ลำดับตอนที่ #4
ตั้งค่าการอ่าน
ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : พิกมีเลียนกับกัลลาเทีย
พิกมีเลียนกับกัลลาเทีย
(พิกมิเลียนผู้หลงรักรูปสลัก)
พิกมิเลียนเป็นช่างสลักรูปหนุ่มผู้มีพรสวรรค์แห่งไซปรัส เขาเกลียดชังสตรี
อย่างสุดแสน เขาคิดว่ามีตัวเองคนเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็
ได้ทุ่มเทกำลังทั้งหมดในการสลักงาช้างเป็นรูปหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบที่สุดขึ้นมา
.....หญิงสาวที่งามขนาดที่ไม่เคยมีชายใดจะได้ยลโฉมมาก่อน
เขาบรรจงใส่ใจในทุกรายละเอียดของรูปสลักแทบไม่กินไม่นอน แต่มันก็
ไม่ใช่แค่นั้น สิ่งที่พิกมิเลียนเองก็คาดไม่ถึงมันค่อยๆเกิดขึ้นในหัวใจของเขา
เริ่มตั้งแต่ลงมือปั้นจนกระทั่งรูปสาวงามของเขาเสร็จสมบูรณ์ เขาก็หลงรักรูปสลัก
จากงาช้างที่ทำขึ้นเองเสียแล้ว เป็นความรักครั้งแรกและรักจนถอนตัวไม่ขึ้นเสียด้วย
และก็ดูเหมือนว่าเขาจะหลอกตัวเองว่ารูปสลักแสนงามนี่เป็นหญิงสาวจริงๆ
และมีชีวิต ทุกๆวันเขาจะจุมพิตแผ่วเบาที่ริมฝีปากงามได้รูปแต่แข็งทื่อและเย็น
เฉียบ สรรหาเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องประดับที่งดงามมีค่ามาให้เธอสวม ในยาม
เช้าพิกมิเลียนก็จะอุ้มรูปปั้นสาวงามไปเดินเล่นกันท่ามกลางแสงแดดอันสดใส ใน
ยามราตรีเขาก็อุ้มเธอไปนอนบนเตียงที่อบอุ่นนุ่มสบายและห่มผ้าให้ ด้วยว่ากลัว
หญิงสาวในจินตนาการของตนจะหนาว
ความรักของพิกมิเลียนที่มีต่อหุ่นงาช้างสาวสวยนั้นมีความลึกซึ้งตรึงใจยิ่ง
นัก เขาได้ไปที่วิหารแห่งอะโฟรไดทีทุกวันเพื่อวิงวอนให้เทพีแห่งความรักช่วยเขา
ซึ่งเทพีอะโฟรไดทีก็รับรู้และมีความเห็นใจและรู้สึกเวทนาที่พิกมิเลียนผู้ยังหนุ่ม
แน่นและมีพรสวรรค์เอาแต่ดูแลพูดคุยกับงานศิลปะที่ตนทำขึ้นเหมือนเด็กๆเล่น
กับตุ๊กตาไม่มีผิด ซึ่งเป็นความรักที่หายากยิ่งจึงต้องการช่วยใช้ชายผู้รักมั่น
สมหวัง
เมื่อพิกมิเลียนก็ได้พบแต่เพียงความเงียบในวิหาร มีเพียงเสียงกล่าวอ้อน
วอนของตนเท่านั้นที่ดังก้องสะท้อนไปมาในโถง ก็เดินคอตกกลับบ้าน แต่กระนั้น
ก็ยังไม่ละความพยายาม
ในวันเฉลิมเทศกาลของอะโฟรไดที ซึ่งเป็นวันที่ฉลองการที่อะโฟรไดทีได้
ปรากฎจากฟองน้ำแห่งท้องทะเล ซึ่งในเทศกาลนี้บรรดาชายหนุ่มและหญิงสาวคู่
รักก็จะมอบของขวัญให้แก่กันและกัน พิกมิเลียนก็ไม่ได้ไปร่วมแต่อย่างใด เขา
เพียงแค่ไปวิหารเทพีอะโฟรไดทีเพื่องวิงวอน
และเขาก็ต้องกลับบ้านด้วยความผิดหวังเช่นเคย เมื่อไม่มีการตอบรับอะไร
เกิดขึ้นเลย เขามองรูปปั้นสาวงามพลางทอดถอนใจ และเอื้อมมือไปสัมผัสผิวรูป
สลักอย่างแสนรัก แต่เขาก็ต้องชักมือกลับเมือมือของเขาได้สัมผัสถึงความอบอุ่น
พิกมิเลียนจึงเดินเข้าไปใกล้และจุมพิตเธอเนิ่นนาน ก็รู้สึกถึงสิ่งที่ค่อยๆเปลี่ยน
แปลง ลมหายใจอ่อนๆสัมผัสริมฝีปากชายหนุ่ม ผิวรูปปั้นที่แข็งเย็นชืดไร้
ความรู้สึกก็เริ่มนิ่มนวลและอบอุ่น เมื่อเขาถอนริมฝีปากออกก็เห็นดวงตาสีน้ำตาล
ใสมองมาจากหญิงสาวแสนสะคราญที่เหมือนกับรูปปั้นของเขาแต่ทว่าดูมี
ชีวิตชีวา เธอยิ้มให้เขาด้วยริมฝีปากงามสีกลีบดอกกุหลาบเช่นเดียวกับแก้มเปล่ง
ปลั่งของเธอ
และเธอช่างดูงามกว่าที่เคยเป็นเสียอีก
“โอ!อะโฟรไดทีผู้งดงาม….ท่านรับฟังคำวิงวอนแห่งข้าแล้ว”
พิกมีเลียนและรูปปั้นที่กลายเป็นมนุษย์ต่างสวมกอดกันด้วยความดีใจ ซึ่ง
เขาก็ตั้งชื่อให้เธอว่า”กัลลาเทีย” และแต่งงานกันอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
(พิกมิเลียนผู้หลงรักรูปสลัก)
พิกมิเลียนเป็นช่างสลักรูปหนุ่มผู้มีพรสวรรค์แห่งไซปรัส เขาเกลียดชังสตรี
อย่างสุดแสน เขาคิดว่ามีตัวเองคนเดียวก็เพียงพอแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็
ได้ทุ่มเทกำลังทั้งหมดในการสลักงาช้างเป็นรูปหญิงสาวที่สมบูรณ์แบบที่สุดขึ้นมา
.....หญิงสาวที่งามขนาดที่ไม่เคยมีชายใดจะได้ยลโฉมมาก่อน
เขาบรรจงใส่ใจในทุกรายละเอียดของรูปสลักแทบไม่กินไม่นอน แต่มันก็
ไม่ใช่แค่นั้น สิ่งที่พิกมิเลียนเองก็คาดไม่ถึงมันค่อยๆเกิดขึ้นในหัวใจของเขา
เริ่มตั้งแต่ลงมือปั้นจนกระทั่งรูปสาวงามของเขาเสร็จสมบูรณ์ เขาก็หลงรักรูปสลัก
จากงาช้างที่ทำขึ้นเองเสียแล้ว เป็นความรักครั้งแรกและรักจนถอนตัวไม่ขึ้นเสียด้วย
และก็ดูเหมือนว่าเขาจะหลอกตัวเองว่ารูปสลักแสนงามนี่เป็นหญิงสาวจริงๆ
และมีชีวิต ทุกๆวันเขาจะจุมพิตแผ่วเบาที่ริมฝีปากงามได้รูปแต่แข็งทื่อและเย็น
เฉียบ สรรหาเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องประดับที่งดงามมีค่ามาให้เธอสวม ในยาม
เช้าพิกมิเลียนก็จะอุ้มรูปปั้นสาวงามไปเดินเล่นกันท่ามกลางแสงแดดอันสดใส ใน
ยามราตรีเขาก็อุ้มเธอไปนอนบนเตียงที่อบอุ่นนุ่มสบายและห่มผ้าให้ ด้วยว่ากลัว
หญิงสาวในจินตนาการของตนจะหนาว
ความรักของพิกมิเลียนที่มีต่อหุ่นงาช้างสาวสวยนั้นมีความลึกซึ้งตรึงใจยิ่ง
นัก เขาได้ไปที่วิหารแห่งอะโฟรไดทีทุกวันเพื่อวิงวอนให้เทพีแห่งความรักช่วยเขา
ซึ่งเทพีอะโฟรไดทีก็รับรู้และมีความเห็นใจและรู้สึกเวทนาที่พิกมิเลียนผู้ยังหนุ่ม
แน่นและมีพรสวรรค์เอาแต่ดูแลพูดคุยกับงานศิลปะที่ตนทำขึ้นเหมือนเด็กๆเล่น
กับตุ๊กตาไม่มีผิด ซึ่งเป็นความรักที่หายากยิ่งจึงต้องการช่วยใช้ชายผู้รักมั่น
สมหวัง
เมื่อพิกมิเลียนก็ได้พบแต่เพียงความเงียบในวิหาร มีเพียงเสียงกล่าวอ้อน
วอนของตนเท่านั้นที่ดังก้องสะท้อนไปมาในโถง ก็เดินคอตกกลับบ้าน แต่กระนั้น
ก็ยังไม่ละความพยายาม
ในวันเฉลิมเทศกาลของอะโฟรไดที ซึ่งเป็นวันที่ฉลองการที่อะโฟรไดทีได้
ปรากฎจากฟองน้ำแห่งท้องทะเล ซึ่งในเทศกาลนี้บรรดาชายหนุ่มและหญิงสาวคู่
รักก็จะมอบของขวัญให้แก่กันและกัน พิกมิเลียนก็ไม่ได้ไปร่วมแต่อย่างใด เขา
เพียงแค่ไปวิหารเทพีอะโฟรไดทีเพื่องวิงวอน
และเขาก็ต้องกลับบ้านด้วยความผิดหวังเช่นเคย เมื่อไม่มีการตอบรับอะไร
เกิดขึ้นเลย เขามองรูปปั้นสาวงามพลางทอดถอนใจ และเอื้อมมือไปสัมผัสผิวรูป
สลักอย่างแสนรัก แต่เขาก็ต้องชักมือกลับเมือมือของเขาได้สัมผัสถึงความอบอุ่น
พิกมิเลียนจึงเดินเข้าไปใกล้และจุมพิตเธอเนิ่นนาน ก็รู้สึกถึงสิ่งที่ค่อยๆเปลี่ยน
แปลง ลมหายใจอ่อนๆสัมผัสริมฝีปากชายหนุ่ม ผิวรูปปั้นที่แข็งเย็นชืดไร้
ความรู้สึกก็เริ่มนิ่มนวลและอบอุ่น เมื่อเขาถอนริมฝีปากออกก็เห็นดวงตาสีน้ำตาล
ใสมองมาจากหญิงสาวแสนสะคราญที่เหมือนกับรูปปั้นของเขาแต่ทว่าดูมี
ชีวิตชีวา เธอยิ้มให้เขาด้วยริมฝีปากงามสีกลีบดอกกุหลาบเช่นเดียวกับแก้มเปล่ง
ปลั่งของเธอ
และเธอช่างดูงามกว่าที่เคยเป็นเสียอีก
“โอ!อะโฟรไดทีผู้งดงาม….ท่านรับฟังคำวิงวอนแห่งข้าแล้ว”
พิกมีเลียนและรูปปั้นที่กลายเป็นมนุษย์ต่างสวมกอดกันด้วยความดีใจ ซึ่ง
เขาก็ตั้งชื่อให้เธอว่า”กัลลาเทีย” และแต่งงานกันอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
กำลังโหลด...
ความคิดเห็น