ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Reborn] Flawless X95

    ลำดับตอนที่ #4 : Other side of fear

    • อัปเดตล่าสุด 30 ก.ย. 64


    Chapter 4

     

    Everything you’ve ever wanted is on the other side of fear.

    (ทุกสิ่งที่เธอปรารถนา ล้วนอยู่อีกฟากของความกลัว)

     

     

    หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ร่างเล็กของ ‘ซาซางาวะ เคียวโกะ’ ก็รีบมุ่งกลับห้องพักแทบจะทันที เธอปิดประตูห้องนอนของเธอลงก่อนจะเดินไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียงหลังใหญ่ ร่างเล็กนอนคว่ำด้วยความเหน็ดเหนื่อยจากเหตุการณ์ก่อนหน้า เปลือกตาหลับลงเพื่อให้หัวใจที่เต้นอย่างหนักสงบลงบ้าง

     

    เธอหายใจเข้าออกช้าๆ ภายใต้ทรวงอกที่เต้นอย่างบ้าคลั่ง สถานการณ์เมื่อครู่ที่ทดสอบจิตใจเธออย่างหนัก คำพูดและบรรยากาศที่ทุกคนทำราวกับว่าเธอเป็นของเล่นในกำมือของพวกเขา

     

    ที่นี่ดูเหมือนจะไม่ต้อนรับเธอเท่าที่คิด...

     

    เธอลืมตาขึ้นมาช้าๆ แหวนที่สะท้อนระยิบระยับบนมือเรียวที่วางอยู่ข้างใบหน้าเล็ก ดวงตาสีอำพันจ้องแสงสะท้อนนั้นด้วยสายตาอ่อนล้า ในหัวพลันนึกถึงคำพูดของชายหนุ่มเจ้าของแหวนวงนั้น คำพูดที่บอกกับเธอว่าต่อให้แต่งงานแล้วเธอไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องภายในแฟมิลี่พวกนี้หรอก เพราะทั้งเขาและผู้พิทักษ์ทั้งหมดจะเป็นคนดูแลเธออยู่แล้ว เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องใดๆ

     

    ตอนแรกเธอเองก็ตั้งใจจะถามเพิ่มอีกหน่อย เพราะในฐานะภรรยาของวองโกเล่รุ่นที่สิบเธอก็ควรจะรู้สถานการณ์ภายในบ้าง แต่คำพูดที่ยังยืนยันคำเดิมของสึนะโยชิทำให้เธอเลือกที่จะไม่ถามต่อ เขาจะได้ไม่ต้องลำบากใจไปมากกว่านี้

     

    สุดท้ายแล้วการที่เธอเลือกจะไม่ถามต่อก็ย้อนมาทำร้ายเธอเอง สถานการณ์ภายในวาเรียตอนนี้ที่เธอไม่รู้แม้แต่น้อย แค่การพยายามสังเกตท่าทีของสมาชิกแต่ละคนก็ใช้พลังงานอย่างมากแล้ว ซ้ำร้ายคนพวกนั้นยังปั่นหัวเธอเล่นอีกด้วย เธอตัวคนเดียวในปราสาทที่ให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวขนาดนี้ ไม่มีใครที่ทำตัวเป็นมิตรกับเธอเลย สถานการณ์ทั้งหมดบีบบังคับให้เธอต้องพึ่งพาตัวเองอยู่ดี

     

    ‘รู้แบบนี้น่าจะถามไว้หน่อย…’

     

    สาวน้อยบ่นกับตัวเองในใจ ความประมาทที่ทำให้เธอตกอยู่ในสถานการณ์น่าอึดอัดใจแบบนี้ ในสมองพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์และความคิดต่างๆ ในห้องอาหารวันนี้มีคนอยู่ทั้งหมด 5 คน โดยปกติแล้วผู้พิทักษ์รวมกับหัวหน้าใหญ่ต้องมี 7 คน เธอพอจะจำได้ลางๆว่าผู้พิทักษ์แห่งเมฆาในตอนนั้นเป็นหุ่นยนต์ที่ถูกทำลายไปแล้ว แต่อีกคนที่หายไปเธอนึกไม่ออกว่าคือใครกัน ไม่คุ้นเลยแม้แต่น้อย เอาเข้าจริงนับจากเหตุการณ์ศึกชิงแหวนมามันก็ผ่านมาตั้ง 7 ปีแล้ว นานขนาดนั้นจะนึกไม่ออกก็คงไม่แปลกหรอก

     

    คู่หมั้นของเธอก็ไม่เคยเล่าถึงเหตุการณ์นั้นให้เธอฟังด้วย ตามจริงแล้วเขาไม่เคยเล่าอะไรให้เธอฟังเลย แต่เธอไม่โทษเขาหรอกนะ เธอเข้าใจในความหวังดีของเขาที่อยากปกป้องดูแลเธอ พี่ชายเธอเองก็ไม่เคยเล่าให้ฟัง พวกเขามักจะดูแลเธอราวกับไข่ในหินอยู่เสมอ

     

    เอาเถอะ... อย่างน้อยก็ยังมีพ่อบ้านที่วางตัวกลางๆกับเธออยู่คนหนึ่ง เรื่องของคนอื่นเดี๋ยวค่อยๆจัดการไปละกัน เธอคงจะหาทางเอาตัวรอดได้อยู่แหละ อย่างน้อยเมื่อสักครู่ในห้องอาหารเธอก็รอดมาได้โดยไม่โดนปั่นหัวจนแทบเสียสติล่ะนะ

     

    ร่างเล็กที่ถูกสูบพลังงานไปจนหมดหลับตาลงอีกครั้งเพื่อพักผ่อนจากความเหน็ดเหนื่อยภายในใจ

     

     

    ------------------------------------------

     

     

    เปลือกตาของร่างบางค่อยๆลืมขึ้น ภายในห้องที่มืดสนิท แสงจันทร์จากภายนอกส่องลอดผ่านม่านโปร่งเข้ามา มือเล็กค่อยๆยันร่างกายของตัวเองขึ้นช้าๆ แววตาพยายามจับจ้องไปที่นาฬิกาที่ประดับอยู่บนกำแพง เข็มสั้นชี้อยู่ระหว่างเลขสิบและสิบเอ็ด เข็มยาวชี้ไปที่เลขหก

     

    ‘สี่ทุ่มแล้วหรอ…’

     

    สาวน้อยเจ้าของใบหน้างดงามไม่มีที่ติค่อยๆลุกขึ้น ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องอาบน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย ภายในห้องอาบน้ำที่กว้างพอๆกับห้องนอน มือเล็กเอื้อมไปเปิดโคมไฟภายในห้องอาบน้ำ แสงสว่างทำให้เธอมองเห็นการตกแต่งภายในทั้งหมด ผนังที่ถูกประดับด้วยหินอ่อนอย่างดี อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่อยู่กลางห้อง ความหรูหราที่ทั้งชีวิตนี้เธอไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

     

    ถึงแม้บรรยากาศภายในจะหรูหราน่าตื่นตาเพียงใด ก็ไม่อาจดึงความสนใจของสาวน้อยที่ถูกสูบพลังชีวิตจากเหตุการณ์เมื่อช่วงเย็นไปได้ ร่างเล็กค่อยๆเปลื้องอาภรณ์บนร่างออก ผิวขาวเนียนที่สะท้อนกับแสงสีเหลืองจากโคมไฟหรูหรา ขาเรียวค่อยๆก้าวเข้าไปในอ่างอาบน้ำก่อนจะเปิดให้น้ำอุ่นไหลลงมาเติมเต็ม ระดับน้ำค่อยๆสูงขึ้นก่อนจะท่วมร่างกายของเธอทั้งหมด แขนเล็กสองข้างกอดเข่าที่ชันอยู่ ความเหนื่อยล้าที่ถูกชำระออกไปบ้างจากอุณหภูมิของน้ำที่ผ่อนคลายกำลังดี

     

    เคียวโกะนั่งแช่อยู่ในอ่างน้ำนั้นเนิ่นนาน จนอุณหภูมิของน้ำเริ่มเย็นลง อากาศเย็นของเดือนตุลาคมสัมผัสกับผิวเนียนบนใบหน้า หยดน้ำที่เกาะอยู่บนผิวทำให้ร่างเล็กรู้สึกหนาวขึ้นมา นั่นทำให้เธอยอมลุกขึ้นในที่สุด ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดสำหรับเตรียมเข้านอน

     

    ขาเรียวเดินไปที่เตียงนอนหลังใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง ดวงตาจ้องมองเข็มนาฬิกาที่เดินวนไปอย่างช้าๆ เข็มสั้นชี้ที่เลขสิบเอ็ดแล้ว บ่งบอกว่าเป็นเวลาห้าทุ่ม เธอพยายามข่มตานอนแต่ดูเหมือนว่าความคิดในหัวจะไม่ยอมให้เธอหลับง่ายๆ

     

    ภาพของสึนะโยชิที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลพร้อมสายระโยงระยางต่างๆ ภาพของบรรยากาศในห้องอาหารช่วงเย็น และภาพของแววตาสีแดงเพลิงที่จ้องมองเธออย่างกินเลือดกินเนื้อนั้น

     

    ภายในใจรู้สึกโหวงขึ้นทันทีเมื่อคิดถึงดวงตาน่ากลัวคู่นั้น ความง่วงที่น้อยนิดอยู่แล้วหายไปกับอากาศทันที เธอลุกขึ้นนั่งก่อนจะห้อยขาลงข้างเตียง ภายในใจเต้นถี่รัวจากความตื่นกลัว

     

    ‘ลืมไปเลยว่าเขาคนนั้นก็อยู่ที่นี่ด้วย…’

     

    เมื่อเย็นเธอเอาแต่กังวลถึงสมาชิกคนอื่นภายในวาเรีย จนเกือบลืมไปแล้วว่าคนที่น่ากลัวจริงๆไม่ใช่คนที่ปั่นหัวเธอเลยสักนิด แต่เป็นบอสใหญ่ของวาเรียต่างหาก

     

    ‘ซันซัส’

     

    ชายที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดร้ายอย่างที่สุด เส้นผมสีดำยิ่งกว่ารัตติกาลนั้น แววตาที่แดงฉานยิ่งกว่าโลหิตของศัตรู ความน่ากลัวที่เป็นที่เลื่องลือไปทั่ว

     

    อากาศเย็นที่กระทบกับผิวทำให้ความหนาวเหน็บภายในใจทวีคูณเป็นเท่าตัว ดูท่าว่าการเอาตัวรอดในปราสาทแห่งนี้อาจจะยากกว่าที่เธอประเมินไว้ในตอนแรกเสียแล้ว

     

    ‘ไปสำรวจในปราสาทหน่อยดีไหมนะ…’

     

    ไหนๆก็นอนไม่หลับอยู่แล้ว การเดินสำรวจลาดเลาไว้ก่อนคงไม่แย่มาก ยิ่งช่วงกลางคืนคนอื่นๆน่าจะนอนหลับหมดแล้วด้วย คิดดังนั้นร่างเล็กจึงลุกขึ้นก่อนจะเดินไปเปิดแง้มประตูออก แววตาสังเกตรอบๆ ไม่มีวี่แววของผู้คน ประตูบานใหญ่ที่อยู่ตรงข้ามกับเธอก็ปิดสนิท ไม่มีเสียงใดๆลอดออกมา

     

    เธอเปิดประตูช้าๆให้เกิดเสียงน้อยที่สุด เท้าก้าวเบาๆไม่ให้เกิดเสียงก่อนจะปิดประตูลงช้าๆ หัวใจที่เต้นถี่รัวด้วยความตื่นตระหนก สาวน้อยพยายามหายใจเข้าออกลึกๆเพื่อควบคุมความตื่นเต้นนั้น

     

    ชั้นที่เธออยู่คือชั้น 3 ของปราสาท ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีทั้งหมด 3 ชั้นด้วยกัน บริเวณที่เธออยู่มีห้องนอนของเธอ ข้างๆเป็นห้องนอนที่ถูกจัดไว้สำหรับเบียงกี้ ส่วนห้องตรงข้ามเธอนั้นเป็นห้องของซันซัส ทางเดินที่ทอดยาวออกไป ฝั่งขวาของห้องเธอเป็นบานกระจกใหญ่ เธอสามารถมองเห็นทิวทัศน์ยามค่ำคืนได้ชัดเจน แสดงว่าห้องของเธออยู่สุดทางแล้วสินะ

     

    ทางเดินที่ทอดยาวอยู่ฝั่งซ้ายของห้องเธอ ทอดไปยังบันไดวนขนาดใหญ่ที่เธอเดินขึ้นมาในตอนแรก เลยจากบันไดวนนั้นไปเป็นทางเดินทอดยาวต่อไปอีก ดูเหมือนว่าฝั่งที่เธออยู่จะเป็นปีกหนึ่งของปราสาท ส่วนบันไดน่าจะอยู่บริเวณแนวกลางของตัวปราสาท แสดงว่าอีกฝั่งหนึ่งน่าจะมีห้องอื่นๆอยู่ด้วย

     

    คิดดังนั้นร่างเล็กจึงเดินไปตามทางทอดยาว ผ่านโถงบันไดไปยังอีกฟากของปราสาทในชั้นเดียวกัน การตกแต่งบริเวณทางเดินหรูหราไม่ต่างจากบริเวณอื่น แววตาสีอำพันสะดุดเข้ากับซุ้มประตูโค้งฝั่งขวา ถ้าคำนวณจากทิศทางแล้วประตูโค้งฝั่งนี้น่าจะเป็นฝั่งเดียวกับห้องของบอสใหญ่แห่งวาเรีย แนวกำแพงที่ยังบดบังทำให้เธอไม่เห็นว่าภายในห้องนั้นเป็นอะไร

     

    ขาเรียวก้าวไปอย่างเงียบเชียบจนในที่สุดก็หยุดอยู่เบื้องหน้าซุ้มประตูโค้ง ภายในเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ ชั้นหนังสือไม้ที่ถูกแกะสลักอย่างดี โซฟากลางห้องที่ดูหรูหรา แนวของหน้าต่างบานใหญ่ที่เรียงรายทำให้มองเห็นทิวทัศน์ข้างนอก ระเบียงที่ยื่นออกไปต่อจากแนวของหน้าต่างอีกที เคียวโกะจินตนาการตามว่าในช่วงเวลากลางวันห้องสมุดแห่งนี้น่าจะบรรยากาศดีมากแน่ๆ แสงอ่อนๆที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาช่างเหมาะแก่การอ่านหนังสือเหลือเกิน

     

    ดูท่าเธอจะเจอขุมทรัพย์ในปราสาทแห่งนี้เข้าแล้ว แบบนี้จะได้มีอะไรทำฆ่าเวลาหน่อย

     

    สาวน้อยนึกสงสัยว่าทิวทัศน์นอกหน้าต่างนั้นเป็นแบบไหน เธอจึงเดินไปบริเวณแนวหน้าต่าง ดวงตาสีอำพันจ้องมองไปยังทิวทัศน์เบื้องล่าง สวนขนาดใหญ่ที่ถูกจัดแต่งอย่างดีราวกับสวนในปราสาทเทพนิยายที่เธอเคยอ่านสมัยเด็กๆ ไกลออกไปไม่มากเป็นเวิ้งทะเลกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ดูท่าว่าฝั่งนี้ของตัวปราสาทจะติดแนวทะเลสินะ

     

    ระเบียงที่ทอดยาวอยู่นอกแนวหน้าต่างทำให้เธอรู้ว่าต้องมีประตูเปิดออกไปได้ โดยปกติระเบียงพวกนี้ทำไว้สำหรับให้นั่งพักผ่อนหย่อนใจ ร่างเล็กเดินไปตามแนวหน้าต่างบานใหญ่ก่อนจะเจอประตูที่เปิดออกไปสู่ระเบียงเบื้องหน้าได้

     

    ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก ลมเย็นก็ปะทะเข้ากับใบหน้าเธอทันที ชุดนอนที่ไม่หนาไม่บางเกินไปยังพอให้ความอบอุ่นกับร่างเล็กได้อยู่บ้าง ทิวทัศน์ที่เธอมองเห็นผ่านกระจกเทียบไม่ได้กับทิวทัศน์เบื้องหน้าที่เธอเห็นในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย ทะเลยามค่ำคืนที่สะท้อนกับดวงดาวบนฟากฟ้า แนวต้นไม้และหญ้าสีเขียวเบื้องล่าง ลมเย็นที่พัดเข้ามากระทบกับผิว บรรยากาศยามค่ำคืนที่สวยงามเบื้องหน้า

     

    “ใคร!”

     

    เสียงแข็งกร้าวจากอีกฟากของระเบียงดังขึ้น ความหนาวจับขั้วหัวใจของเธอทันที เสียงที่เธอไม่อยากได้ยินที่สุดในตอนนี้ หัวใจของสาวน้อยหล่นลงไปกองกับพื้นทันที

     

    ดูเหมือนเธอจะลืมไปว่าระเบียงนี้ทอดยาวตั้งแต่แนวห้องสมุดไปจนถึงห้องนอนของซันซัส

     

    ดูท่าครั้งนี้เธอจะเอาตัวไม่รอดแล้วล่ะ...

                

     

    ------------------------------------------

    ------------------------------------------

     

     

    30 ก.ย. 2564

    มาอัพต่อแล้วค่ะ เป็นยังไงติชมได้เลยนะคะ มีตอนถัดไปอีกตอนด้วยนะคะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×