ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : You & Me [2]
หลังจากที่เรียนจบเกือบ 3 ปีในที่สุดชั้นกับอายาโกะก็มีวันหยุดยาวตรงกันเสียทีหลังจากที่วันหยุดของพวกเราทั้งสองคนส่วนมากจะตรงกันแค่ 1-2 วัน ทำให้อายาโกะบินกลับมาที่ญี่ปุ่นนี่ไม่ได้ แต่ว่าคราวนี้พวกเรากลับมีวันหยุดยาวตรงกันเกือบอาทิตย์ทีนี้พวกเราก็จะได้ทำในสิ่งที่ไม่ได้ทำมานานเสียที......นั่นก็คือ...
ไปปีนเขากันสองคนแล้วตั้งแคมป์กันซัก 2-3 วัน เหมือนเมื่อตอนที่อยู่ม.ปลาย
แต่ว่าหลังจากที่พวกเราขึ้นมาบนภูเขาแล้วนั้นอากาศกลับไม่เป็นใจอย่างที่คิด อยู่ๆก็มีพายุเข้ามาอย่างกะทันหันทำให้พวกเราทั้งสองคนต้องตัวเปียกเป็นลูกหมาแล้วต้องเข้ามาหลบที่บ้านพักของพวกนักเดินเขากลางป่าที่ไม่มีไฟฟ้าแบบนี้แต่ยังดีที่ว่าที่นี่มีห้องน้ำและอาหารกระป๋องเก็บเอาไว้
ตัวบ้านพักนั้นสั่นสะเทือนไปหมดด้วยแรงกระแทกจากลมที่พัดอยู่ภายนอก สัญญาณมือถือก็ไม่สามารถที่จะติดต่อกับภายนอกได้ วิทยุเครื่องเล็กที่พกมานั้นก็รับคลื่นแทบจะไม่ได้นอกจากเสียงคลื่นรบกวนและคำพูดจากข่าวที่จับใจความได้เพียงแค่ว่ากว่าพายุที่พัดอยู่ตอนนี้นั้นจะสงบก็คงจะใช้เวลากว่า 2 วัน เสบียงอาหารที่พกมาและที่มีเก็บเอาไว้ภายในบ้านพักนี้สามารถที่จะอยู่ได้ถึง 2 อาทิตย์สบายๆ รวมทั้งน้ำมันตะเกียงที่มีใช้ไปได้อีกหลายวัน แต่ว่า.....
“อายะ! เฮ้! อายะ! เป็นไงบ้าง” นานะเขย่าตัวอีกฝ่ายที่นั่งฟุบอยู่ข้างๆกับเตาผิงเครื่องเล็ก
“ชั้น...ปวดหัว...” อายาโกะกุมขมับของตนเองแน่นและตอบด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
“เป็นอะไรมากรึเปล่าน่ะ สีหน้าเธอไม่ดีเลย รอเดี๋ยวนะ อายะ” นานะรีบเปิดกระเป๋าเป้ของตนออกมาแล้วรื้อของที่อยู่ข้างในจนกระจัดกระจายเต็มพื้นก่อนที่จะหยิบสิ่งที่ตนต้องการออกมา
“อายะอ้าปากคาบนี่ไว้แปปนะ เดี๋ยวชั้นหยิบยาลดไข้ก่อน” นานะพยายามที่จะควบคุมสติของตนเอาไว้แต่ก็ไม่พ้นอาการลนลานอยู่วันยังค่ำ
“........เธอนี่มาปีนเขายังอุตส่าห์พกของแบบนี้มาอีกนะ” อายาโกะพูดพลางมองสิ่งตนคาบเอาไว้
“แต่มันก็มีประโยชน์ไม่ใช่เหรอ? อายะ” นานะหันกลับมาฉีกยิ้มกว้างด้วยสีหน้ากวนๆเหมือนเดิมและเดินกลับมาพร้อมกับสมุดจดเล่มเล็กที่ดูท่าทางจะจดอะไรหลายๆอย่างเอาไว้เต็มไปหมด มืออีกข้างหนึ่งนั้นก็กำขวดยาขวดเล็กๆเอาไว้หลายขวด
“นั่นมันอะไรน่ะ? นานะ” อายาโกะแสดงท่าทีสงสัยเป็นอย่างมาก
“อ๋อ ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่สมุดที่จดเพื่อความแน่ใจน่ะ” นานะดึงสปรอทวัดไข้ออกมาจากปากของอายาโกะแล้วดูอุณหภูมิก่อนที่จะหยิบยาขึ้นมา
“ไม่มีอะไรต้องห่วงหรอกนะ แค่มีไข้นิดหน่อยกินยานี่แล้วก็นอนซะนะ ชั้นจะเฝ้าดูตะเกียงเอง” อายาโกะทำตามอย่างว่าง่ายและลงนอนกับพื้นที่ปูผ้าบางๆเอาไว้โดยที่ใช้เสื้อกันหนาวตัวใหญ่แทนผ้าห่มก่อนที่จะผล็อยหลับไปเพราะฤทธิ์ไข้และฤทธิ์ยา
อากาศข้างนอกที่ลดต่ำลงนั้นเริ่มทำให้นานะรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อยถ้าหากอาการของอายาโกะเป็นหนักขึ้นจะทำอย่างไรดี ยาที่มีก็แค่ลดไข้ได้เท่านั้น อุปกรณ์ต่างๆก็แทบที่จะไม่มี สิ่งที่ให้ความร้อนได้ก็มีเพียงเตาผิงเก่าๆเครื่องเล็กเท่านั้น
“อื......ม...” เสียงครางเบาๆในลำคอของอายาโกะนั้นดังขึ้นพร้อมกับอาการหายใจติดขัดเล็กน้อย
เมื่อลองจับหน้าผากดูแล้วนั้นจึงได้รู้ว่าสิ่งที่เป็นกังวลนั้นกลายเป็นจริง อุณหภูมิของอายาโกะนั้นสูงขึ้นจนน่าเป็นห่วงเสื้อผ้าที่จะให้ความอบอุ่นนั้นก็แทบจะไม่มี ทางเดียวที่เหลืออยู่นั้นก็มีเพียงการให้ความอบอุ่นทางผิวกายที่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้
“อายะจ๋า ขอโทษนะ แล้วหลังจากนั้นจะต้มยำทำแกงเชือดหั่นชั้นยังไงก็ยอม” นานะพนมมือไหว้อายาโกะปะหลกๆเหมือนขอโทษก่อนที่จะจัดการถอดเสื้อของตนและของอีกฝ่ายออกจนเหลือแต่เสื้อชั้นในตัวเล็กที่ปกปิดร่างกายเอาไว้อย่างเบาบาง
นานะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นนวลเนื้อของอีกฝ่ายที่ตนหลงรักมานานแรมปี ถึงจะเคยอาบน้ำด้วยกันก็แค่ถึงตอนม.ต้นเท่านั้นเพราะตั้งแต่ที่รู้ใจตนเองก็พยายามที่จะไม่เข้าไปอาบน้ำพร้อมกับอายาโกะถ้าหากไม่จำเป็นจริงๆด้วยความกลัวที่ว่าตนเองนั้นจะอดใจไม่ไหวจนอาจจะเกินเลยกับอีกฝ่ายได้
เมื่อผิวที่เย็นเพราะเหงื่อที่ออกมานั้นสัมผัสเข้ากับผิวหนังของนานนะนั้นเรียวแขนของอายาโกะที่ดูเหมือนกับว่าจะไร้เรี่ยวแรงนั้นก็ยกขึ้นมาโอบคอของนานะเอาไว้เพื่อที่จะกระชับร่างกายของตนเข้ากับอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว การกระทำด้วยพิษไข้ของอายาโกะนั้นเล่นเอาหัวใจของอีกฝ่ายเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะกันเลยทีเดียว
อาการตัวเกร็งแข็งเพราะความตื่นเต้นของนานะนั้นกว่าจะสงบนั้นก็ต้องกลืนน้ำลายเข้าไปตั้งหลายต่อหลายครั้ง เมื่อร่างกายสงบแล้วนั้นก็เหมือนกับว่ามือข้างที่โอบกอดอายาโกะเอาไว้นั้นจะถือโอกาสสัมผัสส่วนอ่อนนุ่มของอีกฝ่ายอย่างไม่ตั้งใจแต่แอบแฝงเจตนาเล็กน้อยก่อนที่จะคว้าเอาเสื้อกันหนาวที่ทั้งหนาและใหญ่ของตนกับของอายาโกะมาคลุมเอาไว้เพื่อเพิ่มความอบอุ่น
“..............อื....อ........อื....ม......” เสียงครางในลำคอเบาๆของอายาโกะและแรงบีบน้อยๆของมือที่จับไหลเอาไว้นั้นช่วยกระตุ้นให้คนที่คอยนั่งเฝ้าอาการนั้นรู้สึกตัวตื่นอยู่ตลอดเวลา
อายะจ๋า อย่าทำเสียงแล้วก็สีหน้าแบบนี้ดิ เค้าจะตบะแตกแล้วนะ ว่าแล้วนานะก็เอาหัวเข้าโขกกับกำแพงที่อยู่ข้างหลังเพื่อที่จะสงบสติอารมณ์แต่เมื่อทำแล้วนั้นแล้วเจ้าตัวก็ต้องมานั่งโอดโอยกับความรู้สึกเจ็บจนน้ำตาซึมที่บริเวณหลังศีรษะอย่างเงียบๆ
นานะทำอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาเกือบจะตลอดทั้งคืนเพื่อที่จะกระตุ้นให้ตนเองตื่นอยู่ตลอดเวลาและคอยเอายาให้อีกฝ่ายกินตามเวลาที่กำหนดอย่างไม่ขาด
เมื่อคืนอันทรหดที่เป็นเหมือนกับการทดสอบความอดทนนั้นผ่านพ้นไปผู้ที่เคยนอนซมเพราะพิษไข้มาตลอดคืนนั้นก็ลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยอาการที่เมื่อยล้าร่างกายเล็กน้อยและมึนศีรษะจนอยากที่จะอาเจียนนั้นกรอกสายตาไปมาด้วยความสับสนก่อที่จะหาจุดโฟกัสตรงหน้าได้เป็นใบหน้าของเพื่อนสนิทตนที่นั่งหลับโดยโอบกอดตนเองเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างมั่นคง รอยช้ำใต้ขอบตาก็แสดงว่าอีกฝ่ายนั้นแทบจะไม่ได้นอนเลยตลอดทั้งคืนเพื่อที่จะคอยดูแลตนจนอาการไม่สบายเมื่อวานนี้เป็นเหมือนกับเป็นเรื่องโกหก
แต่ว่า..........เมื่ออายาโกะขยับร่างกายลุกขึ้นมานั่งบนพื้นนอกอ้อมแขนของนานะเท่านั้นเสื้อที่คลุมทั้งคู่เอาไว้ก็หล่นลงไปกองบนพื้น ในตอนนั้นเองอายาโกะก็ได้รู้ว่าร่างกายท่อนบนของตนเองนั้นถูกถอดเสื้อออกจนเหลือเพียงแค่เสื้อชั้นในตัวจิ๋วที่ปกปิดหน้าอกของตนเอาไว้เท่านั้น
“ย......ยัยนานะ!!” อายาโกะตะโกนกรอกหูของนานะและเขย่าตัวอีกฝ่ายที่มีสภาพแทบจะเป็นซอมบี้ให้ตื่นขึ้นมาอธิบายกับสภาพที่ทั้งคู่เป็นอยู่ตอนนี้
“แอ่ก....แอ่ก...แอ่ก อะไร! มีอะไรเรอะ! อายาโกะ! แผ่นดินไหวเรอะ!” นานะตื่นขึ้นมาด้วยสภาพที่มีคราบน้ำลายติดอยู่มุมปากและลนลานเพราะแรงสั่นสะเทือนที่หาสาเหตุไมได้
“เธออธิบายมาเดี๋ยวนี้เลยนะว่าทำไมชั้นกับเธอถึงมีสภาพแบบนี้ นานะ!” อายาโกะดึงหูทั้งสองข้างของนานะเอาไว้แน่นเพื่อที่จะฟังคำอธิบาย
“โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย เจ็บนะ อายะ เจ็บน๊า!!” นานะดิ้นไปมาในเพื่อที่จะหนีจากมือพิฆาตของอายาโกะแต่ก็ไม่สามารถที่จะสะบัดจนหลุดได้
“งั้นก็รีบอธิบายมาซะสิ” อายาโกะปล่อยมือจากใบหูของนานะและหยิบเสื้อกันหนาวที่กองอยู่บนพื้นมาคลุมร่างกายของตน
“เอ่อ.....คือว่า ก็เมื่อคืนนี้เธอน่ะไม่สบายจนอาการน่าเป็นห่วง แถมชั้นไม่มีทางเลือกเพราะว่าอากาศมันเย็นลงชั้นก็เลยต้องให้ความอบอุ่นแบบใช้ร่างกายน่ะ” นานะพยายามที่จะอธิบายอย่างสุดความสามารถเพื่อจะต่อชีวิตอันน้อยนิดไปอีกซักหน่อย
“อ๋อ...เหรอ? แล้วไอ้รอยแดงๆที่หน้าอกของชั้นนี่ล่ะ มันหมายความว่าอะไรกันจ๊ะ นานะ” อายาโกะชี้ไปที่รอยแดงๆบนเนินอกซ้ายของตน
“ง่ะ! อ่ะ! เอ่อ....คือว่า..มัน....เอ่อ.......เค้าเผลอไปง่ะ เค้าขอโต๊ดน๊—า อายะ” นานะยกมือขอโทษอีกฝ่ายอย่างแทบเป็นแทบตาย
“ง๊านเหรอ......จ้า นานะ” ฝ่ามือพิฆาตมารของอายาโกะค่อยๆขยับเข้าไปหาแก้มทั้งสองข้างของนานะอย่างช้าแต่แฝงไปด้วยรังสีพิฆาตคนลามก
“อ๊า! อ๊า! อ๊า! เค้าเจ็บน๊า! อายะจ๋า” นานะแสดงท่าทางอ้อนวอนเหมือนกับที่ทาช่าทำทุกครั้งที่ถูกแกล้งอย่างไม่มีผิดเพี้ยนเลยแม้แต่น้อยเผื่อว่าอายาโกะจะเห็นใจแล้วปล่อยตนเป็นอิสระ
“งั้นหล่อนจะทำทำไมล่ะยะ ยัยนานะ” แก้มนุ่มของนานะถูกยืดออกมากกว่าเมื่อครู่นี้
“เค้าขอโต๊ด เค้าขอโต๊ด เค้าขอโต๊ด ยกโทษให้เถอะน๊า อาย๊า”
“............ยัยบ้าเอ๊ย” แรงบีบจากปลายนิ้วของอายาโกะนั้นอ่อนแรงลง
เคร้ง!! แรงสั่นสะเทือนของตัวบ้านพักนั้นทำให้ของที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆกันนั้นกลิ้งตกลงมา
“กรี๊ด!!” อายาโกะส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัวและเผลอโผเข้าไปกอดอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
“....อายะ....นั่นมันแค่กระป๋องตกลงมาเองนะ.....แล้วก็....” นานะเหลือบตาไปดูเจ้าสิ่งที่ทำให้เกิดเสียงเมื่อครู่นี้ขึ้นมา
“เธอจะจู่โจมชั้นเหรอ? อายะ” ตอนนี้นานะถูกอายาโกะกอดคอเอาไว้แล้วเผลอล้มลงไปนอนอยู่บนพื้นทั้งที่ทั้งคู่ยังใส่เสื้อผ้าได้ไม่เรียบร้อยและอายาโกะเป็นฝ่ายที่คร่อมนานะเอาไว้
“.....ชั้นขอโทษนะที่ชั้นทำแบบนั้นแต่ว่า ชั้นรักเธอจริงๆนะ อายะ” มือทั้งสองข้างของนานะโอบกอดหลังของอายาโกะเอาไว้ไม่ปล่อยโอกาสให้อีกฝ่ายลุกขึ้นออกจากร่างกายของตน
อายาโกะที่ถ้าหากเป็นปกติแล้วนั้นจะขัดขืนอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดายแล้วอาจจะตบนานะคว่ำได้ง่ายๆก็ไม่ได้ขัดขืนหรือแม้แต่จะดันร่างกายลุกขึ้นหนี ใบหน้าที่ตีสีหน้าจริงจังของนานะนั้นทำให้อายาโกะไม่กล้าที่จะเอ่ยปฏิเสธกับอีกฝ่ายได้เหมือนกับปกติ
ความคิดเห็น