คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ปลดปล่อย
เวธิกากับเพื่อนหาทางกลับมาถึงโรงแรมที่พักในตัวเมืองจนได้ เป็นเวลาจวนจะใกล้ค่ำแล้ว หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและหาอะไรใส่ท้องจนเต็ม สองสาวก็หมดแรงนอนกองรวมกันบนเตียงกว้าง หลับไปนานจนถึงตอนสายของอีกวัน มารู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูจากพนักงานสาวที่มาดูแลห้องพัก
หญิงสาวลุกขึ้นอาบน้ำ แต่งตัว ใบหน้าแช่มชื่นเมื่อได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ วันนี้พวกหล่อนมีแผนการท่องเที่ยวที่หมู่บ้านใกล้ๆ เนื่องจากมีการจัดงานบุญประจำปี มีการแสดงมีการละเล่นของชาวท้องถิ่น เวธิกากับศิรดารู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก สองสาวออกเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางซึ่งนั่งได้เต็มที่ราวสิบสองคน โดยแบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งละหกคน หล่อนสวมชุดเดรสสายเดี่ยวสีขาวสั้นเลยเข่ามานิดหน่อย กระโปรงปล่อยชายบานเล็กน้อย อวดช่วงขาเรียวยาว สวมเสื้อแจ็กเก็ตยีนส์แขนยาวสีอ่อนทับอีกชั้น สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว ส่วนศิรดา สวมชุดเดรสสีฟ้าแบบคล้ายกันความยาวเลยเข่ามาเล็กน้อย สวมทับด้วยแจ็กเก็ตยีนส์สีเข้มแขนสั้นมีรอยขาดๆ ตามแฟชั่นนิยม สวมรองเท้าผ้าใบสียีนส์เข้าชุด ทั้งสองจงใจเลือกชุดให้เข้ากัน เดินด้วยกันราวกับหลุดออกมาจากนิตยสารแฟชั่นชื่อดัง เดินไปทางไหนก็มีแต่คนมองจนเหลียวหลังเพราะความโดดเด่น
รถโดยสารวิ่งผ่านถนนสองข้างทาง สภาพบ้านเรือนส่วนใหญ่ทำจากไม้ยกพื้นสูง ชาวบ้านที่นี่ยังมีวิถีชีวิตเรียบง่าย มีรายได้จากการเกษตรปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ทำสวน เพราะที่นี่มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติหลายแห่งจึงถูกบุกเบิกและพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ เมื่อเริ่มออกสู่เส้นทางหมู่บ้านฟ้าคำรณ สองช้างทางเริ่มเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ที่นี่อยู่ลึกเข้าไปจากถนนสายหลักค่อนข้างมาก แถมเส้นทางยังคดเคี้ยวเหมาะสำหรับคนชอบการผจญภัยอย่างสองสาวมาก
ในที่สุดก็มาถึงสถานที่จัดงาน ตรงซุ้มปากทางเข้ามีป้ายใหญ่ถูกจัดตกแต่งอย่างสวยงาม เขียนข้อความตัวโตต้อนรับ การมาเยือนของนักท่องเที่ยวทั้งในพื้นที่และต่างถิ่น มีผู้คนเริ่มทะยอยกันมาแล้ว เวธิกากับศิรดากระโดดลงจากรถอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะเดินไปล้วงเศษเหรียญให้คนขับเป็นค่าโดยสาร สะพายกระเป๋าใบเล็กใส่สิ่งของจำเป็นไว้ด้านหน้าให้กระชับ เพราะคนมากต้องปลอดภัยไว้ก่อน การเดินในที่คนเยอะขนาดนี้ต้องระวังทรัพย์สินส่วนตัวให้ดี เพราะอาจมีมิจฉาชีพแฝงตัวอยู่ก็ได้
“หาอะไรกินกันก่อนดีมั้ย?” ศิรดาออกความเห็น เวธิกาพยักหน้าเห็นด้วยเพราะก่อนออกมาได้กินขนมกับกาแฟรองท้องมาคนละถ้วยเท่านั้น ตอนนี้สายมากแล้ว ท้องไส้มันเริ่มโอดครวญให้ได้ยินแล้ว กินก่อนจะได้มีแรงเดินเที่ยวให้ทั่ว สองสาวเลือกได้ร้านขายอาหารท้องถิ่นร้านหนึ่งการจัดร้านดูสะอาดสะอ้านเป็นสัดส่วน พวกหล่อนนั่งลงตรงมุมด้านหน้าของร้านที่มองออกไปเห็นเวทีใหญ่ ที่จัดไว้สำหรับงานแสดงคืนนี้ น่าจะมีการประกวดร้องเพลง หรือไม่ก็เป็นการแสดงให้ความบันเทิงกับผู้คนที่มาเที่ยวงาน คนเริ่มหนาตาขึ้นเรื่อยๆ เก้าอี้ภายในร้านเพียงครู่เดียวก็ถูกจับจองจนเต็ม หลังจากกินอิ่มก็เดินเที่ยวกันต่อ สองสาวเห็นร้านขนมแปลกตาที่ดูน่ากินก็แวะชิมและซื้อติดมือมาแทบทุกร้าน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นศิรดามากกว่าที่เป็นคนลากเพื่อนรักไปทางโน้นทีทางนี้ที เพราะสังเกตุเห็นเพื่อนจะเหม่อลอยอยู่บ่อยครั้ง
“แกรอที่นี่ก่อน เดี๋ยวฉันจะไปซื้อนำ้ที่ร้านโน่นก่อน เดี๋ยวมา อย่าไปไหนล่ะ!”
“ได้” ศิรดาเดินย้อนกลับไปทางเดิม เพราะจะกลับไปซื้อน้ำจากร้านที่เพิ่งเดินผ่านมา ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก เวธิการับปาก ยืนแกร่วรอเพื่อนอยู่ก็เดินดูอะไรไปเรื่อย ฆ่าเวลา จนมาพบร้านหนึ่งเข้า มีขวดโหลขนาดใหญ่วางอยู่หลายขวด ในนั้นมีน้ำสีอำพัน ระดับสีอ่อนเข้มแตกต่างกัน เขียนชื่อแปะไว้ด้านหน้าอย่างเด่นชัด ‘กำลังเสือโคร่ง’ ‘ม้ากระทืบโลง’ ‘โด่มิรู้ล้ม’ ‘กำลังช้างสาร’ ‘สาวสะดุ้ง’…หญิงสาวอ่านชื่อบนขวดโหลนั้นไปเรื่อย โดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา หล่อนพาตัวเองไปนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวสูงนั่น วางกระเป๋าสะพายไว้บนเคาน์เตอร์ ก่อนจะสั่งเหล้าสูตรแรงมาหนึ่งจอก ชายวัยกลางคนยิ้มรับ บริการให้อย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตาเหล้าที่สั่งถูกวางไว้ตรงหน้าเรียบร้อย
“ได้แล้วน้องสาว อย่าดื่มเยอะนา ระวังจะหัวคะมำเอา!” เจ้าของร้านยังมีแก่ใจเตือนด้วยความเป็นห่วง คงเห็นหล่อนเป็นผู้หญิง มานั่งกินเหล้าอยู่คนเดียวอย่างนี้ มันไม่เหมาะกระมัง แต่หล่อนก็ไม่ได้มาคนเดียวนี่นา เดี๋ยวยัยลูกศรก็จะเดินมาทางนี้แล้ว ถ้าหล่อนเมา ก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเพื่อนรักหล่อนก็ต้องแบกหล่อนกลับไปจนได้แหละน่า
ตะวันลาลับขอบฟ้าไปแล้ว แสงสีเสียงบริเวณงานเริ่มประโคมดังกระหึ่มไปทั่ว เสียงดำเนินรายการบนเวทีการแสดงของพิธีกรประจำงานเรียกความสนใจของนักท่องเที่ยวในบริเวณงานได้เป็นอย่างดี บริเวณงานคลาคล่ำไปด้วยผู้คนทุกเพศวัย
ด้านหน้าจะมีรถโดยสารวิ่งรับส่งคนภายในงานจนถึงดึกดื่น สองสาวจึงตั้งใจจะอยู่เดินเที่ยวให้นานหน่อย อาจเป็นเพราะร้านที่เวธิกานั่งอยู่ต้องเดินเข้ามาอีกนิด และตรงทางเดินมีผู้คนหนาตาจึงทำให้ศิรดาซึ่งสอดส่ายสายตามองหาเท่าไหร่ก็หาเพื่อนไม่เจอ อีกทั้งเวธิกาก็กำลังนั่งหันหลัง พุ่งความมสนใจอยู่แต่แก้วเล็กในมือ เหล้ายาดองจอกนี้มีกลิ่นหอมเย้ายวน รสแรง บาดคอ แค่เพียงเป็กแรกที่กระดกผ่านลำคอเข้าไปถึงกับรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว เวธิกาดื่มน้ำใบเตย ตามด้วยมะยมดองที่วางไว้แกล้มกัน เพราะความทุกข์ที่อยู่ภายในใจทำให้หล่อนสั่งจอกต่อไปแบบไม่รั้งรอ คิดแค่ว่าขอแค่ให้ลืมความทุกข์ในใจได้ชั่วขณะก็พอ หลายจอกผ่านไปสมองเริ่มพร่าเลือน เริ่มพูดคนเดียว ไม่รู้ตัวหรอกว่าหล่อนได้ระบายความอั้นอัดออกมามากมายเพียงใด ชายวัยกลางคนมองหล่อนอย่างเข้าใจ คนดีๆถ้าไม่มีความทุกข์ ไฉนเลยจะมาใช้เหล้าเป็นที่ระบาย เขาเห็นมาเยอะ บางคนก็เพื่อมาหาความสำราญ แต่กรณีของหล่อนน่าจะใช้เหล้าเพื่อปลดปล่อยความทุกข์ในใจมากกว่า
เพราะรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของหล่อนทำให้เป็นที่สะดุดตาของลูกค้าชายหลายคนภายในร้าน สายตาหลายคู่มองมาอย่างไม่น่าไว้ใจ
“พอแล้วๆ ดื่มเยอะไปไม่ดี” เจ้าของร้านวัยกลางคนท่าทางใจดี เลื่อนแก้วใบเล็กออกห่างเมื่อลูกค้าสาวออกปากสั่งเหล้าเพิ่มอีก ไม่มีทีท่าจะหยุด หล่อนเริ่มเมาแล้ว มีอาการโงนเงนทรงตัวไม่มั่นคง
“ทำไมอ่ะ?...พี่ หนู..มีเงินจ่ายนะ!!” ร่างบางตั้งท่าจะล้วงเงินออกมาจากกระเป๋าสะพายส่วนตัว ดูวุ่นวายไปหมด หาอยู่นานก็หาไม่เจอสักที ทั้งที่กระเป๋าก็ใบเท่านั้น
“ไม่ใช่อย่างนั้น แต่น้องสาวเมามากแล้ว ถ้าขืนกินเข้าไปอีกเกรงว่าจะหาทางกลับบ้านไม่เจอน่ะสิ พอแล้ว พอแล้ว เหล้าพวกนี้ดื่มเยอะไปมันก็ไม่ช่วยอะไร ดีไม่ดีจะแย่เอา”
“ทำมาย..จะไม่ดีล่ะพี่? เหล้านี่อย่างน้อย มันก็ทำให้ชีวิตตอนนี้ของหนูมีความสุขขึ้น เอามาๆ ฉลองให้กับอิสรภาพที่เหลือในวันนี้ของหนูหน่อย” เวธิกาล้วงธนบัตรใบละร้อยออกมา3ใบจนได้ วางไว้ตรงหน้าเจ้าของร้านยาดอง แต่อีกฝ่ายรับไว้เพียงใบเดียวที่เหลือคืนกลับให้หล่อน
ความคิดเห็น