ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : กล่องความลับ
หว่าหวาสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงในกระโจม เธอหันมองรอบ ๆ ด้วยความงุนงง ลี่หลินนั่งอยู่ข้าง ๆ กำลังมองมา ด้วยความเป็นห่วง
“หว่าหวา! เธอเป็นอะไรไปเมื่อกี้ อยู่ดี ๆ ก็หมดสติไป” ลี่หลินถาม น้ำเสียงแฝงความตกใจ หว่าหวากุมหัวตัวเองเบา ๆ ความเจ็บปวดที่เคยมียังหลงเหลือเล็กน้อย
“ฉัน... เหมือนเห็นอะไรบางอย่างตอนที่แตะกล่องนั้น...”
“เห็นอะไร?” ลี่หลินขมวดคิ้ว สีหน้าดูจริงจังขึ้น
“ฉันเห็นภาพแม่ฉัน เธอกำลังร้องไห้... และพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับภารกิจของฉัน แต่มันยังไม่ชัดเจนเลย”
ทั้งสองมองไปที่กล่องไม้เก่า ๆ ที่วางอยู่ตรงมุมห้อง หว่าหวาเริ่มลังเล แต่ในใจก็รู้สึกถึงพลังลึกลับที่ดึงดูดให้เธอเข้าไปหา
“ฉันว่าฉันต้องเปิดมัน...” หว่าหวาเอ่ยเสียงเบา
ลี่หลินพยักหน้า “ฉันจะอยู่ข้างเธอเอง”
หว่าหวาค่อย ๆ ยื่นมือไปสัมผัสฝากล่อง คราวนี้เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นแผ่ออกมา เมื่อเธอเปิดฝากล่อง ภายในกล่องมีผ้าคลุมสีทองที่ดูเก่าแก่และสวยงาม แต่เต็มไปด้วยลวดลายซับซ้อนที่เหมือนจะซ่อนความลับบางอย่าง ข้างใต้ผ้าคลุมมีแผ่นหนังเก่าม้วนหนึ่ง หว่าหวาหยิบมันขึ้นมา เปิดดู พบว่าเป็นมีจดหมายฉบับหนึ่งและแผนที่โบราณที่ดูเหมือนจะชี้ทางไปยังสถานที่ลึกลับ
“นี่มันอะไร...” ลี่หลินพูดออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา
ชาร์รุคที่ยืนอยู่หน้ากระโจมเดินเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงพูดคุย เขามองเห็นแผนที่ในมือหว่าหวาและสีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที
“ท่านนายน้อย... ท่านพบมันแล้ว...”
ชาร์รุคกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงความเคารพและตื่นเต้น
“อะไรคือ ‘มัน’?” หว่าหวาถามด้วยความสงสัย
ชาร์รุคคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ “นี่คือแผนที่ที่จะนำทางท่านไปยัง ‘หุบเขาแห่งแสง’ สถานที่ซึ่งความจริงทั้งหมดของท่านจะถูกเปิดเผย...”
“ความจริงอะไร?” ในขณะหว่า หวาเริ่มสับสน ในมือนั้นถือจดหมายอยู่ด้วย
“ข้าเองก็ไม่รู้ทั้งหมด แต่แม่ของท่านได้ฝากฝังภารกิจนี้ไว้กับท่านผู้เฒ่าเตร์มู และข้าก็ได้รับการถ่ายทอดคำสั่งจากท่านผู้เฒ่าเตร์มูมาอีกที เมื่อถึงเวลาที่ท่านพร้อมกลับมาเจอกับพวกเราเมื่อไร พวกเราก็จะรู้เรื่องภารกิจลับนี้ และพร้อมจะช่วยเหลือท่านตามคำสั่งของแม่ท่าน”
หว่า หวาหันไปมองเขาด้วยความสงสัยและความหวาดระแวง แม้จะมีความไม่แน่ใจ แต่เธอก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่ดึงดูดให้เธอต้องดำเนินตามเส้นทางนี้
“แม่ของข้าฝากฝังอะไรไว้กับท่าน...” หว่า หวาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย
ชาร์ รุค พยักหน้าเบาๆ “ใช่...ท่านผู้เฒ่าเตร์มูบอกกับข้าไว้ว่า "เป็นคำสั่งจากแม่ของท่านเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับภารกิจนี้ เมื่อเวลามาถึง ท่านจะได้รู้ทุกอย่างเอง” เขาพูดอย่างลึกลับ พร้อมรอยยิ้มที่เหมือนจะบอกว่ามีอะไรบางอย่างที่ยังไม่สามารถ เปิดเผยได้ในขณะนี้
หว่า หวารู้สึกถึงการเชื่อมโยงที่แปลกประหลาดระหว่างตัวเธอและท่านผู้เฒ่าเตร์มู แม้จะยังไม่เข้าใจทั้งหมด แต่เธอก็รู้ว่าเธอต้องเดินต่อไปตามเส้นทางนี้ ถึงแม้จะเต็มไปด้วยคำถามและความสงสัยมากมาย
หว่า หวาหันมองลี่ หลิน ทั้งคู่มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามและความกังวล แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ถึงแรงกระตุ้นที่ผลักดันให้พวกเธอต้องเดินหน้าต่อไป
การเดินทางครั้งนี้เต็มไปด้วยความลึกลับและความท้าทายที่พวกเขาไม่อาจคาดเดาได้ หว่า หวากำแผนที่ในมือแน่น ความรู้สึกตื่นเต้นผสมปนเปกับความกังวล แต่แสงแห่งความมุ่งมั่นที่สะท้อนในดวงตาของเธอเป็นเครื่องยืนยันว่า เธอพร้อมที่จะเผชิญทุกสิ่งที่กำลังจะมาถึง
ทุ่งหญ้าของชนเผ่ามองโกลเลียในยามค่ำคืนเงียบสงบและเยือกเย็น ผืนหญ้ากว้างใหญ่ถูกคลุมด้วยความมืดที่แผ่ขยายไปทั่ว จนกระทั่งแสงจันทร์ส่องสว่างลงมา ทอประกายสีเงินที่แผ่กระจายไปตามผืนหญ้า ทำให้ทุ่งหญ้าดูเหมือนทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด ดวงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า เหมือนเพชรนับล้านเม็ดที่ประดับอยู่ในอวกาศ ซึ่งสะท้อนความงามแห่งจักรวาลที่ไม่มีคำบรรยายใดๆ
ลมพัดเย็นเบา ๆ ท่ามกลางความเงียบสงัด เสียงลมที่กระทบกับต้นหญ้าและต้นไม้ที่อยู่ในระยะไกลเหมือนกับเสียงกระซิบจากอดีต
ความเงียบงันถูกขัดจังหวะเพียงเล็กน้อยด้วยเสียงฝีเท้าของสัตว์กลางคืนที่เดินผ่านเงียบ ๆ หรือเสียงหอนห่างไกลของหมาป่าทะเลทราย ความมืดทำให้ทุกสิ่งดูยิ่งใหญ่และไม่มีที่สิ้นสุด แต่ก็ทำให้เกิดความรู้สึกเล็กน้อยในใจของผู้ที่จ้องมองมัน
“นี่มันเหมือนเขาวงกตเลยนะ... มีเส้นทางแยกไปหลายทางมาก” ลี่หลินกล่าวขณะจ้องดูแผนที่
“แต่มีจุดหนึ่งที่ถูกวงไว้ด้วยสัญลักษณ์...” หว่าหวาชี้ไปที่เครื่องหมายรูปดาวกลางแผนที่ เก่าแก่ผืนนั้น
ชาร์รุคที่นั่งห่างออกมาเล็กน้อย ลุกขึ้นเดินมาใกล้ “สัญลักษณ์นั้นคือจุดเริ่มต้นของหุบเขาแห่งแสง” เขาอธิบาย
“มันอยู่ไกลแค่ไหน?” หว่าหวาถาม
“จากที่นี่ต้องเดินทางข้ามภูเขาทรายและผ่านป่าแห่งเงา ใช้เวลาร่วมเดือน... หากไม่มีอุปสรรคใดๆ” ชาร์รุคตอบพร้อมมองไปยังขอบฟ้าที่มืดมิด
ลี่หลินถอนหายใจ “แค่ฟังดูก็เหมือนจะมีอุปสรรคทุกก้าวแล้วล่ะ”
“ทุกก้าวย่อมนำไปสู่คำตอบ” ชาร์รุคกล่าวอย่างหนักแน่น ดวงตาของเขาฉายแววศรัทธา
หว่าหวามองหน้าเพื่อนทั้งสอง ก่อนจะพยักหน้าช้า ๆ “ถ้าอย่างนั้น... เราเริ่มต้นพรุ่งนี้เช้าดีไหม"
"ยังพึ่งดีกว่า นายน้อย เราต้องเตรียมเสบียง ม้า และข้าต้องพาคนสนิทไปกับเราอีกสัก 2 คน" ชาร์รุค เอ๋ยขึ้นในวาวตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงนายน้อยของเค้า ที่เค้าโดนปลุกฝังให้จงรักษ์ภักดีกับนายน้อยจากผู้เฒ่าเตร์มู
รุ่งเช้าบนทุ่งหญ้าของชนเผ่ามองโกลเลีย ยังคงมีความงดงามและเงียบสงบฟ้า เริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองจากแสงแรกของอาทิตย์ สัตว์เลี้ยง เช่น ม้าและฝูงแกะ กำลังเล็มหญ้าอย่างสบายใจใกล้เต็นท์ "เกอร์" ควันสีขาวจากการก่อไฟในตอนเช้าลอยขึ้นเหนือเต็นท์ บ่งบอกถึงการเริ่มต้นวันใหม่
ผู้คนตื่นขึ้นมาจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ เช่น รีดนมแพะ ซึ่งถือเป็นแหล่งอาหารสำคัญ เด็ก ๆ และผู้หญิง ช่วยพาฝูงสัตว์ไปยังที่เล็มหญ้า ขณะที่ผู้ชายบางคนเตรียมอานม้าเพื่อออกไปดูแลพื้นที่กว้างใหญ่ เสียงลมที่พัดผ่านทุ่งหญ้า เสียงกีบม้ากระทบพื้น และเสียงสัตว์เลี้ยงที่คลอเคลียกัน เป็นท่วงทำนองชีวิตของชนเผ่าที่ผูกพันแนบแน่นกับธรรมชาติ
หว่าหวาและลี่หลินหลับใหลลงด้วยความอ่อนล้าหลังการเดินทางอันยาวนานผ่านห้วงเวลา ร่างกายที่อ่อนเพลียถูกปลอบประโลมด้วยความเงียบสงบของค่ำคืน แต่ในความสงบนี้กลับแฝงไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ระหว่างความตื่นเต้นจากประสบการณ์ใหม่ที่เหนือจินตนาการ และความสับสนจากสิ่งแปลกปลอมที่เพิ่งได้พบ
ในยามที่พวกเขาหลับตาลง ท่วงทำนองแห่งอดีตและอนาคตดูเหมือนจะไหลเวียนอยู่รอบตัว เสียงหัวใจที่เต้นรัวด้วยความตื่นเต้นค่อย ๆ แผ่วเบาลง เช่นเดียวกับกระแสความคิดที่ซับซ้อนเริ่มจางหาย ทิ้งไว้เพียงลมหายใจอันสงบและการพักผ่อนที่ราวกับจะช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตให้พร้อมเผชิญกับวันใหม่
แม้ห้วงฝันจะพาพวกเขาล่องลอยไปในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย แต่ความอบอุ่นจากกันและกันทำให้พวกเขามั่นใจว่า ไม่ว่าจะเผชิญสิ่งใดในวันข้างหน้า พวกเขาจะก้าวผ่านไปด้วยกัน
เสียงคนเจียวจาวพูดคุยกันในภาษาที่ไม่คุ้นเคยอยู่รอบนอกเต้นที่พัก หว่า หวา ลืมตาขึ้น พร้อมกับเรียก ลี่ หลิน "ลี่หลิน! เธอตื่นหรือยัง" มองไปรอบๆ ตัวไม่พบลี่ หลิน
หวา หว่า ลุกขึ้นส่องสายตาดูรอบๆ ก็ไม่พบ เสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาเรื่อย ๆเมื่อผ้าใบถูกเปิดออก หว่า หวา ก็ยิ้มด้วยความยินดี ที่ได้พบลี่หลินถือไก่ชิ้นใหญ่เข้ามา
"อ้าว..หว่าหวา เธอต้องเพิ่มพลังกันก่อน เมื่อคืนหลับสบายดีไหม"
"ก็ดีเลย หลับสนิทมาก ฉันคิดอยู่แล้วว่าเธอจะต้องหาของกินก่อนเป็นอันดับแรก" หวา หว่า เอ๋ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สดใส
"เรื่องกินต้องมาก่อนซิ เห็นหุ่นฉันไหม คนที่นี้เค้าว่าหุ้นฉันดีเลยแหละ" ลี่ หลินพูดไปพรางหัวเราะไปพราง
เมื่อเด็กสาวทั้งสองจัดการกับตัวเองเรียบร้อยแล้ว หวา หว่า ก็ลุกขึ้นเปิดผ้ากระโจม มองดูเหตุการต่างๆ ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
กระโจมหลายหลังปลูกห่างกันไม่มาก ยามเช้าของที่ราบกว้างใหญ่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงหัวเราะของเด็กๆ ชนเผ่าที่วิ่งเล่นอย่างไร้กังวล กระโจมหลากหลายหลังตั้งกระจายอยู่ในพื้นที่สีเขียวชอุ่ม พื้นหญ้าอ่อนนุ่มที่แต่งแต้มด้วยดอกไม้ป่าขนาดเล็กสะท้อนแสงแดดยามเช้า ทำให้ดูมีชีวิตชีวา
แสงอาทิตย์อ่อนๆ สีทองอบอุ่นค่อยๆ ไต่ขึ้นเหนือขอบฟ้า ทอประกายละมุนผ่านหมอกบางๆ ที่ยังหลงเหลือจากค่ำคืน ผู้หญิงชนเผ่าสวมชุดประจำถิ่นสีสดใส กำลังนำฝูงแกะออกจากกระโจม พวกเธอส่งเสียงเรียกแกะด้วยภาษาเฉพาะของชนเผ่า ท่ามกลางเสียงระฆังเล็กๆ ที่คล้องคอแกะดังก้องกังวล
เด็กๆ วิ่งไล่จับกันรอบๆ กระโจม เสียงหัวเราะของพวกเขาเป็นดั่งบทเพลงธรรมชาติที่เข้ากันได้ดีกับสายลมยามเช้า ผู้หญิงและเด็กดูเหมือนจะเป็นส่วนสำคัญของที่นี่ พลังชีวิตและความอบอุ่นจากพวกเขาทำให้บรรยากาศในที่ราบแห่งนี้เต็มไปด้วยความสดใสและสงบสุข
หวา หว่า ชวนลี่หลินเดินออกไปดูบริเวณรอบๆระหว่างทาง เสียงลมพัดกระซิบคล้ายเสียงกระซิบแผ่วเบา บางครั้งเหมือนเสียงคนเรียกชื่อของหว่าหวา เธอหันไปมองรอบตัวหลายครั้งแต่ไม่พบอะไร
หวา หว่ารู้ว่าเสียงนี้อยากให้ไปที่ไหนสักที่หนึ่ง เธอได้กลิ่นดอกไม้อ่อนๆ
"ลี่ หลิน เธอได้กลิ่นดอกไม้ไหม"
"หอมอ่อนๆ"
"ใช่ๆกลิ่นหอมอ่อนๆ เราไปเที่ยวหากันเถอะ" ทั้งสองออกเดินเล่นไปรอบๆบริเวณกระโจม ไม่กล้าไปไกลนัก
ในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ดอกไม้ป่าเล็กๆ หลากสีเบ่งบานเหมือนรอยยิ้มที่ส่งความอบอุ่นต้อนรับเด็กสาวทั้งสองที่ยืนอยู่กลางลานหญ้า ทุ่งหญ้าสีเขียวเต็มไปด้วยชีวิต ขณะที่ฝูงแกะกำลังเล็มหญ้าอย่างสงบในระยะใกล้ ไม่ไกลออกไป มีกระโจมสีขาวตั้งอยู่ ท่ามกลางทิวสนที่เรียงรายเหมือนเป็นแนวเขตกั้นระหว่างทุ่งหญ้ากับโลกภายนอก
หลังแนวต้นสนนั้น สวนดอกโบตั๋นป่า กำลังผลิดอกสีชมพูสดใส สลับกับสีขาวและแดง กลีบดอกอ่อนช้อยโบยบินไปตามสายลมที่พัดเบาๆ เมื่อมองออกไป สวนดอกโบตั๋นทอดยาวจนสุดสายตา ดุจพรมดอกไม้ที่ปูอยู่บนพื้น
เด็กสาวทั้งสองเห็นแล้วตะลึงด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความงามแห่ง
แอรก...แอร๊ก...แอรก...แอร๊ก
เสียงที่ได้ยินนั้นเหมือนเสียงกรวดเล็กๆ ที่กระทบกันเป็นระยะๆ เมื่อจิ้งจอกน้อยขุดลงไปลึกขึ้น ความสงบของป่าถูกแทรกด้วยเสียงนี้ ที่ไม่ได้ดังมากแต่ก็แฝงไปด้วยความลึกลับ เสียงของมันคล้ายจะบอกเล่าเรื่องราวบางอย่าง
เด็กสาวทั้งสองหันมามองหน้ากันแลัวจึงตามหาเสียง
ทันใจนั้น หวา หว่า ก็เอ๋ยขึ้น
" เจ้าจิ้งจอกน้อย เจ้าขุดหาอะไร"
แทนที่เจ้าจิ้งจองน้อยจะกลัวกับยิ่งขุดลึกลงไปทุกที ลี่ หลินจ้องมองด้วยความสงสัย และร้องเสียงดัง
"เดียว!นะ...ฉันเห็นอะไรบ้างอย่างหว่า หวา"ลี้ หลิน เอ๋ยด้วยน้ำเสียงตกใจ
"อะไร! กัน" หว่า หวาร้องด้วยความตกใจ
"นั้น! เห็นอะไรมันหว่า หวา...ในหลุมนั่น" ลี่หลิน จองมองหลุมนั่นตาไม่กระพริบเลย
ความคิดเห็น