ค่าเริ่มต้น
- เลื่อนอัตโนมัติ
- ฟอนต์ THSarabunNew
- ฟอนต์ Sarabun
- ฟอนต์ Mali
- ฟอนต์ Trirong
- ฟอนต์ Maitree
- ฟอนต์ Taviraj
- ฟอนต์ Kodchasan
- ฟอนต์ ChakraPetch
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Episode 4
ใครบอกกันล่ะว่าการใช้ชีวิตมันง่าย แน่นอนว่าในโลกนี้มันก็อาจจะมีคนแบบนั้นอยู่
เพียงแต่หากต้องนับจริงๆ
คนแบบนั้น จะมีสักกี่คนกันละ
“นี่ ฟุวาริ ไอเซล ตั้งฟังอยู่รึเปล่า” เสียงของไอซาวะ โชตะ เรียกไอเซลที่เหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวพราวระยับอย่างสวยงามจนดูไม่ตั้งใจที่จะฟังตนเองเลยสักนิด
“หืม? เราฟังอยู่นะ” ไอเซลตอบบอกไปหน้าตาเฉย
เขาฟังอยู่จริงๆนะเพียงแต่ระหว่างฟังก็คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปด้วยเท่านั้นเอง ตอนนี้เขารู้สึกว่าลูกหมาคนนั้นน่ารักดีเลยเผลอไผลคิดตามไปเท่านั้นเอง
น่าแปลกที่แวบนึงเขาดันคิดไปว่าเจ้าลูกหมาน้อยนั้นคล้ายกับดอกไม้ชนิดนึงที่เขาชอบมากๆในอีกมิติเพราะน่ารักเหมือนกันซะได้
แปลกจริง นี่เขากำลังคิดอะไรอยู่กันละเนี่ย คนกับดอกไม้จะเหมือนกันได้ยังไงกัน
ไอเซลส่ายหัวดิกๆไล่ความคิดประหลาดของตนก่อนจะหันไปหาไอซาวะที่มองตนแล้วขมวดคิ้วใส่อย่างไม่ชอบใจ
ดูเหมือนจะเริ่มอารมณ์ร้อนอีกแล้ว
“เราฟังอยู่จริงๆนะ ที่นายบอกว่าให้ทำให้ดีใช่ไหมละ วันนี้เราทำไม่ดีตรงไหนกัน เราเปล่าเล่นอย่างที่นายว่านะ”
‘แค่ไม่ได้รู้สึกว่าจำเป็นต้องทำเต็มที่เท่านั้นเอง’
ประโยคหลังไอเซลคิดต่อในใจ
ชายวัยราวสามสิบต้นๆมองเด็กตรงหน้าของตนก็ถอนหายใจ เด็กตรงหน้าของเขาดูเหมือนจะไม่มีแม้กระทั้งแรงจูงใจในการใช้ชีวิตด้วยซ้ำ กลับกันเขาดูเหมือนว่าหากต้องเลือกก็คงอยากอยู่ต่อ แต่หากต้องตายก็จะยอมจำนนต่อความตายอย่างง่ายดายเสียอย่างนั้น
ไอซาวะถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างไม่มีทางเลือก ดูเหมือนเด็กตรงหน้าของตนเหมือนจะไม่มีทีท่าว่าจะแสดงพลังออกให้ได้เห็นง่ายๆ เขาคงต้องไปหวังกับการเรียนปฏิบัติของออลไมท์ในวันพรุ่งนี้แทนซะแล้ว
ต่อให้สัญชาตญาณเขาจะบอกว่าเด็กคนนี้ไม่ได้เป็นภัย แต่ว่าเรื่องที่เด็กคนนี้มาปรากฏตัวในอาณาเขตของโรงเรียนUAได้โดยที่ไม่มีแม้แต่เสียงเตือนภัยทั้งที่ระบบรักษาความปลอดภัยยังทำงานปกติ เรื่องนี้นับเป็นเรื่องใหญ่ที่จำเป็นต้องเข้มงวดเพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตกับโรงเรียนUA
“เฮ้อ ถ้างั้นก็กลับห้องได้แล้ว ฉันมีงานต่อ”
“อื้อ”
รับปากที่แปลว่าเดี๋ยวค่อยทำ หลังจากออกมาจากห้องพักอาจารย์ที่ตอนนี้เหลือเพียงแค่อาจารย์ไอซาวะ โชตะ คนเดียวในห้องแห่งนั้นแล้ว ไอเซลก็เลือกที่จะเดินเอ้อระเหยไปตามทางเดินในโรงเรียนแห่งนี้
โรงเรียนUA โรงเรียนที่เป็นอันดันต้นๆในการสร้างเหล่าฮีโร่ระดับท็อปออกมา ฮีโร่ผู้มากความสามารถที่โด่งดังส่วนใหญ่ก็ล้วนจบมาจากที่นี่ โรงเรียนUAแห่งนี้
และตอนนี้เขาก็มาอยู่ที่นี่ แม้จะอยู่ได้ไม่นานแต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจก็คือ ที่นี่มีบุคคลมากมายที่ต่างจากในที่ที่เขาเคยอยู่ เหล่าบุคคลที่มองภาพรวมและตัดสินตามสิ่งที่ตาเห็นและหลักฐานที่มี มากกว่าการเชื่อในเสียงเล่าลือ ความเชื่อ อคติ
แน่นอนว่าคนแบบนั้นในสังคมในจักรวาลแห่งนี้สิ่งมีชีวิตทุกเผ่าพันธุ์ยังไงก็ต้องมีข้อบกพร่อง ตัวคนทุุกคนเองก็เช่นกัน รวมถึงตัวเขาด้วยละนะ
แต่ถ้าเทียบกันที่ที่เขาอยู่ คนแบบแรกหายากยิ่งกว่าอะไรดีเลยละ กลับกันคนแบบหลังดันหาได้ทั่วไปเสียอย่างนั้น และตัวเขาเองก็ดันไม่เคยเจอแบบแรกเลยสักคน จนกระทั่งวันที่เขาตาย
“สวัสดี”
ไอเซลกล่าวทักทายต้นซากุระต้นเดียวที่ถูกปลูกไว้ลำพังกลางโรงเรียนแห่งนี้ เป็นต้นซากุระที่คอยส่องประกายงดงามยามวิกาลเพียงต้นเดียวในบริเวรแห่งนี้อย่างโดดเดี่ยว
หนึ่งในความสามารถของเอลฟ์ผู้ถูกเลือกคือสามารถสัมผัสและเข้าใจธรรมชาติได้โดยสัญชาตญาณว่าเหล่าพืชพรรณรู้สึกอย่างไรกระแสลมกำลังบอกอะไรสายน้ำ เปลวไฟ ท้องฟ้า หรืออะไรต่างๆในธรรมชาติ
หนึ่งในเหตุผลที่เผ่าเอลฟ์ต่างรังเกียจตัวตนของเขายิ่งกว่าอะไรนั้นก็เพราะสายเลือดโสโครกอีกครึ่งหนึ่งที่เขามีแต่ดันได้รับเลือกจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ให้เป็นผู้ถูกเลือก
เป็นเอลฟ์บริสุทธิ์ที่ควรค่าแก่การรับจิตวิญญาณมาไว้ในครอบครอง
เขาไม่เคยเข้าใจว่าทำไมตัวเขาถึงได้ถูกเลือก ไม่เคยเข้าใจว่าทำไมตัวเขาที่ไม่สามารถเลือกอะไรได้เลยถึงเป็นคนผิด ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้คนต้องลงอารมณ์ด้านลบใส่เขา โทษทุกอย่างว่าตัวเขานั้นผิดแม้แต่ในตอนที่เขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวผิดหวังในชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นเสียด้วยซ้ำ
“เรามาเยี่ยม”
นิ้วเรียวของไอเซลลูบไปมาที่ลำต้นของต้นซากุระก่อนจะเขยิบเข้าไปโอบกอดเอาไว้อย่างแผ่วเบา
ไอเซลรับรู้ได้ว่าต้นซากุระต้นนี้กำลังป่วย และคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน เมื่อไหร่ที่กลีบดอกซากุระร่วงโรยจนหมดต้น เมื่อนั้นคงถึงเวลาที่จะต้องจากไปแล้ว
ธรรมชาติล้วนมีชีวิต นั้นคือความจริง และอาจจะเพราะแม้จะไม่สามารถพูดคุยกันได้แต่เขาก็รับรู้และเข้าใจได้ว่าธรรมชาติต้องการและรู้สึกอย่างไร
ตอนนี้สายลมยามวิกาลกำลังปลอบโยนตัวเขาอย่างเช่นที่ผ่านมา และต้นซากุระเองก็กำลังปลอบโยนไม่ให้เขาเศร้าที่ต้องจากไป
ซากุระต้นนี้กำลังติดเชื้อไวรัส CLRV เป็นไวรัสที่ไม่มีทางรักษาโดยตรงมีแต่ต้องกำจัดทิ้งทั้งต้นเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัส
เป็นไวรัสที่แม้จะไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ แต่กับพืชตระกูลเชอร์รี่รวมถึงซากุระแล้วนั้น ถือเป็นอันตรายร้ายแรงเลยทีเดียว
และเพราะแบบนั้นในวันพรุ่งนี้ต้นซากุระต้นนี้จะถูกถอนรากถอนโคนออกไปเพื่อนำต้นใหม่มาแทนที่
ตั้งแต่เขามาอยู่ที่นี่ในสิ่งที่เรียกว่าโลกในที่ที่เรียกว่าประเทศญี่ปุ่น เขาก็มีต้นซากุระต้นนี้คอยอยู่เป็นเพื่อนเขามาตลอด
แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ไม่นานในความเป็นจริงแต่สำหรับความรู้สึกของเขานั่นมันกลับรู้สึกว่ายาวนานมากเหลือเกินที่ได้เคียงข้างกัน
“ถ้าบอกว่าไม่เสียใจเลยก็คงเป็นการโกหก แต่ไม่ต้องห่วงเราหรอก เราไม่เป็นไร”
ใช่แล้ว เขาไม่เป็นไรจริงๆ และจะต้องไม่เป็นไร
ไอเซลนั่งพิงต้นซากุระและพูดคุยอยู่นานจนสุุดท้ายก็ผล่อยหลับไป ก่อนที่จะรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกครั้งที่ห้องพักของตัวเองในตอนเช้า
ก่อนจะได้สงสัยอะไรเขาก็เหลือไปเห็นกระดาษโน๊ตบนโต๊ะข้างหัวเตียงที่คนเขียนคือไอซาวะ โชตะ ที่เขาคุยด้วยเป็นคนสุดท้ายเมื่อคืนเขียนเอาไว้
•บอกให้กลับห้องไม่ได้บอกให้ไปนอนหลับพิงต้นไม้•
ข้อความสั้นๆที่เขียนด้วยลายมือเหมือนเร่งรีบเลยตวัดมั่วจนแทนอ่านไม่ออก แต่ก็ทำให้ไอเซลขำออกมาเบาๆได้เป็นครั้งแรกในยามเช้า
เหมือนจะดุ เหมือนจะไม่สนใจ เหมือนจะรำคาญ แต่ก็เป็นคนที่คอยช่วยเหลือตัวเขาในเรื่องต่างๆเสมอ แม้แต่เรื่องนี้เองก็เช่นกัน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเผลอหลับข้างต้นไม้ และไม่ใช่ครั้งแรกที่ไอซาวะโชตะพาเขาที่หลับอยู่มาส่งที่ห้องถึงเตียงนอนเขาก่อนจะออกไป
ก็นะ ช่วงแรกๆก็ปลุกให้กลับเองแหละแต่หลังๆเหมือนจะปลงแล้วละมั้ง ฮ่าๆ รบกวนนายแล้วแมวหน้าบูด
เป็นเวลากว่าชั่วโมงครึ่งกว่าที่ไอเซลจะจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยและออกเดินทานเพื่อเริ่มวันใหม่ในห้องเรียน
“หมาน้อยจะสบายดีไหมนะ”
1ความคิดเห็น