุกอย่าง ทุกการกระทำ ราวกับว่าเธอมองเห็นอะไรบางอย่างที่คนอื่นไม่เห็น
“ฉัน? ฉันทำไมคะ”
“เปล่าครับ ผมแค่สงสัยว่า ทำไมคุณต้องทำหน้าสงสัยปานโลกจะแตกแบบนั้น ก็แค่นั้นเอง เท่าที่ดูมันก็ไม่มีอะไรน่าสงสัยไม่ใช่เหรอครับ อ้อ ผมลืมแนะนำตัว ยินดีที่ได้รู้จัก ผม ลีฟ เบอร์ทรีฟาร์” ฟลอร่าขมวดคิ้ว
“ฟลอราเรีย โร. คลาวด์สกาย ถ้าไม่จำเป็น ไม่ต้องมายุ่งกับฉันจะดีกว่านะคะ” ฟลอร่าว่าพลางผงกหัวให้เล็กน้อย เด็กสาวรู้ตัวเองดี เธอกำลังหงุดหงิด หงุดหงิดมากเสียด้วย ลีฟหัวเราะในลำคอ ก่อนจะกระโดดมานั่งข้างๆเด็กสาวแล้วเอ่ยต่อว่า
“ไม่เอาน่า เราอยู่ปราการเดียวกันนะ มาทำความรู้จักกันไว้ดีกว่าน่า” ฟลอร่ามองร่างสูงข้างกายอย่างไม่เข้าใจการกระทำของอีกฝ่ายเลยสักนิด ใบหน้าหล่อเหลาเอาการที่มองเธอด้วยรอยยิ้มน้อยๆราวกับว่า ถ้าเธอไม่ยอมญาติดีกับเขา เขาจะกวนประสาทอยู่อย่างงี้เนี่ยแหละ
“ขอบคุณสำหรับความหวังดี แต่ฉันก็ยังขอยืนยันคำเดิมว่า ทางที่ดี อย่ายุ่งกับฉันจะดีกว่านะคะ” สิ้นคำตอบของเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีเขียวอ่อนที่มองเขาด้วยสีหน้านิ่งเรียบฝนไม่พอใจนิดๆ ทำให้ร่างสูงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยักใหญ่เป็นเชิงว่า เขาไม่สนใจคำพูดของเธอหรอก แล้วร่างสูงก็หันไปสนใจการทดสอบต่อไป
“ยินดีต้อนรับน้องใหม่ทุกคนเข้าสู่ปราการพฤกษา พี่ เดอฟาน เมกีลูย์ อยู่ปีสี่ เป็นหัวหน้าปราการพฤกษานะ” เดอฟานว่าพลางกวาดสายตามองน้องใหม่ของเขาด้วยใบหน้ายิ้มน้อยๆตามสไตล์ของคนที่ไม่ค่อยสูงสิงกับใคร
“พี่ไม่มีอะไรมาก แค่อยากบอกว่าปราการของเราเน้นเรื่องวิชาการ เพราะฉะนั้นก็อย่าได้แพ้ปราการอื่นเข้าใจไหม สำหรับห้องของน้องๆ พี่จะให้รองหัวหน้าปราการเป็นคนบอกแล้วกันนะ เวอร์บีน่า”
“ยินดีที่ได้รู้จักน้องใหม่ทุกคนนะ พี่ชื่อ เวอร์บีน่า อยู่ปีสาม เป็นรองหัวหน้าปราการจ้ะ ห้องหนึ่งต้องพักสองคนนะ จับคู่กันมา แล้วมาหาพี่นะคะ พี่จะเอากุญแจห้องให้” ทุกคนรีบกุลีกุจอพาเพื่อนของตัวเองไปหาเวอร์บีน่าอย่างรวดเร็ว ฟลอร่ามองท่าทางตื่นเต้นของเพื่อนร่วมรุ่นด้วยใบหน้าเรียบเฉย เพราะเธอผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาเยอะพอควรแล้วนั่นทำให้เธอไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ เมื่อเห็นว่าคนที่มุงอยู่กับเวอร์บีน่าน้อยลง เธอก็เดินเข้าไปหารุ่นพี่สาวในทันที
“น้อง...!” เวอร์บีน่าเงยหน้าขึ้นมาเมื่อเห็นว่ามีรุ่นน้องยืนอยู่ข้างหน้าเธอ หญิงสาวมัวแต่วุ่นอยู่กับการจดรายชื่อห้องจนไม่ได้สนใจว่าใครเป็นใคร แต่เมื่อเห็นเด็กสาวร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีเขียวอ่อนประกายที่มองหน้าเธออย่างยิ้มน้อยๆ
ฟลอร่าขยิบตาให้ก่อนจะทำท่าเป็นรับกุญแจจากรุ่นพี่สาว ก่อนจะเดินแยกตัวไป เวอร์บีน่าถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะมองแผ่นหลังบางของฟลอร่าด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา
‘ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ เวอร์บี้ เดี๋ยวคนก็สงสัยฉันหมดหรอก’
เวอร์บีน่าเปลี่ยนเป้าหมายหันไปส่งสายตาคาดโทษใส่เดอฟานในทันที เดอฟานยักไหล่เป็นเชิงว่า เขาไม่ผิดสักหน่อย
ฟลอร่าหัวเราะเบาๆกับท่าทีของคนทั้งสอง คณะกรรมการประจำปราการพฤกษาจะรู้จักตัวตนของเธอทุกคนรวมทั้งรู้จักทรีเรียด้วย เพราะมันเป็นเรื่องสำคัญที่พวกเธอไม่สามารถปิดบังไว้ได้ และมันจะเป็นการง่ายมากกว่า ถ้าให้พวกเขารับรู้ถึงตัวตนของเธอ
“เอาล่ะจ้ะ ได้กุญแจห้องทุกคนแล้วใช่ไหม โอเคนะ ที่ปราการของเรามีห้องสมุดในตัวนะ อยู่ที่ชั้นสอง เดินขึ้นไปข้างบนจะมีป้ายบอก ห้องทำงานของคณะกรรมการ เอ่อ...พี่หมายถึงห้องทำงานของพวกพี่น่ะนะ อยู่ชั้นบนสุดเลย มีอะไรอยากให้ช่วยก็ขึ้นไปหาได้”
“แล้วรูปใหญ่ข้างบนนั้น รูปใครเหรอครับ รุ่นพี่” เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีมรกตเอ่ยถามพลางชี้ไปทางภาพวาดใหญ่ของเด็กสาวคนหนึ่งที่ตระหง่านอยู่ตรงกับบันไดที่ขึ้นสู่ชั้นสองอย่างเด่นสะดุดตาแล้วก็ดูอาภรรพ์มากๆ
เวอร์บีน่าหันไปตามทิศทางการชี้ของรุ่นน้อง ก่อนจะทำหน้าถึงบางอ้อ
“นั่นเป็นภาพวาดของผู้ก่อตั้งปราการเราจ้ะ และเป็นหัวหน้าปราการคนแรกด้วย ท่านฟลอร่า โรเซนต์เฟรนเดีย น่ะ”
ฟลอร่าถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เวอร์บีน่ามองใบหน้านวลของเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีเขียวอ่อนที่ยืนทำหน้าบูดบิ้งใส่เธออย่างเห็นได้ชัด และดูเหมือนว่าถ้าเวอร์บีน่าไม่เปลี่ยนเรื่องคุย สงสัยคงได้มีปราการถล่มกันบ้างแหละ
“แล้วภาพของคนข้างๆล่ะคะ” เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีส้มอ่อนเอ่ยถามบ้าง พลางชี้ไปทางภาพวาดข้างๆกัน เวอร์บีน่ากลืนน้ำลายเล็กน้อยก่อนจะยิ้มเจื่อนๆแล้วอธิบายต่อว่า
“นั่นคือ ท่านทรีเรีย คูเลอร์ มือขวาของท่านฟลอร่าจ้ะ ตามตำนานว่ากันว่า ตอนที่ท่านทรีเรียเสียชีวิต ท่านฟลอร่าก็นำร่างของท่านทรีเรียมาไว้บนยอดสูงสุดของปราการพฤกษา เพื่อจะได้อยู่ดูแลปราการของเราต่อไป นั่นเป็นคำขอสุดท้ายของท่านทรีเรีย ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตน่ะจ้ะ”
‘มนุษย์เรานี่ก็สร้างตำนานกันได้เก่งนะคะ ท่านฟลอร่า จริงๆแล้วข้าไม่มีชีวิตด้วยซ้ำ’
‘สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า มนุษย์ เข้าใจยากทุกคน เจ้าว่าไหม ทรีเรีย’ ฟลอร่าหัวเราะเบาๆ ภาพนั้นเป็นภาพวาดของเธอเอง
เธอมีสองชื่อ หนึ่งคือ ฟลอราเรีย โร. คลาวด์สกาย นี่เป็นชื่อเต็มโดยใช้สกุลของพ่อกับแม่ของเธอรวมกันโดยย่อสกุลคงแม่เธอไว้
ส่วนชื่อ ฟลอร่า โรเซนต์เฟรนเดีย เป็นชื่อที่สอง ชื่อนั้นมีไว้เวลาเธอทำอะไรสักอย่างที่มันสำคัญมากๆ อย่างเช่นตอนนี้เป็นต้น เพราะตอนที่แม่คลอดเธอนั้น ทางบ้านของแม่ยังมีปัญหานั่นทำให้เธอต้องคงสกุลของทางแม่เอาไว้ แต่ไม่ว่าจะเป็นชื่อไหน ก็เป็นชื่อของเธอทั้งสิ้น
‘ท่านพูดอย่างกับท่านไม่ใช่มนุษย์เลยเจ้าค่ะ ท่านฟลอร่า’
‘อย่าลืมสิ ว่าข้าเป็นมนุษย์เพียงแค่เสี้ยวเดียว เอาล่ะเรามาดูกันดีกว่า ทรีเรีย ว่าจะมีใครจำข้าได้ไหม’ ฟลอร่าหัวเราะเบาๆกับตัวเองในขณะที่เธอกำลังคุยกับทรีเรียอย่างเพลินๆอยู่นั้น เด็กสาวก็ไม่ได้สังเกตเลยว่า เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีมรกตที่ยืนมองเธออยู่ห่างๆยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“ฟลอราเรีย ทำไมหน้าของเธอเหมือนท่านฟลอร่าเลยล่ะ” ทุกคนหันมามองเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีเขียวอ่อนในทันที เวอร์บีน่ากับเดอฟานทำหน้าเหมือนว่าชะตาชีวิตเขาคงขาดแล้ว เพราะเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีมรกตถามอะไรไม่เข้าท่า
ฟลอร่าหัวเราะคิกคักก่อนยิ้มหวานให้อย่างน่ารักๆ ก่อนจะตอบกลับอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยว่า
“ไม่รู้สิ ฉันดูเหมือนท่านฟลอร่าขนาดนั้นเลยเหรอ”
“เหมือน อย่างกับคนคนเดียวกันเลยนะ”
“ก็แค่คนหน้าเหมือนกันเท่านั้นเอง” ฟลอร่ายักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ลีฟมองหน้าอย่างยิ้มๆ
“งั้นเหรอ จะแค่หน้าเหมือนกันเท่านั้นเหรอ”
“เขาว่ากันว่า ท่านฟลอร่าหายตัวไปตั้งแต่หลายพันปีก่อนแล้วจ้ะ จนปัจจุบันก็ไม่มีใครรู้ว่าท่านนั้นหายไปไหน อีกอย่างคนที่มีชีวิตตั้งแต่พันกว่าปีก่อน จะมามีชีวิตตอนนี้ได้ยังไงจริงไหมจ้ะ มาเข้าเรื่องของเราดีกว่านะจ้ะ” เวอร์บีน่าเอ่ยขัดบทสนทนาของลีฟและฟลอร่าที่ดูเหมือนจะสร้างสงครามประสาทกันอยู่
“แยกย้ายขึ้นห้องกันดีกว่านะ น้องๆจะได้ไปพักและเอาของไปเก็บห้องด้วย” เดอฟานว่าต่อพร้อมรีบสั่งแยกเด็กใหม่ออก
หลังจากที่น้องๆแยกย้ายกันขึ้นห้องไปแล้ว ฟลอร่าที่กำลังเดินผ่านเดอฟานกับเวอร์บีน่าเพื่อที่จะไปยังห้องของตนเอง
“ปีนี้ท่าทางจะสนุกไม่เบานะคะ รุ่นพี่เดอฟาน รุ่นพี่เวอร์บีน่า คิกๆ” ฟลอร่ากระซิบเบาๆอย่างรู้กันสามคน ก่อนจะเดินผ่านเขาทั้งสองไปในทันที เดอฟานกับเวอร์บีน่าหันมองแผ่นหลังบางของเด็กสาวร่างเล็กที่มีร่างโปร่งแสงของทรีเรียตามอยู่ไม่ห่าง
“ปีนี้เราคงหัวปั่นกันน่าดูเลย เดอฟาน”
“นั่นสิ”
“คิกๆ รู้สึกแปลกๆดีเหมือนกันนะ ทรีเรีย เหมือนลุ้นตลอดเวลาเลยว่า ความจะแตกเมื่อไหร่ มันก็ลุ้นดีนะ ว่าไหม”
‘คิกๆ เด็กหนุ่มคนนั้นก็ดูกล้าไม่เบานะคะ ท่านฟลอร่า ดูเหมือนเขาจะจ้องจับผิดท่านอยู่ตลอดเวลาเลย’ ทรีเรียว่าพลางเสิร์ฟน้ำชาให้เด็กสาวร่างเล็กที่นั่งอยู่ริมระเบียงหน้าตาในห้องของเธอ
ก็อกๆ
“ท่านฟลอร่า ผมเอง”
“เดอฟานเหรอ เข้ามาสิ” เดอฟานเดินเข้ามาก่อนจะโค้งตัว
“ข้าขออภัยในเรื่องเมื่อครู่ขอรับ ข้าไม่ทันได้คิดว่า...” ฟลอร่าหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน ก่อนจะส่ายหน้าเป็นเชิงว่าเธอไม่ได้โกรธเคืองอะไรเท่าไหร่
“ไม่เป็นไร ข้าเองก็รู้สึกเหมือนกัน ข้าใช้ชีวิตในป่ามาหลายร้อยปี เข้าเมืองมาก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ พอมาเจอเรื่องแบบนี้ก็สนุกดีนะ เดอฟาน”
“ข้าต้องขออภัยจริงๆขอรับ”
“ข้ารู้ว่า ไม่ใช่ความผิดเจ้า เดอฟาน ไปสืบมาด้วยนะ ว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร มาจากไหน ข้าอยากรู้” ฟลอร่าว่าพลางหยิบขนมใส่ปากด้วยท่าทีสบายๆ เดอฟานโค้งตัวก่อนจะเดินออกไปเงียบๆ
“ทรีเรีย ตอนที่ทดสอบน่ะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า ข้าเห็นเจ้ามีท่าทีไม่ดีเท่าไหร่” ทรีเรียยิ้มน้อยๆก่อนจะส่ายหน้าในขณะที่เธอกำลังรินน้ำชาเพิ่มให้กับนายหญิงของเธอ
‘ไม่นี่คะ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยเจ้าค่ะ’ ฟลอร่ามองหน้ามือขวาของเธอด้วยสายตามีเลศนัย
“แน่ใจนะ เจ้าก็รู้ดีนี่ว่าถ้าข้าไปรู้เอง มันจะเกิดอะไรขึ้น” ทรีเรียวางกาชาลงก่อนยิ้มหวานให้นายหญิงของเธอ ฟลอร่ามองผู้ช่วยของเธอด้วยสายตาจริงจัง
‘ข้าก็ขอยืนยันคำเดิมว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเจ้าค่ะ นายหญิง’ ฟลอร่าหลุบตาลงอย่างครุ่นคิด ก่อนจะเงยหน้ามองมือขวาของเธอแล้วยิ้มให้
“เอาเถอะ เจ้าไม่บอกข้า ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าหาเองก็ได้” ฟลอร่าว่าก่อนจะยกแก้วชาจิบต่อ พลางนั่งคิดถึงตอนที่เธออยู่ในป่า
‘ฟลอราเรีย’ ร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนเรียกเธออยู่กลางทุ่งหญ้าในป่าใหญ่ เด็กสาวร่างเล็กปรากฏตัวขึ้นในทันทีที่ชายหนุ่มคนนั้นเรียก ฟลอร่ามองร่างสูงอย่างสงสัย
‘ท่านพ่อ…เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ’ เด็กสาวเอ่ยถามพลางมองใบหน้าหล่อของผู้เป็นพ่ออย่างสงสัย นานๆทีท่านพ่อของเธอจะมาหาเธอสักครั้ง
คลาวด์ คลาวด์สกายยิ้มน้อยๆ พลางอ้าแขนกว้าง เมื่อเด็กสาวเห็นท่าทางอย่างงั้น เธอก็เดินเข้าสู่อ้อมกอดออย่างว่าง่าย เด็กสาวสวมกอดผู้เป็นพ่ออย่างอุ่นใจ
‘ต้องมีอะไรเกิดขึ้นเหรอ พ่อถึงจะมาหาลูกได้น่ะ พ่อมาเพราะพ่อคิดถึงลูกน่ะสิ ลูกสาวตัวน้อยของพ่อ’ ฟลอร่าหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าบิดาอย่างขำๆ ทำไมเธอจะไม่รู้จักนิสัยพ่อของตัวเองกันนะ เธอรู้ดีหรอกว่า ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พ่อไม่ยอมมาหาเธอง่ายๆหรอก
‘บอกลูกมาดีๆดีกว่าค่ะท่านพ่อ มีอะไรคะ’
‘ลูกก็ยังเดาเก่งเหมือนเดิมเลยนะ ดอกไม้น้อยของพ่อ’ ฟลอร่าหัวเราะคิกคัก ก่อนจะมายืนตรงหน้าคลาวด์อีกครั้ง
‘ไม่งั้นก็ไม่ใช่ลูกพ่อสิคะ จริงไหม’
‘กลับไปที่เมดีน่าแล้วลูกจะรู้ ว่าพ่อจะให้ลูกทำอะไร พ่อมาเพื่อจะบอกแค่นี้แหละ’ คลาวด์ว่าพลางลูบหัวลูกสาวคนเล็กที่ทำหน้ามุ่ยอย่างเซ็งๆ
‘พ่อคะ พ่อก็รู้ว่าลูกไม่ชอบอยู่ในเมือง’ อาการง้องแง้งประจำตัวฟลอร่าเริ่มออกอาการอีกครั้งเมื่ออยู่ตรงหน้าพ่อของเธอ คลาวด์ถึงกับหัวเราะร่าอย่างมีความสุขเลยทีเดียว เขาไม่ได้หัวเราะร่าแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ
‘ไปเถอะ เชื่อพ่อนะคนดี’
‘แต่...’
‘ลูกไม่เชื่อพ่อเหรอ’
‘เชื่อค่ะ แต่...ลูกไม่อยากเข้าเมืองนี่น่า ลูกไม่ไปที่นั่นนานแล้ว พ่อก็รู้’
‘ไปเถอะนะ เชื่อพ่อ แล้วทุกอย่างจะดีเอง นะคะคนดี’ คลาวด์ว่าพลางคุกเข่าจับมือลูกสาว ชายหนุ่มเงยหน้ามองลูกสาวที่ก้มหน้ามองเขาอย่างแง่งอน
‘ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามันไม่มีอะไรน่าสนใจ ลูกจะงอนพ่อไม่ให้พ่อหาลูกเจอเลยคอยดู’ คลาวด์หัวเราะกัท่าทางงอนๆของฟลอร่า
‘งั้นก็ไปได้แล้ว พี่ๆเขารอลูกอยู่ตั้งนานแล้วนะ โดยเฉพาะไวโอเล็ต พี่เขาคิดถึงลูกมากเลย ลูกรู้หรือเปล่า’
‘ลูกก็คิดถึงพวกพี่ๆเหมือนกันค่ะ พ่อจะไปแล้วเหรอ ไม่ไปส่งลูกที่โรงเรียนก่อนเหรอคะ’
‘พ่อมีงานต้องทำ ลูกก็รู้ แล้วพ่อจะแวะมาหาบ่อยๆนะ’ ฟลอร่าพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะมองร่างของพ่อที่ค่อยๆหายไป ฟลอร่ารอจนพ่อหายไป เธอจึงค่อยๆถอนหายใจแล้วก็หายไปในทันที
“พ่อคิดจะทำอะไรกันแน่นะ ถึงให้ลูกมาที่นี่” ฟลอร่ายกชาขึ้นจิบอย่างไม่เข้าใจ อะไรที่ทำให้พ่อของเธอยอมปลีกงานมาหาเธอ ฟลอร่าไม่เข้าใจเลยจริงๆ เธอเป็นคนที่ไม่ชอบอยู่ในเมืองเลยแม้แต่น้อย เสียงดัง คนวุ่นวาย นานๆทีจริงเธอจึงจะยอมเข้าเมืองมาแบบนี้
“นั่นสิ พี่เองก็อยากรู้เหมือนกัน” หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีเหลืองอ่อนที่ยกแก้วชาดื่มพลางยิ้มให้กับน้องสาวคนเล็ก ฟลอร่าเงยหน้ามองก่อนจะยิ้มกว้าง
“กลับมาแล้วเหรอคะ พี่เลมอน ทำงานเป็นยังไงบ้างคะ”
“ก็ดีจ้ะ เป็นยังไงบ้างล่ะ เห็นทรีเรียบอกว่ามีคนสงสัยถึงตัวน้องแล้วไม่ใช่เหรอ นี่มันพึ่งวันแรกเองนะ” เลมอนว่าพลางยักคิ้วให้อย่างกวน ๆ
“ก็นิดนึงค่ะ เขาดูเป็นคนฉลาดน่าดูเลย”
“เขา แสดงว่าเป็นผู้ชาย เอ๊ะ น้องสาวพี่นี่ก็แปลกจังนะ อยู่มาเป็นพันๆปีไม่เห็นสนใจผู้ชายสักคน นี่ยังไงกันจ้ะ คนพิเศษเหรอ”
“ไม่ใช่อย่างงั้นสักหน่อย พี่เลมอนก็ มาเพื่อล้อน้องเหรอคะ แล้วนี่สเตลล่าไปไหนล่ะ”
สเตลล่าปรากฏตัวขึ้นในทันทีพร้อมกับจานเค้กสองจานในมือ หญิงสาวเดินไปเสิร์ฟฝั่งฟลอร่าเสียก่อน ฟลอร่าเงยหน้ามองผู้มาใหม่ที่เข้ามาในห้องของเธอได้ในทันที
‘เค้กหวานๆค่ะ นายหญิงทั้งสอง’
“ขอบใจจ้ะ สเตลล่า” สองสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
‘ไม่ได้เจอกันนานเลย สเตลล่าเป็นยังไงบ้างล่ะ’ ทรีเรียเอ่ยถามสเตลล่า มือขวาของเลมอน สเตลล่ายิ้มน้อยๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยท่าทางสบายๆว่า
‘ก็ดี เธอคงยุ่งน่าดูเลยใช่ไหมละ ทรีเรีย ฉันไม่ค่อยอยู่ช่วยเธอเท่าไหร่เลย’
‘ไม่เป็นไร เธองานยุ่งกว่าฉันอีก แค่นี้ฉันทำได้น่า’
ฟลอร่าและเลมอนมองบทสนทนาของมือขวาของพวกเธออย่างขำๆ ความสัมพันธ์ของทรีเรียและสเตลล่าก็เหมือนกับพวกเธอทั้งสองคน แล้วบทสนทนาของทั้งสองก็เริ่มขึ้น
“แล้วยังไง น้องคิดว่าท่านพ่อจะทำอะไรอีก”
“น้องก็ไม่รู้หรอกค่ะ พ่อมาบอกแค่ว่าให้มาที่นี่ก็เท่านั้นเอง” ฟลอร่าว่าพลางยักไหล่อย่างจนปัญญา เธอก็แค่มาตามคำสั่งของพ่อแค่นั้น
“ท่านพ่อไม่เคยไม่ทำอะไรที่ไม่มีเหตุผล เขาเป็นคนทีเหตุผลเสมอ และทุกอย่างที่เขาทำ มันเป็นผลดีต่อพวกเราเสมอ น้องก็รู้”
บทสนทนาของสองพี่น้องก็ยังดำเนินต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด พวกเธอทั้งสองนั่งวิเคราะห์ถึงการกระทำแปลกๆของบิดาตนเอง และคุยเรื่องอื่นๆ เพื่อชดเชยถึงเวลาที่พวกเธอเสียไป ฟลอร่าไม่ได้เจอกับพี่น้องของเธอมานานมากแล้ว หลายร้อยปีที่เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีเขียวอ่อนเก็บตัวอยู่ในป่ามาตลอด เวลานี้เป็นเวลาของพวกเธอที่จะได้ทำอะไรหลายๆอย่างที่พี่น้องทำกันจริงๆสักที
สเตลล่าและทรีเรียมองนายหญิงของตนด้วยรอยยิ้มกว้าง พร้อมกับที่พวกเธอแยกไปคุยในห้องของฟลอร่าเพื่อที่จะได้ไม่เป็นการรบกวนนายหญิงของเธอ
อ่านจบแล้วอย่าลืมเม้นให้กำลังใจกันนะคะ ♥
ความคิดเห็น