ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    We are Superstars [Andy VerSioN : My SaSSy GirL]

    ลำดับตอนที่ #4 : We are Superstars [Andy VerSioN : My SaSSy GirL] Chapter 4 ~~พี่เฮซอง T.T~~

    • อัปเดตล่าสุด 10 ม.ค. 51


    Chapter 4

    เวลาเจ็บเนื้อเมื่อยตัวนี่ทรมานจริงๆนะครับ ผมนอนหยอดข้าวต้มได้ 2 วันแล้ว โดยมีบรรดาญาติมิตรผู้ใจดีมาส่งป้อนข้าวป้อนน้ำให้ ความจริงก็อยากจะขอบคุณพวกพี่ๆอยู่เหมือนกันล่ะครับ แต่พอได้ยินเสียงหัวเราะกับท่าทีห่วงใยแต่ดูยังไงก็เหมือนสมน้ำหน้าผมแล้ว ผมก็ได้แต่กลืนคำขอบคุณลงไปในคอ...

    วันนี้ผมหงุดหงิดแต่เช้าอีกแล้วครับ...ผมโทรไปหาพี่ดงวาน แต่พี่ไม่ยอมรับสาย ไม่เป็นไรครับ ผมตื๊อเก่งครับ ผมกดเบอร์หาพี่ดงวานอีกครั้ง คราวนี้ได้ผลครับ พี่ดงวานรับสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดผมเต็มที

    “ว่ายังไง...ใครใช้ให้แกโทรมา...” พี่ดงวานจะหงุดหงิดก็ช่างพี่ครับ อารมณ์หงุดหงิดอย่างกับคนประจำเดือนมาไม่ปรกติแบบนี้ เป็นเรื่องธรรมดาของคนเข้าสู่วัยทองน่ะครับ

    “พี่อยู่ที่ไหนน่ะ มาหาข้าวเช้าให้กินหน่อยสิ ออกไปซื้อเองไม่ไหว ผมยอกไปทั้งตัวเลย...” พี่ดงวานก็ช่างไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง รู้ว่าผมเจ็บเนื้อเจ็บตัวอยู่ แค่นี้ต้องให้เตือน เธ่อ...
       
    “อ้าว...ไอ้นี่!!! ฉันไม่ใช่พ่อครัวส่วนตัวของแกนะเว้ย...ไม่ไป” พี่ดงวานวีนแว๊ดๆใส่ผมครับ ผมก็เลยเปลี่ยนกลยุทธ์ ใช้วิธีคร่ำครวญหวนไห้กล่อมแทน
       
     “พี่ครับ ผมเจ็บขนาดนี้ ไม่นึกมาดูแลกันบ้างรึไง....”
       
    “ฉันมาเที่ยวเกาะเจจูกับเฮจิน...” หนอย...พี่ดงวาน ว่างเป็นไม่ได้ แถแท่ดไปอยู่แฟนประจำ
       
    “ทำไมพี่ไม่ชวนผมไปด้วยล่ะ ผมอยากไปเที่ยวเกาะเจจูด้วย”
       
    “ยุ่ง...แค่นี้นะ ไม่ว่าง” เจอแฟนล่ะทิ้งเพื่อนเลยนะพี่ดงวาน...
       
    “เฮ้ยๆๆ...ที่ไม่ว่างน่ะ กำลังจู๋จี๋กับพี่เฮจินอยู่ แล้วผมโทรมาขัดจังหวะใช่มั๊ย...แต่จะโทษผมไม่ได้นะ ก็พี่ไม่ได้...” ไฟในดวงตาของผมลุกพรึบพรับครับ ได้กวนอารมณ์สักนิดสักหน่อยก็ยังดี ค่าที่พี่ทิ้งผมไปเสวยสุขอยู่คนเดียว
       
    แต่แล้วพี่ดงวานก็กวนอารมณ์ผมให้ขุ่นครับ แหม...หยอกนิดหยอกหน่อยแค่นี้ ถึงกับวางสายใส่ผม...ผมกดเบอร์พี่ใหม่อีกครั้งอย่างใจเย็น ถ้าพี่รับเมื่อไหร่ ผมจะกวนโมโหพี่ให้กระอักเลือดตายไปเลย...
       
    ผมเคยบอกไปแล้วใช่มั๊ยครับว่าพี่เอริคฉลาดเพราะกินปลาเยอะ พี่ดงวานที่ได้สมญานาม Wit Gay ก็คงฉลาดเพราะกินปลาเหมือนกัน สงสัยพี่ดงวานต้องกินปลาวันละสองเข่งแน่ๆ ถึงฉลาดแบบนี้ แต่ความฉลาดของพี่ทำให้ผมโมโหครับ ในเมื่อพี่ปิดเครื่องหนีผม...ผมก็จะโทรเข้าเบอร์ของพี่เฮจินแทน...ผมฉลาดกว่าพี่ดงวาน เพราะผมกินปลาวันละสามเข่ง มากว่าพี่ตั้งหนึ่งเข่ง
       
    ไม่ต้องให้รอช้าครับ...ผมโทรไปหามินอาเพื่อขอเบอร์พี่เฮจิน...
       
    “มินอา...ทำอะไรอยู่น่ะ มาหาข้าวให้กินหน่อย” ก่อนจะถามเบอร์ ผมต้องหาคนมาหาข้าวหาน้ำให้ผมกินก่อนครับ นี่แหละครับผลพวงจากการโดนนางมารใช้พลังวัตต์ซัดใส่ ผมไม่มีหน้าออกไปเจอผู้คนได้ครับ ต้องรอญาติโยมเอาข้าวเอาน้ำมาส่ง
       
    “ไปไม่ได้นะ ตอนนี้มินอากำลังจะเข้าห้องสอบ”
       
    “ถ้างั้นขอเบอร์พี่เฮจินหน่อยสิ” ผมไม่ลืมความแค้นของผมหรอกครับ
       
    “จะเอาไปทำไม พี่เฮจินไม่อยู่นะ ไปเที่ยวกับแฟน” สงสัยมินอาจะอยู่กับสามสาวซ่าส์มากเกินไป เลยติดนิสัยปากเสียเอาไว้ด้วย คำก็แฟน สองคำก็แฟน...ชิ พี่เฮจินไปรับรักลุงแก่ๆได้ยังไง
       
    “เอามาเถอะน่า...” ผมพยายามยั้งอารมณ์ไม่ให้หงุดหงิด...คนยิ่งหิวข้าวยังจะมากวนอีก
       
    พอได้เบอร์ของพี่เฮจินมา ผมก็ไม่รอช้าครับ ลงมือกดเบอร์ทันที ผมเดาว่าคนที่รับสายไม่ใช่พี่เฮจิน แต่เป็นพี่ดงวานแน่ๆ...
       
    ครั้งที่หนึ่ง...ไม่มีใครรับสายครับ ผมรู้ว่าพี่ดงวานไม่ยอมให้แฟนรับสาย แต่ผมหน้ามึนครับ ผมจะโทรจนกว่าจะมีคนรับสายนั่นแหละ
       
    ครั้งที่สอง....สำเร็จครับ และก็เป็นอย่างที่ผมคิด พี่ดงวานเป็นคนรับสายแทน...บอกแล้วว่าผมฉลาดกว่า...
     
    “จะโทรมาหาทำไมวะไอ้บ้า” หึๆๆๆ...ยิ่งเห็นพี่หงุดหงิด ผมยิ่งสะใจครับ เอ่อ...ผมคงไม่ได้เป็นชายโรคจิตใช่มั๊ยครับ
     
    “ว๊า...ไม่ใช่โทรศัพท์พี่เฮจินสุดสวยเหรอ เสียดายจังมีลุงแก่ๆที่ไหนไม่รู้รับสาย”

    “อย่ากวนนะเว้ย...แค่นี้นะ” เสียงพี่ดงวานฟึดฟัดฮึดฮัดอย่างกับคนเมายาบ้า

    “เดี๋ยวก่อน...เดี๋ยวก่อน...พี่โทรไปบอกใครก็ได้ให้มาข้าวให้ผมกินหน่อย” ความจริงผมโทรไปบอกให้ใครมาหาข้าวให้ผมกินก็ได้นะครับ แต่ผมไม่ทำ ผมอยากแกล้งพี่ดงวาน และผมก็รู้ด้วยว่า เดี๋ยวพี่คงไปหาใครสักคนมาส่งข้าวส่งน้ำให้ผมจนได้

    “โหย...ไอ้พระราชา สุขสบายจริงนะแก เมื่อวานก็ใช้ฉันซักผ้าให้ เจ็บแค่นี้ ทำอย่างกับจะตาย” แค่ผมให้พี่ดงวาน ซักผ้ารีดผ้าแค่นี้ทำมาบ่น 

    “ผมไม่กล้าออกไปไหน กลัวนักข่าวเก็บภาพได้ เนี่ยก็หิวจะตายอยู่แล้ว”

    “เมื่อกี๊ทำไมไม่บอกให้มินอาไปหาข้าวให้กิน โทรไปล่าเบอร์เฮจินมาจากน้องเค้าไม่ใช่เหรอ” พี่ดงวานดักคออย่างคนทันเกมส์ครับ

    “บอกแล้ว...แต่ตอนนี้มินอากำลังจะเข้าห้องสอบ ช่วยผมหน่อย ผมหิววววววว” ผมกลับเข้าสู่โหมดคร่ำครวญอีกครั้ง

    “อย่าร้อง หนวกหู เดี๋ยวจะโทรไปบอกเอริคหรือไม่ก็เฮซองให้...แค่นี้นะ” พี่ดงวานพูดเสร็จก็วางสายไปครับ...ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้หญิงน่ารักอย่างพี่เฮจินถึงได้ไปหลงคารมลุงเค้า  ชิ....

    ผมเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาอะไรรองท้องเสียหน่อย...อีกยี่สิบนาทีผมจะโทรไปป่วนพี่ดงวานอีก ผมจะไม่ปล่อยให้พี่มีความสุขอยู่บนความหิวของผมหรอก...
    แต่ตู้เย็นในห้องของผมช่างน่าสงสารเสียนี่กระไร นอกจากน้ำเปล่าสามขวดลิตร โค้กสองกระป๋อง ส้มห้าลูก แครอทสองหัว ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรให้ผมกินรองท้องได้บ้างเลย...

    ผมปิดตู้เย็นอย่างเบื่อๆ...เดินไปเปิดตู้ที่อยู่ใกล้กัน  ที่เก็บเสบียงในยามขาดแคลนของผม...ยังดีที่มีปลาเส้นอบกรอบเหลือให้ผมอยู่หนึ่งถุงใหญ่...

    ผมหยิบมันมาที่โซฟา ทิ้งตัวลงนอนด้วยความเบื่อหน่าย...ผมจะต้องติดอยู่ในห้องอีกกี่วันถึงจะได้ไปเจอโลกภายนอกได้...พอเหลือบมองไปที่โทรศัพท์ แล้วหยิบมันมาเปิดข้อความที่ผมเพิ่งได้รับเมื่อวานนี้ แต่ผมยังไม่ได้ลบมันทิ้ง

    Quote

    ฉันพยายามแล้วที่จะลืมเธอ

    แต่ฉันก็ทำไม่ได้

    เราจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกใช่มั๊ย

    ฉันยังรอเธอยู่ที่เดิม...

                                                                                                                                       ไดอาน่า...

    ผมจ้องข้อความนั้น...ข้อความที่บาดความรู้สึกของผม....ครั้งหนึ่งผมเคยหวังว่า ผมจะเจอคนใหม่ และจะบอกไดอาน่าไปตรงๆว่า ผมรักคนอื่นแล้ว เพื่อให้เธอตัดใจเสีย แต่เรื่องของเยจินกลับไม่ได้เป็นไปตามที่ผมวาดหวังไว้...ผมควรจะทำอย่างไรกับคนที่ส่งข้อความเข้ามา...
    ผมจะกลับไปคืนดีกับเธออีกครั้ง...หรือจะหันหลังให้เธอตลอดกาล...

    ผมตอบคำถามนี้ไม่ได้เลย...ไดอาน่าผูกพันกับผมมากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ เป็นคนที่ผมรักมากกว่าแฟนทุกคนที่เคยคบหา แต่เธอก็ทำให้ผมร้าวรานอย่างถึงที่สุดเหมือนกัน...ผมจะยอมกลับไปเจ็บปวดบนความรักอีกครั้งจะดีรึเปล่า...

    ผมเคยคิดว่า...ผมจะหาตัวตายตัวแทนเข้ามานั่งในหัวใจแทนไดอาน่า...คนที่ผมเลือกคือ ฮานเยจิน...เพราะเหตุผลเพียง 4 ข้อ

    หนึ่ง....น้องเยจินสวยมาก ถ้าผมคบกับเธอ ไดอาน่าจะได้นอนใจว่าผมรักน้องเยจินเพราะเธอสาวกว่าและสวยกว่า

    สอง...น้องเยจินไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียเรื่องผู้ชาย แสดงว่าเธอต้องอ่อนประสบการณ์ แบบนี้ก็ง่ายที่ผมจะเข้าไปจีบเธอ
     
    สาม...น้องเยจินเป็นน้องสาวของพี่โจ ทำให้ผมต้องรู้จักหักห้ามใจไม่ให้เห็นเธอเป็นของเล่น ต้องไม่ล่วงเกินเธอเหมือนกับแฟนคนก่อนๆ ไม่อย่างนั้นพี่โจกับผมคงมองหน้ากันไม่ติด

    สี่...น้องเยจินดูแล้วไม่จู้จี้เหมือนไดอาน่า ผมเบื่อผู้หญิงจู้จี้จุกจิกครับ

    แต่ไอ้เหตุผลสี่ข้อที่กล่าวมาทั้งหมด มันถูกลบไปกับกิจกรรมชวนผมซ้อมไอคิโดของเธอ...

    เยจินสวยน่ารัก...แต่โหด ผมรับไม่ได้

    เยจินไม่เคยมีประวัติเสื่อมเสียเรื่องผู้ชาย...ข้อนี้ผมมั่นใจ เพราะถ้าชายใดได้แตะเนื้อต้องตัวเธอเกินห้าวินาที ผมจะไปกราบขอเป็นลูกศิษย์ผู้ชายคนนั้น เพราะผมทำสถิติแตะไหล่เธอเพียงสามวินาทีเท่านั้นสภาพของผมก็ปางตาย

    เยจินเป็นน้องของพี่โจ...ผมกับพี่โจคงจะมองหน้ากันไม่ติดแน่ๆ ไม่ใช่เพราะเรื่องผมหักอกน้องสาวของพี่โจหรอก แต่เพราะผมโดนซ้อม แล้วพี่ไม่กล้าสู้หน้าผม เพราะกลัวผมซ้อมคืนต่างหาก

    เยจินไม่จู้จี้ครับ...แต่เธอวีนแตก น่ากลัวยิ่งกว่าพี่เฮซองหลายเท่านัก

    สรุปว่า...ฮานเยจิน ถูกตัดออกจากสารบบหาคู่ควงมาแทนไดอาน่าของผมด้วยประการทั้งปวง...

    ถ้าผมจะทำให้ไดอาน่าตัดขาดผมให้ได้ ผมต้องเริ่มต้นหาคู่ควงคนใหม่ แต่ต้องรอให้หน้าหล่อๆของผมหายดีเสียก่อน แค่คิดก็ปวดหัวแล้วครับ...ผมจะหาใครมาเป็นแฟนของผมดีล่ะเนี่ย....

    หรือผมจะลงทุนไปโกหกเธอว่าผมเป็นเกย์จะดีรึเปล่าครับ....เธอจะเชื่อผมมั๊ยเนี่ย

    กลุ้มมมมมมมมมม....ยิ่งคิดยิ่งกลุ้ม................


    ^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^^

    ผมนั่งให้นามิจังทายา เปลี่ยนผ้าพันแผลอย่างมีความสุข  ถึงชีวิตของผมจะระทมทุกข์ แต่อย่างน้อยได้นามิจังที่น่ารัก แสนดี มาปลอบประโลมก็รู้สึกดีไม่น้อย ทำไมผมไม่เจอสาวสวยน่ารักอ่อนโยนอย่างนามิจังบ้างนะ ดันมาเจอสาวสวยน่ารักแต่โหดเหี้ยมอย่างฮานเยจิน ชิ...หมั่นไส้แม่นกชินเฮซองนัก ดันได้เมียสวยแสนดี
       
    “แอนดี้...เจ็บมากมั๊ย” เสียงของนามิจังฟังแล้วเคลิ้มไปเลยครับ ถ้าไม่ติดว่าเป็นเมียเพื่อน ผมคงจะรวบหัวรวบหางนามิจังไปเลย เซ็งพี่เฮซองจริงๆ ชิงตัดหน้าแต่งงานกับนามิจังไปเสียได้
       
    ผมพยักหน้า ส่งสายตาออดอ้อนให้นามิจัง มือของนามิจังเบ๊าเบา ทายาให้ผมไม่เจ็บเลยสักนิด ไม่เหมือนมือจอนจิน ทาแต่ละที เจ็บแสบไปถึงทรวงเลยครับ ยังน้ำหนักมือมันอีก แรงอย่างกับช้างตกมันแล้วเกิดอาการคลั่ง...แต่กับนามิจัง ถึงผมไม่เจ็บ ผมก็ต้องแกล้งเจ็บครับ งานนี้มีอ้อน...
       
    “อู๊ยยยยย....นามิจัง เบาๆหน่อยสิ เจ๊บเจ็บ” ผมจับมือของนามิจัง มือนุ๊มนุ่ม อยากเป็นเจ้าบ่าวแทนพี่เฮซองจริงๆครับ
       
    “จ๊ะๆ เดี๋ยวจะทายาให้เบาๆนะ” นามิจังอ่อนโยนจริงๆครับ ไม่คู่ควรกับพี่เฮซองเลยสักนิด
       
    ผมยังไม่ทันได้ออดอ้อนนามิจังต่อ พี่เฮซองก็ถีบผมจนตกโซฟา...หัวของผมไปโขกกับพื้น คราวก่อนมันยังโนไม่หาย คราวนี้ดันมาซ้ำทีเดิมอีก ซวยยยยยยย...
       
    ผมลงไปนอนจุกแอ๊กที่พื้น มีเสียงอาละวาดของพี่เฮซองโล้งเล้งโช้งเช้งลั่นห้อง “ไอ้เด็กเวร...คิดจะแต๊ะอั๋งนามิจังของฉันเหรอ วอนตายใช่มั๊ย”
       
    บาทาหนาหนักหน่วงของพี่เฮซอง เหยียบที่เอวผมติดกันสองสามที จุกสิครับ...ไอ้พี่บ้า ไม่เห็นต้องรุนแรงกับผมแบบนี้เลย
       
    พี่เฮซองหลุดออกจากตัวผมไปได้เพราะนางฟ้าผู้แสนดีนามิจังครับ เธอมาช่วยฉุดไอ้พี่บ้าคลั่งออกไปจากตัวผมด้วยการยื่นคำขาดว่า “ถ้าเธอรังแกแอนดี้ ฉันจะโกรธจริงๆนะ”
       
    พี่เฮซองมันยอมไปนั่งหน้าตูมที่โซฟาครับ ยังทำท่าทางสะบัดสะบิ้งอีก ผมนึกอยากให้นามิจังเลิกกับพี่เฮซองแล้วมาแต่งงานกับผมแทนจริงๆเลย...”เธอน่ะอะไรก็ออกรับแทนแอนดี้ เอริคอีกคน ตามใจกันเข้าไป มันจะกลายเป็นเทวดาไปแล้ว โธ่...ไอ้โรคจิต”
       
    “อ้าว....นามิจัง แอนดี้ไม่ยอมนะ เค้าไม่ยอม พี่เฮซองด่าแอนดี้” ผมนั่งดีดดิ้นอยู่ที่พื้น ทำไปแล้วก็อายตัวเองเหมือนกัน เอาว่ะ...เล่นตามน้ำไปกับอารมณ์คนขี้หึงเสียหน่อย ผมรู้จุดอ่อนของพี่เฮซอง พี่คนนี้ขี้งอนเป็นที่หนึ่ง...
       
    ได้ผลครับ นางฟ้าของผม มองพี่เฮซองตาขวางไปเลย...สมน้ำหน้า...
       
    “ช่างเค้าเถอะ คนกวนประสาท...แอนดี้หิวมั๊ย เดี๋ยวฉันไปเตรียมอาหารให้นะ” โอ...รอยยิ้มของนางฟ้า บาดตาผมจริงๆเลย ผมอยากแต่งงานกับนามิจัง...
       
    ผมพยักหน้ารับคำนามิจังอย่างเผลอไผล...ตอนนี้ให้นามิจังเอายาพิษมาให้ผมกิน ผมก็จะกินอย่างเต็มใจเลยครับ...เอ่อ!! คำพูดของผมมันชวนอ้วกมากเกินไปใข่มั๊ยครับ โทษทีนะ ผมลืมตัวไปว่านามิจังน่ะเป็นเมียเพื่อน
       
    “ห้ามแกล้งแอนดี้นะ...” นามิจังผู้แสนดีออกโรงปกป้องผมจากแม่นกชินเฮซอง ก่อนจะเข้าไปในครัวเพื่อหาข้าวหาน้ำให้ผมกิน...
       
    พี่เฮซองนั่งหน้าบึ้ง สะบัดหน้าเคืองเมียอย่างกับคอจะหัก ก็ดีเหมือนกัน คอหักตายไปเสียได้ก็ดี ผมจะได้เป็นเจ้าบ่าวแทน
       
    พอลับหลังนามิจัง...อาการสำออยของผมก็หลุดกระเด็นกระดอนไปทางไหนก็ไม่รู้ ผมรีบผวาลุกขึ้นไปนั่งไกลจากพี่เฮซอง ก่อนที่พี่จะเข้ามาเหยียบผมอีกครั้ง
       
    “พี่เฮซอง...ผมว่าเรามาพักรบเสียก่อนดีมั๊ย ผมมีเรื่องเจ๋งๆจะชวนพี่ร่วมสนุกด้วย” ผมเสนอความสนุกสนานที่ผมเล่นไปได้สองครั้งแล้ว ผมสนุกคนเดียวไม่ได้ครับ เพราะผมเป็นคนดี อยากให้เพื่อนร่วมสนุกกับผมด้วย
       
    “เรื่องอะไร ถ้าไม่สนุกอย่างปากว่า แกเจ็บ” กลัวที่ไหน ใครกลัว หนอย...ทำมาเป็นขู่ผม...
       
    “พี่ดงวานไปเกาะเจจู” ผมบอกเป้าหมายให้มันรู้ก่อน
       
    “เออ…ก็มันไปกับแฟนมัน แล้วไง อิจฉาเค้าเหรอ” พี่เฮซองวอนตายมากครับ สงสัยอยากตายพร้อมน้องหมาในปากแน่ๆ
       
    “ก็นี่ไงที่สนุกล่ะ ยิ่งไปกับแฟน ยิ่งสนุก”
       
    “สนุกตรงไหน ไปเที่ยวกับแฟนเนี่ยนะ...ประสาท” เฮ้อ...สงสัยนามิจังไม่ทำอาหารประเภทปลาให้พี่เฮซองกินแน่ๆครับ สมองไม่พัฒนาเสียเลย โง๊โง่...ไม่เหมือนผม ฉลาดล้ำเลิศ
       
    “ก็ป่วนเข้าไปสิ...” ผมบอกสั้นๆ
       
    “ป่วนยังไง...” ผมฟังคำถามของพี่แล้วเกาหัวแกรกๆ...เมื่อก่อนพี่เฮซองไม่ซื่อบื้อแบบนี้ สงสัยจะเป็นอย่างที่ชาวบ้านเค้าพูดกัน...ความรักทำให้ฉลาดกลายเป็นคนงี่เง่า...
       
    “ก็เมื่อกี๊ผมโทรไปแกล้งพี่ดงวาน พี่เค้าไม่อยากให้แฟนเสวนากับผมหรอก เพราะกลัวแฟนมารักผม เพราะผมหล่อ” ผมกอดอก หน้าหล่อๆช้ำเลือดของผมเชิดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ...
       
    “อ้วกกกกก...พูดผิดพูดใหม่ได้นะ ฉันว่าดงวานมันไม่อยากให้แฟนมันคุยกับไอ้โรคจิตอย่างแกมากกว่า”ดูปากพี่เฮซองสิครับ อย่างงี้แหละ คนเลี้ยงน้องหมาไว้ในปากเหมือนกันออกรับแทนกัน
       
    “อ้าว...ผมไม่ได้โรคจิตนะ นางมารเยจินต่างหากที่โรคจิต สงสัยชอบคิดว่าตัวเองสวย ใครแตะเนื้อต้องตัวหน่อยก็มั่วหาว่าเขาจะลวนลาม” ผมเถียงคอเป็นเอ็น...
       
    “ก็หน้าแกมันหื่นกามมากนี่หว่า” หนอย...ด่าผมแต่ไม่ดูตัวเองบ้างเลย พี่นั่นแหละหื่น ข่มขืนนามิจังจนต้องสมยอมเป็นของพี่...
       
    “ไอ้บ้า...พี่น่ะแหละหื่น พี่น่ะข่ม....” ผมรีบหุบปากเมื่อเห็นตาของพี่เฮซองครับ...แหม!!! เวลาโกรธขึ้นมาเนี่ย ผมกลัวสายตาพี่เลยครับ
       
    “ข่มอะไร พูดมาให้หมด” เสียงมันเย็นๆน่ากลัวพิลึก
       
    “ก็..เอ่อ...พี่น่ะข่มเหงพี่เอริค แกล้งพี่เอริคอยู่บ่อยๆ กว่าพี่จะยอมคุยกับพี่เอริค” ผมพยายามตีหน้าซื่อแก้ตัวไป
       
    “แล้วไป...” เฮ้อ...โล่งอกครับ บอกแล้วว่าพี่เฮซองไม่ค่อยกินปลา ความฉลาดยังห่างชั้นกับผมอีกหลายขุมนัก
       
    ผมเปลี่ยนประเด็นมาที่พี่ดงวานครับ “ก็พี่ดงวานหงุดหงิดที่ผมโทรไปหา ผมก็เลยโทรไปป่วนทุกยี่สิบนาที ผมกะจะป่วนจนถึงเย็นเลย พี่จะเอากับฉันด้วยรึเปล่า”
       
    เรื่องเล๊วเลวแบบนี้ มีหรือครับพี่เฮซองจะพลาด พี่ร่วมมือกับผมด้วยความเต็มใจอย่างดียิ่ง...ผมกับพี่เฮซองผลัดกันโทรหาพี่ดงวานทุกห้านาที บางทีพอพี่ดงวานรับผมก็วาง บางครั้งพี่เฮซองทักแค่ว่า ‘ น่าอิจฉาคนทิ้งเพื่อนไปเที่ยวกับแฟน ‘ แล้วก็ชิงวางสายก่อนที่พี่ดงวานจะด่า...สนุ๊กสนุกครับ แกล้งพี่ดงวานแล้วมานั่งดูพี่เค้าโวยวายผมล่ะมีความสุขจริงๆ
       
    ผมกับพี่เฮซองนั่งโทรศัพท์แกล้งพี่ดงวานอยู่ได้สี่ห้าครั้งนาที พี่ดงวานกับพี่เฮจินปิดเครื่องหนีพวกเราเลยครับ...แล้วนามิจังก็เดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกลิ่นอาหารที่หอมฟุ้งไปทั่วห้อง น้ำย่อยในกระเพาะของผมเริ่มทำงานทันทีครับ ผมรีบกระโดดขึ้นไปนอนบนโซฟาด้วยสีหน้าของคนเจ็บเจียนตาย...สำออยสุดๆ ก็บอกแล้วไงว่าผมน่ะดาราเจ้าบทบาทอยู่แล้ว
       
    “นามิจัง...ฉันกินเองไม่ไหว ป้อนทีได้มั๊ย...” ผมออดอ้อนนามิจัง แล้วก็ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นนามิจังที่น่ารัก แสนดีวางถาดแล้วนั่งลงบนพื้นใกล้ๆผม...
       
    “ทานเยอะๆนะ จะได้ไปบำรุงร่างกาย แอนดี้ก็จะหายเร็วขึ้น” ส่งเข้าปากมาเลยครับนามิจัง ชั่วโมงนี้แล้ว คนสวยมาป้อนข้าวขนาดนี้  นามิจังให้กินอะไร แอนดี้ก็ยอมทั้งนั้นแหละ
       
    ผมพยักหน้าหงึกหงัก หลับตาอ้าปากรอคอให้นามิจังป้อนข้าว...
       
    โอ....ทันทีที่รสข้าวต้มที่นามิจังทำเองซึมซาบสู่ลิ้น สมองก็สั่งให้ผมรับรู้ถึงความอร่อยสุดๆของข้าวต้ม...ผมลืมตามองพี่เฮซองที่นั่งหน้าตาขวางอยู่ไม่ไกลนัก ผมก็เลยลอยหน้าลอยตาเคี้ยวข้าวยั่วเสียหน่อย บอกแล้วว่าผมชอบกวนบาทาชาวบ้าน

    พอเคี้ยวหมดคำ ผมก็หลับตา อ้าปากรอให้นามิจังป้อน...แล้วก็กวนอารมณ์พี่เฮซองต่อด้วยการออดอ้อนให้นามิจังส่งน้ำให้ผมจิบ...
       
    จิบน้ำเสร็จ ผมก็นอนหลับตาอ้าปากรออาหาร...แต่เอ๊ะ!! ทำไมคราวนี้น้ำหนักมือของนามิจังแปลกไปนะ ไม่นุ่มนวลเลย กระแทกทั้นเชียว....ไม่พอครับ ยังมีควงสว่านช้อนทะลุทะลวงเข้าไปในปากผมเสียอีก ผมรีบลืมตาขึ้นมาดู....
       
    อ๊ากกกกกกก...พี่เฮซองครับเป็นคนป้อนข้าวต้มคำนี้ พี่ควงช้อนเข้าไปในปากผมอย่างแค้นเคือง...จนนามิจังต้องเข้าไปฉุดมือมัน...
       
    “เฮซอง....อย่าแกล้งแอนดี้สิ”
       
     ไอ้คนกลัวเมียทิ้งช้อนลงในชามข้าว แล้วลากนามิจังไปนั่งใกล้ๆ ไม่ยอมให้ป้อนข้าวต้มผมต่อ...หมดกะจิตกะใจจะกินเลยครับงานนี้...
       
    ผมไม่กล้ามองสายตาของพี่เฮซอง กลัวลำแสงพิฆาตครับ...ผมก้มหน้าก้มตากินข้าวไปเงียบๆ กินได้แค่ไม่กี่คำ...เจ้านั่นก็ลุกขึ้นยืนแล้วพูดเสียงดัง “จะกลับแล้วนะ...”
       
    เชิญครับพี่ กลับไปได้เลยครับ....ผมกลัวพี่จะฆ่าผมเพราะหึงหวงเมียครับ...พี่เฮซองหยิบกระเป๋านามิจังแล้วลากแขนเธอไปที่ประตูอย่างโหดร้ายทารุณ ถ้าเป็นผมนะ ผมจะถนอมเธอให้มากๆ ราวกับไข่ในหินเลยเชียว ไม่ทำเหมือนพี่อย่างแน่นอน...
       
    “แอนดี้ดูแลตัวเองด้วยนะ ทานยาด้วยล่ะ บ๊ายบายจ้ะ” โอ...ดูความน่ารักของนามิจังสิครับ ขนาดพี่เฮซองกำลังโกรธอยู่ นามิจังยังมีแก่ใจเป็นห่วงผมอีก...เฮ้อ!!!คนดีๆแบบนามิจังไม่น่าไปตกร่องปล่องชิ้นกับพี่เฮซองเลยให้ตายสิ...
       
    ผมนั่งกินข้าวต่อไปอีกสองสามคำ เสียงกริ่งก็ดังขึ้นอีก...ไม่รู้ว่าเจ้าพี่บ้านั่นลืมอะไรไว้นะ แล้วก็ไม่เปิดประตูเข้ามาเลย รู้อยู่ว่าผมไม่ได้ล็อคห้อง ทำเป็นมีมารยาทกดกริ่ง
       
    พี่เฮซองกดกริ่งกระหน่ำหลายๆที จนผมต้องรีบผวาลุกไปเปิดให้โดยเร็ว...
       
    แต่พอประตูเปิดออก....คนตรงหน้าทำให้ผมตาค้าง....
       
    เงาทมิฬเคลื่อนตัวเข้ามาในห้อง...ลางร้ายบอกว่าจุดจบของผมกำลังจะมาถึง...ใครก็ได้ช่วยผมที...พี่เฮซอง นามิจังกลับมาก่อนนนนน มาช่วยผมก่อนนนนน ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลให้มารอสแตนด์บายที่หน้าคอนโดของผมที...ผมกำลังจะตายยยยยยยยยยยยยยย

    -------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×